วัยรุ่นหิมพานต์
7.9
เขียนโดย โชจัง
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.15 น.
20 บท
38 วิจารณ์
26.08K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย
16) ท้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
ยามเมฆครึ้มสีเทาขมุกขมัวเข้าปกคลุมทั่วน่านฟ้านครขีดขิน สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน จากท้องนภาสูงสู่พสุธาเบื้องล่าง เสียงหยดน้ำตกกระทบพื้นถนนปรากฏขึ้นทุกหนแห่ง ก่อเกิดเป็นสภาพพื้นถนนเปียกลื่นแสนอันตราย เหตุฉะนี้เอง จึงทำให้ยวดยานพาหนะทุกประเภททั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ร่วมสิบคันบนถนนทุกสาย ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ดังอิสระ ทำได้เพียงจอดอยู่กับที่เฉยๆ พร้อมอีกหลายๆ คันที่กำลังเรียงรายอยู่เป็นเพื่อนทั้งหน้าทั้งหลัง รอเวลาให้สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวเท่านั้น
ไม่ว่าจะหนักหรือเบาซักเพียงใด สภาวะรถติดเช่นนี้ย่อมมีให้เห็นเป็นประจำในเมืองใหญ่เช่นขีดขินแห่งนี้ เหล่าผู้สัญจรด้วยยานพาหนะทั้งหลายคงอดอิจฉาผู้คนที่เดินเท้าเปล่าข้างถนนไม่ได้ เพราะถึงแม้หลายๆ คนอาจจะคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้อยู่แล้ว แต่คงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า การนั่งอยู่เฉยๆ แล้วใช้เวลาไปอย่างไร้ค่าบนพาหนะช่างเป็นอะไรที่น่าหน่ายใจและชวนโมโหเสียจริง
“ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
หนึ่งในขบวนรถนับสิบที่ยังคงติดขนัดบนถนนเส้นใหญ่นี้ คือรถเมล์สีน้ำเงินหมายเลข ๘ อันเนืองแน่นไปด้วยเหล่าผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นหญิงชราที่ต้องทนยืนโหนราวเหล็ก ขณะที่เหล่าสุภาพบุรุษร่างกายครบ ๓๒ อีกหลายนายนั่งสบายใจเฉิบอยู่บนเบาะสบายๆ ชายสกปรกสติไม่เต็มเต็ง ผู้นั่งยิ้มอยู่ท้ายรถเพียงคนเดียวโดยไม่มีใครกล้าไปนั่งเป็นเพื่อนเลยซักราย หรือกระทั่ง นักเรียนชายโรงเรียนสุวัฒนาคนหนึ่ง ผู้ที่กำลังยืนเบียดเสียดอยู่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ใช่แล้ว คือกันนั่นเอง
เราอาจคุ้นชินกับกันผู้มาพร้อมสีหน้าและรอยยิ้มอันมีชีวิตชีวา มากเสียกว่าสภาพสลดหดหู่ดังเหมือนในตอนนี้ ทว่า หลังจากเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ สภาพจิตใจของเขาคงจะบอบช้ำเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้แล้ว
“...”
ทั้งความเจ็บปวดจากการถูหักหลัง ทั้งความอัปยศจากการต้องพ่ายแพ้แบบยอมจำนน และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็มิอาจเทียบได้กับการสูญเสียของรัก อันเป็นความรู้สึกที่เกินจะรับได้ของมนุษย์ทุกผู้ เฉกเช่นเดียวกับกันที่เพิ่งจะสูญเสียเพื่อนรักคนหนึ่งไปด้วยความขมขื่น มิหนำซ้ำ เพื่อนรักคนนี้ยังแปรเปลี่ยนเป็นอริผู้ทรยศเสียอีก ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเอ็กซ์ เพื่อนผู้ร้ายกาจแสนเจ้าเล่ห์เพียงคนเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกเหล่านี้กำลังกัดกร่อนหัวใจของกันทีละเล็กทีละน้อยประหนึ่งมรสุมแห่งชีวิต สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ คงมีเพียงการมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟังเสียงหยดพิรุณตกกระทบพื้นดังเป็นทำนองแห่งธรรมชาติ และหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเลือนหายไปจากความทรงจำในไม่ช้า โดยหารู้ไม่ว่า ยิ่งคนเราอยากลืมมากเท่าไร สมองกลับสั่งให้เราจำมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ยินดีที่ได้รู้จัก สายเลือดหนุมาน”
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ นานาในอดีตกำลังย้อนกลับมาทำร้ายกันอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ประสานมือกันด้วยความแน่นแฟ้น ท่ามกลางสายตาเหล่านักเรียนสุวัฒนาทั้งโรงเรียนเป็นสักขีพยาน ในขณะนั้น กันทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ได้คนเก่งๆ อยากเอ็กซ์มาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง ภายในใจพลอยคิดว่านี่คงเป็นบันไดอีกขั้นสู่ความยิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มันกลับกลายเป็นเพียงกับดักอันแยบยลของเพื่อนคนใหม่เท่านั้น
"มันไม่สำคัญหรอก ต่อให้มันเป็นเรื่องจริงหรือตอแหล อดีตพวกนั้นก็เปลี่ยนแปลงความเป็นเพื่อนของเราไม่ได้หรอก..."
หรือในวันที่พวกเขาต้องออกมาปรับความเข้าใจกันเรื่องพีชหน้าร้านเหล้า ประโยคที่เปล่งออกมาด้วยแววตาอันจริงใจแสนซื่อสัตย์ของเอ็กซ์ ยิ่งทำให้ ณ วินาทีนั้นเอง กันแทบจะเททั้งหัวใจให้กับเพื่อนคนนี้ด้วยความซาบซึ้ง โดยหารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้ว แววตาคู่นั้นเป็นเพียงการแสดงละครตบตาอันแนบเนียนเท่านั้น
“ก็บอกแล้วไงว่ามึงไม่ใช่เพื่อนกู”
จนกระทั่งวันนี้ วันที่ความทรงจำอันหอมหวานทั้งหมดพังทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เอ็กซ์ทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเขา ทำร้ายแบบกะจะเอาให้ตายราวกับความผูกผันในอดีตไม่มีค่าหลงเหลืออีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องปิดบังด้วยรอยยิ้มอีกแล้ว จากสายตาอันน่าเชื่อถือและเป็นมิตร แปรเปลี่ยนเป็นแววตาอันปองร้ายไร้ใยดี จากเพื่อนจอมปลอมแปรเปลี่ยนเป็นศัตรูผู้ร้ายกาจแบบเต็มคราบ เหตุการณ์ในวันนี้คงจะประทับอยู่ในจิตใจของกันอีกนานแสนนานเลยทีเดียว
“ช่างแม่งเหอะวะ...”
ความเจ็บปวดทางใจเหล่านี้ช่างร้ายแรงเกินกว่าจะทานทดได้ เขาพยายามกำจัดภาพในอดีตทั้งหมดด้วยการข่มตาเต็มแรง แต่ไม่ว่าอย่างไร จิตใจของมนุษย์ก็ใช่ว่าจะบังคับกันได้ง่ายๆ อยู่ดี ยิ่งใจอยากลืม สมองก็ยิ่งอยากจำ ต่อจากนี้ กันคงต้องใช้เพียงเวลาในการเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำต่อไปเท่านั้น
“ติ๊ง!”
ทว่า ในระหว่างที่กำลังเศร้าๆ อยู่นั้นเอง จู่ๆ สังข์ในกระเป๋าโจงกระเบนของกันก็เกิดสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน หากสั่นติดต่อกันหลายๆ ที นั่นคงหมายความว่าคงมีใครซักคนต้องการจะติดต่อเขาเป็นแน่ แต่ครั้งนี้กลับเป็นเพียงการสั่นแค่ครั้งเดียว เหมือนพยายามจะแจ้งเตือนเหตุด่วนให้กับเจ้าของเท่านั้น นั่นหมายความว่า มันอาจเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น อาจเป็นข้อความจากเพื่อน ข้อความโฆษณาที่ส่งกันมาไม่หยุดหย่อน หรือถ้าคิดในแง่ดีที่สุด มันอาจเป็นข้อความขอโทษจากเอ็กซ์ก็เป็นได้
“...!!!”
ด้วยเหตุฉะนี้เอง สติอันหลุดลอยไปกับการรำลึกความหลังจึงสามารถหวนคืนสู่ร่างได้ด้วยคลื่นสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อรู้สึกตัวได้ กันจึงค่อยๆ ใช้มือขวาล้วงเข้าไปหยิบสังข์ในกระเป๋าออก เปิดหน้าจอแสงขึ้นมาเหนือตัวสังข์เพื่อดูว่าเกิดอะไร ทว่า สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อมันขึ้นเป็นตัวอักษรกลางหน้าจอสีฟ้าตัวเล็กๆ ว่า "X Jiratis ได้กล่าวถึงคุณในกระทู้..."
“!!!”
หากเทียบกับชื่อเล่นและนามสกุลแล้ว นี่คงเป็นชื่อบัญชีผู้ใช้ของเอ็กซ์ไม่ผิดแน่ แล้วเพราะเหตุใดกันนะ เอ็กซ์ที่พึ่งจะเล่นงานกันจนเกือบหมดสภาพเมื่อครู่ ถึงต้องมากล่าวถึงเขาในโลกสังคมออนไลน์ให้โลกรู้แบบนี้ ความไม่ชอบมาพากลผุดขึ้นมาเต็มหัวกันด้วยความฉงนสงสัย ไอ้หนุ่มหัวแหลมรีบใช้นิ้วสไลด์หน้าจอเพื่อเปิดเข้าไปดูโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เขากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ มันช่างเป็นอะไรที่ชวนตกใจและเหนือความคาดหมายของกันยิ่งกว่านี้อีก
“...”
อีกฟากหนึ่ง ณ ร้านสตาร์บ่าว ร้านกาแฟแบรนด์ดังอันเลื่องชื่อด้านความหอมกลมกล่อมของเมล็ดกาแฟ หากแต่วัตถุประสงค์หลักของลูกค้าทั้งหมดภายในร้าน กลับเป็นเพียงการหาสถานที่อันสงบร่มรื่นด้วยการตกแต่งอันสวยงาม สำหรับการนั่งตากแอร์อีกเป็นชั่วโมงเท่านั้น โดยส่วนมากมักจะเป็นผู้มีฐานะทางการเงินในระดับหนึ่งตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงวัยทำงาน และหนึ่งในนั้นก็คือพีชกับหยก เด็กสาว ม.ต้น สังเกิดโรงเรียนสุวัฒนา ๒ คน ที่กำลังนั่งคุยกันไปพลางจิบกาแฟไปพลางอยู่บนบาร์ติดกำแพงกระจกหน้าร้านนั่นเอง
ในมือของพีชนั้นกำลังถือสังข์เอาไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสเหมือนเคย ขณะที่หยกก็คอยจ้องมองดูอยู่ไม่ขาดตาอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งหน้าจอเหนือสังข์นี้ก็แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังพิมพ์ข้อความไปหา “กัน มาเยือน” ดูจากชื่อแล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักหากเธอจะยิ้มหน้าบานได้ซะขนาดนี้
“ส่งไปแล้ว” พีชกดส่งข้อความไป ก่อนจะรอข้อความตอบกลับอีกซักพัก “...”
“...”
“ว่าไง?” ผ่านไปซักพักแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยกจึงจำต้องถามไถ่เสียหน่อย
“ก็...” พีชทำท่าเขินนิดๆ ก่อนจะเหล่ไปยังหน้าจอสังข์ “ยังไม่อ่านเลยเนี่ย”
“มา กูพิมพ์เอง” หยกรีบฉกสังข์ของเพื่อนมาไว้ในมือทันควัน
“อีเชี่ย!” พีชพยายามจะแย่งคืน แต่มีหรือหยกจะยอมให้ง่ายๆ “เอามานะ!”
“เอาเป็น...” หยกค่อยๆ บรรจงกดลงไปบนแป้นพิมพ์ “พีชเหงาอ่ะ... มาเจอพีช... หน่อยได้มั้ย....”
“หยุดเลยนะดอก!” พีชเริ่มโวยวาย “เล่นกับมึงป่ะเนี่ย”
“คะ...” หยกคงรู้สึกดีมากที่ได้แกล้งเพื่อนแบบนี้ “ส่งไปแล้วเนี่ย”
“เหี้ย!” กว่าจะได้กลับมาก็สายไปเสียแล้ว “มึงเล่น...”
“ติ๊ง!” ทว่า จู่ๆ ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาขัดจังหวะอารมณ์เสียก่อน
“ไรอีกวะเนี่ย” พีชเปิดเข้าไปตามแจ้งเตือนก่อน “...”
ทว่า ทันทีที่เธอเปิดเข้าไปดูตามแจ้งเตือนปริศนานี้ สีหน้าของสาวน้อยก็แปรเปลี่ยนจากเดิมในทันใด ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงกลับกลายเป็นสีหน้าอันหวาดวิตกด้วยความใจหายถึงที่สุด ประหนึ่งเธอเพิ่งจะทำความผิดร้ายแรงมายังไงยังงั้น และไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หากสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอสังข์ของพีช จะเป็นกระทู้เดียวกับที่กันเพิ่งจะได้รับเมื่อซักครู่นี้นั่นเอง
“...”
คำถามต่อมาก็คือ เนื้อหาในกระทู้นี้มันคืออะไรกันแน่นะ ถึงทำให้กันกับพีชเป็นอันต้องตกใจและหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ และคงไม่ใช่แค่พวกเขาสองคนแน่ที่รู้เรื่องนี้
“!!!”
มีใครซักคนเคยกล่าวไว้ว่า สมัยปัจจุบันนี้คือยุคแห่งโลกาภิวัตน์ เพราะเพียงแค่มีเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทุกคนบนโลกก็สามารถสื่อสารกันได้โดยสะดวกโยธินไร้ข้อจำกัด เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่แค่กันกับพีชเท่านั้นที่ได้รับกระทู้นี้ แต่มันยังสามารถเผยแพร่ไปสู่สายตาเหล่านักเรียนสุวัฒนานับสิบนับร้อย ที่กำลังกระจายตัวอยู่ทั่วนครขีดขินได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น
“!!!”
ไม่ว่าจะเป็นกฤต ซัน และก็อตที่กำลังนั่งคุยกันบนบันไดหน้าร้านสะดวกซื้ออยู่ดีๆ เมื่อพวกเขากดเข้าไปดู ก็ยังต้องตกใจไปตามๆ กันกับเนื้อหาในกระทู้บนหน้าจอสังข์ของก็อต ดูท่าแล้ว คงจะเกี่ยวข้องกับเพื่อนของพวกเขาเป็นแน่
“โดนจนได้สิน่า”
หรือจะเป็นกันย์ ผู้ที่กำลังนั่งพักอยู่ข้างสนามบาสโรงเรียนด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัวพร้อมนักกีฬาคนอื่นๆ ก็ยังอดรู้สึกตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ทว่า สีหน้าของเขากลับไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก เหมือนกับว่าสามารถคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้าได้แล้วยังไงยังงั้น
“...”
ท้ายที่สุดคือติ๊ก ผู้ที่กำลังเดินกลับมาจากการเรียนพิเศษเพียงลำพังด้วยความว้าเหว่ ทันทีที่เปิดเข้าไปดูกระทู้นี้ เขาอึ้งเสียจนแทบจะหยุดชะงักไปกับที่เลยทีเดียว สีหน้าและแววตาผ่านกรอบแว่นกลมๆ นี้ แสดงถึงความตกใจไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่เฉกเช่นเดียวกับกันย์ เพราะไม่นานนัก หนุ่มแว่นกลับทำท่าประหนึ่งรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าทุกอย่างจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อดที่จะรู้สึกกลัดกลุ้มเพื่อนรักคนนี้ไม่ได้ มิหนำซ้ำ ยังทำทีเหมือนกับเป็นความผิดเขาเองเสียอีก
“กูอุตส่าห์เตือนแล้วนะ”
“กูไม่นึกเลยว่าเพื่อนอย่างมึงจะทำแบบนี้ได้ลงคอ
กูคิดมาตลอดว่ามึงเป็นคนที่ไว้ใจได้และซื่อสัตย์อีกคนหนึ่ง
แต่มึงกลับทำลายมิตรภาพของเราแบบนี้เนี่ยนะ
กูพยายามบอกแล้วนะว่าระหว่างกูกับพีชมันไม่มีอะไรกันอีกแล้ว
กะอีแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องมึงต้องทำงี้เลยเหรอวะ?
มึงทำลายความสัมพันธ์ของเราได้ลงคอเลยเหรอวะ?
กูไม่เข้าใจมึงเลยจริงๆ
วันนี้มึงอาจแพ้
แต่กูจะให้โอกาสมึงอีกรอบ
พรุ่งนี้ ๔ โมง สนามบอล”
ข้อความข้างต้นนี้เป็นเนื้อหาในกระทู้ทั้งหมด ที่เอ็กซ์ในชื่อ “X Jiratis” เผยแพร่ลงสู่หน้าตำรา อีกหนึ่งโซเซี่ยลเน็ตเวิร์คยอดฮิตของชาวอโยธยา อีกทั้งยังกล่าวถึงกันกับพีชในนาม “กัน มาเยือน” “Peach Peachie” เอาไว้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น กระทู้นี้ยังถูกตั้งค่าให้เผยแพร่แก่สาธารณะชน นั่นหมายความว่าทุกๆ คนมีสิทธิที่จะเห็นข้อความนี้ทั้งหมด จึงเป็นธรรมดา หากมันจะเผยแพร่เข้าสู่สายตาเหล่านักเรียนสุวัฒนาได้ว่องไวราวติดจรวด เรียกได้ว่าสื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทต่อชีวิตวัยรุ่นสมัยใหม่เสียจริงๆ
กันคงรู้สึกตกใจไม่ใช่น้อยทันทีที่อ่านข้อความในกระทู้นี้จบ เพราะมันเป็นเหมือนคำกล่าวหาแบบประจานให้คนอื่นๆ รู้ทั่วถึงกัน ทั้งยังเป็นสาส์นท้าต่อยตีโดยมีเหล่านักเรียนนับสิบเป็นพยานอีกด้วย ตัวหนังสือก็ว่าแย่แล้ว หากแต่เมื่อเขาค่อยๆ ใช้นิ้วเลื่อนลงข้างล่างเพื่อดูต่อไปเรื่อยๆ ความรู้สึกจากตัวหนังสือเมื่อครู่นี้ เทียบไม่ได้กับภาพที่เขากำลังจะได้เห็นเลยแม้แต่น้อย
“!!!”
เพราะนอกจากจะกล่าวหาอีกฝ่ายแบบสาดเสียเทเสียแล้ว เอ็กซ์ยังแนบภาพของมาร์ค ผู้ที่กำลังนอนหมดสติด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสอยู่กับพื้น เห็นได้ชัดจากเลือดสีแดงที่ทะลักออกจากปากเป็นจำนวนมาก เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าผู้ที่ทำให้เพื่อนคนนี้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้มิใช่ใครอื่นใด นอกจากตัวเขาเองที่กล้าลงมือทำร้ายเพื่อนตัวเองได้อย่างเลือดเย็น แต่กับคนอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ พวกคงมิอาจล่วงรู้ถึงความข้อเท็จจริงนี้ได้แน่เลย
แค่ภาพถ่ายเพียงภาพเดียวคงเพียงพอแล้วสำหรับใช้เป็นหลักฐานกล่าวหากัน เพราะเมื่อมันถูกยกมาประกอบข้อความข้างต้นแล้ว เหล่าผู้คนนับร้อยนับพันที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่คงต้องเชื่อสนิทใจเลยว่า ทั้งหมดที่เอ็กซ์เขียนขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริงแท้ทุกประการอย่างแน่นอน พีชเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด มาร์คคือผู้เคราะห์ เอ็กซ์คืออัศวินขี่ม้าขาว และกันก็คือจำเลยสังคมผู้ชั่วร้ายนั่นเอง
“...”
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลกลับเป็นเพียงเรื่องโกหกที่ชายคนนี้กุขึ้นมาเพียงคนเดียวเท่านั้น พีชอาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย กันเป็นเพียงชายผู้ทำทุกอย่างตามความถูกต้อง ส่วนภายใต้หน้ากากอันเสแสร้งและหลอกลวง เอ็กซ์ก็คือปีศาจร้ายตัวจริงเสียงจริง ผู้ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง จนกล้าลงมือทำร้ายเพื่อนตัวเองด้วยเหตุผลอันไร้สาระ มิหนำซ้ำ ยังกล้าโยนความผิดให้คนอื่นแบบหน้าด้านๆ เสียอีก จนไม่อาจเข้าใจได้เลยว่ากันไปทำอะไรให้เอ็กซ์กันแน่ เขาถึงจ้องจองล้างจองผลาญได้ถึงเพียงนี้
ทั้งหมดที่เอ็กซ์ทำคือการสับเปลี่ยนสถานะระหว่างตัวเขาเองกับกัน สลับจากคนร้ายมาเป็นผู้บริสุทธิ์ จากวายร้ายผู้โฉดชั่วสู่วีรบุรุษ จุดมุ่งหมายเดียวก็เพื่อการซ้ำเติมกันให้จมดินด้วยกระแสสังคม เขาคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ว่าถึงแม้กันจะออกมาแก้ตัวตามความเป็นจริงซักเพียงใด แต่สถานะของกันกลับเทียบไม่ได้กับเอ็กซ์เลยแม้แต่น้อย ขณะที่เอ็กซ์เป็นถึงดาวโรงเรียนผู้โด่งดังแห่งสุวัฒนา กันกลับเป็นเพียงอันธพาลบ้าๆ บอๆ คนหนึ่งก็เท่านั้น แค่นี้ก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีแล้วว่าคนเขาจะเลือกเชื่อฝ่ายไหนมากกว่ากัน
“...”
หัวใจของกันถูกย่ำยีจนแทบจะป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ไม่แตกต่างจากก้อนหินที่ถูกค้อนทุบลงมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็ย่อมมีวันแหลกสลาย ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทั้งหมดทั้งมวลที่เอ็กซ์ทำกับเขามันช่างร้ายแรงเกินกว่าใครจะทานทดได้เลย
เขาอยากจะร้องไห้ แต่จิตวิญญาณของลูกผู้ชายได้หักห้ามน้ำตาเหล่านั้นไว้ จากแววตาอันโศกเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นแววตาอันโกรธแค้นเหลือคณานับ สังข์ที่เขากำไว้แน่นเพื่อระบายอารมณ์ภายในใจทั้งหมดถึงกับแตกร้าวด้วยแรงบีบอันมหาศาล บัดนี้ กันไม่อาจทำใจลืมเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาได้เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีกต่อไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ มีเพียงการชำระบัญชีแค้นตามคำท้าในวันพรุ่งนี้เท่านั้น เป้าหมายเดียวของเขาคือการกระชากหน้ากากของเอ็กซ์ออกมาเท่านั้น
“สหายเอ็กซ์”
วัยรุ่นหิมพานต์
บทที่ ๑๖ ท้า
“แซ่ดๆๆๆๆๆ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ สุวัฒนา เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในวันนี้คงไม่มีเรื่องไหนเป็นที่ฮือฮาเท่าเรื่องของเอ็กซ์กับกันเมื่อวานก่อนอีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ม.ต้น หรือ ม.ปลาย ประเด็นร้อนที่ทุกคนต่างพูดถึงเป็นเสียงเดียวกันเห็นจะมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น
“ใช่ๆ แล้วพี่เอ็กซ์ก็... ตกลงจะต่อยกันจริงป่าวเนี่ย... แม่งเหี้ยจริงมันอ่ะ...”
ฟังจากประโยคกระซิบกระซาบเหล่านี้แล้วก็คงไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าไรนัก เพราะทั้งโรงเรียนต่างเข้าข้างเทพบุตรอย่างเอ็กซ์แทบทั้งหมด โดยเฉพาะกับเหล่าหญิงสาวที่แลดูจะแสดงตัวจนออกนอกหน้าประหนึ่งสาวกผู้ถวายชีวิตเลยทีเดียว
“เออ แล้วก็งี้นะ... เห็นเค้าว่าพี่เอ็กซ์... จริงดิ!? แล้วพีชมันจะ... แรดเกินมั้ง”
และเช่นเดียวกับห้องเรียนชั้น ม.ต้น ห้องนี้ ทุกคนต่างสนทนาเป็นเรื่องเดียวกันลั่นห้องจนแทบจะเป็นวาระแห่งชาติเลยทีเดียว โดยหารู้ไม่ว่า อีกหนึ่งผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญได้เดินทางมาถึงเสียแล้ว
“!!!”
ผู้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้งระหว่างกันกับเอ็กซ์ ก็คือสาวน้อยน่ารักนามว่าพีชนั่นเอง ทุกคนอาจลืมตัวไปชั่วขณะว่าเธอเองก็เรียนอยู่ห้องนี้ด้วย ถึงได้นินทาเจี๊ยวจ๊าวจนดังชัดถึงหูเจ้าตัวแบบนี้ แต่เมื่อสังเกตจากสีหน้าอันซึมเศร้าผิดกับทุกๆ วัน เสียงนินทาเมื่อครู่จึงพลันเงียบหายไปในพริบตา ก่อนที่สายตาทุกคู่จะหันมาจับจ้องยังเธอคนนี้แทนอย่างรวดเร็ว
“มองเหี้ยไร”
แค่คำพูดเบาๆ ผ่านสายตาอันแข็งกร้าวเพียงคำเดียว ถึงกับทำให้ทุกคนหันกลับไปทำธุระของตนต่อแทบไม่ทันเลยทีเดียว สาวน้อยค่อยๆ ย่างเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะหลังห้องของเธอ แล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งอย่างไร้อารมณ์ในที่สุด
“พีช...” หยกที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร กูสบายดี” แต่ดูจากการนอนก้มหน้าไปกับโต๊ะแบบนี้แล้ว มันช่างตรงกันข้ามกับคำพูดเสียจริงๆ
“...” หยกเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน “อย่าคิดมากนะมึง”
“...” พีชทำได้เพียงรับฟังแนวทางจากเพื่อนคนนี้เท่านั้น “เออ”
“...”
พื้นที่พักสายตา
อีกฟากหนึ่ง ณ ม.๔/๗ ในบรรดาห้องเรียนนับสิบ ณ สุวัฒนาแห่งนี้ คงไม่มีห้องไหนจะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ดีเท่าห้องนี้อีกแล้ว เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ที่แห่งนี้ก็คือห้องเรียนประจำของตัวการสำคัญอย่างเอ็กซ์นั่นเอง
“อยู่ดีๆ แม่งก็เตะเหี้ยมาร์คปลิว ตอนนั้นกูแบบอึ้งไปเลยอ่ะ มันทำลงคอได้ไงวะ...”
แม้จะผ่านไปเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่บาดแผลจากทั้งหมดการต่อสู้เมื่อวานกลับหายดีเป็นปลิดทิ้งชนิดไม่หลงเหลือร่องรอยเลยแม้แต่น้อย เขากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะหลังห้องของตนตามปกติ ล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยเหล่าเพื่อนๆ ผู้คอยฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความอยากรู้อยากเห็น เห็นชัดว่าฝีมือการแสดงของไอ้หนุ่มรูปงามคนนี้ยังคงไร้ที่ติเหมือนเคย เอ็กซ์สามารถแสดงสีหน้าอันชวนสงสารพลางพ่นคำโกหกหลอกลวงออกมาได้แบบไม่อายปาก เรียกความเห็นใจจากเพื่อนๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“...”
ทว่า ในระหว่างที่กำลังสาธยายคำโป้ปดออกจากปากแบบไม่หยุดหย่อนนี้เอง นักแสดงเจ้าบทบาทกลับหารู้ไม่ว่า บัดนี้ ผู้เคราะห์ร้ายตัวจริงเสียงจริงอย่างมาร์คได้เดินหิ้วกระเป๋ามาถึงยังหน้าห้องสียแล้ว และดูท่าว่า นี่คงไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน
“เอ็กซ์!!!”
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าช่างเสียดแทงหัวใจมาร์คเสียจริงๆ เขารู้สึกเหมือนกับตนเองเป็นเช่นคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ เป็นเพียงเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ให้กับเอ็กซ์เท่านั้น ความรู้สึกเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นดั่งเชื้อเพลิงชั้นดีให้กับโทสะตั้งแต่คราก่อน และดูจากสีหน้าแล้ว เขาคงไม่อาจอดกลั้นไหวอีกต่อไป ถึงเวลาเอาคืนให้สาสมแล้ว
ไม่ลังเลใจใดๆ ทั้งสิ้น มาร์คทิ้งกระเป๋าเป้ลงกับพื้น ใส่ความแค้นทั้งหมดลงไปในกำปั้น วิ่งเข้าไปต่อยหน้าเอ็กซ์ท่ามกลางสายตาเพื่อนทั้งห้องแบบไม่ทันให้ตั้งตัวซักนิด หมัดอันเปี่ยมล้นไปด้วยโทสะนี้ช่างหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เอ็กซ์ถึงกับล้มตกเก้าอี้ไปในทันใด ซึ่งนั่นก็น่าจะสมควรแล้วกับสิ่งที่เขาทำลงไป
“มึงทำเหี้ยไรของมึง!!!”
แค่หมัดเดียวคงยังไม่สาสมกับที่เอ็กซ์ทำลงไป มาร์คจึงพยายามพุ่งเข้าไปซ้ำอีกฝ่ายต่อแทบจะทันที แต่ก็ถือเป็นโชคดีสำหรับเอ็กซ์ ที่แถวๆ นั้นเต็มไปด้วยเหล่าเพื่อนฝูงเพศชายที่คอยช่วยกันสกัดอีกฝ่ายเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
แต่กลับกลายเป็นว่า เอ็กซ์แทบไม่ได้แค้นเคืองอะไรกับหมัดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่า เขาจำต้องกัดฟันทนเพื่อแสดงมาดพระเอกผู้แสนดีเข้าไว้นั่นเอง
“ใจเย็นๆ ดิวะ เป็นไรของมึงเนี่ย” เพื่อนๆ ที่เหลือพยายามเกลี้ยกล่อมมาร์คให้ได้
“อูย” เอ็กซ์ค่อยๆ ยันตัวขึ้นมายืนได้อีกครั้งโดยไม่ยี่หระใดๆ ทั้งสิ้น “เมื่อวานเป็นไงบ้าง มาร์ค”
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยไอ้เหี้ย!!!” มาร์คยังพยายามสู้แรงเพื่อนๆ ไม่ถอย “มึงทำอะไรไปมึงรู้อยู่แก่ใจแล้วไม่ใช่เหรอ!!!”
“...” เอ็กซ์นึกซักพัก ก่อนจะค่อยๆ เดินตรงมาหามาร์ค “เอาเป็นว่าใจเย็นๆ แล้วเรามาคุยกัน...”
“เย็นเหี้ยไร!!!” มาร์คปฏิเสธทันที “มึงคิดว่าทำแบบนี้จะช่วยอะไรได้เหรอ!!! ปล่อยกู...”
“ทำแบบนี้แล้วจะได้ไรขึ้นมา?” เอ็กซ์โน้มตัวลงมาอยู่ข้างๆ หูมาร์ค จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ ใส่อีกฝ่ายแบบที่ว่าให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “ถึงมึงต่อยกูได้ มึงคิดเหรอว่าจะแก้ไขอะไรได้?”
“...” มาร์คอึ้งไปเลยทันทีที่ได้ยินประโยคนี้
“แล้วกูจะบอกไรให้อย่างนะ...” คำพูดของเอ็กซ์น่าหวาดผวาขึ้นทุกที “มึงเอาชนะกูไม่ได้หรอก”
“...”
แค่เพียงเสียงกระซิบกระซาบอันแผ่วเบาก็เล่นเอาอารมณ์โกรธอันรุนแรงของมาร์คค่อยๆ เย็นตัวลงในทันใด ความโกรธภายในใจหาได้จางหายไปแต่อย่างใด แต่เขาจำต้องสงบสติอารมณ์เพื่อคิดไตร่ตรองให้ดีตามคำพูดของอีกฝ่าย และมันน่าเจ็บใจก็ตรงที่ว่าเขาพูดถูกต้องทุกประการจริงๆ
“อารมณ์ดียัง?” เอ็กซ์ยิ้มถาม “อย่าทำหน้างี้ดิวะ?”
“ชั่ว”
มาร์คคงจำต้องยอมแบบเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว แต่ก็ไม่ลืมฝากคำด่าสั้นๆ แต่ได้ใจความทิ้งท้าย ก่อนจะกลับไปนั่งยังที่ของตนตามลำพังด้วยความไม่พอใจ ขณะที่คำด่าอันกลั่นออกมาจากใจนี้ แทบไม่มีผลอะไรกับเอ็กซ์ที่ยังคงตีหน้าระรื่นได้เลยแม้แต่น้อย
“เมื่อกี้เล่าถึงไหนแล้วนะ?”
ถัดจากห้อง ๗ ก็คือห้อง ๘ ที่ตั้งอยู่ชิดติดกันดั่งบ้านใกล้เรือนเคียง เสียงสนทนาดังเจี๊ยวจ๊าวเกี่ยวกับเรื่องของกันกับเอ็กซ์ยังมีให้ได้ฟังเหมือนทุกห้อง แต่ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก เมื่อโต๊ะตัวหลังสุดของห้อง ข้างๆ กับโต๊ะของติ๊กกลับยังคงว่างเปล่าไร้เจ้าของ เหตุเพราะนี่คือโต๊ะของผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ ทุกคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่ากันหายไปไหนกันนะ? ทั้งๆ ที่สี่โมงเย็นวันนี้ เขามีนัดต้องเข้าต่อสู้กับเอ็กซ์ตามสาส์นท้าที่ให้ไว้ หรือเป็นเพราะเขาไม่กล้าพอกัน? ถึงยังหายหัวอยู่จนถึง ณ บัดนี้
“...”
๓ ชั่วโมงถัดมา
“”กิ๊งก่องๆๆๆๆๆๆ”
เวลาพักเที่ยงล่วงเลยมาถึงเสียที หลังจากทานข้าวเสร็จจนอิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บัดนี้คงได้เวลาที่เหล่านักเรียนทุกคนจะกลับมาประจำยังห้องของตน ทุกคนต่างกำลังนั่งฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ กับเหล่าเพื่อนฝูงตามห้องของตน เพื่อรอคอยคาบเรียนต่อไปที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้แล้ว
เฉกเช่นเดียวกับติ๊กที่กำลังนั่งควงปากกาไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ใช้เวลาอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์กับการกระทำอันไร้ความหมาย ขณะที่นัยน์ตาก็คอยเหลือบไปมองยังโต๊ะข้างๆ อันไร้ซึ่งเงาเพื่อนของตน ถึงแม้จะล่วงเลยมาจนถึงครึ่งบ่ายแล้ว กันก็ยังไม่โผล่หน้ามายังสุวัฒนาเสียที นั่นจึงทำให้เพื่อนสนิทคนนี้มิอาจหักห้ามใจสงสัยได้เลย
“นี่ก็บ่ายแล้วนะ” จู่ๆ ก็อตก็เดินถือกล้องตัวโปรดเข้ามาหา “แม่งยังไม่มาอีกเหรอวะ?”
“เออ” ติ๊กบอกด้วยความเย็นชาไม่เคยเปลี่ยน “แปลกมาก”
“มึงลองทักไปหา...”
“กูทักไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ติ๊กตอบก่อน “จนตอนนี้แม่งยังไม่อ่านเลยเนี่ย”
"เหรอ..."
“ก็แม่งโดนเอ็กซ์เล่นมานี่หว่า” ซันเข้ามาแสดงความเห็นบ้าง “รอดมาได้ก็บุญแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“งั้นก็มีอยู่สองอย่าง...” ก็อตตั้งขอสงสัย “ไม่ป่วย... ก็ป๊อด”
“...” ความเงียบเข้าครอบงำในทันใด
“มึงว่า...” กฤตที่กำลังเล่นสังข์อยู่บนโต๊ะเอ่ยขึ้นมา “เรื่องที่เอ็กซ์พูดมันจริงป่ะวะ”
“แหล” ทั้งสามตอบเป็นเสียงเดียวกันโดยพลัน
“ถึงกูจะสนิทกับมันมาก่อนก็เหอะ” ก็อตออกความเห็น “แต่กูเชื่อว่าครั้งนี้แม่งกุขึ้นมาเองชัวร์เลยว่ะ”
“คนอย่างแม่งอ่ะไม่กล้าทำไรแบบนั้นหรอก” กฤตเสริม
“เทียบกันแล้ว...” ติ๊กบอกด้วยสีหน้าซึๆ “เหี้ยกันแม่งดีกว่าเป็นไหนๆ..."
“พี่ก็อต”
ทว่า ในระหว่างที่กำลังถกประเด็นกันอย่างเมามันนั้นเอง อยู่ดีๆ พีชก็ได้เดินเข้ามาหาพวกเขาถึงห้องแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเสียแล้ว และดูจากสีหน้าอันแสดงความเศร้าจางๆ ในจิตใจ เหตุผลที่เธอมายังที่แห่งนี้คงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแน่
“พีช?” ก็อตร้องทักด้วยความสงสัย
“พี่กันอยู่ไหน?” พีชเอ่ยถามด้วยความจริงจัง
“ก็...” ก็อตไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน เมื่อเจอสีหน้าแบบนี้ “มันยังไม่มาเลยเนี่ย...”
“แล้ววันนี้จะมามั้ย?”
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ” ก็อตบอกไปตามตรง “เดี๋ยวถ้ามันมา...”
“ไม่ต้องหรอก” พีชบอกไป “พีชไม่อยากเจอหน้าพี่กันหรอก”
/แล้วมึงจะมาหาทำไมวะ?/ ก็อตคิด
“แต่ฝากบอกพี่เค้าหน่อยนะว่าพีช...”
“นึกไม่ถึงเลยนะว่าจะป๊อดขนาดนี้”
ไม่ใช่แค่พีชเท่านั้นที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญ เพราะบัดนี้ ยังมีอีกหนึ่งบุรุษปริศนา ผู้มาเยือนห้อง ม.๔/๘ แห่งนี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียแล้ว แค่เพียงเห็นหน้า ทุกๆ คนในห้องโดยเฉพาะพีชก็ถึงกับต้องขนลุกซู่ด้วยความตกใจและหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แววตาและรอยยิ้มอันเป็นมิตรซุกซ่อนอะไรไว้ข้างไหนบ้างคงไม่อาจมีใครรู้แน่ชัด ผู้ชักใยเบื้องหลังทั้งหมดปรากฏกายออกมาเสียที เอ็กซ์มาถึงห้อง ๘ แล้ว
“!!!” เล่นเอาทุกคนอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว
“ฝากบอกมันอีกคนด้วยว่า...” เอ็กซ์แสยะยิ้มเอ่ย “ถ้าปอดแหกนัก ยอมแพ้ตอนนี้ยังทันนะ”
“...” ต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน
“เฮ้ย!” เอ็กซ์ยิ้มเยาะ “กูคนนะไม่ใช่ผี ทำไมต้องทำหน้างี้ด้วยเนี่ย!?”
“...” ความเงียบงันยังไม่จางหายไป
“โอเค เดี๋ยวจะไล่ไปทีละคนละกัน ก็อต ติ๊ก กฤต ซัน แล้วก็... อ้าว! พีช!” เอ็กซ์ชี้นิ้วไล่ตามไปเรื่อยๆ“ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีป่าว?”
“...” แต่เมื่อดูจากสายตาแล้ว พีชคงไม่อยากเสียเวลาพูดด้วยเป็นแน่
“งั้นเหรอ?” เอ็กซ์คงรู้อยู่แก่ใจแล้ว “ถ้าเกิดไม่สบายใจไรเนี่ย มาหา...”
“คนอย่างพี่เทียบพี่กันไม่ได้แม้แต่ปลายตีนหรอก” หลังจากเงียบอยู่นาน ก็ถึงเวลาที่พีชจะได้เอ่ยปากเสียที
"อูยยยยยย" ก็อตถึงกับร้องแทนเอ็กซ์เลยทีเดียว
“...” แทงใจดำเอ็กซ์เข้าไปเต็มๆ แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มได้อยู่ “ที่ว่าเทียบไม่ได้อ่ะ พีชเอาไรมาวัดเหรอ?”
“ก็...” คำถามนี้พีชก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน “...”
“พีชก็เห็นแล้วนี่ว่าเมื่อวานมันทำอะไรบ้าง” เอ็กซ์เริ่มโน้มน้าวใจอีกฝ่ายด้วยคำโกหกภายใต้ใบหน้าอันห่วงใย “เค้าเห็นมากับตาเลยเนี่ยว่ามันเป็นคนยังไง กล้าซ้อมไอ้มาร์ค กล้าซ้อมเพื่อนตัวเองซะขนาดเนี้ย มันเลวแค่ไหนพีชก็คงมีวิจารณญาณเข้าใจได้นะ ในฐานะคนเคยมีเยื่อใย เค้าก็อยากเตือนนะว่าคนสมบูรณ์แบบอย่างพีชไม่คู่ควรกับมัน...”
“พีชไม่เชื่อคำพูดคนอย่างพี่หรอก!!!” พีชเถียงสุดใจ
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสิวะ!!!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่คล้อยตาม เอ็กซ์ก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่เสียแล้ว
“...” นิ่งไปตามๆ กันเลยทีเดียว “ก็เพราะพี่เป็นแบบนี้ไง...”
“โอเค...” เอ็กซ์พยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด “เมื่อกี้เค้าขอโทษ แต่ก็ขอให้ฟังที่เค้าพูดด้วยนะ”
“...” พีชเริ่มคิดตาม
“ง่ายๆ เลย ดูอย่างวันนี้ดิ!” เอ็กซ์ยังไม่หยุดซ้ำเติมกัน “แค่ท้าต่อยกันตัวๆ แบบลูกผู้ชายมันยังไม่กล้ามาเลยเนี่ย งี้เหรอที่เรียกว่าดีกว่าพี่?”
“...” มันคือความจริง
“ฮะๆๆๆ มันตลกนะเนี่ย ฮะๆๆๆ” จู่ๆ เขาก็หัวเราะสะใจขึ้นมาไม่สนสายตาใครทั้งสิ้น “ยิ่งใหญ่ไรของแม่งวะเนี่ย แบบเนี้ยมันเรียกหน้าตัวเมียแล้ว นี่พวกมึงยังเชื่อใจมันอยู่อีกเหรอ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ขำว่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕””
“...”
ทุกคนได้แต่ก้มหน้าทนฟังโดยไม่อาจทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย ทุกคำพูดที่เอ็กซ์กล่าวหากันล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น และถึงแม้แต่ละคนจะแค้นแทนเพื่อนคนนี้ซักเพียงใด พวกเขาก็จำต้องเก็บงำมันเอาไว้ในใจไม่ให้หลุดออกมา เพราะหากคิดจะมีเรื่องกับเอ็กซ์คนนี้ล่ะก็ จุดจบจะลงเอยเช่นไรหลายๆ คนคงรู้กันอยู่
“แล้วจะบอกไรให้อย่างนะ...” เอ็กซ์ยังไม่หยุด “ถ้ามัน...”
“มึงหุบปากซะทีจะได้ป่ะวะ?”
ทว่า ในบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหลายเหล่านี้เอง กลับยังมีหนึ่งเดียวที่หาญกล้าพอจะลุกขึ้นมาโต้กลับเอ็กซ์ได้บ้าง และมันยิ่งเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ เมื่อหนึ่งเดียวคนกลับเป็นติ๊ก ชายผู้เย็นชาและเงียบงันแทบจะตลอดเวลานั่นเอง
“๕๕....” แค่เพียงติ๊กเอ่ยปาก เสียงหัวเราะของเอ็กซ์ก็ค่อยๆ หายไปในทันใด “เมื่อกี้ว่าไงนะ?”
“กูบอกให้หุบปากไง” ติ๊กบอกด้วยสายตาเย็นชา แต่ก็เล่นเอาคนอื่นๆ อดหวาดเสียวแทนไม่ได้ “รำคาญ”
“แล้วทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอกด้วยวะ?” เอ็กซ์ถามต่อ
“...” สายตาของติ๊กจริงจังขึ้นทุกที “เพราะกูจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเพื่อนกูเด็ดขาด”
“ติ๊ก... มึงนี่...” ประโยคนี้เล่นเอาเอ็กซ์ทึ่งไปเลย “เปลี่ยนไปเยอะนะ...”
“มีเพื่อนดี อะไรๆ ก็ดีตาม” ติ๊กกล่าวต่อ “ทีนี้ก็ไปได้แล้ว”
“เหอะ แล้วที่กูพูดมันผิดไงวะ?” เอ็กซ์เดินมาประสานสายตากับติ๊กแล้ว “ว่าแต่มึงเหอะจะทำอะไรกูได้?”
“...” ติ๊กใคร่ครวญซักพักด้วยความเยือกเย็น ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยประโยคชวนอึ้งนี้ออกมาด้วยความเด็ดเดี่ยว “ถ้าวันนี้แม่งไม่มา มึงมาต่อยกับกูแทนมันได้เลย”
“!!!” เล่นเอาทุกคนในที่นี้อึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว
“ฮะๆๆ” เอ็กซ์หัวเราะแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะบ่าติ๊ก “๔ โมง เจอกันนะเพื่อน”
“๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕”
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้หนุ่มแว่นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่งานนี้ต้องขอบคุณติ๊กเพียงผู้เดียวที่สามารถขับไล่เอ็กซ์กลับไปได้ในที่สุด เขาใช้ความกล้าหาญลึกๆ ในจิตใจโต้กลับอีกฝ่ายไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่แสดงผ่านทางนัยน์ตา และที่เขาทำลงไปนั้น ทั้งหมดก็เพื่อเพื่อนสนิทคนสำคัญอย่างกันเท่านั้น
หากแต่ทว่า เมื่อไอ้หนุ่มรูปงามลับสายตาจากไปแล้ว ความกล้าทั้งหมดของหนุ่มแว่นกลับฝ่อหายไปจนหมดในทันใด เพราะเมื่อกลับมานึกพิจารณาดูดีๆ แล้ว ที่เขาพูดออกไปทั้งหมดนั้นมันเท่ากับการฆ่าตัวตายทางอ้อมดีๆ นี่เอง
“นี่กูทำเหี้ยไรลงไปเนี่ยยยยยยยยย” ติ๊กสิ้นหวังจนทำไรไม่ถูก ได้แต่ตะโกนเสียงดังระบายอารมณ์เท่านั้น
“ตาย” ก็อตเอ่ย “มึงตายแน่นอน ติ๊ก”
“นี่มึงคิดไรของมึงเนี่ย!?” ซันเข้ามาเสริม “นั่นมันเอ็กซ์นะเว้ย!”
“แต่กูยอมรับ” กฤตนี้ยกนิ้วให้เลย “ที่มึงพูดเมื่อกี้แม่งเท่ห์เหี้ยๆ เลยว่ะ”
“เท่ห์บ้านพ่อมึงสิ!” ติ๊กเริ่มรนรานเข้าไปใหญ่ “นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ เลยนะเว้ย จบแล้วชีวิตกู... จบหมดแล้ว...”
“พี่... พี่ติ๊กใช่ป่ะคะ?” จู่ๆ พีชก็เดินมาหาติ๊ก
“หือ?” ติ๊กเงยหน้าขึ้นตาม
“พี่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกค่ะ” สาวน้อยคนนี้มาเพื่อช่วยเพิ่มกำลังใจนั่นเอง “พี่ทำถูกแล้ว”
“น้องมาพูดตอนนี้มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก” ติ๊กเริ่มเอาหัวโขกโต๊ะแล้ว “ว๊อยยยยยยยยยยยย”
“แต่ที่พี่ก็ได้พูดในสิ่งที่อยากพูดไม่ใช่เหรอคะ?” พีชเอ่ยถาม
“...” เจอประโยคนี้เข้าไป ติ๊กก็เริ่มยิ้มได้แล้ว “ก็จริงอ่ะนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่” เช่นเดียวกับพีชที่กลับมายิ้มได้ด้วยความหวังอีกครั้ง “เพราะพีชก็เชื่อเหมือนกันว่าพี่กันต้องไม่ยอมแพ้มันแน่นอน”
“...” เล่นเอาทุกคนเริ่มคลี่ยิ้มตามสาวน้อยคนนี้ไปตามๆ กันเลย
“อืม พี่ก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”
ชีวิตของติ๊กกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งการตัดสินใจของกัน ทุกๆ คนทำได้เพียงตั้งความหวังทั้งหมดให้กับชายคนนี้ ชายผู้ที่ยังไม่โผล่หน้ามาโรงเรียนให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ชายผู้เป็นต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องราวอันวุ่นวายนี้ พวกเขามิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะมาหรือไม่มา พวกเขาเพียงแค่ต้องเชื่อเท่านั้น ว่าไม่มีทางที่ชายผู้กล้าหาญอย่างกันจะยอมแพ้ให้กับคนเสแสร้งอย่างเอ็กซ์แน่นอน สุดท้ายแล้ว ติ๊กจะรอดหรือไม่ ก็มีแต่ต้องรอให้เข็มนาฬิกาชี้เลข ๔ เท่านั้น
โปรดติดตามบทถัดไป
ยามเมฆครึ้มสีเทาขมุกขมัวเข้าปกคลุมทั่วน่านฟ้านครขีดขิน สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาไม่หยุดหย่อน จากท้องนภาสูงสู่พสุธาเบื้องล่าง เสียงหยดน้ำตกกระทบพื้นถนนปรากฏขึ้นทุกหนแห่ง ก่อเกิดเป็นสภาพพื้นถนนเปียกลื่นแสนอันตราย เหตุฉะนี้เอง จึงทำให้ยวดยานพาหนะทุกประเภททั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ร่วมสิบคันบนถนนทุกสาย ไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้ดังอิสระ ทำได้เพียงจอดอยู่กับที่เฉยๆ พร้อมอีกหลายๆ คันที่กำลังเรียงรายอยู่เป็นเพื่อนทั้งหน้าทั้งหลัง รอเวลาให้สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนจากสีแดงเป็นสีเขียวเท่านั้น
ไม่ว่าจะหนักหรือเบาซักเพียงใด สภาวะรถติดเช่นนี้ย่อมมีให้เห็นเป็นประจำในเมืองใหญ่เช่นขีดขินแห่งนี้ เหล่าผู้สัญจรด้วยยานพาหนะทั้งหลายคงอดอิจฉาผู้คนที่เดินเท้าเปล่าข้างถนนไม่ได้ เพราะถึงแม้หลายๆ คนอาจจะคุ้นชินกับเหตุการณ์แบบนี้อยู่แล้ว แต่คงไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่า การนั่งอยู่เฉยๆ แล้วใช้เวลาไปอย่างไร้ค่าบนพาหนะช่างเป็นอะไรที่น่าหน่ายใจและชวนโมโหเสียจริง
“ซ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”
หนึ่งในขบวนรถนับสิบที่ยังคงติดขนัดบนถนนเส้นใหญ่นี้ คือรถเมล์สีน้ำเงินหมายเลข ๘ อันเนืองแน่นไปด้วยเหล่าผู้โดยสารทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นหญิงชราที่ต้องทนยืนโหนราวเหล็ก ขณะที่เหล่าสุภาพบุรุษร่างกายครบ ๓๒ อีกหลายนายนั่งสบายใจเฉิบอยู่บนเบาะสบายๆ ชายสกปรกสติไม่เต็มเต็ง ผู้นั่งยิ้มอยู่ท้ายรถเพียงคนเดียวโดยไม่มีใครกล้าไปนั่งเป็นเพื่อนเลยซักราย หรือกระทั่ง นักเรียนชายโรงเรียนสุวัฒนาคนหนึ่ง ผู้ที่กำลังยืนเบียดเสียดอยู่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ใช่แล้ว คือกันนั่นเอง
เราอาจคุ้นชินกับกันผู้มาพร้อมสีหน้าและรอยยิ้มอันมีชีวิตชีวา มากเสียกว่าสภาพสลดหดหู่ดังเหมือนในตอนนี้ ทว่า หลังจากเหตุการณ์เมื่อไม่นานมานี้ สภาพจิตใจของเขาคงจะบอบช้ำเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้แล้ว
“...”
ทั้งความเจ็บปวดจากการถูหักหลัง ทั้งความอัปยศจากการต้องพ่ายแพ้แบบยอมจำนน และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็มิอาจเทียบได้กับการสูญเสียของรัก อันเป็นความรู้สึกที่เกินจะรับได้ของมนุษย์ทุกผู้ เฉกเช่นเดียวกับกันที่เพิ่งจะสูญเสียเพื่อนรักคนหนึ่งไปด้วยความขมขื่น มิหนำซ้ำ เพื่อนรักคนนี้ยังแปรเปลี่ยนเป็นอริผู้ทรยศเสียอีก ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะเอ็กซ์ เพื่อนผู้ร้ายกาจแสนเจ้าเล่ห์เพียงคนเดียวเท่านั้น
ความรู้สึกเหล่านี้กำลังกัดกร่อนหัวใจของกันทีละเล็กทีละน้อยประหนึ่งมรสุมแห่งชีวิต สิ่งเดียวที่เขาพอจะทำได้ คงมีเพียงการมองออกไปนอกหน้าต่าง ฟังเสียงหยดพิรุณตกกระทบพื้นดังเป็นทำนองแห่งธรรมชาติ และหวังว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะเลือนหายไปจากความทรงจำในไม่ช้า โดยหารู้ไม่ว่า ยิ่งคนเราอยากลืมมากเท่าไร สมองกลับสั่งให้เราจำมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
“ยินดีที่ได้รู้จัก สายเลือดหนุมาน”
ภาพเหตุการณ์ต่างๆ นานาในอดีตกำลังย้อนกลับมาทำร้ายกันอีกครั้ง เริ่มตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเขาได้ประสานมือกันด้วยความแน่นแฟ้น ท่ามกลางสายตาเหล่านักเรียนสุวัฒนาทั้งโรงเรียนเป็นสักขีพยาน ในขณะนั้น กันทั้งดีใจและตื่นเต้นที่ได้คนเก่งๆ อยากเอ็กซ์มาเป็นเพื่อนอีกคนหนึ่ง ภายในใจพลอยคิดว่านี่คงเป็นบันไดอีกขั้นสู่ความยิ่งใหญ่ ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว มันกลับกลายเป็นเพียงกับดักอันแยบยลของเพื่อนคนใหม่เท่านั้น
"มันไม่สำคัญหรอก ต่อให้มันเป็นเรื่องจริงหรือตอแหล อดีตพวกนั้นก็เปลี่ยนแปลงความเป็นเพื่อนของเราไม่ได้หรอก..."
หรือในวันที่พวกเขาต้องออกมาปรับความเข้าใจกันเรื่องพีชหน้าร้านเหล้า ประโยคที่เปล่งออกมาด้วยแววตาอันจริงใจแสนซื่อสัตย์ของเอ็กซ์ ยิ่งทำให้ ณ วินาทีนั้นเอง กันแทบจะเททั้งหัวใจให้กับเพื่อนคนนี้ด้วยความซาบซึ้ง โดยหารู้ไม่ว่า แท้จริงแล้ว แววตาคู่นั้นเป็นเพียงการแสดงละครตบตาอันแนบเนียนเท่านั้น
“ก็บอกแล้วไงว่ามึงไม่ใช่เพื่อนกู”
จนกระทั่งวันนี้ วันที่ความทรงจำอันหอมหวานทั้งหมดพังทลายลงมาไม่เหลือชิ้นดี เอ็กซ์ทรยศความไว้เนื้อเชื่อใจของเขา ทำร้ายแบบกะจะเอาให้ตายราวกับความผูกผันในอดีตไม่มีค่าหลงเหลืออีกต่อไป ไม่จำเป็นต้องปิดบังด้วยรอยยิ้มอีกแล้ว จากสายตาอันน่าเชื่อถือและเป็นมิตร แปรเปลี่ยนเป็นแววตาอันปองร้ายไร้ใยดี จากเพื่อนจอมปลอมแปรเปลี่ยนเป็นศัตรูผู้ร้ายกาจแบบเต็มคราบ เหตุการณ์ในวันนี้คงจะประทับอยู่ในจิตใจของกันอีกนานแสนนานเลยทีเดียว
“ช่างแม่งเหอะวะ...”
ความเจ็บปวดทางใจเหล่านี้ช่างร้ายแรงเกินกว่าจะทานทดได้ เขาพยายามกำจัดภาพในอดีตทั้งหมดด้วยการข่มตาเต็มแรง แต่ไม่ว่าอย่างไร จิตใจของมนุษย์ก็ใช่ว่าจะบังคับกันได้ง่ายๆ อยู่ดี ยิ่งใจอยากลืม สมองก็ยิ่งอยากจำ ต่อจากนี้ กันคงต้องใช้เพียงเวลาในการเยียวยาจิตใจอันบอบช้ำต่อไปเท่านั้น
“ติ๊ง!”
ทว่า ในระหว่างที่กำลังเศร้าๆ อยู่นั้นเอง จู่ๆ สังข์ในกระเป๋าโจงกระเบนของกันก็เกิดสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน หากสั่นติดต่อกันหลายๆ ที นั่นคงหมายความว่าคงมีใครซักคนต้องการจะติดต่อเขาเป็นแน่ แต่ครั้งนี้กลับเป็นเพียงการสั่นแค่ครั้งเดียว เหมือนพยายามจะแจ้งเตือนเหตุด่วนให้กับเจ้าของเท่านั้น นั่นหมายความว่า มันอาจเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น อาจเป็นข้อความจากเพื่อน ข้อความโฆษณาที่ส่งกันมาไม่หยุดหย่อน หรือถ้าคิดในแง่ดีที่สุด มันอาจเป็นข้อความขอโทษจากเอ็กซ์ก็เป็นได้
“...!!!”
ด้วยเหตุฉะนี้เอง สติอันหลุดลอยไปกับการรำลึกความหลังจึงสามารถหวนคืนสู่ร่างได้ด้วยคลื่นสั่นสะเทือนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อรู้สึกตัวได้ กันจึงค่อยๆ ใช้มือขวาล้วงเข้าไปหยิบสังข์ในกระเป๋าออก เปิดหน้าจอแสงขึ้นมาเหนือตัวสังข์เพื่อดูว่าเกิดอะไร ทว่า สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาช่างน่าประหลาดใจยิ่งนัก เมื่อมันขึ้นเป็นตัวอักษรกลางหน้าจอสีฟ้าตัวเล็กๆ ว่า "X Jiratis ได้กล่าวถึงคุณในกระทู้..."
“!!!”
หากเทียบกับชื่อเล่นและนามสกุลแล้ว นี่คงเป็นชื่อบัญชีผู้ใช้ของเอ็กซ์ไม่ผิดแน่ แล้วเพราะเหตุใดกันนะ เอ็กซ์ที่พึ่งจะเล่นงานกันจนเกือบหมดสภาพเมื่อครู่ ถึงต้องมากล่าวถึงเขาในโลกสังคมออนไลน์ให้โลกรู้แบบนี้ ความไม่ชอบมาพากลผุดขึ้นมาเต็มหัวกันด้วยความฉงนสงสัย ไอ้หนุ่มหัวแหลมรีบใช้นิ้วสไลด์หน้าจอเพื่อเปิดเข้าไปดูโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น แต่สิ่งที่เขากำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ มันช่างเป็นอะไรที่ชวนตกใจและเหนือความคาดหมายของกันยิ่งกว่านี้อีก
“...”
อีกฟากหนึ่ง ณ ร้านสตาร์บ่าว ร้านกาแฟแบรนด์ดังอันเลื่องชื่อด้านความหอมกลมกล่อมของเมล็ดกาแฟ หากแต่วัตถุประสงค์หลักของลูกค้าทั้งหมดภายในร้าน กลับเป็นเพียงการหาสถานที่อันสงบร่มรื่นด้วยการตกแต่งอันสวยงาม สำหรับการนั่งตากแอร์อีกเป็นชั่วโมงเท่านั้น โดยส่วนมากมักจะเป็นผู้มีฐานะทางการเงินในระดับหนึ่งตั้งแต่นักเรียนไปจนถึงวัยทำงาน และหนึ่งในนั้นก็คือพีชกับหยก เด็กสาว ม.ต้น สังเกิดโรงเรียนสุวัฒนา ๒ คน ที่กำลังนั่งคุยกันไปพลางจิบกาแฟไปพลางอยู่บนบาร์ติดกำแพงกระจกหน้าร้านนั่นเอง
ในมือของพีชนั้นกำลังถือสังข์เอาไว้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสดใสเหมือนเคย ขณะที่หยกก็คอยจ้องมองดูอยู่ไม่ขาดตาอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งหน้าจอเหนือสังข์นี้ก็แสดงให้เห็นว่าเธอกำลังพิมพ์ข้อความไปหา “กัน มาเยือน” ดูจากชื่อแล้ว ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักหากเธอจะยิ้มหน้าบานได้ซะขนาดนี้
“ส่งไปแล้ว” พีชกดส่งข้อความไป ก่อนจะรอข้อความตอบกลับอีกซักพัก “...”
“...”
“ว่าไง?” ผ่านไปซักพักแล้วยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น หยกจึงจำต้องถามไถ่เสียหน่อย
“ก็...” พีชทำท่าเขินนิดๆ ก่อนจะเหล่ไปยังหน้าจอสังข์ “ยังไม่อ่านเลยเนี่ย”
“มา กูพิมพ์เอง” หยกรีบฉกสังข์ของเพื่อนมาไว้ในมือทันควัน
“อีเชี่ย!” พีชพยายามจะแย่งคืน แต่มีหรือหยกจะยอมให้ง่ายๆ “เอามานะ!”
“เอาเป็น...” หยกค่อยๆ บรรจงกดลงไปบนแป้นพิมพ์ “พีชเหงาอ่ะ... มาเจอพีช... หน่อยได้มั้ย....”
“หยุดเลยนะดอก!” พีชเริ่มโวยวาย “เล่นกับมึงป่ะเนี่ย”
“คะ...” หยกคงรู้สึกดีมากที่ได้แกล้งเพื่อนแบบนี้ “ส่งไปแล้วเนี่ย”
“เหี้ย!” กว่าจะได้กลับมาก็สายไปเสียแล้ว “มึงเล่น...”
“ติ๊ง!” ทว่า จู่ๆ ก็มีแจ้งเตือนเด้งขึ้นมาขัดจังหวะอารมณ์เสียก่อน
“ไรอีกวะเนี่ย” พีชเปิดเข้าไปตามแจ้งเตือนก่อน “...”
ทว่า ทันทีที่เธอเปิดเข้าไปดูตามแจ้งเตือนปริศนานี้ สีหน้าของสาวน้อยก็แปรเปลี่ยนจากเดิมในทันใด ใบหน้ายิ้มแย้มร่าเริงกลับกลายเป็นสีหน้าอันหวาดวิตกด้วยความใจหายถึงที่สุด ประหนึ่งเธอเพิ่งจะทำความผิดร้ายแรงมายังไงยังงั้น และไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หากสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอสังข์ของพีช จะเป็นกระทู้เดียวกับที่กันเพิ่งจะได้รับเมื่อซักครู่นี้นั่นเอง
“...”
คำถามต่อมาก็คือ เนื้อหาในกระทู้นี้มันคืออะไรกันแน่นะ ถึงทำให้กันกับพีชเป็นอันต้องตกใจและหวาดหวั่นถึงเพียงนี้ และคงไม่ใช่แค่พวกเขาสองคนแน่ที่รู้เรื่องนี้
“!!!”
มีใครซักคนเคยกล่าวไว้ว่า สมัยปัจจุบันนี้คือยุคแห่งโลกาภิวัตน์ เพราะเพียงแค่มีเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทุกคนบนโลกก็สามารถสื่อสารกันได้โดยสะดวกโยธินไร้ข้อจำกัด เพราะฉะนั้น จึงไม่ใช่แค่กันกับพีชเท่านั้นที่ได้รับกระทู้นี้ แต่มันยังสามารถเผยแพร่ไปสู่สายตาเหล่านักเรียนสุวัฒนานับสิบนับร้อย ที่กำลังกระจายตัวอยู่ทั่วนครขีดขินได้อย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้วสัมผัสเท่านั้น
“!!!”
ไม่ว่าจะเป็นกฤต ซัน และก็อตที่กำลังนั่งคุยกันบนบันไดหน้าร้านสะดวกซื้ออยู่ดีๆ เมื่อพวกเขากดเข้าไปดู ก็ยังต้องตกใจไปตามๆ กันกับเนื้อหาในกระทู้บนหน้าจอสังข์ของก็อต ดูท่าแล้ว คงจะเกี่ยวข้องกับเพื่อนของพวกเขาเป็นแน่
“โดนจนได้สิน่า”
หรือจะเป็นกันย์ ผู้ที่กำลังนั่งพักอยู่ข้างสนามบาสโรงเรียนด้วยสภาพเหงื่อท่วมตัวพร้อมนักกีฬาคนอื่นๆ ก็ยังอดรู้สึกตกใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้ ทว่า สีหน้าของเขากลับไม่ได้แปลกใจอะไรมากนัก เหมือนกับว่าสามารถคาดการณ์เรื่องนี้เอาไว้ล่วงหน้าได้แล้วยังไงยังงั้น
“...”
ท้ายที่สุดคือติ๊ก ผู้ที่กำลังเดินกลับมาจากการเรียนพิเศษเพียงลำพังด้วยความว้าเหว่ ทันทีที่เปิดเข้าไปดูกระทู้นี้ เขาอึ้งเสียจนแทบจะหยุดชะงักไปกับที่เลยทีเดียว สีหน้าและแววตาผ่านกรอบแว่นกลมๆ นี้ แสดงถึงความตกใจไม่ต่างจากคนอื่นๆ แต่เฉกเช่นเดียวกับกันย์ เพราะไม่นานนัก หนุ่มแว่นกลับทำท่าประหนึ่งรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าทุกอย่างจะต้องลงเอยแบบนี้ แต่ขณะเดียวกันก็อดที่จะรู้สึกกลัดกลุ้มเพื่อนรักคนนี้ไม่ได้ มิหนำซ้ำ ยังทำทีเหมือนกับเป็นความผิดเขาเองเสียอีก
“กูอุตส่าห์เตือนแล้วนะ”
“กูไม่นึกเลยว่าเพื่อนอย่างมึงจะทำแบบนี้ได้ลงคอ
กูคิดมาตลอดว่ามึงเป็นคนที่ไว้ใจได้และซื่อสัตย์อีกคนหนึ่ง
แต่มึงกลับทำลายมิตรภาพของเราแบบนี้เนี่ยนะ
กูพยายามบอกแล้วนะว่าระหว่างกูกับพีชมันไม่มีอะไรกันอีกแล้ว
กะอีแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องมึงต้องทำงี้เลยเหรอวะ?
มึงทำลายความสัมพันธ์ของเราได้ลงคอเลยเหรอวะ?
กูไม่เข้าใจมึงเลยจริงๆ
วันนี้มึงอาจแพ้
แต่กูจะให้โอกาสมึงอีกรอบ
พรุ่งนี้ ๔ โมง สนามบอล”
ข้อความข้างต้นนี้เป็นเนื้อหาในกระทู้ทั้งหมด ที่เอ็กซ์ในชื่อ “X Jiratis” เผยแพร่ลงสู่หน้าตำรา อีกหนึ่งโซเซี่ยลเน็ตเวิร์คยอดฮิตของชาวอโยธยา อีกทั้งยังกล่าวถึงกันกับพีชในนาม “กัน มาเยือน” “Peach Peachie” เอาไว้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น กระทู้นี้ยังถูกตั้งค่าให้เผยแพร่แก่สาธารณะชน นั่นหมายความว่าทุกๆ คนมีสิทธิที่จะเห็นข้อความนี้ทั้งหมด จึงเป็นธรรมดา หากมันจะเผยแพร่เข้าสู่สายตาเหล่านักเรียนสุวัฒนาได้ว่องไวราวติดจรวด เรียกได้ว่าสื่อสังคมออนไลน์มีบทบาทต่อชีวิตวัยรุ่นสมัยใหม่เสียจริงๆ
กันคงรู้สึกตกใจไม่ใช่น้อยทันทีที่อ่านข้อความในกระทู้นี้จบ เพราะมันเป็นเหมือนคำกล่าวหาแบบประจานให้คนอื่นๆ รู้ทั่วถึงกัน ทั้งยังเป็นสาส์นท้าต่อยตีโดยมีเหล่านักเรียนนับสิบเป็นพยานอีกด้วย ตัวหนังสือก็ว่าแย่แล้ว หากแต่เมื่อเขาค่อยๆ ใช้นิ้วเลื่อนลงข้างล่างเพื่อดูต่อไปเรื่อยๆ ความรู้สึกจากตัวหนังสือเมื่อครู่นี้ เทียบไม่ได้กับภาพที่เขากำลังจะได้เห็นเลยแม้แต่น้อย
“!!!”
เพราะนอกจากจะกล่าวหาอีกฝ่ายแบบสาดเสียเทเสียแล้ว เอ็กซ์ยังแนบภาพของมาร์ค ผู้ที่กำลังนอนหมดสติด้วยอาการบาดเจ็บสาหัสอยู่กับพื้น เห็นได้ชัดจากเลือดสีแดงที่ทะลักออกจากปากเป็นจำนวนมาก เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ว่าผู้ที่ทำให้เพื่อนคนนี้ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้มิใช่ใครอื่นใด นอกจากตัวเขาเองที่กล้าลงมือทำร้ายเพื่อนตัวเองได้อย่างเลือดเย็น แต่กับคนอื่นๆ ที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์ พวกคงมิอาจล่วงรู้ถึงความข้อเท็จจริงนี้ได้แน่เลย
แค่ภาพถ่ายเพียงภาพเดียวคงเพียงพอแล้วสำหรับใช้เป็นหลักฐานกล่าวหากัน เพราะเมื่อมันถูกยกมาประกอบข้อความข้างต้นแล้ว เหล่าผู้คนนับร้อยนับพันที่กำลังอ่านข้อความนี้อยู่คงต้องเชื่อสนิทใจเลยว่า ทั้งหมดที่เอ็กซ์เขียนขึ้นมานั้นเป็นเรื่องจริงแท้ทุกประการอย่างแน่นอน พีชเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด มาร์คคือผู้เคราะห์ เอ็กซ์คืออัศวินขี่ม้าขาว และกันก็คือจำเลยสังคมผู้ชั่วร้ายนั่นเอง
“...”
ทั้งๆ ที่ความจริงแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลกลับเป็นเพียงเรื่องโกหกที่ชายคนนี้กุขึ้นมาเพียงคนเดียวเท่านั้น พีชอาจไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย กันเป็นเพียงชายผู้ทำทุกอย่างตามความถูกต้อง ส่วนภายใต้หน้ากากอันเสแสร้งและหลอกลวง เอ็กซ์ก็คือปีศาจร้ายตัวจริงเสียงจริง ผู้ยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง จนกล้าลงมือทำร้ายเพื่อนตัวเองด้วยเหตุผลอันไร้สาระ มิหนำซ้ำ ยังกล้าโยนความผิดให้คนอื่นแบบหน้าด้านๆ เสียอีก จนไม่อาจเข้าใจได้เลยว่ากันไปทำอะไรให้เอ็กซ์กันแน่ เขาถึงจ้องจองล้างจองผลาญได้ถึงเพียงนี้
ทั้งหมดที่เอ็กซ์ทำคือการสับเปลี่ยนสถานะระหว่างตัวเขาเองกับกัน สลับจากคนร้ายมาเป็นผู้บริสุทธิ์ จากวายร้ายผู้โฉดชั่วสู่วีรบุรุษ จุดมุ่งหมายเดียวก็เพื่อการซ้ำเติมกันให้จมดินด้วยกระแสสังคม เขาคำนวณเอาไว้ล่วงหน้าหมดแล้ว ว่าถึงแม้กันจะออกมาแก้ตัวตามความเป็นจริงซักเพียงใด แต่สถานะของกันกลับเทียบไม่ได้กับเอ็กซ์เลยแม้แต่น้อย ขณะที่เอ็กซ์เป็นถึงดาวโรงเรียนผู้โด่งดังแห่งสุวัฒนา กันกลับเป็นเพียงอันธพาลบ้าๆ บอๆ คนหนึ่งก็เท่านั้น แค่นี้ก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีแล้วว่าคนเขาจะเลือกเชื่อฝ่ายไหนมากกว่ากัน
“...”
หัวใจของกันถูกย่ำยีจนแทบจะป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีแล้ว ไม่แตกต่างจากก้อนหินที่ถูกค้อนทุบลงมาเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง ถึงแม้จะแข็งแกร่งเพียงใดก็ย่อมมีวันแหลกสลาย ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทั้งหมดทั้งมวลที่เอ็กซ์ทำกับเขามันช่างร้ายแรงเกินกว่าใครจะทานทดได้เลย
เขาอยากจะร้องไห้ แต่จิตวิญญาณของลูกผู้ชายได้หักห้ามน้ำตาเหล่านั้นไว้ จากแววตาอันโศกเศร้าแปรเปลี่ยนเป็นแววตาอันโกรธแค้นเหลือคณานับ สังข์ที่เขากำไว้แน่นเพื่อระบายอารมณ์ภายในใจทั้งหมดถึงกับแตกร้าวด้วยแรงบีบอันมหาศาล บัดนี้ กันไม่อาจทำใจลืมเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาได้เสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อีกต่อไป เพราะสิ่งที่เขาต้องการในตอนนี้ มีเพียงการชำระบัญชีแค้นตามคำท้าในวันพรุ่งนี้เท่านั้น เป้าหมายเดียวของเขาคือการกระชากหน้ากากของเอ็กซ์ออกมาเท่านั้น
“สหายเอ็กซ์”
วัยรุ่นหิมพานต์
บทที่ ๑๖ ท้า
“แซ่ดๆๆๆๆๆ”
เช้าวันรุ่งขึ้น ณ สุวัฒนา เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในวันนี้คงไม่มีเรื่องไหนเป็นที่ฮือฮาเท่าเรื่องของเอ็กซ์กับกันเมื่อวานก่อนอีกแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเด็กนักเรียน ม.ต้น หรือ ม.ปลาย ประเด็นร้อนที่ทุกคนต่างพูดถึงเป็นเสียงเดียวกันเห็นจะมีเพียงเรื่องนี้เท่านั้น
“ใช่ๆ แล้วพี่เอ็กซ์ก็... ตกลงจะต่อยกันจริงป่าวเนี่ย... แม่งเหี้ยจริงมันอ่ะ...”
ฟังจากประโยคกระซิบกระซาบเหล่านี้แล้วก็คงไม่ได้เกินความคาดหมายเท่าไรนัก เพราะทั้งโรงเรียนต่างเข้าข้างเทพบุตรอย่างเอ็กซ์แทบทั้งหมด โดยเฉพาะกับเหล่าหญิงสาวที่แลดูจะแสดงตัวจนออกนอกหน้าประหนึ่งสาวกผู้ถวายชีวิตเลยทีเดียว
“เออ แล้วก็งี้นะ... เห็นเค้าว่าพี่เอ็กซ์... จริงดิ!? แล้วพีชมันจะ... แรดเกินมั้ง”
และเช่นเดียวกับห้องเรียนชั้น ม.ต้น ห้องนี้ ทุกคนต่างสนทนาเป็นเรื่องเดียวกันลั่นห้องจนแทบจะเป็นวาระแห่งชาติเลยทีเดียว โดยหารู้ไม่ว่า อีกหนึ่งผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญได้เดินทางมาถึงเสียแล้ว
“!!!”
ผู้ที่อยู่ตรงกลางระหว่างความขัดแย้งระหว่างกันกับเอ็กซ์ ก็คือสาวน้อยน่ารักนามว่าพีชนั่นเอง ทุกคนอาจลืมตัวไปชั่วขณะว่าเธอเองก็เรียนอยู่ห้องนี้ด้วย ถึงได้นินทาเจี๊ยวจ๊าวจนดังชัดถึงหูเจ้าตัวแบบนี้ แต่เมื่อสังเกตจากสีหน้าอันซึมเศร้าผิดกับทุกๆ วัน เสียงนินทาเมื่อครู่จึงพลันเงียบหายไปในพริบตา ก่อนที่สายตาทุกคู่จะหันมาจับจ้องยังเธอคนนี้แทนอย่างรวดเร็ว
“มองเหี้ยไร”
แค่คำพูดเบาๆ ผ่านสายตาอันแข็งกร้าวเพียงคำเดียว ถึงกับทำให้ทุกคนหันกลับไปทำธุระของตนต่อแทบไม่ทันเลยทีเดียว สาวน้อยค่อยๆ ย่างเท้าเดินตรงไปยังโต๊ะหลังห้องของเธอ แล้วจึงทิ้งตัวลงนั่งอย่างไร้อารมณ์ในที่สุด
“พีช...” หยกที่นั่งอยู่ข้างๆ ถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร กูสบายดี” แต่ดูจากการนอนก้มหน้าไปกับโต๊ะแบบนี้แล้ว มันช่างตรงกันข้ามกับคำพูดเสียจริงๆ
“...” หยกเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน “อย่าคิดมากนะมึง”
“...” พีชทำได้เพียงรับฟังแนวทางจากเพื่อนคนนี้เท่านั้น “เออ”
“...”
พื้นที่พักสายตา
อีกฟากหนึ่ง ณ ม.๔/๗ ในบรรดาห้องเรียนนับสิบ ณ สุวัฒนาแห่งนี้ คงไม่มีห้องไหนจะสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลได้ดีเท่าห้องนี้อีกแล้ว เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่า ที่แห่งนี้ก็คือห้องเรียนประจำของตัวการสำคัญอย่างเอ็กซ์นั่นเอง
“อยู่ดีๆ แม่งก็เตะเหี้ยมาร์คปลิว ตอนนั้นกูแบบอึ้งไปเลยอ่ะ มันทำลงคอได้ไงวะ...”
แม้จะผ่านไปเพียงวันเดียวเท่านั้น แต่บาดแผลจากทั้งหมดการต่อสู้เมื่อวานกลับหายดีเป็นปลิดทิ้งชนิดไม่หลงเหลือร่องรอยเลยแม้แต่น้อย เขากำลังนั่งอยู่บนโต๊ะหลังห้องของตนตามปกติ ล้อมหน้าล้อมหลังไปด้วยเหล่าเพื่อนๆ ผู้คอยฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความอยากรู้อยากเห็น เห็นชัดว่าฝีมือการแสดงของไอ้หนุ่มรูปงามคนนี้ยังคงไร้ที่ติเหมือนเคย เอ็กซ์สามารถแสดงสีหน้าอันชวนสงสารพลางพ่นคำโกหกหลอกลวงออกมาได้แบบไม่อายปาก เรียกความเห็นใจจากเพื่อนๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
“...”
ทว่า ในระหว่างที่กำลังสาธยายคำโป้ปดออกจากปากแบบไม่หยุดหย่อนนี้เอง นักแสดงเจ้าบทบาทกลับหารู้ไม่ว่า บัดนี้ ผู้เคราะห์ร้ายตัวจริงเสียงจริงอย่างมาร์คได้เดินหิ้วกระเป๋ามาถึงยังหน้าห้องสียแล้ว และดูท่าว่า นี่คงไม่ใช่ข่าวดีอย่างแน่นอน
“เอ็กซ์!!!”
ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าช่างเสียดแทงหัวใจมาร์คเสียจริงๆ เขารู้สึกเหมือนกับตนเองเป็นเช่นคนโง่ที่ถูกหลอกใช้ เป็นเพียงเครื่องมือแสวงหาผลประโยชน์ให้กับเอ็กซ์เท่านั้น ความรู้สึกเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นดั่งเชื้อเพลิงชั้นดีให้กับโทสะตั้งแต่คราก่อน และดูจากสีหน้าแล้ว เขาคงไม่อาจอดกลั้นไหวอีกต่อไป ถึงเวลาเอาคืนให้สาสมแล้ว
ไม่ลังเลใจใดๆ ทั้งสิ้น มาร์คทิ้งกระเป๋าเป้ลงกับพื้น ใส่ความแค้นทั้งหมดลงไปในกำปั้น วิ่งเข้าไปต่อยหน้าเอ็กซ์ท่ามกลางสายตาเพื่อนทั้งห้องแบบไม่ทันให้ตั้งตัวซักนิด หมัดอันเปี่ยมล้นไปด้วยโทสะนี้ช่างหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น เอ็กซ์ถึงกับล้มตกเก้าอี้ไปในทันใด ซึ่งนั่นก็น่าจะสมควรแล้วกับสิ่งที่เขาทำลงไป
“มึงทำเหี้ยไรของมึง!!!”
แค่หมัดเดียวคงยังไม่สาสมกับที่เอ็กซ์ทำลงไป มาร์คจึงพยายามพุ่งเข้าไปซ้ำอีกฝ่ายต่อแทบจะทันที แต่ก็ถือเป็นโชคดีสำหรับเอ็กซ์ ที่แถวๆ นั้นเต็มไปด้วยเหล่าเพื่อนฝูงเพศชายที่คอยช่วยกันสกัดอีกฝ่ายเอาไว้ได้อย่างทันท่วงที
แต่กลับกลายเป็นว่า เอ็กซ์แทบไม่ได้แค้นเคืองอะไรกับหมัดของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย เพราะเขารู้ดีว่า เขาจำต้องกัดฟันทนเพื่อแสดงมาดพระเอกผู้แสนดีเข้าไว้นั่นเอง
“ใจเย็นๆ ดิวะ เป็นไรของมึงเนี่ย” เพื่อนๆ ที่เหลือพยายามเกลี้ยกล่อมมาร์คให้ได้
“อูย” เอ็กซ์ค่อยๆ ยันตัวขึ้นมายืนได้อีกครั้งโดยไม่ยี่หระใดๆ ทั้งสิ้น “เมื่อวานเป็นไงบ้าง มาร์ค”
“มึงไม่ต้องมาทำเป็นพูดเลยไอ้เหี้ย!!!” มาร์คยังพยายามสู้แรงเพื่อนๆ ไม่ถอย “มึงทำอะไรไปมึงรู้อยู่แก่ใจแล้วไม่ใช่เหรอ!!!”
“...” เอ็กซ์นึกซักพัก ก่อนจะค่อยๆ เดินตรงมาหามาร์ค “เอาเป็นว่าใจเย็นๆ แล้วเรามาคุยกัน...”
“เย็นเหี้ยไร!!!” มาร์คปฏิเสธทันที “มึงคิดว่าทำแบบนี้จะช่วยอะไรได้เหรอ!!! ปล่อยกู...”
“ทำแบบนี้แล้วจะได้ไรขึ้นมา?” เอ็กซ์โน้มตัวลงมาอยู่ข้างๆ หูมาร์ค จากนั้นจึงกระซิบเบาๆ ใส่อีกฝ่ายแบบที่ว่าให้ได้ยินกันเพียงสองคนเท่านั้น “ถึงมึงต่อยกูได้ มึงคิดเหรอว่าจะแก้ไขอะไรได้?”
“...” มาร์คอึ้งไปเลยทันทีที่ได้ยินประโยคนี้
“แล้วกูจะบอกไรให้อย่างนะ...” คำพูดของเอ็กซ์น่าหวาดผวาขึ้นทุกที “มึงเอาชนะกูไม่ได้หรอก”
“...”
แค่เพียงเสียงกระซิบกระซาบอันแผ่วเบาก็เล่นเอาอารมณ์โกรธอันรุนแรงของมาร์คค่อยๆ เย็นตัวลงในทันใด ความโกรธภายในใจหาได้จางหายไปแต่อย่างใด แต่เขาจำต้องสงบสติอารมณ์เพื่อคิดไตร่ตรองให้ดีตามคำพูดของอีกฝ่าย และมันน่าเจ็บใจก็ตรงที่ว่าเขาพูดถูกต้องทุกประการจริงๆ
“อารมณ์ดียัง?” เอ็กซ์ยิ้มถาม “อย่าทำหน้างี้ดิวะ?”
“ชั่ว”
มาร์คคงจำต้องยอมแบบเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว แต่ก็ไม่ลืมฝากคำด่าสั้นๆ แต่ได้ใจความทิ้งท้าย ก่อนจะกลับไปนั่งยังที่ของตนตามลำพังด้วยความไม่พอใจ ขณะที่คำด่าอันกลั่นออกมาจากใจนี้ แทบไม่มีผลอะไรกับเอ็กซ์ที่ยังคงตีหน้าระรื่นได้เลยแม้แต่น้อย
“เมื่อกี้เล่าถึงไหนแล้วนะ?”
ถัดจากห้อง ๗ ก็คือห้อง ๘ ที่ตั้งอยู่ชิดติดกันดั่งบ้านใกล้เรือนเคียง เสียงสนทนาดังเจี๊ยวจ๊าวเกี่ยวกับเรื่องของกันกับเอ็กซ์ยังมีให้ได้ฟังเหมือนทุกห้อง แต่ช่างน่าสงสัยยิ่งนัก เมื่อโต๊ะตัวหลังสุดของห้อง ข้างๆ กับโต๊ะของติ๊กกลับยังคงว่างเปล่าไร้เจ้าของ เหตุเพราะนี่คือโต๊ะของผู้เกี่ยวข้องรายสำคัญที่สุดของเรื่องนี้ ทุกคนจึงอดสงสัยไม่ได้ว่ากันหายไปไหนกันนะ? ทั้งๆ ที่สี่โมงเย็นวันนี้ เขามีนัดต้องเข้าต่อสู้กับเอ็กซ์ตามสาส์นท้าที่ให้ไว้ หรือเป็นเพราะเขาไม่กล้าพอกัน? ถึงยังหายหัวอยู่จนถึง ณ บัดนี้
“...”
๓ ชั่วโมงถัดมา
“”กิ๊งก่องๆๆๆๆๆๆ”
เวลาพักเที่ยงล่วงเลยมาถึงเสียที หลังจากทานข้าวเสร็จจนอิ่มหนำสำราญเป็นที่เรียบร้อยแล้ว บัดนี้คงได้เวลาที่เหล่านักเรียนทุกคนจะกลับมาประจำยังห้องของตน ทุกคนต่างกำลังนั่งฆ่าเวลาไปเรื่อยๆ กับเหล่าเพื่อนฝูงตามห้องของตน เพื่อรอคอยคาบเรียนต่อไปที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้แล้ว
เฉกเช่นเดียวกับติ๊กที่กำลังนั่งควงปากกาไปมาด้วยความเบื่อหน่าย ใช้เวลาอันมีค่าไปอย่างเปล่าประโยชน์กับการกระทำอันไร้ความหมาย ขณะที่นัยน์ตาก็คอยเหลือบไปมองยังโต๊ะข้างๆ อันไร้ซึ่งเงาเพื่อนของตน ถึงแม้จะล่วงเลยมาจนถึงครึ่งบ่ายแล้ว กันก็ยังไม่โผล่หน้ามายังสุวัฒนาเสียที นั่นจึงทำให้เพื่อนสนิทคนนี้มิอาจหักห้ามใจสงสัยได้เลย
“นี่ก็บ่ายแล้วนะ” จู่ๆ ก็อตก็เดินถือกล้องตัวโปรดเข้ามาหา “แม่งยังไม่มาอีกเหรอวะ?”
“เออ” ติ๊กบอกด้วยความเย็นชาไม่เคยเปลี่ยน “แปลกมาก”
“มึงลองทักไปหา...”
“กูทักไปตั้งแต่เช้าแล้ว” ติ๊กตอบก่อน “จนตอนนี้แม่งยังไม่อ่านเลยเนี่ย”
"เหรอ..."
“ก็แม่งโดนเอ็กซ์เล่นมานี่หว่า” ซันเข้ามาแสดงความเห็นบ้าง “รอดมาได้ก็บุญแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“งั้นก็มีอยู่สองอย่าง...” ก็อตตั้งขอสงสัย “ไม่ป่วย... ก็ป๊อด”
“...” ความเงียบเข้าครอบงำในทันใด
“มึงว่า...” กฤตที่กำลังเล่นสังข์อยู่บนโต๊ะเอ่ยขึ้นมา “เรื่องที่เอ็กซ์พูดมันจริงป่ะวะ”
“แหล” ทั้งสามตอบเป็นเสียงเดียวกันโดยพลัน
“ถึงกูจะสนิทกับมันมาก่อนก็เหอะ” ก็อตออกความเห็น “แต่กูเชื่อว่าครั้งนี้แม่งกุขึ้นมาเองชัวร์เลยว่ะ”
“คนอย่างแม่งอ่ะไม่กล้าทำไรแบบนั้นหรอก” กฤตเสริม
“เทียบกันแล้ว...” ติ๊กบอกด้วยสีหน้าซึๆ “เหี้ยกันแม่งดีกว่าเป็นไหนๆ..."
“พี่ก็อต”
ทว่า ในระหว่างที่กำลังถกประเด็นกันอย่างเมามันนั้นเอง อยู่ดีๆ พีชก็ได้เดินเข้ามาหาพวกเขาถึงห้องแบบไม่ทันให้ตั้งตัวเสียแล้ว และดูจากสีหน้าอันแสดงความเศร้าจางๆ ในจิตใจ เหตุผลที่เธอมายังที่แห่งนี้คงไม่ใช่เรื่องน่ายินดีแน่
“พีช?” ก็อตร้องทักด้วยความสงสัย
“พี่กันอยู่ไหน?” พีชเอ่ยถามด้วยความจริงจัง
“ก็...” ก็อตไม่รู้จะตอบยังไงเหมือนกัน เมื่อเจอสีหน้าแบบนี้ “มันยังไม่มาเลยเนี่ย...”
“แล้ววันนี้จะมามั้ย?”
“อันนี้ก็ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ” ก็อตบอกไปตามตรง “เดี๋ยวถ้ามันมา...”
“ไม่ต้องหรอก” พีชบอกไป “พีชไม่อยากเจอหน้าพี่กันหรอก”
/แล้วมึงจะมาหาทำไมวะ?/ ก็อตคิด
“แต่ฝากบอกพี่เค้าหน่อยนะว่าพีช...”
“นึกไม่ถึงเลยนะว่าจะป๊อดขนาดนี้”
ไม่ใช่แค่พีชเท่านั้นที่เป็นแขกไม่ได้รับเชิญ เพราะบัดนี้ ยังมีอีกหนึ่งบุรุษปริศนา ผู้มาเยือนห้อง ม.๔/๘ แห่งนี้แบบไม่มีปี่มีขลุ่ยเสียแล้ว แค่เพียงเห็นหน้า ทุกๆ คนในห้องโดยเฉพาะพีชก็ถึงกับต้องขนลุกซู่ด้วยความตกใจและหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด แววตาและรอยยิ้มอันเป็นมิตรซุกซ่อนอะไรไว้ข้างไหนบ้างคงไม่อาจมีใครรู้แน่ชัด ผู้ชักใยเบื้องหลังทั้งหมดปรากฏกายออกมาเสียที เอ็กซ์มาถึงห้อง ๘ แล้ว
“!!!” เล่นเอาทุกคนอึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว
“ฝากบอกมันอีกคนด้วยว่า...” เอ็กซ์แสยะยิ้มเอ่ย “ถ้าปอดแหกนัก ยอมแพ้ตอนนี้ยังทันนะ”
“...” ต่างคนต่างไม่รู้จะพูดอะไรเหมือนกัน
“เฮ้ย!” เอ็กซ์ยิ้มเยาะ “กูคนนะไม่ใช่ผี ทำไมต้องทำหน้างี้ด้วยเนี่ย!?”
“...” ความเงียบงันยังไม่จางหายไป
“โอเค เดี๋ยวจะไล่ไปทีละคนละกัน ก็อต ติ๊ก กฤต ซัน แล้วก็... อ้าว! พีช!” เอ็กซ์ชี้นิ้วไล่ตามไปเรื่อยๆ“ไม่เจอกันตั้งนาน สบายดีป่าว?”
“...” แต่เมื่อดูจากสายตาแล้ว พีชคงไม่อยากเสียเวลาพูดด้วยเป็นแน่
“งั้นเหรอ?” เอ็กซ์คงรู้อยู่แก่ใจแล้ว “ถ้าเกิดไม่สบายใจไรเนี่ย มาหา...”
“คนอย่างพี่เทียบพี่กันไม่ได้แม้แต่ปลายตีนหรอก” หลังจากเงียบอยู่นาน ก็ถึงเวลาที่พีชจะได้เอ่ยปากเสียที
"อูยยยยยย" ก็อตถึงกับร้องแทนเอ็กซ์เลยทีเดียว
“...” แทงใจดำเอ็กซ์เข้าไปเต็มๆ แต่เขาก็ยังฝืนยิ้มได้อยู่ “ที่ว่าเทียบไม่ได้อ่ะ พีชเอาไรมาวัดเหรอ?”
“ก็...” คำถามนี้พีชก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน “...”
“พีชก็เห็นแล้วนี่ว่าเมื่อวานมันทำอะไรบ้าง” เอ็กซ์เริ่มโน้มน้าวใจอีกฝ่ายด้วยคำโกหกภายใต้ใบหน้าอันห่วงใย “เค้าเห็นมากับตาเลยเนี่ยว่ามันเป็นคนยังไง กล้าซ้อมไอ้มาร์ค กล้าซ้อมเพื่อนตัวเองซะขนาดเนี้ย มันเลวแค่ไหนพีชก็คงมีวิจารณญาณเข้าใจได้นะ ในฐานะคนเคยมีเยื่อใย เค้าก็อยากเตือนนะว่าคนสมบูรณ์แบบอย่างพีชไม่คู่ควรกับมัน...”
“พีชไม่เชื่อคำพูดคนอย่างพี่หรอก!!!” พีชเถียงสุดใจ
“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อสิวะ!!!” เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่คล้อยตาม เอ็กซ์ก็เริ่มควบคุมตัวเองไม่อยู่เสียแล้ว
“...” นิ่งไปตามๆ กันเลยทีเดียว “ก็เพราะพี่เป็นแบบนี้ไง...”
“โอเค...” เอ็กซ์พยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด “เมื่อกี้เค้าขอโทษ แต่ก็ขอให้ฟังที่เค้าพูดด้วยนะ”
“...” พีชเริ่มคิดตาม
“ง่ายๆ เลย ดูอย่างวันนี้ดิ!” เอ็กซ์ยังไม่หยุดซ้ำเติมกัน “แค่ท้าต่อยกันตัวๆ แบบลูกผู้ชายมันยังไม่กล้ามาเลยเนี่ย งี้เหรอที่เรียกว่าดีกว่าพี่?”
“...” มันคือความจริง
“ฮะๆๆๆ มันตลกนะเนี่ย ฮะๆๆๆ” จู่ๆ เขาก็หัวเราะสะใจขึ้นมาไม่สนสายตาใครทั้งสิ้น “ยิ่งใหญ่ไรของแม่งวะเนี่ย แบบเนี้ยมันเรียกหน้าตัวเมียแล้ว นี่พวกมึงยังเชื่อใจมันอยู่อีกเหรอ ๕๕๕๕๕๕๕๕๕ ขำว่ะ ๕๕๕๕๕๕๕๕””
“...”
ทุกคนได้แต่ก้มหน้าทนฟังโดยไม่อาจทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย ทุกคำพูดที่เอ็กซ์กล่าวหากันล้วนแล้วแต่เป็นความจริงทั้งสิ้น และถึงแม้แต่ละคนจะแค้นแทนเพื่อนคนนี้ซักเพียงใด พวกเขาก็จำต้องเก็บงำมันเอาไว้ในใจไม่ให้หลุดออกมา เพราะหากคิดจะมีเรื่องกับเอ็กซ์คนนี้ล่ะก็ จุดจบจะลงเอยเช่นไรหลายๆ คนคงรู้กันอยู่
“แล้วจะบอกไรให้อย่างนะ...” เอ็กซ์ยังไม่หยุด “ถ้ามัน...”
“มึงหุบปากซะทีจะได้ป่ะวะ?”
ทว่า ในบรรดาเพื่อนๆ ทั้งหลายเหล่านี้เอง กลับยังมีหนึ่งเดียวที่หาญกล้าพอจะลุกขึ้นมาโต้กลับเอ็กซ์ได้บ้าง และมันยิ่งเหลือเชื่อเข้าไปใหญ่ เมื่อหนึ่งเดียวคนกลับเป็นติ๊ก ชายผู้เย็นชาและเงียบงันแทบจะตลอดเวลานั่นเอง
“๕๕....” แค่เพียงติ๊กเอ่ยปาก เสียงหัวเราะของเอ็กซ์ก็ค่อยๆ หายไปในทันใด “เมื่อกี้ว่าไงนะ?”
“กูบอกให้หุบปากไง” ติ๊กบอกด้วยสายตาเย็นชา แต่ก็เล่นเอาคนอื่นๆ อดหวาดเสียวแทนไม่ได้ “รำคาญ”
“แล้วทำไมกูต้องทำตามที่มึงบอกด้วยวะ?” เอ็กซ์ถามต่อ
“...” สายตาของติ๊กจริงจังขึ้นทุกที “เพราะกูจะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกเพื่อนกูเด็ดขาด”
“ติ๊ก... มึงนี่...” ประโยคนี้เล่นเอาเอ็กซ์ทึ่งไปเลย “เปลี่ยนไปเยอะนะ...”
“มีเพื่อนดี อะไรๆ ก็ดีตาม” ติ๊กกล่าวต่อ “ทีนี้ก็ไปได้แล้ว”
“เหอะ แล้วที่กูพูดมันผิดไงวะ?” เอ็กซ์เดินมาประสานสายตากับติ๊กแล้ว “ว่าแต่มึงเหอะจะทำอะไรกูได้?”
“...” ติ๊กใคร่ครวญซักพักด้วยความเยือกเย็น ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยประโยคชวนอึ้งนี้ออกมาด้วยความเด็ดเดี่ยว “ถ้าวันนี้แม่งไม่มา มึงมาต่อยกับกูแทนมันได้เลย”
“!!!” เล่นเอาทุกคนในที่นี้อึ้งไปตามๆ กันเลยทีเดียว
“ฮะๆๆ” เอ็กซ์หัวเราะแบบไม่ค่อยเต็มใจนัก ก่อนจะเอื้อมมือมาแตะบ่าติ๊ก “๔ โมง เจอกันนะเพื่อน”
“๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕”
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไอ้หนุ่มแว่นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แต่งานนี้ต้องขอบคุณติ๊กเพียงผู้เดียวที่สามารถขับไล่เอ็กซ์กลับไปได้ในที่สุด เขาใช้ความกล้าหาญลึกๆ ในจิตใจโต้กลับอีกฝ่ายไปด้วยความเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่แสดงผ่านทางนัยน์ตา และที่เขาทำลงไปนั้น ทั้งหมดก็เพื่อเพื่อนสนิทคนสำคัญอย่างกันเท่านั้น
หากแต่ทว่า เมื่อไอ้หนุ่มรูปงามลับสายตาจากไปแล้ว ความกล้าทั้งหมดของหนุ่มแว่นกลับฝ่อหายไปจนหมดในทันใด เพราะเมื่อกลับมานึกพิจารณาดูดีๆ แล้ว ที่เขาพูดออกไปทั้งหมดนั้นมันเท่ากับการฆ่าตัวตายทางอ้อมดีๆ นี่เอง
“นี่กูทำเหี้ยไรลงไปเนี่ยยยยยยยยย” ติ๊กสิ้นหวังจนทำไรไม่ถูก ได้แต่ตะโกนเสียงดังระบายอารมณ์เท่านั้น
“ตาย” ก็อตเอ่ย “มึงตายแน่นอน ติ๊ก”
“นี่มึงคิดไรของมึงเนี่ย!?” ซันเข้ามาเสริม “นั่นมันเอ็กซ์นะเว้ย!”
“แต่กูยอมรับ” กฤตนี้ยกนิ้วให้เลย “ที่มึงพูดเมื่อกี้แม่งเท่ห์เหี้ยๆ เลยว่ะ”
“เท่ห์บ้านพ่อมึงสิ!” ติ๊กเริ่มรนรานเข้าไปใหญ่ “นี่มันฆ่าตัวตายชัดๆ เลยนะเว้ย จบแล้วชีวิตกู... จบหมดแล้ว...”
“พี่... พี่ติ๊กใช่ป่ะคะ?” จู่ๆ พีชก็เดินมาหาติ๊ก
“หือ?” ติ๊กเงยหน้าขึ้นตาม
“พี่ไม่ต้องโทษตัวเองหรอกค่ะ” สาวน้อยคนนี้มาเพื่อช่วยเพิ่มกำลังใจนั่นเอง “พี่ทำถูกแล้ว”
“น้องมาพูดตอนนี้มันก็ไม่ช่วยอะไรหรอก” ติ๊กเริ่มเอาหัวโขกโต๊ะแล้ว “ว๊อยยยยยยยยยยยย”
“แต่ที่พี่ก็ได้พูดในสิ่งที่อยากพูดไม่ใช่เหรอคะ?” พีชเอ่ยถาม
“...” เจอประโยคนี้เข้าไป ติ๊กก็เริ่มยิ้มได้แล้ว “ก็จริงอ่ะนะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่” เช่นเดียวกับพีชที่กลับมายิ้มได้ด้วยความหวังอีกครั้ง “เพราะพีชก็เชื่อเหมือนกันว่าพี่กันต้องไม่ยอมแพ้มันแน่นอน”
“...” เล่นเอาทุกคนเริ่มคลี่ยิ้มตามสาวน้อยคนนี้ไปตามๆ กันเลย
“อืม พี่ก็เชื่อแบบนั้นเหมือนกัน”
ชีวิตของติ๊กกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งการตัดสินใจของกัน ทุกๆ คนทำได้เพียงตั้งความหวังทั้งหมดให้กับชายคนนี้ ชายผู้ที่ยังไม่โผล่หน้ามาโรงเรียนให้เห็นเลยแม้แต่น้อย ชายผู้เป็นต้นเหตุทั้งหมดของเรื่องราวอันวุ่นวายนี้ พวกเขามิอาจล่วงรู้ได้เลยว่าสุดท้ายแล้ว เขาจะมาหรือไม่มา พวกเขาเพียงแค่ต้องเชื่อเท่านั้น ว่าไม่มีทางที่ชายผู้กล้าหาญอย่างกันจะยอมแพ้ให้กับคนเสแสร้งอย่างเอ็กซ์แน่นอน สุดท้ายแล้ว ติ๊กจะรอดหรือไม่ ก็มีแต่ต้องรอให้เข็มนาฬิกาชี้เลข ๔ เท่านั้น
โปรดติดตามบทถัดไป
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ