love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน

7.7

เขียนโดย พรสิริ

วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.

  55 ตอน
  8 วิจารณ์
  53.52K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

55)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          

          การตกลงเจรจากับลุงแหมบเป็นไปได้ด้วยดี  ลุงแหมบรับฟังและเข้าใจเธออย่างง่ายดายที่เหลือก็แค่สนทนาภาษาดอกไม้กับนายวาฟเฟิลเท่านั้น

 

“ทำไมพักนี้ชีวิตฉันมันดูยากลำบากจังเลยนะ”

 

หญิงสาวแอบเดินเข้าไปยังห้องของชายหนุ่มที่ตอนนี้ยังไม่กลับมาจากโรงเรียน ห้องของเขาไม่ต่างจากเดิมเลยสักนิด ยังคงมืดมิดเย็นเยือกเช่นเดิม ทำให้เธอนึกถึงวันแรกที่เข้ามาที่นี่ได้เป็นอย่างดี รังผีดิบชัดๆ ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ใช่ผีดิบแต่เธอก็ยังคิดว่าเขาไม่ได้ต่างจากสิ่งที่เธอคิดเลยสักนิด แสงไฟสีน้ำเงินอ่อนส่องผ่านความมืดเข้ามาในระดับสายตาพอดิบพอดี เธอเดินคลำทางไปหาแสงนั้นช้าๆ แสงสีฟ้าในตู้กระจกขนาดกลางส่องให้เห็นต้นโครเวอร์ที่ยังคงเหี่ยวเฉาเหมือนดั่งครั้งสุดท้ายที่เธอเห็นมัน เธอไม่กล้าคิดแม้จะแตะต้องมัน

 

‘อาการของมันยังดูแย่อยู่เลย ไหนนายนั่นบอกว่าดีขึ้นแล้วไง’

 

เธอเดินออกมาจากห้องนั้นเงียบๆ รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตนได้กระทำลงไปด้วยความประมาท มีอะไรที่ฉันพอจะทำให้นายนั่นได้บ้างนะ  แล้วความคิดดีๆก็ผุดขึ้นในหัวเธออีกครั้ง เธอรีบเดินเข้าไปในสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ที่เธอเคยเห็นลุงแหมบดูแลพวกมันอย่างดี

 

“มันต้องมีสิ ฉันเคยเห็นมันขึ้นอยู่แถวๆนี้นี่นา “

 

หญิงสาวเดินหาสิ่งที่เธอพบเมื่อวานนี้โดยบังเอิญอย่างรีบร้อน ใกล้ๆสวนน้ำตกเล็กๆ สไตร์ญี่ปุ่นที่ดูสบายตามีสิ่งที่เธอกำลังค้นหาอยู่จริงๆ

 

“เจอแล้ว”

 

เธอร้องอย่างดีใจ ก่อนจะหากระถางเล็กๆมาปลูกมันอย่างทุลักทุเล เพราะมันเป็นพืชคลุมดินที่พบเจอได้ง่ายตามแหล่งดินชื้นฉ่ำ

 

“ถึงแกจะเป็นพืชที่ถูกมองข้าม แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแกมีประโยชน์มหาศาลขนาดไหน”

 

เธอนั่งใส่ดินและเศษมะพร้าวอย่างอารมณ์ดี ภาคภูมิใจกับไอเดียแสนฉลาดของตนเอง

 

“ถ้าแกโตขึ้นกว่านี้ คงสวยมากแน่ๆ”

 

เธอนั่งจัดกระถางต้นไม้ของเธออยู่นานสองนาน จนกระทั่งได้ยินเสียงรถแล่นเข้ามาจึงจัดการซ่อนกระถางต้นไม้ของเธอไว้ในที่ลับตาคนก่อนจะออกไปต้อนรับขับสู้คนที่เธอรอคอย

 

หญิงสาวส่งรอยยิ้มยวนใจให้เขา ก่อนจะเดินเข้าไปหาชายหนุ่มที่พึ่งจะลงจากรถมาหมาดๆ ชายหนุ่มในชุดนักเรียนเรียบร้อยมองเธอด้วยสายตาประหลาดใจ

 

‘เมื่อเช้ายังหลบหน้าเราอยู่แท้ๆ ผู้หญิงนี่อารมณ์แปรปรวนจริงๆ’

 

“ที่โรงเรียนเป็นอย่างไรบ้าง ”

 

“ก็เหมือนเดิม”

 

หญิงสาวมองเข้าไปในตาของชายหนุ่ม เธออยากรู้ว่าเขาไม่รู้เรื่องข่าวลือมาก่อนหรือเขาเลือกที่จะไม่บอกเธอกันแน่ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าไร เพราะตอนนี้เธอรู้เรื่องข่าวลือและตัดสินใจที่จะไปโรงเรียนเพื่อสยบข่าวลือนั้นเสีย แต่ปัญหาอยู่ที่คนตรงหน้านี้ต่างหาก

“ดีจังเลยนะ ฉันคิดว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปเรียนด้วย”

 

“ไม่ได้”

 

เสียงกัมปนาทราวฟ้าที่ฟาดลงมาทำให้คนฟังสะดุ้งสุดตัว เธอทำสีหน้าไม่พอใจเขาอย่างไม่ปิดบังแต่ก็ได้รับสายตาขุ่นมัวกลับมาเช่นกัน

 

“ไม่พอใจก็เรื่องของนายสิ ฉันไม่ได้มาขออนุญาตินายสักหน่อย ฉันจะไปเรียนเมื่อไรมันก็สิทธิของฉัน”

 

“แต่เธอยังไม่หายดี เธอยังไปโรงเรียนตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด”

 

“ฉันไปเรียนหนังสือนะไม่ได้ไปทำสงครามมันจะไม่ไหวอะไรนักหนา นายจะเวอร์อะไรขนาดนั้น”

 

หญิงสาวเริ่มเถียงอย่างหงุดหงิด เธอไม่เข้าใจความห่วงใยของคนตรงหน้าเลยสักนิด เขาชอบทำเหมือนเธอกำลังป่วยเป็นโรคร้ายที่รอวันตาย และมันทำให้เธอหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นสีหน้าห่วงใยเสียจนเวอร์ของเขา

 

ชายหนุ่มมองเธอด้วยสายตาไม่พอใจ เขาคงไม่สามารถห้ามเธอได้  เพราะเขามองเห็นสายตามุ่งมั่นที่มองมายังเขา ถึงห้ามต่อไปก็คงจะไม่มีประโยชน์

 

“เฮ้อ...งั้นก็แล้วแต่เธอแล้วกัน”

 

เขาพูดอย่างอ่อนใจก่อนจะหยิบสมุดจดวิชาคณิตศาสตร์ส่งให้เธอแล้วเดินเข้าบ้านไปอย่างเงียบๆ หญิงสาวได้แต่มองสมุดจดในมืออย่างสงสัย ก่อนจะเปิดดูภายในแต่ก็ต้องหลุดหัวเราะออกมาดังลั่นเพราะสิ่งที่ชายหนุ่มโน๊ตไว้

 

‘ฉันพยายามจดให้เข้าใจง่ายที่สุด และมั่นใจว่าคนที่มีความรู้น้อยที่สุดต้องเข้าใจแน่นอน’

 

เขาจดโน๊ตทุกรายละเอียดได้อย่างชัดเจนเข้าใจง่าย ทั้งลำดับความสำคัญและทริกการใช้สูตรต่างๆ

 

‘จดย่อเนื้อหาได้เข้าใจง่ายสุดๆ ขนาดคนเรียนเลขไม่ค่อยเก่งอย่างฉันยังรู้เรื่อง ไม่คิดเลย ว่าเรื่องนี้มันจะง่ายขนาดนี้ ฉันคงความรู้น้อยอย่างที่เขาว่าจริงๆนั่นแหละ’

 

เช้าที่อากาศสดใสปรอดโปร่ง หญิงสาวรีบแต่งตัวอย่างเริงร่า ความสุขที่เธอรอคอยกำลังจะกลับมา เธอจะได้พบกับเพื่อนรักอีกครั้ง ถึงแม้ว่าจะมีปัญหามากมายรอเธออยู่ที่นั่นด้วยก็ตาม แต่มันไม่สำคัญเท่าการได้พบเพื่อนรักของเธอหรอก

 

“หนูช่วยค่ะลุงแหมบ”

 

สาวน้อยในชุดนักเรียนสีซีดเหลืองรีบวางกระเป๋านักเรียนพร้อมจอมโหดลง ก่อนจะเข้าไปช่วยลุงแหมบจัดโต๊ะอาหารอย่างสุขใจ รอยยิ้มพริ้มพรายพุดขึ้นบนใบหน้าอย่างไม่ปิดบัง อีกไม่นานเธอจะได้พบกับเพื่อนรักที่เฝ้าคอยมาเนิ่นนานแค่คิดก็ทำให้เธอมีความสุขแล้ว

 

“ทุกอย่างพร้อมแล้วครับ หนูข้าวตอกนั่งเลยครับอีกสักครู่คุณหนูจะลงมา”

 

“ค่ะ”

 

วันนี้หญิงสาวตรงหน้าเขาดูน่ารักสดใสเป็นพิเศษ เธอเชื่อฟังในสิ่งที่เขาบอกเป็นอย่างดี

 

ข้าวต้มหมูร้อนๆถูกยกมาวางตรงหน้าเธอทันทีที่เธอนั่งลง ตามมาด้วยนมจืดแก้วใหญ่และยาสำหรับตอนเช้า ถึงแม้วันนี้เธอจะได้รับอนุญาตให้ไปโรงเรียนได้แต่เรื่องการดูแลร่างกายก็ยังคงต้องทำอยู่

 

ชายหนุ่มที่มัวแต่จัดการเรื่องต้นไม้จนเกือบสายรีบนั่งลงตรงข้ามกับหญิงสาวทันที ก่อนจะยกนมแก้วใหญ่ขึ้นดื่มอย่างเร่งรีบ

 

“อรุณสวัสดิ์”

 

หญิงสาวยิ้มทักทายเขาอย่างร่าเริงสดใส

 

“อรุณสวัสดิ์ครับคุณหนู”



ลุงแหมบเอ่ยทักทายคุณหนูของตนก่อนจะวางชามข้าวต้มตรงหน้าชายหนุ่ม

 

“ตื่นสายหรอ”

 

หญิงสาวเอ่ยถามอย่างอารมณ์ดี แต่ก็ได้รับเพียงสายตาเย็นชาตอบกลับมาเท่านั้น

 

‘ชิ ถามดีๆ ยังทำหน้าตาเย็นชาใส่อีก อย่าได้หวังว่าฉันจะพูดดีกับนายอีกเลย’

 

รถญี่ปุ่นสีดำค่อยๆขับช้าลงจนกระทั่งจอดสนิดไม่ไกลจากโรงเรียนมากนัก หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างคนขับได้แต่หันมองรอบข้างรถอย่างกระวนกระวาย

 

“จอดรถทำไม!!”

 

คนอยู่ด้านหลังถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก เพราะตอนนี้ได้เวลาเข้าแถวเคารพธงชาติแล้ว

 

“ขอบคุณค่ะลุงแหมบ หนูไปก่อนนะคะสวัสดีค่ะ”

 

เธอรีบพูดแล้วหิ้วกระเป๋า จอมโหด และถุงยา ลงจากรถไปอย่างรวดเร็ว แต่ชายหนุ่มที่ได้แต่นั่งมองการกระทำของเธอก็รีบลงรถตามเธอมาด้วยเช่นกัน

 

ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจกับการกระทำของเธอก็เถอะ แต่เขาก็รีบตามเธอลงมาอย่างรวดเร็ว

 

“อ้าว! นี่นายจะตามฉันลงมาเพื่อ”

 

“แล้วเธอจะลงตรงนี่เพื่อ”

 

ชายหนุ่มถามกลับพลางมองท่าทางร้อนรนของเธออย่างขำขัน

 

“รีบกลับขึ้นรถแล้วให้ลุงแหมบไปส่งที่โรงเรียนเดี๋ยวนี้เลยนะ อยากไปโรงเรียนสายรึไง”

 

หญิงสาวได้แต่พูดรอดไรฟันด้วยความขัดใจ เธอวางแผนนี้มาอย่างดิบดี ไม่มีทางที่จะทำให้มันล่มเพราะคนกวนบาทาตรงหน้าแน่นอน

 

ชายหนุ่มก้มลงไปบอกคนในรถให้กลับบ้านได้เลย เพราะเขากับเธอจะไปกันต่อเอง มาถึงขั้นนี้เขาพอจะจับจุดคนเจ้าแผนการได้บ้างแล้ว และเขาก็อยากเป็นคนทำให้แผนการของเธอล้มเหลวไม่เป็นท่าซะด้วย เขายิ้มเย็นๆให้เธออย่างมีเลศนัย

 

“อะไรของนาย แล้วนั่น ลุงแหมบจะไปไหน นี่!”

 

หญิงสาวยิ่งร้อนรนเข้าไปอีกเมื่อรถที่เธอนั่งมาเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็วตามคำสั่งเจ้านาย

 

“เอาล่ะ เราเข้าไปในโรงเรียนกันดีกว่า จะสายแล้ว”

 

ว่าเสร็จเขาก็จับมือเธอให้เดินเข้าไปในโรงเรียนพร้อมกัน คนโดนลากพยายามขืนตัวอย่างเต็มที่ไม่ให้ตามแรงของเขาไป

 

“ทำไมฉันต้องเข้าไปพร้อมนายด้วย! นายเข้าไปก่อนเถอะ ฉันมีธุระต้องทำแถวนี้ก่อน”

 

ข้ออ้างต่างๆนาๆพลังพลูออกมาจากปากเล็กๆอย่างร้อนรน

 

“ธุระอะไร นี่มันสายมากแล้วนะ  อยากโดนลงโทษวิ่งรอบสนามรึไง”

 

“ไม่อยาก!”

 

เธอตอบแบบไม่ต้องคิด เช้าๆแบบนี้ร่างกายเธอยังไม่พร้อมจะทำงานหนัก แต่จะทำอย่างไรให้คนข้างๆเข้าไปก่อนเธอได้

 

“ถ้างั้นนายรออยู่ตรงนี้สักเดี๋ยวนะ แล้วค่อยตามฉันเข้าไป”

 

ในเมื่อเขาไม่ยอมเข้าไปก่อน เธอจึงหาทางออกโดยการเข้าก่อนเสียเอง แต่ชายหนุ่มหาได้ให้ความร่วมมือไม่ เขายังคงยืนยิ้ม สร้างความหงุดหงิดใจให้หญิงสาวอย่างดีเยี่ยม

 

“ทำไมต้องทำเรื่องเล็กให้ยุ่งยากด้วยล่ะ ก็เข้าไปพร้อมกันนี่แหละ จะเป็นไรไป”

 

นายนั่นแหละที่จะทำเรื่องเล็กให้ยุ่งยากไปกันใหญ่

เขาเดินกึ่งลากแขนคนหน้ามุ่ยเข้าโรงเรียนไปอย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าเธอจะขืนตัวเองไว้แล้วก็ตาม

ทันทีที่ก้าวพ้นประตูหน้าโรงเรียนเข้ามา สายตาของเพื่อนร่วมสถาบันก็หันมามองพวกเขาทั้งคู่เป็นตาเดียว บางคนนิ่งอึ้งอ้าปากหวอ บางคนสะกิดให้เพื่อนดู บางคนจ้องมองด้วยความอยากรู้ บางคนจ้องอย่างจับผิด

หญิงสาวเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่เธอมาโรงเรียนในวันนี้มันช่วยกลบหรือช่วยเสริมเรื่องข่าวลือของเธอกันแน่

 

“โอ้ย!… โอ้ย…”

 

แต่เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว จะให้ล้มเหลวไม่ได้อะไรเลยก็ไม่ได้ ฉันไม่ยอมปล่อยให้จบแบบนี้แน่

หญิงสาวร้องโอดโอยอยู่หน้าประตูโรงเรียน ทรามกลางสายตาคนนับพันที่มารอเข้าแถวเคารพธงชาติ ชายหนุ่มที่เดินนำเธอเข้ามารีบประคองเธอไว้อย่างตกใจ อาการเจ็บป่วยของเธอกำเริบขึ้นมางั้นหรือ

 

“เป็นอะไร เจ็บตรงไหน”

 

เขาถามเธออย่างร้อนรนเป็นห่วง

 

“ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้ที่หน้าโรงเรียนนะ”

 

เธอพูดตอบเข้าเสียงดังจนเกือบจะกลายเป็นตะโกนให้ก้องไปทั้งโรงเรียน คำพูดทุกถ้อยทุกคำถูกเน้นช้าๆชัดๆอย่าตั้งใจ

 

“โห เนี่ย ถ้า ไม่ ได้ นาย ช่วย ไว้ หน้า โรง เรียน ฉัน คง เป็น ลม อยู่ หน้า โรง เรียน ไป แล้วววว นาย เป็น คน ดี จริงๆ”

 

เสียงใสๆย้ำอีกครั้งเพื่อไขข้อข้องใจให้กับทุกสายตาที่จ้องมองพวกเธออยู่ ชายหนุ่มรีบพาเธอไปยังแถวที่ห้องของตัวเองยืนอยู่

 

“เราเจอกันหน้าโรงเรียนน่ะ เขาช่วยฉันไว้ เขาเป็นคนดีเนอะ”

 

ไม่วายที่หญิงสาวจะพูดกับคนที่มองมายังเขาและเธอตลอดทาง

ชายหนุ่มที่โอบประคองเธอมาถึงแถวได้แต่ก้มหน้ากระซิบข้างหูเธออย่างเจ็บใจ ที่โดนเธอแกล้งไร้สาระอย่างนี้

 

“แสบนักนะ!!”

 

เขาพูดน้ำเสียงรอดไรฟัน เขามาแน่ใจว่าเธอไม่ได้เป็นอะไรก็ตรงน้ำเสียงเน้นย้ำเยินยอเขานี่แหละ

ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะรู้สึกผิดกับการกระทำของตนเอง แต่เธอไม่มีทางเลือกมากมายเท่าไร การอยู่ในสังคมที่มีแต่การเหยียบย่ำคนที่อ่อนแอกว่า  เธอจำเป็นจะต้องปกป้องตนเอง ปกป้องจุดยืนของตนเองก่อนที่จะไม่มีจุดยืนให้ปกป้อง ประสบการณ์หลายปีได้สอนเธอมาแบบนี้

 

เขาพาเธอเดินมึงถึงแถวที่มีคนคุ้นหน้าคุ้นตายืนอยู่ หญิงสาวยังคงกอดรั้งร่างสูงอย่างแนบแน่น ปากก็พูดถึงความบังเอิญหน้าโรงเรียนที่แต่งขึ้นมาเองเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้ว ประเด็นหลักๆมันอยู่ที่คนในห้องเธอนี่แหละ ที่จะพูดยังไงไม่ให้พวกนี้สงสัยในตัวเธอไปมากกว่านี้

 

“โอ้ย!… โอ้ย… ยัยม่อนช่วยฉันด้วย”

 

เสียงเรียกกึ่งตะโกนหาเพื่อนรักที่ยืนอยู่หน้าสุดทำให้ทุกคนในห้องและห้องข้างๆหันมามองพวกเธอเป็นตาเดียว ร่วมถึงเจ้าของชื่อนั้นด้วย

คนถูกเรียกรีบเดินเข้าไปประคองเพื่อนสาวคนสนิทอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าร่างกายภายนอกจะสมบูรณ์พร้อมดังเช่นที่เคยเป็นมาแต่เขาเห็นแววอิดโรยของเธออยู่กรายๆ

 

“โอ้ยแก! ไหวไหมเนี่ย”

 

“เมื่อ กี้ จะ เป็น ลม อยู่ หน้า โรง เรียน อะ แก แต่! บังเอิ๊ญ… บังเอิญ เจอ นาย วาฟ เฟิล หน้า โรง เรียน พอ ดี     เขา ก็ เลย ช่วย ประ คอง เข้า มา อย่าง ที่ เห็น นี่ แหละ ”

 

หญิงสาวพูดเน้นๆ ชัดๆ อีกครั้งพลางเหล่ตามองรอบข้างอย่างสังเกต คนที่เธอบังเอิ๊ญบังเอิญเจอได้แต่สายหน้าให้กับความไร้สาระที่เธอคิดว่ามันคอขาดบาดตายจนต้องถ่อสังขารมาวันนี้

 

“แล้วแกจะตะโกนทำไมเนี่ย...”

 

คนประคองคนใหม่พยายามยื่นหน้าออกห่างจากเธอเพราะกลัวหูแตก

 

“ตะโกน!! ฉันพูดเสียงดังหรือ นี่ก็ปกตินะ”

 

ถึงจะไม่ได้เน้นย้ำทุกคำพูด แต่ระดับความดังยังคงเช่นเดิมไม่ลดลงเลย

 

“มาสายแล้วยังทำตัวเสียงดังอีก มาวันแรกก็สร้างปัญหาเลยรึไงวลัย”

 

คนยืนพิงเพื่อนราวกับหมดเรี่ยวแรงรีบยืนตัวตรงทันที พลางยกมือไหว้อาจารย์ที่ปรึกษาแสนสวยอย่างอ้อนช้อยงดงาม เธอย่อขาลงจนเกือบติดพื้นก่อนจะกลับขั้นมาพร้อมรอยยิ้มพิมพ์ใจ

 

“เยอะไปแล้ว”

 

อาจารย์สาวส่ายหัวให้กับท่าทางกวนโทสะของลูกศิษย์สาวที่ไม่ได้เจอกันหลายวัน เธอยังคงความทะลึ่งทะเล้นได้อย่างเหนียวแน่น แม้ว่าจะดูอิดโรยลงเล็กน้อย แต่ความร่าเริงสดใสก็ยังปรากฏให้เห็น

 

ชายหนุ่มที่เธออ้างว่าเจอกันหน้าโรงเรียนเดินไปรวมกับกลุ่มฟินิกส์เงียบๆ คนในกลุ่มได้แต่มองดูหล่อนเล่นละครฉากใหญ่อย่างขำขัน





                        ……………………..โปรดติดตามตอนต่ไป……………………………

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา