love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน
เขียนโดย พรสิริ
วันที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.13 น.
แก้ไขเมื่อ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561 18.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
46)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
เธอแบกความรู้สึกหนักอึ้งกลับมารอเขาที่รถ เก็บกดน้ำตาและความรู้สึกไว้ในใจให้เป็นปกติที่สุดก่อนที่เขาจะกลับมาเห็นความอ่อนแอของเธอไปมากกว่านี้
ชายหนุ่มรีบเดินกลับมาที่รถอย่างเป็นห่วง ก่อนจะปลดล็อกรถให้เธอเข้าไป หญิงสาวไม่รอให้เขาเดินมาทัน เธอรีบเข้าไปนั่งในรถอย่างรวดเร็วและเป็นปกติที่สุด เขาเองก็รีบตามเข้ามาเช่นกัน
“ปวดหัวมากรึเปล่า เจ็บตรงไหนรึเปล่า”
เขาถามอย่างเป็นห่วง เพราะตอนนี้สีหน้าเธอไม่สู้ดีนัก เขากลัวเหลือเกิน กลัวอาการเธอจะทรุดลงอีกครั้ง ภาพเหตุการณ์เก่าๆที่เกิดขึ้นก่อนที่เธอจะฟื้นเข้ามาหลอกหลอนเขาอีกครั้ง ภาพหญิงสาวลอยเอื่อยๆตามกระแสน้ำใต้โขดหิน ภาพหญิงสาวที่นอนตัวเปียกปอนไร้ลมหายใจ ภาพหญิงสาวตัวซีดเซียวหายใจแผ่วเบาบนเตียงนอนสีขาวพร้อมกับสายอุปกรณ์ช่วยชีวิตที่ระโยงระยางไปหมด เขาจำมันได้ทุกอย่าง และคงไม่มีวันลืมเลือนเรื่องเลวร้ายนี้ได้
“ฉันไม่เป็นไร รีบกลับกันเถอะ”
ชายหนุ่มได้แต่มองเธอด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะรีบออกรถอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวได้แต่มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างคนปลดปลง
’ฉันรู้ว่าฉันทำไม่ถูก ฉันไม่ควรทำกับเขาแบบนี้ แต่ฉันมันอ่อนแอเกินไป ฉันเป็นอะไรอยู่ ตอนนี้ฉันกำลังเป็นอะไรอยู่ กำลังอ่อนแอให้กับอะไร ความรักงั้นหรือ ความรักมันควรจะสุขมากกว่าเจ็บปวดสิ แล้วทำไมฉันถึงมีแต่เจ็บปวดกันล่ะ หากมันเป็นความรักจริงๆ ฉันต้องทำยังไง ต้องทำอะไรกับความรู้สึกนี้ มันจะต้องเจ็บปวดต่อไปเรื่อยๆหรืออีกไม่นานมันจะดีขึ้นเอง ฉันต้องทำยังไงต่อไป ในเมื่อตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความรักของฉัน มันไม่มีทางสมหวังแน่ๆ นายไม่ผิด ผิดที่ฉันรักนาย’
ความคิดสับสนยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นจนมันจะระเบิดออกมาในไม่ช้า เธอรู้ตัวเสมอว่าเธอใช้อารมณ์ทำร้ายชายที่นั่งขับรถอยู่ข้างๆโดยที่เขาไม่ได้ทำความผิดอะไรเลย
หญิงสาวเอื้อมมือไปเปิดเพลงเบาๆเพื่อดับความคิดอันหดหู่นั้นลงซะ เพลงหนึ่งดังขึ้นโดยบังเอิญเพลงที่ทำให้หญิงสาวถึงกับต้องร้องไห้อีกครั้ง
เพลงที่ทำให้เธอต้องเปลี่ยนความคิดเรื่องความรัก เพลงที่ทำให้เธอมองเห็นเส้นทางในการรักษาความรู้สึกและหัวใจของตัวเอง เพลงที่ทำให้เธอสามารถก้าวต่อไปได้โดยที่ยังมีเขาอยู่ข้างๆ
.... (ได้รักเธอก็พอแล้ว - แพรว AF8) ....
เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมกับไล่ความอ่อนแอออกไปจากหัวใจที่แสนเจ็บปวด
“ขอโทษนะ ที่ฉันทำให้นายเดือดร้อนอยู่เรื่อย มันจะไม่มีเรื่องแบบนี้อีกแล้ว ฉันสัญญา...”
พูดจบเธอก็นอนลงกับเบาะแล้วหันหลังให้เขาราวกับคนที่กำลังง่วงอยู่เต็มประดา
ชายหนุ่งเห็นว่าเธอกำลังจะหลับพักผ่อน จึงไม่ได้ถามอะไร แต่ก็ยังเก็บคำพูดของเธอมาคิด
’ทำให้ฉันเดือดร้อนงั้นหรือ ยัยบ้าเอ้ย ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษ ที่ทำให้เธอเจอแต่เรื่องเลวร้ายตลอด’
“ไม่รู้หรอกนะว่าเธอขอโทษฉันทำไม แต่ฉันเองก็ต้องขอโทษเธอเหมือนกัน ขอโทษนะ”
เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ โดยคิดว่าคนข้างๆคงไม่ได้ยิน ซึ่งก็เป็นดังคาดเพราะเธอเองก็หลับไปพร้อมกับรอยน้ำตา มือหนาๆจับที่หน้าผากของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะชักมือกลับไปด้วยความรู้สึกโล่งใจ
รถคันหรูจอดสนิท ณ ลานจอดรถของโรงพยาบาลอันเงียบเชียบ นาฬิกาหน้ารถบอกเวลาเตือนว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงแสงแดดจะกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มลงจากรถอย่างแผ่วเบาก่อนจะเดินไปหาหญิงสาวที่ยังหลับสนิทอยู่ที่เบาะข้างคนขับ ชายหนุ่มเอื้อมมือเข้าอุ้มเธออย่างเบาที่สุด แต่เธอก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาเสียก่อน
“นอนต่อไปเถอะ เดี๋ยวฉันอุ้มเธอเอง”
คนฟังทำหน้าแทบไม่ถูก ความรู้สึกสับสนวุ่นวายเริ่มกลับมาอีกครั้ง
‘อะไรกันเนี่ยข้าวตอก เมื่อไม่นานนี้เธอยังร้องไห้เสียใจอยู่เลยนะ แล้วทำไมตอนนี้หัวใจเธอกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง ซาดิสจริงๆเลยนะเธอเนี่ย’
“ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้ขาขาด”
เธอบอกเขาเสียงแผ่วเบาก่อนจะลุกลงจากรถอย่างยากลำบาก แต่เมื่อเธอได้ลงมายืนนอกรถเต็มตัวแล้วเธอก็ต้องชะงักงันขนลุกเกรียวเมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของโรงพยาบาลตอนตีสามกว่าๆที่ห่างร้างผู้คน เธอนึกเสียใจขึ้นมาทันทีที่ปฏิเสธน้้ำใจของเขา
‘ทันไหมนะ ถ้าไปขอให้เขาอุ้มยังจะทันอยู่ไหม…’
ชายหนุ่มรอให้เธอเดินนำเขาไปอย่างไม่รีบร้อน อย่างน้อยให้เธออยู่ในสายตาเขาตลอดก็ยังดี เพราะมันเป็นสิ่งเดียวที่เขาจะทำได้ในตอนนี้ ส่วนคนที่กำลังยืนขนลุกซู่ทั้งตัวกำลังตั้งสติในการก้าวขาที่กำลังแข็งเกร็งอย่างยากลำบาก เขาผายมือเชิญให้เธอเดินนำอย่างสุภาพ
‘โอ้ย!!! จะมาสุภาพบุรุษอะไรตอนนี้ ขาเกร็งจนจะเป็นตะคริวอยู่แล้วเนี่ย’
แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังฝืนเดินนำเขาเข้าไปอย่างเชื่องช้าสั่นเทา ภาพยนต์แนวสยองขวัญที่เธอเคยดูถูกรวบรวมในสมองและกำลังแสดงโชว์อย่างบันเทิงเจริญใจ ยิ่งบั่นทอนความกล้าหาญอันน้อยนิดของเธอได้เป็นอย่างดี ลิฟท์ตัวหนึ่งเปิดออกช้าๆอย่างใจเย็นด้วยฝีมือการกดของชายหนุ่ม แต่จิตใจของหญิงสาวหน้าลิฟท์นั้นช่างสวนทางกับอาการของลิฟท์เสียมากมาย มันสั่นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาทั่วทั้งตัว ภาพสยองขวัญในลิฟท์ภาพแล้วภาพเล่าถูกฉายวนซ้ำๆในหัวสมองเธอ
“ลิฟท์มาแล้ว รีบไปดีกว่านะ”
ชายหนุ่มย้ำเตือนให้เธอเข้าไปในลิฟท์อย่างเร่งด่วน เพราะลิฟท์เปิดรอเธอนานแล้ว
“รีบทำไม!!! ทำไมต้องรีบ”
เธอรีบรนถามชายหนุ่มก่อนที่ขนทั้งตัวจะลุกไปมากกว่านี้ เขาอาจจะเห็นพลังงานบางอย่าที่เธอกำลังกลัวจนขึ้นสมองอยู่ตอนนี้ก็เป็นได้
“หน้าเธอซีดๆนะ ปวดหัวรึเปล่า”
ชายหนุ่มถามเธออย่างห่วงใยเพราะอาการเธอตอนนี้คล้ายคนเป็นโรคร้ายมาหลายสิบปี
‘เปลี่ยนเรื่องเพื่อให้ฉันสบายใจสินะ’
เธอไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองกระจกด้านหลังเลยสักนิด เพราะกลัวเหลือเกิน กลัวว่าจะได้เห็นอะไรเป็นขวัญตา ความกลัวทำให้เธอต้องยืนชิดกับชายหนุ่มอย่างเลี่ยงไม่ได้ซึ่งเขาเองก็รู้สึกดีเช่นกัน
บรรยากาศในลิฟท์ช่างเย็นเยือกและวังเวง มันช่างต่างจากขาไปลิบลับ ภาพเขย่าขวัญตอนลิฟท์เปิดอยู่ในจินตนาการอย่างชัดเจน ร่างกายยังคงเกร็งสั่นตลอดจนลิฟท์นำพาทั้งคู่มาถึงชั้นที่คุ้นตา เธอเดินออกมาจากลิฟท์อย่างกล้าๆกลัวๆ
ทางเดินไปยังห้องพักฟื้นที่ดูหดหู่วังเวงเกินกว่าจะก้าวขาออก เธอยืนทำใจอยู่นาน บอกเตือนร่างกายให้ลดความเกร็งหรือกลัวให้น้อยลง
‘ไม่มีอะไรหรอกน่าข้าวตอก เดินไปอีกนิดเดียวก็ถึงห้องแล้ว เลิกเกร็งซักที จะได้เดินถนัดๆ’
เธอสูดอากาศเขาปอดลึกๆเพื่อเพิ่มเติมความกล้าและความมั่นคงในทุกย่างก้าวการเดิน แสงไฟตามทางเดินส่องให้พอสว่างยิ่งทำให้ดูน่ากลัวเป็นร้อยเท่า
ทุกย่างก้าวที่เธอเดินมันเต็มไปด้วยภาพสยองขวัญที่อยู่ในจินตนาการของเธอ เธอมักเหลียวตาไปมองชายหนุ่มอยู่บ่อยว่าเขายังคงเดินตามเธอมาติดๆหรือไม่ แล้วก็เป็นเช่นนั้นเหมือนเคยเขายังคงเดินตามเธอไม่ห่าง แล้วอยู่ๆความผิดปกติก็เกิดขึ้น เมื่อไฟดวงที่เธอกำลังเดินผ่านเกิดการขัดข้องกระพริบช้าๆเนิบๆ หญิงสาวหยุดตัวโดยอัตโนมัติขนลุกไปทั้งตัว ขาแข็งจนไม่สามารถขยับไปไหนได้
‘คงมีพลังงานบางอย่างสินะ ไฟถึงได้เป็นอย่างนี้ ไม่ได้การแล้วกลัวจนทุกอย่างจะราดออกมาหมดแล้ว’
หญิงสาวค่อยๆเดินไปอยู่ด้านหลังของคนที่เดินตามเธอมาตลอด พยายามเก็บอาการสั่นเกร็งนั้นไว้ภายใน
“ฉันว่านายนำไปดีกว่านะ ฉันเดินนำมาครึ่งทางแล้ว”
เธอพยายามดันหลังเขาให้เดินไปข้างหน้าอย่างยากลำบาก แต่ชายหนุ่มกลับขืนตัวไว้ไม่ทำตามที่ใจเธอคิด
“ไปซะทีสิ ฉันจะรีบกลับไปนอนแล้วนะ”
แม้จะกลัวจนไม่มีแรงแต่เธอก็ยังไม่เลิกดันเขาไปข้างหน้าอยู่ดี แต่ชายหนุ่มหาขยับไม่ เขายังคงมองไปข้างหน้าอย่างไม่วางตา และยืนนิ่งอย่างคนที่กำลังมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรได้เห็น
.........โปรดติดตามตอนต่อไป..........
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ