MEMORIES ความทรงจำ Chapter 1 {Confusion}
8.3
เขียนโดย Remembrances
วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.28 น.
11 ตอน
4 วิจารณ์
13.69K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2557 21.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) MEMORIES [5]: Come back
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMEMORIES [5]: Come back
เช้าวันที่แสนสงบอีกวันที่ผมนั่งคิดวกวนเรื่องราวที่ผ่านมาหลังจากเปิดเทอม (ไม่รู้ว่าจะสงบจริงรึปล่าว) เรื่องราวสองสามวันที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้างกันนะ
ผมทอดกายลงบนสนามบาสซึ่งปกติผมจะมานอนแผ่อยู่ตรงนี้บ่อยๆ จะว่าไปเมื่อวานนี้เองก็พึ่งมานอนนี่หว่า แต่!!! ความคิดของผมกลับหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เมื่อผมพึ่งนึกถึงเหตุการณ์ ไม่คาดฝัน (ใช่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน) ที่มันเกิดขึ้นบริเวณที่ผมนอนอยู่นี้ในเมื่อวาน ผมได้แต่ครุ่นคิดและนึกถึงเหตุการณ์นั้น ก่อนจะลุกขึ้นมาสะบัดหัวพร้อมเอามือสองข้างตบไปที่แก้มเบาๆ
“นี่กูคิดอะไรอยู่วะเนี๊ยะ”
เออมันก็จริงผมเป็นอะไรไปวะ วันนี้เริ่มรู้สึกเบลอๆแปลกๆ หรือจะเป็นไข้ ตอนนี้ผมเริ่มไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่มันรู้สึกเหมือนไม่สบายใจแบบแปลกๆ แปลกโคตร แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมได้แต่คิดกับตัวเองแบบนั้น และอีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันที่แสนสงบอีกวันหนึ่งด้วย แถมยังเป็นคาบว่างอีกต่างหาก ทำให้ผมพอมีเวลากลิ้งตัวลงนอนได้แบบสบายอารมณ์ (ถ้าไม่เอาเรื่องเมื่อวานมาเอี่ยวในสมอง) จนเสียงๆหนึ่งมาทักผม ทำลายความสงบของผมไปเลย จะว่าไปเวลาแบบนี้ทีไรต้องมีคนทักมาทุกทีเลยสิน่า
“ไทค์ ไหง๋มานอนตรงนี้ล่ะ”
เสียงของคนที่ทำลายความสงบของผมได้เปล่งออกมาพร้อมหย่อนตัวนั่งลงข้างๆตัวผม
“ไม่มีเรียนเหรอ??”
“คาบว่างอะ แล้วไม่มีเรียนรึงัย?”
“ว่างเหมือนกัน” เสียงของคิวได้ตอบกลับผมมา แต่เอาตามตรงนะ ตาผมเริ่มคล้อยลงเต็มทีละ เหมือนคนใกล้ตายเข้าเต็มประดา บทสนทนาของผมในตอนนี้จึงเป็นคำพูดคุยกันทั้งที่ผมยังหลับตา
“อื้ม รู้สึกปีนี้จะคาบว่างเยอะแฮะ”
“นั่นดิ แต่ก็ดีเหมือนกันนะ พักผ่อน... ดีกว่าปีแล้วอีกว่ามะ”
“เออ ก็ดี...........นี่คิวขออะไรมึงอย่างดิวะ”
“ขออะไร” มาถึงตรงนี้คิวเริ่มทำหน้าสงสัย พร้อมมองมาที่ผม ถึงผมจะหลับตาแต่ผมสัมผัสได้ 555 รู้สึกตัวเองเป็นเจน ญาณทิพย์ยังไงอย่างงั้นเลย พอละเดี๋ยวนอกเรื่องมากไปจะไม่ดี
“ได้รึปล่าวล่ะ” และคำถามของผมนั่นเองทำให้คิวถึงกับกลืนน้ำลายออกมา
“เออ ได้ดิ” แหม่!!! ทำเสียงสั่นซะ!!!
“กริ่งเปลี่ยนคาบเรียนออกช่วยปลุกกูทีนะ กูนอนก่อนละ” ว่าแล้วผมก็หลับตาโดยไม่สนเหี้ยอะไรสักอย่างอยู่อย่างนั้น ทิ้งให้คิวนั่งงงๆอยู่ข้างก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นเพื่อนผม
*****
บรรยากาศที่แสนเย็นสบายในตอนเช้าช่างวิเศษส่วนผมก็ยังได้แต่นอนกลิ้งไปมาบนสนามหญ้า จนเสียงๆ หนึ่งทำให้ผมตื่นจากนิทรา
“ไทค์ ตื่นได้แล้ว”
“อื้ม... ถึงเวลาแล้วเหรอวะ ขอบใจนะคิวที่ปลุก” ผมลุกนั่งพร้อมกับขยี้ตา จนดวงตาของผมลืมตาตื่นขึ้นแบบเต็มที่ และตอนนี้นั้นเองก็ทำให้ผมตกใจกับเหตุการณ์ที่เจอ
“เห้ย!!!! ปุ้น”
น้ำเสียงของผมตะโกนออกมาด้วยความตกใจเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าของผม มันไม่ใช่คิวแต่เป็นปุ้น ว่าแต่มาตอนไหนวะ หรือว่าคิวแปลงร่างเป็นปุ้น อะไรวะเนี๊ยะ กูงง
“มาได้ไงวะ” ผมยังคงยิงคำถามที่ยังค้างคาอยู่ไปยังชายตัวสูง(สูงกว่าผมนิดหนึ่ง ไม่กี่เซ็น) ที่ยืนอยู่ต่อหน้าผม
“เดินมาดิ จะให้ผมนั่งเรือมาเหรอ” แหม่!!! ไอ้นี่ดูทำเข้า จู่ก็มากวนตีนกูเลยนะ เดี๋ยวเหอะ!! เดี๋ยวปัดเหนี่ยว
“เออ กูผิดเองที่ถาม ว่าแต่ไอ้คิวไปไหนแล้ววะ”
“อ๋อ มาสเซอร์เรียกอะ มันเลยกลับไปก่อน ผมผ่านมามันเลยฝากผมมาเรียกนี่แหละ” เออ!! ช่างแม่งเหอะ แต่ก็ยังดีที่อุตส่าห์เรียก”งั้นผมไปก่อนนะ”
“เออ ขอบใจว่ะ” ว่าแล้วปุ้นเดินจากผมไป ส่วนตัวผมเองก็ขึ้นต้องขึ้นเรียนเพราะคาบว่างที่แสนสงบได้หมดลงไปแล้ว
*****
“บิงโก!!! เห้ยแม่งชนะแล้วเว้ย”
เสียงแรกที่ผมได้ยิน ในตอนที่ผมก้าวถึงห้องเรียนก็คือเสียงไอ้นนท์เพื่อนรักของผมพูดคำว่า “บิงโก” ซะลั่นห้องเลย นั่นเองก็ทำให้ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้จึงเดินเข้าไปดู แต่ว่าแล้ว ไอ้พวกนี้แม่ง จะมีสาระอะไรได้ไปวันๆ ตอนนี้กำลังสุมหัวเล่นบิงโกกันอยู่นี่เอง เออ!!! สาระไม่มีจริงๆด้วย
“เออ ไทค์ กูลืมถามมึงวะ เรื่องเมื่อวาน”
เมื่อวาน!! เมื่อวานไรวะ เสียงของเจเคที่พูดกับผมถึงเรื่องเมื่อวานทำให้ผมนึกถึงภาพนั้นขึ้นมาอีก เว้ยยยยย!!!! ทั้งที่เมื่อกี๊เกือบลืมได้แล้วเชียว
“เรื่อง เรื่องอะไรวะ”
“ก็เมื่อวานมึงหายไปไหนมาวะ แม่งไม่ไปส่งกู” เออนั่นดิ ทำไมผมไม่ไปส่งมันกันนะ
“อ๋อ! เอ่อ กู....กูติดติดธุระว่ะ โทดทีนะ” นั่นดิ ติดธุระไอ้นี่ฟังเข้าท่าแฮะ
“แล้ววันนี้มึงจะไปอยู่ป่าววะ” เจเคจ้องมาทางผมอย่างไม่กระพริบ อย่าจ้องมากกูป่วง
“ไม่รู้ดิ ดูก่อนเหอะ เผื่อมีธุระอีก” ผมพูดพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งประจำ
“เออ ยังไงก็บอกกูด้วย กูจะได้ไม่ต้องรอ”
“เออ” จะให้กูพูดไงละ ก็ดันไปเจอเรื่องแบบนั้นมากับเจ้าของบ้านจะให้กูแบกหน้าไปเหรอวะ เฮ้อ เวรกรรม แต่ก็ช่างเหอะผมไม่แคร์สื่ออยู่แล้ว ช่างแม่ง!!
*****
บรรยากาศตอนบ่ายกับการเรียนช่างเป็นวันที่แสนสงบบวกกับเนื้อหาในหนังสือ และมิสแอนนา ที่กำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่หน้าไวท์บอร์ด จดจ้องมาทางพวกผมมาเป็นระยะๆ ช่างดูเป็นวันที่แสนสบายอีกวันหนึ่ง เพราะต่อให้จะพยายามเอื้อมหูฟังซักที่มิสเท่าไหร่ เหอะๆๆ ก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี เอาตามตรงไอ้ที่มานั่งเรียนบ่ายวันนี้ ผมไม่ได้อะไรเลย ได้แต่ความมึนงงกลับไป จนในที่สุด สวรรค์!!!!
กริ๊งงงงงงงงงงง!!
เสียงกริ่งสัญญาณการเลิกเรียนได้ดังขึ้นมา โอ้ว สวรรค์ของผมที่ฟ้าประทานมาให้ ใช่!! เอาตามตรงเวลานี้แหละมักจะเป็นเวลาที่ผมและใครหลายคนรอคอย (เวลาแห่งการเลิกเรียน) นั่งอุดอู้อยู่ในห้องเรียนที่แสนจะตึงเครียดมันก็ต้องอยากปลดปล่อยเป็นธรรมดา
หลังจากที่เสียงกริ่งดังลั่น พวกผมก็ได้วิ่งลงมาจากห้องอย่างไว ไวโคตร เพราะมองอีกทีเพื่อนผมแต่ละคนกลับไปอยู่หน้ารั้วโรงเรียนซะละ เออ เร็วสัสๆ จะว่าไปรีบกลับไปตายหรือกลัวบ้านวิ่งหนีกันแน่นะ เพราะเลิกเรียนทีไรไม่เห็นเพื่อนในห้องผมอยู่เหลือเลย นอกจากไอ้เจเค ไอ้นนท์ ไอ้ฟีค ไอ้มาฟีย ไอ้เก่ง และไอ้อ้น เออ!!! ก็เหลือเท่านี้จริงๆ เพราะที่เหลือนี้ต้องรับผิดชอบชมรมนะสิครับ ผม ไอ้ฟีค และไอ้อ้นเป็นตัวนักกีฬาโรงเรียน แถมผมยังเป็นประธานชมรมอีก เลยต้องไปดูชมรมตัวเองซ้อมมั่ง (เดี๋ยวหาว่าอู้ 555) ส่วนเจเค ไอ้นนท์ มาเฟียและเก่ง เป็นสมาชิกชมรมดนตรี เป็นเด็กวงโยด้วย แถมเจเคยังเป็นประธานชมรมอีก แหม่จะว่าไปห้องผมมันความสามารถเยอะ แต่ละคนเลยได้ตำแหน่งสุดยอดกันไปทั้งนั้น
ผมพาเพื่อนรักอีกสองชีวิตเดินไปโรงยิม ซึ่งนักกีฬาคนอื่นๆมาซ้อมกันก่อนแล้ว (โดยปกติโรงยิมจะมีสนามวอลเล่ย์อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ส่วนสนามบาสจะอยู่ทางขวามือ) ซึ่งก็พบว่านักกีฬาวอลเลย์บอลกำลังซ้อมกันอย่างตั้งใจ และนักกีฬาบาสลูกทีมผมเองก็ตั้งใจซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น จนทุกคนเห็นผมเดินมาเท่านั้นแหละ หึหึๆ
“เห้ยๆๆๆ เดี๋ยวๆ ดูนั่นดิ ท่านประธานชมรมที่ทรงเกียรติเข้ามาดูเราซ้อมด้วยว๊อยยยย”
เสียงของไอ้ทาม เพื่อนร่วมห้องของผมที่มาถึงก่อนแซวผมเพราะวันคืนดีผมไม่มีทางที่จะเข้าชมรมหรอกครับ ถ้าไม่ถึงคราวใกล้แข่งหรืองานใหญ่ๆจริงๆ จะว่าไปแล้วเมื่อเสียงของไอ้ทามหยุดลง คนทั้งโรงยิมก็ดันโห่ผมใหญ่เลยพร้อมเสียงแซวสารพัด (เห้ย!!! หิมะจะตกป่าววะ กูว่าวันนี้ฝนตกชัวร์ หรือจะเกิดสงครามวะ กูว่าตึกเรียนต้องล่มแน่ๆ แมวที่บ้านท้อง!!! พ่องงงง)
“ทำไมวะ กูจะมานี่ไม่ได้เลยรึไง กูเป็นประธานชมรมนะเว้ย ก็ต้องมาดูชมรมมั่งดิวะ” ผมบ่นพร้อมมองไปรอบๆห้อง “รีบๆซ้อมกันได้ละ อู้กันอยู่ได้ ใกล้แข่งแล้วนะเว้ย ทั้งบาสทั้งวอลเล่ย์เลย” ด้วยประโยคที่ผมพ่นออกมาประโยคเดียวทำให้ทุกคนหันกลับไปซ้อมอย่างเร็วจี๋ ไอ้ทามที่แซวผมเมื่อกี๊กลับหน้าเสียและไปซ้อมทีมวอลเล่ย์มันต่อ (หึหึ ให้มันรู้ซะมั่งใครเป็นใคร)
“แหม่ มึงนี่สุดยอดเลยวะ ถึงจะเห็นมึงโดนทำโทษหน้าห้องเรียนบ่อยๆ โดนมาสเซอร์บ่นหน้ารั้วโรงเรียนบ่อยๆ หรืออาจหลับในห้อง ไม่ยอมทำงานส่ง งี่เง่า แอบไปนอนเล่นที่สนามบาสบ่อยๆ แต่แม่งก็มีแต่คนกลัวมึงวะ สุดยอดเลยท่านประธาน” เออ สุดยอด เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนี่มึงกำลังชมหรือด่ากูวะเนี๊ยะ เชี่ยฟีค
“เออ ก็มีมั่งแหละ ว่าแต่มึงเหอะ ไปเปลี่ยนชุดแล้วมาซ้อมได้แล้ว”
“คร๊าบ ท่านประธานจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ไปกันเถอะว่ะอ้น เดี๋ยวอยู่นานท่านประธานจะด่าเอา” แหม่ๆ ดูไอ้เชี่ยนี่ยอกย้อนผมดิ รีบไปเลย ไปเลยมึง
เวลาผ่านไปพวกผมก็ซ้อมกันจนได้เวลาเลิก จึงให้ทุกคนเข้าไปพักผ่อนกันเพราะว่าเดี๋ยวหักโหมเกินไป วันแข่งจะแย่เอา แต่ก็เหลืออีกตั้งเดือนหนึ่ง แต่ช่างเหอะ ผมเดินไปเปลี่ยนชุดด้วยความล้า นิดๆเพราะว่าต้องเป็นคนที่คอยดูแลทีมทั้งบาสและวอลเลย์ควบคู่ไปพร้อมๆกัน เพราะโค้ชไม่อยู่ นั่นแหละปัญหา ประธานชมรมอย่างผมเลยต้องรับผิดชอบ เฮ้อ....อยากถอนหายใจเป็นภาษาอิตาลี่
ผมเดินออกมาจากโรงยิมและมุ่งหน้าไปยังสนามฟุตบอลต่อ เพื่อเช็คว่าฟุตบอลเลิกซ้อมรึยัง(เป็นประธานก็ทำให้มันสมกับหน้าที่หน่อย) แต่ผมดันไปเจอกันคนที่ผมคุ้นเคยเข้า
“อ่าวไทค์ ยังไม่กลับอีกเหรอ” ปุ้น!! ปุ้นเริ่มทักทายผมด้วยการถามผมว่ายังไม่กลับบ้านอีกเหรอ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจเรื่องเมื่อวานเท่าไหร่หรือลืมไปแล้ววะ แต่ก็ดีผมจะไม่ต้องคิดมาก
“อื้ม พึ่งซ้อมเสร็จ กำลังจะไปดูทางทีมฟุตบอลอะ เดี๋ยวก็คงกลับ”
“อื้ม จิงดิ ผมได้ยินมาว่าไทค์เป็นประธานชมรมกีฬาใช่ป่าว เก่งนะอยู่ม.5 เองก็ได้เป็นประธานชมรมละ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก” ผมพูดอย่างถ่อมตัวและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประเด็นเรื่องเมื่อวานออกมาพูด “เห้ยปุ้น เรื่องเมื่อวานขอโทษนะเว้ย” ปุ้นทำสีหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนที่ปากของปุ้นจะขยับออกมาเป็นประโยคคำถาม
“ขอโทษเรื่องไรล่ะ?”
“ก็เรื่องที่สนามบาสอะ”
“................”ตอนนี้ปุ้นได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงนุ่มๆ นั้นจะดังขึ้นมาอีกครั้ง “อ๋อ ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมากหรอก ผมไม่เป็นไร”
“แล้ว....ไม่เจ็บตรงไหนใช่ป่าววะ” ถามด้วยความเป็นห่วง รึปล่าววะ?
“อื้ม ขอบใจนะที่เป็นห่วงผม” ปุ้นพูดพร้อมกับยิ้มให้กับผม ราวกับว่าไม่คิดอะไรกับเรื่องเมื่อวานจริงๆ
“เออ ดีละ นึกว่าขาหักจนเดินไม่ได้ไปแล้วนะนั่น”
“โห๋เวอร์ละ ผมแข็งแรงจะตาย เออแล้ววันนี้จะไปบ้านผมกับเจเครึปล่าว”
“นั่นดิ ไปดีรึปล่าววะ?” 555 ผมพูดพลางหัวเราะ ก่อนที่จะตัดสินใจ ตอบตกลงไป
เวลาทุ่มเศษๆ ผมว่าเวลานี้ชักจะผ่านไปเร็วเหอะ แต่ตอนนี้ผมก็ได้ขยับก้นเข้ามานั่งบนโซฟาบ้านของเพื่อนปุ้นของผมแล้ว ซึ่งถึงแม้จะออกมาช้าเพราะทีมฟุตบอลอยู่ซ้อมนานก็เหอะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี วันนี้น้องข้าวฟ่างกับเจเคก็ยังมุดครัวทำอาหารกันอยู่เหมือนเดิม เอ่อ ช่างเหอะผมมาเพื่อรอกินนี่นา (ห๋าอะไรนะ อ๋อ มาชิม 5555 ดันบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาซะได้ แต่ก็ช่างแหะกินฟรีเอาอะไรมาก)
ภายในห้องที่เงียบสงัดยังทำให้ผมสงสัยอยู่ว่า คนในบ้านหลังนี้หายไปไหนกันหมด เพราตอนนี้มีเพียงผมและปุ้นที่ยังคงนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่ผมมักจะได้เข้ามานั่งทุกครั้งเมื่อมาบ้านมัน และอาจจะเป็นเพราะความเงียบเลยทำให้ผมสงสัยเสมอๆ ก่อนที่ปุ้นจะเริ่มพูดเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป
“เออ ไทค์ พรุ่งนี้ว่างรึป่าว? ผมกะชวนไปช่วยเลือกของขวัญวันเกิดให้เปียโนหน่อย”
“เออ ว่าง จริงสิ!! ขอร้องละนะเลิกพูดผมซักทีเหอะ มันดูไม่ชินยังไงไม่รู้ว่ะ นะ” หลังผมพูดจบมันดันหัวเราะ 555 ออกมาซะงั้น ว่าแต่ที่พูดออกไป มีรัยน่าขำวะ
“ได้ดิ ให้พูดแบบไหนล่ะ” เออนั่นดิ แล้วแบบไหนดีวะ
“งั้นเอา แบบที่คิดว่าสนิทที่สุดละกัน เมื่อก่อนมึงก็คุยกับกูแบบสนิทกว่านี้นี่”
“อืม......... ได้” ปุ้นครุ่นคิดก่อนที่จะตอบผมกลับมา “เออ 5555” อ่าว!!! หัวเราะซะงั้น อะไรของมันวะ “ จะทำตัวเหมือนเพื่อนสนิทละกันนะ” หลงจบประโยคนั้นของปุ้น ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะพูดกลับไปเหมือนคนคุ้นเคย “โอนะ”
“เออ เพื่อน”
“เออ เพื่อน”
เสียงของปุ้นที่ตอบกลับมาเหมือนผม ตอนนี้ทำให้รู้แล้วว่า ข้าวปุ้นเพื่อนของผมคนเดิมที่เคยสนิทกัน กลับมาอีกครั้งแล้ว
#####################
เช้าวันที่แสนสงบอีกวันที่ผมนั่งคิดวกวนเรื่องราวที่ผ่านมาหลังจากเปิดเทอม (ไม่รู้ว่าจะสงบจริงรึปล่าว) เรื่องราวสองสามวันที่ผ่านมานี้เกิดอะไรขึ้นบ้างกันนะ
ผมทอดกายลงบนสนามบาสซึ่งปกติผมจะมานอนแผ่อยู่ตรงนี้บ่อยๆ จะว่าไปเมื่อวานนี้เองก็พึ่งมานอนนี่หว่า แต่!!! ความคิดของผมกลับหยุดอยู่แค่ตรงนี้ เมื่อผมพึ่งนึกถึงเหตุการณ์ ไม่คาดฝัน (ใช่เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน) ที่มันเกิดขึ้นบริเวณที่ผมนอนอยู่นี้ในเมื่อวาน ผมได้แต่ครุ่นคิดและนึกถึงเหตุการณ์นั้น ก่อนจะลุกขึ้นมาสะบัดหัวพร้อมเอามือสองข้างตบไปที่แก้มเบาๆ
“นี่กูคิดอะไรอยู่วะเนี๊ยะ”
เออมันก็จริงผมเป็นอะไรไปวะ วันนี้เริ่มรู้สึกเบลอๆแปลกๆ หรือจะเป็นไข้ ตอนนี้ผมเริ่มไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่มันรู้สึกเหมือนไม่สบายใจแบบแปลกๆ แปลกโคตร แต่ช่างเหอะ เดี๋ยวมันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมได้แต่คิดกับตัวเองแบบนั้น และอีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันที่แสนสงบอีกวันหนึ่งด้วย แถมยังเป็นคาบว่างอีกต่างหาก ทำให้ผมพอมีเวลากลิ้งตัวลงนอนได้แบบสบายอารมณ์ (ถ้าไม่เอาเรื่องเมื่อวานมาเอี่ยวในสมอง) จนเสียงๆหนึ่งมาทักผม ทำลายความสงบของผมไปเลย จะว่าไปเวลาแบบนี้ทีไรต้องมีคนทักมาทุกทีเลยสิน่า
“ไทค์ ไหง๋มานอนตรงนี้ล่ะ”
เสียงของคนที่ทำลายความสงบของผมได้เปล่งออกมาพร้อมหย่อนตัวนั่งลงข้างๆตัวผม
“ไม่มีเรียนเหรอ??”
“คาบว่างอะ แล้วไม่มีเรียนรึงัย?”
“ว่างเหมือนกัน” เสียงของคิวได้ตอบกลับผมมา แต่เอาตามตรงนะ ตาผมเริ่มคล้อยลงเต็มทีละ เหมือนคนใกล้ตายเข้าเต็มประดา บทสนทนาของผมในตอนนี้จึงเป็นคำพูดคุยกันทั้งที่ผมยังหลับตา
“อื้ม รู้สึกปีนี้จะคาบว่างเยอะแฮะ”
“นั่นดิ แต่ก็ดีเหมือนกันนะ พักผ่อน... ดีกว่าปีแล้วอีกว่ามะ”
“เออ ก็ดี...........นี่คิวขออะไรมึงอย่างดิวะ”
“ขออะไร” มาถึงตรงนี้คิวเริ่มทำหน้าสงสัย พร้อมมองมาที่ผม ถึงผมจะหลับตาแต่ผมสัมผัสได้ 555 รู้สึกตัวเองเป็นเจน ญาณทิพย์ยังไงอย่างงั้นเลย พอละเดี๋ยวนอกเรื่องมากไปจะไม่ดี
“ได้รึปล่าวล่ะ” และคำถามของผมนั่นเองทำให้คิวถึงกับกลืนน้ำลายออกมา
“เออ ได้ดิ” แหม่!!! ทำเสียงสั่นซะ!!!
“กริ่งเปลี่ยนคาบเรียนออกช่วยปลุกกูทีนะ กูนอนก่อนละ” ว่าแล้วผมก็หลับตาโดยไม่สนเหี้ยอะไรสักอย่างอยู่อย่างนั้น ทิ้งให้คิวนั่งงงๆอยู่ข้างก่อนจะล้มตัวลงนอนเป็นเพื่อนผม
*****
บรรยากาศที่แสนเย็นสบายในตอนเช้าช่างวิเศษส่วนผมก็ยังได้แต่นอนกลิ้งไปมาบนสนามหญ้า จนเสียงๆ หนึ่งทำให้ผมตื่นจากนิทรา
“ไทค์ ตื่นได้แล้ว”
“อื้ม... ถึงเวลาแล้วเหรอวะ ขอบใจนะคิวที่ปลุก” ผมลุกนั่งพร้อมกับขยี้ตา จนดวงตาของผมลืมตาตื่นขึ้นแบบเต็มที่ และตอนนี้นั้นเองก็ทำให้ผมตกใจกับเหตุการณ์ที่เจอ
“เห้ย!!!! ปุ้น”
น้ำเสียงของผมตะโกนออกมาด้วยความตกใจเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าของผม มันไม่ใช่คิวแต่เป็นปุ้น ว่าแต่มาตอนไหนวะ หรือว่าคิวแปลงร่างเป็นปุ้น อะไรวะเนี๊ยะ กูงง
“มาได้ไงวะ” ผมยังคงยิงคำถามที่ยังค้างคาอยู่ไปยังชายตัวสูง(สูงกว่าผมนิดหนึ่ง ไม่กี่เซ็น) ที่ยืนอยู่ต่อหน้าผม
“เดินมาดิ จะให้ผมนั่งเรือมาเหรอ” แหม่!!! ไอ้นี่ดูทำเข้า จู่ก็มากวนตีนกูเลยนะ เดี๋ยวเหอะ!! เดี๋ยวปัดเหนี่ยว
“เออ กูผิดเองที่ถาม ว่าแต่ไอ้คิวไปไหนแล้ววะ”
“อ๋อ มาสเซอร์เรียกอะ มันเลยกลับไปก่อน ผมผ่านมามันเลยฝากผมมาเรียกนี่แหละ” เออ!! ช่างแม่งเหอะ แต่ก็ยังดีที่อุตส่าห์เรียก”งั้นผมไปก่อนนะ”
“เออ ขอบใจว่ะ” ว่าแล้วปุ้นเดินจากผมไป ส่วนตัวผมเองก็ขึ้นต้องขึ้นเรียนเพราะคาบว่างที่แสนสงบได้หมดลงไปแล้ว
*****
“บิงโก!!! เห้ยแม่งชนะแล้วเว้ย”
เสียงแรกที่ผมได้ยิน ในตอนที่ผมก้าวถึงห้องเรียนก็คือเสียงไอ้นนท์เพื่อนรักของผมพูดคำว่า “บิงโก” ซะลั่นห้องเลย นั่นเองก็ทำให้ผมอดที่จะสงสัยไม่ได้จึงเดินเข้าไปดู แต่ว่าแล้ว ไอ้พวกนี้แม่ง จะมีสาระอะไรได้ไปวันๆ ตอนนี้กำลังสุมหัวเล่นบิงโกกันอยู่นี่เอง เออ!!! สาระไม่มีจริงๆด้วย
“เออ ไทค์ กูลืมถามมึงวะ เรื่องเมื่อวาน”
เมื่อวาน!! เมื่อวานไรวะ เสียงของเจเคที่พูดกับผมถึงเรื่องเมื่อวานทำให้ผมนึกถึงภาพนั้นขึ้นมาอีก เว้ยยยยย!!!! ทั้งที่เมื่อกี๊เกือบลืมได้แล้วเชียว
“เรื่อง เรื่องอะไรวะ”
“ก็เมื่อวานมึงหายไปไหนมาวะ แม่งไม่ไปส่งกู” เออนั่นดิ ทำไมผมไม่ไปส่งมันกันนะ
“อ๋อ! เอ่อ กู....กูติดติดธุระว่ะ โทดทีนะ” นั่นดิ ติดธุระไอ้นี่ฟังเข้าท่าแฮะ
“แล้ววันนี้มึงจะไปอยู่ป่าววะ” เจเคจ้องมาทางผมอย่างไม่กระพริบ อย่าจ้องมากกูป่วง
“ไม่รู้ดิ ดูก่อนเหอะ เผื่อมีธุระอีก” ผมพูดพร้อมกับนั่งลงบนเก้าอี้ตัวที่ผมนั่งประจำ
“เออ ยังไงก็บอกกูด้วย กูจะได้ไม่ต้องรอ”
“เออ” จะให้กูพูดไงละ ก็ดันไปเจอเรื่องแบบนั้นมากับเจ้าของบ้านจะให้กูแบกหน้าไปเหรอวะ เฮ้อ เวรกรรม แต่ก็ช่างเหอะผมไม่แคร์สื่ออยู่แล้ว ช่างแม่ง!!
*****
บรรยากาศตอนบ่ายกับการเรียนช่างเป็นวันที่แสนสงบบวกกับเนื้อหาในหนังสือ และมิสแอนนา ที่กำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่หน้าไวท์บอร์ด จดจ้องมาทางพวกผมมาเป็นระยะๆ ช่างดูเป็นวันที่แสนสบายอีกวันหนึ่ง เพราะต่อให้จะพยายามเอื้อมหูฟังซักที่มิสเท่าไหร่ เหอะๆๆ ก็ฟังไม่รู้เรื่องอยู่ดี เอาตามตรงไอ้ที่มานั่งเรียนบ่ายวันนี้ ผมไม่ได้อะไรเลย ได้แต่ความมึนงงกลับไป จนในที่สุด สวรรค์!!!!
กริ๊งงงงงงงงงงง!!
เสียงกริ่งสัญญาณการเลิกเรียนได้ดังขึ้นมา โอ้ว สวรรค์ของผมที่ฟ้าประทานมาให้ ใช่!! เอาตามตรงเวลานี้แหละมักจะเป็นเวลาที่ผมและใครหลายคนรอคอย (เวลาแห่งการเลิกเรียน) นั่งอุดอู้อยู่ในห้องเรียนที่แสนจะตึงเครียดมันก็ต้องอยากปลดปล่อยเป็นธรรมดา
หลังจากที่เสียงกริ่งดังลั่น พวกผมก็ได้วิ่งลงมาจากห้องอย่างไว ไวโคตร เพราะมองอีกทีเพื่อนผมแต่ละคนกลับไปอยู่หน้ารั้วโรงเรียนซะละ เออ เร็วสัสๆ จะว่าไปรีบกลับไปตายหรือกลัวบ้านวิ่งหนีกันแน่นะ เพราะเลิกเรียนทีไรไม่เห็นเพื่อนในห้องผมอยู่เหลือเลย นอกจากไอ้เจเค ไอ้นนท์ ไอ้ฟีค ไอ้มาฟีย ไอ้เก่ง และไอ้อ้น เออ!!! ก็เหลือเท่านี้จริงๆ เพราะที่เหลือนี้ต้องรับผิดชอบชมรมนะสิครับ ผม ไอ้ฟีค และไอ้อ้นเป็นตัวนักกีฬาโรงเรียน แถมผมยังเป็นประธานชมรมอีก เลยต้องไปดูชมรมตัวเองซ้อมมั่ง (เดี๋ยวหาว่าอู้ 555) ส่วนเจเค ไอ้นนท์ มาเฟียและเก่ง เป็นสมาชิกชมรมดนตรี เป็นเด็กวงโยด้วย แถมเจเคยังเป็นประธานชมรมอีก แหม่จะว่าไปห้องผมมันความสามารถเยอะ แต่ละคนเลยได้ตำแหน่งสุดยอดกันไปทั้งนั้น
ผมพาเพื่อนรักอีกสองชีวิตเดินไปโรงยิม ซึ่งนักกีฬาคนอื่นๆมาซ้อมกันก่อนแล้ว (โดยปกติโรงยิมจะมีสนามวอลเล่ย์อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ส่วนสนามบาสจะอยู่ทางขวามือ) ซึ่งก็พบว่านักกีฬาวอลเลย์บอลกำลังซ้อมกันอย่างตั้งใจ และนักกีฬาบาสลูกทีมผมเองก็ตั้งใจซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น จนทุกคนเห็นผมเดินมาเท่านั้นแหละ หึหึๆ
“เห้ยๆๆๆ เดี๋ยวๆ ดูนั่นดิ ท่านประธานชมรมที่ทรงเกียรติเข้ามาดูเราซ้อมด้วยว๊อยยยย”
เสียงของไอ้ทาม เพื่อนร่วมห้องของผมที่มาถึงก่อนแซวผมเพราะวันคืนดีผมไม่มีทางที่จะเข้าชมรมหรอกครับ ถ้าไม่ถึงคราวใกล้แข่งหรืองานใหญ่ๆจริงๆ จะว่าไปแล้วเมื่อเสียงของไอ้ทามหยุดลง คนทั้งโรงยิมก็ดันโห่ผมใหญ่เลยพร้อมเสียงแซวสารพัด (เห้ย!!! หิมะจะตกป่าววะ กูว่าวันนี้ฝนตกชัวร์ หรือจะเกิดสงครามวะ กูว่าตึกเรียนต้องล่มแน่ๆ แมวที่บ้านท้อง!!! พ่องงงง)
“ทำไมวะ กูจะมานี่ไม่ได้เลยรึไง กูเป็นประธานชมรมนะเว้ย ก็ต้องมาดูชมรมมั่งดิวะ” ผมบ่นพร้อมมองไปรอบๆห้อง “รีบๆซ้อมกันได้ละ อู้กันอยู่ได้ ใกล้แข่งแล้วนะเว้ย ทั้งบาสทั้งวอลเล่ย์เลย” ด้วยประโยคที่ผมพ่นออกมาประโยคเดียวทำให้ทุกคนหันกลับไปซ้อมอย่างเร็วจี๋ ไอ้ทามที่แซวผมเมื่อกี๊กลับหน้าเสียและไปซ้อมทีมวอลเล่ย์มันต่อ (หึหึ ให้มันรู้ซะมั่งใครเป็นใคร)
“แหม่ มึงนี่สุดยอดเลยวะ ถึงจะเห็นมึงโดนทำโทษหน้าห้องเรียนบ่อยๆ โดนมาสเซอร์บ่นหน้ารั้วโรงเรียนบ่อยๆ หรืออาจหลับในห้อง ไม่ยอมทำงานส่ง งี่เง่า แอบไปนอนเล่นที่สนามบาสบ่อยๆ แต่แม่งก็มีแต่คนกลัวมึงวะ สุดยอดเลยท่านประธาน” เออ สุดยอด เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนี่มึงกำลังชมหรือด่ากูวะเนี๊ยะ เชี่ยฟีค
“เออ ก็มีมั่งแหละ ว่าแต่มึงเหอะ ไปเปลี่ยนชุดแล้วมาซ้อมได้แล้ว”
“คร๊าบ ท่านประธานจะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ ไปกันเถอะว่ะอ้น เดี๋ยวอยู่นานท่านประธานจะด่าเอา” แหม่ๆ ดูไอ้เชี่ยนี่ยอกย้อนผมดิ รีบไปเลย ไปเลยมึง
เวลาผ่านไปพวกผมก็ซ้อมกันจนได้เวลาเลิก จึงให้ทุกคนเข้าไปพักผ่อนกันเพราะว่าเดี๋ยวหักโหมเกินไป วันแข่งจะแย่เอา แต่ก็เหลืออีกตั้งเดือนหนึ่ง แต่ช่างเหอะ ผมเดินไปเปลี่ยนชุดด้วยความล้า นิดๆเพราะว่าต้องเป็นคนที่คอยดูแลทีมทั้งบาสและวอลเลย์ควบคู่ไปพร้อมๆกัน เพราะโค้ชไม่อยู่ นั่นแหละปัญหา ประธานชมรมอย่างผมเลยต้องรับผิดชอบ เฮ้อ....อยากถอนหายใจเป็นภาษาอิตาลี่
ผมเดินออกมาจากโรงยิมและมุ่งหน้าไปยังสนามฟุตบอลต่อ เพื่อเช็คว่าฟุตบอลเลิกซ้อมรึยัง(เป็นประธานก็ทำให้มันสมกับหน้าที่หน่อย) แต่ผมดันไปเจอกันคนที่ผมคุ้นเคยเข้า
“อ่าวไทค์ ยังไม่กลับอีกเหรอ” ปุ้น!! ปุ้นเริ่มทักทายผมด้วยการถามผมว่ายังไม่กลับบ้านอีกเหรอ และดูเหมือนว่าเจ้าตัวจะไม่ใส่ใจเรื่องเมื่อวานเท่าไหร่หรือลืมไปแล้ววะ แต่ก็ดีผมจะไม่ต้องคิดมาก
“อื้ม พึ่งซ้อมเสร็จ กำลังจะไปดูทางทีมฟุตบอลอะ เดี๋ยวก็คงกลับ”
“อื้ม จิงดิ ผมได้ยินมาว่าไทค์เป็นประธานชมรมกีฬาใช่ป่าว เก่งนะอยู่ม.5 เองก็ได้เป็นประธานชมรมละ”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก” ผมพูดอย่างถ่อมตัวและเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจเปิดประเด็นเรื่องเมื่อวานออกมาพูด “เห้ยปุ้น เรื่องเมื่อวานขอโทษนะเว้ย” ปุ้นทำสีหน้าตกใจนิดหน่อย ก่อนที่ปากของปุ้นจะขยับออกมาเป็นประโยคคำถาม
“ขอโทษเรื่องไรล่ะ?”
“ก็เรื่องที่สนามบาสอะ”
“................”ตอนนี้ปุ้นได้เงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่เสียงนุ่มๆ นั้นจะดังขึ้นมาอีกครั้ง “อ๋อ ไม่เป็นไรไม่ต้องคิดมากหรอก ผมไม่เป็นไร”
“แล้ว....ไม่เจ็บตรงไหนใช่ป่าววะ” ถามด้วยความเป็นห่วง รึปล่าววะ?
“อื้ม ขอบใจนะที่เป็นห่วงผม” ปุ้นพูดพร้อมกับยิ้มให้กับผม ราวกับว่าไม่คิดอะไรกับเรื่องเมื่อวานจริงๆ
“เออ ดีละ นึกว่าขาหักจนเดินไม่ได้ไปแล้วนะนั่น”
“โห๋เวอร์ละ ผมแข็งแรงจะตาย เออแล้ววันนี้จะไปบ้านผมกับเจเครึปล่าว”
“นั่นดิ ไปดีรึปล่าววะ?” 555 ผมพูดพลางหัวเราะ ก่อนที่จะตัดสินใจ ตอบตกลงไป
เวลาทุ่มเศษๆ ผมว่าเวลานี้ชักจะผ่านไปเร็วเหอะ แต่ตอนนี้ผมก็ได้ขยับก้นเข้ามานั่งบนโซฟาบ้านของเพื่อนปุ้นของผมแล้ว ซึ่งถึงแม้จะออกมาช้าเพราะทีมฟุตบอลอยู่ซ้อมนานก็เหอะ แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี วันนี้น้องข้าวฟ่างกับเจเคก็ยังมุดครัวทำอาหารกันอยู่เหมือนเดิม เอ่อ ช่างเหอะผมมาเพื่อรอกินนี่นา (ห๋าอะไรนะ อ๋อ มาชิม 5555 ดันบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมาซะได้ แต่ก็ช่างแหะกินฟรีเอาอะไรมาก)
ภายในห้องที่เงียบสงัดยังทำให้ผมสงสัยอยู่ว่า คนในบ้านหลังนี้หายไปไหนกันหมด เพราตอนนี้มีเพียงผมและปุ้นที่ยังคงนั่งบนโซฟาตัวเดิมที่ผมมักจะได้เข้ามานั่งทุกครั้งเมื่อมาบ้านมัน และอาจจะเป็นเพราะความเงียบเลยทำให้ผมสงสัยเสมอๆ ก่อนที่ปุ้นจะเริ่มพูดเพื่อไม่ให้บรรยากาศเงียบจนเกินไป
“เออ ไทค์ พรุ่งนี้ว่างรึป่าว? ผมกะชวนไปช่วยเลือกของขวัญวันเกิดให้เปียโนหน่อย”
“เออ ว่าง จริงสิ!! ขอร้องละนะเลิกพูดผมซักทีเหอะ มันดูไม่ชินยังไงไม่รู้ว่ะ นะ” หลังผมพูดจบมันดันหัวเราะ 555 ออกมาซะงั้น ว่าแต่ที่พูดออกไป มีรัยน่าขำวะ
“ได้ดิ ให้พูดแบบไหนล่ะ” เออนั่นดิ แล้วแบบไหนดีวะ
“งั้นเอา แบบที่คิดว่าสนิทที่สุดละกัน เมื่อก่อนมึงก็คุยกับกูแบบสนิทกว่านี้นี่”
“อืม......... ได้” ปุ้นครุ่นคิดก่อนที่จะตอบผมกลับมา “เออ 5555” อ่าว!!! หัวเราะซะงั้น อะไรของมันวะ “ จะทำตัวเหมือนเพื่อนสนิทละกันนะ” หลงจบประโยคนั้นของปุ้น ทำให้ผมเผลอยิ้มออกมา ก่อนจะพูดกลับไปเหมือนคนคุ้นเคย “โอนะ”
“เออ เพื่อน”
“เออ เพื่อน”
เสียงของปุ้นที่ตอบกลับมาเหมือนผม ตอนนี้ทำให้รู้แล้วว่า ข้าวปุ้นเพื่อนของผมคนเดิมที่เคยสนิทกัน กลับมาอีกครั้งแล้ว
#####################
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ