รักวุ่นๆจับยัยตัวยุ่งมารับหัวใจ
1.0
เขียนโดย mintmo
วันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 20.07 น.
6 ตอน
0 วิจารณ์
8,283 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 22.13 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) ช่วยคนสวยด้วย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ2
ช่วยคนสวยด้วย
ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ในสถานที่ที่ตอนนี้ฉันเองก็ชักไม่แน่ใจขึ้นมาแล้วว่าที่นี่คือสวนในโรงเรียนหรือเปล่า เพราะยิ่งเดินก็ยิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆรอบข้างมีแต่ต้นไม้ มองไปด้านหลังก็ไม่มีวี่แววทางที่ฉันจะออกไปได้เลย
ฉันเดินไปตามทางที่ถูกปูพื้นไว้ด้วยหินสีขาวไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย ตลอดจนทางที่ถูกปูด้วยหิน บางครั้งก็มี ทางแยก หลายทาง ฉันจึงต้องตัดสินใจเลือกไม่รู้ว่าชะตากรรมของฉันต่อไปจะเป็นยังไงฉันจึงต้องอาศัยเพียงฟังตามเสียงประหลาดนั้นไปเรื่อยๆเลือกทางที่คิดว่าได้ยินเสียงชัดสุด ถึงจุดนี้ฉันต้องงัดเอาความรู้เกี่ยวกับความรู้เรื่องลูกเสือเนตรนารีมาใช้
ไม่น่าเลยฉันก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าฉันไม่น่ามาเรียนที่นี่ เพราะมันจะนำแต่เรื่องร้ายๆมาให้ฉัน
แงๆ แล้วฉันจะทำยังไงกันล่ะที่นี่ ฉันจะติดต่อกับคนภายนอกได้ยังไงถ้าตอนนี้มีอะไรที่จะสามารถติดต่อกับคนอื่นได้ก็ดีแล้วเอ๊...ปกติแล้วฉันใช้อะไรติดต่อกับเพื่อนนะ ถ้าไม่ใช่
โทรศัพท์....เออ ใช่ฉันมีโทรศัพท์ทำไมฉันถึงโง่แบบนี้นะ หลงคร่ำครวญอยู่ได้ตั้งนาน
และปลายสายที่ฉันตัดสินใจจะโทรหาคือ คีย์ ถึงตอนนี้ฉันจะไม่ชอบขี้หน้าอีตาคีย์เท่าไหร่แต่ในสถานการณ์แบบนี้อีตาคีย์ก็เป็นทางออกเดียวให้ฉันในตอนนี้ เพราะอยู่ใกล้ที่สุดเหมาะแก่การตามคนมาช่วยแถมประหยัดเวลาที่สุด เพราะฉันเองก็ไม่อยากที่จะต้องมาติดอยู่ที่นี่คนเดียวลำพังนานนักหรอก
แต่...แล้วเหมือนชีวิตฉันถูกสวรรค์กลั่นแกล้งอย่างโหดร้าย จนคนสวยอยากกรีดร้องให้ลั่นป่าเพราะ
สัญญาณไม่มี(- ..-X)
แงๆอะไรก๊านนนน...สัญญาณไม่มีได้ไงกัน ก็ก่อนมาที่นี่ตลอดจนนั่งอยู่แถวหน้าสวนสัญญาณยังเต็มอยู่เลย แล้วตอนนี้มันหายไปไหนอ่ะ ฉันอยากจะกรีดร้องทางรอดเดียวของฉันถูกทำลายลงในพริบตา ตอนนี่รู้สึกหมดแรงหน้ามืด วิงเวียนคล้ายจะเป็นลมมากๆ อาจเป็นเพราะฉันเดินมาไกลผสมกับความผิดหวังขั้นรุนแรงจนจิตใจ
สั่นสะท้านกับการรับรู้ว่าทางรอดเดียวหมดไป
ฉันนั่งทรุดตัวลงนั่งกลางทางเดินหินที่เป็นทางแยกของแยกที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันเดินมา จะต้องทำยังไงต่อไปล่ะที่นี้เมื่อไม่มีโทรศัพท์ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยติดป่าซักครั้ง กิจกรรมเดินเขาเข้าป่าก็ไม่ เคยไปซักที ส่วนใหญ่ฉันจะอยู่บ้านนั่งดูซีรีย์และทีวีมากกว่า แต่..เอ๊ะ... จากหนังที่เคยดูเวลาหลงป่าคงต้องส่งสัญญาณไฟขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไอเดียดีมากที่นี่แหละอาจเป็นทางรอด ถ้าสำเร็จก็จะมีคนเห็นก็ต้องสนใจว่าควันไฟมาจากไหนแล้วก็จะเดินตามมาจนพบฉัน แต่ถ้าไม่สำเร็จฉันอาจจะเผาป่านี้แล้วดับอนาถอยู่ในนี้ เอ่อ...ไม่หรอกน่า เอาเป็นว่าคิดในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่า สู้ๆฉันต้องรอด
สัญญาณไฟ สิ่งที่จำเป็น ไฟ+กิ่งไม้
บทสรุป ฉันไม่มีไฟ มีแต่กิ่งไม้ซึ่งถ้านำมาซุ่มรวมกันมันคงไม่เกิดไฟเองอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เราต้องหาไฟมาก่อนวิธีที่จะหาไฟได้ ฉันเคยดูจากหนังสารคดีมนุษย์ถ้ำดึกดำบรรพ์ วีธีที่เห็นบ่อยคือ
กิ่งไม้ถูๆกันจนเกิดไฟสิ่งที่จำเป็น กิ่งไม้ (โฮะๆแค่นี้เองสบายๆอุปกรณ์แค่กิ่งไม้)
บทสรุปรู้สึกอยากจะบ้าไม่รู้ชีวิตฉันจะถูกกลั่นแกล้งไปถึงเมื่อไหร่ กิ่งไม้ที่จะใช้จุดไฟก็ชื้นจุดไฟไม่ติดทำไมความซวยของฉันถึงไม่ลาจากไปซักทีเมื่อไหร่ความโชคดีที่จะมาหัดเข้ามาเยี่ยมเยียนฉันซะบ้างแต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ย่อท้อหรอกนะ เพราะนางเอกอย่างฉันต้องไม่มา กลายเป็นมนุษย์ป่าอยู่ที่นี่ และหวังว่ามันจะสำเร็จนะ
และแล้ว เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบแต่ฉันรู้สึกว่ามันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะทรมานในการที่ฉันต้องมาติดอยู่ที่นี่และการใช้ความพยายามในการจุดไฟที่ไม่มีวี่แววว่าจะติดซักที พยายามมาหลายวิธีก็ไม่ติดและวิธีสุดท้ายในการพยายามของฉันก็เอาหินมากระทบกันซึ่งหวังว่ามันจะได้ผลแต่ก็ไม่สามารถจุดไฟได้ซักที
ตุ๊บๆ.....
เสียงปริศนาดังขึ้นอีกครั้ง เสียงๆนี้อีกแล้วเสียงที่เป็นต้นเหตุที่นำฉันมาที่นี่และต้องมาหลงอยู่ที่นี่
โว้ย...เสียงอะไรเนี่ย แน่จริงออกมาเลยดีกว่าฉันไม่กลัวแล้ว มาเลยๆ
ฉันตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเหลือ อดตอนนี้อารมณ์ฉันรู้สึกแปรปรวนมาก ทั้งกลัว เศร้าและโกรธ ทำให้ระเบิด
อารมณ์ออกมาแบบนี้
……………..
หลังจากที่ฉันตะโกนออกไปแบบนั้นเสียงปริศนานั้นก็เงียบลงทันที แทนที่เสียงนั้นเงียบลงแทนที่จะทำให้ฉันดีใจแต่เปล่าเลยมันกลับเพิ่มความกลัวให้ฉันมากขึ้นเพราะนั้นย่อมแสดงว่าเสียงนั้นต้องเกิดจากสิ่งมีชีวิตแน่ๆและ
เจ้าตัวที่ทำให้เกิดเสียงนั้นก็กำลังเปลี่ยนเป้าหมายมาหาฉันแทนไม่แน่มันอาจจะคิดหาทางเขมือบฉันอยู่ด้วย
ฉันคว้ากิ่งไม้ข้างๆทางที่ดูแข็งแรง แนบตัวไม่แน่ใจว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไรแต่มีสิ่งป้องกันตัวไว้คงจะดีกว่าไม่มี
ซวบๆ
เสียงย่ำเท้า ไกล้ตัว เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกสุดตัวหวังว่ามันคงไม่ใช่ เสือ หรือตัวอะไรที่สามารถเขมือบฉันได้นะ ต้องไม่แสดงความหวาดกลัวอย่างเด็ดขาด เค้กคนนี้ต้องไม่หวั่นเกรง กับเรื่องแค่นี้
โอ้ย..ทำไมขาต้องสั่นด้วยเนี่ยยย Y_Y ตอนนี้เสียงย่ำเท้านั้นมาหยุดด้านหลังฉันเงาตะคุ่มๆด้านหลังแสดงให้เห็นว่าผู้มาเยือนว่าตัวใหญ่ไม่เบาและมีทีท่าว่าจะสูงใหญ่กว่าฉัน ไม่มีทางเลยที่จะเป็นกระต่ายน้อยน่ารักที่จะโผล่มาทำน่าตาแบ๊วก่อนจะกระโดด หายไป อย่างที่หวังไว้เอาล่ะทีนี้ต้องนับหนึ่งถึงสามก่อนที่หันไปเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งนั้น ฉันกระชับกิ่งไม้ไว้ และแล้ว…
พรึบ......เฮ้ยย.....
เมื่อฉันหันหลังไปเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งนั้น พร้อมทั้งตั้งใจหวดกิ่งไม้ให้เต็มแรง แต่ รู้สึกเหมือน
กิ่งไม้กับถูกรับไว้ทันท่วงที โอ๊ะ..เจ้าตัวปริศนานั้นมันมีมือรับกิ่งไม้ด้วย อ่ะ ฉัน ยังคงยืนนิ่งรับตาปี๋อยู่อย่างนั้นทำไงได้อ่ะก็ฉันไม่กล้าสบตากับเจ้า ตัวนั้น แต่ เอ๊ะ…เมื่อกี้ได้ยินคำว่า
" เฮ้ย "อย่างงั้นเหรอ หรือว่า จะเป็นคน? คงไม่ใช่ เสือ เพราะเสือแถวบ้านฉันคงไม่อุทานแบบนั้นออกมาได้
ฉันจึงค่อยๆลืมตาขึ้นทันทีที่ลืมตามาก็พบกับผู้มาเยือนที่ผิดคาดกับที่ฉันจินตนาการไว้ ผู้ชายร่างสูง ผิวขาว ใบหน้าของเขา ใสกิ๊ง ริมฝีปากอมชมพู รับกับตาและจมูกที่ ได้รูปพอดิบพอดี นั้นทำให้ฉันค้างไปเสี้ยววินาทีก่อนจะเรียกสติกับมา
"น..นายเป็นใคร"
ฉันเอ่ยถาม อย่างกล้าๆกลัวๆ ผู้ชายคนนั้นตวัดสายตามามองฉัน ด้วยสายตาแบบดุๆเล็กน้อยเหมือนจะอารมณ์เสียที่ฉันจงใจจะฟาดกิ่งไม้ใส่เขา
"ฉ..ฉัน."
"อ๋อ..นายเป็นคนสวนของโรงเรียนใช่มั้ย"
ฉันกล่าวตัดบท ฉันสังเกตจากชุดของเขาที่ ค่อนข้างโทรมๆและมอมแมม เขาอยู่ในชุดเสื้อ ยืดสีขาวและกางเกงเสมอเข่าที่เปื้อนดินแบบสุดๆ บ่งบอกเป็นนัยๆโรงเรียนใช้งานคุ้มค่าสุดๆ
"คนสวนเหรอหึๆ ฉันเนี่ยนะคนสวน"
คนสวนหน้าหล่อทวนคำ เหมือน งง เล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ เบาๆ
เอ่อ...อย่าบอกนะว่าเขาสติไม่ดีอ่ะ
"แล้วนายเป็น คนสวน ใช่มั้ยล่ะ?"
"ใช่ ฉันเป็นคนสวน "
ว่าแต่นาย อยู่ที่นี่มานานแล้วเหรอ
ฉันหวังว่า เขาจะอยู่ที่นี่ มานานแล้ว เพราะจะได้พาฉันออกไปได้ รอดแล้วววววววว
" ฉันอยู่ที่นี่ มานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะโชคร้ายมาเจอเธอ ยัยเพี้ยนที่คิดจะฟาดกิ่งไม้ใส่คนอื่น"
"อะไรย่ะ ก็ใครจะรู้ว่าเป็นคนล่ะฉันก็นึกว่าเป็นเสือ"
"ถ้าเป็นเสือจริง เธอคงตายไปนานแล้วล่ะ คงไม่มีชีวิตรอด นับว่ายังเป็นโชคดีของเธอ ที่คนมาเจอเธอคือฉันไม่ใช่เสือ"
"เจอนายอาจจะโชคร้ายยิ่งกว่าเจอ เสือก็ได้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจไม่แน่ตอนนี้นายอาจกำลังคิดแผนชั่วอยู่ก็ได้"
สมัยนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจถึงเขาจะไม่ใช่เสือ แต่ฉันก็ยังไม่รู้แน่ว่าเขาเป็นคนดีรึเปล่า
" สงสัยเธอจะอาการหนักแล้วล่ะ แผนชั่ว อะไรของเธอฉันเนี่ยนะจะมีแผนชั่ว"
"ใครจะไปรู้ ใจนายล่ะไม่แน่นายอาจจะคิดไม่ดีกับฉันก็ได้"
ไม่รู้อีตาคนสวนนี่เป็นโรคจิตรึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันยิ่งหน้าตาดีอยู่ด้วยไม่น่าไว้ใจเลย
(นางเอกเรื่องนี้หลงตัวเองอย่างแรง)
โห..ยัยเพี้ยน เธอคิดว่าฉันจะปล้ำเธอรึไง ฉันก็เลือกนะ อย่างเธอ แถมฟรีมากับผงซักฟอกฉันยังไม่เอาเลย
"ทำไม!!!! น่าตาแบบฉันมันยังไง อย่างฉันเนี่ยนะไม่สวย นายมันตาถั่ว (นางเอกเริ่มสติแตก)"
"หึ ถึงผู้ชายทั้งโลกจะชอบเธอแต่คงไม่มีฉันรวมอยู่ในนั้นแน่นอนเพราะเธอไม่ได้อยู่ในสายตาฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าคนที่มาไม่ใช่ฉันเนี่ยป่านนี้เธอก็โดนเสือขย้ำไปแล้วแค่นี้เธอยังไม่เข้าใจเลย"
ชิ ไอ้ผู้ชายหยาบคายชอบทวงบุญคุณ
"แสดงว่าฉันควรจะขอบคุณนาย ว่างั้นเหอะที่คนที่โผล่หน้ามาก่อนเป็นนายไม่ใช่เสือ"
"ก็แล้วแต่เธอ ถ้าเธอมีจิตสำนึก"
พูดรวมๆแล้วคิดอยากจะให้ฉันขอบคุณและซาบซึ้งล่ะสิ ก็ได้ฉันจะยอมนายไปก่อน เพื่อหนทางออกจากที่นี่
"ขอบคุณ ฉันรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากที่นายโผล่มาพอใจยังล่ะ"
ฉันหันไปจ้องหน้าเขา อีตานั้นยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เล็กน้อย ไอ้คนบ้าอำนาจ หลงตัวเอง ที่นี้ถือว่าฉันกับนาย
"หายกันแล้วล่ะนะ เพราะฉะนั้นพาฉันออกไปจากที่นี่ได้แล้ว"
"เรื่องทางออกคงจะยากซักหน่อยนะ เสียใจด้วยนะเพราะฉันไม่รู้ทางออกไปจากที่นี่"
"อะไรนะ ..ไม่จริงนาย เป็นคนสวนของที่นี่นายต้องรู้วิธีออกไปจากที่นี่"
"ก็จริงอยู่ที่ฉันเป็นคนสวนของที่นี่ แต่ฉันอยู่แต่ในสวนนี้ตลอดไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่กลับต้นไม้ แล้วฉันรู้สึกสดชื่นมีความสุข อาหารฉันก็หากินแถวนี้เนี่ยแหละ ทางออกจึงไม่ได้สำคัญสำหรับฉัน"
ย๊ากก........ฉันอยากจะกรีดร้องทางออกไม่ได้มีความสำคัญกับนายแต่มันมีความสำคัญกับฉันนี่ย่ะ ฉันต้องออกไปข้างนอกฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เข้าใจมั้ย ฉันจะฆ่าอีตาคนสวนนี่จริงๆเลย แต่ถ้าฆ่าอีตาคนสวน ไปฉันก็ต้องติดแหง็กกอยู่ที่นี่ตลอดไป
เอาฟะ!มีคนช่วยหาทางออกอีกซักคนดีกว่าไม่มี
"ถึงทางออกจะไม่สำคัญกับนายเป็นมันสำคัญต่อฉันนี่นา นายช่วยฉันหน่อยเถอะช่วยหาทางออกให้ฉันที"
เสียใจด้วย นะฉันคงไปช่วยเธอไม่ได้ ฉันไปดีกว่า หวังว่าถ้าเธอยังไม่ตายอยู่ที่นี่ก่อนฉันเราคงได้พบกัน
นายคนสวนหมุนตัวเตรียมเดิน เข้าทางเดิมที่เขาออกมา อย่างไม่สนใจฉันแม้แต่น้อย
ไอ้คนใจร้าย ฉันอุสาห์ขอร้องเขาแล้วนะแต่ดูความไร้น้ำใจของเขามันทำให้ฉันอยากจะเตะเขาซักป๊าบไม่ได้มีความสำคัญกับตัวเองก็เลยไม่สนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย
" นายจะไม่ช่วยเพื่อนมนุษย์ที่นี่กำลังเดือดร้อนเลยเหรอไง!!!!"
"ไม่ล่ะ ฉันไม่ใช่คนดีขนาดนั้น"
หมับ
ฉันคว้าชายเสื้อ เขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินหนีไปไหนอีก อย่างไม่เกรงกลัวอะไรอีกต่อไปแล้วตอนนี้เลือดในกายฉันกำลังระอุด้วยความคับแค้นใจ
"เฮ้ย...นี่เธอจะทำอะไรฉันเนี่ย ฉันรู้นะว่าฉันหน้าตาดี แต่ไม่เห็นต้องเรียกร้องความสนใจแบบนี้เลยนี่นา"
"ไม่ใช่ย่ะ ฉันไม่ได้คลั่งไคล้นายซักนิดแต่ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายหรือไปไหนทั้งสิ้นจนกว่านายจะช่วยฉันหาทางออกจากที่นี่"
"ตามใจเธอฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะทนได้ซักเท่าไหร่กัน"
"เออ ฉันก็ออยากรู้เหมือนกันว่านายกับฉันใครจะทนได้นานกว่ากัน"
ช่วยคนสวยด้วย
ฉันยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ในสถานที่ที่ตอนนี้ฉันเองก็ชักไม่แน่ใจขึ้นมาแล้วว่าที่นี่คือสวนในโรงเรียนหรือเปล่า เพราะยิ่งเดินก็ยิ่งลึกเข้าไปเรื่อยๆรอบข้างมีแต่ต้นไม้ มองไปด้านหลังก็ไม่มีวี่แววทางที่ฉันจะออกไปได้เลย
ฉันเดินไปตามทางที่ถูกปูพื้นไว้ด้วยหินสีขาวไปเรื่อยๆอย่างไม่รู้จุดหมาย ตลอดจนทางที่ถูกปูด้วยหิน บางครั้งก็มี ทางแยก หลายทาง ฉันจึงต้องตัดสินใจเลือกไม่รู้ว่าชะตากรรมของฉันต่อไปจะเป็นยังไงฉันจึงต้องอาศัยเพียงฟังตามเสียงประหลาดนั้นไปเรื่อยๆเลือกทางที่คิดว่าได้ยินเสียงชัดสุด ถึงจุดนี้ฉันต้องงัดเอาความรู้เกี่ยวกับความรู้เรื่องลูกเสือเนตรนารีมาใช้
ไม่น่าเลยฉันก็สังหรณ์ใจอยู่แล้วว่าฉันไม่น่ามาเรียนที่นี่ เพราะมันจะนำแต่เรื่องร้ายๆมาให้ฉัน
แงๆ แล้วฉันจะทำยังไงกันล่ะที่นี่ ฉันจะติดต่อกับคนภายนอกได้ยังไงถ้าตอนนี้มีอะไรที่จะสามารถติดต่อกับคนอื่นได้ก็ดีแล้วเอ๊...ปกติแล้วฉันใช้อะไรติดต่อกับเพื่อนนะ ถ้าไม่ใช่
โทรศัพท์....เออ ใช่ฉันมีโทรศัพท์ทำไมฉันถึงโง่แบบนี้นะ หลงคร่ำครวญอยู่ได้ตั้งนาน
และปลายสายที่ฉันตัดสินใจจะโทรหาคือ คีย์ ถึงตอนนี้ฉันจะไม่ชอบขี้หน้าอีตาคีย์เท่าไหร่แต่ในสถานการณ์แบบนี้อีตาคีย์ก็เป็นทางออกเดียวให้ฉันในตอนนี้ เพราะอยู่ใกล้ที่สุดเหมาะแก่การตามคนมาช่วยแถมประหยัดเวลาที่สุด เพราะฉันเองก็ไม่อยากที่จะต้องมาติดอยู่ที่นี่คนเดียวลำพังนานนักหรอก
แต่...แล้วเหมือนชีวิตฉันถูกสวรรค์กลั่นแกล้งอย่างโหดร้าย จนคนสวยอยากกรีดร้องให้ลั่นป่าเพราะ
สัญญาณไม่มี(- ..-X)
แงๆอะไรก๊านนนน...สัญญาณไม่มีได้ไงกัน ก็ก่อนมาที่นี่ตลอดจนนั่งอยู่แถวหน้าสวนสัญญาณยังเต็มอยู่เลย แล้วตอนนี้มันหายไปไหนอ่ะ ฉันอยากจะกรีดร้องทางรอดเดียวของฉันถูกทำลายลงในพริบตา ตอนนี่รู้สึกหมดแรงหน้ามืด วิงเวียนคล้ายจะเป็นลมมากๆ อาจเป็นเพราะฉันเดินมาไกลผสมกับความผิดหวังขั้นรุนแรงจนจิตใจ
สั่นสะท้านกับการรับรู้ว่าทางรอดเดียวหมดไป
ฉันนั่งทรุดตัวลงนั่งกลางทางเดินหินที่เป็นทางแยกของแยกที่เท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันเดินมา จะต้องทำยังไงต่อไปล่ะที่นี้เมื่อไม่มีโทรศัพท์ ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยติดป่าซักครั้ง กิจกรรมเดินเขาเข้าป่าก็ไม่ เคยไปซักที ส่วนใหญ่ฉันจะอยู่บ้านนั่งดูซีรีย์และทีวีมากกว่า แต่..เอ๊ะ... จากหนังที่เคยดูเวลาหลงป่าคงต้องส่งสัญญาณไฟขอความช่วยเหลือจากคนอื่นไอเดียดีมากที่นี่แหละอาจเป็นทางรอด ถ้าสำเร็จก็จะมีคนเห็นก็ต้องสนใจว่าควันไฟมาจากไหนแล้วก็จะเดินตามมาจนพบฉัน แต่ถ้าไม่สำเร็จฉันอาจจะเผาป่านี้แล้วดับอนาถอยู่ในนี้ เอ่อ...ไม่หรอกน่า เอาเป็นว่าคิดในแง่ดีไว้ก่อนดีกว่า สู้ๆฉันต้องรอด
สัญญาณไฟ สิ่งที่จำเป็น ไฟ+กิ่งไม้
บทสรุป ฉันไม่มีไฟ มีแต่กิ่งไม้ซึ่งถ้านำมาซุ่มรวมกันมันคงไม่เกิดไฟเองอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้น เราต้องหาไฟมาก่อนวิธีที่จะหาไฟได้ ฉันเคยดูจากหนังสารคดีมนุษย์ถ้ำดึกดำบรรพ์ วีธีที่เห็นบ่อยคือ
กิ่งไม้ถูๆกันจนเกิดไฟสิ่งที่จำเป็น กิ่งไม้ (โฮะๆแค่นี้เองสบายๆอุปกรณ์แค่กิ่งไม้)
บทสรุปรู้สึกอยากจะบ้าไม่รู้ชีวิตฉันจะถูกกลั่นแกล้งไปถึงเมื่อไหร่ กิ่งไม้ที่จะใช้จุดไฟก็ชื้นจุดไฟไม่ติดทำไมความซวยของฉันถึงไม่ลาจากไปซักทีเมื่อไหร่ความโชคดีที่จะมาหัดเข้ามาเยี่ยมเยียนฉันซะบ้างแต่ไม่ว่ายังไงฉันก็จะไม่ย่อท้อหรอกนะ เพราะนางเอกอย่างฉันต้องไม่มา กลายเป็นมนุษย์ป่าอยู่ที่นี่ และหวังว่ามันจะสำเร็จนะ
และแล้ว เวลาผ่านไปเท่าไหร่ไม่ทราบแต่ฉันรู้สึกว่ามันช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนจะทรมานในการที่ฉันต้องมาติดอยู่ที่นี่และการใช้ความพยายามในการจุดไฟที่ไม่มีวี่แววว่าจะติดซักที พยายามมาหลายวิธีก็ไม่ติดและวิธีสุดท้ายในการพยายามของฉันก็เอาหินมากระทบกันซึ่งหวังว่ามันจะได้ผลแต่ก็ไม่สามารถจุดไฟได้ซักที
ตุ๊บๆ.....
เสียงปริศนาดังขึ้นอีกครั้ง เสียงๆนี้อีกแล้วเสียงที่เป็นต้นเหตุที่นำฉันมาที่นี่และต้องมาหลงอยู่ที่นี่
โว้ย...เสียงอะไรเนี่ย แน่จริงออกมาเลยดีกว่าฉันไม่กลัวแล้ว มาเลยๆ
ฉันตะโกนเสียงดังลั่นอย่างเหลือ อดตอนนี้อารมณ์ฉันรู้สึกแปรปรวนมาก ทั้งกลัว เศร้าและโกรธ ทำให้ระเบิด
อารมณ์ออกมาแบบนี้
……………..
หลังจากที่ฉันตะโกนออกไปแบบนั้นเสียงปริศนานั้นก็เงียบลงทันที แทนที่เสียงนั้นเงียบลงแทนที่จะทำให้ฉันดีใจแต่เปล่าเลยมันกลับเพิ่มความกลัวให้ฉันมากขึ้นเพราะนั้นย่อมแสดงว่าเสียงนั้นต้องเกิดจากสิ่งมีชีวิตแน่ๆและ
เจ้าตัวที่ทำให้เกิดเสียงนั้นก็กำลังเปลี่ยนเป้าหมายมาหาฉันแทนไม่แน่มันอาจจะคิดหาทางเขมือบฉันอยู่ด้วย
ฉันคว้ากิ่งไม้ข้างๆทางที่ดูแข็งแรง แนบตัวไม่แน่ใจว่าเจ้าสิ่งนั้นมันคืออะไรแต่มีสิ่งป้องกันตัวไว้คงจะดีกว่าไม่มี
ซวบๆ
เสียงย่ำเท้า ไกล้ตัว เข้ามาเรื่อยๆ ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือกสุดตัวหวังว่ามันคงไม่ใช่ เสือ หรือตัวอะไรที่สามารถเขมือบฉันได้นะ ต้องไม่แสดงความหวาดกลัวอย่างเด็ดขาด เค้กคนนี้ต้องไม่หวั่นเกรง กับเรื่องแค่นี้
โอ้ย..ทำไมขาต้องสั่นด้วยเนี่ยยย Y_Y ตอนนี้เสียงย่ำเท้านั้นมาหยุดด้านหลังฉันเงาตะคุ่มๆด้านหลังแสดงให้เห็นว่าผู้มาเยือนว่าตัวใหญ่ไม่เบาและมีทีท่าว่าจะสูงใหญ่กว่าฉัน ไม่มีทางเลยที่จะเป็นกระต่ายน้อยน่ารักที่จะโผล่มาทำน่าตาแบ๊วก่อนจะกระโดด หายไป อย่างที่หวังไว้เอาล่ะทีนี้ต้องนับหนึ่งถึงสามก่อนที่หันไปเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งนั้น ฉันกระชับกิ่งไม้ไว้ และแล้ว…
พรึบ......เฮ้ยย.....
เมื่อฉันหันหลังไปเผชิญหน้ากับเจ้าสิ่งนั้น พร้อมทั้งตั้งใจหวดกิ่งไม้ให้เต็มแรง แต่ รู้สึกเหมือน
กิ่งไม้กับถูกรับไว้ทันท่วงที โอ๊ะ..เจ้าตัวปริศนานั้นมันมีมือรับกิ่งไม้ด้วย อ่ะ ฉัน ยังคงยืนนิ่งรับตาปี๋อยู่อย่างนั้นทำไงได้อ่ะก็ฉันไม่กล้าสบตากับเจ้า ตัวนั้น แต่ เอ๊ะ…เมื่อกี้ได้ยินคำว่า
" เฮ้ย "อย่างงั้นเหรอ หรือว่า จะเป็นคน? คงไม่ใช่ เสือ เพราะเสือแถวบ้านฉันคงไม่อุทานแบบนั้นออกมาได้
ฉันจึงค่อยๆลืมตาขึ้นทันทีที่ลืมตามาก็พบกับผู้มาเยือนที่ผิดคาดกับที่ฉันจินตนาการไว้ ผู้ชายร่างสูง ผิวขาว ใบหน้าของเขา ใสกิ๊ง ริมฝีปากอมชมพู รับกับตาและจมูกที่ ได้รูปพอดิบพอดี นั้นทำให้ฉันค้างไปเสี้ยววินาทีก่อนจะเรียกสติกับมา
"น..นายเป็นใคร"
ฉันเอ่ยถาม อย่างกล้าๆกลัวๆ ผู้ชายคนนั้นตวัดสายตามามองฉัน ด้วยสายตาแบบดุๆเล็กน้อยเหมือนจะอารมณ์เสียที่ฉันจงใจจะฟาดกิ่งไม้ใส่เขา
"ฉ..ฉัน."
"อ๋อ..นายเป็นคนสวนของโรงเรียนใช่มั้ย"
ฉันกล่าวตัดบท ฉันสังเกตจากชุดของเขาที่ ค่อนข้างโทรมๆและมอมแมม เขาอยู่ในชุดเสื้อ ยืดสีขาวและกางเกงเสมอเข่าที่เปื้อนดินแบบสุดๆ บ่งบอกเป็นนัยๆโรงเรียนใช้งานคุ้มค่าสุดๆ
"คนสวนเหรอหึๆ ฉันเนี่ยนะคนสวน"
คนสวนหน้าหล่อทวนคำ เหมือน งง เล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะ เบาๆ
เอ่อ...อย่าบอกนะว่าเขาสติไม่ดีอ่ะ
"แล้วนายเป็น คนสวน ใช่มั้ยล่ะ?"
"ใช่ ฉันเป็นคนสวน "
ว่าแต่นาย อยู่ที่นี่มานานแล้วเหรอ
ฉันหวังว่า เขาจะอยู่ที่นี่ มานานแล้ว เพราะจะได้พาฉันออกไปได้ รอดแล้วววววววว
" ฉันอยู่ที่นี่ มานานแล้ว แต่ไม่คิดว่าจะโชคร้ายมาเจอเธอ ยัยเพี้ยนที่คิดจะฟาดกิ่งไม้ใส่คนอื่น"
"อะไรย่ะ ก็ใครจะรู้ว่าเป็นคนล่ะฉันก็นึกว่าเป็นเสือ"
"ถ้าเป็นเสือจริง เธอคงตายไปนานแล้วล่ะ คงไม่มีชีวิตรอด นับว่ายังเป็นโชคดีของเธอ ที่คนมาเจอเธอคือฉันไม่ใช่เสือ"
"เจอนายอาจจะโชคร้ายยิ่งกว่าเจอ เสือก็ได้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจไม่แน่ตอนนี้นายอาจกำลังคิดแผนชั่วอยู่ก็ได้"
สมัยนี้คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจถึงเขาจะไม่ใช่เสือ แต่ฉันก็ยังไม่รู้แน่ว่าเขาเป็นคนดีรึเปล่า
" สงสัยเธอจะอาการหนักแล้วล่ะ แผนชั่ว อะไรของเธอฉันเนี่ยนะจะมีแผนชั่ว"
"ใครจะไปรู้ ใจนายล่ะไม่แน่นายอาจจะคิดไม่ดีกับฉันก็ได้"
ไม่รู้อีตาคนสวนนี่เป็นโรคจิตรึเปล่าก็ไม่รู้ ฉันยิ่งหน้าตาดีอยู่ด้วยไม่น่าไว้ใจเลย
(นางเอกเรื่องนี้หลงตัวเองอย่างแรง)
โห..ยัยเพี้ยน เธอคิดว่าฉันจะปล้ำเธอรึไง ฉันก็เลือกนะ อย่างเธอ แถมฟรีมากับผงซักฟอกฉันยังไม่เอาเลย
"ทำไม!!!! น่าตาแบบฉันมันยังไง อย่างฉันเนี่ยนะไม่สวย นายมันตาถั่ว (นางเอกเริ่มสติแตก)"
"หึ ถึงผู้ชายทั้งโลกจะชอบเธอแต่คงไม่มีฉันรวมอยู่ในนั้นแน่นอนเพราะเธอไม่ได้อยู่ในสายตาฉันเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าคนที่มาไม่ใช่ฉันเนี่ยป่านนี้เธอก็โดนเสือขย้ำไปแล้วแค่นี้เธอยังไม่เข้าใจเลย"
ชิ ไอ้ผู้ชายหยาบคายชอบทวงบุญคุณ
"แสดงว่าฉันควรจะขอบคุณนาย ว่างั้นเหอะที่คนที่โผล่หน้ามาก่อนเป็นนายไม่ใช่เสือ"
"ก็แล้วแต่เธอ ถ้าเธอมีจิตสำนึก"
พูดรวมๆแล้วคิดอยากจะให้ฉันขอบคุณและซาบซึ้งล่ะสิ ก็ได้ฉันจะยอมนายไปก่อน เพื่อหนทางออกจากที่นี่
"ขอบคุณ ฉันรู้สึกซาบซึ้งอย่างมากที่นายโผล่มาพอใจยังล่ะ"
ฉันหันไปจ้องหน้าเขา อีตานั้นยิ้มมุมปากอย่างพอใจ เล็กน้อย ไอ้คนบ้าอำนาจ หลงตัวเอง ที่นี้ถือว่าฉันกับนาย
"หายกันแล้วล่ะนะ เพราะฉะนั้นพาฉันออกไปจากที่นี่ได้แล้ว"
"เรื่องทางออกคงจะยากซักหน่อยนะ เสียใจด้วยนะเพราะฉันไม่รู้ทางออกไปจากที่นี่"
"อะไรนะ ..ไม่จริงนาย เป็นคนสวนของที่นี่นายต้องรู้วิธีออกไปจากที่นี่"
"ก็จริงอยู่ที่ฉันเป็นคนสวนของที่นี่ แต่ฉันอยู่แต่ในสวนนี้ตลอดไม่ได้ออกไปไหนอยู่แต่กลับต้นไม้ แล้วฉันรู้สึกสดชื่นมีความสุข อาหารฉันก็หากินแถวนี้เนี่ยแหละ ทางออกจึงไม่ได้สำคัญสำหรับฉัน"
ย๊ากก........ฉันอยากจะกรีดร้องทางออกไม่ได้มีความสำคัญกับนายแต่มันมีความสำคัญกับฉันนี่ย่ะ ฉันต้องออกไปข้างนอกฉันไม่อยากอยู่ที่นี่เข้าใจมั้ย ฉันจะฆ่าอีตาคนสวนนี่จริงๆเลย แต่ถ้าฆ่าอีตาคนสวน ไปฉันก็ต้องติดแหง็กกอยู่ที่นี่ตลอดไป
เอาฟะ!มีคนช่วยหาทางออกอีกซักคนดีกว่าไม่มี
"ถึงทางออกจะไม่สำคัญกับนายเป็นมันสำคัญต่อฉันนี่นา นายช่วยฉันหน่อยเถอะช่วยหาทางออกให้ฉันที"
เสียใจด้วย นะฉันคงไปช่วยเธอไม่ได้ ฉันไปดีกว่า หวังว่าถ้าเธอยังไม่ตายอยู่ที่นี่ก่อนฉันเราคงได้พบกัน
นายคนสวนหมุนตัวเตรียมเดิน เข้าทางเดิมที่เขาออกมา อย่างไม่สนใจฉันแม้แต่น้อย
ไอ้คนใจร้าย ฉันอุสาห์ขอร้องเขาแล้วนะแต่ดูความไร้น้ำใจของเขามันทำให้ฉันอยากจะเตะเขาซักป๊าบไม่ได้มีความสำคัญกับตัวเองก็เลยไม่สนใจใยดีเลยแม้แต่น้อย
" นายจะไม่ช่วยเพื่อนมนุษย์ที่นี่กำลังเดือดร้อนเลยเหรอไง!!!!"
"ไม่ล่ะ ฉันไม่ใช่คนดีขนาดนั้น"
หมับ
ฉันคว้าชายเสื้อ เขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินหนีไปไหนอีก อย่างไม่เกรงกลัวอะไรอีกต่อไปแล้วตอนนี้เลือดในกายฉันกำลังระอุด้วยความคับแค้นใจ
"เฮ้ย...นี่เธอจะทำอะไรฉันเนี่ย ฉันรู้นะว่าฉันหน้าตาดี แต่ไม่เห็นต้องเรียกร้องความสนใจแบบนี้เลยนี่นา"
"ไม่ใช่ย่ะ ฉันไม่ได้คลั่งไคล้นายซักนิดแต่ฉันจะไม่ยอมปล่อยนายหรือไปไหนทั้งสิ้นจนกว่านายจะช่วยฉันหาทางออกจากที่นี่"
"ตามใจเธอฉันก็อยากรู้ว่าเธอจะทนได้ซักเท่าไหร่กัน"
"เออ ฉันก็ออยากรู้เหมือนกันว่านายกับฉันใครจะทนได้นานกว่ากัน"
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
1 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
1 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
1 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ