▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI)

9.6

เขียนโดย AMINOKOONG

วันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.25 น.

  20 ตอนที่
  10 วิจารณ์
  34.99K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2557 21.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) ▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼(YAOI) : ตอนที่9

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
▲เจ้าชู้นัก...เดี๋ยวจัดให้▼
 
ตอนที่9 : ยินดีต้อนรับสู่นรก! 
 
 
 
 
 
หลังจากโทรไปวานให้ ผู้ช่วย ของผมจัดการเรื่องบางอย่างให้เรียบร้อยแล้วผมก็รีบกลับเข้าไปที่ห้องอาหารเพื่อไม่ให้ทุกคนสงสัย(?) แต่พอจะไปนั่งเก้าอี้ประจำที่ผมชอบนั่งเวลามาทานข้าวที่นี่ก็เจอกับเอมฤดี ที่นั่งทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ๋อข้างๆพี่ภูมิอยู่ก่อนแล้วแต่มีเหรอว่าคนอย่างเป้ ปรมิณทร์ จะยอมแพ้“เอ่อ...ขอ โทษนะเอม รบกวนช่วยลุกไปนั่งตรงนู้นได้มั๊ย พอดีว่าที่ตรงนี้มันเป็นที่ของเรา สงสัยเธอคงไม่รู้น่ะสินะว่าเวลาเรามาที่นี่ก็จะนั่งตรงนี้ประจำ” ผมบอกเอมฤดีพร้อมทั้งตีหน้าเศร้า
“นั่น สิ ภพก็บอกไปแล้วนะ แต่สงสัยคุณเอมเค้าคงลืมแคะขี้หูเมื่อเช้าหรือไม่คงแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน” น้องภพพูดขึ้นมาพร้อมเบ้ปากใส่เอมฤดีจนเจ้าหล่อนต้องย้ายบั้นท้ายของตนไป นั่งอีกฝั่งด้วยท่าทางฟึดฟัดถึงแม้จะไม่พอใจนักก็ตาม
“เอา ล่ะ เป้มาก็ดีแล้วลูกเรามาทานกันเถอะ นี่ป้าทำของโปรดของหนูเป้กับหนูป็อบไว้รอเลยนะเนี่ย” ป้านงค์พูดขึ้นทำลายบรรยากาศความอึดอัดที่เกิดขึ้นบนโต๊ะกินข้าว ซึ่งตอนนี้มีทั้งเสียงพูดคุย หัวเราะกันโดนไม่มีใครซักคนสนใจ คนนอก อย่างเอมฤดีถึงแม้ว่าหล่อนจะพยายามหาทางแทรกบทสนทนาหรือพยายามตักโน่นตักนี่ ให้พี่ภูมิแต่พี่ภูมิก็ทำได้แค่ขอบคุณแล้วหันมาสนใจผมกับน้องถามสารทุกข์สุก ดิบกันตามประสาคนคุ้นเคย ฮ่าๆๆๆๆแอบสะใจเบาๆ
 
“ว้า! แย่จัง มืดแล้วเหรอเนี่ย เอ่อ...พี่ภูมิค่ะรบกวนไปส่งเอมหน่อยได้มั๊ยค่ะ บังเอิญว่าเอมสายตาไม่ค่อยดี ถ้าขับรถตอนกลางคืนเกรงว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้น่ะคะ” หลังมื้อเย็นระหว่างที่พวกเราทุกคนนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขก โดยไม่มีใครสนใจ(ใยดี)เอมฤดีแม้แต่น้อย หล่อนเลยถามพี่ภูมิที่นั่งข้างผมเสียงดัง จนทุกคนเบนสายตาไปมองที่เธอ
 
“เอ่อ...คือ”พี่ภูมิคงไม่รู้จะตอบยังไง
 
“มา เองก็กลับเองได้สิครับ รู้จักรึเปล่าคำว่าเกรงใจน่ะ มากินข้าวบ้านคนอื่นทั้งๆที่ไม่มีใครเชิญ แล้วยังจะมาทำตัวเป็นภาระให้คนอื่นไปส่งอีกเหรอครับเนี่ย เฮ้อ! แย่จริงๆ” น้องแสร้งทำเป็นบ่นเบาๆ แต่ได้ยินกันทุกคนจนเอมฤดีหน้าเจื่อน
 
“ถ้ามันลำบากมากนัก เอมไม่รบกวนก็ได้นะค่ะ”เอมฤดีแสร้งตีหน้าเศร้าเพื่อหวังจะเรียกร้องความสนใจจากพี่ภูมิ แต่หารู้ไม่ว่า
 
“ครับ เอ่อ.....ถ้าคุณขับรถไม่ได้ เดี๋ยวผมให้แม่บ้านเรียกแท็กซี่ให้ก็ได้นะครับ”พี่ภูมิตอบออกไป
 
“ไม่เป็น...........” เอมฤดียังตอบไม่จบประโยคดีนั้นก็มีโทรศัพท์แผดเสียงร้องออกมาจนหล่อนต้องรีบกดรับ
 
“ฮัลโหล  มีอะไร” เอมฤดีก็รับโทรศัพท์ขึ้นอย่างหัวเสีย
 
(..................................)
 
“อะไรนะ คุณแม่ลื่นตกบันได นี่แกดูแลแม่ชั้นยังไงเนี่ยห๊า?  เออ.....เดี๋ยวชั้นรีบไป แค่นี้นะ” พอหล่อนวางสายก็รีบบอกลาคุณลุงกับคุณป้าพร้อมขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ที่ทำ เสียงดังแบบเสียมารยาท หล่อนคงลืมตัวก็สันดารจริงๆของหล่อนนี่นะต่อให้แอ๊บยังไงก็ไม่มิดหรอก แล้วเจ้าหล่อนก็วิ่งแจ้นออกไปทันที ส่วนผมน่ะเหรอก็ได้แค่นั่งยกยิ้มเบาๆมองภาพหล่อนวิ่งออกไป ขอให้สนุกกับการขับรถนะจ๊ะ เอมฤดี
 
“พี่ ว่านี่มันก็มืดแล้ว ตัวเล็กกับน้องป็อบค้างที่นี่เลยดีกว่า เดี๋ยวเสื้อผ้าพี่ให้แม่บ้านเอาไปซักไว้ให้ แล้วพรุ่งพี่จะไปส่งเราสองคนแต่เช้าเลย ดีมั๊ยครับ?” พี่ภูมิพูดขึ้นหลังจากทานข้าวเสร็จแล้วรอแม่บ้านเอาของหวานมาเสิร์ฟ
 
“ป้าว่าก็ดีเหมือนกันนะลูก ค้างที่นี่เถอะนานๆจะแวะมาหาให้ป้าได้หายคิดถึงซักที” ป้านงค์เสริมขึ้นมา
 
“เอ่อ....ก็ได้ครับ” ผมตอบหลังจากน้องพยักหน้าให้เป็นเชิงว่าค้างก็ได้
“งั้นคืนนี้ตัวเล็กค้างกับพี่ส่วนป็อบก็ไปนอนห้องเจ้าภพมันนะ” พี่ภูมิพูดหน้าระรื่น จัดการเองเสร็จสรรพ
 
“อะ แฮ่ม.....มันจะมากไปแล้วนะไอ้ภูมิ ให้มันน้อยๆหน่อยเหอะแกน่ะ” ลุงสมกระแอมเบาๆก่อนหันไปพูดแปลกๆกับพี่ภูมิ ผมได้แต่มองหน้าพี่ภูมิอย่างไม่เข้าใจว่าลุงสมหมายถึงอะไร
 
“แหะๆ..อะไรเล่าพ่อ ก็คนมันคิดถึงอ่ะ แค่อยากจะคุยกับน้องให้หายคิดถึงเท่านั้นเอง”
“จะ ทำอะไรก็รีบๆทำเข้าล่ะ มัวแต่ชักช้าโดนสอยก่อนไม่รู้ด้วยนะเว้ย” พี่ภาคกระซิบกับพี่ภูมิเบาๆ แต่ผมก็แอบได้ยินอะไรสอยๆ ซักอย่างเนี่ยแหละ อิๆๆ
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
 
ฝั่งเอมฤดีหลังจากรีบวิ่งออกมาจากบ้านก็รีบบึ่งรถไปที่โรงพยาบาลหลังจากได้รับโทรศัพท์จากแมวสาวใช้คนสนิทของสองแม่ลูก
 
“ ชั้นล่ะเบื่อจริงๆ พี่ภูมินะพี่ภูมิ โง่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ่อยขนาดนี้แล้วยังไม่สนใจชั้นมัวแต่ไปโอ๋ไอ้สองพี่น้อง โดยเฉาะไอ้เป้นั่น ชิส์! ชั้น ล่ะหมั่นไส้มันจริงๆเลย ฮึ่ยส์ ว่าแต่เอ๊ะทำไมรู้สึกเหนียวๆเหนอะนะ วันนี้ก็ไม่มีประจำเดือนนี่นา” ว่าพลางเหยีบคันเร่งสุดฤทธิ์จนมาถึงโรงพยาบาลตามที่แมวบอก
 
“เอ๊ะ!.......... อึ๊บ........โอ๊ย!....... อะไรเนี่ยทะ ....ทำไมชั้นลุกไม่ขึ้น”บ่นจบหล่อนก็ฮึดแรงสุดท้ายก่อนจะหลุดจากเบาะรถกำลัง จะก้มไปดูว่ากระโปรงของตนติดอะไรอยู่ แต่ก็มีสายเข้าจากแมวสาวรับใช้คนสนิทที่โทรมาบอกเลขห้องพักที่ขวัญฤดีผู้ เป็นแม่ของตนพักอยู่ จึงต้องรีบออกจากรถไป โดยไม่ทันสังเกตุว่าตอนนี้รถและบั้นท้ายของตัวเองเป็นเป้าสายตาของคนที่เดิน ผ่านไปผ่านมาขนาดไหน
 
ทำไมวันนี้คนทั้งโรง’บาล มองชั้นแปลกๆนะ อุ๊ย!หมอ คนนั้นโคตรหล่ออ่ะ อยากได้ๆๆๆๆๆ ดูสิ เค้ามองชั้นตาค้างด้วย ขนาดเดินมองเหลียวหลังเลยล่ะ นั่นก็อีก พวกพยาบาลก็มองแล้วซุบซิบๆ แล้วยิ้มๆ หัวเราะกระซิกๆนั่นอีก หึ คงอิจฉาชั้นล่ะสิที่สวยกว่าพวกหล่อนนะ
 
“คุณ แม่ค่ะ เป็นอะไรมากมั๊ยเนี่ย” ชั้นเดินเข้ามาในห้องพิเศษที่คุณแม่พักอยู่เห็นแต่ยัยแมวสาวใช้คนสนิทของแม่ ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่กี่วัน แต่ดูจะเข้าขากันกับคุณแม่มากจนคุณแม่ไว้ใจให้คอยเป็นหูเป็นตาดูแลคนในบ้าน ไม่ให้ผยองกับเราสองแม่ลูก
 
“แม่ไม่เป็นไรหรอกลูก แล้วเราล่ะไปเยี่ยมพี่ภูมิมาเป็นไงมั่ง” คุณถามกลับมาด้วยท่าทางอิดโรย
 
“จะ เป็นไงได้ล่ะค่ะ ก็กลายเป็นหมาหัวเน่า ไม่มีใครสนใจเอมเลยซักคน พี่ภูมิเอาแต่สนใจไอ้เป้กับไอ้ป็อบนั่น นี่ถึงขนาดไปรับจากมหาลัยมากินข้าวที่บ้านเลยนะค่ะ คิดแล้วเอมเจ็บใจจริงๆเลย”
 
“พี่ เค้าคงเอ็นดูมันสองคนพี่น้องเหมือนน้องเหมือนนุ่งนั่นแหละ ก็เค้าสนิทกันอย่างกับอะไรดี โดยเฉพาะไอ้เป้นั่นน่ะ เราอย่าเพิ่งท้อนะลูก มารยาที่แม่เคยสอนน่ะหัดเอามาใช้ซะบ้าง ยังไงเดี๋ยวพี่เค้าก็ใจอ่อนเองแหละ ตื้อเข้าไว้ ออดอ้อนเข้าไว้ เชื่อแม่สิ ไม่อย่างนั้นเราจะได้เข้ามาอยู่ในบ้างหลังใหญ่โตแบบนี้เหรอ”
 
“ว่า แต่...คุณลุงไปไหนล่ะค่ะ” พอมองไปรอบๆห้องก็เห็นแค่คุณแม่และยัยแมวที่นั่งโซฟาแต่กับไม่เจอคุณลุง ก็พ่อของไอ้สองพี่น้องนั่นแหละ เลยถามคุณแม่ออกไป
 
“คุณ ลุงเค้าติดประชุมน่ะลูก แต่เดี๋ยวคงมาแล้วล่ะ แม่ว่าเรากลับไปพักผ่อนเถอะลูก เดี๋ยวให้ยัยแมวมันเฝ้าแม่ก็ได้” คุณแม่ตอบก่อนจะหันไปกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวี
 
“ก็ ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวเอมกลับก่อนเลยแล้วกันนะค่ะ พรุ่งนี้หนูจะมาเยี่ยมใหม่ ยัยแมว แกดูแลแม่ชั้นดีๆนะ ถ้าแม่ชั้นเป็นอะไรไปอีก แกโดนดีแน่ นี่ชั้นยังไม่ได้ชำระความที่แกปล่อยให้แม่ชั้นต้องตกบันไดเลยนะ” ชั้นบอกลาคนแม่ก่อนจะหันไปกำชับยัยแมวอีกที
 
“ค่า คุณเอม แมวจะดูแลอย่างดี ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม รับรองพรุ่งนี้คุณเอมมาเยี่ยมคุณผู้หญิงจะไม่สึกหรอเลยซักนิ๊ดเดียวค่า” ดูๆมัน ทำมาจีบปากจีบคอตอบ เดี๋ยวสิ้นเดือนนี้จะหักเงินเดือนแกซะให้เข็ด
 
 “ย่ะ” ตอบมันก่อนจะกระแทกเท้าแล้วหันหลังกำลังจะเดินออกไป แต่ได้ยินแว่วๆถึงเสียงของยัยแมวไล่หลังตามมา แต่ชั้นไม่สนใจรีบกลับไปอาบน้ำ เตรียมตัวจับ เอ๊ย! เตรียมตัวไปหาพี่ภูมิพรุ่งนี้ดีกว่า
หลัง จากออกมาจากห้องพักของคุณแม่บรรยากาศรอบตัวของเอมฤดีก็เหมือนเดิมคือไม่ว่า จะเดินไปทางไหนก็มีแต่คนมองจนเหลียวหลัง ซึ่งเจ้าหล่อนก็นึกยิ้มกริ่มในใจ
“คนสวยก็เงี๊ยะ คริ คริ”
 
“สงสัยคงไม่เคยเห็นรถหรูๆแบบนี้น่ะสินะพวกคนจนเอ๊ย!”  พอเดินไปที่ลานจอดรถก็เห็นคนมุงดูรถของหล่อนเต็มเลย แต่พอถึงตัวรถหล่อนก็ถึงบางอ้อ ว่าสาเหตุที่คนมามุงรถของตนคืออะไร
 
 
 
"E-แรด"
 
รอย ขูดขีดบนกระโปรงรถคันใหม่ที่เธอเพิ่งอ้อนให้แม่ซื้อให้ นั่นไม่พอพอทุกคนที่เห็นเธอเดินเข้าไปถึงรถ คนที่มุ่งอยู่ก็แอบขำชั้นบ้าง หัวเราะออกมาเสียงดังบ้างพลางชี้นิ้วมาที่ก้นของชั้น
 
“กรี๊ดดดดด!นี่ มันอะไรกันเนี่ย ใครๆมันทำรถชั้น แล้วๆ พวกแกหัวเราะอะไรกันยะ”  หล่อนปรี๊ดแตกพลางหันไปถามพวกที่ยืนหัวเราะ ก่อนจะก้มมองก้นตัวเองแล้วมองเงาสะท้องจากประตูรถที่ถูกขัดจนเงาวับ ถึงได้รู้สาเหตุก่อนที่หล่อนจะปรี๊ดแตกอีกครั้ง
 
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”
 
 
“อย่าให้รู้นะว่าเป็นฝีมือใคร แม่จะเอาคืนให้หนักเลยคอยดู”หล่อนพรึมพรำกับตัวเองเบาๆหลังจากย้ายก้นขึ้นมานั่งบนรถด้วยความอับอาย
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
 
“ครับพี่ ขอบคุณมากครับที่ช่วย เป้แค่อยากเอาคืนพวกมันที่ทำให้น้องต้องนอนโรงบาลเป็นอาทิตย์ แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ”
 
 
(ไม่เป็นไร ยังไงคุณท่านก็มีบุญคุณต่อพี่กับแม่มาก มีอะไรที่พอจะตอบแทนท่านได้พี่ก็ยินดีจ๊ะ)
 
 
“ถ้าแม่ยังอยู่ได้ยินก็คงดีสินะครับ”
 
 
(ถ้า คุณท่านยังอยู่คงภูมิในในตัวคุณเป้นะที่เข้มแข็งได้ขนาดนี้ ยัยขวัญฤดีแค่ตกบันไดแค่นี้ยังน้อยไปเมื่อเทียบกับสิ่งที่มันทำนะจ๊ะ อย่าห่วงไปเลย ถ้ามีความคืบหน้าอะไรเดี๋ยวพี่จะรีบโทรไปรายงานทันที)
 
 
“ครับ ขอบคุณมากนะครับ ไงเป้ก็รบกวนฝากบ้านด้วยนะครับ งั้นแค่นี้นะครับ หวัดดีครับ” พอวางสายเสร็จปุ๊บผมก็ต่อเสิร์ชหาเบอร์ร้านขายดอกไม้ อ่ะๆๆ อย่าหวังว่าผมจะใจดีขนาดนั้น ดอกไม้ที่ว่าน่ะเป็นดอกไม้สำหรับคนตาย หรือที่เราเรียกกันว่าดอกไม้จันทน์ต่างหากล่ะ
 
 (สวัสดีครับ ร้านโลงทอง ยินดีให้บริการครับ)
 
 
“ขอสั่งดอกไม้จันทร์ซัก50ดอก เอามาจัดเป็นช่อขอสวยๆหน่อยนะครับ”
 
 
(อ่ะ..เอ่อ..ครับ) คนรับคงงงๆว่าผมจะให้จัดเป็นช่อเพื่อ.......
 
“แล้วรบกวนเขียนการ์ดให้ด้วยนะครับข้อความสั้นๆว่า ยินดีต้อนรับสู่นรก ส่งไปที่โรง’บาล xxx ห้องพิเศษ1026 ผู้รับนางขวัญฤดีครับ ส่วนค่าใช่จ่ายพร้อมค่าจัดส่งเดี๋ยวผมโอนเข้าไปในบัญชีตามที่หน้าเว็บร้าน แจ้งไว้เลยนะครับ”
 
 
 
(อ่า...ครับๆ)
 
“อ้อ!ไม่ ต้องระบุผู้ส่งนะครับ สวัสดีครับ” ผมยกยิ้มมุมปากหลังจากวางสาย ผมหลบออกมาโทรศัพท์อยู่ที่ระเบียงห้องนอนของพี่ภูมิก็รีบกลับเข้ามาในห้อง และประจวบเหมาะกับที่พี่ภูมิก็อาบน้ำเสร็จพอดี
 
“ไปทำไรข้างนอกมาอ่ะตัวเล็ก เดี๋ยวก็โดนน้ำค้างไม่สบายพอดีหรอก” พี่ภูมิว่าพลางส่งผ้าขนหนูผืนเล็กมาให้
 
 
“อะไรอ่ะครับ” ผมถามแต่ก็รับมาไว้ในมือ
 
 
“เช็ดหัวให้พี่หน่อยดิครับ นะ นะ น๊า” พี่ภูมินั่งลงบนเตียงก่อนจะดึงผมลงไปนั่งข้างแล้วทำท้าอ้อนๆจนผมหลุดขำออกมา
 
 
“ฮ่าๆๆๆๆ  โอเคๆ เดี๋ยวน้องเช็ดให้ โตป่านนี้ยังอ้อนเป็นเด็กๆไปได้นะครับ สรุปนี่ใครเป็นพี่ใครกันแน่อ่า” ผมถามพลางเช็ดหัวให้พี่ภูมิไป
 
 
“พี่ก็อ้อนกลับตัวเล็กแค่คนเดียวนี่แหละน่า”
 
 
“เลิกเรียกน้องว่าตัวเล็กได้แล้วเค้าสูงขึ้นกว่าแต่ก่อนตั้งเยอะเหอะ อ่ะ แห้งแล้ว” ผมตอบไปก่อนจะยื่นผ้าขนหนูคืนไปให้
 
 
“ไง ก็เตี้ยกว่าพี่อยู่ดี แล้วจะให้เรียกว่าอะไรอ่ะ ก็พี่ชินแล้วนี่นา เรียกมาแต่เด็ก พี่ยังจำได้เลยตอนที่แม่ของเราพามาที่บ้านยังตัวเล็กๆแดงๆอยู่เลย ตอนนั้นเราซัก2-3ขวบได้มั๊ง ว่างทีไรน้าพรแม่ของเป้ก็จะไปรับจากพัทยามาเที่ยวที่กรุงเทพและพี่ก็จะอ้อน แม่ให้พาไปหาเราทุกทีเลย ฮ่าๆๆๆ” พี่ภูมินั่งเล่าความหลังสมัยเด็กให้ผมฟัง
 
 
จริงๆ แล้วบ้านพี่ภูมิสนิทกับบ้านผมเพราะป้านงค์แม่พี่ภูมิเป็นเพื่อนสนิทกับแม่พร แม่ของผมตั้งแต่สมัยมัธยม ซึ่งตอนเด็กผมและน้องเรียนอยู่ที่พัทยาและย้ายมาเรียนในกรุงเทพตอนม.1กับ น้องป็อบที่เข้ามาเรียนป.5พร้อมๆกัน ที่ตอนเด็กๆผมและน้องต้องอยู่กับตาและยายที่พัทยาก็เพราะว่าแม่กับพ่อเพิ่ง เปิดบริษัทและกลัวว่าจะไม่มีเวลาดูแล แม่เป็นห่วงไม่อยากให้ผมกับน้องต้องอยู่กับพี่เลี้ยงเพราะแม่ไม่ไว้ใจไม่ อยากให้อยู่กับคนอื่น ตากับยายจึงบอกจะดูแลเราสองคนให้ แม่ถึงได้สบายใจ แต่ช่วงปิดเทอมหรือวันหยุดยาวๆแม่ก็จะไปรับเราสองคนมาเที่ยวอย่างสม่ำเสมอ ไม่เคยขาด และที่ๆแม่พามาบ่อยๆก็คือบ้านของพี่ภูมินี่แหละครับ
 
 
“เรียกเป้เฉยๆก็ได้นี่ครับ เรียกตัวเล็กมันฟังดูแต๋วๆไงไม่รู้อ่ะ” ผมบอกก่อนจะนอนลงบนเตียง
 
 
“งั้นพี่เรียกเราว่าน้อง หรือน้องเป้ดีกว่า โอเคนะ”
 
 
“ครับๆ เอางั้นก็ได้” ผมตอบปัดๆไปเพราะเริ่มง่วน อีกทั้งรู้สึกปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัวยังไงไม่รู้ นี่คงไม่ใช่ว่าจะติดไข้จากน้องหรอกนะ เอ๊ะ! หรือว่าเราตากน้ำค้างนานไปเหมือนที่พี่ภูมิบอกนะ
 
 
“ง่วง แล้วหรอ งั้นก็นอนซะนะครับเด็กดีของพี่ ฝันดีนะครับ” ได้ยินเสียงพี่ภูมิบอกเบาๆข้างหู ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกระชับที่เอวและไออุ่นๆจากริมฝีปากบนหน้าผากของผมซึ่ง เป็นความเคยชินของผมเพราะพี่ภูมิชอบทำแบบนี้ประจำเวลาผมมาค้างด้วย ก่อนที่ผมจะหลับไป
 
 
 
 
 
 
 
“ไม่ ไม่ ช่วยด้วย” มืด ทำไมมันมืดแบบนี้ ไม่ว่าผมจะวิ่งไปทางไหนก็มืดไปหมด
 
 “โฮ่ง ๆๆๆๆๆ” เสียงฝูงมาตัวใหญ่ ที่วิ่งไล่ตามลงผมจนสุดทางที่มีกำแพงสูงปิดกั้นอยู่ ไม่มีทางหนีแล้วผมไม่รู้จะทำไงดี ได้แต่นึกภาวนาในใจ ใครก็ได้ช่วยที
 
 
 
 
 
“ออกไปนะ อย่าเข้ามา อย่า ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย”
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
เฮือก!
 
 
 
 
 
 
 
 
“ฝันไปเหรอเนี่ย” ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึกสภาพเหงื่อท่วมตัว หันไปข้างๆก็เห็นพี่ภูมิที่นอนกอดรัดผมอยู่
 
ใคร จะรู้ว่าฝันร้ายคืนนี้ มันจะเป็นลางบอกเหตุอะไรบางอย่างที่มันจะเกิดขึ้นกับผมในไม่ช้าเหตุการณ์ที่ มันเลวร้ายที่สุดในชีวิตของคนๆนึงที่เกินจะรับไหว..................
 
 
 
 
 
 - - - - - TBC - - - - -
 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา