วัยรุ่นหิมพานต์
เขียนโดย โชจัง
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.15 น.
แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม”
แม้ตลอดระยะเวลาอันแสนยาวนานนี้ ฝีมือและไหวพริบอันเฉียบแหลมของเอ็กซ์ จะช่วยให้เขาสามารถรอดพ้นจากแทบทุกการโจมตีของคู่ต่อสู้ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไวราวกับมีญาณวิเศษ หากแต่สุดท้ายแล้ว เหนือฟ้าก็ยังมีฟ้า ด้วยแรงใจอันมุ่งมั่นและไม่ยอมแพ้ของกัน นี่ดูจะเป็นครั้งแรกจริงๆ นี่แหละ ที่เขาจะได้รับรู้และเข้าใจความหมายของคำว่า “ความเจ็บปวด” อย่างถึงแก่น
พื้นรองเท้านักเรียนเบอร์ ๔๖ ที่แนบอยู่บนใบหน้าอันหล่อเหลาราวกับตราประทับ กำลังส่งแรงถีบอันทรงพลังเหลือคณานับจากขาของกัน ผู้ใช้พลังลมพายุเชี่ยวกรากจากฝ่ามือทั้งสองข้าง ส่งลูกถีบคู่นี้จากฟากนภาสูงลงมากระแทกแก้มซ้ายของคู่ต่อสู้เต็มๆ ผลลัพธ์จากทั้งแรงโน้มถ่วงกว่า ๑๐ ม. แรงลมมหาศาลจากพรวิเศษ รวมถึงแรงถีบจากกล้ามเนื้ออันแข็งแกร่ง คือความเสียหายเต็มๆ ที่สามารถสร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้แก่เทพบุตรผู้ทระนงตนคนนี้ ได้รับรู้อย่างถ่องแท้เลยทีเดียว
“ฟ้าวววววววววววววววว”
๑๐ ม. คือระยะทางคร่าวๆ ที่เอ็กซ์กระเด็นลอยออกไปด้วยลูกถีบของกัน ขณะเดียวกับที่ละอองแสงสีม่วงจำนวนนับล้าน ก็ถึงคราต้องหลุดลอยออกจากร่างไปพร้อมๆ กันจนมลายสิ้นในทันที ร่างของเขาตกลงมากระแทกพื้นหญ้าเบื้องล่าง ก่อนจะกลิ้งไถลคลุกขี้ดินออกไปอีกประมาณเกือบๆ ๕ ม. จนมาหยุดอยู่ในสภาพนอนคว่ำหน้าอยู่กับพื้นอย่างน่าอดสู เรียกได้ว่า สร้างความสะเทือนใจให้แก่เหล่าแฟนคลับนับสิบบนอัฒจันทร์ได้ไม่น้อยเลย
“ครืดดดดดดดดดดด........”
ขณะเดียวกัน แม้จะสามารถจัดการคู่ต่อสู้ได้สำเร็จแล้วก็ตามที หากแต่ด้วยอำนาจอันรุนแรงของเหมันตพร ร่างของกันกลับยังคงพุ่งถลาลงมาเรื่อยๆ จนเมื่อลงมาถึงพื้นหญ้า ลิงขาวจึงจำต้องหยุดปล่อยพลังลมออกจากฝ่ามือแต่เพียงเท่านี้ หมุนเอวพร้อมตั้งสองเท้าในแนวขวาง เพื่อเพิ่มพื้นที่หน้าตัดในการสร้างแรงเสียดทาน เป็นเหตุให้ร่างของลิงขาวลื่นไถลไปกับพื้นหญ้าด้วยความเร็วที่ชะลอลงเรื่อยๆ ก่อนจะสามารถหยุดร่างมาอยู่เบื้องหน้าเอ็กซ์ได้ภายในไม่กี่วินาทีเท่านั้น
“แฮ่กๆๆๆๆๆๆ”
กระนั้นก็ตาม ผลข้างเคียงจากการปะทะกับคู่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่งเมื่อครู่ก็ถึงคราวแสดงออกมาเสียที เมื่อสิ่งแรกและสิ่งเดียวที่เขาทำหลังจากลงมายืนหยัดกับพื้น มีเพียงการหอบหายใจถี่ๆ พร้อมเหงื่อปริมาณมากที่ไหลรินออกมาทั่วร่าง ด้วยความเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด ลำพังแค่ความเสียหายที่ได้รับจากลำแสงสีม่วงก็มากพอแล้ว ยิ่งเมื่อเขายอมฝืนร่างกายด้วยการถีบรัวๆ ใส่โล่อันแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้าเมื่อครู่อีก พลังงานที่เขาสูญเสียไปทั้งหมดย่อมต้องมากมายยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แน่นอน
“...”
อย่างไรก็ดี เมื่อนัยน์ตาสีเขียวคู่นี้ค่อยๆ ชำเลืองมองไปยังร่างอันสงบนิ่งไม่ไหวติงของคู่ต่อสู้ อย่างน้อยๆ ลิงขาวก็พออุ่นใจได้แล้ว ว่าหยาดเหงื่อที่เขาเสียไปทั้งหมด อย่างน้อยๆ ก็แลกได้กับชัยชนะอันหอมหวาน แค่นี้ก็คุ้มค่าเกินพอแล้ว
“กึกๆ...”
“!”
ทว่า ความรู้สึกเมื่อครู่กลับพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดีในทันที เมื่อร่างกายที่ควรจะหมดสภาพของเอ็กซ์ กลับค่อยๆ เริ่มขยับเขยื้อนอีกครั้ง นัยน์ตาสองข้างของกันได้แต่จ้องมองคู่ต่อสู้คนนี้ด้วยความลุ้นระทึกอย่างถึงที่สุด หรือนี่จะหมายความว่า ความพยายามทั้งหมดของเขาจะไร้ค่าอย่างงั้นหรือ
“ไอ้ควาย... หัวแหลม...”
เอ็กซ์ยังไม่สิ้นท่าเสียทีเดียว เขายังมีพลังชีวิตเหลือพอในการใช้สองแขนยันตัวขึ้นมายืนหยัดได้อีกครั้ง ไอ้หนุ่มรูปงามหันหลังกลับมา แล้วค่อยๆ เดินเข้ามาประชิดตัวกันอย่างทุรักทุเร จ้องมองศัตรูคู่แค้นคนนี้ด้วยใบหน้าอันบอบช้ำ ชุ่มไปด้วยเลือดกำเดาจากจมูกและเลือดเสียจากปากเปรอะเปื้อนไปทั่วหน้า รวมไปถึงรอยรองเท้าอันเด่นชัดบนแก้มข้างซ้าย เรียกได้ว่ากันสามารถแปลงโฉมใบหน้าแห่งเทพบุตร ให้กลายเป็นคนจรจัดข้างถนนในพริบตาเดียวเลยก็ว่าได้
“กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ย...” เอ็กซ์ค่อยๆ ชูกำปั้นสองข้างขึ้นมาประกบกันไว้ แล้วจึงเล็งตรงมายังอกกันเบื้องหน้า “ยังไงๆ มึงก็ชนะกูไม่ได้...”
“แฮ่กๆๆๆๆๆๆ” ถึงจะยังทำอะไรได้ไม่มากนัก แต่อย่างน้อยๆ กันก็รีบตะแคงเท้าขวาง้างไปข้างหลัง เพื่อเตรียมจู่โจมให้ได้โดยเร็วที่สุด “แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
“กูจะว่าไงดีล่ะ...” เอ็กซ์ยิ้มเยาะ พร้อมละอองแสงสีม่วงนับล้านที่กำลังลอยเข้ามาปกคลุมรอบแขน “มึงไม่น่าหักบุหรี่แท่งนั้น... ไม่ดิ ความจริงมึงไม่ควรไปช่วยพีชวันนั้นเลยด้วยซ้ำ...”
“!!!” ถึงลายเส้นสีเขียวจะปรากฏขึ้นมาบนขาขวาแล้ว แต่กระนั้น สายลมเอื่อยๆ บนฝ่าเท้าของกันก็กำลังก่อตัวขึ้นด้วยความเชื่องช้า โดยไม่มีทีท่าว่าจะเชี่ยวกรากขึ้นกว่านี้เลยแม้แต่น้อย
“ทีนี้ก็เจียมตัวได้แล้วนะ” แขนสองข้างของเอ็กซ์ยิ่งส่องประกายแสงสีม่วงเจิดจ้าขึ้นทุกทีๆ “ว่าเบี้ยอย่างมึงยังไงๆ ก็แดกขุนไม่ได้”
/.../ แม้จะเป็นวินาทีสุดท้าย แต่กันก็ยังไม่ล้มเลิกความพยายามในการก่อพายุนี้
“ดาวหางนา...”
นี่คือวินาทีแห่งความเป็นความตายของศึกนี้เลยก็ว่าได้ ทุกสายตาบนอัฒจันทร์ต่างจับจ้องมายังตัวกันกับเอ็กซ์ชนิดแทบไม่กะพริบ ด้วยความลุ้นระทึกราวกับโลกทั้งใบแทบจะหยุดหมุน ลำแสงสีม่วงใกล้จะได้ฤกษ์ยิงออกมาจากกำปั้นของเอ็กซ์ทุกทีๆ และอีกไม่กี่เสี้ยววินาทีข้างหน้า การต่อสู้อันแสนยาวนานนี้ก็จะดำเนินมาถึงจุดจบด้วยความพ่ายแพ้ของกันแล้ว
“วูบ...”
หากแต่ทว่า เหตุขัดข้องทางเทคนิคก็พลันเกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิด เมื่อจู่ๆ กำปั้นคู่ของเอ็กซ์ที่กำลังทอแสงสีม่วงส่องสว่างยิ่งขึ้นทุกทีๆ กลับดับวูบลงราวกับหมดพลังไปเสียดื้อๆ เรียกได้ว่าสร้างความฉงนสงสัยแก่ผู้ชมทุกคน รวมถึงตัวเอ็กซ์เองได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“???” คำถามมากมายปรากฏขึ้นบนหัวทุกๆ คน ณ ที่นี้
มิหนำซ้ำ จู่ๆ แขนสองข้างที่ตั้งตระหง่านประชิดตัวกันเมื่อครู่ กลับอ่อนแรงแล้วตกลงมาโดยไร้สาเหตุใดๆ มารองรับทั้งสิ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ
“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”
สิ่งเดียวที่พอจะตอบคำถามมากมายเหล่านี้ได้ เห็นทีจะมีเพียงเสียงกรีดร้องอันแสนรวดร้าวที่ดังลั่นออกมาจากปากเอ็กซ์เท่านั้น เหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับตัวเขาเมื่อสัปดาห์ก่อน มันคืออาการเจ็บปวดบริเวณกล้ามเนื้อแขนหลังการต่อสู้โดยไร้สาเหตุ ผู้ชมหลายๆ คนคงได้แต่สงสัยกับสถานการณ์อันแปลกประหลาดเช่นนี้ แต่สิ่งเดียวที่พวกเขาพอจะรู้ได้ ณ ตอนนี้คือ ด้วยความเจ็บปวดทรมานแสดงผ่านสีหน้าและน้ำเสียง เอ็กซ์คงไม่สามารถสู้ต่อได้แล้ว
“สหายเอ็กซ์...” กลับกันกับกันที่ยังคงยืนหยัดต่อได้ “กูว่ามีอยู่เรื่องนึงที่มึงโง่กว่ากูนะ”
“แฮ่กๆๆๆๆๆๆๆ” เอ็กซ์พยายามชูแขนขึ้นมาอีกครั้ง แต่ยังไงๆ เขาก็ไม่อาจฝืนความเจ็บปวดได้อยู่ดี “แฮ่กๆๆๆ”
“เบี้ยบ้านพ่อมึงสิแดกขุนไม่ได้”
ในที่สุด โชคชะตาก็หันกลับมาเข้าข้างกันจนได้ ถือเป็นเคราะห์ดีของเขาจริงๆ เมื่อจู่ๆ เอ็กซ์ก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับสภาพร่างกายของตนเอง ความเจ็บปวดแสนทรมานในความบังเอิญเช่นนี้ ทำให้ ณ เวลานี้ ไอ้หนุ่มรูปงามแทบไม่มีช่องว่างให้หลบ หรือแม้แต่จะเนรมิตกระจกนารายณ์ขึ้นมาป้องกันได้เลยแม้แต่น้อย ที่เขาทำได้ มีเพียงการยืนอยู่เฉยๆ รอให้ความเจ็บปวดทุเลาลงเท่านั้น นั่นย่อมเท่ากับว่า โอกาสที่จะได้โจมตีคู่ต่อสู้ที่เป็นเป้านิ่งเต็มๆ ได้ลอยมาอยู่ตรงหน้ากันแล้ว
“ลูกเตะวายุทะยานเวหา!!!”
แน่นอนว่ากันคงไม่ยอมปล่อยให้โอกาสทองนี้หลุดมือไปง่ายๆ แน่ ประจวบเหมาะยิ่งนัก เมื่อพายุหมุนลูกจิ๋วบนฝ่าเท้าของไอ้หนุ่มหัวแหลม ได้ทวีความเชี่ยวกรากขึ้นจนก่อกำเนิดเป็นพลังงานลมอันรุนแรงเสียที และแล้ว เวลาแห่งการตัดสินก็มาถึง
“เปรี้ยงงงงงงงง!!!!!!”
พายุหมุนเชี่ยวกรากแห่งเหมันตพรโหมกระหน่ำออกมาจากใต้ฝ่าเท้าขวาของกันในทันใด สายลมอันรุนแรงปะทะลงสู่พื้นหญ้าเบื้องล่าง เป็นดั่งแรงผลักดันอันทรงพลัง ที่ช่วยเสริมทั้งความแรงและความเร็วให้กับลูกเตะนี้ จนกันสามารถตวัดขาขวาเตะใส่แก้มซ้ายของเอ็กซ์เบื้องหน้าได้ในชั่วพริบพริบตาเดียวเท่านั้น
ด้วยพลังแห่งวายุโหมกระหน่ำ ความรุนแรงที่เอ็กซ์ได้รับจากลูกเตะนี้ถือว่ามีมากมายพอสมควร ชนิดที่ว่าสามารถเตะให้ทั้งร่างของเขา ลอยปลิวขึ้นไปกลางอากาศได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามแต่ เมื่อพายุหมุนใต้ฝ่าเท้าขวาสงบลง จนกันสามารถจอดเท้าลงมาเหยียบพื้นได้อีกครั้ง สายตาอันเด็ดเดี่ยวของเขากลับสื่อออกมาว่ายังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้ เขารีบตะแคงเท้าซ้ายขึ้นมาไว้ด้านหลังอย่างทันท่วงที พร้อมลายเส้นสีเขียวที่ปรากฏขึ้นมาพร้อมๆ กัน ราวกับแค่ครั้งเดียวคงไม่สาแก่ใจเขาแน่ๆ
“เบิ้ล!!!”
เฉกเช่นเดียวกับขาขวา พายุหมุนลูกที่สองเริ่มก่อตัวขึ้นใต้ฝ่าเท้าซ้ายที่พลิกตะแคงอยู่ ก่อนจะทวีความเชี่ยวกรากขึ้นเรื่อยๆ จนก่อกำเนิดเป็นพายุลูกใหญ่ในพริบตาเดียวเท่านั้น สายตาของเขาจ้องเขม็งไปยังร่างของเอ็กซ์เบื้องหน้า ลูกเดียวคงยังไม่พอ เพราะสำหรับศัตรูระดับนี้แล้วคงต้องโดนแบบคูณสอง
“เปรี้ยงงงงงงงงงงงงงง”
ขณะที่ร่างของอีกฝ่ายกำลังลอยละลิ่วอยู่กลางอากาศด้วยระยะห่างที่พอเหมาะพอเจาะ ไอ้หนุ่มหัวแหลมจึงไม่รอช้าใดๆ ทั้งสิ้น ใช้พลังแห่งลมพายุโหมกระหน่ำใต้ฝ่าเท้าเป็นดั่งแรงผลักดัน ตวัดขาซ้ายเตะซ้ำใส่แก้มขวาของเอ็กซ์เบื้องบนเต็มๆ แรง เว้นช่วงจากลูกเตะลูกแรกเพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีเท่านั้น จึงเท่ากับว่าแค่เพียงระยะเวลาสั้นๆ ไอ้หนุ่มรูปงามคนนี้ก็ได้รับลูกเตะวายุทะยานเวหาจำนวนถึง ๒ ลูก พร้อมกับความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นถึง ๒ เท่า เลยทีเดียว
“ตุบบบบบ”
ลูกเตะพลังพายุทั้งสองลูกนี้ สามารถส่งให้ทั้งร่างของเอ็กซ์ลอยกระเด็นขึ้นไปบนอากาศจนถึงความสูงเกือบ ๓ ม. เลยทีเดียว ความเสียหายทั้งหมดที่ได้รับบริเวณใบหน้านี้ ส่งตรงผ่านเส้นประสาทไปจนถึงสมองของเขาโดยตรง จนเมื่อตกลงมากระแทกพื้นหญ้าเบื้องล่าง ร่างของไอ้หนุ่มรูปงามก็ตกอยู่ในสภาวะหมดสติ ดวงตาทั้งสองข้างปิดสนิทชนิดที่ว่าคงไม่ลืมไปอีกนาน แก้มสองข้างฟกช้ำอย่างสาหัสพร้อมเลือดปริมาณมากที่กำลังไหลรินออกมาจากปาก ดูๆ แล้วเขาคงไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาในเร็วๆ นี้แน่ เอ็กซ์แพ้แล้ว
“แฮ่กกๆๆๆๆๆๆๆ”
ขณะเดียวกัน หลังจากใช้ลูกเตะพลังพายุจัดการคู่ต่อสู้จนอยู่หมัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว กันก็จำต้องหยุดปล่อยสายลมเชี่ยวกราก และจอดเท้าลงมาหยุดอยู่กับพื้นแต่เพียงเท่านี้ เขาใช้พลังและหยาดเหงื่อสุดท้ายไปกับการโจมตีเมื่อครู่จนหมดแล้ว และแม้จะต้องแลกด้วยความเหนื่อยล้าทั่วร่างจนไม่อาจทำอะไรได้อีก หากแต่ด้วยภาพของเอ็กซ์ที่กำลังนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่เบื้องหน้านี้ อย่างน้อยๆ ก็ช่วยการันตีได้แล้วว่า เขาสามารถปิดฉากการต่อสู้นี้ได้อย่างดงาม และยืนหยัดเป็นผู้ชนะได้อย่างสมภาคภูมิในที่สุด
นั่นเท่ากับว่าศึกระหว่างกันกับเอ็กซ์ ณ สนามฟุตบอลแห่งนี้ก็ได้ดำเนินมาถึงบทสรุปที่แท้จริงเสียที นักเรียนนับร้อยบนอัฒจันทร์ต่างเป็นประจักษ์พยานแห่งการต่อสู้อันแสนดุเดือดนี้ นี่คือการปะทะกันอย่างสมศักดิ์ศรีของนักสู้ทั้งสองโดยแท้ เต็มไปด้วยความการชิงไหวชิงพริบและท่วงท่าที่คนทั่วไปได้แต่มองดูด้วยความตื่นตะลึง ศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้จะเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ของโรงเรียนสุวัฒนา และทุกคนจะจดจำกันในวันนี้ด้วยคำคำเดียว นั่นคือผู้ชนะ
วัยรุ่นหิมพานต์
บทที่ ๒๐ ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ
“ซ่าๆๆๆๆๆๆๆ ครืนๆๆๆๆ”
มันคือค่ำคืนอันแสนมืดมิดและเงียบเหงาคืนหนึ่ง ทั่วน่านฟ้าปกคลุมไปด้วยเมฆสีเทาอึมครึม เสียจนแสงจันทร์แทบไม่อาจเล็ดลอดออกมาได้แม้นซักนิด เม็ดฝนจำนวนนับไม่ถ้วนสาดเทลงมาอย่างต่อเนื่องและหนักหน่วง ดังเป็นเสียงซ่าๆ ปนไปกับเสียงฟ้าร้องดังครืนๆ เป็นระยะ หากแต่สายตาคู่นี้กลับหาได้แยแสสภาพอากาศอันเลวร้ายนี้ไม่ สิ่งเดียวที่เขากำลังจ้องมองชนิดตาแทบไม่กะพริบ มีเพียงใบหน้าเปื้อนหยาดฝนและคราบน้ำตาของสาวน้อยคนหนึ่ง ที่กำลังยืนจ้องเขาด้วยความรู้สึกขมขื่นไม่ต่างกัน
“ฮึกๆๆ” สาวน้อยสะอื้นน้ำตาด้วยความโศกเศร้า แต่ก็มิอาจละสายตาได้เลยแม้แต่น้อย “ฮึก...”
“...” สายตาคู่นี้ยังทำได้แค่มอง
“พี่อ่ะ... ฮึก” เธอเริ่มเอ่ยปาก “เป็นคนดีก็จริง...”
“...” มือขวาของเขาค่อยๆ ยกขึ้นมาปาดน้ำตาออกจากเบ้า
“แต่พี่อ่ะ...” เธอสะอื้นหนักขึ้นทุกครั้งที่พูด “ไม่เคยเข้าใจพีชเลยซักนิด...”
“พี่...” เขาเริ่มเอ่ยปาก แต่ก็ไม่รู้อยู่ดีว่าจะพูดอะไรออกไปให้มันดีขึ้น “พี่...”
“ถ้างั้น...” เธอจ้องเขม็งด้วยน้ำตาที่ยังคงไหลพรากๆ เป็นสายน้ำ “เราปล่อยให้ทุกอย่างมันจบลงตรงนี้ดีกว่านะ”
ในใจของชายคนนี้คงมีอีกหลายสิ่งที่อยากจะพูดออกไป แต่ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปอีกซักกี่ร้อยพันคำ เขาก็คงรู้อยู่แก่ใจว่า มันไม่อาจแก้ไขสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ให้กลับคืนมาเป็นเหมือนเดิมได้เลย ที่สายตาคู่นี้ทำได้ มีเพียงการมองสาวน้อยคนนี้ เดินหันหลังจากเขาไปอย่างเดียวดายพร้อมสายฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ยอมหยุด มันคือช่วงเวลาอันแสนเศร้าโศกเพียงไม่กี่นาที ที่จะกลับมาหลอกหลอนเจ้าของสายตาคู่นี้ไปอีกนานแสนนาน เป็นดั่งฝันร้ายที่จะคอยกัดกร่อนหัวใจดวงนี้ไปตลอดชั่วนิรันดร
“พี่ขอโทษ...”
“!!!”
หากแต่สุดท้ายแล้ว โลกแห่งความเป็นจริงก็ปลุกเขาขึ้นมาจากฝันร้ายแสนเศร้านี้ได้ในที่สุด หลังจากหมดสติไปเป็นเวลานาน ม่านตาของชายคนนี้ก็เบิกโพลงขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง และเจ้าของนิมิตอันแสนน่าสงสารนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเอ็กซ์ ผู้ที่ยังไม่อาจตัดใจจากรักเก่าได้นั่นเอง
ณ ที่แห่งนี้ ไม่มีเมฆครึ้มหรือสายฝนอันหนักหน่วงอีกต่อไป มีเพียงดวงอาทิตย์ยามเย็นที่คอยส่องแสงแดดอุ่นๆ ลงมาเท่านั้น หลังจากสติหลุดไปเป็นเวลานาน เขาก็เริ่มเรียกสติกลับเข้าร่างอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจกับสถานการณ์ในตอนนี้ แผ่นหลังของเขาสัมผัสได้ว่ากำลังนอนแผ่อยู่บนผืนหญ้าของสนามบอล จมูกของเขาสัมผัสกลิ่นคาวๆ ของอะไรบางอย่างบริเวณริมฝีปาก จนเมื่อเอ็กซ์ค่อยๆ ยกมือซ้ายขึ้นมาป้าย สายตาของเขาก็พบกับคราบเลือดสีแดงบนผิวมนุษย์สีขาวผ่อง
“ตื่นแล้วเหรอมึงอ่ะ?”
เสียงเรียกอันคุ้นหูนี้ ทำให้เขารีบหันคอไปตามต้นเสียงทางขวามือแทบจะทันที แน่นอนว่าเจ้าของเสียงนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นกัน อดีตคู่ต่อสู้ของเขา ผู้กลับคืนร่างมนุษย์และกำลังนั่งเหยียดขาอยู่ข้างๆ รอเพียงเวลาให้คู่แข่งคนนี้ฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้งก็เท่านั้น
“...”
เอ็กซ์เข้าใจและตระหนักถึงสถานการณ์ตอนนี้ได้ในที่สุด ว่าบัดนี้ เขาพึ่งรู้สึกตัวอีกครั้งหลังจากนอนหมดสติไปเป็นเวลานานแสนนาน และสาเหตุก็ไม่ใช่อื่นใด หากแต่เป็นเพราะการโจมตีครั้งสุดท้ายของกัน ด้วยลูกเตะอันรุนแรงและหนักหน่วงชนิดสองลูกซ้อน ทั้งหมดนี้หมายความได้เพียงอย่างเดียวว่า หลังจากผ่านการต่อสู้อันแสนยืดเยื้อ บทสรุปก็จบลงตรงที่ตัวเขานั้นเป็นผู้พ่ายแพ้ และแม้จะต้องผิดหวังหรือเจ็บใจซักเท่าไร แต่ที่เขาทำได้ก็มีแต่ต้องยอมรับความจริงข้อนี้เท่านั้น
“วี๊ดดดดดดดดดดดดดด”
ผ่านเลนส์กล้องที่กำลังซูมเข้ามายังร่างของเอ็กซ์เรื่อยๆ แบบไร้ขีดจำกัด บัดนี้ ก็อตก็สามารถรับรู้ผ่านกล้องตัวโปรดของเขาได้ทันทีว่า เอ็กซ์ฟื้นแล้ว
“เอ็กซ์ฟื้นแล้วว่ะ”
ประโยคที่กล่าวขึ้นมาแบบลอยๆ ของก็อตแพร่กระจายไปทั่วอัฒจันทร์แห่งนี้อย่างรวดเร็ว ไล่ตั้งแต่แถวแรกยันแถวสุดท้าย ไม่นานนัก ทุกคนก็ทราบโดยทั่วกันว่าผู้พ่ายแพ้คนนี้ฟื้นสติขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เล่นเอาทุกสายตาบนอัฒจันทร์แห่งนี้ลุกวาว และรีบจ้องเขม็งไปยังตัวนักสู้สองคนนี้อย่างพร้อมเพรียงแทบจะทันที เพราะทั้งหมดที่พวกเขาอยากรู้คือ จากนี้ไป ทั้งสองจะเอาไงต่อกันนะ?
ผู้ที่แลดูจะให้ความสนใจสุดในที่นี้ เห็นทีจะเป็นเหล่าผองเพื่อนของนักสู้ทั้งสอง ไม่ว่าจะเป็นมิค มาร์ค กฤต ซัน ปิ๊ โดยเฉพาะอย่างยิ่งติ๊ก เพราะทุกคนต่างก็อยากรู้เป็นแน่แท้ว่า สุดท้ายแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักสองคนนี้ จะดำเนินไปบรรจบลงยังทิศทางใดกันแน่
“...”
ขณะเดียวกัน แม้ใบหน้าจะแลดูเฉยเมยและไม่สนใจใยดีซักเท่าไร แต่ในใจลึกๆ แล้ว พีชเองก็คงอยากจะรู้เป็นแน่แท้ว่า ความจริงแล้ว กันกับเอ็กซ์กำลังสนทนาถึงเรื่องอะไรอยู่กันแน่ เพราะสาวน้อยหน้าหวานคนนี้ก็คงรู้ดี ว่าตัวเธอนั้นกำลังยืนอยู่กึ่งกลางระหว่างชายสองคนนี้ จนอาจกลายเป็นชนวนเหตุสำคัญของศึกครั้งนี้เลยก็ว่าได้
“นี่เกมนี้...” เอ็กซ์รำพึงด้วยความผิดหวัง “กูแพ้เหรอวะ...”
“ก็แล้วแต่จะคิด” กันยิ้มตอบ
“ทำไมวะ...” เอ็กซ์ยังไม่หาย “มันไม่น่าเป็นไปได้...”
“จะได้ไม่ได้อ่ะ” กันตอบกลับทันควัน “แม่งก็เป็นไปแล้วว่ะ”
“...” เอ็กซ์นิ่งไปเลย ทันทีที่ได้ฟังประโยคนี้
“หึ” เขาหัวเราะกลบเกลื่อนความผิดหวัง “คนอย่างมึงมันมีดีไรวะ?”
“...” กันหันหน้ามาเพื่อรับฟัง
“เท่าที่กูรู้” เอ็กซ์เริ่มเปิดใจ “มึงมันก็แค่ไอ้บ้าโง่ๆ ตัวนึง ไม่น่าจะมีไรพิเศษ แต่ทำไมมึงถึงแข็งแกร่ง ทำไมมึงถึงชนะกูได้ ทำไมมึงถึง... แย่งพีชไปจาก...”
“ขอเหอะ! ไอ้เหี้ย! ต้องให้กูบอกอีกกี่...” กันหงุดหงิดขึ้นมาทันทีที่ได้ฟังประโยคนี้
“หุบปาก” เอ็กซ์ขัดได้ก่อน “ไม่ต้องมากลบเกลื่อน”
“สัส”
“ไงก็ช่างเหอะ” สีหน้าของเอ็กซ์เริ่มหมองลงทุกทีๆ “กูยังขาดไรไปวะ? หรือกูมันไม่เคยสมบูรณ์แบบตั้งแต่แรกแล้ว... หรือกูจะเป็นแค่เบี้ยตัวนึงที่...”
“...” กันเองก็ดูเห็นอกเห็นใจเพื่อนคนนี้อยู่บ้าง “สหายเอ็กซ์ ถึงกูจะไม่ค่อยเก่งหมากรุกอ่ะนะ แต่ถ้าเป็นหมากฮอสอ่ะกูเซียนเลยนะจะบอกให้”
“?” เอ็กซ์ถึงกับฉงน “อะไรของมึงวะ?”
“สำหรับกูแล้ว โลกคือกระดานหมากฮอสว่ะ กูไม่เคยมานั่งคิดให้ปวดหัวหรอกนะ” กันเริ่มเปรียบเปรยให้ฟัง “ว่าใครจะมีผลประโยชน์กับกูรึเปล่า ใครบ้างจะเหมาะเป็นเพื่อนกู ใครจะทำให้ชีวิตกูสมบูรณ์แบบแค่ไหน ทุกคนคือเพื่อนกูหมด เหมือนตัวเบี้ยในหมากฮอสอ่ะ ไม่ว่าจะดีจะเลวขนาดไหน แม่งก็เป็นเพื่อนกูเหมือนกันหมด”
“...”
“มึงเคยได้ยินคำนี้ป่ะ” กันหันมามองหน้าเอ็กซ์ด้วยสายตาอันจริงใจ “ไม่มีใครเกิดมาสมบูรณ์แบบ”
“ไม่อ่ะ” เอ็กซ์ปฏิเสธทันควัน “พ่อแม่กูสอนแต่ว่ากูต้องสมบูรณ์แบบที่สุด...”
“สันดานมึงถึงเป็นงี้ไง” กันเริ่มตระหนักได้ “เออๆ ช่างแม่งเหอะ จะบอกให้นะ ทุกคนเกิดมามีข้อดีข้อเสียเหมือนกันหมดแหละ คนอย่างกูก็ไม่ได้หล่อแบบมึง ไม่ได้มีสาวกรี๊ดแบบมึง แถมกูยังเป็นแค่ไอ้บ้าๆ บอๆ ตัวนึง โง่ก็โง่ยังกะควาย ข้อเสียกูเยอะแยะตายห่า แล้วไงวะ!”
“...” สีหน้าของเอ็กซ์เริ่มคล้อยตามไปเรื่อยๆ
“แต่เพราะกูมีเพื่อนไง กูถึงมีวันนี้ได้!!!” กันเริ่มใส่อารมณ์เพื่อปลุกเร้า “เพื่อนแม่งไม่ได้มีไว้เหยียบย่ำชิงดีชิงเด่นกันเองนะเว้ย!!! แต่มีไว้กอดคอกันเดินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถึงเส้นชัยต่างหาก!!! กูโง่ ติ๊กฉลาด กูไม่หล่อ แต่มึงหล่อ มันมีไว้เติมเต็มกันและกัน ไม่ได้มีไว้ใช้แล้วทิ้งเพื่อผลประโยชน์อย่างเดียว เข้าใจป่ะ!!!”
“... ไร้สาระชิบหายเลยว่ะ” ถึงปากคอจะร้ายเพียงใด แต่สีหน้าของเอ็กซ์กลับแลดูเบิกบาน ผิดกับที่พูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“เรื่องของมึงเหอะ สุดท้ายแล้ว ก็มีแต่เพื่อนเท่านั้นแหละที่จะคอยผลักดันมึง ไม่ใช่ไอ้บุหรี่ใส่สีเหี้ยเนี่ย” กันทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย “คิดดูดิ ถ้ามึงไม่ได้โด๊ปมาก่อนอ่ะ ป่านนี้มึงอาจชนะกูไปแล้วก็ได้ ใครจะรู้”
“ไม่ต้องมาปลอบกู” เอ็กซ์คงไม่อยากให้คู่ต่อสู้มาสงสารตนเป็นแน่ “มึงมันเก่งกว่ากูแต่แรกแล้ว”
“ใครบอกวะ” กันส่ายหน้า “ตอน ม.ต้น กูมีเพื่อนดีเว้ย กูถึงเก่งแบบนี้ได้”
“...” แล้วทั้งคู่ก็เงียบไปอีกนาน
“แล้วจากนี้จะเอาไงต่อวะ?” เอ็กซ์หันหน้ามาถามกัน
“ก็ไม่รู้ดิ” กันค่อยๆ ลุกขึ้นยืน “มึงบอกแค่ให้มาต่อยกับมึง รู้ผลกันแล้ว ก็จบเรื่องแล้วนี่”
“แล้วเรื่องที่กู...” เอ็กซ์ถามต่อด้วยความรู้สึกผิดแฝงอยู่ลึกๆ ในใจ “แบบ...”
“ช่างแม่งเหอะ” กันดูจะไม่ค่อยใส่ใจซักเท่าไร ก่อนจะค่อยๆ หันกลับไปมองยังที่นั่งของเพื่อนๆ บนอัฒจันทร์ “อย่างน้อยๆ ก็ไม่ใช่ทั้งโรงเรียนแหละวะที่เกลียดขี้หน้ากู”
“...” เอ็กซ์นอนคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เออ วันนี้มึงสู้ได้ดีมาก” กันยื่นมือขวาลงมาให้เอ็กซ์ “ใจมากนะ สหายเอ็กซ์”
มือขวาที่ยื่นลงมาอยู่ข้างหน้าเพียงแค่เอื้อมเดียว อาจหมายถึงการตัดสินใจครั้งสำคัญของเอ็กซ์เลยก็ว่าได้ คำถามที่หลายคนอยากรู้ตอนนี้คือ หลังจากจบศึกครั้งนี้ไป ชายคนนี้จะเอายังไงต่อกับชีวิตกันแน่ คำพูดของอีกฝ่ายจะเปลี่ยนแปลงอะไรเขาได้บ้าง สถานะของกันจะยังคงเป็นศัตรู หรือหวนกลับมาเป็นมิตรอีกครั้งหนึ่ง เขาจะเรียนรู้อะไรจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้บ้างนะ
ทั้งหมดนี้ ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเพียงเล็กน้อยของเอ็กซ์เท่านั้น ว่าเขาจะตอบรับน้ำใจนักกีฬาของคู่ต่อสู้คนนี้ หรือจะปัดมือปฏิเสธกลับไปอย่างไร้เยื่อใย เรียกได้ว่าแค่ข้อเสนอง่ายๆ นี้ ก็ถึงกับทำให้ไอ้หนุ่มรูปงามต้องนอนนึกด้วยความสองจิตสองใจอยู่นานสองนานเลยทีเดียว
“หมับ”
ท้ายที่สุด คำตอบข้อนี้ก็แสดงออกมาผ่านการกระทำเสียที หลังจากคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว เอ็กซ์ก็ตัดสินใจยื่นมือขวาไปคว้าแขนของกันไว้ให้แน่นที่สุด ก่อนที่อีกฝ่ายจะค่อยๆ ดึงตัวเขาขึ้นมายืนหยัดอีกครั้งด้วยรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้ม ไอ้หนุ่มหัวแหลมคงจะดีใจไม่น้อย ที่เห็นว่าเอ็กซ์ยังมองเขาเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่ง และความขัดแย้งทั้งหมดนี้คงจะดำเนินมาถึงจุดสิ้นสุดเสียที
“!!!”
หากแต่ทว่า กันกลับประมาทเพื่อนรักคนนี้มากไปหน่อย เพราะไอ้หนุ่มรูปงามคงไม่ยอมให้ศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้ จบลงด้วยความพ่ายแพ้หมดรูปของตนอย่างแน่นอน ในระหว่างที่กำลังนอนครุ่นคิดอยู่เมื่อครู่นี้ หัวสมองอันหลักแหลมของเอ็กซ์ก็ได้เตรียมแผนสำรองเอาไว้รับมือกับบทสรุปครั้งนี้แล้ว และแผนการนี้ก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่โน้มตัวเข้าไป แล้วใช้แขนสองข้างโอบกอดคู่ต่อสู้เอาไว้อย่างแน่นแฟ้นโดยไม่ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จสิ้นแล้ว
“!!!”
ไม่ใช่แค่กันเท่านั้นที่ประหลาดใจกับการกระทำเช่นนี้ แต่เป็นทั้งโรงเรียนเลยต่างหาก ที่ล้วนแล้วแต่ต้องอึ้งและทึ่งกับสถานการณ์เช่นนี้ไปตามๆ กันเลยทีเดียว
“ทำอะไรของมึงวะ!” กันรีบถามเอ็กซ์ด้วยความตกใจ
“เออน่า” เอ็กซ์กระซิบข้างหูกัน “ตามน้ำไปก่อน”
“...” กันครุ่นคิดซักพัก ก่อนจะค่อยๆ ใช้แขนสองข้างโอบอีกฝ่ายตาม “เออๆ...”
“โอเค” น่าประหลาดใจยิ่งนัก เมื่ออยู่ๆ น้ำตาของเอ็กซ์ก็ไหลออกมาอย่างง่ายดาย “ปล่อยได้แล้ว”
“...” กันปล่อยแขนออกด้วยความงุนงง
“เพื่อนๆ ทุกคนครับ!!!” เอ็กซ์หันหน้าไปหาผู้ชมบนอัฒจันทร์ พร้อมตะโกนเสียงดังกึกก้องให้ได้ยินกันทั่วทั้งน้ำตา “ผมมีเรื่องอยากจะบอกให้ทุกๆ คนรู้ครับ!!!”
“???” งงกันไปทั้งอัฒจันทร์เลยทีเดียว
“การต่อสู้ครั้งนี้!!!” เอ็กซ์ตะโกนต่อ “ผมเป็นคนแพ้ก็จริง!!! แต่ผมอยากให้ทุกคนรู้ไว้ครับ!!! ว่าการต่อสู้นี้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดกันครับ!!!”
“แซ่ดๆๆๆๆๆๆ” เสียงซุบซิบนินทาเริ่มดังขึ้นมา “อะไรวะ? หมายความว่าไง? ไงแน่วะ?”
“กันคนนี้ เพื่อนของผม!!!” เอ็กซ์เดินเข้ามาโอบไหล่กันไว้ “มันสำนึกกับสิ่งที่มันทำลงไปหมดแล้วครับ!!!”
“...” กันพอจะเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ได้ในที่สุด
“แล้วก็...” เอ็กซ์มองไปยังจุดที่พีชนั่งอยู่ด้วยความลังเลแสดงผ่านสายตา
“...” ขณะเดียวกัน พีชก็จ้องมองเอ็กซ์ด้วยสายตาจริงจังไม่ต่างกัน
“แล้วก็เรื่องทั้งหมดนี้!!!” เอ็กซ์ตะโกนสุดเสียงด้วยความขมขื่น “มันก็เป็นความผิดของผมด้วย!!! ที่ยังตัดใจจากรักเก่าไม่ได้!!!”
“แซ่ดๆๆๆๆๆๆๆ” เสียงฮือฮาดังขึ้นมาทั่วทั้งอัฒจันทร์ “ตกลงแม่งแค่งอนกันเองเหรอวะ? ไร้สาระว่ะ? ช่างแม่ง กูมาดูเอามัน”
“ตอแหลได้โล่” พีชบ่นเล็กน้อย แต่ก็ยังรู้สึกดีใจชอบกล
“ไอ้นกสองหัว/ไอ้ลิ้นสองแฉก” กฤตกับมาร์คต่างพูดขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
“เป็นงี้ทุกที” ก็อตลั่นชัทเตอร์เก็บภาพนี้เอาไว้อย่างรวดเร็ว
“แม่งไม่เคยเปลี่ยนเลย” ติ๊กทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“เพราะฉะนั้นทุกๆ คนครับ!!!” เอ็กซ์ตะโกนต่อไปพร้อมน้ำตาที่พรั่งพรูออกมาไม่หยุด “การต่อสู้ครั้งนี้มันเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิดเล็กๆ ของเพื่อนสองคน!!! พวกเราทั้งสองเป็นต้นเหตุทั้งคู่!!! แต่ตอนนี้!!! พวกเราสำนึกกับสิ่งที่ทำลงไปหมดแล้วครับ!!!”
“ไม่มีคนแพ้คนชนะในวันนี้!!!” เอ็กซ์ใช้มือขวากำมือซ้ายกันไว้แน่น แล้วชูขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกัน “ตอนนี้เราเข้าใจกันแล้ว ขอบคุณมากครับ ทุกๆ คน ขอบคุณมากครับ!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
จิตใจคนเราใช่ว่าจะสามารถแปรเปลี่ยนกันได้ง่ายๆ แม้กันจะอุตส่าห์ลงทุนเทศนาให้อีกฝ่ายฟังด้วยความหวังดีจากใจจริงไปซักเท่าไร หากแต่เอ็กซ์ก็ยังเป็นเอ็กซ์อยู่วันยันค่ำ เขายังคงเป็นชายผู้มีความทระนงตนสูงอยู่เช่นเคย และความทระนงตนนี้เอง ที่ทำให้เขาไม่อาจทำใจยอมรับความพ่ายแพ้ในวันนี้ได้โดยเด็ดขาด
หลังจากใช้สมองประมวลผลอยู่นานตามประสาคนโง่ ในที่สุด กันก็รู้ซึ้งโดยถ่องแท้ว่า ทั้งหมดที่เอ็กซ์พูดออกไปก่อนหน้านี้ แท้จริงแล้ว คือแผนการอันแสนแยบยลที่จะรักษาเกียรติและชื่อเสียงของเขาเอาไว้ได้นั่นเอง
เพราะแทนที่จะให้ศึกครั้งนี้จบลงด้วยความพ่ายแพ้ แล้วปล่อยให้ผู้ชมทุกคนกลับบ้านไปด้วยความนิ่งเงียบ ไอ้หนุ่มรูปงามกลับเลือกที่จะให้มันจบลงด้วยความลึกซึ้งกินใจที่ตัวเขาเองปรุงแต่งขึ้นมาล้วนๆ ประกอบกับฝีมือการแสดงและการบีบน้ำตาระดับตุ๊กตาทอง เสียงกรีดร้องของเหล่าแฟนคลับทุกคนจึงพลันดังกึกก้องขึ้นมาปิดท้ายอย่างพร้อมเพรียง เรียกได้ว่าสามารถกู้หน้าเทพบุตรประจำโรงเรียนคนนี้ ให้กลับคืนมาเป็นที่ประจักษ์ได้อย่างสมศักดิ์ศรีเลยทีเดียว
แต่ได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง เพราะเพียงเพื่อจะให้ได้เสียงกรีดร้องอันล้นหลามนี้ เอ็กซ์ก็ต้องยอมแลกกับแผนการอันชั่วร้ายที่วางไว้หวังจะทำลายชีวิตของกัน เพราะแม้จะอุตส่าห์ดำเนินการมาจนเกือบเสร็จสิ้นแล้วก็ตาม แต่เมื่อต้องมาพบกับเหตุการณ์ที่เขาแทบไม่เคยนึกเคยฝันว่าจะได้ประสบพบเจอ ดาวโรงเรียนก็จำต้องสละความคิดโง่ๆ นี้ เพื่อศักดิ์ศรีของทั้งคู่ เพราะอย่างน้อย เสมอย่อมต้องดีกว่าแพ้แน่นอน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
“ร้ายไม่เบานี่หว่ามึงอ่ะ” กันยิ้มเยาะ “ทีนี้กูกลับได้ยังเนี่ย”
“ก็เรื่องของมึงสิ” เอ็กซ์ลดแขนพร้อมปล่อยมือกันออกอย่างรวดเร็ว
“เออ” กันหันมาทางเอ็กซ์ แล้วค่อยๆ ก้าวขาเดินผ่านไป “เจอกัน สหาย...”
“เดี๋ยว” เอ็กซ์พูดเบาๆ ข้างหูกัน ในขณะที่เขากำลังจะเดินผ่านไป “มึงอย่าคิดนะว่าเรื่องนี้จะจบง่ายๆ”
“...” กันหยุดเท้าเพื่อสดับรับฟัง
“เรื่องฝิ่นสีชาดอ่ะ...” เอ็กซ์เข้าประเด็น “กูเตือนไว้ก่อนนะว่าอย่าไปเสือกเยอะ ถือซะว่าครั้งนี้กูสั่งสอนมึงไปแล้วละกัน แล้วในเมื่อมึงไม่ยอมรับข้อเสนอของพวกกู ก็อย่าเสนอหน้ามาให้กูเห็นอีกล่ะสัส”
“ทำยังกะว่ากูสนนักล่ะ” กันประชด
“แล้วมึงก็ระวังตัวเอาไว้ก็ดี” คำพูดของเอ็กซ์เริ่มจริงจังขึ้นทุกที “โรงเรียนนี้ยังเหลืออีกสองคนที่เก่งกว่ากูอยู่”
เหล่าสาวกทั้งหลายของเอ็กซ์คงไม่ใช่วิทยุที่จะส่งเสียงดังหนวกหูออกมาได้ทั้งวี่ทั้งวันแน่นอน เมื่อผ่านไปซักระยะหนึ่ง เสียงกรีดร้องอันล้นหลามเมื่อครู่ก็ค่อยๆ จางหายไปทีละน้อย จนมลายสิ้นหายไปในที่สุด เพราะเมื่อเห็นว่าการแข่งขันจบลงแล้ว เหล่าผู้ชมแต่ละคนก็เริ่มลุกออกจากที่นั่ง แล้วทยอยเดินเบียดเสียดกันออกจากอัฒจันทร์แห่งนี้ไปในที่สุด
“เป็นไงพี่?”
หากแต่ทว่า ในหมู่ผู้คนนับร้อยบนอัฒจันทร์แห่งนี้ กลับยังมีนักเรียนชาย ม.ปลาย เพียงคนเดียวที่กำลังจ้องมองนักสู้ทั้งสองบนสนามบอลอย่างใจจดใจจ่อ พลางคลี่ยิ้มเล็กน้อยที่มุมปากราวกับกำลังดีใจอย่างน่าสงสัย โดยที่นั่งด้านซ้ายของเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นกันย์ ผู้ที่กำลังถามคำถามข้อนี้อยู่นั่นเอง
“แข็งแกร่ง”
เสียงทุ้มต่ำแฝงด้วยความหนักแน่นลอยออกมาจากปากชายคนนี้ เพื่อไขข้อข้องใจของกันย์ และเจ้าของใบหน้าอันแสนปรีดานี้ก็หาใช่ใครอื่น เขาคนนี้เป็นทั้งรุ่นพี่ของกัน(ย์)ทั้งสอง นักบาสประจำโรงเรียน และที่สำคัญ หนึ่งในพรสามประการที่เอ็กซ์พึ่งจะเตือนกันไปก่อนหน้านี้ ชื่อของเขาก็คือฟักนั่นเอง
“ใช่ว่าผมไม่เคยบอกพี่นะ” กันย์ยิ้มเยาะ “ไม่ยอมเชื่อแต่แรกเอง”
“ของแบบเนี้ย...” ฟักแสยะยิ้มพร้อมหันมาหากันย์ “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นว่ะ”
“แล้วตาพี่เห็นว่าไง?” กันย์ถามต่อ
“...” ฟักจ้องเขม็งมายังร่างของกันเบื้องล่าง “ไม่รู้ว่ะ”
ขณะเดียวกัน บทสนทนาระหว่างกันกับเอ็กซ์ก็ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่เมื่อดูจากท่าทีแล้ว ก็คงใกล้จะได้เวลายุติลงเสียที
“หมดเรื่องคุยยัง?” กันถาม “กูอยากรีบกลับบ้านไปนอนตายห่าแล้วเนี่ย”
“ไปไหนก็ไปไปมึงอ่ะ” เอ็กซ์ขับไล่ไสส่ง “แต่กูขอเตือนอย่างสุดท้ายนะ”
“ว่ามา”
“มึงเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดีๆ เลย” เอ็กซ์แสยะยิ้มด้วยความเจ้าเล่ห์ “ระหว่างมึงกับกูอ่ะ มันยังไม่จบแค่นี้หรอก”
“อย่าดีแต่โม้ละกัน” กันยิ้มรับโดยไม่หวั่นเกรงใดๆ ทั้งสิ้น “อยากเจอตอนไหนนัดวันเวลามาเลย”
“ไอ้ควายหัวแหลม/ไอ้เหี้ยเสื้อกันหนาว”
หลังจากสะสางความในใจกันจนหมดสิ้น พร้อมคำด่าเจ็บๆ ทิ้งท้ายแทนคำอำลา โดยไม่เหลืออะไรให้ค้างคาใจกันอีกต่อไปแล้ว ทั้งคู่ก็จรจากไปตามทางของตนในที่สุด และแล้ว เมื่อผู้เล่นทั้งสองเดินออกจากสนาม นั่นย่อมเท่ากับว่า ศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้ก็ถึงครายุติลงอย่างเป็นทางการเสียที
บนเส้นทางของกัน เขาเดินจากเอ็กซ์ไปตามลำพังเพียงคนเดียวก็จริง หากแต่ทว่า ผ่านไปเพียง ๓-๔ ก้าว เขาก็ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป เมื่อเบื้องหน้าของไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้ คือเหล่าเพื่อนๆ ผู้คอยให้กำลังใจเขามาตลอดการต่อสู้นั่นเอง
กฤต ซัน ก็อต ปิ๊ และติ๊ก เหล่าเพื่อนร่วมห้อง ม.๔/๘ ทั้งห้าคนนี้พึ่งจะเดินลงมาจากอัฒจันทร์ เพื่อรอต้อนรับเพื่อนนักสู้คนนี้อย่างพร้อมเพรียง ภาพของห้ากัลยาณมิตร ผู้ยืนเรียงรายอยู่บนสนามหญ้าด้วยรอยยิ้ม ประกอบกับท้องนภาสีส้มยามเย็นเป็นฉากหลัง เรียกได้ว่าเป็นภาพแห่งความประทับใจ ที่สามารถเรียกรอยยิ้มแห่งความปลาบปลื้มให้กับกันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
“หึ”
หลังจากนั้นไม่นาน ติ๊กก็ค่อยๆ ย่างเท้าเดินตรงมาหากันพร้อมชูมือขวาขึ้นมาอยู่ต่อหน้า ด้วยรอยยิ้มแห่งความยินดีที่ไม่น่าจะเห็นกันได้ง่ายๆ เลยบนใบหน้าอันเย็นชาเช่นนี้
“หมับ”
ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ ก่อนที่กันจะชูมือขวาของตนขึ้นมาบ้าง แล้วจึงเลื่อนไปจับมือของติ๊กอย่างรวดเร็ว มือของทั้งสองประสานกันแน่นราวกับไม่มีอะไรจะแยกออกจากกันได้ สัญลักษณ์นี้คือสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ ที่กันมักจะทำบ่อยๆ ไม่ว่ากับเพื่อนคนไหน และสำหรับติ๊ก นอกจากจะสื่อถึงมิตรภาพแล้ว มันยังแสดงถึงคำขอบคุณที่เขามีให้เพื่อนรักที่ดีที่สุดคนนี้ ในฐานะที่ยอมลงทุนเอาตัวเข้าแลกแทนเมื่อครั้งก่อนเริ่มศึกนั่นเอง
“...”
ภาพแห่งการประสานมือมิตรภาพนี้ ถูกมองผ่านนัยน์ตาของเอ็กซ์ที่เหลียวหลังกลับมาเจอพอดี ภาพนี้เองที่ทำให้เขาย้อนนึกกลับไปเมื่อครั้งอดีต ว่าตัวเขาเองกับกันเองก็เคยมีช่วงเวลาแบบนี้อยู่ด้วยเช่นกัน และมันคงจะดีไม่น้อย ถ้าหากเขายังสามารถรักษามิตรภาพนั้นไว้ให้ดีกว่านี้
หากแต่ทว่า ภาพแห่งมิตรภาพเมื่อครู่นี้กลับเทียบอะไรไม่ได้เลยกับภาพที่เขากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้
“พี่กัน!”
ด้วยส่วนสูงอันพอเหมาะพอเจาะ ทำให้ทันใดนั้นเอง อยู่ๆ ก็มีสาวน้อยร่างเล็กคนหนึ่งวิ่งเข้ามาแทรกกลางทั้งคู่ แล้วใช้สองแขนโอบเอวกันไว้ได้อย่างรวดเร็ว เล่นเอากันกับติ๊กถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว แต่พอเธอแหงนหน้าขึ้นมอง พวกเขาก็ดูไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรนัก เมื่อรู้ว่าสาวน้อยปริศนาคนนี้ก็คือพีช ผู้ที่กำลังโอบกอดกันด้วยความปลาบปลื้มอยู่นั่นเอง
“...”
ภาพที่อดีตรักเก่ากำลังโอบกอดกับอริคนใหม่ คงสร้างความสะเทือนใจให้แก่เอ็กซ์ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เขายังคงจ้องมองภาพนี้โดยไม่ละสายตาไปไหนทั้งสิ้น ราวกับหัวใจดวงเล็กๆ นี้ ยังไม่อาจตัดขาดจากสายสัมพันธ์เมื่อกาลก่อนได้เลย
แต่ที่สำคัญคือ ณ วินาทีนี้ เขาคงไม่มีสิทธิทำอะไรอื่นเลยนอกจากจ้องมองอย่างเดียว สถานะผู้แพ้จากการต่อสู้ตอกย้ำให้เขาเห็นแล้วว่า เธอทำถูกแล้วที่ทิ้งเขาไปอยู่กับคนที่ดีกว่า และแม้ทิฐิอันทระนงจะไม่อาจยอมรับได้ แต่ความจริงก็คือความจริง และเขามีแต่ต้องทำใจยอมรับมันให้ได้เท่านั้น
“ควับ”
เพื่อไม่ให้จิตใจบอบช้ำไปมากกว่านี้ เอ็กซ์จึงตัดสินใจหันหลังกลับไปแล้วเดินหน้าต่อในที่สุด ผ่านผู้คนมากมายที่กำลังเดินกลับบ้านเป็นหมู่คณะ แต่ละก้าวทำให้เขาเริ่มเข้าใจคำพูดของกัน ว่าเพื่อนนั้นสำคัญแค่ไหน ตัวเขาในตอนนี้แตกต่างจากกันที่อุดมไปด้วยมิตรสหายรายล้อม ใบหน้าอันบึ้งตึงของเขาเทียบไม่ได้เลยกับใบหน้าอันสนุกสนานของกัน ความโดดเดี่ยวทำให้เขาเข้าใจโดยถ่องแท้ว่า แม้ปากจะบอกสมบูรณ์แบบซักเท่าไร แต่มันจะไม่สมบูรณ์แบบเลย หากขาดเพื่อน
“โอ๊ย!”
หากแต่ทว่า จู่ๆ เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อทั้งอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ ประกอบกับผลข้างเคียงจากฝิ่นสีชาดเริ่มแสดงผล มันทำให้ร่างกายของเขาที่ยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่นัก เกิดอาการเจ็บแสบบริเวณขาทั้งสองข้าง ความเจ็บปวดนี้เกิดจากอาการเกร็งตึงของกล้ามเนื้อ และมันสาหัสมากเสียจนทำให้เอ็กซ์ ถึงกับต้องล้มทั้งยืนเลยทีเดียว และอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า เขาคงจะต้องลงไปนอนกองกับพื้นหญ้าอีกครั้งอย่างแน่นอน
“หมับ”
แต่ก่อนที่หัวเข่าจะทันปักลงถึงพื้น อยู่ๆ แขนขวาของชายคนหนึ่งก็สอดเข้ามาใต้แขน และใช้ร่างของเขาช่วยพยุงตัวเอ็กซ์ขึ้นมายืนได้อย่างทันท่วงที
“!!!”
ในสถานการณ์เช่นนี้ ไอ้หนุ่มรูปงามแทบไม่นึกไม่ฝันเลยว่าจะมีคนมาช่วยไว้ และเมื่อเขาค่อยๆ หันมามองทางด้านซ้าย มันก็ยิ่งทำให้เอ็กซ์ประหลาดใจหนักเข้าไปอีก เมื่อชายผู้นี้คือมาร์ค ผู้ที่ครั้งหนึ่งเขาเคยเล่นงานจนอาการสาหัสมาแล้วนั่นเอง
“...” เอ็กซ์อึ้งไปเลย
“จะพามันไปไหนดี”
ไม่เพียงเท่านี้ ทางด้านขวาของเขายังมีมิคที่เดินเข้ามาแล้วใช้แขนอีกข้าง ช่วยพยุงตัวเขาขึ้นมาอีกแรงหนึ่งอีก เรียกได้ว่าอึ้งกันสองต่อเลยทีเดียว
“...” เอ็กซ์ยังอึ้งไม่หาย
“...” มาร์คค่อยๆ หันคอมามองหน้าเอ็กซ์ “กูว่าพาแม่งไปฉลองความชิบหายที่เหลิมราชย์ดีกว่าว่ะ”
“มึงพูดยังกะกูมีตังค์นักล่ะ” มิคขัด
“งั้นไปแดกบ้านมึงก็ได้” มาร์คเสริมต่อ “ขวดนั้นยังเหลืออยู่ใช่ป่ะล่ะ?”
“กูแดกเองหมดเป็นชาติแล้ว...”
“กูเลี้ยงเอง” เอ็กซ์พูดแทรกขึ้นมาโดยพลัน
“!?” เพื่อนรักทั้งสองประหลาดใจเล็กน้อย
“หึ” มาร์คคลี่ยิ้มที่มุมปาก “มึงพูดเองนะ”
“เออ”
แล้วมิคกับมาร์คก็ช่วยกันพยุงร่างของเอ็กซ์เดินต่อไปเรื่อยๆ โดยมีเสียงกรีดร้องของเหล่านักเรียนหญิงที่พบเห็นแทรกเข้ามาเป็นระยะ
“กรี๊ดดดดดดดดดดด”
“แต่ไว้พรุ่งนี้นะ” เอ็กซ์มีข้อแม้ “วันนี้กูอยากนอนตายห่าแล้วเนี่ย”
“แผลแค่นี้ทำสำออย” มาร์คยิ้มบอก “ขี้อ้างชิบหาย”
“มึงลองมาโดนแบบกูป่ะล่ะ?”
ผ่านช่วงเวลาสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ต่างๆ นานามากมาย บัดนี้ ความขัดแย้งระหว่างกันกับเอ็กซ์ก็ดำเนินมาถึงบทสรุปเสียที เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพียงเพราะความเคืองแค้นอันไร้สาระ ประกอบกับความเชื่อผิดๆ ของเอ็กซ์ ที่ว่าเพื่อนเป็นแค่เครื่องมือในการก้าวไปสู่ความสมบูรณ์แบบ แต่ในที่สุด เขาก็เข้าใจโดยถ่องแท้ผ่านการต่อสู้และบทเรียนมากมายรายทาง ว่าสุดท้ายแล้ว เพื่อนก็คือคนที่จะคอยช่วยเหลือเราไม่ว่าจะดีจะร้ายแค่ไหน และชีวิตนี้จะไม่สมบูรณ์แบบเลยถ้าหากขาดสิ่งสำคัญนี้ไป
บนสนามบอลแห่งนี้ไม่มีการต่อสู้อันเต็มไปด้วยแสงสีและลีลาตระการตาอีกต่อไป หลงเหลือแต่เพียงชายสองคน ผู้กำลังใช้ชีวิตวัยรุ่นปกติธรรมดาร่วมกับเหล่าเพื่อนๆ อย่างมีความสุข แม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบเสียทั้งหมด แต่อย่างน้อยๆ มันก็คือช่วงเวลาดีๆ ที่พวกเขาจะจดจำมันไปตลอดชั่วชีวิต ในฐานะที่ครั้งหนึ่ง พวกเขาเคยต่อสู้เพื่อศักดิ์ศรีและอุดมการณ์ของตน ณ ที่แห่งนี้ ช่างเป็นจุดจบอันน่าประทับใจเสียจริงๆ
โปรดติดตามบทถัดไป
ยามวิกาล ณ สนามบาสเกตบอลโรงเรียนสุวัฒนา มันคือช่วงเวลาแห่งค่ำคืนอันมืดมิดและว่างเปล่า จากโรงเรียนอันคึกคักไปด้วยเหล่านักเรียนนับร้อยในตอนกลางวัน บัดนี้ มันกลับเปล่าเปลี่ยวไร้ผู้คนจนเงียบเหงาอย่างน่าวังเวง เหลือเพียงแสงจันทร์และแสงจากหลอดไฟใต้อาคารเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ที่คอยส่องสว่างให้สถานที่แห่งนี้ยังคงมีอะไรบ้างนอกจากความเงียบงัน
“สวบ”
แต่ก็ใช่ว่า ณ สถานที่แห่งนี้จะไร้เงาผู้คนเสียทีเดียว เพราะใต้แป้นบาสแห่งนี้ ยังมีนักเรียนชาย ม.ปลาย คนหนึ่ง ที่กำลังโยนลูกบาสเข้าห่วงอย่างแม่นยำราวมืออาชีพ เขาชู้ตบาสเล่นเพียงลำพังท่ามกลางความมืดมิด เสื้อนักเรียนถูกถอดออกและแขวนอยู่บนราวแป้น เหลือเพียงเสื้อกล้ามสีขาวที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อไคลบนร่างกายอันสูงใหญ่กำยำเท่านั้น
สีหน้าของเขาแทบไม่ได้แสดงออกถึงความเหงา ความเหนื่อย หรือแม้กระทั่งความกลัวเลยแม้แต่น้อย สมาธิเพียงจุดเดียวของเขามุ่งอยู่ที่ลูกบาสที่กำลังตกลงมากระทบพื้นเท่านั้น เรียกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนักกีฬาเลยก็ว่าได้
“ตุบๆ”
เมื่อลูกหล่นถึงพื้น นักเรียนชายคนนี้จึงรีบเดินตามไปเก็บลูกบาสที่กำลังกระเด้งกระดอนไปมาบนพื้นอย่างรวดเร็ว เขายื่นแขนขวาออกไปแล้วตบลูกกลับเข้ามาในการควบคุมอีกครั้ง เลี้ยงมันกลับเข้ามายังเส้น ๒ แต้ม แล้วจึงใช้สองมือยกลูกขึ้นเหนือหัวพร้อมกับย่อเข่าลงเล็กน้อย เพื่อเตรียมชู้ตใส่แป้นเบื้องหน้าอีกซักลูกโดยอัตโนมัติ
“!?”
แต่ก่อนจะทันได้โยนลูกออกไป นักเรียนชายคนนี้กลับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างใกล้ๆ กันนี้ เขาแสยะยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก ก่อนจะค่อยๆ หันหัวไปทางซ้ายมือในทันใด
“...”
ลางสังหรณ์ของเขาทายไว้ไม่มีผิด เพราะบริเวณทางเดินข้างสนามบาสแห่งนี้ แสงจากเสาไฟเบื้องบนได้ส่องลงมาให้เห็นร่างของนักเรียนชายคนหนึ่ง ผู้สวมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสีดำและแว่นกันแดดเท่ห์ๆ กำลังยืนพิงต้นไม้ใหญ่ พลางจ้องเขม็งมายังเขาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาเป็นใครกันนะ?
“ใส่แว่นกันแดดตอนกลางคืนนึกว่าเท่ห์มากรึไง?” นักเรียนชายใต้แป้นเอ่ยถามตรงๆ
“พอดีพ่อพึ่งซื้อมาให้อ่ะ” อีกฝ่ายรีบถอดออกอย่างรวดเร็ว “แต่ก็จริงอย่างพี่ว่าอ่ะนะ”
เมื่อถอดแว่นดำออกเผยให้เห็นถึงใบหน้าอันแท้จริง ชายคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่นใดนอกจากเอ็กซ์ ผู้พึ่งจะฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บเมื่อตอนเย็น จนกลับมาหล่อใสดังเดิมเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั่นเอง
“มีธุระไร?” ชายปริศนาใต้แป้นบาสถามต่อ พร้อมโยนลูกบาสลงห่วงอย่างแม่นยำ
“ล็อตใหม่พึ่งมา” เอ็กซ์ค่อยๆ ใช้มือซ้าย ล้วงไปหยิบอะไรบางอย่างในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ต “เลยกะจะเอามาให้พี่ลองหน่อย”
“มาได้จังหวะตอนกูกำลังเสี้ยนๆ เลยนะมึงอ่ะ” ชายปริศนาเดินไปเก็บลูกบาส จากนั้นจึงเดินตรงมาหาเอ็กซ์ช้าๆ
“แล้ว...” เอ็กซ์หยิบซองบุหรี่ซองหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “พี่ได้ดูตอนเย็นป่ะ?”
“ดู” ชายปริศนาคนนี้เดินเข้ามาใกล้เรื่อยๆ “ไหงถามงั้นวะ?”
“เปล่า”
ซองบุหรี่ในมือซ้ายของเอ็กซ์ ความจริงแล้วไม่ใช่ซองบุหรี่ธรรมดาๆ แต่เป็นซองของฝิ่นสีชาดต่างหาก มิหนำซ้ำ ฝิ่นสีชาดซองนี้ยังดูมาดใหม่ดังที่เอ็กซ์ว่าไว้จริงๆ ด้วย สังเกตได้จากซองสีขาว ตกแต่งด้วยลวดลายสีเหลืองทองมีระดับ ตรงกึ่งกลางด้านบนคือตราปีศาจสีแดงตัวหนึ่ง ขณะที่กลางซองระบุเอาไว้อย่างชัดเจนด้วยตัวหนังสือสีแดง ว่า “ฝิ่นสีชาด”
“แค่อยากถามความเห็นหน่อย” เอ็กซ์เปิดซองออก แล้วหยิบฝิ่นมวนหนึ่งออกมา
“ให้กูตอบว่าไงล่ะ?” ชายปริศนาถาม
“ตามความคิดพี่อ่ะ” เอ็กซ์หัวเราะพร้อมยื่นฝิ่นให้ชายปริศนาคนนี้ “คิดว่าแม่งเป็นไงบ้าง”
“ก็...” ชายปริศนายังยืนอยู่นอกรัศมีแสงไฟ จึงทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าได้ชัดเจนนัก “น่าสนใจดี”
“อืม...” เอ็กซ์ผงกหัวเล็กน้อยๆ
“เออ มึงมีไฟแช็คป่ะ?” ชายปริศนาถาม “สงสัยกูน่าจะลืมไว้กับโจ้”
“ผมก็ไม่ได้เอามาเหมือนกัน”
“เออๆ ช่างแม่ง”
ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ เมื่อรู้ตัวว่าไม่มีไฟแช็คคอยจุดบุหรี่ ละอองแสงสีทองนับล้านก็พลันลอยเข้ามาปกคลุมทั่วร่างของชายคนนี้อย่างรวดเร็ว แม้จะพอส่องสว่างพอให้เห็นเค้าโครงหน้าได้บ้าง แต่มันก็มากมายเสียจนบดบังใบหน้านี้ไว้แทบทั้งหมดเลยทีเดียว
ตามหลักการแล้ว ละอองแสงสีทองเหล่านี้มีหน้าที่ในการช่วยให้ คนหนึ่งคนแปลงกายเป็นอีกรูปลักษณ์หนึ่งได้อย่างน่าอัศจรรย์ จนเมื่อละอองแสงทั้งหมดซึมซับเข้าสู่ร่างของชายปริศนา มันย่อมต้องหมายความว่าเขาได้แปรเปลี่ยนเป็นอีกร่างหนึ่งแล้ว หากแต่ในความมืดมิดเช่นนี้ คงไม่อาจมีใครล่วงรู้ได้เลยว่าเขาในตอนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่
“ชู่วววววววววว”
ไม่จำเป็นต้องสงสัยอีกต่อไป เพราะบัดนี้ แสงไฟอันโชติช่วงได้ถูกจุดขึ้นมาในความมืดมิดแล้ว และยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่แสงสว่างจากไฟแช็ค ตะเกียง หรือไฟฉาย หากแต่เป็นแสงสว่างจากเปลวเพลิงสีแดง ที่กำลังลุกท่วมอยู่ทั่วทั้งแขนขวาของชายคนนี้ต่างหาก
แม้จะเป็นเพลิงอันร้อนแรง แต่ชายปริศนาคนนี้กลับไม่รู้สึกร้อนหรือเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย เขามองดูมันราวกับเป็นเรื่องปกติธรรมดา มิหนำซ้ำ ยังยกชูนิ้วชี้อันลุกโชนด้วยเปลวเพลิงขึ้นมาจุดมวนฝิ่นสีชาดแทนไฟแช็คอีกตะหาก
พลังอำนาจในการควบคุมธรรมชาติเช่นนี้ เป็นอื่นใดไม่ได้เลยนอกจาก “พร” ที่มีเพียงผู้รับพรอย่างกันกับเอ็กซ์เท่านั้นที่ใช้ได้ และจากปากคำของก็อต ผู้ใช้พรอีกคนในสุวัฒนาแห่งนี้ย่อมต้องเป็นหนึ่งในพรสามประการแน่นอน
“เออ แล้วก็อีกอย่าง”
เปลวไฟอันโชติช่วงชัชวาลส่องสว่างให้เห็นถึงรูปลักษณ์แท้จริงของชายคนนี้ในที่สุด เขาคือลิงขนสีส้มสดคนหนึ่ง รูปร่างสูงล่ำระดับนักกีฬา ส่วนใบหน้านั้น เขาไม่ใช่คนแปลกหน้าเลยสำหรับกัน เพราะอย่างน้อยที่สุด ไอ้หนุ่มหัวแหลมก็เคยเจอเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
นามของเขาคือฟัก นักเรียนชั้น ม.๖ โรงเรียนสุวัฒนา นักบาสเกตบอลประจำโรงเรียน และสำคัญที่สุด หนึ่งในพรสามประการ ผู้ถือครองพรแห่งไฟนั่นเอง
“ฝากบอกเพื่อนมึงด้วยนะว่า...”
ฟักดูดควันของฝิ่นสีชาดเข้าไปถึงข้างในปอด แสยะยิ้มเล็กน้อยให้กับเอ็กซ์ ก่อนจะค่อยๆ พ่นควันพิษสีแดงออกมาให้อีกฝ่ายได้สูดเข้าไปเต็มๆ
“เตรียมตัวเจอกูได้เลย”
สร้างสรรค์โดย
#misterS
ย้อนกลับไปเมื่อยามเย็นของวันนี้ จริงอยู่ว่าทั้งคู่จะพร้อมใจกันออกมาต่อยตีกันอย่างโจ่งแจ้งกลางสนามฟุตบอล แต่ถึงกระนั้น โรงเรียนสุวัฒนาแห่งนี้ก็ยังมีกฎระเบียบว่าด้วยการทะเลาะวิวาท และพวกเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เลย หากยังดำรงสถานะนักเรียนโรงเรียนนี้อยู่
ฉะนั้นแล้ว เมื่อสู้กันจนเสร็จสิ้นเรียบร้อย ทั้งกันกับเอ็กซ์เลยต้องมานั่งตากแอร์เย็นๆ อยู่ในห้องปกครองแห่งนี้ เบื้องหน้าอาจารย์ฝ่ายระเบียบสุดโหดอย่าง อ.นพ ผู้ที่กำลังนั่งเหยียดขาพาดโต๊ะอย่างสบายใจเฉิบ โดยมีภาพของกฤต ซัน มิค และมาร์ค กำลังเล่นเอบีซีกันอยู่นอกกำแพงกระจกเป็นฉากหลังอยู่ด้วย
“เธอรู้สึกผิดมั้ย?” อ.นพถามโดยไม่ใส่ใจนัก
“ครับ” ทั้งคู่ตอบเป็นเสียงเดียวกัน
“สำนึกป่ะ”
“ครับ”
“จะทำอีกไหม”
“ไม่ครับ”
“โอเค...” อ.นพถีบขาออกจาโต๊ะ หมุนรอบเก้าอี้หนึ่งที แล้วจึงกลับมานั่งประสานตากับทั้งคู่ “นี่ครูถามคำถามพวกนี้กับพวกเธอไปกี่ทีแล้วเนี่ย?”
“๒ ครับ/๑๑ ครับ” ทั้งคู่ตอบอย่างพร้อมเพรียง
“แล้วนี่ผมไปได้แล้วใช่ป่ะ?” เอ็กซ์ถามต่อ
“ยังๆ” อ.นพรั้งไว้ก่อน “พอดี ผอ. เห็นว่าการทะเลาะกันครั้งนี้มันออกจะ... โฉ่งฉ่างไปหน่อยอ่ะนะ ท่านเลยอยากรู้ว่ามันเพราะเรื่องอะไรกันแน่?”
“ก็ไม่มีไรครับ” เอ็กซ์ตอบโดยพลัน
“ก็แค่ทะเลาะกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง” กันเสริม “ไม่มีไรหรอกครับ”
“...” อ.นพนั่งนึกซักพัก “แล้วนี่คืนดีกันแล้วใช่ป่ะ?”
“โห หน้าอย่างมันผม...” กันกำลังจะเริ่มเอ่ยปากสาธยาย แต่ฉับพลันก็ถูกมือของเอ็กซ์ปิดเอาไว้ก่อน
“แน่นอนครับ” เอ็กซ์ยิ้มบอก ขณะที่อีกมือต้องคอยปิดปากกันไว้ “ตอนนี้ไม่เหลืออะไรค้างคากันแล้ว”
“แน่ใจนะ?” อ.นพดูจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไร “ครูว่าไม่อ่ะ”
“แล้วจะให้พวกผมทำไงอ่ะครับ” กันปัดมือเอ็กซ์ออกแล้วถาม
“ก็...” อ.นพครุ่นคิดซักครู่ “ไหนลองจับมือฉันท์เพื่อนให้ดูหน่อยดิ๊”
“!!!”
แม้จะปรับความเข้าใจกันแล้ว แต่นั่นก็เป็นแค่ประเดี๋ยวประด๋าว เพราะแค่ดูจากสีหน้าก็รู้แล้ว ว่าทั้งคู่ยังคงเหม็นขี้หน้ากันขนาดไหน การจะให้มือของทั้งสองประสานกันแน่นอีกครั้ง คงทำให้พวกเขาคิดหนักพอสมควรเลยทีเดียว
แต่คำสั่งของอาจารย์ถือเป็นที่สุด พวกเขาคงไม่อยากมีเรื่องเพียงเพราะเรื่องแค่นี้แน่ มือของกันกับเอ็กซ์จึงค่อยเลื่อนเข้ามาหากันอย่างเชื่องช้า เป็นเวลานาน ก่อนที่ทั้งสองมือจะจับประสานกันไว้ได้ ยิ่งเมื่อดูจากสีหน้าอันเกร็งๆ และไม่เต็มใจของทั้งคู่ การจับมือกันครั้งนี้จึงยากยิ่งกว่าจับของเสียเลยก็ว่าได้
“ครูยังมองไม่เห็นว่ะ” อ.นพยังไม่พอใจ “ไหนลองเอาให้มันอินกว่านี้ดิ๊”
“...”
กันกับเอ็กซ์หันมามองหน้ากันอยู่นานสองนาน ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจเลื่อนเก้าอี้เข้ามาชิดติดกัน แล้วใช้หัวลูบไล้กันไปมาราวกับอยู่ในฤดูผสมพันธุ์ สีหน้าของทั้งคู่นั้นจำต้องแสดงออกมาถึงความอิ่มสุขอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ และท้ายที่สุด หัวของเอ็กซ์จึงเลื่อนลงมาซบไหล่กัน เพื่อให้อีกฝ่ายใช้มืออีกข้างเล้าโลมไปมาตั้งแต่ต้นคอไปจนถึงต้นขา ดูๆ แล้วนี่มันคือฉากในหนังรักร่วมเพศเรื่องหนึ่งชัดๆ เล่นเอา อ.นพ ถึงกับอึ้งไปเลย ที่เห็นลูกศิษย์ทั้งสองเข้าถึงบทบาทเสียขนาดนี้
“โอเค กูซึ้งเลย!!!”
เผยแพร่โดย
TALKS COMICS & MOVIES THAI STUDIO
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ