The Undead ฝ่าวิกฤติฝูงนรกซอมบี้
4.0
เขียนโดย Naomizz
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.59 น.
9 ตอน
11 วิจารณ์
12.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 18.31 น. โดย เจ้าของนิยาย
2) ไปให้ถึง !!
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ หลังจากนั้น ภูมิกับสแตมป์ก็หาอะไรที่พอจะเป็นอาวุธได้บ้างในบ้านของภูมิซึ่งมีแค่ไม้เบสบอล แล้วก็มีดสั้น
กับไม้หน้าสามยาวๆเท่านั้น
“ไหวไหมวะเนี่ย ?” สแตมป์พูดแบบเซงๆ
“ก็แค่ฟาดมันให้เต็มแรงแค่นั้นแหละ ไม่ต้องคิดไรหรอก” ภูมิทำสีหน้าเย็นชาตอบไปแบบส่งๆ
ทั้ง 2 คนเดินออกไปจากบ้านโดยมองซ้ายมองขวาด้วยความระแวงทิ้งปอและน็อตไว้ที่บ้าน
“คอยดูพวกกูจากข้างบนนะ ถ้าพวกกูวิ่งมาแล้วให้ไอ้ปอเปิดประตูทันที” ภูมิสั่งน็อตและปอแบบนั้น
และทั้งคู่ก็ตรงดิ่งออกไปแต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งแรก มีพวกสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นอยู่เต็มไปหมด
“คงเป็นเพราะเสียงแก้วแตกนั่นสินะ ที่เรียกพวกมันมา” ภูมิคุยกับสแตมป์พร้อมยิ้มมุมปากออกมา
“ผัวะ!!!” สแตมป์ฟาดไม้หน้าสามลงที่ตัวแรกที่วิ่งเข้ามาหาภูมิอย่างเต็มแรงเลือดกระเซ็นจนมาติดที่เสื้อ ของภูมิเต็มไปหมด
“เนี่ยหรอ ความรู้สึกเวลาฆ่าคน สั่นไปหมดเลยแหะ” สแตมป์พูดออกมาเนื้อตัวสั่นทอไปหมด
“อย่าเข้าใจผิดดิแตมป์ พวกนั้นไม่ใช่คนนะกูถึงฟาดมันได้โดยไม่ลังเลไง”
ภูมิพูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาตัวที่ 2 แล้วก็ตวัดไม้เบสบอลลงไปอย่างเต็มแรง แน่นอนถึงแม้ภูมิจะพูดแบบนั้นแต่เค้าเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้อง ฆ่า แบบนี้เพราะเค้าเรียนหมอมาเคยแต่ช่วยคนมาตลอดแต่
ตอนนี้มันกลับกันเค้ากลับต้อง ฆ่า เพื่อที่จะรอด จะรอดออกไปจากที่นี่หลังจากลุยกันแบบนั้นได้สักพักทั้งคู่เริ่มรู้สึกหมดแรง
กับ ฝูงซอมบี้ที่มีเพิ่มมากเรื่อยๆ ภูมิจึงชูมือขึ้นแล้วชู 2 นิ้ว เพื่อบอกน็อตว่าใช้แผน 2 ต่อเลย
“เพล้ง!!!!!!” น็อตปาแก้วลงไปคนละทางกับที่พวกภูมิอยู่ ฝูงซอมบี้ที่กำลังเดินมาทางภูมิจึงเปลี่ยนทางไปตามเสียงแก้ว
“อย่างที่คิดเลย แฮ่กๆ” ภูมิพูดด้วยความเหนื่อยล้า
แล้วจึงวิ่งไปหาสแตมป์ที่นั่งเหนื่อยอยู่ทั้งคู่จึงรีบตรงดิ่งไปยังบ้านของสแตมป์โดยฟาดซอมบี้ระหว่างทางไปด้วย
”ทำไมถึงทำแบบนั้นวะภูมิ มึงรู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันแล้วหรอ ?”
“ก็พอรู้แหละ จำตอนที่เห็นพี่เอ๋ได้ไหมทั้งที่เราเป็นบ้านเดียวที่เปิดไฟแต่กลับไม่มีทีท่าว่าพี่เอ๋จะเห็นเราเลยกูเลยคิดว่าซอมบี้พวกนี้ไม่น่าจะมองเห็น” ภูมิเริ่มอธิบายที่สแตมป์สงสัยอย่างละเอียด
“งั้นทำไมมันถึงมาทำร้ายพวกเราได้วะถ้ามันมองไม่เห็นอ่ะ ?” สแตมป์แย้งขึ้นมา
“เอาเป็นว่าพวกเราไปให้ถึงบ้านมึงก่อนเหอะดูเหมือนพวกมันจะมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
ทั้งคู่จึงรีบวิ่งไปจนถึงหน้าบ้านของสแตมป์แน่นอนมันถูกปิดอยู่ที่กลอนประตูก็เป็นเหมือนบ้าน
ของภูมิที่มีเลือดติดอยู่ที่ลูกบิดซึ่งไม่ต้องสงสัยเพราะสิ่งที่ผ่านมาช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมดแล้ว
“เดี๋ยวกูไขกุญแจให้ มึงไปยืนดูสถานการณ์ก่อน” สแตมป์พูดกับภูมิแบบนั้น
แต่ในระหว่างที่สแตมป์กำลังไขประตูอยู่นั้นก็มี ซอมบี้ตัวนึงกระโจนออกมาจากต้นไม้แถวนั้น
“พรึ่บบบบ!!” แน่นอนเป้าหมายของมันคือสแตมป์มันพุ่งไปยังสแตมป์อย่างเต็มที่พร้อมที่จะกัดให้ได้
แต่สแตมป์รั้งไว้มือสองข้างก็บีบคอแล้วดันไอ้ตัวประหลาดนี่ออกไปแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเลย
“แรงอะไรวะเนี่ย ไม่ไหวแล้ววววววว !!” สแตมป์ร้องออกมาอย่างตกใจสุดขีด
“ก้มหัวลง!!!” เสียงดังมาจากข้างหลัง สแตมป์ได้ยินดังนั้นจึงปล่อยมือและก้มลงทันที
“ผัวะ!!!!!!”ภูมิฟาดลงไปเต็มแรงที่หัวของซอมบี้ตัวนั้นพร้อมตีซ้ำจนเละไปหมดไม่เหลือสภาพศพเลยเหมือนเป็นซากอะไรที่เน่าเละสะมากกว่า
“ไม่ติดหนี้บุญคุณละนะ” ภูมิยิ้มออกมาแบบนั้น
สแตมป์จึงรีบไขกุญแจเข้าไป เมื่อทั้งคู่เข้ามาในบ้านก็เช็คชั้นล่างก่อนว่าประตู หน้าต่าง
ปิดสนิทดีหรือไม่หลังจากเช็คจนแน่ใจจึงมานั่งกันอยู่ที่ประตู ทั้ง 2 ไม่พูดคุยกันเลยได้แต่นั่งหอบ
“ให้ตายสิ พึ่งเคยรู้สึกว่ากลับบ้านตัวเองลำบากก็วันนี้แหละ ฮ่าๆ” สแตมป์หัวเราะออกมาดังลั่น
“ชู่วว เงียบหน่อยอย่าเอะไป” ภูมิรีบตัดบททันทีทำท่าทางเหมือนกลัวออะไรสักอย่าง
“มีอะไรวะ เออมึงลองเล่าต่อดิว่าไง??”
“เออ เท่าที่กูลองสังเกตุดูจากเหตุการณ์แรกนะ พวกมันจะตามเสียงเพราะที่รู้ก็คือตอนที่พวกเรามาที่นี่พวกมันยังไม่ออกมาเลยแต่พอเรามาถึงพวกมันกลับมาสะงั้นคิดได้อย่างเดียวคือ มันตามเสียงรถเรามาลองดูตามทางที่เราขับรถมาดิไม่มีเสียงไม่มีรถเลยไม่แปลกที่เราจะไม่เจอพวกมัน ไม่ใช่แค่นั้นนะ ดูอย่างตอนเสียงแก้วแตกดิพวกมันก็แห่กันมาเลยใช่ไหมล่ะกูเลยลองเดิมพันตรงส่วนนั้นดู” ภูมิอธิบายอีกครั้งอย่างละเอียดแสตมป์เองก็ฟังอย่างตั้งใจเช่นเดียวกัน
“หมายความว่าถ้ากูออกมาคนเดียวกูก็ตายไปแล้วอะดิ ?” สแตมป์พูดกับภูมิด้วยท่าทางตลก
“ก็คงงั้น ความผิดปกติมีมาตั้งแต่ที่เข้ามาในดอนเมืองแล้วล่ะ ผู้คนหายไปไหน แล้วคนในหมู่บ้านล่ะ รอยเลือดอีก ทั้งหมดคงไม่ต้องอธิบายแล้วนะ”
“ถ้างั้น ครอบครัวพวกกูล่ะ ?” สแตมป์เริ่มทำหน้าเครียดอีกครั้ง
“…” ภูมิเงียบได้แต่ส่ายหัวไปมา สแตมป์ถึงกับร้องไห้ออกมาแน่นอนสำหรับภูมิมันคือความโชคดี
ที่ครอบครัวเค้าไปต่างจังหวัดกันและคงอีกนานกว่าจะกลับมาแต่เมื่อนึกถึง ทุกคนในนี้ภูมิกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ไม่แสดงอาการดีใจสักนิดได้แต่นั่งมอง สแตมป์ร่ำไห้ออกมาแบบนั้นโดยที่
พูดอะไรไม่ได้เพราะคิดว่าพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น จึงปล่อยไว้แบบนั้น ปล่อยให้สแตมป์ลบล้างความรู้สึกผ่านทางน้ำตาเพื่อที่เค้าจะได้เข้มแข็งขึ้นมาภูมิคิดว่านี่คงไม่ใช่ครั้ง
สุดท้ายหรอกที่เค้าจะได้เห็นภาพแบบนี้ในกลุ่มคนที่เค้ารู้จักเพราะอาจจะมีใครอีกที่สูญเสียครอบครัวไปกับสัตว์นรกพวกนี้อีก เค้าคิดว่าถ้านี่เป็นครอบครัวเค้าเค้าคงเป็นแบบที่สแตมป์กำลังเป็นอยู่แน่ๆ
“เอาล่ะพวกเราขึ้นไปเอามีดกันเหอะ” สแตมป์ปาดน้ำตาหนึ่งครั้งแล้วลุกขึ้น
“อื้อ” ภูมิหลับตาพลางยิ้มเมื่อเห็นสแตมป์เลือกที่จะเข้มแข็งขึ้นแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากชั้นบน
“ตูม!!!” เหมือนเสียงตู้หรืออะไรล้มลงสักอย่างแต่ดีที่เสียงไม่ดังมากจึงไม่น่าจะมีผลกับพวกข้างนอกนั่นสแตมป์และภูมิมองหน้ากันอีกครั้งแต่คราวนี้ทั้งคู่หยิบอาวุธโดยที่ไม่ต้องนัดกันเลยแล้วทั้งคู่จึงรีบวิ่งขึ้นไปดูทันที…
กับไม้หน้าสามยาวๆเท่านั้น
“ไหวไหมวะเนี่ย ?” สแตมป์พูดแบบเซงๆ
“ก็แค่ฟาดมันให้เต็มแรงแค่นั้นแหละ ไม่ต้องคิดไรหรอก” ภูมิทำสีหน้าเย็นชาตอบไปแบบส่งๆ
ทั้ง 2 คนเดินออกไปจากบ้านโดยมองซ้ายมองขวาด้วยความระแวงทิ้งปอและน็อตไว้ที่บ้าน
“คอยดูพวกกูจากข้างบนนะ ถ้าพวกกูวิ่งมาแล้วให้ไอ้ปอเปิดประตูทันที” ภูมิสั่งน็อตและปอแบบนั้น
และทั้งคู่ก็ตรงดิ่งออกไปแต่คราวนี้ไม่เหมือนครั้งแรก มีพวกสัตว์เดรัจฉานพวกนั้นอยู่เต็มไปหมด
“คงเป็นเพราะเสียงแก้วแตกนั่นสินะ ที่เรียกพวกมันมา” ภูมิคุยกับสแตมป์พร้อมยิ้มมุมปากออกมา
“ผัวะ!!!” สแตมป์ฟาดไม้หน้าสามลงที่ตัวแรกที่วิ่งเข้ามาหาภูมิอย่างเต็มแรงเลือดกระเซ็นจนมาติดที่เสื้อ ของภูมิเต็มไปหมด
“เนี่ยหรอ ความรู้สึกเวลาฆ่าคน สั่นไปหมดเลยแหะ” สแตมป์พูดออกมาเนื้อตัวสั่นทอไปหมด
“อย่าเข้าใจผิดดิแตมป์ พวกนั้นไม่ใช่คนนะกูถึงฟาดมันได้โดยไม่ลังเลไง”
ภูมิพูดพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาตัวที่ 2 แล้วก็ตวัดไม้เบสบอลลงไปอย่างเต็มแรง แน่นอนถึงแม้ภูมิจะพูดแบบนั้นแต่เค้าเจ็บปวดทุกครั้งที่ต้อง ฆ่า แบบนี้เพราะเค้าเรียนหมอมาเคยแต่ช่วยคนมาตลอดแต่
ตอนนี้มันกลับกันเค้ากลับต้อง ฆ่า เพื่อที่จะรอด จะรอดออกไปจากที่นี่หลังจากลุยกันแบบนั้นได้สักพักทั้งคู่เริ่มรู้สึกหมดแรง
กับ ฝูงซอมบี้ที่มีเพิ่มมากเรื่อยๆ ภูมิจึงชูมือขึ้นแล้วชู 2 นิ้ว เพื่อบอกน็อตว่าใช้แผน 2 ต่อเลย
“เพล้ง!!!!!!” น็อตปาแก้วลงไปคนละทางกับที่พวกภูมิอยู่ ฝูงซอมบี้ที่กำลังเดินมาทางภูมิจึงเปลี่ยนทางไปตามเสียงแก้ว
“อย่างที่คิดเลย แฮ่กๆ” ภูมิพูดด้วยความเหนื่อยล้า
แล้วจึงวิ่งไปหาสแตมป์ที่นั่งเหนื่อยอยู่ทั้งคู่จึงรีบตรงดิ่งไปยังบ้านของสแตมป์โดยฟาดซอมบี้ระหว่างทางไปด้วย
”ทำไมถึงทำแบบนั้นวะภูมิ มึงรู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันแล้วหรอ ?”
“ก็พอรู้แหละ จำตอนที่เห็นพี่เอ๋ได้ไหมทั้งที่เราเป็นบ้านเดียวที่เปิดไฟแต่กลับไม่มีทีท่าว่าพี่เอ๋จะเห็นเราเลยกูเลยคิดว่าซอมบี้พวกนี้ไม่น่าจะมองเห็น” ภูมิเริ่มอธิบายที่สแตมป์สงสัยอย่างละเอียด
“งั้นทำไมมันถึงมาทำร้ายพวกเราได้วะถ้ามันมองไม่เห็นอ่ะ ?” สแตมป์แย้งขึ้นมา
“เอาเป็นว่าพวกเราไปให้ถึงบ้านมึงก่อนเหอะดูเหมือนพวกมันจะมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว”
ทั้งคู่จึงรีบวิ่งไปจนถึงหน้าบ้านของสแตมป์แน่นอนมันถูกปิดอยู่ที่กลอนประตูก็เป็นเหมือนบ้าน
ของภูมิที่มีเลือดติดอยู่ที่ลูกบิดซึ่งไม่ต้องสงสัยเพราะสิ่งที่ผ่านมาช่วยไขข้อสงสัยทั้งหมดแล้ว
“เดี๋ยวกูไขกุญแจให้ มึงไปยืนดูสถานการณ์ก่อน” สแตมป์พูดกับภูมิแบบนั้น
แต่ในระหว่างที่สแตมป์กำลังไขประตูอยู่นั้นก็มี ซอมบี้ตัวนึงกระโจนออกมาจากต้นไม้แถวนั้น
“พรึ่บบบบ!!” แน่นอนเป้าหมายของมันคือสแตมป์มันพุ่งไปยังสแตมป์อย่างเต็มที่พร้อมที่จะกัดให้ได้
แต่สแตมป์รั้งไว้มือสองข้างก็บีบคอแล้วดันไอ้ตัวประหลาดนี่ออกไปแต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดเลย
“แรงอะไรวะเนี่ย ไม่ไหวแล้ววววววว !!” สแตมป์ร้องออกมาอย่างตกใจสุดขีด
“ก้มหัวลง!!!” เสียงดังมาจากข้างหลัง สแตมป์ได้ยินดังนั้นจึงปล่อยมือและก้มลงทันที
“ผัวะ!!!!!!”ภูมิฟาดลงไปเต็มแรงที่หัวของซอมบี้ตัวนั้นพร้อมตีซ้ำจนเละไปหมดไม่เหลือสภาพศพเลยเหมือนเป็นซากอะไรที่เน่าเละสะมากกว่า
“ไม่ติดหนี้บุญคุณละนะ” ภูมิยิ้มออกมาแบบนั้น
สแตมป์จึงรีบไขกุญแจเข้าไป เมื่อทั้งคู่เข้ามาในบ้านก็เช็คชั้นล่างก่อนว่าประตู หน้าต่าง
ปิดสนิทดีหรือไม่หลังจากเช็คจนแน่ใจจึงมานั่งกันอยู่ที่ประตู ทั้ง 2 ไม่พูดคุยกันเลยได้แต่นั่งหอบ
“ให้ตายสิ พึ่งเคยรู้สึกว่ากลับบ้านตัวเองลำบากก็วันนี้แหละ ฮ่าๆ” สแตมป์หัวเราะออกมาดังลั่น
“ชู่วว เงียบหน่อยอย่าเอะไป” ภูมิรีบตัดบททันทีทำท่าทางเหมือนกลัวออะไรสักอย่าง
“มีอะไรวะ เออมึงลองเล่าต่อดิว่าไง??”
“เออ เท่าที่กูลองสังเกตุดูจากเหตุการณ์แรกนะ พวกมันจะตามเสียงเพราะที่รู้ก็คือตอนที่พวกเรามาที่นี่พวกมันยังไม่ออกมาเลยแต่พอเรามาถึงพวกมันกลับมาสะงั้นคิดได้อย่างเดียวคือ มันตามเสียงรถเรามาลองดูตามทางที่เราขับรถมาดิไม่มีเสียงไม่มีรถเลยไม่แปลกที่เราจะไม่เจอพวกมัน ไม่ใช่แค่นั้นนะ ดูอย่างตอนเสียงแก้วแตกดิพวกมันก็แห่กันมาเลยใช่ไหมล่ะกูเลยลองเดิมพันตรงส่วนนั้นดู” ภูมิอธิบายอีกครั้งอย่างละเอียดแสตมป์เองก็ฟังอย่างตั้งใจเช่นเดียวกัน
“หมายความว่าถ้ากูออกมาคนเดียวกูก็ตายไปแล้วอะดิ ?” สแตมป์พูดกับภูมิด้วยท่าทางตลก
“ก็คงงั้น ความผิดปกติมีมาตั้งแต่ที่เข้ามาในดอนเมืองแล้วล่ะ ผู้คนหายไปไหน แล้วคนในหมู่บ้านล่ะ รอยเลือดอีก ทั้งหมดคงไม่ต้องอธิบายแล้วนะ”
“ถ้างั้น ครอบครัวพวกกูล่ะ ?” สแตมป์เริ่มทำหน้าเครียดอีกครั้ง
“…” ภูมิเงียบได้แต่ส่ายหัวไปมา สแตมป์ถึงกับร้องไห้ออกมาแน่นอนสำหรับภูมิมันคือความโชคดี
ที่ครอบครัวเค้าไปต่างจังหวัดกันและคงอีกนานกว่าจะกลับมาแต่เมื่อนึกถึง ทุกคนในนี้ภูมิกลับไม่รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ไม่แสดงอาการดีใจสักนิดได้แต่นั่งมอง สแตมป์ร่ำไห้ออกมาแบบนั้นโดยที่
พูดอะไรไม่ได้เพราะคิดว่าพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น จึงปล่อยไว้แบบนั้น ปล่อยให้สแตมป์ลบล้างความรู้สึกผ่านทางน้ำตาเพื่อที่เค้าจะได้เข้มแข็งขึ้นมาภูมิคิดว่านี่คงไม่ใช่ครั้ง
สุดท้ายหรอกที่เค้าจะได้เห็นภาพแบบนี้ในกลุ่มคนที่เค้ารู้จักเพราะอาจจะมีใครอีกที่สูญเสียครอบครัวไปกับสัตว์นรกพวกนี้อีก เค้าคิดว่าถ้านี่เป็นครอบครัวเค้าเค้าคงเป็นแบบที่สแตมป์กำลังเป็นอยู่แน่ๆ
“เอาล่ะพวกเราขึ้นไปเอามีดกันเหอะ” สแตมป์ปาดน้ำตาหนึ่งครั้งแล้วลุกขึ้น
“อื้อ” ภูมิหลับตาพลางยิ้มเมื่อเห็นสแตมป์เลือกที่จะเข้มแข็งขึ้นแต่ทันใดนั้นก็มีเสียงมาจากชั้นบน
“ตูม!!!” เหมือนเสียงตู้หรืออะไรล้มลงสักอย่างแต่ดีที่เสียงไม่ดังมากจึงไม่น่าจะมีผลกับพวกข้างนอกนั่นสแตมป์และภูมิมองหน้ากันอีกครั้งแต่คราวนี้ทั้งคู่หยิบอาวุธโดยที่ไม่ต้องนัดกันเลยแล้วทั้งคู่จึงรีบวิ่งขึ้นไปดูทันที…
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ