เธอแสบผมซ่า โอ้ย!จะบ้าตาย
-
เขียนโดย kobukmark
วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.41 น.
3 ตอน
0 วิจารณ์
5,769 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.50 น. โดย เจ้าของนิยาย
3)
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ตอนที่3
ฉันมาถึงหน้าห้องพักของตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไป ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยเหะ ก็แหง๋ หล่ะ ฉันออกมาอยู่คนเดียวแล้วหนิ เหงาเหมือนกันแหะ ฉันเดินเข้ามาแล้วปิดประตู และเดินไปที่ห้องนอนทันที ฉันเอนหลังลงกับเตียงแล้วเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผาก
“เฮ้อ!เหงา” ฉันนอนคิดอะไรไปเรื่อย ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออกทันที
ตู้ดดดดดดดดดดด… ตู้ดดดดดดดดดดด…
ฉันรอสายอยู่สักพักก็มีเสียงผู้หญิงที่ฟังยังไงก็ดูใจดีเสมอรับสาย
(ว่าไงจ๊ะลูก) แม่ฉันนั่นเองที่เป็นคนรับสาย
“อ่า แม่ ป๋าไม่อยู่หรอ?” ฉันถามแม่ไปด้วยเสียงเรียบๆ
“พ่อเรานะหรอ ไปดูพวกนักมวยอยู่โน้น มีอะไรรึป่าว ให้แม่เดินไปหาพ่อไหม?” แม่ตอบอย่างใจดี
“ป่าวๆ หนูแค่โทรมาเฉยๆ” ฉันตอบเสียงแผ่ว
“โจเป็นอะไรรึป่าวลูก” แม่ถามอย่างเป็นห่วง
“ป่าวๆ หนูไม่ได้เป็นไร แค่คิดถึงเฉยๆก็เลยโทรมา”
“คิดถึงก็มาหาสิลูก พ่อเราบ่นทุกวันเลยนะ สงสัยจะคิดถึง ไอ้เจ๋งก็เหลือร้าย สาวมาบ้านไม่เว้นวัน” แม่พูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
“แล้วไอ้เจ๋งมันไปไหนแล้วอ่ะแม่ ” เจ๋งคือหลานชายของฉันเอง ลูกของอา พ่อแม่มันเสียไปตั้งแต่มันยังเดินไม่ได้ พ่อเลยรับมาเลี้ยงเหมือนลูกคนนึง ฉันก็รักมันเหมือนน้องชายคนนึง
“ก็ไปโรงเรียนหน่ะสิ เดี่ยวนี้ขยันใหญ่ เพราะนี่มันก็ม.5แล้ว”
“อ่า บอกให้มันตั้งใจเรียนหล่ะแม่ อ่อ! แม่ หนูได้งานทำแล้วนะ”
“งานที่ไหนลูก งานอะไร”
“เป็นครูโรงเรียนเอกชน แต่หนูยังไม่ได้ตกลงอะไรหรอก บอกป๋าด้วยนะ งั้นแค่นี้น่ะ”
“จ๊ะๆ เดี๋ยวแม่บอกให้นะ แม่กับพ่อรักหนูนะ” แม่ตอบพรางกดวางสายไป ฉันวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตรงหัวนอนแล้วหลับตาเพื่อพักสายตา
ฉันตื่นขึ้นหลังจากที่เผลอหลับไป
“กี่โมงแล้วเนี่ย” ฉันมองไปที่นาฬิกาตรงหัวเตียงพร้อมกับบิดตัวไปมา สองทุ่มแล้วฉันหลับนานจนสองทุ่มเลยหรอเนี่ย
“ฮ้า! ฮ้า! ฮ้า! สู้!” ฉันตะโกนกับตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำ เพื่อออกไปหาอะไรกิน
หลังจากที่ฉันกลับมาจากไปข้างนอกมา ฉันก็กลับมาที่คอนโดและเข้าห้องนอน ฉันตัวลงนอนที่เตียงทันที
“เฮ้อ...พรุ่งนี้จะเป็นยังไงนะ” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆพร้อมๆกับค่อยๆหลับตาลง
.
.
.
.
.
.
ฉันออกที่ห้างแถวคอนโดเพราะว่านัดกับเบลลี่ไว้ว่าจะให้พวกมันช่วยเลือกเสื้อผ้ากับของที่จำเป็น หลังจากที่ฉันตัดสินใจโทรไปตกลงว่าจะไปทำงานกับลุงวัฒน์ตามที่ลุงเขาเสนอให้ ลุงวัฒน์ดูดีใจมากหลังจากที่ฉันโทรไปบอก ลุงวัฒน์บอกว่าอีก2วันให้ฉันเริ่มงานได้เลย ฉันยืนรออยู่หน้าห้างสักพักเบลลี่ก็เดินมาสะกิตข้างหลังฉัน
“ว่าไงย่ะหล่อนหายเงียบไปเลย ฉันก็คิดว่าไปได้ดีมีสามีอยู่เมืองนอกซะแล้ว ฮุๆ” เบลลี่พูดออกมาพร้อมกับหัวเราะร่วน
“นี่เป็นคำทักทายเพื่อนของแกหรออีบอล” ฉันตอบพร้อมหัวเราะตาม
“เอ๊ะอีนี่!บอลบ้านแกซิ บอกว่าชื่อเบลลลี่ เดี๋ยวกระเทยตบปากแตก”มันพูดพร้อมกับยกมือจะตบฉันจริงๆ
“จ้า เบลลลี่” ฉันรีบพูดก่อนจะโดนกระเทยตบ โดยลอกน้ำเสียงสำเนียงมันมาเป๊ะๆ
“แกจะมาซื้ออะไรบ้างเนี้ย? ” เบลลี่ลดมือลงก่อนจะถาม
“ก็พวกเสื้อผ้าแล้วก็อุปกรณ์พวกการเรียนการสอนแหละ”
เพราะเบลลี่มัวแต่หันมาคุยกับฉันเลยไม่ได้มองข้างหน้า เลยไปชนกับใครสักคนเข้า
“ว๊ายยย ตาเถรตกดิน”เบลลี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ ล้มลงไปกองบนพื้น ฉันจึงรีบพยุงเพื่อนขึ้น
“วุ่นวายจริงๆ” เสียงที่ดูคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ฉันจะเงยหน้าขึ้นพบกับผู้ชายคนเดียวกับที่ทำอนาจารที่ลานจอดรถเมื่อวาน เขาชื่ออะไรนะ หมา แมว อ๋อ!! มี
“ต๊ายสุดหล่อ! เป็นอะไรไหมคะ ถ้าเป็นอะไรบอกเลยนะคะ งานนี้ชนไม่มีหนี เดี๋ยวได้เคลมกระเทย เอ้ย!!เดี๋ยวกระเทยช่วยเคลมเองค่ะ” ไม่รู้ว่านังเบลลี่มันลุกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ตอนนี้มันไปยืนเกาะแขนไอ้ผู้ชาย ที่ชื่อมีคนนั้นแล้ว
“เอามือออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันเกลียดกระเทย” เขากัดฟันพูดด้วยความโกรธ
“เฮ้ยยูใจเย็นๆ พิงค์แมนเขาไม่ได้ตั้งใจน่า^^” ผู้ชายน่าตาทะเล้น ผมสีน้ำตาลคาราเมล ทรงเห็ด พูดขึ้นอย่างขี้เล่น ถัดจากเขามีผู้ชายผมสีดำสนิท มือล้วงกระเป๋ายืนดูเหตุการณ์ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว ประมาณว่า ‘เรื่องนี้ริวจะไม่ยุ่ง’
“ริวยูช่วยห้ามมายเฟรนของเราหน่อยดิ” อุต๊ะ! หมอนี่ชื่อริวจริงๆหรอ นายริวอะไรนั่นหันหน้าหนี ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ริวจะไม่ยุ่ง!
“นาย!!” ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าของนายมี
“เธออีกแล้วหรอเนี่ย ยัยวิตาถาร” เขาพูดพร้อมกับจับนิ้วของฉันที่ชี้และดันมันลง
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า” กระเทยก็ไม่ชอบ ชี้นิ้วก็ไม่ชอบ ตกลงชีวิตนายนี่มันชอบอะไรบ้างเนี่ย
“ตกลงจะเอาไง”ฉันถามเพราะดูท่าแล้วนายนี่คงไม่ยอมง่ายๆแน่
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้ฉันเจอเธออีก” นายนั่นบอกเสียงดัง
“เสียงดังน่ารำคาญจริง นายนี่มันไม่รู้จักอายจริงๆ” ฉันบอกพร้อมกับทำหน้าเอือมๆ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นฉันไม่ชอบ”
“โว๊ะ! โน้นก็ไม่ชอบนี่ก็ไม่ชอบ นายเป็นใครถึงมาสั่งคนอื่นเขาห๊ะ!”ฉันโวยวาย
“ที่ฉันไม่ชอบคือหน้าตากวนประสาทของเธอต่างหากหล่ะ” นายนั่นพูดพร้อมกับดึงคอเสื้อของฉัน
“ฉันก็ไม่ชอบหน้าตากวนประสาทของนายเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบฉันก็ปล่อยหมัดไปทันที หมัดของฉันก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของหมอนั่นอย่างจัง
“โกลลลล! ยูได้หนึ่งแต้ม” ผู้ชายหน้าตาน่ารักที่ตอนนี้ยังไม่รู้ชื่อ พูดออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้กับฉัน
“เพริส- -” ผู้ชายที่ชื่อริวพูดเตือนผู้ชายเล่นๆด้วยใบหน้านิ่งๆ
“โอเค! เรื่องนี้ไอจะไม่ยุ่ง” เพริสพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นการยอมแพ้
“เธอ!” มีร์ที่ตอนนี้มีเลือดไหลออกจากจมูก เรียกฉันเสียงดัง ก่อนที่เขาจะโดนหิ้วปีกด้วยเพื่อนของเขาทั้งสองคน
“ปล่อย!!!” เขาโวยวายพร้อมกับสะบัดไปมาเพื่อให้หลุดจากเพื่อนของเขา
“คนมองกันเต็มแล้วไปเถอะ” ผู้ชายที่ชื่อริวพูดขึ้นนิ่งๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกับเขาแผ่รังสีน่ากลัวออกมา
“ฝากไว้ก่อนเหอะ” เขาพูดพร้อมกับเอามือชี้มือมาที่ฉันแล้วเดินออกไป อีกแล้วหรอเหอะๆ
“ครั้งก่อนก็พูดแบบนี้นี่ แล้วจะมาเอาคืนตอนไหนหล่ะพี่!” ฉันพูดไล่หลังหมอนั่นไป หมอนั่นหันมามองตาขวางก่อนที่เพื่อนของนายนั่นจะลากออกไป
“แกไม่น่าห้ามฉันเลยนังชะนี ฉันเกือบได้เคลม เอ้ย! ตบปากมันอยู่แล้ว” เบลลี่พูดพร้อมยกมือขึ้นทำท่าทาง
“แหม๋!! อีบอลทำเป็นปากเก่ง เมื่อกี้ฉันเห็นแกเงียบสุดเลยนะ- -)” จริงๆนะฉันไม่ได้ว่ามัน ตั้งแต่มีเรื่องมาฉันนึกว่ามันไม่อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ- -
“เบลลี่ย่ะ! บอกตั้งกี่รอบแล้วทำไมไม่รู้จักจำย่ะหล่อน ก็ฉันตั้งหลักอยู่ไง แกจะให้ผู้หญิงเอวบางร่างน้อยอย่างฉันไปสู้กับผู้ชายหล่อมาดแมนทั้งสามได้ไงหล่ะ”
“แกตัวใหญ่กว่านักมวยที่ค่ายฉันอีกนะอีบอล- -” มันป๊อดเชื่อฉัน นังนี่มันป๊อดกับผู้ชายแต่ถ้าเป็นผู้หญิงเชื่อฉันมันจัดเต็ม
“เอ๊ะอีนี่! เดี๋ยวตบปากฉีก! แล้วแกไม่กลัวมันเลยรึไง ฉันเห็นแกเถียงมันจังไม่พอยังไปต่อยหน้าไอ้หล่อนั่นอีก”
“ก็มันดึงคอเสื้อฉันอ่ะ” พูดแล้วก็โมโหขึ้นมาทันที ว่าจะปล่อยไปแล้วเชียว แต่ดันมาดึงคอเสื้อฉัน ขึ้นเลยๆแบบเนี้ย สาธุ! ขออย่าได้เจอกันอีกเลย
“ย่ะ แม่คนรักศักดิ์ศรี- -”
“ฉันว่าเราไปจากตรงนี้กันเหอะ คนแมร่งมองกันเต็มเลย ยังไม่อยากดัง” ฉันพุดพร้อมกับลากเบลลี่ไปด้วย
หลังจากซื้อของเสร็จฉันกับเบลลี่ก็แยกย้ายกันกลับ เฮ้อ!อีกสองวันก็เริ่มงานใหม่แล้วสิ
ฉันมาถึงหน้าห้องพักของตัวเองแล้วเปิดประตูเข้าไป ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่เลยเหะ ก็แหง๋ หล่ะ ฉันออกมาอยู่คนเดียวแล้วหนิ เหงาเหมือนกันแหะ ฉันเดินเข้ามาแล้วปิดประตู และเดินไปที่ห้องนอนทันที ฉันเอนหลังลงกับเตียงแล้วเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผาก
“เฮ้อ!เหงา” ฉันนอนคิดอะไรไปเรื่อย ก่อนจะล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงแล้วกดโทรออกทันที
ตู้ดดดดดดดดดดด… ตู้ดดดดดดดดดดด…
ฉันรอสายอยู่สักพักก็มีเสียงผู้หญิงที่ฟังยังไงก็ดูใจดีเสมอรับสาย
(ว่าไงจ๊ะลูก) แม่ฉันนั่นเองที่เป็นคนรับสาย
“อ่า แม่ ป๋าไม่อยู่หรอ?” ฉันถามแม่ไปด้วยเสียงเรียบๆ
“พ่อเรานะหรอ ไปดูพวกนักมวยอยู่โน้น มีอะไรรึป่าว ให้แม่เดินไปหาพ่อไหม?” แม่ตอบอย่างใจดี
“ป่าวๆ หนูแค่โทรมาเฉยๆ” ฉันตอบเสียงแผ่ว
“โจเป็นอะไรรึป่าวลูก” แม่ถามอย่างเป็นห่วง
“ป่าวๆ หนูไม่ได้เป็นไร แค่คิดถึงเฉยๆก็เลยโทรมา”
“คิดถึงก็มาหาสิลูก พ่อเราบ่นทุกวันเลยนะ สงสัยจะคิดถึง ไอ้เจ๋งก็เหลือร้าย สาวมาบ้านไม่เว้นวัน” แม่พูดพร้อมกับหัวเราะไปด้วย
“แล้วไอ้เจ๋งมันไปไหนแล้วอ่ะแม่ ” เจ๋งคือหลานชายของฉันเอง ลูกของอา พ่อแม่มันเสียไปตั้งแต่มันยังเดินไม่ได้ พ่อเลยรับมาเลี้ยงเหมือนลูกคนนึง ฉันก็รักมันเหมือนน้องชายคนนึง
“ก็ไปโรงเรียนหน่ะสิ เดี่ยวนี้ขยันใหญ่ เพราะนี่มันก็ม.5แล้ว”
“อ่า บอกให้มันตั้งใจเรียนหล่ะแม่ อ่อ! แม่ หนูได้งานทำแล้วนะ”
“งานที่ไหนลูก งานอะไร”
“เป็นครูโรงเรียนเอกชน แต่หนูยังไม่ได้ตกลงอะไรหรอก บอกป๋าด้วยนะ งั้นแค่นี้น่ะ”
“จ๊ะๆ เดี๋ยวแม่บอกให้นะ แม่กับพ่อรักหนูนะ” แม่ตอบพรางกดวางสายไป ฉันวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะตรงหัวนอนแล้วหลับตาเพื่อพักสายตา
ฉันตื่นขึ้นหลังจากที่เผลอหลับไป
“กี่โมงแล้วเนี่ย” ฉันมองไปที่นาฬิกาตรงหัวเตียงพร้อมกับบิดตัวไปมา สองทุ่มแล้วฉันหลับนานจนสองทุ่มเลยหรอเนี่ย
“ฮ้า! ฮ้า! ฮ้า! สู้!” ฉันตะโกนกับตัวเองเพื่อเรียกกำลังใจก่อนจะลุกจากเตียงไปอาบน้ำ เพื่อออกไปหาอะไรกิน
หลังจากที่ฉันกลับมาจากไปข้างนอกมา ฉันก็กลับมาที่คอนโดและเข้าห้องนอน ฉันตัวลงนอนที่เตียงทันที
“เฮ้อ...พรุ่งนี้จะเป็นยังไงนะ” ฉันพึมพำกับตัวเองเบาๆพร้อมๆกับค่อยๆหลับตาลง
.
.
.
.
.
.
ฉันออกที่ห้างแถวคอนโดเพราะว่านัดกับเบลลี่ไว้ว่าจะให้พวกมันช่วยเลือกเสื้อผ้ากับของที่จำเป็น หลังจากที่ฉันตัดสินใจโทรไปตกลงว่าจะไปทำงานกับลุงวัฒน์ตามที่ลุงเขาเสนอให้ ลุงวัฒน์ดูดีใจมากหลังจากที่ฉันโทรไปบอก ลุงวัฒน์บอกว่าอีก2วันให้ฉันเริ่มงานได้เลย ฉันยืนรออยู่หน้าห้างสักพักเบลลี่ก็เดินมาสะกิตข้างหลังฉัน
“ว่าไงย่ะหล่อนหายเงียบไปเลย ฉันก็คิดว่าไปได้ดีมีสามีอยู่เมืองนอกซะแล้ว ฮุๆ” เบลลี่พูดออกมาพร้อมกับหัวเราะร่วน
“นี่เป็นคำทักทายเพื่อนของแกหรออีบอล” ฉันตอบพร้อมหัวเราะตาม
“เอ๊ะอีนี่!บอลบ้านแกซิ บอกว่าชื่อเบลลลี่ เดี๋ยวกระเทยตบปากแตก”มันพูดพร้อมกับยกมือจะตบฉันจริงๆ
“จ้า เบลลลี่” ฉันรีบพูดก่อนจะโดนกระเทยตบ โดยลอกน้ำเสียงสำเนียงมันมาเป๊ะๆ
“แกจะมาซื้ออะไรบ้างเนี้ย? ” เบลลี่ลดมือลงก่อนจะถาม
“ก็พวกเสื้อผ้าแล้วก็อุปกรณ์พวกการเรียนการสอนแหละ”
เพราะเบลลี่มัวแต่หันมาคุยกับฉันเลยไม่ได้มองข้างหน้า เลยไปชนกับใครสักคนเข้า
“ว๊ายยย ตาเถรตกดิน”เบลลี่อุทานออกมาด้วยความตกใจ ล้มลงไปกองบนพื้น ฉันจึงรีบพยุงเพื่อนขึ้น
“วุ่นวายจริงๆ” เสียงที่ดูคุ้นหูดังขึ้นก่อนที่ฉันจะเงยหน้าขึ้นพบกับผู้ชายคนเดียวกับที่ทำอนาจารที่ลานจอดรถเมื่อวาน เขาชื่ออะไรนะ หมา แมว อ๋อ!! มี
“ต๊ายสุดหล่อ! เป็นอะไรไหมคะ ถ้าเป็นอะไรบอกเลยนะคะ งานนี้ชนไม่มีหนี เดี๋ยวได้เคลมกระเทย เอ้ย!!เดี๋ยวกระเทยช่วยเคลมเองค่ะ” ไม่รู้ว่านังเบลลี่มันลุกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ตอนนี้มันไปยืนเกาะแขนไอ้ผู้ชาย ที่ชื่อมีคนนั้นแล้ว
“เอามือออกไปเดี๋ยวนี้ ฉันเกลียดกระเทย” เขากัดฟันพูดด้วยความโกรธ
“เฮ้ยยูใจเย็นๆ พิงค์แมนเขาไม่ได้ตั้งใจน่า^^” ผู้ชายน่าตาทะเล้น ผมสีน้ำตาลคาราเมล ทรงเห็ด พูดขึ้นอย่างขี้เล่น ถัดจากเขามีผู้ชายผมสีดำสนิท มือล้วงกระเป๋ายืนดูเหตุการณ์ด้วยใบหน้าที่เรียบนิ่ง เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว ประมาณว่า ‘เรื่องนี้ริวจะไม่ยุ่ง’
“ริวยูช่วยห้ามมายเฟรนของเราหน่อยดิ” อุต๊ะ! หมอนี่ชื่อริวจริงๆหรอ นายริวอะไรนั่นหันหน้าหนี ฉันบอกแล้วไงว่าเรื่องนี้ริวจะไม่ยุ่ง!
“นาย!!” ฉันพูดพร้อมกับชี้ไปที่หน้าของนายมี
“เธออีกแล้วหรอเนี่ย ยัยวิตาถาร” เขาพูดพร้อมกับจับนิ้วของฉันที่ชี้และดันมันลง
“ฉันไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้า” กระเทยก็ไม่ชอบ ชี้นิ้วก็ไม่ชอบ ตกลงชีวิตนายนี่มันชอบอะไรบ้างเนี่ย
“ตกลงจะเอาไง”ฉันถามเพราะดูท่าแล้วนายนี่คงไม่ยอมง่ายๆแน่
“ฉันบอกเธอแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้ฉันเจอเธออีก” นายนั่นบอกเสียงดัง
“เสียงดังน่ารำคาญจริง นายนี่มันไม่รู้จักอายจริงๆ” ฉันบอกพร้อมกับทำหน้าเอือมๆ
“อย่าทำหน้าแบบนั้นฉันไม่ชอบ”
“โว๊ะ! โน้นก็ไม่ชอบนี่ก็ไม่ชอบ นายเป็นใครถึงมาสั่งคนอื่นเขาห๊ะ!”ฉันโวยวาย
“ที่ฉันไม่ชอบคือหน้าตากวนประสาทของเธอต่างหากหล่ะ” นายนั่นพูดพร้อมกับดึงคอเสื้อของฉัน
“ฉันก็ไม่ชอบหน้าตากวนประสาทของนายเหมือนกัน” ทันทีที่พูดจบฉันก็ปล่อยหมัดไปทันที หมัดของฉันก็ปะทะเข้ากับใบหน้าของหมอนั่นอย่างจัง
“โกลลลล! ยูได้หนึ่งแต้ม” ผู้ชายหน้าตาน่ารักที่ตอนนี้ยังไม่รู้ชื่อ พูดออกมาอย่างตื่นเต้นพร้อมกับยกนิ้วโป้งให้กับฉัน
“เพริส- -” ผู้ชายที่ชื่อริวพูดเตือนผู้ชายเล่นๆด้วยใบหน้านิ่งๆ
“โอเค! เรื่องนี้ไอจะไม่ยุ่ง” เพริสพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเป็นการยอมแพ้
“เธอ!” มีร์ที่ตอนนี้มีเลือดไหลออกจากจมูก เรียกฉันเสียงดัง ก่อนที่เขาจะโดนหิ้วปีกด้วยเพื่อนของเขาทั้งสองคน
“ปล่อย!!!” เขาโวยวายพร้อมกับสะบัดไปมาเพื่อให้หลุดจากเพื่อนของเขา
“คนมองกันเต็มแล้วไปเถอะ” ผู้ชายที่ชื่อริวพูดขึ้นนิ่งๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกับเขาแผ่รังสีน่ากลัวออกมา
“ฝากไว้ก่อนเหอะ” เขาพูดพร้อมกับเอามือชี้มือมาที่ฉันแล้วเดินออกไป อีกแล้วหรอเหอะๆ
“ครั้งก่อนก็พูดแบบนี้นี่ แล้วจะมาเอาคืนตอนไหนหล่ะพี่!” ฉันพูดไล่หลังหมอนั่นไป หมอนั่นหันมามองตาขวางก่อนที่เพื่อนของนายนั่นจะลากออกไป
“แกไม่น่าห้ามฉันเลยนังชะนี ฉันเกือบได้เคลม เอ้ย! ตบปากมันอยู่แล้ว” เบลลี่พูดพร้อมยกมือขึ้นทำท่าทาง
“แหม๋!! อีบอลทำเป็นปากเก่ง เมื่อกี้ฉันเห็นแกเงียบสุดเลยนะ- -)” จริงๆนะฉันไม่ได้ว่ามัน ตั้งแต่มีเรื่องมาฉันนึกว่ามันไม่อยู่ตรงนี้ด้วยซ้ำ- -
“เบลลี่ย่ะ! บอกตั้งกี่รอบแล้วทำไมไม่รู้จักจำย่ะหล่อน ก็ฉันตั้งหลักอยู่ไง แกจะให้ผู้หญิงเอวบางร่างน้อยอย่างฉันไปสู้กับผู้ชายหล่อมาดแมนทั้งสามได้ไงหล่ะ”
“แกตัวใหญ่กว่านักมวยที่ค่ายฉันอีกนะอีบอล- -” มันป๊อดเชื่อฉัน นังนี่มันป๊อดกับผู้ชายแต่ถ้าเป็นผู้หญิงเชื่อฉันมันจัดเต็ม
“เอ๊ะอีนี่! เดี๋ยวตบปากฉีก! แล้วแกไม่กลัวมันเลยรึไง ฉันเห็นแกเถียงมันจังไม่พอยังไปต่อยหน้าไอ้หล่อนั่นอีก”
“ก็มันดึงคอเสื้อฉันอ่ะ” พูดแล้วก็โมโหขึ้นมาทันที ว่าจะปล่อยไปแล้วเชียว แต่ดันมาดึงคอเสื้อฉัน ขึ้นเลยๆแบบเนี้ย สาธุ! ขออย่าได้เจอกันอีกเลย
“ย่ะ แม่คนรักศักดิ์ศรี- -”
“ฉันว่าเราไปจากตรงนี้กันเหอะ คนแมร่งมองกันเต็มเลย ยังไม่อยากดัง” ฉันพุดพร้อมกับลากเบลลี่ไปด้วย
หลังจากซื้อของเสร็จฉันกับเบลลี่ก็แยกย้ายกันกลับ เฮ้อ!อีกสองวันก็เริ่มงานใหม่แล้วสิ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ