love mission ภารกิจรัก ทดแทนหัวใจนายจอมกวน

               เหล่าสาวๆวัยขบเผาะทั้ง5ต่างก็คุยกันอย่างออกรสออกชาติถึงชายหนุ่มที่พวกเธอกำลังหมายปองโดยไม่เกรงใจคนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือเลยแม้แต่น้อย
ผู้คนที่กำลังตั้งใจอ่านหนังสือต่างก็มองมายังกลุ่มนี้อย่างไม่ค่อยชอบใจนัก แต่กลุ่มเจ้าหล่อนก็ยังไม่รู้ตัวอยู่ดี เพราะในสายตาของพวกเธอ พุ่งมองไปที่ชายหนุ่มผู้มาใหม่เพียงจุดเดียว
หญิงสาวที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างหลังกลุ่มสาวๆพวกนั้นก็ได้แต่อดทนอ่านหนังสือไปอย่างหงุดหงิด
’ให้ตายสิโรบิ้น!!!!ถ้ายัยพวกนี้จะมาเมาส์แตกกันขนาดนี้นะ แนะนำให้ไปทุ่งใหญ่นเรศวร ไปคุยให้เหล่าชะนีพวกเธอฟังเถอะไป จะได้ไม่รบกวนประชาชีชาวโลกเขา’
“นี่พวกเธอ เขายิ้มให้ฉันด้วย”
เชอร์รี่ที่จ้องมองชายหนุ่มอย่างไม่วางตา เธอพยายามดันหน้าอกใหญ่ๆที่เธอสุดแสนจะภาคภูมิใจขึ้นมาอวดให้มากที่สุด ก่อนจะส่งสายตาเซ็กซี่เชิญชวนที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมโดยไม่ไหวติงต่อความเซ็กซี่ใดๆ
“ฉันว่าพวกเราส่งเอมิเข้าไปคุยดีกว่า ว่าเขาสนใจใครกันแน่”
แคนดี้ออกความคิดเห็นด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง
“ทำไมต้องเป็นฉันล่ะ”
ถึงแม้ปากของเธอจะปฏิเสธ แต่สายตาของเธอกลับฉายความดีใจอย่างห้ามไม่อยู่
“เธอนี่แหละเอมิ เหมาะที่สุดแล้ว เธอทั้งน่ารักสดใส สเป็คผู้ชายที่สุดแล้ว”
ไอริณพูดเสริม เพราะคนที่โดนจีบบ่อยที่สุดในกลุ่มก็คือเอมินี่เอง
เมื่อถูกทุกคนในกลุ่มรบเร้าอย่างหนักด้วยเหตุผลต่างๆนานา เธอก็ทำตามที่หัวใจต้องการที่สุด คือการเดินเข้าไปทำความรู้จักกับผู้ชายที่เธอเองก็หมายปองเช่นกัน ยิ่งเธอเดินเข้าไปใกล้เขามากเท่าไรหัวใจของเธอก็ยิ่งเต้นรัวมากขึ้นเท่านั้น อย่างที่เธอไม่เคยเป็นกับใครมาก่อน
’ฉันเคยคิดว่าฉันชินชากับเรื่องพวกนี้แล้วเสียอีก แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกตื่นเต้นได้ขนาดนี้ ทำไมฉันถึงหวั่นไหวให้กันผู้ชายคนนี้นะ...’
หญิงสาวที่ชื่อเอมิเดินตรงไปหาชายหนุ่มตรงหน้าโดยที่สายตาไม่อาจจะวอกแวกไปมองสิ่งใดได้อีกเลย เช่นเดียวกับชายหนุ่มตรงหน้าเธอ ที่มองไปยังกลุ่มเธออย่างไม่วางสายตา
“สวัสดีค่ะ...”
เธอเริ่มบทสนทนาโดยการทักทายอย่างอ่อนหวานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ชายหนุ่มหันมามองเธอเพียงครู่เดียว ก่อนจะหันกลับไปมองทางเดิมอย่างไม่สนใจผู้มาเยือนเลยแม้แต่น้อย
“ไม่ทราบว่าสนใจใครในกลุ่มฉันหรือคะ”
เธอถามเขาด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยเต็มใจนัก แต่ก็ต้องถามเพราะความอยากรู้ว่าเขาสนใจใครกันแน่
ชายหนุ่มหันมายิ้มให้กับผู้มาเยือนเป็นครั้งแรก ก่อนจะหันไปมองกลุ่มเธอเช่นเดิม รอยยิ้มเล็กๆของเขากลับทำให้หัวใจของหญิงสาวผู้มาเยือนพองโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน 
’สายตาและรอยยิ้มของคุณ มันทำให้หัวใจของฉันพองโตกว่าใครๆที่ฉันเคยผ่านมา... โอ้ ฉันคงรักคุณเข้าแล้วจริงๆ’
“ฉันชื่อเอมินะคะ เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรคะ”
หญิงสาวพยายามเบี่ยงเบนความสนใจจากกลุ่มเพื่อนของเธอ เขาเองก็เริ่มให้ความสนใจเธออีกครั้งเมื่อได้ยินคำว่าลูครึ่งไทย-ญี่ปุ่น
“วาฟเฟิล เป็นลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่นเหมือนกัน”
นั่นคือคำพูดแรกที่เขาพูดกับเธอ ซึ่งมันก็ทำให้เธอมีความสุขจนพูดแทบไม่ออกเลยทีเดียว
“บังเอิญจังเลยนะคะ สงสัยว่าคงเป็นโชคชะตาของเราสองคนแล้วล่ะคะ”
เธอพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจก่อนจะจับมือของเขามากุมไว้อย่างถือวิสาสะ ชายหนุ่มเองก็ตกใจไม่น้อยกับการกระทำของเธอ แต่ก็ไม่ได้สะบัดออกแต่อย่างใด 
“เธอคิดว่ายัยเอมิจะได้เรื่องรึเปล่า”
เชอร์รี่ถามด้วยความกระวนกระวายใจ
“ฉันว่าเขาคงสนใจยัยเอมินั่นแหละ ดูสิ กุมมือกุมไม้กันด้วย”
เบลล่าพูดขึ้นอย่างปลงๆในความสวยน่ารักสดใสของเพื่อน
หญิงสาวที่กำลังอดทนกับเสียงแห่งการคาดเดาของกลุ่มชะนีชายเลนทั้งหลาย ถึงกับหมดความอดทนจนต้องเงิยหน้าขึ้นมามองผู้ชายสุดหล่อที่กลุ่มชะนีทั้งหลายต่างหมายปอง
ภาพชายหนุ่มหญิงสาวกำลังยืนคุยกันอย่างกระหนุงกระหนิง ยิ้มแย้มแจ่มใสดูมีความสุข โดนที่หญิงสาวกุมมือชายหนุ่มไว้ อย่างสุดแสนจะรักใคร่
’นั่น... ผู้ชายคนนั้น ดูคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน ’
แล้วความไม่แน่ใจของเธอก็เริ่มถูกเฉลย เมื่อชายหนุ่มมองตรงมายังเธอโดยที่เธอเองก็จ้องมองเขาเช่นกัน ชายหนุ่มส่งยิ้มมาให้เธออย่างคนอารมณ์ดี แต่กลับได้รับเสียงกรี๊ดกร๊าดจากกลุ่มชะนีชายเลนอย่างล้นหลาม ทำเอาหอสมุดกลายเป็นคอนเสิร์ตในบัดดล
’ใช่แน่ๆ นายนั่นแน่ๆ เขามาทำอะไรที่นี่ และที่สำคัญ เขาคุยกับใครกันนะ’
 
 
                                        .....โปรดติดตามตอนต่อไป.....