love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน
เขียนโดย พรสิริ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
54)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเวลาเช้าเดินทางมาถึงอีกครั้ง หญิงสาวได้แต่นอนมองเพดานในความมืดยามใกล้รุ่งอย่างฟุ้งซ่าน สมองของเธอมีแต่ความรู้สึกผิด เธอยังไม่พร้อมที่จะเจอหน้านายวาฟเฟิลในตอนนี้ แต่หน้าที่ต้องมาก่อนความรู้สีกเสมอ เธอจึงลุกจากที่นอนพร้อมกับคิดหาวิธีการหลบหน้าอย่างแนบเนียน
ปัง!!
เสียงปิดประตูดังขึ้นในขณะที่หญิงสาวห้องข้างๆกำลังเปิดประตูออกมาพอดี มันช่างเป็นความบังเอิญที่มาพร้อมความอึดอัดเสียจริง เธออยากจะกลับเข้าไปในห้องและฝังตัวเป็นมนุษย์ถ้ำสักล้านปีเพราะเธอจับรังสีอะไรบางอย่างจากคนข้างๆได้ แม้ว่าจะไม่ได้มองหน้าเขาเลยก็ตาม เธอรีบเดินออกจากจุดนั้นอย่างรวดเร็ว ในใจก็ภาวนาขอให้เขาอย่าได้ทักทายเธอเลย
“อรุณสวัสดิ์”
เสียงที่เธอไม่อยากได้ยินเอ่ยทักทายเธออย่างสดใส แต่หญิงสาวก็ยังคงรีบเดินต่อไป
“วันนี้อากาศดูหนาวๆนะว่าไหม”
ชายหนุ่มยังคงเอ่ยกับเธอด้วยท่าทีสดใสเช่นเดิม บางทีเขาคงลืมไปแล้วกระมัง ว่าเมื่อวานเธอได้ทำอะไรเอาไว้
“นี่เธอยังไม่หายโกรธฉันอีกหรือ”
เขาเดินมาดักหน้าเธอก่อนจะจับที่ไหล่เธอทั้งสองข้างเหมือนกับเหตุการณ์เมื่อวานไม่มีผิด หญิงสาวรีบสะบัดไหล่ทันทีก่อนที่เขาจะออกแรงบีบมันเหมือนดังเช่นที่ผ่านมา เพราะไหล่ของเธอทั้งสองข้างยังไม่หายจากการระบม ถึงรอยช้ำจะถูกปกปิดไว้ด้วยเสื้อผ้าจนมองไม่เห็นแต่หากมีบางสิ่งมาสัมผัสมันก็เจ็บปวดอยู่ดี
ชายหนุ่มได้แต่ผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะลดมือลงข้างตัว
“ต้นไม้นายเป็นไงบ้าง”
เธอถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลางเดินแทรกร่างหนาลงมายังห้องครัวอย่างรวดเร็ว
“เริ่มดีขึ้นแล้วล่ะ”
คนถามไม่ได้รอฟังคำตอบเลยแม้แต่น้อย เธอเดินไปช่วยลุงแหมบจัดโต๊ะอาหารโดยไม่สนใจเพื่อนร่วมทางอย่างเขาสักนิด
“เชิญนั่งเถอะครับหนูข้าวตอก ผมเตรียมของเสร็จหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้ช่วยแล้วล่ะครับ”
“หนูยังไม่หิวหรอกค่ะ ไว้สายๆค่อยกินพร้อมลุงแหมบดีกว่า”
เธอพูดพลางยิ้มหวานให้ลุงแหมบแต่สำหรับคนมองมันดูไม่สดใสเลยสักนิด
“หนูข้าวตอกต้องกินยาตอนเช้านะครับ”
ลุงแหมบตอบยิ้มๆพลางตักข้าวต้มกุ้งหอมฉุยมาวางให้เธอที่โต๊ะอาหาร หญิงสาวจำจะต้องนั่งลงฝั่งตรงข้ามกับนายวาฟเฟิลอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่กระนั้นเธอก็ยังไม่ยอมมองหน้าเขาอยู่ดี
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนู”
ลุงแหมบทักทายชายหนุ่มที่เอาแต่จ้องหน้าคนฝั่งตรงข้ามอย่างมีความหมายอะไรแอบแฝง แต่คนโดนจ้องกลับไม่สนใจ เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตาเป่าข้าวต้มกุ้งหอมฉุยของตนเองอย่างตั้งอกตั้งใจ
‘อึดอัดโคตร จะมาจ้องอะไรกันขนาดนี้ จ้องกันแบบจะไม่ให้ผุดให้เกิดเลยรึไง รีบๆกินของตัวเองไปสิ’ หญิงสาวได้แต่นั่งแบกความรู้สึกอึดอัดจนกระทั่งเขาไปโรงเรียน
‘จ้องกันขนาดนี้เป็นปลาทองคงท้องไปแล้ว’
อิสระกลับมาสู่เธออีกครั้ง เธอกินยาตามที่ลุงแหมบเป็นคนจัดให้ ก่อนจะมานั่งในห้องนั่งเล่นอย่างเบื่อหน่าย
“ป่านนี้ยัยม่อนจะทำอะไรอยู่นะ เฮ้อ เบื่อจังเลย อยากไปโรงเรียนจะแย่แล้ว”
เธอเปิดจอมโหดขึ้นมาตรวจดูความเรียบร้อยของบทละครเวทีเป็นรอบที่หมื่น หลังจากที่ช่วยกันแต่งกับลุงแหมบจนเสร็จไปตั้งแต่เมื่อวาน
เวลาผ่านไปจนเกือบเที่ยง หญิงสาวตัดสินใจโทรหาเพื่อนรักด้วยโทรศัพท์ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนโต๊ะกระจกสุดหรู
ตุ๊ดดดด ตุ๊ดดดด ตุ๊ดดดด
“ฮัลโหล”
“ยัยม่อน นี่ฉันเองนะ”
หญิงสาวกรอกเสียงส่งไปด้วยความดีใจ เสียงแสนคุ้นหูที่เธออยากได้ยินมาตลอดทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ฉันไหน ไม่รู้จัก”
แต่เสียงที่ส่งกลับมาช่างตรงข้ามกับเสียงที่ส่งไปลิบลับ
“ฉันไง เพื่อนสาวแสนสวยคนดีคนเดียวของแกไง”
“สวยเสยอะไร ฉันไม่เคยคบคนสวยย่ะ”
“เออๆ น่ารักก็ได้ จำฉันได้รึยัง”
จากที่เคยดีใจกลับกลายเป็นอารมณ์เสีย อยากจะเหวี่ยงงวงฟาดสักทีสองทีให้หายแค้น
“น่ารักก็ไม่มี คนแบบนั้นไม่เหมาะจะมาเดินคู่กับคนอย่างฉันหรอกนะ”
“อยากกลายเป็นศพคาโทรศัพท์ไหมคะ เดี๋ยวเจ้จัดให้”
เสียงเย็นๆลอดผ่านโทรศัพท์อย่างแผ่วเบา แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนฟังหวาดกลัวเลยสักนิด
“ฮาฮาฮา เพื่อนของฉันจะต้องเป็นยัยโหดโหมดธรรมะ อย่างนี้สิ”
“นิสัยโหดใช่ไหมคะ”
หญิงสาวที่เพื่อนบอกว่าเป็นยัยโหดพยายามหาเหตุผลความโหดของตัวเอง
“หน้านี่แหละ”
“ออเหรอ ระหว่างอีโต้กับสปาตาร์แกชอบอย่างไหนมากกว่ากัน ถ้าเป็นอีโต้ก็สองทีขาดแต่ถ้าเป็นสปาตาร์ทีเดียวทันใจไม่ทรมาน พิเศษ! ถ้าคุณยังไม่เลิกกวนบาทาตอนนี้เราแถมฟรีให้คุณไปเลยบาดทะยัก จะยักเล็กยักใหญ่แล้วแต่คุณต้องการ เลือกเลย”
“แหม เก็บโปรนี้ใส่กล่องไปเถอะย่ะมันคงไม่เหมาะกับคนอย่างฉันเท่าไร ว่าแต่แกเถอะเป็นยังไงบ้าง หายไปตั้งหลายวันรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกขนาดไหน”
เสียงต่ำของชายหนุ่มอ่อนลงอย่างห่วงๆ ที่เพื่อนคนเดียวของเขาหายไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลย เมื่อไม่นานเขาพึ่งโทรไปหาหญิงสาวที่บ้านตามเบอร์ที่เธอเคยให้ไว้ แต่แม่ของเธอก็บอกว่าเธอไม่ค่อยสบายจึงจำเป็นต้องหยุดเรียน พอเขาซักถามอะไรไปก็ไม่ตอบ พอขอไปเยี่ยมที่บ้านก็ไม่ได้ เขาได้แต่เก็บความสงสัยนี้ไว้คนเดียว ในเวลานี้ เขาคงได้แค่รอ รอให้เพื่อนของเขายอมเปิดใจเล่าเรื่องราวที่เธอกำลังเผชิญอยู่ให้เขาฟัง แต่ตอนนี้เขาต้องพยายามสะกดต่อมเผือกของเขาไว้ให้มิดชิดเสียก่อน
“แค่ไม่สบายนิดหน่อย ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วล่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงไป”
“แกรู้ไหมพอแกหยุดไปก็เกิดข่าวลือแปลกๆขึ้นมา ดังไปยั้นห้องอื่นเลยนะแก”
“ข่าวลือ! เรื่องละครเวทีงั้นหรือ ไม่ต้องห่วงไปเพื่อนยาก ฉันเขียนบทและออกแบบทุกอย่างไว้หมดแล้ว”
หญิงสาวตอบอย่างสบายใจ เพราะเรื่องที่ทำให้เธอไม่สบายใจมาตลอดมันได้เสร็จสิ้นไปแล้วเปราะหนึ่ง
“ละครเวทีอะไร! ไม่มีใครเขาสนใจหรอกนะ เขาสนใจที่ว่าช่วงเวลาที่แกหายไป พ่อเทพบุตรของฉันก็หายไปด้วยเช่นกัน เลยเกิดข่าวลือว่าพวกแกแอบหนีตามกันไปแล้ว”
หนีตามกัน เป็นคำพูดที่ทำเอาคนฟังถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว ถึงเธอจะไม่ได้หนีตามเขามา แต่แน่นอนว่าเธออยู่กับเขาตลอดในช่วงเวลาที่เธอหยุดเรียน
“จะบ้าหรอ ฉันไม่ใช่คนใจง่ายขนาดนั้นแกก็รู้ ฉันไม่เอาอนาคตอันสนใสไปทิ้งกับนายนั่นหรอกนะยัยเพื่อนบ้า แกเชื่อข่าวลือพวกนั้นงั้นหรือ”
“แน่นอนสิยะ ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อเท่าไรหรอกนะ แต่พอหลายวันเข้า พ่อเทพบุตรของฉันก็ยังไม่ยอมมาสักที มันก็ทำให้คิดได้เหมือนกัน”
“แกเอาตรรกะอะไรมาวัดวะเนี่ย! ฉันไม่สบายจะตายอยู่แล้วยังจะมามีข่าวลือแปลกๆแบบนี้อีกหรอ แล้วยังไงล่ะยัยม่อน ข่าวลือแปลกๆนั่นหายไปรึยังล่ะ ในเมื่อนายวาฟเฟิลนั่นไปโรงเรียนตั้งแต่เมื่อวานแล้วนิ ข่าวลือแปลกๆคงหมดไปแล้วสินะ”
หญิงสาวได้แต่พูดหาข้อแก้ตัวอย่างเอาเป็นเอาตายเธอรู้สึกโกรธเพื่อนของตัวเองมากที่ไปเชื่อข่าวลือไร้สาระพรรณนั้น
“จริงสินะยัยข้าวตอก! ข่าวลืมพวกนั้นจริงสินะ”
เพื่อนของเธอตอบกลับมาอย่างตกใจ มันทำให้เธอต้องทบทวนคำตอบของเธอเสียใหม่
“อะไรจริง แกยังงมงายกับข่าวลืออยู่อีกหรือเนี่ย!”
“แกรู้ได้ไงว่าพ่อเทพบุตรของฉันมาโรงเรียนเมื่อวาน หืม”
‘เวรแล้ว ดันพูดอะไรไม่ข้าท่าออกไปซะได้ เอาไงดีล่ะทีนี่ ยัยม่อนคงไม่จบเรื่องนี้ง่ายๆแน่’
เธอได้แต่กัดปากตัวเองเพื่อลงโทษที่มันดันพูดไม่คิดออกไปพลางหาข้อแก้ตัวอย่างรวดเร็ว
“เดาจ้า”
มันคือเหตุผลที่เธอคิดได้ตอนนี้
“อย่ามาแถ ฉันกินข้าวนะยะไม่ใช่หญ้า”
“อ่าว นี่แกหิวข้าวแล้วหรอ เออ ใกล้จะหมดเวลาพักแล้วนี่นา แกคงยังไม่ได้กินข้าวสินะ รีบไปกินเลยนะเดี๋ยวไม่ทันคาบต่อไป แค่นี่นะเพื่อน บาย ตุ๊ด ตุ๊ด ตุ๊ด”
เมื่อเธอหาข้อแก้ตัวให้กับนักเผือกในตำนานไม่ได้ เธอก็เลือกที่จะถอยดีกว่า ก่อนที่จะเผลอพูดอะไรโง่ๆออกไปอีก
‘ฉันจะปล่อยให้เรื่องเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ข่าวลือนั่นมันรุนแรงเกินไป หนีตามงั้นหรอ ฉันเสียหายนะยะ ใครมันเป็นคนปล่อยข่าวลือกันนะ แล้วอีตาวาฟเฟิลนั้นรู้เรื่องนี้รึยังนะ โอ้ยๆ!ปวดหัวจริง มีแต่เรื่อง’
หญิงสาวเข้ามาทานอาหารกลางวันกับลุงแหมบในครัวตามปกติ อาหารมื้อนี้คือข้าวผัดทะเลและแกงจืดเต้าหู้วุ้นเส้น เธอกินข้าวไปพร้อมกับคิดหาทางออกให้กับตนเอง ลุงแหมบเห็นอาการหน้าบึ้งราวกับกำลังกินข้าวอยู่บนรังแตนของเธอก็อดถามไม่ได้
“กับข้าวไม่อร่อยหรือครับ”
หญิงสาวที่เอาแต่คิดกับตัวเองได้แต่ถอนหายใจ
“อร่อยค่ะ ลุงแหมบทำอาหารไทยเก่งจังเลยนะคะ”
“ผมชอบน่ะครับก็เลยเรียนรู้จากเชฟใหญ่มาเยอะ”
เธอพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเริ่มคิดถึงปัญหาชีวิตอีกครั้ง ข่าวลือที่เกิดขึ้นไม่เพียงแต่ห้องเธอเท่านั้นที่กำลังพูดถึง แต่มันดันเป็นเรื่องฮอตฮิตรามไปถึงห้องข้างๆอย่างกับไฟไหม้ป่า เรื่องนี้ต้องโทษความสเน่ห์แรงของนายนั่น
“เป็นอะไรไปหรือครับ หรือว่ารู้สึกไม่สบายอีกแล้ว”
“ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่เกิดเรื่องยุ่งยากที่โรงเรียนเท่านั้นเอง”
พูดจบก็ถอนหายใจอย่างคนปลงตกหาทางออกให้ชีวิตไม่ได้ สร้างความสงสารให้ชายตรงหน้าไม่น้อย
“มีอะไรก็เล่าให้ผมฟังได้นะครับ ผมยินดีช่วยเหลือเต็มที่”
“จริงๆแล้วมันก็เป็นปัญหาของหนูคนเดียว แต่ถ้าได้ลุงแหมบมาช่วยคิดหนูอาจจะได้ทางออกที่ดีที่สุดก็ได้”
ถึงจะบ่นโน่นบ่นนี่ไปเรื่อย แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่น เธอนั่งมองทางเลือกสุดท้ายก่อนที่ทางออกดีๆจะแล่นเข้ามาราวกับคลื่นยักษ์กระทบฝั่ง
‘เป็นที่น่ายินดี เป็นที่น่ายินดี เป็นที่น่ายินดี หึหึหึหึ’ เสียงดีอกดีใจดังก้องอยู่ข้างในพร้อมกับรอยยิ้มที่สุดแสนจะชั่วร้าย
คาบบ่ายแก่ๆที่ต้องเรียนคณิตศาสตร์ทำเอาทั้งห้องดูง่วงเหงาไปถนัดตา ชายหนุ่มยังคงนั่งอยู่ที่เดิมที่เคยเป็นโต๊ะของเขา เพียงแต่หญิงสาวคนข้างๆคือคนที่เขาไม่รู้จัก เธอเอาแต่นั่งมองหน้าเขาทั้งวัน ถึงเขาจะรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของเธอแต่ก็ไม่เคยพูดคุยกับเธอเลยสักครั้ง ช่วงเวลาในโรงเรียนทุกนาทีที่ไม่มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งคอยบ่นคอยว่ามันช่างเงียบเหงาและน่าเบื่อเหลือเกิน
“ป่านนี้ยัยนั่นจะหายโกรธเรื่องต้นไม้รึยังนะ”
เขานั่งบ่นพึมพำกับตัวเอง แต่ทุกถ้อยคำกลับไหลเข้าหูคนข้างๆอย่างชัดแจ๋วจนหญิงสาวเริ่มสงสัยว่ายัยนั่นเป็นใครกันแน่ จะเป็นยัยข้าวตอกเหมือนในข่าวที่เขาลือกันรึเปล่า เธอทั้งสับสนและไม่พอใจแต่ก็ไม่สามารถแสดงอารมณ์ใดๆออกมาได้
“ใครโกรธอะไรหรือ ปรึกษาเราได้นะ”
เขาหันมาส่งยิ้มเย็นๆให้เธอแทนคำตอบก่อนจะหันไปจดจ่อกับสิ่งที่อาจารย์สอน ตลอดเวลาที่หญิงสาวได้นั่งใกล้กับเขา เธอพยายามที่จะชวนเขาคุยอยู่ตลอดแต่ก็ได้รับเพียงรอยยิ้มเย็นๆกลับมาเท่านั้น แต่เธอก็ยังอยากคุยกับเขาอยู่ดี
“นี่วาฟเฟิล เธอรู้รึเปล่าว่าช่วงที่เธอหยุดไปมีข่าวลือแปลกๆเกี่ยวกับเธอด้วยนะ”
ชายหนุ่มหันกลับมามองเธออย่างสนใจ
“ข่าวลืออะไร ถ้าเรื่องของฉันกับยัยนั่นล่ะก็มันช่างไร้สาระสิ้นดี”
เขาพูดอย่างสบายอารมณ์และหันกลับไปให้ความสนใจกับการเรียนอีกครั้ง พยายามจดสิ่งที่อาจารย์สอนอย่างละเอียดเพื่อให้คนหัวช้าได้เข้าใจโดยง่าย โดยไม่ได้หันไปสนใจคนข้างๆอีกเลย
“ยัยนั่นงั้นหรอ”
ความสงสัยผุดขึ้นในใจของเธออีกครั้ง หากครั้งนี้เธอเริ่มที่จะแน่ใจแล้วว่ายัยนั่นของเขาคือคนเดียวกับที่เธอคิด แล้วเธอจะไม่ปล่อยให้มันเป็นเพียงความสงสัยแน่
‘ถ้าสิ่งที่ฉันคิดเป็นเรื่องจริง มันจะไม่จบง่ายๆแน่ ยัยปิศาจยากจน’
……………….โปรดติดตามตอนต่อไป…………………….
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ