MEMORIES ความทรงจำ Chapter 1 {Confusion}
8.3
เขียนโดย Remembrances
วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.28 น.
11 ตอน
4 วิจารณ์
13.70K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 30 กันยายน พ.ศ. 2557 21.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) MEMORIES [4]: Coincidence
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความMEMORIES [4]: Coincidence
ใบหน้าของข้าวฟ่างที่มองมาทางผมสองคนแบบเขินอายนิดๆ พร้อมกับเจเคที่ได้แต่นิ่งเงียบไป ทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้
“ทำอะไรอยู่เหรอ”
นี่เป็นคำพูดของปุ้นเมื่อตะกี๊ ทำให้ผมต้องเหลียวไปดูเจ้าของน้ำเสียงที่โผล่มาข้างหลังของผมด้วยความตกใจ ก่อนจะบอกกับปุ้นออกไป
“ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรนี่หว่า”
“จริงดิ” ปุ้นเหลียวหน้ามายิ้มให้ผมก่อนที่ข้าวฟ่างจะมองมาทางผมสองคนและพูดด้วยท่าทางเขินอาย
“พี่ข้าวปุ้นพี่ไทค์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เสียงของข้าวฟ่างที่พูดพร้อมหันมาทางพวกผมทำให้ผมและปุ้นได้แต่ยิ้มตอบ แต่รู้สึกว่าปุ้นจะยังไม่เห็นภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แหละนะ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าพี่ชายที่แสนดีอย่างข้าวปุ้นเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้จะว่ายังไง แต่ก็นะผมก็คิดๆไปงั้นแหละ ขณะที่ผมนิ่งเงียบและยืนยิ้มอยู่นั้นปุ้นก็ได้พูดตอบกลับน้องสาวที่แสนน่ารักอย่างอ่อนโยน
“พี่พึ่งมาถึงเมื่อกี๊นี่เองครับ ว่าแต่วันนี้จะทำอะไรเหรอ หรือว่ายังจะทำขนมกันอยู่ เห็นแต่ครีมเต็มหน้าเต็มตาเลย”
“มาทำเค้กนะค่ะ ทำเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่ข้าวปุ้นกับพี่ไทค์ช่วยชิมหน่อยนะคะ” ข้าวฟ่างพูดพร้อมยกถาดเค้กขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มชักหวั่นๆแล้วสิ เพราะเมื่อวานก็ทำผมท้องเสียจนเกือบต้องหยุดเรียนละ
“ครับ เดี๋ยวพี่จะไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะ เดี๋ยวล้างหน้าล้างตาและตามไปนะครับ” เออ นั่นพี่ชายที่แสนดี คิดจะให้ผมรับประทานอาหารที่เกือบพรากชีวิตของผมอีกแล้วเหรอ ตอนนี้ผมคิดได้แค่ว่ารสชาติคงจะไม่เหมือนเมื่อวานนะ ว่าแล้วปุ้นก็ชวนผมไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อรอสองคนนั้น ตามมา
บรรยากาศในห้องตอนนี้ช่างสงบและเงียบสงัด ยังดึงความสงสัยของผมเมื่อตะกี๊อยู่ ว่าคนในบ้านหายไปไหนหมด ผมหันหน้าไปมา จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของปุ้นที่กำลังมองมาทางผม
“เป็นอะไรรึปล่าว”
“ป่าว ไม่ได้เป็นไร ว่าแต่น้องมึงเหอะ คงไม่ทำขนมออกมารสชาติเค็มๆเหมือนเมื่อวานมาให้กินอีกนะ”
“ไม่รู้ดิ ต้องรอดูเอาเอง” ปุ้นพูดพร้อมส่งยิ้มมาทางผม เอาตามตรงผมเริ่มหมั่นไส้มันขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยละ
และแล้วช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง ข้าวฟ่างได้ยกขนมเค้กมาให้พวกผมลองชิมกัน ตอนนี้ผมและปุ้นมองหน้ากันไปมาก่อนที่จะหยิบขึ้นมาเข้าปากแบบฝืนใจ แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมคิดก็ผิดไป ตอนแรกผมนึกว่ารสชาติมันจะเป็นเหมือนกับเมื่อวานแต่มันตรงกันข้าม รสชาติเค้กที่เข้ามาในปากมันกลับนุ่มและหวานหอม เอาตามตรงแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเลย
“อร่อยมาก นี่ข้าวฟ่างทำเองเหรอคับ สุดยอดเลย” ผมบอกรสชาติของเค้กพร้อมส่งยิ้มไปให้ข้าวฟ่าง ทำให้เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับหันหน้าไปมองเจเคที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ และเจเคเองก็ได้ส่งยิ้มกลับคืนมา จะว่าไปสองคนนี้ก็เหมาะกันดีเหมือนกัน ทะเล้นๆน่ารักดี
ผลการตัดสินอาหารออกมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลากลับแล้ว ผมกับเจเคได้โบกมือลาสองพี่น้องดังเดิม และเดินกลับพร้อมกันเหมือนทุกที ซึ่งตอนนี้ผมก็เห็นสีหน้าเจเคสดชื่นกว่าเก่า ปกติมันจะเป็นคนที่ร่าเริงมาก แต่คงเป็นเพราะคนที่เขารักจากเขาไป เขาเลยกลายเป็นคนเงียบขรึมไปเลย อย่างที่บอกชีวิตของคนเราไม่มีอะไรที่แน่นอน และเมื่อมาถึงหน้าบ้านผม ผมก็ได้โบกมือลาเจเคและเข้าไปในบ้านในที่สุด ผมไม่รู้ว่าในใจของเจเคคิดอะไรอยู่ แต่ว่าถ้าเป็นผมคงเศร้าใจไม่แพ้มันถ้าเกิดคนที่ผมรักแบบสุดหัวใจกลับทิ้งผมไป ผมนอนคิดเรื่องนี้จนเผลอหลับในที่สุด และแล้วผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องของผม ทำให้ผมสะดุ้งเสียงนาฬิกาจนตื่นขึ้นมา เสียงตกใจของผมเมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งตระง่าน บอกเวลาที่แสนจะเลวร้ายสำหรับผมมาก “เห้ย 7:30 ซวยละไง สายอีกแล้ว” แต่เอ๊ะ!!!! เดจาวู เหมือนมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไปแล้วนี่หว่า แต่ก็ช่างเหอะ ผมรีบอาบน้ำแต่ตัวและรีบไปโรงเรียนอย่างเร็วเฉียดแค่ปลายจมูกเท่านั้น ในที่สุดผมก็มาทันจนได้ เกือบไปแล้ว ผมเดินไปยังห้องเรียนและเดินไปยังโต๊ะตัวเดิมที่ผมนั่งเรียนเป็นประจำ ซึ่งผมก็เห็น เจเคนั่งเหมือนเดิม ตกลงชีวิตของมึงจะมีแต่เศร้าอย่างเดียวรึไงวะ จนเสียงเห่าหอนของไอ้นนท์ดังขึ้น
“หวัดดีเว้ยคุณชายไทค์ ได้ข่าวว่าเมื่อวานไปนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าเทพธิดาเหรอวะ เสน่ห์แรงนะมึง” แหม่ๆๆ จะว่าไปไอ้นี่ก็ปากหมาแต่เช้าเลยนะ
“เห้ย จริงดิตอนไหนวะ ยังไง” โห๋ไอ้เชี่ยฟิค ไอ้นี่ก็อีกตัวละ
“ก็เมื่อวาน ไอ้ไทค์แม่งไปทานข้าวกับ สาวๆฝั่งนู้นไง แถมยังไปกันเป็น 10 คนอีกต่างหาก” ไอ้เก่งเพื่อนผมอีกคนเอ่ยปากบอกมา จะว่าไปไอ้พวกนี้แม่ง
“เออๆ พวกมึงพอเลย กูแค่ไปฉลองวันเกิดเพื่อนเท่านั้น ไม่มีรัยมากเว้ย” ผมปฏิเสธไอ้พวกนี้ด้วยความรำคาญ
“เหรอๆๆ เพื่อนหรือแฟนกันแน่วะ” ดูพวกมันยังแซวไม่เลิก
“เพื่อนดิวะ ไอ้ปุ้นก็ไปไปถามมันดูดิ”
“ไอ้ปุ้น รองประธานนะเหรอ จะว่าไปพวกมึงไปสนิทกันตอนไหนวะ ถึงไปด้วยกันได้” ไอ้นนท์ยิงคำถามใมาหาผมอีกละ
“ก็มันไปกับแฟนมันและบังเอิญเจอมันก็เท่านั้นเอง” ผมพยายามหาเหตุผลมาบอกมัน
“เหรอ แต่กูได้ยินว่าพักหลังนี้มึงไปบ้านมันบ่อยๆนี่หว่า” รู้สึกว่าแม่งจะคอยจับผิดอยู่นั่น
“นี่มึงจะอะไรกันนักกันหนาวะ ถามอยู่นั่น” พึ่งไปวันเดียวเองบ่อยบ้านใครวะ
“เออ ไม่ถามก็ได้ ถามแค่นี้ทำเป็นดุ” เหอะ ถ้ามันเป็นผมและให้ผมลองถามคำถามเซ้าซี้มันไปบ้างมันก็เป็นเหมือนผมนี่แหละ หลังจากประโยคสุดท้ายที่ไอ้นนท์มันพูดจบอาจารย์ก็ได้เข้าห้องเรียนพอดี จึงทำให้ผมไม่ต้องทนฟังมันถามอีก
กริ๊งงงงงง!!!
และแล้วเสียงสัญญาณแห่งการเลิกเรียนดังขึ้นและนี่ก็เป็นอีกวันที่ผมคิดว่าสงบสุขที่สุด ผมเอนตัวลงนอนเล่นข้างสนามบาส หลังจากพักเที่ยง เหม่อมองเมฆสีขาวครามล่องลอยไปบนฟ้า แต่ความสุขที่มีมาได้ไม่นานก็จบลงไป ตุ๊บ!!! เสียงลูกบาสเก็ตบอลลอยมาลงกลางอกผมอย่างจัง
โอ้ยยยยยย!!! เชี่ยเอ๊ย อะไรวะ
เสียงผมเผลออุทานมาซะดังลั่นเลยดีนะ ที่คนแถวนั้นไม่ค่อยมี ถ้าไม่งั้นกลายเป็นตัวเด่นแบบพระเอกหนังไปละ
“เห้ย เป็นรัยหรือปล่าว” เสียงของชายคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกลดูเหมือนว่าจะมาดูผลงานที่เขาพึ่งกระทำเมื่อกี๊ “อ้าว ไทค์เองเหรอ” น้ำเสียงแบบนี้ ช่างเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยซะจริง แต่ก็นะเดาไม่ผิดจริงๆเมื่อผมมองเหลือบไปดู ก็ปรากฏว่า ใช่ บิงโก ถูกเผงเลย ข้าวปุ้นรองประธานนักเรียนที่ดูโดดเด่นไปซะทุดอย่าง
“ไทค์เองเหรอ เชี่ยอะไร ชู๊ตมาได้ เจ็บนะเว้ย” ผมบ่นโวยท่านรองประธานนักเรียนคนเก่งที่ทำผมจุกไปถึงทรวงในจากการที่ทำให้ลูกบาสลอยมาทางผม
“อ่าวก็ไทค์มานอนที่นี่ทำไมล่ะ” จะว่าไปมันก็เถียงผมซะ เออ กูผิดเองกูนอนตรงนั้น พอใจยังวะแต่มึงทำกูเจ็บนะเว้ย รับผิดชอบมาซะ
“นอนก็ไม่ได้ ....เออ ช่างเหอะ ว่าแต่มึงเหอะมาเล่นบาสอยู่คนเดียวเหรอ เพื่อนมีไหนหมดละวะ”
“อ๋อ พอดีแบล็กกับทันกำลังเคลียงานสภานักเรียนอยู่ ส่วนแม็กกับเอ็มเพื่อนผมเขาทำธุระให้อาจารย์นะ”
“ก็เลยมาเล่นคนเดียวว่างั้น” จะว่าไปคนอย่างท่านรองประธานนักเรียนคนดัง ทั้งหล่อ เก่ง ความสามารถเพียบพร้อม แค่กระดิกนิ้ว สาวๆก็ยอมเป็นทาสละ แต่ไหง๋กลับมาเล่นบาสคนเดียวงี้วะ
“อื้ม” เสียงของปุ้นตอบผมมาพร้อมกับผงกหัวเล็กน้อย
“งั้น......” ผมพูดลากเสียงยาวพร้อมกับแย่งลูกบาสที่อยู่บนมือปุ้นมา “งั้น เดี๋ยวเล่นเป็นเพื่อนเอง”
“เห้ย” ปุ้นตกใจ เมื่อลูกบาสถูกแย่งไปอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะพูดพร้อมแสดงท่าทางท้าทายผม “เล่นทีเผลอหนิ ได้........” ว่าแล้วปุ้นก็เข้ามาแย่งบาสจากผม และแน่นอนนักกีฬาอย่างผมจะแพ้ได้ไงแพ้ก็เสียฟอร์มแย่เลยดิ
เวลาที่ผ่านไปในช่วงนี้ถือว่าเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้ผมมีความสุข ได้เล่นในสิ่งที่อยากเล่น เหมือนว่าปลดปล่อยตัวเองออกสู่ท้องฟ้ายังไงอย่างงั้นเลย ผมสองคนได้เล่นกันอยู่ที่สนามบาส และ ณ เวลานี้เอง ก็มีเพียงแค่ผมสองคนอยู่เท่านั้น ผมเหลือบมองหน้าของปุ้นและดูเหมือนว่าเขาเองจะสนุกเหมือนกันกับผม ผมสลับเท้าสองข้างไปยังพื้นสนามพร้อมกลับแย่งบอลที่ตอนนี้ไปอยู่ที่ปุ้น แต่เหตุการณ์ที่ผมเคยเจอ มันก็ดันบังเอิญเกิดขึ้นตรงนี้อีกครั้ง ผมสะดุดขาของปุ้นล้มลงไป และเช่นเดียวกัน ตัวของเจ้าของเองก็ถูกขาของผมขัดจนเสียความทรงตัวจนล้มลงไป
คลุบๆๆๆๆ
ท่ามกลางสนามบาสที่มีสายลมพัดผ่านในตอนนี้มันช่างเย็นแบบแปลกๆ ซึ่งตอนนี้ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ในตาที่หลับสนิทของผมค่อยๆลืมขึ้นมา ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันรับรู้แค่สัมผัสอุ่นๆบนริมฝีปากเพียงเท่านั้น แต่แล้วการที่ผมลืมตาขึ้นมันก็ทำให้ผมได้รู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตอนนี้ริมฝีปากของผมกับปุ้นแนบชิดกัน ทำให้ผมได้ยินเสียงลมหายใจของปุ้นที่ส่งผ่านออกมายังใบหน้าของผม
เห้ย!!!!
ผมรีบผลักตัวออกจากปุ้นอย่างเร็ว และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมได้แต่นิ่งเงียบโดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“ปุ้น กูไปเข้าเรียนก่อนนะเว้ย”
คำพูดของคำแรกที่ผมเปล่งออกมาจากปากที่หน้าเสียไปชั่วขณะ
ปุ้นตอบกลับผมโดยที่ไม่มองหน้าผมแม่แต่น้อยได้แต่นั่งก้มหน้าและหันหลังให้ผม ซึ่งตัวผมเองก็ไม่กล้าแม้แต่ที่จะมอง ทำได้เพียงเดินจากไปเพียงเท่านั้น
“อื้ม โชคดี”
#####################
ใบหน้าของข้าวฟ่างที่มองมาทางผมสองคนแบบเขินอายนิดๆ พร้อมกับเจเคที่ได้แต่นิ่งเงียบไป ทำให้ผมอดที่จะยิ้มไม่ได้
“ทำอะไรอยู่เหรอ”
นี่เป็นคำพูดของปุ้นเมื่อตะกี๊ ทำให้ผมต้องเหลียวไปดูเจ้าของน้ำเสียงที่โผล่มาข้างหลังของผมด้วยความตกใจ ก่อนจะบอกกับปุ้นออกไป
“ทำอะไร ไม่ได้ทำอะไรนี่หว่า”
“จริงดิ” ปุ้นเหลียวหน้ามายิ้มให้ผมก่อนที่ข้าวฟ่างจะมองมาทางผมสองคนและพูดด้วยท่าทางเขินอาย
“พี่ข้าวปุ้นพี่ไทค์ มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เสียงของข้าวฟ่างที่พูดพร้อมหันมาทางพวกผมทำให้ผมและปุ้นได้แต่ยิ้มตอบ แต่รู้สึกว่าปุ้นจะยังไม่เห็นภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้แหละนะ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า ถ้าพี่ชายที่แสนดีอย่างข้าวปุ้นเห็นภาพเหตุการณ์แบบนี้จะว่ายังไง แต่ก็นะผมก็คิดๆไปงั้นแหละ ขณะที่ผมนิ่งเงียบและยืนยิ้มอยู่นั้นปุ้นก็ได้พูดตอบกลับน้องสาวที่แสนน่ารักอย่างอ่อนโยน
“พี่พึ่งมาถึงเมื่อกี๊นี่เองครับ ว่าแต่วันนี้จะทำอะไรเหรอ หรือว่ายังจะทำขนมกันอยู่ เห็นแต่ครีมเต็มหน้าเต็มตาเลย”
“มาทำเค้กนะค่ะ ทำเสร็จแล้ว เดี๋ยวพี่ข้าวปุ้นกับพี่ไทค์ช่วยชิมหน่อยนะคะ” ข้าวฟ่างพูดพร้อมยกถาดเค้กขึ้นมา แต่ว่าตอนนี้ผมเริ่มชักหวั่นๆแล้วสิ เพราะเมื่อวานก็ทำผมท้องเสียจนเกือบต้องหยุดเรียนละ
“ครับ เดี๋ยวพี่จะไปรอที่ห้องนั่งเล่นนะ เดี๋ยวล้างหน้าล้างตาและตามไปนะครับ” เออ นั่นพี่ชายที่แสนดี คิดจะให้ผมรับประทานอาหารที่เกือบพรากชีวิตของผมอีกแล้วเหรอ ตอนนี้ผมคิดได้แค่ว่ารสชาติคงจะไม่เหมือนเมื่อวานนะ ว่าแล้วปุ้นก็ชวนผมไปยังห้องนั่งเล่นเพื่อรอสองคนนั้น ตามมา
บรรยากาศในห้องตอนนี้ช่างสงบและเงียบสงัด ยังดึงความสงสัยของผมเมื่อตะกี๊อยู่ ว่าคนในบ้านหายไปไหนหมด ผมหันหน้าไปมา จนมาหยุดอยู่ตรงหน้าของปุ้นที่กำลังมองมาทางผม
“เป็นอะไรรึปล่าว”
“ป่าว ไม่ได้เป็นไร ว่าแต่น้องมึงเหอะ คงไม่ทำขนมออกมารสชาติเค็มๆเหมือนเมื่อวานมาให้กินอีกนะ”
“ไม่รู้ดิ ต้องรอดูเอาเอง” ปุ้นพูดพร้อมส่งยิ้มมาทางผม เอาตามตรงผมเริ่มหมั่นไส้มันขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยละ
และแล้วช่วงเวลาที่รอคอยก็มาถึง ข้าวฟ่างได้ยกขนมเค้กมาให้พวกผมลองชิมกัน ตอนนี้ผมและปุ้นมองหน้ากันไปมาก่อนที่จะหยิบขึ้นมาเข้าปากแบบฝืนใจ แต่สุดท้ายสิ่งที่ผมคิดก็ผิดไป ตอนแรกผมนึกว่ารสชาติมันจะเป็นเหมือนกับเมื่อวานแต่มันตรงกันข้าม รสชาติเค้กที่เข้ามาในปากมันกลับนุ่มและหวานหอม เอาตามตรงแตกต่างจากเมื่อวานอย่างสิ้นเชิงเลย
“อร่อยมาก นี่ข้าวฟ่างทำเองเหรอคับ สุดยอดเลย” ผมบอกรสชาติของเค้กพร้อมส่งยิ้มไปให้ข้าวฟ่าง ทำให้เธอยิ้มออกมาด้วยความดีใจพร้อมกับหันหน้าไปมองเจเคที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ และเจเคเองก็ได้ส่งยิ้มกลับคืนมา จะว่าไปสองคนนี้ก็เหมาะกันดีเหมือนกัน ทะเล้นๆน่ารักดี
ผลการตัดสินอาหารออกมาแล้ว ตอนนี้ก็ถึงเวลากลับแล้ว ผมกับเจเคได้โบกมือลาสองพี่น้องดังเดิม และเดินกลับพร้อมกันเหมือนทุกที ซึ่งตอนนี้ผมก็เห็นสีหน้าเจเคสดชื่นกว่าเก่า ปกติมันจะเป็นคนที่ร่าเริงมาก แต่คงเป็นเพราะคนที่เขารักจากเขาไป เขาเลยกลายเป็นคนเงียบขรึมไปเลย อย่างที่บอกชีวิตของคนเราไม่มีอะไรที่แน่นอน และเมื่อมาถึงหน้าบ้านผม ผมก็ได้โบกมือลาเจเคและเข้าไปในบ้านในที่สุด ผมไม่รู้ว่าในใจของเจเคคิดอะไรอยู่ แต่ว่าถ้าเป็นผมคงเศร้าใจไม่แพ้มันถ้าเกิดคนที่ผมรักแบบสุดหัวใจกลับทิ้งผมไป ผมนอนคิดเรื่องนี้จนเผลอหลับในที่สุด และแล้วผมก็ต้องตกใจอีกครั้ง
กริ๊งงงงงงงงงงงงงงง
เสียงนาฬิกาปลุกดังลั่นห้องของผม ทำให้ผมสะดุ้งเสียงนาฬิกาจนตื่นขึ้นมา เสียงตกใจของผมเมื่อเหลือบไปมองนาฬิกาที่ตั้งตระง่าน บอกเวลาที่แสนจะเลวร้ายสำหรับผมมาก “เห้ย 7:30 ซวยละไง สายอีกแล้ว” แต่เอ๊ะ!!!! เดจาวู เหมือนมันเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไปแล้วนี่หว่า แต่ก็ช่างเหอะ ผมรีบอาบน้ำแต่ตัวและรีบไปโรงเรียนอย่างเร็วเฉียดแค่ปลายจมูกเท่านั้น ในที่สุดผมก็มาทันจนได้ เกือบไปแล้ว ผมเดินไปยังห้องเรียนและเดินไปยังโต๊ะตัวเดิมที่ผมนั่งเรียนเป็นประจำ ซึ่งผมก็เห็น เจเคนั่งเหมือนเดิม ตกลงชีวิตของมึงจะมีแต่เศร้าอย่างเดียวรึไงวะ จนเสียงเห่าหอนของไอ้นนท์ดังขึ้น
“หวัดดีเว้ยคุณชายไทค์ ได้ข่าวว่าเมื่อวานไปนั่งอยู่ท่ามกลางเหล่าเทพธิดาเหรอวะ เสน่ห์แรงนะมึง” แหม่ๆๆ จะว่าไปไอ้นี่ก็ปากหมาแต่เช้าเลยนะ
“เห้ย จริงดิตอนไหนวะ ยังไง” โห๋ไอ้เชี่ยฟิค ไอ้นี่ก็อีกตัวละ
“ก็เมื่อวาน ไอ้ไทค์แม่งไปทานข้าวกับ สาวๆฝั่งนู้นไง แถมยังไปกันเป็น 10 คนอีกต่างหาก” ไอ้เก่งเพื่อนผมอีกคนเอ่ยปากบอกมา จะว่าไปไอ้พวกนี้แม่ง
“เออๆ พวกมึงพอเลย กูแค่ไปฉลองวันเกิดเพื่อนเท่านั้น ไม่มีรัยมากเว้ย” ผมปฏิเสธไอ้พวกนี้ด้วยความรำคาญ
“เหรอๆๆ เพื่อนหรือแฟนกันแน่วะ” ดูพวกมันยังแซวไม่เลิก
“เพื่อนดิวะ ไอ้ปุ้นก็ไปไปถามมันดูดิ”
“ไอ้ปุ้น รองประธานนะเหรอ จะว่าไปพวกมึงไปสนิทกันตอนไหนวะ ถึงไปด้วยกันได้” ไอ้นนท์ยิงคำถามใมาหาผมอีกละ
“ก็มันไปกับแฟนมันและบังเอิญเจอมันก็เท่านั้นเอง” ผมพยายามหาเหตุผลมาบอกมัน
“เหรอ แต่กูได้ยินว่าพักหลังนี้มึงไปบ้านมันบ่อยๆนี่หว่า” รู้สึกว่าแม่งจะคอยจับผิดอยู่นั่น
“นี่มึงจะอะไรกันนักกันหนาวะ ถามอยู่นั่น” พึ่งไปวันเดียวเองบ่อยบ้านใครวะ
“เออ ไม่ถามก็ได้ ถามแค่นี้ทำเป็นดุ” เหอะ ถ้ามันเป็นผมและให้ผมลองถามคำถามเซ้าซี้มันไปบ้างมันก็เป็นเหมือนผมนี่แหละ หลังจากประโยคสุดท้ายที่ไอ้นนท์มันพูดจบอาจารย์ก็ได้เข้าห้องเรียนพอดี จึงทำให้ผมไม่ต้องทนฟังมันถามอีก
กริ๊งงงงงง!!!
และแล้วเสียงสัญญาณแห่งการเลิกเรียนดังขึ้นและนี่ก็เป็นอีกวันที่ผมคิดว่าสงบสุขที่สุด ผมเอนตัวลงนอนเล่นข้างสนามบาส หลังจากพักเที่ยง เหม่อมองเมฆสีขาวครามล่องลอยไปบนฟ้า แต่ความสุขที่มีมาได้ไม่นานก็จบลงไป ตุ๊บ!!! เสียงลูกบาสเก็ตบอลลอยมาลงกลางอกผมอย่างจัง
โอ้ยยยยยย!!! เชี่ยเอ๊ย อะไรวะ
เสียงผมเผลออุทานมาซะดังลั่นเลยดีนะ ที่คนแถวนั้นไม่ค่อยมี ถ้าไม่งั้นกลายเป็นตัวเด่นแบบพระเอกหนังไปละ
“เห้ย เป็นรัยหรือปล่าว” เสียงของชายคนหนึ่งวิ่งมาแต่ไกลดูเหมือนว่าจะมาดูผลงานที่เขาพึ่งกระทำเมื่อกี๊ “อ้าว ไทค์เองเหรอ” น้ำเสียงแบบนี้ ช่างเป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยซะจริง แต่ก็นะเดาไม่ผิดจริงๆเมื่อผมมองเหลือบไปดู ก็ปรากฏว่า ใช่ บิงโก ถูกเผงเลย ข้าวปุ้นรองประธานนักเรียนที่ดูโดดเด่นไปซะทุดอย่าง
“ไทค์เองเหรอ เชี่ยอะไร ชู๊ตมาได้ เจ็บนะเว้ย” ผมบ่นโวยท่านรองประธานนักเรียนคนเก่งที่ทำผมจุกไปถึงทรวงในจากการที่ทำให้ลูกบาสลอยมาทางผม
“อ่าวก็ไทค์มานอนที่นี่ทำไมล่ะ” จะว่าไปมันก็เถียงผมซะ เออ กูผิดเองกูนอนตรงนั้น พอใจยังวะแต่มึงทำกูเจ็บนะเว้ย รับผิดชอบมาซะ
“นอนก็ไม่ได้ ....เออ ช่างเหอะ ว่าแต่มึงเหอะมาเล่นบาสอยู่คนเดียวเหรอ เพื่อนมีไหนหมดละวะ”
“อ๋อ พอดีแบล็กกับทันกำลังเคลียงานสภานักเรียนอยู่ ส่วนแม็กกับเอ็มเพื่อนผมเขาทำธุระให้อาจารย์นะ”
“ก็เลยมาเล่นคนเดียวว่างั้น” จะว่าไปคนอย่างท่านรองประธานนักเรียนคนดัง ทั้งหล่อ เก่ง ความสามารถเพียบพร้อม แค่กระดิกนิ้ว สาวๆก็ยอมเป็นทาสละ แต่ไหง๋กลับมาเล่นบาสคนเดียวงี้วะ
“อื้ม” เสียงของปุ้นตอบผมมาพร้อมกับผงกหัวเล็กน้อย
“งั้น......” ผมพูดลากเสียงยาวพร้อมกับแย่งลูกบาสที่อยู่บนมือปุ้นมา “งั้น เดี๋ยวเล่นเป็นเพื่อนเอง”
“เห้ย” ปุ้นตกใจ เมื่อลูกบาสถูกแย่งไปอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว ก่อนจะพูดพร้อมแสดงท่าทางท้าทายผม “เล่นทีเผลอหนิ ได้........” ว่าแล้วปุ้นก็เข้ามาแย่งบาสจากผม และแน่นอนนักกีฬาอย่างผมจะแพ้ได้ไงแพ้ก็เสียฟอร์มแย่เลยดิ
เวลาที่ผ่านไปในช่วงนี้ถือว่าเป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้ผมมีความสุข ได้เล่นในสิ่งที่อยากเล่น เหมือนว่าปลดปล่อยตัวเองออกสู่ท้องฟ้ายังไงอย่างงั้นเลย ผมสองคนได้เล่นกันอยู่ที่สนามบาส และ ณ เวลานี้เอง ก็มีเพียงแค่ผมสองคนอยู่เท่านั้น ผมเหลือบมองหน้าของปุ้นและดูเหมือนว่าเขาเองจะสนุกเหมือนกันกับผม ผมสลับเท้าสองข้างไปยังพื้นสนามพร้อมกลับแย่งบอลที่ตอนนี้ไปอยู่ที่ปุ้น แต่เหตุการณ์ที่ผมเคยเจอ มันก็ดันบังเอิญเกิดขึ้นตรงนี้อีกครั้ง ผมสะดุดขาของปุ้นล้มลงไป และเช่นเดียวกัน ตัวของเจ้าของเองก็ถูกขาของผมขัดจนเสียความทรงตัวจนล้มลงไป
คลุบๆๆๆๆ
ท่ามกลางสนามบาสที่มีสายลมพัดผ่านในตอนนี้มันช่างเย็นแบบแปลกๆ ซึ่งตอนนี้ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ในตาที่หลับสนิทของผมค่อยๆลืมขึ้นมา ตอนนี้ความรู้สึกของผมมันรับรู้แค่สัมผัสอุ่นๆบนริมฝีปากเพียงเท่านั้น แต่แล้วการที่ผมลืมตาขึ้นมันก็ทำให้ผมได้รู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ตอนนี้ริมฝีปากของผมกับปุ้นแนบชิดกัน ทำให้ผมได้ยินเสียงลมหายใจของปุ้นที่ส่งผ่านออกมายังใบหน้าของผม
เห้ย!!!!
ผมรีบผลักตัวออกจากปุ้นอย่างเร็ว และจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมได้แต่นิ่งเงียบโดยที่ไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว
“ปุ้น กูไปเข้าเรียนก่อนนะเว้ย”
คำพูดของคำแรกที่ผมเปล่งออกมาจากปากที่หน้าเสียไปชั่วขณะ
ปุ้นตอบกลับผมโดยที่ไม่มองหน้าผมแม่แต่น้อยได้แต่นั่งก้มหน้าและหันหลังให้ผม ซึ่งตัวผมเองก็ไม่กล้าแม้แต่ที่จะมอง ทำได้เพียงเดินจากไปเพียงเท่านั้น
“อื้ม โชคดี”
#####################
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ