เธอแสบผมซ่า โอ้ย!จะบ้าตาย

-

เขียนโดย kobukmark

วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.41 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,846 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2557 00.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ตอนที่2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                                  ตอนที่2

 

ฉันขับรถออกมาเพื่อมาตามนัดของลุงคนนั้น ซึ่งฉันเองก็ยังไม่รู้จักชื่อเลย ฉันขับมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าร้าน ร้านนี้ดังมากสมัยเรียนอยู่มหาลัยฉันเคยมานั่งกับเบลลี่แต่ไม่บ่อยมากนักหรอก เพราะกาแฟกับเค้กในร้านนี่ก็แพงซะเหลือเกิน เป็นร้านที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยมากกว่าร้อยแห่ง คนที่มากินส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกนักศึกษาหรือไม่ก็เด็กนักเรียน ฉันจอดรถและลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน ยังคนเยอะเหมือนเดิมเลย ไม่ว่าจะวันหยุดหรือวันธรรมดาก็ยังคงมีคนเยอะตลอด เพราะร้านตั้งอยู่ระหว่างมหาลัยMกับโรงเรียนเซ็นท์มีมาเรีย ซึ่งเจ้าของร้านกับเจ้าของโรงเรียนน่าจะเป็นคนๆเดียวกัน แว่วๆว่าค่าเทอมโรงเรียนนี้แพงมว๊ากกกก ถ้าไม่รวยจริงไม่มีทางที่จะเข้าไปเรียนได้แน่ๆ ฉันเปิดประตูเข้าไปภายในร้านภายในร้านดูหรูหรา สมกับราคากาแฟและเค้กจริงๆ ไม่เพียงแต่ดูดีแค่ในร้าน แม้แต่พนักงานในร้านเองก็หน้าตาดีทุกคน นี่เขาคัดมารึป่าวเนี่ย เค้กและกาแฟก็ดูดี ฉันยืนงงๆสักพักก็เจอกับพนักงานร้านสาว หน้าตาสวยคนนึง เดินเข้ามาหา

“มากี่ท่านค่ะ?” พนักงานถามฉันพร้อมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำตัวไม่สมกับหน้าตาจริงๆแม่คนนี้- -

“มา2คนค่ะ แต่ว่าไม่แน่ใจว่าอีกคนนึงมารึยัง พอดีนัดไว้ค่ะ”

“หนูจริญยาใช่ไหม?” เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันจึงหันกลับไปดู ชายหน้าตาท่าทางใจดีถามพรางเดินมาที่ฉัน

“ใช่ค่ะ ลุงนั่นเอง สวัสดีค่ะ^^” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆแล้วยกมือไหว้

“แขกของท่านหรอคะ?” พนักงานถามพร้อมกับทำหน้าตาเลิ่กลั่กไปด้วย

“ใช่นี่แขกของฉันเอง มีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะ หนูจริญยาตามลุงมาทางนี้^__^ ” ชายวัยกลางคนตอบพร้อมกับยิ้ม ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไป ฉันเดินตามมาเรื่อยๆ ฉันเดินมาจนมาถึงโต๊ะด้านในสุด ซึ่งไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร โต๊ะดูหรูหรากว่าโต๊ะอื่นๆนิดหน่อย

“นั่งลงก่อนสิ” ชายคนนั้นผายมือเชิญให้ฉันนั่ง ฉันเลยเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง

“คุณลุงอาการเป็นไงบ้างคะ?” ฉันถามเพราะลุงเขายังมีผ้าก๊อตพันที่หัวอยู่

“ดีขึ้นมากแล้วหล่ะ ต้องขอบใจหนูมากๆเลยที่ช่วยลุงไว้”

“เรียกโจก็ได้ค่ะ^^ ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูยังไม่ทราบชื่อลุงเลย” ฉันตอบพรางยิ้มให้กับลุงนิดๆ

“ลุงชื่อวิวัฒน์ เรียกลุงวัฒน์ก็ได้^^”

“ค่ะลุงวัฒน์^^”

“ดื่มอะไรหน่อยไหม กาแฟไหม? เดี๋ยวลุงบอกให้เด็กๆเอามาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะลุง โจไม่ดื่มกาแฟแล้วโจก็เกรงใจด้วย”ฉันตอบพรางยิ้มแหย่ๆไป

“หรือเป็นโกโก้ปั่น หรือน้ำผลไม้ดี?”

“งั้น…โกโก้ปั่นก็ได้ค่ะ” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆ ลุงวัฒน์เรียกพนักงานสักพักก็มีพนักงานผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนึงมาที่โต๊ะ เพื่อสั่งเครื่องดื่ม สักพักก็มีพนังงานนำโกโก้มาเสริฟ

“แล้วหนูโจเรียนอยู่ที่ไหนหล่ะ?” ลุงวัฒน์ถามขึ้นหลังจากพนักงานเอาโกโก้มาเสริฟเสร็จแล้ว

“โจเรียนจบแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังหางานอยู่” ฉันตอบพรางยิ้ม สักพักลุงวัฒน์ก็ยื่นซอง ซองนึงมาให้ ฉันเลยรับแล้วเปิดดู ก็ต้องตาโต ข้างในเป็นเช็ค

“นะ นะ หนึ่งล้าน!!O.O” ฉันตกใจและอุทานขึ้นมาแทบจะทันทีที่เห็นตัวเลขในเช็ค หนึ่งล้านนะคุณ!!

“ค่าตอบแทนที่หนูช่วยลุงไว้ บวกกับค่ารักษาพยาบาลลุงด้วย ถ้าหนูต้องการอะไรเพิ่มบอกมาได้เลย”

ลุงวัฒน์ตอบพรางยิ้มไปด้วย

“หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากไป” ฉันตอบพรางเลื่อนซองกลับไป

“มันไม่มากไปหรอก มันน้อยไปด้วยซ้ำ รับไว้เถอะนะ”

“รับไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ารักษาพยาบาลที่หนูจ่ายไปมันแค่แปดพัน แต่นี่มันหนึ่งล้านจะให้หนูรับไว้ได้ไงกันคะ” ฉันตอบพรางก้มหัวให้ลุงวัฒน์เป็นการขอโทษ

“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันถ้าหนูโจไม่รับเงินงั้น มาทำงานกับลุงไหมลุงจะจ้างหนู”

“งาน? งานอะไรคะ?”

“เป็นครูที่โรงเรียนของลุง”

“ห๊ะ!?ครูหรอค่ะ” ฉันถามพร้อมทำหน้าตกใจ

“ใช่ครู ถ้าหนูตกลงก็เริ่มงานได้เลย”

“เดี๋ยวๆนะค่ะ ลุงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นใคร นิสัยยังไง แล้วก็เรียนจบอะไรมา” ฉันบอกพรางเอามือยกขึ้นห้ามลุงวัฒน์ อีกอย่าง ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ว่าเป็นโรงเรียนอะไร ถ้าเป็นโรงเรียนเด็กอนุบาลล่ะ ฉันยิ่งไม่ถูกกับเด็กเล็กๆอยู่ด้วย สามวันก่อนยังทะเลาะกับเด็กแถวบ้านเรื่องไอติมแท่งสุดท้าย ในเซเว่นอยู่เลย นอกจากมันจะทำให้ฉันโดนสังคมในเซเว่นประณามแล้ว ไอ้เด็กบ้านั่นยังพูดทิ้งท้ายก่อนจะสละไอติมให้ฉันว่า ‘ป้าจะเอาก็เอาไปเลย! โตขึ้นผมจะไม่มีทางเป็นผู้ใหญ่เหมือนป้า’จากนั้นก็ร้องไห้เดินออกไป

กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

“ลุงคะคือหนูไม่ค่อยถูกกับเด็ก” ฉันสารภาพออกไปตามตรง

“ไม่ต้องห่วงโรงเรียนลุงเป็นโรงเรียนมัธยม แล้วหนูจบอะไรมา”

 “หนูเรียนดนตรีมาค่ะ” ฉันตอบเรียบๆ จริงๆที่ฉันเลือกเรียนดนตรีไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบมวยหรือกีฬานะแต่ฉันแค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง ชีวิตฉันมีดีแค่เสียงร้องกับกีฬาเท่านั้นแหละ ถ้าไม่นับว่ายน้ำฉันเล่นกีฬาเป็นเกือบหมดเลยนะ แต่ที่จะแน่ๆจริงๆก็มีแค่มวยนี่แหละ แต่ก็อย่างที่รู้บ้านฉันทำค่ายมวย ถ้าเรียนกีฬาชีวิตที่แสนสวยงามของฉันคงจบอยู่ในค่ายมวยเป็นแน่ๆ

“ไม่เป็นไร โรงเรียนของลุงกำลังต้องการครูนันทนาการอยู่พอดี ถ้าหนูสนใจก็เริ่มงานได้เลย”

“แต่….”ฉันตอบอึกอัก

“หนูยังไม่ต้องตอบลุงตอนนี้หรอก ลุงให้เวลาคิด แต่หนูโจกำลังหางานอยู่ไม่ใช่หรอ” ลุงวัฒน์ยิ้มอย่างใจดีออกมา

“หนูขอเวลาคิดสักสองสามวันได้ไหมค่ะ แล้วหนูจะโทรไปให้คำตอบ” ฉันตอบ ลุงวัฒน์พยักหน้ายิ้มๆ ฉันกับลุงวัฒน์คุยกันมาเรื่อยๆจึงรู้ว่าลุงวัชเป็นเจ้าของเครือมามีเรีย เครือที่มีร้านกาแฟชื่อดังอยู่ในไทยกว่าร้อยแห่งยังไม่รวมต่างประเทศด้วย ไหนจะโรงเรียน มหาลัย และห้างสรรพสินค้าอีกตั้งมากมาย ฉันไม่แปลกใจเลยทำไมลุงวัฒน์ถึงให้เงินกับฉันเป็นล้านแล้วก็จะยกร้านกาแฟให้ฉันด้วยหนึ่งสาขา ถ้าฉันต้องการ ฉันคุยไปเรื่อยๆจึงขอตัวกลับ เพราะนี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว

 

 

 

ฉันขับรถออกมาเพื่อมาตามนัดของลุงคนนั้น ซึ่งฉันเองก็ยังไม่รู้จักชื่อเลย ฉันขับมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าร้าน ร้านนี้ดังมากสมัยเรียนอยู่มหาลัยฉันเคยมานั่งกับเบลลี่แต่ไม่บ่อยมากนักหรอก เพราะกาแฟกับเค้กในร้านนี่ก็แพงซะเหลือเกิน เป็นร้านที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยมากกว่าร้อยแห่ง คนที่มากินส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกนักศึกษาหรือไม่ก็เด็กนักเรียน ฉันจอดรถและลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน ยังคนเยอะเหมือนเดิมเลย ไม่ว่าจะวันหยุดหรือวันธรรมดาก็ยังคงมีคนเยอะตลอด เพราะร้านตั้งอยู่ระหว่างมหาลัยMกับโรงเรียนเซ็นท์มีมาเรีย ซึ่งเจ้าของร้านกับเจ้าของโรงเรียนน่าจะเป็นคนๆเดียวกัน แว่วๆว่าค่าเทอมโรงเรียนนี้แพงมว๊ากกกก ถ้าไม่รวยจริงไม่มีทางที่จะเข้าไปเรียนได้แน่ๆ ฉันเปิดประตูเข้าไปภายในร้านภายในร้านดูหรูหรา สมกับราคากาแฟและเค้กจริงๆ ไม่เพียงแต่ดูดีแค่ในร้าน แม้แต่พนักงานในร้านเองก็หน้าตาดีทุกคน นี่เขาคัดมารึป่าวเนี่ย เค้กและกาแฟก็ดูดี ฉันยืนงงๆสักพักก็เจอกับพนักงานร้านสาว หน้าตาสวยคนนึง เดินเข้ามาหา

“มากี่ท่านค่ะ?” พนักงานถามฉันพร้อมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำตัวไม่สมกับหน้าตาจริงๆแม่คนนี้- -

“มา2คนค่ะ แต่ว่าไม่แน่ใจว่าอีกคนนึงมารึยัง พอดีนัดไว้ค่ะ”

“หนูจริญยาใช่ไหม?” เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันจึงหันกลับไปดู ชายหน้าตาท่าทางใจดีถามพรางเดินมาที่ฉัน

“ใช่ค่ะ ลุงนั่นเอง สวัสดีค่ะ^^” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆแล้วยกมือไหว้

“แขกของท่านหรอคะ?” พนักงานถามพร้อมกับทำหน้าตาเลิ่กลั่กไปด้วย

“ใช่นี่แขกของฉันเอง มีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะ หนูจริญยาตามลุงมาทางนี้^__^ ” ชายวัยกลางคนตอบพร้อมกับยิ้ม ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไป ฉันเดินตามมาเรื่อยๆ ฉันเดินมาจนมาถึงโต๊ะด้านในสุด ซึ่งไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร โต๊ะดูหรูหรากว่าโต๊ะอื่นๆนิดหน่อย

“นั่งลงก่อนสิ” ชายคนนั้นผายมือเชิญให้ฉันนั่ง ฉันเลยเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง

“คุณลุงอาการเป็นไงบ้างคะ?” ฉันถามเพราะลุงเขายังมีผ้าก๊อตพันที่หัวอยู่

“ดีขึ้นมากแล้วหล่ะ ต้องขอบใจหนูมากๆเลยที่ช่วยลุงไว้”

“เรียกโจก็ได้ค่ะ^^ ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูยังไม่ทราบชื่อลุงเลย” ฉันตอบพรางยิ้มให้กับลุงนิดๆ

“ลุงชื่อวิวัฒน์ เรียกลุงวัฒน์ก็ได้^^”

“ค่ะลุงวัฒน์^^”

“ดื่มอะไรหน่อยไหม กาแฟไหม? เดี๋ยวลุงบอกให้เด็กๆเอามาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะลุง โจไม่ดื่มกาแฟแล้วโจก็เกรงใจด้วย”ฉันตอบพรางยิ้มแหย่ๆไป

“หรือเป็นโกโก้ปั่น หรือน้ำผลไม้ดี?”

“งั้น…โกโก้ปั่นก็ได้ค่ะ” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆ ลุงวัฒน์เรียกพนักงานสักพักก็มีพนักงานผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนึงมาที่โต๊ะ เพื่อสั่งเครื่องดื่ม สักพักก็มีพนังงานนำโกโก้มาเสริฟ

“แล้วหนูโจเรียนอยู่ที่ไหนหล่ะ?” ลุงวัฒน์ถามขึ้นหลังจากพนักงานเอาโกโก้มาเสริฟเสร็จแล้ว

“โจเรียนจบแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังหางานอยู่” ฉันตอบพรางยิ้ม สักพักลุงวัฒน์ก็ยื่นซอง ซองนึงมาให้ ฉันเลยรับแล้วเปิดดู ก็ต้องตาโต ข้างในเป็นเช็ค

“นะ นะ หนึ่งล้าน!!O.O” ฉันตกใจและอุทานขึ้นมาแทบจะทันทีที่เห็นตัวเลขในเช็ค หนึ่งล้านนะคุณ!!

“ค่าตอบแทนที่หนูช่วยลุงไว้ บวกกับค่ารักษาพยาบาลลุงด้วย ถ้าหนูต้องการอะไรเพิ่มบอกมาได้เลย”

ลุงวัฒน์ตอบพรางยิ้มไปด้วย

“หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากไป” ฉันตอบพรางเลื่อนซองกลับไป

“มันไม่มากไปหรอก มันน้อยไปด้วยซ้ำ รับไว้เถอะนะ”

“รับไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ารักษาพยาบาลที่หนูจ่ายไปมันแค่แปดพัน แต่นี่มันหนึ่งล้านจะให้หนูรับไว้ได้ไงกันคะ” ฉันตอบพรางก้มหัวให้ลุงวัฒน์เป็นการขอโทษ

“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันถ้าหนูโจไม่รับเงินงั้น มาทำงานกับลุงไหมลุงจะจ้างหนู”

“งาน? งานอะไรคะ?”

“เป็นครูที่โรงเรียนของลุง”

“ห๊ะ!?ครูหรอค่ะ” ฉันถามพร้อมทำหน้าตกใจ

“ใช่ครู ถ้าหนูตกลงก็เริ่มงานได้เลย”

“เดี๋ยวๆนะค่ะ ลุงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นใคร นิสัยยังไง แล้วก็เรียนจบอะไรมา” ฉันบอกพรางเอามือยกขึ้นห้ามลุงวัฒน์ อีกอย่าง ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ว่าเป็นโรงเรียนอะไร ถ้าเป็นโรงเรียนเด็กอนุบาลล่ะ ฉันยิ่งไม่ถูกกับเด็กเล็กๆอยู่ด้วย สามวันก่อนยังทะเลาะกับเด็กแถวบ้านเรื่องไอติมแท่งสุดท้าย ในเซเว่นอยู่เลย นอกจากมันจะทำให้ฉันโดนสังคมในเซเว่นประณามแล้ว ไอ้เด็กบ้านั่นยังพูดทิ้งท้ายก่อนจะสละไอติมให้ฉันว่า ‘ป้าจะเอาก็เอาไปเลย! โตขึ้นผมจะไม่มีทางเป็นผู้ใหญ่เหมือนป้า’จากนั้นก็ร้องไห้เดินออกไป

กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

“ลุงคะคือหนูไม่ค่อยถูกกับเด็ก” ฉันสารภาพออกไปตามตรง

“ไม่ต้องห่วงโรงเรียนลุงเป็นโรงเรียนมัธยม แล้วหนูจบอะไรมา”

 “หนูเรียนดนตรีมาค่ะ” ฉันตอบเรียบๆ จริงๆที่ฉันเลือกเรียนดนตรีไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบมวยหรือกีฬานะแต่ฉันแค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง ชีวิตฉันมีดีแค่เสียงร้องกับกีฬาเท่านั้นแหละ ถ้าไม่นับว่ายน้ำฉันเล่นกีฬาเป็นเกือบหมดเลยนะ แต่ที่จะแน่ๆจริงๆก็มีแค่มวยนี่แหละ แต่ก็อย่างที่รู้บ้านฉันทำค่ายมวย ถ้าเรียนกีฬาชีวิตที่แสนสวยงามของฉันคงจบอยู่ในค่ายมวยเป็นแน่ๆ

“ไม่เป็นไร โรงเรียนของลุงกำลังต้องการครูนันทนาการอยู่พอดี ถ้าหนูสนใจก็เริ่มงานได้เลย”

“แต่….”ฉันตอบอึกอัก

“หนูยังไม่ต้องตอบลุงตอนนี้หรอก ลุงให้เวลาคิด แต่หนูโจกำลังหางานอยู่ไม่ใช่หรอ” ลุงวัฒน์ยิ้มอย่างใจดีออกมา

“หนูขอเวลาคิดสักสองสามวันได้ไหมค่ะ แล้วหนูจะโทรไปให้คำตอบ” ฉันตอบ ลุงวัฒน์พยักหน้ายิ้มๆ ฉันกับลุงวัฒน์คุยกันมาเรื่อยๆจึงรู้ว่าลุงวัชเป็นเจ้าของเครือมามีเรีย เครือที่มีร้านกาแฟชื่อดังอยู่ในไทยกว่าร้อยแห่งยังไม่รวมต่างประเทศด้วย ไหนจะโรงเรียน มหาลัย และห้างสรรพสินค้าอีกตั้งมากมาย ฉันไม่แปลกใจเลยทำไมลุงวัฒน์ถึงให้เงินกับฉันเป็นล้านแล้วก็จะยกร้านกาแฟให้ฉันด้วยหนึ่งสาขา ถ้าฉันต้องการ ฉันคุยไปเรื่อยๆจึงขอตัวกลับ เพราะนี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว

 

 

 

ฉันขับรถออกมาเพื่อมาตามนัดของลุงคนนั้น ซึ่งฉันเองก็ยังไม่รู้จักชื่อเลย ฉันขับมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าร้าน ร้านนี้ดังมากสมัยเรียนอยู่มหาลัยฉันเคยมานั่งกับเบลลี่แต่ไม่บ่อยมากนักหรอก เพราะกาแฟกับเค้กในร้านนี่ก็แพงซะเหลือเกิน เป็นร้านที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยมากกว่าร้อยแห่ง คนที่มากินส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกนักศึกษาหรือไม่ก็เด็กนักเรียน ฉันจอดรถและลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน ยังคนเยอะเหมือนเดิมเลย ไม่ว่าจะวันหยุดหรือวันธรรมดาก็ยังคงมีคนเยอะตลอด เพราะร้านตั้งอยู่ระหว่างมหาลัยMกับโรงเรียนเซ็นท์มีมาเรีย ซึ่งเจ้าของร้านกับเจ้าของโรงเรียนน่าจะเป็นคนๆเดียวกัน แว่วๆว่าค่าเทอมโรงเรียนนี้แพงมว๊ากกกก ถ้าไม่รวยจริงไม่มีทางที่จะเข้าไปเรียนได้แน่ๆ ฉันเปิดประตูเข้าไปภายในร้านภายในร้านดูหรูหรา สมกับราคากาแฟและเค้กจริงๆ ไม่เพียงแต่ดูดีแค่ในร้าน แม้แต่พนักงานในร้านเองก็หน้าตาดีทุกคน นี่เขาคัดมารึป่าวเนี่ย เค้กและกาแฟก็ดูดี ฉันยืนงงๆสักพักก็เจอกับพนักงานร้านสาว หน้าตาสวยคนนึง เดินเข้ามาหา

“มากี่ท่านค่ะ?” พนักงานถามฉันพร้อมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำตัวไม่สมกับหน้าตาจริงๆแม่คนนี้- -

“มา2คนค่ะ แต่ว่าไม่แน่ใจว่าอีกคนนึงมารึยัง พอดีนัดไว้ค่ะ”

“หนูจริญยาใช่ไหม?” เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันจึงหันกลับไปดู ชายหน้าตาท่าทางใจดีถามพรางเดินมาที่ฉัน

“ใช่ค่ะ ลุงนั่นเอง สวัสดีค่ะ^^” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆแล้วยกมือไหว้

“แขกของท่านหรอคะ?” พนักงานถามพร้อมกับทำหน้าตาเลิ่กลั่กไปด้วย

“ใช่นี่แขกของฉันเอง มีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะ หนูจริญยาตามลุงมาทางนี้^__^ ” ชายวัยกลางคนตอบพร้อมกับยิ้ม ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไป ฉันเดินตามมาเรื่อยๆ ฉันเดินมาจนมาถึงโต๊ะด้านในสุด ซึ่งไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร โต๊ะดูหรูหรากว่าโต๊ะอื่นๆนิดหน่อย

“นั่งลงก่อนสิ” ชายคนนั้นผายมือเชิญให้ฉันนั่ง ฉันเลยเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง

“คุณลุงอาการเป็นไงบ้างคะ?” ฉันถามเพราะลุงเขายังมีผ้าก๊อตพันที่หัวอยู่

“ดีขึ้นมากแล้วหล่ะ ต้องขอบใจหนูมากๆเลยที่ช่วยลุงไว้”

“เรียกโจก็ได้ค่ะ^^ ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูยังไม่ทราบชื่อลุงเลย” ฉันตอบพรางยิ้มให้กับลุงนิดๆ

“ลุงชื่อวิวัฒน์ เรียกลุงวัฒน์ก็ได้^^”

“ค่ะลุงวัฒน์^^”

“ดื่มอะไรหน่อยไหม กาแฟไหม? เดี๋ยวลุงบอกให้เด็กๆเอามาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะลุง โจไม่ดื่มกาแฟแล้วโจก็เกรงใจด้วย”ฉันตอบพรางยิ้มแหย่ๆไป

“หรือเป็นโกโก้ปั่น หรือน้ำผลไม้ดี?”

“งั้น…โกโก้ปั่นก็ได้ค่ะ” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆ ลุงวัฒน์เรียกพนักงานสักพักก็มีพนักงานผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนึงมาที่โต๊ะ เพื่อสั่งเครื่องดื่ม สักพักก็มีพนังงานนำโกโก้มาเสริฟ

“แล้วหนูโจเรียนอยู่ที่ไหนหล่ะ?” ลุงวัฒน์ถามขึ้นหลังจากพนักงานเอาโกโก้มาเสริฟเสร็จแล้ว

“โจเรียนจบแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังหางานอยู่” ฉันตอบพรางยิ้ม สักพักลุงวัฒน์ก็ยื่นซอง ซองนึงมาให้ ฉันเลยรับแล้วเปิดดู ก็ต้องตาโต ข้างในเป็นเช็ค

“นะ นะ หนึ่งล้าน!!O.O” ฉันตกใจและอุทานขึ้นมาแทบจะทันทีที่เห็นตัวเลขในเช็ค หนึ่งล้านนะคุณ!!

“ค่าตอบแทนที่หนูช่วยลุงไว้ บวกกับค่ารักษาพยาบาลลุงด้วย ถ้าหนูต้องการอะไรเพิ่มบอกมาได้เลย”

ลุงวัฒน์ตอบพรางยิ้มไปด้วย

“หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากไป” ฉันตอบพรางเลื่อนซองกลับไป

“มันไม่มากไปหรอก มันน้อยไปด้วยซ้ำ รับไว้เถอะนะ”

“รับไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ารักษาพยาบาลที่หนูจ่ายไปมันแค่แปดพัน แต่นี่มันหนึ่งล้านจะให้หนูรับไว้ได้ไงกันคะ” ฉันตอบพรางก้มหัวให้ลุงวัฒน์เป็นการขอโทษ

“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันถ้าหนูโจไม่รับเงินงั้น มาทำงานกับลุงไหมลุงจะจ้างหนู”

“งาน? งานอะไรคะ?”

“เป็นครูที่โรงเรียนของลุง”

“ห๊ะ!?ครูหรอค่ะ” ฉันถามพร้อมทำหน้าตกใจ

“ใช่ครู ถ้าหนูตกลงก็เริ่มงานได้เลย”

“เดี๋ยวๆนะค่ะ ลุงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นใคร นิสัยยังไง แล้วก็เรียนจบอะไรมา” ฉันบอกพรางเอามือยกขึ้นห้ามลุงวัฒน์ อีกอย่าง ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ว่าเป็นโรงเรียนอะไร ถ้าเป็นโรงเรียนเด็กอนุบาลล่ะ ฉันยิ่งไม่ถูกกับเด็กเล็กๆอยู่ด้วย สามวันก่อนยังทะเลาะกับเด็กแถวบ้านเรื่องไอติมแท่งสุดท้าย ในเซเว่นอยู่เลย นอกจากมันจะทำให้ฉันโดนสังคมในเซเว่นประณามแล้ว ไอ้เด็กบ้านั่นยังพูดทิ้งท้ายก่อนจะสละไอติมให้ฉันว่า ‘ป้าจะเอาก็เอาไปเลย! โตขึ้นผมจะไม่มีทางเป็นผู้ใหญ่เหมือนป้า’จากนั้นก็ร้องไห้เดินออกไป

กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

“ลุงคะคือหนูไม่ค่อยถูกกับเด็ก” ฉันสารภาพออกไปตามตรง

“ไม่ต้องห่วงโรงเรียนลุงเป็นโรงเรียนมัธยม แล้วหนูจบอะไรมา”

 “หนูเรียนดนตรีมาค่ะ” ฉันตอบเรียบๆ จริงๆที่ฉันเลือกเรียนดนตรีไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบมวยหรือกีฬานะแต่ฉันแค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง ชีวิตฉันมีดีแค่เสียงร้องกับกีฬาเท่านั้นแหละ ถ้าไม่นับว่ายน้ำฉันเล่นกีฬาเป็นเกือบหมดเลยนะ แต่ที่จะแน่ๆจริงๆก็มีแค่มวยนี่แหละ แต่ก็อย่างที่รู้บ้านฉันทำค่ายมวย ถ้าเรียนกีฬาชีวิตที่แสนสวยงามของฉันคงจบอยู่ในค่ายมวยเป็นแน่ๆ

“ไม่เป็นไร โรงเรียนของลุงกำลังต้องการครูนันทนาการอยู่พอดี ถ้าหนูสนใจก็เริ่มงานได้เลย”

“แต่….”ฉันตอบอึกอัก

“หนูยังไม่ต้องตอบลุงตอนนี้หรอก ลุงให้เวลาคิด แต่หนูโจกำลังหางานอยู่ไม่ใช่หรอ” ลุงวัฒน์ยิ้มอย่างใจดีออกมา

“หนูขอเวลาคิดสักสองสามวันได้ไหมค่ะ แล้วหนูจะโทรไปให้คำตอบ” ฉันตอบ ลุงวัฒน์พยักหน้ายิ้มๆ ฉันกับลุงวัฒน์คุยกันมาเรื่อยๆจึงรู้ว่าลุงวัชเป็นเจ้าของเครือมามีเรีย เครือที่มีร้านกาแฟชื่อดังอยู่ในไทยกว่าร้อยแห่งยังไม่รวมต่างประเทศด้วย ไหนจะโรงเรียน มหาลัย และห้างสรรพสินค้าอีกตั้งมากมาย ฉันไม่แปลกใจเลยทำไมลุงวัฒน์ถึงให้เงินกับฉันเป็นล้านแล้วก็จะยกร้านกาแฟให้ฉันด้วยหนึ่งสาขา ถ้าฉันต้องการ ฉันคุยไปเรื่อยๆจึงขอตัวกลับ เพราะนี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว

 

 

 

ฉันขับรถออกมาเพื่อมาตามนัดของลุงคนนั้น ซึ่งฉันเองก็ยังไม่รู้จักชื่อเลย ฉันขับมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าร้าน ร้านนี้ดังมากสมัยเรียนอยู่มหาลัยฉันเคยมานั่งกับเบลลี่แต่ไม่บ่อยมากนักหรอก เพราะกาแฟกับเค้กในร้านนี่ก็แพงซะเหลือเกิน เป็นร้านที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยมากกว่าร้อยแห่ง คนที่มากินส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวกนักศึกษาหรือไม่ก็เด็กนักเรียน ฉันจอดรถและลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในร้าน ยังคนเยอะเหมือนเดิมเลย ไม่ว่าจะวันหยุดหรือวันธรรมดาก็ยังคงมีคนเยอะตลอด เพราะร้านตั้งอยู่ระหว่างมหาลัยMกับโรงเรียนเซ็นท์มีมาเรีย ซึ่งเจ้าของร้านกับเจ้าของโรงเรียนน่าจะเป็นคนๆเดียวกัน แว่วๆว่าค่าเทอมโรงเรียนนี้แพงมว๊ากกกก ถ้าไม่รวยจริงไม่มีทางที่จะเข้าไปเรียนได้แน่ๆ ฉันเปิดประตูเข้าไปภายในร้านภายในร้านดูหรูหรา สมกับราคากาแฟและเค้กจริงๆ ไม่เพียงแต่ดูดีแค่ในร้าน แม้แต่พนักงานในร้านเองก็หน้าตาดีทุกคน นี่เขาคัดมารึป่าวเนี่ย เค้กและกาแฟก็ดูดี ฉันยืนงงๆสักพักก็เจอกับพนักงานร้านสาว หน้าตาสวยคนนึง เดินเข้ามาหา

“มากี่ท่านค่ะ?” พนักงานถามฉันพร้อมมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำตัวไม่สมกับหน้าตาจริงๆแม่คนนี้- -

“มา2คนค่ะ แต่ว่าไม่แน่ใจว่าอีกคนนึงมารึยัง พอดีนัดไว้ค่ะ”

“หนูจริญยาใช่ไหม?” เสียงของใครบางคนดังขึ้นข้างหลังฉัน ฉันจึงหันกลับไปดู ชายหน้าตาท่าทางใจดีถามพรางเดินมาที่ฉัน

“ใช่ค่ะ ลุงนั่นเอง สวัสดีค่ะ^^” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆแล้วยกมือไหว้

“แขกของท่านหรอคะ?” พนักงานถามพร้อมกับทำหน้าตาเลิ่กลั่กไปด้วย

“ใช่นี่แขกของฉันเอง มีอะไรไปทำก็ไปทำเถอะ หนูจริญยาตามลุงมาทางนี้^__^ ” ชายวัยกลางคนตอบพร้อมกับยิ้ม ฉันพยักหน้ารับก่อนจะเดินตามไป ฉันเดินตามมาเรื่อยๆ ฉันเดินมาจนมาถึงโต๊ะด้านในสุด ซึ่งไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านเท่าไร โต๊ะดูหรูหรากว่าโต๊ะอื่นๆนิดหน่อย

“นั่งลงก่อนสิ” ชายคนนั้นผายมือเชิญให้ฉันนั่ง ฉันเลยเลื่อนเก้าอี้ออกแล้วนั่งลง

“คุณลุงอาการเป็นไงบ้างคะ?” ฉันถามเพราะลุงเขายังมีผ้าก๊อตพันที่หัวอยู่

“ดีขึ้นมากแล้วหล่ะ ต้องขอบใจหนูมากๆเลยที่ช่วยลุงไว้”

“เรียกโจก็ได้ค่ะ^^ ไม่เป็นไรค่ะลุง หนูยังไม่ทราบชื่อลุงเลย” ฉันตอบพรางยิ้มให้กับลุงนิดๆ

“ลุงชื่อวิวัฒน์ เรียกลุงวัฒน์ก็ได้^^”

“ค่ะลุงวัฒน์^^”

“ดื่มอะไรหน่อยไหม กาแฟไหม? เดี๋ยวลุงบอกให้เด็กๆเอามาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะลุง โจไม่ดื่มกาแฟแล้วโจก็เกรงใจด้วย”ฉันตอบพรางยิ้มแหย่ๆไป

“หรือเป็นโกโก้ปั่น หรือน้ำผลไม้ดี?”

“งั้น…โกโก้ปั่นก็ได้ค่ะ” ฉันตอบพรางยิ้มเบาๆ ลุงวัฒน์เรียกพนักงานสักพักก็มีพนักงานผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนึงมาที่โต๊ะ เพื่อสั่งเครื่องดื่ม สักพักก็มีพนังงานนำโกโก้มาเสริฟ

“แล้วหนูโจเรียนอยู่ที่ไหนหล่ะ?” ลุงวัฒน์ถามขึ้นหลังจากพนักงานเอาโกโก้มาเสริฟเสร็จแล้ว

“โจเรียนจบแล้วค่ะ ตอนนี้กำลังหางานอยู่” ฉันตอบพรางยิ้ม สักพักลุงวัฒน์ก็ยื่นซอง ซองนึงมาให้ ฉันเลยรับแล้วเปิดดู ก็ต้องตาโต ข้างในเป็นเช็ค

“นะ นะ หนึ่งล้าน!!O.O” ฉันตกใจและอุทานขึ้นมาแทบจะทันทีที่เห็นตัวเลขในเช็ค หนึ่งล้านนะคุณ!!

“ค่าตอบแทนที่หนูช่วยลุงไว้ บวกกับค่ารักษาพยาบาลลุงด้วย ถ้าหนูต้องการอะไรเพิ่มบอกมาได้เลย”

ลุงวัฒน์ตอบพรางยิ้มไปด้วย

“หนูรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากไป” ฉันตอบพรางเลื่อนซองกลับไป

“มันไม่มากไปหรอก มันน้อยไปด้วยซ้ำ รับไว้เถอะนะ”

“รับไม่ได้จริงๆค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่ารักษาพยาบาลที่หนูจ่ายไปมันแค่แปดพัน แต่นี่มันหนึ่งล้านจะให้หนูรับไว้ได้ไงกันคะ” ฉันตอบพรางก้มหัวให้ลุงวัฒน์เป็นการขอโทษ

“งั้นเอาอย่างนี้แล้วกันถ้าหนูโจไม่รับเงินงั้น มาทำงานกับลุงไหมลุงจะจ้างหนู”

“งาน? งานอะไรคะ?”

“เป็นครูที่โรงเรียนของลุง”

“ห๊ะ!?ครูหรอค่ะ” ฉันถามพร้อมทำหน้าตกใจ

“ใช่ครู ถ้าหนูตกลงก็เริ่มงานได้เลย”

“เดี๋ยวๆนะค่ะ ลุงยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหนูเป็นใคร นิสัยยังไง แล้วก็เรียนจบอะไรมา” ฉันบอกพรางเอามือยกขึ้นห้ามลุงวัฒน์ อีกอย่าง ตัวฉันเองก็ยังไม่รู้ว่าโรงเรียนที่ว่าเป็นโรงเรียนอะไร ถ้าเป็นโรงเรียนเด็กอนุบาลล่ะ ฉันยิ่งไม่ถูกกับเด็กเล็กๆอยู่ด้วย สามวันก่อนยังทะเลาะกับเด็กแถวบ้านเรื่องไอติมแท่งสุดท้าย ในเซเว่นอยู่เลย นอกจากมันจะทำให้ฉันโดนสังคมในเซเว่นประณามแล้ว ไอ้เด็กบ้านั่นยังพูดทิ้งท้ายก่อนจะสละไอติมให้ฉันว่า ‘ป้าจะเอาก็เอาไปเลย! โตขึ้นผมจะไม่มีทางเป็นผู้ใหญ่เหมือนป้า’จากนั้นก็ร้องไห้เดินออกไป

กลับมาที่เหตุการณ์ปัจจุบัน

“ลุงคะคือหนูไม่ค่อยถูกกับเด็ก” ฉันสารภาพออกไปตามตรง

“ไม่ต้องห่วงโรงเรียนลุงเป็นโรงเรียนมัธยม แล้วหนูจบอะไรมา”

 “หนูเรียนดนตรีมาค่ะ” ฉันตอบเรียบๆ จริงๆที่ฉันเลือกเรียนดนตรีไม่ใช่เพราะอะไรหรอก ไม่ใช่ว่าฉันไม่ชอบมวยหรือกีฬานะแต่ฉันแค่รู้สึกเบื่อเท่านั้นเอง ชีวิตฉันมีดีแค่เสียงร้องกับกีฬาเท่านั้นแหละ ถ้าไม่นับว่ายน้ำฉันเล่นกีฬาเป็นเกือบหมดเลยนะ แต่ที่จะแน่ๆจริงๆก็มีแค่มวยนี่แหละ แต่ก็อย่างที่รู้บ้านฉันทำค่ายมวย ถ้าเรียนกีฬาชีวิตที่แสนสวยงามของฉันคงจบอยู่ในค่ายมวยเป็นแน่ๆ

“ไม่เป็นไร โรงเรียนของลุงกำลังต้องการครูนันทนาการอยู่พอดี ถ้าหนูสนใจก็เริ่มงานได้เลย”

“แต่….”ฉันตอบอึกอัก

“หนูยังไม่ต้องตอบลุงตอนนี้หรอก ลุงให้เวลาคิด แต่หนูโจกำลังหางานอยู่ไม่ใช่หรอ” ลุงวัฒน์ยิ้มอย่างใจดีออกมา

“หนูขอเวลาคิดสักสองสามวันได้ไหมค่ะ แล้วหนูจะโทรไปให้คำตอบ” ฉันตอบ ลุงวัฒน์พยักหน้ายิ้มๆ ฉันกับลุงวัฒน์คุยกันมาเรื่อยๆจึงรู้ว่าลุงวัชเป็นเจ้าของเครือมามีเรีย เครือที่มีร้านกาแฟชื่อดังอยู่ในไทยกว่าร้อยแห่งยังไม่รวมต่างประเทศด้วย ไหนจะโรงเรียน มหาลัย และห้างสรรพสินค้าอีกตั้งมากมาย ฉันไม่แปลกใจเลยทำไมลุงวัฒน์ถึงให้เงินกับฉันเป็นล้านแล้วก็จะยกร้านกาแฟให้ฉันด้วยหนึ่งสาขา ถ้าฉันต้องการ ฉันคุยไปเรื่อยๆจึงขอตัวกลับ เพราะนี่ก็บ่ายสามกว่าแล้ว

 

 

ฉันขับรถออกจากร้านกาแฟเพื่อกลับคอนโด จนมาถึงลานจอดรถของคอนโด พอลงจากรถฉันก็ต้องตะลึง เมื่อเห็นชายหญิงคู่หนึ่งยืนกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ตรงลานจอดรถ ช่างไม่ได้เลือกสถานที่เล้ยยยย

“ไม่อายบ้างรึไงยืนมองคนอื่นเขาอยู่ได้- -”สงสัยฉันคงตกใจนานไปหน่อย เลยเผลอไปจ้องชายหญิงคู่นั้น ผู้ชายหน้าตา หล่อ(มากกกก)โหวววมีผู้ชายหล่อๆแบบนี้บนโลกด้วยหรอ อ๊ายยยย>< ผมสีทอง โห หมอนี่สูงจังแหะ แต่หน้าตาไม่ค่อยจะเข้ากับท่าทางกวนๆแบบนี้สักเท่าไหร่ หมอนั่นมองมาอย่างหาเรื่อง ให้ตายซิมันทำให้ฉันอารมณ์เสียนะ ใครกันแน่ที่ควรอาย ถึงแม้ฉันจะมองพวกเขานานไปหน่อยก็เหอะ

 “เหอะ! ใครมันสมควรอายกว่ากันวะ” ฉันพูดขึ้นพร้อมกับทำหน้าเอือมๆกลับไป

“มีร์ค่ะ อย่ามีเรื่องกันเลยนะค่ะใยไหมขอร้อง” ผู้หญิงหน้าตาน่ารัก ตัวเล็ก เธอดูเรียบร้อย อ๊า ขนาดฉันเป็นผู้หญิงฉันยังว่าเธอน่ารักมากเลย เธอพูดขึ้นพร้อมกับเขย่าแขนผู้ชาย ชื่อมีเหรอ โหยยยย!ชื่อโครตเชยอ่ะ ฮ่าๆๆๆๆ ลุงข้างบ้านฉันก็ชื่อมีเว้ย

“เห็นแก่ใยไหมครั้งนี้จะปล่อยไปก็แล้วกัน” นายมีร์อะไรนั่นพูดขึ้นแล้วหันมาจ้องหน้าฉัน

“อ๋า! จริงๆเลย ฉันต้องเป็นฝ่ายพูดแบบนั้นมากกว่าไม่ใช่รึไง” ฉันพูดพร้อมกับเป่าลมไปที่หน้าตัวเอง

“อยากมีเรื่องนักใช่ไหมห๊ะ!!” ผู้ชายตะคอกพร้อมกับทำท่าจะเดินมาหาฉันแต่ถูกแฟนตัวเองดึงไว้เสียก่อน

“อย่าค่ะมีร์” ผู้หญิงห้ามพร้อมกับดึงผู้ชายเอาไว้ เหอะ! กลัวตายหล่ะ

“ไร้สติจริงๆไอ้เด็กนี่ ถ้าอยากมีเรื่องมากนักก็เข้ามาสิ” ฉันพูดพร้อมกับกอดอกแล้วยักคิ้ว

“น้องค่ะ พี่ขอ! อย่ามีเรื่องกันเลยนะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นพร้อมกับดึงแฟนตัวเองไปด้วย น้องหรอ?ฉันฉันมั่นใจว่าฉันต้องแก่กว่าพวกนี้แน่ๆ

“จะไปขอเด็กนี่ทำไม มันอยากมีเรื่องนักจะจัดให้!!” ผู้ชายตะคอกพร้อมกับเดินมาทางฉัน

“เหอะ! ก็เข้ามาดิวะ”ฉันหักนิ้ว พร้อมกับโยกหัวไปมาเพื่อบริหารต้นคอ วันนี้ต้องมีเรื่องแน่ๆ อยากมีเรื่องนักเดี๋ยวเจ้จัดให้!

“ไอ้น้องนี่ อยากมีเรื่องจริงๆใช่ไหม!!” ผู้ชายที่ชื่อมีร์อะไรนั่นตะคอกใส่ฉันพรางกัดฟันกรอด

“เหอะ! โทษทีเหอะพอดีเป็นลูกคนเดียวหว่ะ ไม่รับเพิ่มJ” ฉันพูดพร้อมเป่าผมและแคะเล็บด้วยท่าทางกวนๆ

“มีร์คะๆใยไหมขอนะๆ เราไปกันเถอะนะค่ะ”ผู้หญิงเขย่าแขนแฟนตัวเองพรางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ฝ่ายชายจึงยอมเดินไปที่รถตัวเอง

“ฝากไว้ก่อน อย่าให้เจออีกก็แล้วกัน” ผู้ชายชี้หน้าฉันพร้อมกับขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่ารวดเร็ว

“ไม่รับฝากเว้ยยยย!! ไม่แน่จริงนี่หว่า  ต้มยำกุ้งอ่ะรู้จักป่ะ!” ฉันตะโกนไล่หลังรถของทั้งคู่ไป วันอะไรหล่ะเนี่ย เกือบได้มีเรื่องซะแล้ว ฉันล็อครถเสร็จก็เดินขึ้นคอนโด

 “ย่าห์! จริงๆเลย หงุดหงิดๆ” ฉันพึมพำคนเดียวระหว่างเดินไป

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา