วัยรุ่นหิมพานต์

7.9

เขียนโดย โชจัง

วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2557 เวลา 19.15 น.

  20 บท
  38 วิจารณ์
  26.48K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557 20.23 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

17) สู่สังเวียน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

“ซ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
               กระแสน้ำบริสุทธิ์พวยพุ่งเป็นสายอย่างต่อเนื่อง จากก๊อกน้ำไหลลงสู่อ่างล้างมือเซรามิคเบื้องล่างไม่มีหยุด กระทั่งมืออันขาวเนียนคู่นี้ยื่นออกมารองรับไว้ สัมผัสความเย็นฉ่ำผ่านผิวอันอ่อนนุ่มตามความเยาว์วัย จากนั้นจึงกวักเข้าใส่ใบหน้าเพื่อชำระล้างสิ่งสกปรกออกไปให้หมดจด
“...”
               กระจกบานใหญ่เบื้องหน้าสะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าอันเปียกชุ่มนี้ สะท้อนให้เห็นถึงใบหน้าอันหล่อเหลากว่าชายใดๆ แต่ในแววตากลับแฝงไว้ด้วยความอาฆาตแค้นที่ไม่อาจแสดงออกมาได้ และยิ่งมองลึกลงไปเท่าไร สายตาคู่นี้ก็ยิ่งทวีความน่าสะพรึงกลัวมากขึ้นเท่านั้น ราวกับเงากระจกกำลังสะท้อนให้เห็นถึงมารร้ายที่สิงสถิตอยู่ในตัวของชายผู้มีนามว่า เอ็กซ์
“...”
               เรื่องราวเมื่อไม่นานมานี้ยังคงฝังลึกอยู่ในหัวเอ็กซ์ไม่เสื่อมคลาย กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังมิอาจทำใจเชื่อได้ว่า คนอย่างเขาจะถูกไอ้แว่นผู้จืดชืดอย่างติ๊กท้าทายได้ถึงเพียงนี้ และแม้ในตอนแรก ไอ้หนุ่มรูปงามจะหัวเราะเยาะซักเพียงใด แต่เมื่อลองหวนกลับมาพินิจอีกที ความทะนงตนของเขากลับทำให้รู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่อาจเข้าใจได้เลย ว่าทำไมศัตรูคู่อริอย่างกันถึงมีคนคอยปกป้องได้ถึงขนาดนี้ นี่กระมังจึงเป็นที่มาของแววตาอันแสนน่าสะพรึงกลัวภายใต้รูปโฉมอันงดงามนี้
“ว๊อย!!!”
               สุดท้ายแล้ว เอ็กซ์ก็มิอาจควบคุมโทสะนี้ได้อีกต่อไป เขาจำต้องระเบิดมันออกมาด้วยการกำหมัดทุบใส่กำแพงสุดแรง พร้อมตะโกนระบายความในใจทั้งหมดจนดังลั่นไปทั่วห้องน้ำชายแห่งนี้ เด็กนักเรียนคนอื่นๆ ถึงกับต้องเหลียวมามองด้วยความตกใจอย่างรวดเร็ว และวินาทีนั้น พวกเขาก็ได้ค้นพบธาตุแท้ของดาวโรงเรียนผู้นี้เข้าให้เสียแล้ว
“แฮ่กๆๆๆๆๆ”
               แต่กระจกเงาเบื้องหน้ายังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง นั่นคือช่วยให้เอ็กซ์สามารถมองเห็นสายตาอันสอดรู้สอดเห็นนี้ได้โดยไม่ต้องเหลียวหลังมองเลยแม้แต่น้อย และดูท่าแล้ว ไอ้หนุ่มรูปงามคงไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาแบบนี้เป็นแน่
“มองหน้าหาพ่อมึงเหรอ!!!”
               แค่เพียงเอ็กซ์เปล่งเสียงตะโกนกลับไปทีเดียว สายตาอันใคร่รู้ทุกคู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นสายตาอันหวาดกลัวในทันใด ใบหน้าและน้ำเสียงอันแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวของเอ็กซ์ เป็นเหตุให้นักเรียนชายทุกคนในที่นี้ต่างพร้อมใจกันวิ่งกรูออกไปนอกห้องน้ำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อผ่านไปเพียงไม่กี่วินาที สุขาชายแห่งนี้จึงเหลือเอ็กซ์แค่เอ็กซ์แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“แฮ่กๆๆๆๆๆๆ” เอ็กซ์หอบหายใจเพื่อตั้งสติ “เป็นเพราะมึง...”
“เพราะมึงคนเดียว....” เอ็กซ์เงยหน้าขึ้นมองหน้าของตนบนกระจก “ที่ทำให้ชีวิตอันสมบูรณ์แบบ...”
“รอ...” ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ล้วงเอาอะไรบางอย่างออกมาจากโจงกระเบน “กูก่อนเหอะ...”
               สิ่งที่เอ็กซ์หยิบออกมาจากกระเป๋าโจงกระเบนคือซองบุหรี่สีแดงซองหนึ่ง ดูเผินๆ มันอาจเหมือนซองบุหรี่ทั่วไป แต่หากสังเกตดูดีๆ แล้ว บุหรี่ซองนี้กลับดูแปลกตาอย่างเห็นได้ชัด ไร้ซึ่งโฆษณาเชิญชวนเลิกบุหรี่หน้าซองประหนึ่งของปลอดภาษี ไม่มีฉลากใดๆ แปะอยู่เลย มีเพียงตัวอักษรตัวใหญ่ปะหน้าซองที่เขียนเอาไว้ว่า “ฝิ่นสีชาด” เท่านั้น
               ยิ่งเมื่อดูจากสายตาที่เริ่มออกแนวคนโรคจิตขึ้นทุกทีๆ ก็น่าจะบ่งบอกได้เป็นอย่างดีเลยว่า เมื่อถึงเวลา ๔ โมง เมื่อไร เอ็กซ์คงคิดจะใช้ฤทธิ์ของบุหรี่ซองนี้สำหรับต่อสู้กับกันเป็นแน่ เพื่อจัดการให้สาสมถึงที่สุด เพื่อความสมบูรณ์แบบที่เขาถวิลหามาตลอด เพื่อความแค้นส่วนตัวล้วนๆ ซึ่งดูท่าแล้ว หากกันยังกลับมาสภาพเดิมอีกล่ะก็ เขาคงไม่แคล้วต้องประสบชะตากรรมเดียวกับเมื่อวานก่อนอย่างแน่นอน
               สุดท้ายแล้ว ชะตากรรมของทั้งคู่จะเป็นเช่นไร ก็คงมีแต่ต้องรอให้เข็มนาฬิกาชี้เลข ๔ เท่านั้น
“มึงเจอกูแน่...”


วัยรุ่นหิมพานต์
บทที่ ๑๗ สู่สังเวียน


“กิ๊งก่องๆๆๆๆ”
               เข็มสั้นเฉียงลงมายังเลข ๔ เข็มยาวชี้ตรงไปยังเลข ๑๒ ท้องนภาแปรเปลี่ยนเป็นสีแสดพร้อมกับดวงตะวันที่ใกล้ตกลับขอบฟ้า เสียงกริ่งดังกังวานขึ้นทั่วทุกหนแห่ง เป็นดั่งสัญญาณอันดีสำหรับนักเรียนทุกคน ว่าบัดนี้ได้เวลาเลิกเรียนหลัง ๑๖ นาฬิกาแล้ว
               มันคงจะเป็น ๔ โมงเย็น อันแสนปกติสุขสำหรับวันอื่นๆ แต่ไม่ใช่กับวันนี้อย่างแน่นอน เพราะเวลาแห่งการตัดสินที่ทั้งโรงเรียนต่างเฝ้ารอได้โคจรมาถึงแล้ว และมันคงจะดีไม่น้อย หากทุกคนจะได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญครั้งนี้ด้วย
               ปกติแล้ว ยามเย็น ณ สนามฟุตบอลโรงเรียนสุวัฒนา มักจะอุดมไปด้วยเหล่านักเรียนพร้อมด้วยลูกหนังเต็มสนาม แต่ไม่ใช่กับวันนี้ สนามฟุตบอลในวันนี้กลับเงียบเหงาผิดปกติ ไร้เงานักเรียนหรือใครใดๆ ก็ตามแต่บนผืนหญ้า ราวกับพวกเขากำลังถอยห่างให้กับบางสิ่งบางอย่างยังไงยังงั้น
               กลับกันกับอัฒจันทร์ข้างสนามสนามฟุตบอลอัฒจันทร์ปูนสีขาวขนาดใหญ่ยักษ์ประจำโรงเรียนสุวัฒนานี้ กว้างขวางขนาดจุคนได้เป็นร้อยเป็นพันด้วยที่นั่งทั้งหมด ๒๐ แถว วัตถุประสงค์หลักคงมีไว้สำหรับให้เด็กนักเรียนทำหน้าที่เป็นสแตนด์เชียร์ในวันกีฬาสี แต่ในวันธรรมดาทั่วไปแล้ว เชื่อได้เลยว่าคงไม่มีใครหน้าไหนอยากออกมานั่งตากแดดตากลมอยู่กลางแจ้งแบบนี้เป็นแน่ ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าสร้างขึ้นมาเพื่อใช้แค่งานปีละครั้งก็ว่าได้
“แซ่ดๆๆๆๆๆ”
               เว้นเสียแต่วันนี้วันเดียว ที่นักเรียนทุกเพศทุกวัยนับร้อยต่างมารวมตัวกันบนอัฒจันทร์แห่งนี้โดยมิได้นัดหมาย ทุกที่นั่งต่างแน่นขนัดจนดูคึกคักขึ้นทันตาเห็น เสียงสนทนาดังเจี๊ยวจ๊าวมีให้ฟังเป็นระยะๆ ไม่ต่างอะไรจากในห้องเรียน ทุกคนต่างกำลังรอคอยอะไรบางอย่างด้วยความตื่นเต้นสังเกตได้จากสีหน้า บรรยากาศเช่นนี้มักจะพบเห็นได้บ่อยตามงานคอนเสิร์ตหรือการแข่งขันกีฬานัดใหญ่ๆ แล้วเหตุไฉนมันถึงมาเกิดขึ้น ณ โรงเรียนสุวัฒนาแห่งนี้กันได้ล่ะ
“เมื่อไรมันจะมากันวะ... กูว่าเอ็กซ์ชนะชัวร์... แต่กันก็มีลุ้นนะเว้ย...”
               เพราะในเมื่อสังเวียนคือสนามฟุตบอลเบื้องหน้านี้ ก็คงไม่มีที่ใดจะเหมาะสำหรับการรับชมศึกชี้ชะตาระหว่างกันกับเอ็กซ์เท่าบนอัฒจันทร์แห่งนี้อีกแล้ว เป้าหมายของทุกคนแท้จริงแล้วคือการรอชมการต่อสู้อันดุเดือดระหว่างยอดฝีมือทั้งสองของโรงเรียน และยิ่งต่างฝ่ายต่างเป็นผู้รับพร มนุษย์ผู้มีพลังวิเศษสุดแสนตระการตาอีก การต่อสู้นี้ก็ยิ่งไม่ต่างอะไรจากภาพยนตร์แอ็คชั่นบล็อคบัสเตอร์เรื่องหนึ่งเลยก็ว่าได้ ช่างเป็นการต่อสู้ที่ทั้งโรงเรียนต่างรอคอยจริงๆ
“ไหนดูเลนส์...”
               ที่น่าสนใจคือ ในบรรดานักเรียนนับร้อยเหล่านี้ก็ล้วนแล้วมีแต่คนคุ้นหน้าคุ้นตากันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นก็อต ผู้กำลังยืนถือกล้องตัวโปรดด้วยท่าทีจริงจังอยู่ด้านล่างอัฒจันทร์ พลางสนทนากับนักเรียนช่างภาพอีก ๓ คน ใกล้ๆ กันนี้ ดูแล้วน่าจะเป็นทีมคอยเก็บภาพและคลิประหว่างการต่อสู้ไม่ผิดแน่ จึงไม่ต้องเป็นห่วงเลยว่าจะมีใครพลาดเหตุการณ์ครั้งสำคัญนี้ เพราะทุกคนในโรงเรียนนี้จะได้รับชมศึกนี้ผ่านเลนส์กล้องของพวกเขาอย่างแน่นอน
“...”
               ทางอัฒจันทร์แถวบนสุดฝั่งซ้ายมือคือที่นั่งของพีช หยก และเพื่อนสาว ม.ต้น อีกหลายคน ถึงแม้แต่ละคนจะดูตื่นเต้นและคึกคักไม่แพ้คนอื่นๆ แต่หากสังเกตจากสีหน้าอันซึมเศร้าของพีชแล้ว เธอคงไม่เต็มใจนักหรอกที่ต้องมาดู อดีตรักเก่า กับ ชายในฝันคนใหม่ มาห้ำหั่นกันแบบนี้ ขณะที่อีกใจหนึ่งก็อดเป็นห่วงกันไม่ได้ เพราะถึงเขาจะเก่งกาจแค่ไหนก็ตาม อย่างไรเสียก็ไม่อาจรับประกันว่าจะรอดพ้นเงื้อมมือพรสามประการอย่างเอ็กซ์ไปได้เหมือนกัน
“ยังไงเอ็กซ์ชนะชัวร์” เสียงจากชายคนหนึ่ง
“แต่กูว่ากันก็มีลุ้นนะ” เสียงโต้แย้งจากเพื่อนของชายคนนั้น
“เมื่อไรพี่เอ็กซ์จะมาวะ อีเหี้ย” เสียงจากเด็กสาวนางหนึ่ง

               สุดท้ายคือบริเวณกึ่งกลางแถวล่างสุดของอัฒจันทร์ อันเป็นจุดที่มีวิสัยทัศน์ในการรับชมชัดเจนที่สุด ที่นั่งชั้นหนึ่งแถวนี้ถูกจับจองโดยเหล่าพลพรรคชาว ม.๔/๘ เอาไว้หมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกฤต ซัน ปิ๊ หรือกระทั่งติ๊ก ทุกคนล้วนแล้วแต่เป็นเพื่อนสนิทกับกันทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับติ๊ก ที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อเพื่อนคนนี้ ถึงขนาดยอมลงทุนไปท้าต่อยกับเอ็กซ์เลยทีเดียว
“...”
               ทว่า ดูท่าคำพูดในอดีตจะย้อนกลับมาทำร้ายติ๊กเข้าให้เสียแล้ว เพราะถึงตอนพูดเขาจะดูเด็ดเดี่ยวแค่ไหนก็ตามที แต่พอจวนตัวจริงๆ ไอ้แว่นคนนี้คงไม่อาจตีหน้าเข้มแบบคราวก่อนได้อีกต่อไป เพราะแม้บัดนี้จะถึงเวลานัดมาตั้งนานแล้ว ไอ้ตัวเจ้าปัญหาอย่างกันก็ยังไม่โผล่หน้ามายังสุวัฒนาเสียที ความเดือดร้อนใจทั้งหมดจึงตกมาอยู่ที่ติ๊กแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
               เพราะเขารู้ดีว่าหากกันยังไม่มา ก็ต้องเป็นเขาคนนี้แหละที่ต้องลงไปต่อยกับเอ็กซ์บนสนามท่ามกลางสายตาผู้ชมนับร้อยแทน โอกาสที่เขาจะชนะได้แทบจะเป็น ๐ ทั้งหมดที่เขาทำได้คงมีเพียงการรอคอยเพื่อนคนนี้ด้วยความหวังอันริบหรี่เท่านั้น
“๔ โมง แล้ว” ซันเงี่ยหูฟังเสียงกริ่งเลิกเรียน “ยังไม่มากันอีกเหรอวะ?”
“เอ็กซ์อ่ะ เดี๋ยวมันก็มา” กฤตเสริม “แต่ไอ้กันนี่ดิ”
“กูก็ว่างั้นแหละ” ซันเห็นด้วย “ป่านนี้แล้วคงไม่มาหรอกมั้ง”
“...” ประโยคนี้ยิ่งทำร้ายติ๊กที่อยู่ข้างๆ เข้าไปใหญ่“จบแล้วชีวิตกู...”
“เอ่อ... ติ๊ก” ซันออกอาการเป็นห่วงเพื่อนคนนี้ด้วยความสงสาร “กูว่ามึงรีบหนีไปตอนนี้ยังทันนะ...”
“อ้าว กฤต”
               ขนาดเพื่อนกันยังมาได้ มีหรือเพื่อนเอ็กซ์จะไม่มาบ้าง เสียงเรียกทักนี้ไม่ได้มาจากใครอื่นใด นอกจากมิคกับมาร์ค เพื่อนผู้เปรียบเสมือนปีกคู่ข้างกายของเอ็กซ์นั่นเอง
               บัดนี้ พวกเขาได้เดินทางมาถึงอัฒจันทร์แห่งนี้แล้ว ด้วยความหล่อลากดินระดับเดียวกับเอ็กซ์ จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องแปลกเลย หากทุกสายตาของเหล่าหญิงสาวทุกคนจะเหลียวมามองตามพวกเขาชนิดตาแทบไม่กะพริบ แต่ที่น่าประหลาดใจกว่าก็คือ เมื่อสังเกตจากการทักทายอันเป็นกันเองแล้ว ดูเหมือนมาร์คจะสนิทกับกฤตพอสมควรเลยทีเดียว
“มาร์ค!?” กฤตตกใจเล็กน้อย ทันทีที่เห็นมาร์ค “มึงมาด้วยเหรอวะ?”
“ทำไมจะไม่มาวะ” ก่อนที่มาร์คกับมิคาจะหย่อนตัวลงมานั่งข้างๆ “นั่งด้วยคนดิ”
“เออๆ แล้วนี่มึงไม่เป็นไรแล้วเหรอวะ?” กฤตเอ่ยถาม
“เป็นไรวะ?” มาร์คทวนคำถาม
“ก็... ก็ไอ้ที่มึงโดนเมื่อวานอ่ะ”
“...ช่างแม่งสิวะ...” จากอารมณ์ดีอยู่ดีๆ มาร์คก็เริ่มอารมณ์เสียขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินประโยคนี้ “ไอ้เหี้ย พูดเรื่องนี้ทีไรกูหงุดหงิดทุกที”
“...” กฤตพอจะเข้าใจอยู่บ้าง “ก็ได้...”
“เออ ไอ้กันยังไม่มาอีกเหรอวะ?” ถึงไม่รู้จักกันมาก่อน แต่มิคก็ลองเลียบๆ เขียงๆ ถามกฤตดู
“ยัง ตั้งแต่เช้ายังไม่มาโรงเรียนเลย”
“...” สีหน้าของมาร์คแสดงถึงความรู้สึกผิดได้อย่างชัดเจน
“แล้วเอ็กซ์อ่ะ?” กฤตถามบ้าง “แม่งนัดเองไม่ใช่เหรอวะ?”
“จะไปรู้แม่งเหรอวะ!!!” มาร์คเดือดขึ้นมาอีกแล้ว “มันจะ...”
“นั่นไง!!! มาแล้ว!!!”

 



               หลังจากปล่อยให้รอคอยมานานแสนนาน บัดนี้ ผู้ท้าชิงคนแรกก็ได้เดินทางมาถึงสังเวียนเสียที แม้จะเป็นเพียงการย่างเท้าเดินตามปกติ แต่ทุกฝีก้าวของเขากลับดูสุขุมนุ่มลึกราวนายแบบบนเวทีแคทวอล์ค ด้วยรอยยิ้มบาดใจและสายตาอันเชิดหยิ่ง สเน่ห์ของเขาแทบจะฆ่าผู้หญิงให้ตายทั้งเป็นได้แค่เพียงคลี่ยิ้ม รูปร่างหน้าตาอันหล่อเหลาเหนือชายใดๆ พร้อมเสื้อแจ็คเก็ตหนังสุดเท่ห์คือเครื่องหมายการค้าของเขา ไม่มีใครในโรงเรียนนี้ไม่รู้จักเขา เพราะเขาคือเอ็กซ์ เทพบุตรประจำสุวัฒนา
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
               ดั่งชะนียกฝูงหลุดออกมาจากอุทยานแห่งชาติ ความบ้าคลั่งบังเกิดแก่สตรีทุกนางผู้ได้ยลโฉมหน้าอันหล่อเหลานี้ พวกเธอทุกคนต่างพร้อมใจกันส่งเสียงกรีดร้องออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังจะให้เจ้าชายในฝันได้ยินชัดเต็มสองหู โดยที่เจ้าตัวยังคงเดินเฉิดฉายบนพื้นหญ้าไปเรื่อยๆ ไม่ใส่ใจกับเสียงแสบแก้วหูนี้เลยแม้แต่น้อย ราวกับนี่คือสถานการณ์ที่ดาวโรงเรียนอย่างเขาพบเจอจนชินแล้วยังไงยังงั้น
“พี่เอ็กซ์!!!!!”
               เสียงกรี๊ดอย่างเดียวคงยังไม่พอ เพราะบนอัฒจันทร์แถวบนสุดยังมีนักเรียนหญิง ม.ต้น กลุ่มหนึ่ง ที่คอยช่วยกันชูป้ายไฟอันใหญ่ที่เขียนว่า “X FC” เอาไว้ด้วยความภูมิใจ ยิ่งตอกย้ำได้เป็นอย่างดีว่า สถานะของเอ็กซ์ในสายตาสาวๆ แทบไม่ต่างอะไรจากดารานักร้องบนเวทีคอนเสิร์ตดีๆ นี่เอง
“มีป้ายไฟด้วยเว้ยเฮ้ย” กฤตถึงกับร้องอุทาน
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”
               เอ็กซ์ยังคงเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนมาหยุดฝีเท้าเอาไว้บนเส้นแบ่งกึ่งกลางสนามบอล สุดท้ายจึง หันหน้าให้กับอัฒจันทร์ เพื่อเผยใบหน้าอันหล่อเหลานี้ให้ทั้งโรงเรียนได้เชยชมกันเต็มๆ ตา เสียงกรีดร้องยิ่งทวีความดังขึ้นเรื่อยๆ จนลามมาถึงขั้นหนวกหู สร้างความรำคาญและริษยาเล็กๆ ภายในจิตใจเหล่านักเรียนชายคนอื่นๆ ได้เป็นอย่างดีทีเดียว
“...”
               รอยยิ้มเล็กๆ บนมุมปากแสดงถึงความสุขอันล้นปรี่ของเอ็กซ์ได้ไม่ใช่น้อย และเพื่อไม่ให้เกินเลยไปกว่านี้ แค่เพียงเขายกมือขึ้นห้ามทีเดียว เสียงกรี๊ดจากบรรดาสาวกก็เป็นอันต้องเงียบหายไปตามคำสั่งของศาสดาโดยพลัน ทุกคนต่างเงียบเพื่อเงี่ยหูฟังสิ่งที่เขากำลังจะพูดต่อไปอย่างใจจดใจจ่อ
               และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ไอ้หนุ่มรูปงามจึงค่อยๆ ถกแขนเสื้อแจ็คเกตขึ้นเพื่อดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือสีเงินเรียบหรู จากนั้นจึงหันมายิ้มทักทายให้แก่เหล่าผู้ชมทุกคนเพื่อเตรียมปราศรัยในที่สุด
“ทุกคนรู้ใช่มั้ยครับ!!!” เอ็กซ์ตะโกนเสียงดังฟังชัดให้ได้ยินทุกคนโดยไม่ต้องพึ่งไมโครโฟนเลย “ว่าผมไม่ได้มานี่เพื่อจะต่อยกับอากาศ!!!”
“ฮะๆๆๆๆ” เสียงหัวเราะเบาๆ ดังขึ้นตาม
“เพราะผมมาที่นี่!!! เพื่อตัดสินตัวๆ กับไอ้คนขี้ป๊อดชื่อกัน!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด” ช่างถูกอกถูกใจสาวน้อยทุกคนเสียจริงๆ “กรี๊ดดดดดดดดด”
“...” กลับกันกับมาร์คและเพื่อนๆ ที่จำต้องฝืนทนกับคำพูดเหล่านี้ให้ได้
“กัน!!! ไม่รู้หรอกนะว่ามึงอยู่ไหน!!!” เอ็กซ์กร่างขึ้นทุกทีๆ “แต่มึงควรไปหากระโปรงมาใส่ได้แล้วว่ะ!!!”
“ไอ้เหี้ย!!! กูไม่ไหวแล้ว!!!” มาร์คไม่อาจอดทนได้อีกต่อไปแล้ว “มึงมา...”
“มาร์ค ใจเย็นๆ สัส” กฤตกับมิคที่อยู่ขนาบข้างจึงต้องช่วยรั้งเพื่อนคนนี้ไว้
“!?” ทั้งอัฒจันทร์เริ่มมองมายังมาร์ค
“...” เช่นเดียวกับพีชที่เหลือบมองดูด้วยความสงสัย
“แต่ก็อย่างว่าแหละ!!! ในเมื่อมึงไม่มาก็ช่วยไม่ได้หรอก!!!” เอ็กซ์แทบไม่ได้ให้ความสนใจเพื่อนคนนี้เลย “ถือซะว่าเห็นแก่ความใจหมาของมึงก็แล้วกัน!!!”
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดด”
               เสียงกรีดร้องอันกึกก้องยิ่งกว่าครั้งไหนๆ พิสูจน์ถึงความรุ่งโรจน์ของเอ็กซ์ได้เป็นอย่างดี มันแสดงให้เห็นว่านอกจากหน้าตาแล้ว พ่อเทพบุตรคนนี้ยังมีดีที่เล่ห์เหลี่ยมอันแสนร้ายกาจ เขาสามารถใช้เพียงคารมในการซื้อใจนักเรียนเกือบทั้งโรงเรียน ให้เชื่อในสิ่งที่เขาอยากให้เชื่อ ให้เชื่อว่ากันเป็นเพียงคนขี้ขลาดไร้ศักดิ์ศรี ให้เชื่อว่าเขาคนนี้แหละเป็นวีรบุรุษที่แท้จริง
               ทุกสิ่งทุกอย่างดำเนินไปตามแผนที่เขาวางเอาไว้หมดแล้ว เอ็กซ์ในตอนนี้มีทั้งชื่อเสียงและเกียรติยศ ภาพที่เขาอ้าแขนรับเสียงร้องสรรเสริญแห่งความคลั่งไคล้ด้วยความภาคภูมิ ช่างดูสูงศักดิ์ราวกับเจ้าชายผู้เป็นที่รักยิ่งของทุกๆ คน และงานนี้ต้องขอบคุณกันจริงๆ ที่เป็นดั่งฐานรองให้เขาก้าวขึ้นมาสู่จุดนี้ได้โดยไม่ต้องทำอะไรเลยแม้แต่น้อย

 



               กลับกันกับเหล่าผองเพื่อนของกันที่ได้แต่ทนฟังคำดูถูกเหล่านี้ด้วยความเจ็บปวด ด้วยผูกพันธ์ที่มีมาอย่างยาวนาน ทำให้พวกเขาเลือกที่จะไม่ยอมเชื่ออะไรก็ตามแต่ที่ออกมาจากปากชายคนนี้ ขณะเดียวกัน พวกเขาต้องไม่ลืมว่า มันก็เป็นความขี้ขลาดของกันจริงๆ นั่นแหละที่ไม่ยอมมาในวันนี้
“ไอ้เหี้ยเอ็กซ์!!!” มาร์คพยายามตะโกนฝ่าเสียงกรี๊ดออกไปให้ได้ “มึงเลิกเอาคนอื่นมาเป็นของเล่นได้แล้ว!!!”
“มึงไปตอนนี้ก็ช่วยไรไม่ได้หรอก!!! คิดดีๆ ดิ” มิคเตือน
“เออ ทนๆ ไปก่อนเหอะ” กฤตพยายามดึงมาร์คลงมา
“...” น้ำตาของพีชใกล้จะหลั่งออกมาเต็มทีแล้ว
“...” ส่วนก็อตก็เลือกที่จะลดกล้องลงด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างแรง
“ไอ้เหี้ยกัน มึงอยู่ไหนของมึงวะเนี่ย...” ซันก็เริ่มทนไม่ไหวเช่นเดียวกัน
“...” ติ๊กได้แต่มองดูด้วยความเวทนา
“ถ้างั้นก็ขอโทษทุกคนที่มาด้วยนะครับ!!!” เอ็กซ์ค่อยๆ หันหลังจากไป “ยังไงก็กลับบ้านดีๆ แล้ว...”
“เดี๋ยว!!!” จู่ๆ เสียงของชายปริศนาก็ดังลั่นขึ้นมา “เอ็กซ์!!!”
“!!!”
“มึงลืมไรไปป่าว!!!”
               ประโยคที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่นนี้ เล่นเอาทั้งอัฒจันทร์ถึงกับต้องเหลียวมามองในทันใด และเมื่อนั้น พวกเขากับได้พบกับเจ้าของเสียงตะโกนนี้ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นใด เขาก็คือติ๊ก ผู้ที่กำลังยืนท้าทายเอ็กซ์ด้วยความห้าวหาญอยู่กลางอัฒจันทร์นั่นเอง
“มึงสัญญาแล้วไม่ใช่เหรอ!!!” ติ๊กตะโกนดังลั่นไปหาเอ็กซ์ “ว่าถ้าแม่งไม่มาจะต่อยกับกูแทนอ่ะ”
“!!!”
               ไม่ต่างจากเมื่อตอนเที่ยง ติ๊กไม่มีทางยอมให้เพื่อนของเขาโดนดูถูกแบบนี้อีกต่อไปแน่ เพื่อรักษาศักดิ์ศรีของเพื่อนคนนั้น เขาถึงกับยอมทำทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความเต็มใจ กระทั่งต้องเอาชีวิตเข้าแลกก็ยอม ช่างเป็นบุรุษผู้ใจกล้าและเสียสละจริงๆ

 


พื้นที่พักสายตา


 


               ทั้งอัฒจันทร์ต่างอึ้งและทึ่งไปกับประโยคนี้ไปตามๆ กัน เพราะในโลกนี้ คงไม่มีคนสติดีที่ไหนอยากจะลงมามีเรื่องกับยอดฝีมือคนนี้เป็นแน่ นี่มันเป็นการฆ่าตัวตายชัดๆ เว้นเสียแต่ว่า เมื่อสังเกตจากแววตาและน้ำเสียงอันหนักแน่นและแน่วแน่แล้ว พวกเขาทุกคนต่างรู้โดยแจ้งในทันทีว่า ไอ้แว่นคนนี้เอาจริง
“...” กลับกันกับเอ็กซ์ที่ดูท่าไม่สบอารมณ์อย่างแรง “เออ งั้นก็ลงมานี่ มา”
“เออ” ติ๊กตอบรับคำเชิญ
“เดี๋ยว ติ๊ก!” ซันร้องห้าม “มึงบ้าป่าวเนี่ย!?”
“...” แต่ไอ้แว่นหาได้สนใจไม่
“ไอ้เหี้ยนี่ใครวะเนี่ย...” มาร์คถึงกับสงบสติอารมณ์ลงได้ด้วยความใจกล้าของติ๊กเลยทีเดียว
“เพื่อนกูเอง...” กฤตตอบให้
“เดี๋ยว!!!” ถึงจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน แต่ด้วยความเป็นห่วง มิคจึงต้องลุกขึ้นมาเพื่อขัดขวางติ๊กอย่างรวดเร็ว “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเป็นใคร แต่มึงอย่าทำแบบนี้เลยดีกว่า!!!”
“กูคิดดีแล้ว”
“...”ประโยคเดียวแต่แฝงด้วยความหนักแน่น ถึงกับทำให้มิคยอมหลีกทางให้ในทันใด /ทำไม.../
“บ้าไปแล้วเหรอวะ ใครวะเนี่ย กูจะไปรู้เหรอ” เสียงนินทาเจี๊ยวจ๊าวมีให้ฟังเป็นระยะ
/พี่ติ๊ก!!!/ ขนาดพีชยังแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง /นี่เอาจริงเหรอวะเนี่ย!!!/
“เพื่อนกูแต่ละตัว...” ก็อตถึงกับกุมขมับ ขณะที่เพื่อนๆ เอาแต่ถ่ายรูปติ๊กไม่ขาดสาย
               ติ๊กเดินลงบันไดจากอัฒจันทร์มาจนถึงสนามบอลเบื้องล่างได้ในที่สุด ท่ามกลางความอึ้งและทึ่งของทุกๆ ฝ่าย ขณะนี้ เขากำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับชายผู้แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งด้วยระยะห่างพอสมควร ละอองแสงสีทองเข้าปกคลุมร่างของหนุ่มแว่นโดยพลัน บันดาลให้ผิวกายกลายเป็นสีเขียวสดทั้งร่าง แววตาอันจริงจังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดหมู เป็นดั่งสัญญาณว่าเขาเตรียมพร้อมรับมือการต่อสู้ข้างหน้านี้แล้ว ยิ่งแสดงถึงความแน่วแน่ในการตัดสินใจของติ๊กเข้าไปใหญ่
               ที่สำคัญคือนัยน์ตาสีแดงเลือดหมูที่ยังคงแข็งกร้าวไม่มีเปลี่ยน แม้อีกฝ่ายจะเป็นถึงหนึ่งในพรสามประการก็ตามที เขาก็มิได้แสดงท่าทีเกรงกลัวหรือหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าช่างใจกล้ายิ่งกว่าที่ตาเห็นจริงๆ ราวกับ เขาก็เตรียมใจตายเอาไว้แต่แรกแล้วยังไงยังงั้น
“ขอถามไรอย่างสิ” เอ็กซ์เอ่ยปาก “ติ๊ก”
“?”
“เกิดอะไรขึ้นกับมึงกันแน่?”
“...” ติ๊กคิดซักพัก “กูก็แค่บังเอิญเจอเพื่อนดี...”
“ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมม”
               ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น จู่ๆ ผืนดินแทบเท้าติ๊กก็พลันระเบิดขึ้นมาในทันใด ธุลีดินแตกกระจุยไปในอากาศด้วยอำนาจทำลายล้างมหาศาล ก่อเกิดป็นรูโบ๋ขนาดใหญ่เบื้องหน้าไอ้แว่นคนนี้แบบไม่ทันให้ตั้งตัว สร้างความตกอกตกใจให้กับทั้งตัวเขาและเหล่าผู้ชมไม่ใช่น้อย พลังระดับนี้คงจะเป็นอะไรไม่ได้เลย นอกจากปืนใหญ่นารายณ์ของเอ็กซ์นั่นเอง
“...”
               เช่นเดียวกับติ๊ก บัดนี้ ละอองแสงได้แปรเปลี่ยนให้ผิวกายของเอ็กซ์กลายเป็นสีเหลืองทอง เท่านั้นยังไม่พอ เมื่ออยู่ในรูปโฉมอันงดงามยิ่งกว่าเก่านี้แล้ว ละอองแสงสีม่วงก็ค่อยๆ ลอยเข้ามาปกคลุมรอบแขนซ้ายของเขาในทันใด เอ็กซ์กำหมัดไว้แน่นเพื่อเล็งไปเป้าหาติ๊ก จากนั้นจึงได้ฤกษ์ยิงลำแสงสีม่วงเข้าใส่พื้นหญ้าข้างหน้าอีกฝ่ายในที่สุด
               นี่เป็นแค่การข่มขู่เท่านั้น เอ็กซ์พยายามเตือนว่าถ้าขืนก้าวเข้ามาข้างหน้าอีกล่ะก็ ร่างกายของติ๊กอาจไม่แคล้วต้องประสบชะตากรรมเดียวกับก้อนดินเหล่านั้นแน่ๆ แถมมันยังได้ผลเสียด้วย เมื่อแววตาอันห้าวหาญเมื่อครู่นี้ถึงกับต้องสั่นสะพรึงด้วยความเกรงกลัวในทันใด
“...” ติ๊กถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว
“คิดผิดคิดใหม่ได้นะ” เอ็กซ์เตือน
“เป็นไงเป็นกันวะ...”
               ดูท่าเอ็กซ์จะประเมินเพื่อนคนนี้ต่ำไปหน่อยเสียแล้ว สายตาแห่งความเกรงกลัวเมื่อครู่อาจแทรกเข้ามาได้บ้างเล็กน้อย แต่ไม่นานนัก สายตาอันกล้าหาญก็กลับเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว ต่อจากนั้น หนุ่มแว่นจึงก้าวขาออกไปข้างหน้าพร้อมง้างหมัดขวาไว้แน่น วิ่งเข้าใส่บุรุษรูปงามเบื้องหน้าแบบไม่คิดชีวิต จนสร้างความตกตะลึงให้กับทั้งอัฒจันทร์ไปเลยทีเดียว
“ว๊ากกกกกกกกกกกก”
               แต่ในขณะเดียวกัน มันกลับสร้างความไม่พึงพอใจให้กับเอ็กซ์ได้เป็นอย่งมาก เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปฏิเสธความกรุณาของตนเสียขนาดนี้ ไอ้หล่อจึงจำต้องเล่นไม้แข็งเสียแล้ว เขาเล็งกำปั้นซ้ายตรงไปหาเป้าหมายเบื้องหน้า เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งถัดไปในอีกไม่ช้านี้แล้ว
“ว๊ากกกกกกกกกกกกกกก”
               ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ด้วยระยะห่างประมาณ ๕ ม. ติ๊กยังคงวิ่งเข้าหาเอ็กซ์ไม่มีหยุดโดยไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น ขณะเดียวกัน ละอองแสงสีม่วงบนกำปั้นของเอ็กซ์ก็ยิ่งเปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นเรื่อยๆ เป็นดั่งสัญญาณอันตรายสำหรับคู่ต่อสู้อย่างเห็นได้ชัด
“ว๊ากกกกกกกกกกกกก”
               ทั้งอัฒจันทร์ต่างเฝ้ามองชะตากรรมของทั้งสองชนิดตาแทบไม่กะพริบ ทั้งกฤต ซัน มิค มาร์ค ก็อต รวมถึงพีช ต่างลุ้นใจจะขาดว่าติ๊กจะรอดพ้นเงื้อมมือของเอ็กซ์ไปได้หรือไม่ แต่ความหวังก็พลันดับวูบลงไปในทันที เมื่อปืนใหญ่นารายณ์ของเอ็กซ์คงจะได้ฤกษ์ปลดปล่อยออกมาเสียแล้ว นี่อาจวินาทีแห่งชีวิตของติ๊กเลยก็ว่าได้
“ปืนใหญ่...”
“ตุบ”
               ไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้คือใคร ไม่รู้ว่าชายคนนี้มาจากไหน รู้เพียงแค่ว่า ในวินาทีแห่งความเป็นความตายของติ๊ก ในวินาทีที่เขากำลังจะถูกลำแสงทำลายล้างของเอ็กซ์ยิงเข้าใส่ยู่รอมร่อ ทันใดนั้นเอง ชายนิรนามคนนี้ก็ดิ่งตัวลงมาจากฟากนภาสูง ก่อนลงมายืนประจันหน้ากับเอ็กซ์แบบไม่ทันให้ตั้งตัวใดๆ ทั้งสิ้น เหล่าผู้ชมบนอัฒจันทร์ทุกคนต่างต้องอึ้งไปตามๆ กันกับการปรากฏตัวของบุรุษปริศนาคนนี้ โดยเฉพาะกับเอ็กซ์ ที่ทุกสิ่งทุกอย่างผิดแผนไปจนหมด เมื่อบัดนี้ ศัตรูคู่อริได้ยืนอยู่ต่อหน้าเขาแล้ว
“สหายเอ็กซ์”
               มีเพียงผู้เดียวในสุวัฒนาเท่านั้นที่ทักทายมิตรสหายด้วยวลีแปลกๆ เช่นนี้ เขาคือวานรขาว ผู้มาพร้อมกับทรงผมแหลมอันเป็นเอกลักษณ์ ผู้ถูกป้ายสีสารพัดจนตกเป็นจำเลยสังคม ผู้ตกเป็นที่เกลียดชังในสายตาคนทั้งโรงเรียน ผู้ซึ่งถึงแม้อาจไม่ได้หล่อสุด แต่เขาก็เป็นเพื่อนผู้จริงใจที่สุดคนหนึ่ง ผู้สืบสายเลือดบริสุทธิ์จากพญาลิงหนุมานได้มาถึงสังเวียนแห่งนี้แล้ว กันมาตามคำท้าของเอ็กซ์แล้ว
“มึงสู้ผิดคนป่าว?”
               ด้วยความตกตะลึง กำปั้นเรืองแสงของเอ็กซ์ก็พลันดับวูบลงไปในทันใด พร้อมด้วยคำถามข้อเดียวที่ผุดขึ้นมาในหัวว่า เขามาได้ยังไงกัน?

 



“กัน...”
               เรียกได้ว่ากันไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ถึงแม้เขาจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมาให้เห็นหน้าเลยทั้งวัน จนเพื่อนๆ สูญสิ้นศรัทธาไปจนหมด แต่จู่ๆ เขาก็โผล่มาได้อย่างถูกที่และถูกเวลา ความหวังเล็กๆ ของทุกคนถูกจุดประกายขึ้นมาได้อีกครั้ง เพราะการมาถึงลิงขาวผู้นี้จริงๆ
“กัน!!!” ทั้งอัฒจันทร์ถึงกับตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
“นั่นไงกูว่าแล้ว!!!” คนที่ดูดีใจที่สุดเห็นจะเป็นกฤตกับมาร์ค
“...” ถึงจะไม่พูดไรมาก แต่รอยยิ้มของมิคก็แสดงถึงความดีใจได้เป็นอย่างดี
“มันต้องงี้สิวะ!!!” หลังจากลดกล้องมานานสองนาน ก็อตก็ได้ฤกษ์ลั่นชัทเตอร์อีกครั้งเสียที
“มาได้ไงวะ เมื่อกี้กูเห็นลงมาจากฟ้าอ่ะ... แต่กูว่ายังไงก็แพ้อยู่ดี” เสียงซุบซิบนินทาดังตามขึ้นมาในทันใด
“...” พีชเริ่มเบิกยิ้มขึ้นมาได้บ้างแล้ว
“รอดแล้วกู...” นับเป็นโชคดีสำหรับติ๊กจริงๆ ขณะเดียวกันก็สร้างความอกสั่นขวัญแขวนได้ไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว “แฮ่กๆๆๆๆ”
“สหายติ๊ก” กันเรียกโดยไม่หันไปมองเลยซักนิด “ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะเนี่ย?”
“ก็แม่งบอกจะต่อยกับกูแทนมึงนี่หว่า” เอ็กซ์ตอบให้ “นี่ขนาดกูเตือนแล้วนะเนี่ย”
“!” กันตกตะลึงไปเล็กน้อย “จริงเหรอ?”
“ควยเหอะ” แค่คำเดียวก็สื่อความหมายได้เป็นอย่างดีแล้ว
“ใจมากนะ” กันยิ้มขึ้นมาได้ด้วยความซาบซึ้ง “หมดธุระแล้วก็รีบไปซะ นี่มันเป็นเรื่องของกูกับสหายเอ็กซ์เท่านั้น”
“เออ” ติ๊กรีบวิ่งหนีตายกลับไปให้ถึงอัฒจันทร์โดยเร็วที่สุดตามคำสั่งของกัน
               เมื่อติ๊กสามารถวิ่งกลับมาจนถึงอัฒจันทร์ได้อย่างปลอดภัย เมื่อนั้น บรรยากาศแห่งความเคร่งเครียดก็เข้าปกคลุมสนามบอลในทันใด แม้จะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์จริง แต่เหล่านักเรียนทุกคนต่างก็รู้สึกถึงความน่ากลัวของระหว่างนักสู้ทั้งสองได้เป็นอย่างดี รังสีอำมหิตแผ่ซ่านเข้าไปถึงทุกสัมผัส การเผชิญหน้าด้วยแววตาอันจริงจังของทั้งสองเป็นดั่งสัญญาณอันดีว่า พวกเขาพร้อมที่จะสู้เต็มแก่แล้ว
“หึๆๆๆๆๆๆ” จู่ๆ เอ็กซ์ก็หัวเราะขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย “เรื่องของมึงกับกูเหรอ? เรื่องนั้นมันจบไปนานแล้ว”
“...” กันสงสัย “ไรนะ?”
“ต่อให้มึงจะมาหรือไม่มา” เอ็กซ์ค่อยๆ แสยะยิ้มอันชั่วร้ายออกมา “ผลลัพธ์มันก็เหมือนเดิมอยู่ดีนั่นแหละ”
“...” กันได้แต่รับฟังด้วยความสงบ
“มองไปรอบๆ สิ ทั้งโรงเรียนกำลังมองเราอยู่!!!” แววตาของเอ็กซ์ดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งขึ้นทุกทีๆ “ถ้ามึงไม่มามึงก็แค่ไอ้ขี้ขลาดตัวนึง แต่ถ้ามึงมา...”
“มึงก็ยิ่งไม่ต่างอะไรจากหมาขี้แพ้ตัวนึง” เอ็กซ์จ้องเขม็งมายังกันด้วยความน่าเกรงขาม “ที่ต้องคลานมาสยบแทบเท้ากูเท่านั้นแหละว่ะ”
“...” คำพูดเหล่านี้อาจยั่วโมโหได้ไม่ใช่น้อย แต่กันก็จำต้องอดทนต่อไป “แล้วไงวะ?”
“แล้วไงเหรอ?” เอ็กซ์ยิ้มให้กันอีกครั้ง “ไม่ว่าจะทางไหน สุดท้ายแล้วทั้งโรงเรียนก็ต้องเกลียดมึงอยู่ดีไงวะ”
“ชีวิตวัยรุ่นของมึงจบแล้ว”
               ประโยคอันเปล่งออกมาด้วยความชั่วร้ายลึกๆ จากก้นบึ้งหัวใจนี้ เล่นเอาทั้งตัวและหัวใจกันแทบจะร้าวรานไปเลยทีเดียว เพราะความจริงมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เขารู้ตัวดีว่านับแต่นี้ เขาอาจเป็นคนที่ถูกเกลียดชังทั้งโรงเรียน แต่มีหรือไอ้หนุ่มหัวแหลมคนนี้จะยอมสยบกับประโยคสั้นๆ แค่นี้
“รู้อะไรมั้ย? ถ้าเป็นเมื่อก่อน กูคงคิดว่าชีวิตกูเป็นอะไรที่แย่มากๆ”
“มึงคิดถูกแล้ว...”
“ใช่ เมื่อก่อนกูอาจคิดว่าชื่อเสียงคือสิ่งสำคัญที่สุด ยิ่งคนรู้จักกูเยอะเท่าไร กูก็ยิ่งดูยิ่งใหญ่มากขึ้นเท่านั้น” กันยิ้มให้เอ็กซ์บ้าง “แต่มันเป็นแค่ความคิดผิดๆ ของคนโง่ๆ ว่ะ”
“?”
“ที่กูต้องการจริงๆ ก็แค่เพื่อนคนนึง” กลับกันกับเอ็กซ์ รอยยิ้มของกันกลับให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก “คนที่อยู่กับกูตลอดเวลา คนที่พร้อมทำทุกอย่างเพื่อกู นั่นแหละคนที่กูต้องการ นั่นแหละคือก้าวแรกแห่งชีวิตวัยรุ่นอันยิ่งใหญ่”
               กันไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่มักจะคล้อยตามไปกับวาจาของเอ็กซ์ สายตาและน้ำเสียงอันน่าสะพรึงกลัวไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย เพราะเขาคงไม่ยอมถูกหลอกใช้เป็นอีกครั้งที่สองแน่ๆ ที่เขาเชื่อมีแค่หัวใจของตัวเองเท่านั้น โดยหาได้แยแสคำพูดดูถูกเหยียดหยามของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย
               มิหนำซ้ำ เขายังสามารถโต้กลับอีกฝ่ายไปด้วยประโยคแสนลึกซึ้งที่กลั่นออกมาจากหัวใจได้อีก ต่างจากคำพูดของเอ็กซ์ที่เต็มไปด้วยคำดูถูกและคำโป้ปด ถึงแม้หน้าตาจะสู้ไม่ได้ แต่หากวัดกันด้วยความจริงใจแล้ว ก็คงเป็นกันนี่แหละที่ดูจะเหนือกว่าเห็นๆ
“...” เอ็กซ์เงียบไปเลย
“ส่วนคนอื่นจะมองกูยังไง...” กันมองไปรอบๆ ก่อนจะกลับมาจ้องหน้าเอ็กซ์อีกครั้ง “ช่างหัวแม่งสิวะ”
“ที่กูมาที่นี่ ก็เพื่อที่จะจัดการกับมึง เพื่อให้มึงรู้ซึ้งความหมายของคำว่าเพื่อนก็เท่านั้นแหละ”
“พล่ามเสร็จยัง?” เอ็กซ์เหลืออดเต็มที “ไอ้ควายหัวแหลม”
“กูรอจนมึงโม้เสร็จเนี่ย” กันก็เช่นกัน “ไอ้เหี้ยเสื้อกันหนาว”
“เอาเลยป่ะล่ะ?”
               สิ้นเสียงประโยคสุดท้ายของทั้งคู่ ก็เสมือนมีเสียงระฆังเริ่มยกดังลั่นขึ้นมาในทันใด ลายเส้นสีเขียวมรกตปรากฏทั่วขาขวาของกันโดยพลัน เช่นเดียวกับลายเส้นสีม่วงสดบนแขนทั้งสองข้างของเอ็กซ์ แม้จะเป็นเพียงแค่เสี้ยววินาทีเล็กๆ สำหรับคนทั่วไป แต่ในสายตาของนักสู้ แค่เพียงเสี้ยววินาทีก็ถือว่าสำคัญขนาดตัดสินความเป็นความตายได้แล้ว
               ด้วยระยะห่างที่ใกล้พอสมควร กันไม่รอช้าใดๆ ทั้งสิ้น รีบใช้พลังแห่งเหมันต์พรสร้างพายุหมุนลูกจิ๋วใต้ฝ่าเท้าข้างขวา บันดาลให้มันทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ จนก่อเกิดเป็นพายุอันเชี่ยวกราก และเมื่อได้จังหวะ ลิงขาวจึงได้ฤกษ์เตะขึ้นไปพร้อมด้วยพลังวายุใต้ฝ่าเท้า มันพุ่งลงสู่พื้นเป็นดั่งแรงเสริมอันทรงพลังให้กับลูกเตะนี้ ในการตวัดเสยเข้าใส่ใบหน้าของเอ็กซ์ด้วยความรุนแรงที่สุด
               ส่วนทางด้านเอ็กซ์ เขากำหมัดพร้อมเรียกละอองแสงสีม่วงให้ลอยเข้ามาปกคลุมรอบแขนอีกครั้ง จากนั้นจึงยื่นกำปั้นขวาเข้าใส่อกของกันเบื้องหน้า แขนของเขาเรืองแสงสีม่วงแพรวพราวขึ้นเรื่อยๆ เพื่อเตรียมยิงปืนใหญ่นารายณ์อันทรงพลังในอีกไม่กี่อึดใจแล้ว
               ทว่า ผ่านการต่อสู้สั้นๆ เพียงครั้งเดียว ทั้งคู่ก็ดูจะรู้แกวกันและกันอย่างถ่องแท้เสียแล้ว เมื่อเห็นทีท่าว่าอีกฝ่ายกำลังจะโจมตีเข้ามา ในขณะที่มือยังว่างอยู่ กันก็สามารถใช้มือขวากดแขนอันเรืองแสงของเอ็กซ์ลงไปได้อย่างทันท่วงที เช่นเดียวกับเอ็กซ์ เมื่อล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจะเตะเข้ามา ไอ้หนุ่มรูปงามก็รีบตั้งแขนซ้ายขึ้นมา เนรมิตโล่อันแข็งแกร่งจากละอองแสงสีม่วงขึ้นมาบนแขนข้างนั้น เพื่อใช้มันเป็นเกราะป้องกันลูกเตะพลังลมของกันได้โดยพลัน
               แม้จะเป็นเพียงการโจมตีครั้งแรก แต่ต่างฝ่ายต่างก็ปล่อยของใส่กันชนิดจัดหนักจัดเต็มไม่มียั้ง พวกเขาสามารถมองทันการเคลื่อนไหวของอีกฝ่าย จนนำมาสู่การแก้ทางกันด้วยการชิงไหวชิงพริบอันรวดเร็ว ด้วยทักษะการต่อสู้อันเอกอุ ทั้งกันทั้งเอ็กซ์ต่างรุกและรับกันได้อย่างดุเดือดเสียจนนักเรียนทุกคนบนอัฒจันทร์ต่างต้องตกตะลึงไปตามๆ กัน ช่างสมศักดิ์ศรีผู้สืบทอดสายเลือดแห่งหนุมานและพระลักษณ์เสียจริงๆ
               การโจมตีครั้งแรกนี้คือการเปิดม่านศึกอันแสนดุเดือดของทั้งสองโดยแท้ ทั้งโรงเรียนกำลังเฝ้าดูศึกแห่งชะตานี้ ศึกแห่งความแค้นที่มีกันมาอย่างยาวนาน ศึกที่มีศักดิ์ศรีและชื่อเสียงเป็นเดิมพัน บัดนี้ การต่อสู้ระหว่างกันกับเอ็กซ์ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว


โปรดติดตามบทถัดไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา