บังเอิญรัก
8.0
เขียนโดย Necha
วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13.21 น.
17 ตอน
3 วิจารณ์
22.95K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 13.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
9) บังเอิญ...ง้อ(2)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความไม่มีสิทธิ์ !
เธอบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์
นั่นสินะ เธอไม่เคยพูดหรือรับปากสักคำว่ายอมคบ
เป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญได้ใกล้ชิด...เหมือนของเล่น พอเบื่อก็ทิ้ง สักวันเขาก็คงไม่ต่างกัน
แต่...อย่างน้อยเธอก็น่าจะมีใจหรือหวั่นไหวบ้างแหละนา ไม่งั้นเขาคงไม่ได้แตะต้องเธออีก ที่แน่ๆ เธอจูบตอบทุกครั้งด้วยซ้ำ !
จะเอาไงดี ? ทำให้ท้องเลยดีไหม จะได้ไม่โดนทิ้ง...
เมื่อกี้ดันงอน เอ๊ย น้อยใจ เดินหนีมาแบบนี้ ถ้า...ถ้าเกิดพิชไม่ง้อ จะทำไงดีล่ะ !? โธ่เอ๊ย ไอ้บ้าซาน หน้าด้านหน้าทนมาตั้งหลายเรื่อง กะอีแค่เรื่องขี้ปะติ้วก็ไม่รู้จักรอบคอบ ฮึ่ย !
กวินมัวแต่โวยวายในใจจนลืมสังเกตว่าคนมายืนข้างหลัง จนสองมือโอบกอดพร้อมใบหน้าแนบแผ่นหลัง ชายหนุ่มรู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดคือใคร เธอกอดเขาพร้อมกับโยกตัวไปมาคล้ายปลอบเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้โย้เย้
แต่เขาไม่ใช่เด็ก...ไม่ได้ร้องไห้ด้วย
อยากจะโมโหแต่แบบนี้...อุ่นดี เขาชอบ
“ผมเป็นห่วงตอนที่โทรหาแล้วคุณไม่รับ พอไปที่ทำงานเขาก็บอกคุณไม่อยู่ จะไปหาที่บ้าน ผมก็ไม่รู้จัก...กังวลสารพัด กลัวว่าจะเกิดอะไรกับคุณ แต่พอมาเจอคุณนั่งดื่มเหล้าสบายใจในขณะที่ผมกระวนกระวาย มันทำให้ผม...ผมไม่มีสิทธิ์โกรธคุณ ผมรู้...แต่ผมแค่น้อยใจ ความสัมพันธ์ของเราเริ่มแบบแปลกๆ ก็จริงเวลาที่รู้จักกันก็ไม่นาน แต่ผมก็ชอบคุณ ! อย่าถามว่าทำไม ผมก็ตอบไม่ได้ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเพราะเซ็กส์...ใช่ ! ส่วนหนึ่งมันเริ่มจากตรงนั้น แต่ถึงยังไงความรู้สึกตอนนี้คือ ผมชอบคุณมาก อยากจะอยู่ใกล้ๆ และดูแลคุณ...”
“...”
“...ผมเคยคิดว่าคุณก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่บางที...ผมอาจจะคิดผิด”
กวินพูดหลังจากที่ทั้งสองยืนเงียบมาสักพัก น้ำเสียงสั่นแบบคนที่พยายามกลั้นความรู้สึกทำเอาหัวใจคนฟังปวดหนึบตาม เธอไม่ได้อยากให้เขารู้สึกแบบนี้ แต่เพราะความเคยชินของคนที่ไม่เคยมีความรัก เลยวางตัวไม่ถูก
การเป็นคนที่ถูกรักคือแบบนี้สินะ
พิชชาดันชายหนุ่มให้หันหลังติดผนัง มือบางเอื้อมมาลูบใบหน้าเบาๆ สบตาคู่คมที่ฉายแววเจ็บปวด เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะซบอก จับมือบังคับให้เขากอด
“คุณดูออกใช่ไหม ว่าฉันเป็นคนยังไง”
“...”
“ฉันเป็นพวกปากหนัก แต่ไม่ชอบโกหก สงสัยให้ถาม...ชอบทำให้เห็นมากกว่าพูด อีกอย่างที่คุณควรรู้ไว้...ฉันไม่เคยมีคนรัก รู้ใช่ไหมว่าความหมายว่าไง”
“อืม”
“ถ้าฉันไม่รู้สึกอะไร...คุณคงไม่มีทางได้แตะต้องฉันหรอกนะ คุณควรจะเข้าข้างตัวเองไว้มากๆ เพราะถ้ารอให้ฉันพูด คงอีกนาน J”
“หึๆ แล้วตกลงเรา...” พูดยังไม่ทันจบเสียงเรียกชื่อพิชชาก็ดังขึ้น พิชชาดันกวินไปข้างๆ เพื่อหลบสายตาจากคนเรียก เธอมองใบหน้าบึ้งตึงด้วยความขัดใจที่มีคนมาขัดจังหวะสำคัญอย่างขำๆ ยิ้มหวานให้แถมท้ายจุ๊บปากเบาๆ
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“มีอะไรเหรอ ? พี่บาส”
“ไปร้องเพลงกัน นานๆ ทีจะอยู่พร้อมกัน ชิดกับพี่โชกำลังเตรียมตัว ปะ”
“แล้วจะร้องเพลงอะไร” บาสไม่ตอบแต่เหลือบไปมองด้านหลัง ทำตาเจ้าเล่ห์ใส่
“สองแฝดรู้ไหม”
“อะไร”
“อย่ามาทำเนียน เห็นนะว่ากอดใคร หึๆ คบกันนานยัง” พิชชาถอนหายใจ ยอมจำนน
“ก็ดูๆ กันอยู่ พี่อย่าบอกใครนะโดยเฉพาะเฮียแฝด เอาไว้พร้อมเมื่อไรเดี๋ยวบอกเอง” พี่บาสถึงจะชอบปากเสียแต่ไม่ใช่คนปากโป้ง พิชชาก็เลยไม่ต้องกังวลมากนัก แต่...
“ได้สิ สำหรับพิชชี่ พี่บาสเต็มใจทำให้แต่ต้องมีค่าปิดปากนะจ้ะคนสวย”
=_=; นั่นแหละที่เธอไม่อยากได้ยิน พี่แกยิ่งมีความคิดแสนจะสร้างสรรค์เหลือเกินในการแกล้งน้อง
“เอาอะไร”
“ไม่มากหรอกจ้ะน้องรัก ไหนๆ ก็กำลังมีความรัก งั้นคืนนี้เปลี่ยนมาร้องเพลงรักล่ะกันนะ เอาซึ้งๆ หวานๆ ให้มดไต่ไปข้างเลย”
พิชชาได้แต่กรอกตาไปมา ไม่บ่อยนักที่เธอจะร้องเพลงรัก ส่วนใหญ่เธอชอบเพลงอกหักมากกว่า ไม่ได้อินแต่ชอบเนื้อเพลงแนวนี้มากกว่า
เฮ้อ เอาก็เอาวะ
*เธอรู้อะไรบ้างไหม ทุกครั้งเวลาที่เธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ เหมือนหัวใจฉันจะหลุด เหมือนเวลาหยุดเดินจากนี้ไป
เธอรู้อะไรบ้างไหม ทุกครั้งที่เราใกล้กันฉันก็ลืมว่าหายใจ เหมือนอะไรที่เป็นอยู่ บนโลกที่มีอยู่ก็ดูว่าหายไป
จากหนึ่งคนที่เคว้งคว้างอยู่ในโลกที่อ้างว้าง แค่มีเธอข้างๆ ความเหงาเลือนลางและจางหายไปทุกที
ช่วยอยู่ตรงนี้นานๆ ได้ไหม ขอให้เธอเข้าใจว่าชอบเวลาที่เราได้ใกล้กัน เมื่อระยะมันได้ เหมือนมันได้ ใกล้เธอทีไรหัวใจมันสั่น
โปรดอยู่ตรงนี้นานๆ อีกนิดในระยะประชิด อีกนิดให้ใจเรานั้นได้ตรงกัน แค่เรานั้นได้ใกล้ให้มันได้เป็นช่วงเวลาของเธอกับฉัน
กวินมองผู้หญิงที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะได้ทุกครั้งกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานบนเวทีข้างล่าง บางครั้งเธอจะเงยหน้ามาสบตากับเขาและทำท่าทางทะเล้นจนเขาต้องยิ้มออกมา พิชชาทำให้เขาเกิดความรู้สึกใหม่ๆ ได้แทบทุกครั้ง ยิ่งได้รู้ว่าเขาคือจูบแรกถึงจะตอนเธอเมาก็เถอะ เหตุการณ์ในวันนั้นเขาลืมไปแล้วแต่พอจำความรู้สึกของจูบในครั้งนั้นได้ วินาทีที่ถูกประชิดตัวและริมฝีปากบางประทับลงมา จูบที่ไม่ประสีประสาขบจนเรียกเลือดที่มุมปากผสมกับรสชาติของเหล้าจนเขาต้องเป็นฝ่ายรุกแทน เหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่านร่าง ปฏิกิริยารวมทั้งแรงดึงดูดระหว่างพวกเขารุนแรงเสมอ ต่างฝ่ายต่างมีความต้องการกันและกัน...มากขึ้น มากขึ้น
หัวใจเขาอุ่นวาบเมื่อหญิงสาวส่งสัญญาณให้เขาตั้งใจฟังเพลงสุดท้ายคล้ายจะสื่อบอกว่า นั่นคือเพลงของเขา !
**Oh, hey, oh
Baby, baby, are you listening ? Wondering where you’ve been al l my life I just started living Oh, baby, are you listening ?
(ที่รัก คุณกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า ฉันสงสัยว่า ตลอดชีวิตของฉันที่ผ่านมา คุณไปอยู่ที่ไหน ฉันเพิ่งได้เริ่มใช้ชีวิต โอ้ ที่รัก คุณกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า)
When you say you love me Know I love you more And when you say you need me Know I need you more Boy, I adore you, I adore you
(ทุกครั้งที่คุณบอกรักฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันรักคุณยิ่งกว่า และทุกครั้งที่คุณพูดว่าต้องการฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันต้องการคุณยิ่งกว่า ที่รัก ฉันชอบคุณ ชอบคุณมาก)
Baby, can you hear me ? When I’m crying out for you I’m scared oh, so scared But when you’re near me I feel like I’m standing with an army Of men armed with weapons, hey, oh
(ที่รัก คุณได้ยินฉันไหม ทุกครั้งที่ฉันกำลังร้องไห้หาคุณ ฉันรู้สึกกลัว กลัวเหลือเกิน แต่เวลาที่คุณมาอยู่ใกล้ฉัน ฉันรู้สึกเหมือน ฉันมีกองกำลังติดอาวุธอยู่ข้าง ๆ)
When you say you love me Know I love you more And when you say you need me Know I need you more Boy, I adore you, I adore you
(ทุกครั้งที่คุณบอกรักฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันรักคุณยิ่งกว่า และทุกครั้งที่คุณพูดว่าต้องการฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันต้องการคุณยิ่งกว่า ที่รัก ฉันชอบคุณ ชอบคุณมาก)
I love lying next to you I could do this for eternity You and me—we’re meant to be In holy matrimony God knew exactly what he was doing When he led me to you
(ฉันชอบที่จะนอนอยู่ข้าง ๆ คุณ ฉันสามารถทำอย่างนี้ได้ชั่วนิจนิรันดร์ คุณและฉัน เราเกิดมาเพื่อกันและกัน ในงานแต่งงานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าทรงรู้แน่ ว่าพระองค์กำลังทำอะไรอยู่ เมื่อพระองค์นำฉันมาเจอคุณ)
When you say you love me Know I love you more (I love you more) And when you say you need me Know I need you more Boy, I adore you, I adore you
(ทุกครั้งที่คุณบอกรักฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันรักคุณยิ่งกว่า (ฉันรักคุณยิ่งกว่า) และทุกครั้งที่คุณพูดว่าต้องการฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันต้องการคุณยิ่งกว่า ที่รัก ฉันชอบคุณ ชอบคุณมาก)
วินาทีนี้เขาบอกตัวเอง...เขาจะไม่ปล่อยมือจากผู้หญิงคนนี้ ! ไม่อย่างแน่นอน !
เธอบอกว่าเขาไม่มีสิทธิ์
นั่นสินะ เธอไม่เคยพูดหรือรับปากสักคำว่ายอมคบ
เป็นแค่คนแปลกหน้าที่บังเอิญได้ใกล้ชิด...เหมือนของเล่น พอเบื่อก็ทิ้ง สักวันเขาก็คงไม่ต่างกัน
แต่...อย่างน้อยเธอก็น่าจะมีใจหรือหวั่นไหวบ้างแหละนา ไม่งั้นเขาคงไม่ได้แตะต้องเธออีก ที่แน่ๆ เธอจูบตอบทุกครั้งด้วยซ้ำ !
จะเอาไงดี ? ทำให้ท้องเลยดีไหม จะได้ไม่โดนทิ้ง...
เมื่อกี้ดันงอน เอ๊ย น้อยใจ เดินหนีมาแบบนี้ ถ้า...ถ้าเกิดพิชไม่ง้อ จะทำไงดีล่ะ !? โธ่เอ๊ย ไอ้บ้าซาน หน้าด้านหน้าทนมาตั้งหลายเรื่อง กะอีแค่เรื่องขี้ปะติ้วก็ไม่รู้จักรอบคอบ ฮึ่ย !
กวินมัวแต่โวยวายในใจจนลืมสังเกตว่าคนมายืนข้างหลัง จนสองมือโอบกอดพร้อมใบหน้าแนบแผ่นหลัง ชายหนุ่มรู้ว่าเจ้าของอ้อมกอดคือใคร เธอกอดเขาพร้อมกับโยกตัวไปมาคล้ายปลอบเด็กน้อยที่กำลังร้องไห้โย้เย้
แต่เขาไม่ใช่เด็ก...ไม่ได้ร้องไห้ด้วย
อยากจะโมโหแต่แบบนี้...อุ่นดี เขาชอบ
“ผมเป็นห่วงตอนที่โทรหาแล้วคุณไม่รับ พอไปที่ทำงานเขาก็บอกคุณไม่อยู่ จะไปหาที่บ้าน ผมก็ไม่รู้จัก...กังวลสารพัด กลัวว่าจะเกิดอะไรกับคุณ แต่พอมาเจอคุณนั่งดื่มเหล้าสบายใจในขณะที่ผมกระวนกระวาย มันทำให้ผม...ผมไม่มีสิทธิ์โกรธคุณ ผมรู้...แต่ผมแค่น้อยใจ ความสัมพันธ์ของเราเริ่มแบบแปลกๆ ก็จริงเวลาที่รู้จักกันก็ไม่นาน แต่ผมก็ชอบคุณ ! อย่าถามว่าทำไม ผมก็ตอบไม่ได้ คุณอาจจะคิดว่ามันเป็นเพราะเซ็กส์...ใช่ ! ส่วนหนึ่งมันเริ่มจากตรงนั้น แต่ถึงยังไงความรู้สึกตอนนี้คือ ผมชอบคุณมาก อยากจะอยู่ใกล้ๆ และดูแลคุณ...”
“...”
“...ผมเคยคิดว่าคุณก็รู้สึกไม่ต่างกัน แต่บางที...ผมอาจจะคิดผิด”
กวินพูดหลังจากที่ทั้งสองยืนเงียบมาสักพัก น้ำเสียงสั่นแบบคนที่พยายามกลั้นความรู้สึกทำเอาหัวใจคนฟังปวดหนึบตาม เธอไม่ได้อยากให้เขารู้สึกแบบนี้ แต่เพราะความเคยชินของคนที่ไม่เคยมีความรัก เลยวางตัวไม่ถูก
การเป็นคนที่ถูกรักคือแบบนี้สินะ
พิชชาดันชายหนุ่มให้หันหลังติดผนัง มือบางเอื้อมมาลูบใบหน้าเบาๆ สบตาคู่คมที่ฉายแววเจ็บปวด เธอถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะซบอก จับมือบังคับให้เขากอด
“คุณดูออกใช่ไหม ว่าฉันเป็นคนยังไง”
“...”
“ฉันเป็นพวกปากหนัก แต่ไม่ชอบโกหก สงสัยให้ถาม...ชอบทำให้เห็นมากกว่าพูด อีกอย่างที่คุณควรรู้ไว้...ฉันไม่เคยมีคนรัก รู้ใช่ไหมว่าความหมายว่าไง”
“อืม”
“ถ้าฉันไม่รู้สึกอะไร...คุณคงไม่มีทางได้แตะต้องฉันหรอกนะ คุณควรจะเข้าข้างตัวเองไว้มากๆ เพราะถ้ารอให้ฉันพูด คงอีกนาน J”
“หึๆ แล้วตกลงเรา...” พูดยังไม่ทันจบเสียงเรียกชื่อพิชชาก็ดังขึ้น พิชชาดันกวินไปข้างๆ เพื่อหลบสายตาจากคนเรียก เธอมองใบหน้าบึ้งตึงด้วยความขัดใจที่มีคนมาขัดจังหวะสำคัญอย่างขำๆ ยิ้มหวานให้แถมท้ายจุ๊บปากเบาๆ
“เดี๋ยวค่อยคุยกัน”
“มีอะไรเหรอ ? พี่บาส”
“ไปร้องเพลงกัน นานๆ ทีจะอยู่พร้อมกัน ชิดกับพี่โชกำลังเตรียมตัว ปะ”
“แล้วจะร้องเพลงอะไร” บาสไม่ตอบแต่เหลือบไปมองด้านหลัง ทำตาเจ้าเล่ห์ใส่
“สองแฝดรู้ไหม”
“อะไร”
“อย่ามาทำเนียน เห็นนะว่ากอดใคร หึๆ คบกันนานยัง” พิชชาถอนหายใจ ยอมจำนน
“ก็ดูๆ กันอยู่ พี่อย่าบอกใครนะโดยเฉพาะเฮียแฝด เอาไว้พร้อมเมื่อไรเดี๋ยวบอกเอง” พี่บาสถึงจะชอบปากเสียแต่ไม่ใช่คนปากโป้ง พิชชาก็เลยไม่ต้องกังวลมากนัก แต่...
“ได้สิ สำหรับพิชชี่ พี่บาสเต็มใจทำให้แต่ต้องมีค่าปิดปากนะจ้ะคนสวย”
=_=; นั่นแหละที่เธอไม่อยากได้ยิน พี่แกยิ่งมีความคิดแสนจะสร้างสรรค์เหลือเกินในการแกล้งน้อง
“เอาอะไร”
“ไม่มากหรอกจ้ะน้องรัก ไหนๆ ก็กำลังมีความรัก งั้นคืนนี้เปลี่ยนมาร้องเพลงรักล่ะกันนะ เอาซึ้งๆ หวานๆ ให้มดไต่ไปข้างเลย”
พิชชาได้แต่กรอกตาไปมา ไม่บ่อยนักที่เธอจะร้องเพลงรัก ส่วนใหญ่เธอชอบเพลงอกหักมากกว่า ไม่ได้อินแต่ชอบเนื้อเพลงแนวนี้มากกว่า
เฮ้อ เอาก็เอาวะ
*เธอรู้อะไรบ้างไหม ทุกครั้งเวลาที่เธอเดินเข้ามาใกล้ ๆ เหมือนหัวใจฉันจะหลุด เหมือนเวลาหยุดเดินจากนี้ไป
เธอรู้อะไรบ้างไหม ทุกครั้งที่เราใกล้กันฉันก็ลืมว่าหายใจ เหมือนอะไรที่เป็นอยู่ บนโลกที่มีอยู่ก็ดูว่าหายไป
จากหนึ่งคนที่เคว้งคว้างอยู่ในโลกที่อ้างว้าง แค่มีเธอข้างๆ ความเหงาเลือนลางและจางหายไปทุกที
ช่วยอยู่ตรงนี้นานๆ ได้ไหม ขอให้เธอเข้าใจว่าชอบเวลาที่เราได้ใกล้กัน เมื่อระยะมันได้ เหมือนมันได้ ใกล้เธอทีไรหัวใจมันสั่น
โปรดอยู่ตรงนี้นานๆ อีกนิดในระยะประชิด อีกนิดให้ใจเรานั้นได้ตรงกัน แค่เรานั้นได้ใกล้ให้มันได้เป็นช่วงเวลาของเธอกับฉัน
กวินมองผู้หญิงที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะได้ทุกครั้งกำลังร้องเพลงอย่างสนุกสนานบนเวทีข้างล่าง บางครั้งเธอจะเงยหน้ามาสบตากับเขาและทำท่าทางทะเล้นจนเขาต้องยิ้มออกมา พิชชาทำให้เขาเกิดความรู้สึกใหม่ๆ ได้แทบทุกครั้ง ยิ่งได้รู้ว่าเขาคือจูบแรกถึงจะตอนเธอเมาก็เถอะ เหตุการณ์ในวันนั้นเขาลืมไปแล้วแต่พอจำความรู้สึกของจูบในครั้งนั้นได้ วินาทีที่ถูกประชิดตัวและริมฝีปากบางประทับลงมา จูบที่ไม่ประสีประสาขบจนเรียกเลือดที่มุมปากผสมกับรสชาติของเหล้าจนเขาต้องเป็นฝ่ายรุกแทน เหมือนมีประจุไฟฟ้าแล่นผ่านร่าง ปฏิกิริยารวมทั้งแรงดึงดูดระหว่างพวกเขารุนแรงเสมอ ต่างฝ่ายต่างมีความต้องการกันและกัน...มากขึ้น มากขึ้น
หัวใจเขาอุ่นวาบเมื่อหญิงสาวส่งสัญญาณให้เขาตั้งใจฟังเพลงสุดท้ายคล้ายจะสื่อบอกว่า นั่นคือเพลงของเขา !
**Oh, hey, oh
Baby, baby, are you listening ? Wondering where you’ve been al l my life I just started living Oh, baby, are you listening ?
(ที่รัก คุณกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า ฉันสงสัยว่า ตลอดชีวิตของฉันที่ผ่านมา คุณไปอยู่ที่ไหน ฉันเพิ่งได้เริ่มใช้ชีวิต โอ้ ที่รัก คุณกำลังฟังฉันอยู่หรือเปล่า)
When you say you love me Know I love you more And when you say you need me Know I need you more Boy, I adore you, I adore you
(ทุกครั้งที่คุณบอกรักฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันรักคุณยิ่งกว่า และทุกครั้งที่คุณพูดว่าต้องการฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันต้องการคุณยิ่งกว่า ที่รัก ฉันชอบคุณ ชอบคุณมาก)
Baby, can you hear me ? When I’m crying out for you I’m scared oh, so scared But when you’re near me I feel like I’m standing with an army Of men armed with weapons, hey, oh
(ที่รัก คุณได้ยินฉันไหม ทุกครั้งที่ฉันกำลังร้องไห้หาคุณ ฉันรู้สึกกลัว กลัวเหลือเกิน แต่เวลาที่คุณมาอยู่ใกล้ฉัน ฉันรู้สึกเหมือน ฉันมีกองกำลังติดอาวุธอยู่ข้าง ๆ)
When you say you love me Know I love you more And when you say you need me Know I need you more Boy, I adore you, I adore you
(ทุกครั้งที่คุณบอกรักฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันรักคุณยิ่งกว่า และทุกครั้งที่คุณพูดว่าต้องการฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันต้องการคุณยิ่งกว่า ที่รัก ฉันชอบคุณ ชอบคุณมาก)
I love lying next to you I could do this for eternity You and me—we’re meant to be In holy matrimony God knew exactly what he was doing When he led me to you
(ฉันชอบที่จะนอนอยู่ข้าง ๆ คุณ ฉันสามารถทำอย่างนี้ได้ชั่วนิจนิรันดร์ คุณและฉัน เราเกิดมาเพื่อกันและกัน ในงานแต่งงานที่ศักดิ์สิทธิ์ พระเจ้าทรงรู้แน่ ว่าพระองค์กำลังทำอะไรอยู่ เมื่อพระองค์นำฉันมาเจอคุณ)
When you say you love me Know I love you more (I love you more) And when you say you need me Know I need you more Boy, I adore you, I adore you
(ทุกครั้งที่คุณบอกรักฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันรักคุณยิ่งกว่า (ฉันรักคุณยิ่งกว่า) และทุกครั้งที่คุณพูดว่าต้องการฉัน รู้บ้างไหม ว่าฉันต้องการคุณยิ่งกว่า ที่รัก ฉันชอบคุณ ชอบคุณมาก)
วินาทีนี้เขาบอกตัวเอง...เขาจะไม่ปล่อยมือจากผู้หญิงคนนี้ ! ไม่อย่างแน่นอน !
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ