นางพญาปิศาจจิ้งจอก

8.0

เขียนโดย จิ้งจอกมายา

วันที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 12.18 น.

  21 ตอน
  11 วิจารณ์
  29.53K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 16.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) ตอนที่ 10 แคว้นเย่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 10 แคว้นเย่

 

ค่ำคืนของวันตรุษ ซึ่งเป็นวันปีใหม่ของชาวฮัวเห่ (จีนโบราณ) สองบุรุษที่ท่าทางภูมิฐานเดินเข้าไปในถ้ำฝานจวื่อด้วยความงุนงง หนึ่งในนั้นกระชับกระบี่เจ็ดดาวมือซ้ายและผ้ายันต์ปลุกเสกมือขวาก้าวนำบุรุษที่แต่งขาวอย่างเชื่องช้าเข้าไปในส่วนลึกของถ้ำ

“เรามาช้าไปเสียแล้ว ท่านหยิน” หยางเต๋าเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะลดกระจกแปดทิศลง “นางปิศาจตนนั้นได้รับโปรดเกล้าฯจากเจ้าแม่หนี่วาให้เป็นเทพพิทักษ์ศาลที่แคว้นเย่แล้ว”

“ลิขิตฟ้ามิอาจฝืน” หยินเต๋าลดกระบี่และเก็บยันต์ไว้ “การที่รับปากท่านไช่เอวี๋ยนมาคงมิอาจเป็นไปได้เสียแล้ว ราชบัลลังก์ฝ่ายใต้คงอยู่ภายใต้การนำของท่านไช่เอวี๋ยนเป็นมั่นคง”

“แม้นว่าการที่เขาวานมามิสำเร็จ หากเรากลับไปคงมิแคล้วมีโทษ จำเราทั้งสองจะไปถือศีลปลูกกุฏิแห่งใหม่เพื่อเจริญภาวนาต่อคงดีกว่า” หยางเต๋าว่าพลางลูบหนวด “เจ้าปิศาจตนนั้นก็ช่างร้ายเหลือ สังหารนางจิ้งจอกเก้าหางหูจิ้วเอ๋อได้เสียด้วย”

“เพราะเหตุนั้นนางจึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเทพพิทักษ์ศาลมิใช่หรือ” หยินเต๋า ว่าพลางเดินฉับๆเข้าไปที่บัลลังก์ด้านในถ้ำและเห็นแท่งหินหยกขาวอันมหึมาตั้งอยู่หลังบัลลังก์นั้น “ท่านหยาง กระจกของท่านเห็นสิ่งใดในแท่งหินนี้”

หยางเต๋ายกกระจกแปดทิศขึ้นมาและร่ายบทสวดบริกรรมคาถา สักพักแสงสีทองก็สว่างวาบที่กระจกนั้น หยางเต๋าเอ่ยอย่างแปลกใจว่า

“ในแท่งหินนั้น บรรจุหางจิ้งจอกอยู่”

หยินเต๋าไม่รอช้าซัดกระดาษยันต์ติดไว้รอบแท่นหินนั้นและฟันกระบี่เจ็ดดาวใส่ จนแท่งหินขาดออกเป็นสองเสี่ยง เผยให้เห็นหางที่ขาดของนางจิ้งจอกที่มีขนนุ่มฟูและเป็นประกายราวกับเพิ่งโดนตัดมาใหม่ๆ

“หากเรานำหางนี้ฝังดิน ฤทธิ์ของนางก็จักหายไป” หยินเต๋าจับหางจิ้งจอกนุ่มฟูนั้นขึ้นมา

“มิได้ดอก เจ้าแม่หนี่วาทรงพรมน้ำทิพย์เสกหางใหม่ติดกับนางไว้แล้ว” หยางเต๋ามองหางจิ้งจอกอย่างพิจารณา “หางนั้นมิได้เป็นส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนหนึ่งของนาง”

“ท่านหมายความว่ากระไรหรือ ท่านหยาง” หยินเต๋าถามและเก็บหางนั้นร่ายเวทย์ใส่ก่อนจะผนึกให้อยู่ในขวดหยกใบเล็กจิ๋วและปิดยันต์ทับอีกที

“ที่ข้าพเจ้ากล่าวว่าหางนั้นมิได้เป็นส่วนหนึ่ง หมายถึงว่า แม้เรากระทำไสยใส่หางอันนี้ นางปิศาจก็จะมิได้มีผลกระทบใดๆ และที่บอกว่าเป็นส่วนหนึ่งของนางก็คือ แม้นนางจะตัดขาดจากหางนี้แล้วแต่หางนี้ก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของนาง ย่อมจะต้องรู้ชื่อจริงของนาง หากว่าหางนี้เข้าใกล้เจ้าของ หางก็จะเปล่งแสงออกมานั่นเอง”

“กระนั้นแล้ว จะเป็นประโยชน์กระไรได้ ในเมื่อนางนั้นเป็นเทพรับใช้แล้ว ถึงเราใช้หางนี้แกะรอยนางไป ก็หาทำอะไรนางมิได้อยู่ดี” หยินเต๋ายื่นขวดหยกนั้นให้กับหยางเต๋า

“ถึงกระนั้นก็ตาม” หยางเต๋ารับขวดหยกไปดูด้วยสีหน้าเรียบเฉย “แม้นฟ้าจะเมตตาเพียงใดก็ตาม ต้นถั่วย่อมให้เมล็ดถั่ว ต้นแตงย่อมให้ผลแตง ปิศาจก็คือปิศาจอยู่วันยังค่ำ” หยางเต๋าคำนับหยินเต๋าผู้ซึ่งคำนับตอบ

“ข้าพเจ้าเข้าใจแล้ว – แม้นภารกิจนี้มิสำเร็จในกาลแห่งเรา จึงเราก็ควรมอบสู่กาลแห่งศิษย์เราต่อไป”

แล้วบุรุษที่แต่งขาว – ดำก็ออกจากถ้ำและปลูกกุฏิใหม่ในหุบเขาลึกใกล้ๆแคว้นเย่นั่นเอง

 

กล่าวถึงนางปิศาจจิ้งจอกแปดหาง – ต๋าจี หลังจากรับบัญชาจากสวรรค์ก็พาฬ่อก๊กมาที่แคว้นเย่ และสิงสถิต ณ. รูปปั้นจิ้งจอกใกล้เบื้องยุคลบาทแห่งเจ้าแม่หนี่วาที่มีผ้าแพรแปดชั้นกั้นในศาลา สามชั้นกั้นเบื้องหน้าพระพักตร์และอีกหนึ่งชั้นบังพระพักตร์ของรูปปั้นแห่งเจ้าแม่ไว้

นางให้ฬ่อก๊กทำรังใต้ศาลเจ้าแม่ไว้อย่างใหญ่โตโอ่อ่า ถึงแม้ว่านางจะไม่ค่อยได้ลงไปเลยก็ตาม

แต่นางจิ้งจอกก็หาวเป็นครั้งที่สิบในเวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป – เพราะมันไม่มีอะไรทำ

ธรรมเนียมการไหว้เจ้าแม่ที่ศาลนั้นสามัญชนจะได้รับอนุญาตให้กลับไหว้ได้แต่ภายนอกศาล บรรดาขุนนางจะไหว้ได้ที่หน้าศาล และบรรดากษัตริย์หรือเชื้อพระวงศ์จะได้รับอนุญาตให้ไหว้ได้ที่หน้าผ้าแพรสามชั้นเท่านั้น หากผู้ใดก้าวล้ำเกินฐานันดรหรือเกินผ้าแพรสามชั้นก็เป็นหน้าที่ของต๋าจีที่จะลงโทษ – กระนั้นก็ตามหาได้มีมนุษย์ผู้ใดล่วงเข้ามาเกินหน้าศาลไม่ นางปิศาจจึงเบื่อแสนจะเบื่อ ได้แต่นั่งมองผ้าแพรไหวหน่อยๆและมองขามนุษย์ที่อยู่ลิบๆแบบซังกะตาย

ในแต่ละวันของนางจิ้งจอกก็จบไปด้วยการนั่งฟังมนุษย์สวดมนต์อ้อนวอนและจดบันทึกเพื่อในไปส่งสำนักทะเบียนสวรรค์ว่ามนุษย์กำลังขอในทิศทางใด แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นไปเพื่อความโลภ เพื่อโชคลาภ และโรคภัยไข้เจ็บ

และนางจิ้งจอกก็รับผิดชอบหน้าที่ด้วยการนอนเหยียดและกอดหางฟูของตัวเองไปมาขณะที่ใช้ให้ฬ่อก๊กจดรายงานเพื่อไปส่งสำนักทะเบียนสวรรค์

ต๋าจีรอคอยช่วงเวลาที่จะได้กลับขึ้นสวรรค์อย่างใจจดใจจ่อ เพราะนางนั้นเป็นที่ถูกใจของเทพเซียนต่างๆ นั่นก็เพราะกิริยาแช่มช้อยน่ารักน่าเอ็นดูประกอบกับการที่นางสามารถระบำได้อย่างสวยสดงดงาม นางนั้นมักจะได้รำถวายในงานเลี้ยงบนสวรรค์โดยให้ปิศาจพิณขับกล่อม และให้ปิศาจไก่ขับขานบทเพลงโดยมีนางจิ้งจอกเต้นระบำให้

ไม่ใช่เพียงแต่เทพเซียนที่ชื่นชมนาง นางก็ชื่นชมเทพเซียนต่างๆเช่นกัน เพราะเทพแต่ละองค์นั้นมีพระพักตร์หมดจดสดใสรูปงามกว่ามนุษย์เป็นไหนๆ นางจิ้งจอกจึงร่าเริงเมื่อถึงวันที่ต้องไปรายงานต่อสวรรค์

กระนั้นก็ตาม ผู้ที่สนองความต้องการของนางได้อย่างแท้จริงมีแต่ ฬ่อก๊ก – ปิศาจจิ้งจอกเช่นเดียวกันเท่านั้น

 

“เจ้าฬ่อ”

“อ้าว กลับมาแล้วเหรอขอรับท่านต๋าจี”

“มานี่”

“อะไรกันขอรับ -- ตอนนี้ต้องรับฟังเสียงของมนุษย์ก่อนนะขอรับ” กรี๊ดดดดด จะลงแดงอยู่แล้วนะยะ

มานี่เลย ไม่สงไม่สนมนุษย์มันละ วันๆมีแต่ขอเรื่องซ้ำๆซากๆ ขอให้รวยมั่งล่ะ ขอให้เจอเนื้อคู่มั่งล่ะ ไม่ออกไปหามันจะเจอได้ไงยะ

ข้ารีบลากเจ้าฬ่อลงไปที่ตำหนักที่เจ้าฬ่อสร้างในศาลของเจ้าแม่และฉีกเสื้อผ้าของเจ้าฬ่อออกจนหมด

“เลียซิ” วู้ยยยยยยยยยยย จั๊กกะจี๋ อยากจั๊กกะจี๋กับแม่ทัพสวรรค์สุดหล่อคนนั้นมั่งจัง

“คราวนี้ไปนานเป็นหกเดือนเลยนะขอรับท่านต๋าจี” อย่าหยุดสิยะ กะลังได้ที่

“ก็เวลาสวรรค์มันเร็วนี่ ข้าขึ้นไปแค่สามวันเอง”

“แปลกนะขอรับ คราวก่อนท่านต๋าจีก็ขึ้นไปสามวัน แต่เวลาโลกมนุษย์กลับเป็นเวลาถึงสามปี”

ว้ายยยยย ทนไม่ไหวแล้วย่ะ มานี่ซะดีๆ

 

นางจิ้งจอกรับหน้าที่เฝ้าศาลถึงห้าปีตามเวลาโลกมนุษย์ แต่นางกลับรู้สึกว่ามันนานเป็นชาติเมื่อต้องอยู่ในที่ๆมีแต่มนุษย์หน้าตาจืดๆ และหลังกลับจากสวรรค์ที่มีแต่เทพบุตรสุดหล่ออยู่เต็ม นางก็ลงมาระบายกับฬ่อก๊กจนหนำใจ

เหตุเพราะสวรรค์ชั้นที่นางชอบนักชอบหนานั้นห้าม เทพกับปิศาจแต่งงาน หรือคบชู้กัน

แม้ว่าต๋าจีจะได้ชื่อว่าเป็นเทพพิทักษ์ – แต่ก็หนีไม่พ้นกำพืดเดิมที่เป็นปิศาจอยู่ดี

ต๋าจีค้นพบว่า แม้นางจะมิได้ขึ้นสวรรค์นานนับปี แต่ก็มิได้มีปัญหาใดเกิดขึ้นต่อหน้าที่การงานของนาง เพราะเวลาสวรรค์นั้นคลาดเคลื่อนอย่างไม่สามารถระบุได้ บางทีก็ช้า บางทีก็เร็ว คาดเดาไม่ได้

กระนั้นก็ตาม นางจิ้งจอกก็มีความสุขดีกับชีวิตในตอนนี้ แม้บางครั้งบางคราวนางอยากจะตะปบมนุษย์กลิ่นหอมที่มาสักการะเจ้าแม่ตะหงิดๆ แต่นางก็ทนไหวเพราะมีฬ่อก๊กคอยเตือนสติอยู่ใกล้ๆ – ฬ่อก๊กเองก็มีความสุขดี เพราะได้เสพอาหารทิพย์เป็นประจำ จนไร้ความอยากในการกินมนุษย์ ต่างกับต๋าจีที่ไม่ชอบเสพอาหารทิพย์เอาเสียเลย

“หากท่านไม่เสพอาหารทิพย์เสียเลย เดี๋ยวฤทธิ์จะเสื่อมเพราะความหิวนะขอรับ” ฬ่อก๊กเตือนต๋าจีในวันหนึ่ง

“หืม – อืม” นางจิ้งจอกตอบรับอย่างเหม่อลอย

“จะดีเหรอขอรับ นี่เลยกำหนดที่จะต้องไปรายการต่อสวรรค์แล้วนะขอรับ” ฬ่อก๊กชี้ไปยังตั้งม้วนรายงานที่สูงโงนเงน

“เรียกเจ้าไก่มาขนไปแล้วกัน” ต๋าจีในร่างครึ่งหมาน้อยนอนแผ่อย่างหมดอาลัยตายอยาก

“ท่าน ไก่เหลิน ขึ้นไปรายงานแล้วขอรับ”

“เหรอ......”

ฬ่อก๊ก ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะบอกว่า “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะฝากท่านหม่าผิง แทนแล้วกันนะขอรับ”

“อืม........” ฬ่อก๊กมองเจ้านายที่หมดไฟอย่างเบื่อๆ เพราะเขาก็รู้สาเหตุดี --

จู่ๆ ต๋าจีในร่างหมาน้อยก็ลุกขึ้นเมื่อได้กลิ่นที่รอคอย จิ้งจอกน้อยแกว่งหางดุ๊กดิ๊กอย่างกระตือรือล้นและมองลอดผ้าแพรไปยังหน้าศาล ชายหนุ่มที่มีกลิ่นหอมผู้หนึ่งบวงสรวงอยู่หน้าศาล ต๋าจีหูผึ่งและตั้งใจฟังคำอธิฐานของชายหนุ่มผู้นั้น

“ข้า จงเซิ่น บุตรของ จงเหลง แม่ทัพชั้นตรีใน ไช่เอวี๋ยนอ๋อง ขอกราบสักการะเจ้าแม่หนี่วาผู้เป็นใหญ่ ด้วยข้าปรารถนาให้แผ่นดินเป็นสุขภายใต้การนำของ ไช่เอวี๋ยนอ๋อง ขอพระองค์โปรดปกปักษ์คุ้มครองท่านอ๋องและบิดาของข้าพเจ้าให้มีชัยในการปราบกบฏฝั่งตะวันตก และกลับมาอย่างปล่อยภัยด้วยเถิด”

นางจิ้งจอกมองหนุ่มน้อยอย่างใจลอย หางทั้งแปดแกว่งดุ๊กดิ๊กโดยไม่รู้ตัว นางชอบกลิ่นของหนุ่มน้อยคนนี้ แม้เสียงก็นุ่มทุ้มลึก

ช่วงเวลาที่นางรอคอยในทุกวันคือการได้มองและฟังเสียงของหนุ่มน้อยจงเซิ่น ที่มาบนบานสักการะทุกวันมิได้ขาด แม้ต๋าจีจะไม่ค่อยใส่ใจในคำอธิฐานเท่าไหร่ แต่นางก็อดเอ็นดูจงเซิ่นที่เป็นบุตรกตัญญูมิได้

 

ต๊าย คนอะไรน่าจิ้ม ฮิ ฮิ

กลิ่มก็หอม เสียงก็หวาน ท่าทางก็น่ารักน่าเอ็นดู หล่อกว่าเทพบุตรบนสวรรค์ซะอีก

อ้าว – กลับแล้วเหรอ ว้า น่าจะอยู่นานๆอีกหน่อยนะ

“นายท่านขอรับ” อุ้ย!! อะไรยะ ตกใจหมดเลย อีตาจิ้งจอกน้อยตัวนี้

“ท่านจงเซิ่น ไปแล้วเหรอขอรับ”

“ก็ไปแล้วน่ะสิ” เฮ้อ ช่วงเวลาแห่งความสุขสันต์ของวันหายไปซะแล้วเหรอ

เอ๊ะ อ้าว เอาพู่กันกับกระดาษรายงานมาให้ข้าทำไมเนี่ย “อะไรกันเจ้าฬ่อ -- ”

เอ๊า – เดินตุ้บๆไปไหนอีกล่ะ อ้าว กลับตำหนักซะงั้น นี่ก็อีกตัว เป็นอะไรอีกล่ะยะ

“เป็นอะไรของเจ้า” ข้าถามอย่างรำคาญๆหลังจากหมดวันและลงไปพักที่ตำหนักใต้ศาล “ลืมหน้าที่ตัวเองรึไง”

“อันที่จริงเป็นหน้าที่ของนายท่านขอรับ” แน่ะ มีย้อน

“หันมาคุยกับข้าดีๆสิยะ” แน๊ะ นอนหันหลังให้อีก เดี๋ยวเถอะ นี่แน่ะ แกล้งด้วยการรัดคอ ฮิ ฮิ ฮิ

“กล้ามากนะยะ ที่ทำเป็นเมินข้า” ข้ารัดคอของเจ้าฬ่อด้วยหางของข้า โถ ท่าทางอึดอัด

“เอาเลยสิขอรับ ทำกับข้าเหมือนกับแม่และพี่น้องของข้าก็ได้ ในเมื่อข้าไม่จำเป็นสำหรับนายท่านแล้ว ฆ่าข้าเลยสิขอรับ” ต๊าย ประชดประชัน งอนอะไรล่ะเนี่ย

ข้าอุ้มเจ้าฬ่อและดึงมาซบอกของข้า ก่อนจะห่อร่างของเราไว้ด้วยหางฟูๆทั้งแปดของข้า

“จำเป็นสิ ใครที่ไหนบอกว่าเจ้าไม่จำเป็นสำหรับข้า” น้อยใจอะไรอีกล่ะ แน่ะ ทำเงียบอีก “ไหน บอกข้าซิ ทำไมจู่ๆเจ้าคิดอย่างนั้น”

“ก็ตั้งแต่ท่านจงเซิ่นมาสักการะที่ศาล ท่านต๋าจีที่ไม่เคยใส่ใจเรื่องราวของมนุษย์ก็เอาแต่ฟังเรื่องของท่านจงเซิ่นคนเดียว รายงานที่ควรส่งสวรรค์ก็ไม่ใส่ใจ แถมตั้งแต่ท่านจงเซิ่นมา ท่านต๋าจีก็ไม่ -- ”

แหม เจ้าจิ้งจอกตัวน้อยนี่ น่ารักซะไม่มี สรุปว่าเหงาล่ะสิ

“โอ๋ๆ เหงาก็ไม่บอก มาๆ” ข้าค่อยๆถอดเสื้อผ้าของเจ้าฬ่อออก

“ไม่ใช่อย่างนั้นขอรับ – สิ่งที่ข้ากลัว – คือการที่ท่านหลงรักมนุษย์ต่างหาก -- ”

อะไรนะยะ –

“ข้าน่ะเหรอ – หลงรักมนุษย์ ไม่เอาน่า” เพ้อเจ้อนะยะ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ

“งั้นตอบข้าตรงๆนะขอรับ – ท่านอยากกินท่านจงเซิ่นหรือเปล่า”

“ไม่นี่” ถึงจะน่าอร่อยก็เถอะ

“นายท่านฟังเสียงของท่านจงเซิ่นแล้วรู้สึกยังไงขอรับ”

“ก็เพราะนี่” ชวนเคลิบเคลิ้มดี

“นายท่านรู้สึกดีใจใช่ไหมที่ท่านจงเซิ่นมา”

“อืม – ก็ ใช่นะ”

“ถ้าหากท่านจะไม่เจอท่านจงเซิ่น ท่านจะยอมไหม”

อะไรยะ – ใครจะยอม “.........................”

“ถ้าข้าจับท่านจงเซิ่นกิน ท่านจะว่าอะไรไหม”

“ไม่ได้นะ!!”

 

ฬ่อก๊ก ดิ้นออกจากอ้อมกอดและมุดผ่านหางฟูๆของต๋าจีออกไปและนั่งขดบนพื้นหินมุมห้อง

“ไม่เอาน่า เจ้าฬ่อ เราได้ชื่อว่าเป็นเทพแล้วนะ จะกินมนุษย์อย่างทุกทีได้ไง” นางจิ้งจอกพยายามอธิบายและเข้าไปกอดฬ่อก๊ก

“ไม่ว่านายท่านจะรู้ หรือแกล้งไม่เข้าใจ – แต่นายท่านกำลังหลงรักท่านจงเซิ่นนั่น” ฬ่อก๊กบอกด้วยน้ำเสียงดื้อดึง

“เอ๊ะ เจ้านี่ยังไง – อย่างอนไปเลยน่า จงเซิ่นก็แค่มนุษย์กลิ่นหอมๆ เทียบกับเจ้าไม่ได้หรอก” ฬ่อก๊กแม้จะหันหน้าเข้ากำแพงแต่ก็แกว่งหางดุ๊กดิ๊กเมื่อได้ยินที่ต๋าจีพูด “มานี่สิ -- ” ต๋าจีพูดพลางหอมแก้มจิ้งจอกหนุ่มและร่วมรักกันจนเกือบสว่าง

 

“นายท่านจะไม่ออกไปเหรอขอรับ” ฬ่อก๊กถามเมื่อเห็นว่าต๋าจีนอนเหยียดบนขนหางนุ่มๆ

“ไม่ล่ะ วันนี้ข้าขี้เกียจ – เจ้าไปเองแล้วกัน จดรายงานให้ข้าด้วยล่ะ” ต๋าจีสั่งพร้อมกับหาวยาวเหยียด ก่อนจะกอดหางฟูๆอันหนึ่งและพริ้มตาหลับ ฬ่อก๊กยิ้มน่ารักก่อนจะจุ๊บแก้มของต๋าจีและขึ้นไปบนศาล

 

“ – ท่านจงเซิ่น..............”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.1 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา