คว้าหัวใจยัยหงส์น้อย
5.3
เขียนโดย นิกซ์
วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 15.56 น.
32 ตอน
7 วิจารณ์
34.28K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มีนาคม พ.ศ. 2559 23.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
3) บทที่ 2 การตัดสินใจ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยามเย็น ชายแดนประเทศคาลอส
สถานที่ที่เต็มไปด้วยทะเลทรายสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ดุจปุยนุ่นที่นั้นมีโอเอซิส(แหล่งน้ำกลางทะเลทราย)ที่ไม่ใหญ่มากใกล้ๆนั้นมีกระโจมสีแดงเด่นสะดุดตาอยู่หนึ่งหลังที่ตั้งอยู่ภายในนั้นร่างบางของฟานเชสก้า ดาเดนดี้นอนอยู่บนเบาะนอนขนาดใหญ่ เธอตื่นขึ้นมาอย่างงุนงงก่อนจะบ่นพึมพำกับตนเอง”นี่เราอยู่ที่ไหนเนี่ย” ร่างบางหันมองไปรอบๆตอนนี้อยู่ในกระโจมที่ตกแต่งเรียบง่าย เธอหันมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ”นี่เราสลบไปตั้งเกือบเจ็ดชั่วโมงเลยเหรอ ใครช่วยเราไว้นะ”
ย้อนไปเจ็ดชั่วโมงก่อน
ยามสาย ชายแดนประเทศคาลอส
ร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบสามในชุดทะมัดทะแมงเสื้อยืดสีเขียวไข่กากางเกงยีนสีกากีสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีเดียวกัน สวมรองเท้าสั้นบู๊ทสีดำและผูกผ้าพันคอสีแดงทำให้ดูเด่น ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยนั้นรวบหางม้า ในมือเล็กนั้นกำลังถือกล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ล่าสุด พวงแก้มสีแทนขาวเริ่มขึ้นสีเพราะอากาศที่เริ่มร้อนมากขึ้นเธอมองรูปที่ถ่ายอย่างภูมิใจ
”ว้าว สวยจริงๆงานนี้ถ้าส่งรูปพวกนี้เข้าประกวดล่ะก็ ฉันต้องได้รางวัลแน่เลย”
ฟานเชสก้าเอามือปาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากหน้าผาก เธอแอบหนีมาที่นี่มาได้อาทิตย์หนึ่งแล้วแล้วเพราะตัวเธอนั้นเบื่อเหลือเกินที่มักจะโดนผู้เป็นพ่อเอาตัวเธอไปเปรียบกับรีเบ็คก้า สวอน ลูกพี่ลูกน้องสาวสุดอัจฉริยะที่เรียนข้ามชั้นจบแพทย์ที่ฮาร์วาร์ดตั้งแต่อายุแค่สิบสี่ด้วยมีดักรีเกียตินิยมอันดับหนึ่งแล้วมาต่อโทบริหารโรงแรมที่อ๊อกซฟอร์ดเรียนปีเดียวจบแถมได้เกียรตินิยมอันดับสองอีกผิดกับเธอที่เพิ่งจบจากมหาลัยเอกชนสาขานิเทศมาสามปีตอนนี้ทำงานเป็นช่างภาพอิสระ ถึงแม้เธอและญาติผู้น้องไม่ได้ติดใจอะไรหากแต่โดนเปรียบอยู่บ่อยๆมันก็ทนไม่ได้เธอแค่อยากทำในสิ่งที่เธอรักก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าบางครั้งมันอาจจะสร้างปัญหาใหคนรอบข้างไปบ้างก็เถอะ เมื่อครั้งล่าสุดเธอดันแอบถ่ายนางแบบสาวที่กำลังหลับน้ำลายไหลคาโต๊ะเครื่องแป้งตอนนั้นแม่นางแบบรายนั้นจะเอาเรื่องเธอยังดีที่รีเบ็คก้าผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องคนเก่งรู้จักกับคนในวงการจึงสามารถช่วยไกล่เกลี่ยได้ทำเอาเธอโดนลูกพี่ลูกน้องคนเก่งบ่นใส่เป็นชุด ฟานเชสก้าส่ายหัวไล่ความคิดก่อนจะตรงไปที่รถจิ๊บที่เธอเช่ามาแล้วเก็บกล้องเข้ากระเป๋า
พายุทรายได้เกิดขึ้นด้านหลังของเธอหญิงสาวรีบขึ้นรถแล้วขับหนึตามสัญชาตญาณหากแต่ว่าคลื่นพายุทรายนั้นตามมาทันและได้พัดทั้งตัวเธอแล้วรถไปจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ
กลับมปัจจุบัน
หญิงสาวรู้สึกคอแห้งเหลือเกินแต่ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไรก็มีชายคนหนึ่งในชุดคาฟทานสีดำสนิทใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าโพกศรีษะสีเดียวกันเกือบหมดเหลือแต่เพียงตาสีฟ้าคมงามแหวกม่านเข้ามาชายคนนั้นถามด้วยรน้ำเสียงสุภาพ"คุณฟื้นแล้วดีจัง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า"
"นิดหน่อยค่ะ ปวดตรงหัวนิดหน่อยคงเพราะหัวไปกระแทกกับอะไรซักอย่างและก็หิวน้ำมากค่ะ"
ชายคนนั้นยื่นถุงใส่น้ำที่ทำจากหนังสัตว์มาตรงหน้าเธอ ฟานเชสก้ารับมันมาดื่มทันทีถึงแม้ว่าเธอจะได้กลิ่นหืนทะแม่งๆแต่ตอนนี้น้ำมันมีค่าที่สุด
"ฮ้า..ค่อยยังชั่วขอบคุณค่ะ"เธอยื่นถุงใส่น้ำคืนหากแต่ชายคนนั้นกลับไม่รับและพูดขึ้น
"คุณดื่มนิดเดียวเอง ดื่มอีกหน่อยเถอะคุณสลบไปตั้งหลายชั่วโมงนะ ดื่มให้หมดเลยก็ได้"
หญิงสาวยิ้มรับ"งั้นไม่เกรงใจนะค่ะ"ว่าแล้วเธอก็ยกถุงน้ำขึ้นดื่มไปหลายอึกจนน้ำหมดถุง ฟานเชสก้าถาม"คุณช่วยฉันไว้ใช่ไหมค่ะ"
ชายคนนั้นพยักหน้ารับพลางเล่าเหตุการณ์"ครับตอนนั้นผมขี่อูฐผ่านมากำลังจะหลบพายุทรายก้เห็นคุณกำลังขับรถหนีพายุทรายพอดีผมเลยเข้าไปช่วยคุณไว้ โชคดีที่คุณไม่เป็นไรมากนะครับ"
ฟานเชสก้าหันไปหันมาก่อนจะถาม"เอ่อ...คุณเห็นประเป๋าใส่กล้องของฉันไหมค่ะ"
ชายคนนั้นหยิบกล้องถ่ายรูปออกมา"อยู่ที่ผมครับ ตอนนั้นคุณกอดกระเป๋าแน่นเลย คุณถ่ายรูปเก่งมาก รูปสวยมากกว่าที่จริงๆซะอีกนะครับ ยิ่งภาพที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นเนี่ยสวยมากเลยครับ"
คนถูกชมนั้นเขินดวงหน้าสวยนั้นขึ้นสี ชายคนนั้นถามต่อ"ว่าแต่คุณชื่ออะไรรึครับผมจะได้เรียกคุณถูก"
หญิงสาวแนะนำตนอย่างเป็นกันเอง"ฉัน ฟานเชสก้า ดาเดนดี้ เรียกว่า ฟานก็ได้ ฉันเป็นช่างภาพอิสระจากอังกฤษค่ะ"
เขาแนะนำตัวสั้นๆ"ผม อามุล ครับ"
แต่ทันใดนั่นเองฟานเชสก้าเริ่มรู้สึกมึนหัวภาพของคนตรงหน้านั้นเริ่มเบลอ"คุณ..สะ..ใส่อะไรไว้ใน..น้ำกันน่ะ"และแล้วสติของเธอก็ดับวูบลง(อีกรอบ)
"อ๊ะ!"
ฟานเชสก้ารู้สึกเธอลุกขึ้นก็พบว่าตัวเธอนอนอยู่บนเตียงหนาสีขาวขนาดใหญ่ข้างๆมีโต๊ะสวยตั้งแจกันลายวิจิตรที่ใส่ดอกกุหลาบสีแดงสดส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เธอมองมาที่ตัวเองก็พบว่ายังอยู่ในชุดเดิม
...นี่ฉันถูกลักพาตัวมาเหรอ...
หญิงสาวสังเกตว่าที่นี่น่าจะเป็นห้องที่ไหนซักแห่งหนึ่งเธอค่อยๆลุกขึ้นแล้วมองไปที่หน้าต่างทำเอาเธอช็อคเพราะที่เธอเห็นคือกำแพงสีขาวนอกกำแพงนั้นคือทะเลทรายสีขาว
...นี่ฉันยังอยู่ที่คาลอสรึเนี่ย!...แล้วนี่ก็เช้าแล้วด้วย...
หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู"แปดโมงเช้าแล้วเหรอเนี่ย"
เธอรีบหาโทรศัพท์มือถือของตนที่คิดว่าน่าจะยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง"เจอแล้ว"
ว่าแล้วเธอก็รีบพิมพ์ข้อความด้วยความเร็วส่งไปให้ลูกพี่ลูกน้องสาวคนเก่งของเธอทันที
"ฟื้นแล้วเหรอครับ"อามุลเข้ามาถามเสียงใสหากแต่ภาพที่เค้าเห็นคือหญิงสาวต่างชาติกำลังส่งข้อความอารมณ์โกรธในตัวของเขานั้นปะทุทันที เขาคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือหญิงสาวเขวี้ยงทิ้งอย่างไม่แยแสเลยสักนิด
ฟานเชสก้าหันมาถาม"คุณอะไรเนี่ย แล้วคุณเป็นใคร"เธอมองชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาผิวขาวสะอาดผมสีดำตาสีฟ้าคมงามในชุดคาฟทานสีน้ำเงินเข้ม
อามุลตอบก่อนจะถามกลับด้วยเสียงเย็นๆ"ผมอามุล คนที่ช่วยชีวิตคุณไว้ไงล่ะแล้วคุณล่ะกำลังทำอะไร"
"ฉันส่งข้อความให้ญาติของฉันมาช่วยไงล่ะ เขาจะมาช่วยฉันกลับอังกฤษ"
อามุลหัวเราะในลำคอ"ถึงมาเขาก็คงพาคุณไปไม่ได้หรอกครับ"
ฟานเชสก้าถามพลางเดินถอยหลังจนชิดผนังห้อง"ทะ..ทำไมคุณจะทำอะไรฉัน"
อามุลเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแต่กระนั้นกลับทำให้ฟานเชสก้ารู้สึกเสียวสันหลัง"ก็...ทำให้คุณเป็นภรรยาผมไง"
อามุลรีบเข้าคว้าตัวหญิงสาวทันทีหากแต่ช้าไปฟานเชสก้ารีบปัดมือออกพร้อมวิ่งออกจากห้องอย่างไม่คิดชีวิตพลางภาวนา...พระเจ้าได้โปรดให้เบ็คกี้ได้รับข้อความทีเถอะหรือไม่ก็ส่งพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยลูกตอนนี้ด้วย...
ทันใดนั้นเอง
'โครม!'
ฟานเชสก้าวิ่งไปชนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินถือกระเป๋าสะพายมาทำให้ทั้งคู่ล้มตึงทันที คนถูกชนนั้นโวยทันที"เดินดูทางบ้างสิผมรีบ"
ฟานเชสก้ามองหน้าอีกฝ่ายชัดๆก่อนจะโผเข้ากอด"อารอง อารองจริงๆด้วย"
อารองหรือวีอารอง จินเดอร่า เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงผมสีดำยาวละต้นคอผิวขาวซีดตาสีเขียวที่สวมแว่นกรอบดำปิดไว้ลูกครึ่งอังกฤษฝรั่งเศสสุดอัจฉริยะ(อีกคน)ที่ตอนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงของลอนดอนตั้งแต่อายุสิบห้าแถมยังเป็นแพทย์ผ่าตัดมือฉมังหาตัวจับยากอีก สำหรับเธออารองคือน้องชายที่น่าเอ็นดู
คนถูกกอดถามขึ้น"ฟานเหรอ เธอมาที่นี่ได้ยังไง"
"ฉันถูกไอ้หื่นนั่นลักพาตัวมา"เธอคลายอ้อมกอดแล้วเธอชี้ไปที่ชายหนุ่มที่วิ่งตามเธอมา
วีอารองขยับแว่นเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พออามุลวิ่งมาถึงฟานเชสก้าหลบหลังของเด็กหนุ่มทันที "นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเจ้าชายอามุล ผมงง"
"ห๊า!!"ฟานเชสก้าช็อคไปชั่วขณะ...ตาหื่นเนี่ยนะเจ้าชาย..แต่จะว่าไปแล้วเขาก็หล่อดี...
เจ้าชายอามุลเล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ที่เขาไปเจอฟานเชสก้าจนถึงตอนที่พาเธอมาพักที่วังนี่
เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหันมาถาม"อืมๆว่าแต่ฟานเธอส่งข้อความไปให้ใครเหรอ"
หญิงสาวตอบทันที"เบ็คกี้ไง"
หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษฝรั่งเศสเหงื่อตกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ"ถ้ามันยอมมานะ"
หากแต่ฟานเชสก้าพูดอย่างมั่นใจ"ฉันเชื่อว่าเบ็คกี้ต้องมาช่วยฉันแน่ ว่าแต่อารองนายมาอยู่ที่ได้ไงอ่ะ"
เด็กหนุ่มตอบอย่างเซ็งๆ"ก็ฉันมาสอนหนังสือแทนยัยลินดาไงล่ะ ก็ยัยนั่นดันอยากช้อบปิ้งที่ฝรั่งเศสแล้วบังคับให้ฉันมาทำงานแทนไง"
หญิงสาวงุนงงจนต้องเอียงคอถาม"อ้าว แล้วงานที่โรงพยาบาลล่ะ"
วีอารองตอบ"ยัยลินดาให้แม่ดูแลแทนแล้ว ฉันก็ถือโอกาสออกมาจากห้องผ่าตัดบ้าง"
เจ้าชายอามุลเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินในบทสนทนานี้จึงถาม"สรุปพวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอแล้วคุณจินเดอร่าไม่ได้เป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศสเหรอครับ"
ทั้งสองตอบพร้อมเพียงกัน"ใช่"
ฟานเชสก้าเสริม"อารองเป็นน้องชายทูนหัวของฉันค่ะ เจ้าชาย"
วีอารองรีบแก้ต่าง"เอ่อ ครับพอดีแม่ของฟานเป็นแม่ทูนหัวผมครับและก็ใช่ผมไม่ใช่ครูสอนภาษาฝรั่งเศสหรอกผมเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเอกชนในลอนดอนครับ ลินดาเป็นพี่สาวผมเอง"
เจ้าชายอามุลพยักเข้าใจก่อนจะทัก"ว่าแต่คุณฟานคุณเอาแรงวิ่งมาจากไหนครับ เท่าที่ผมจำได้คุณกินน้ำเท่านั้นเอง"
พอเจ้าชายหนุ่มทักเท่านั้นหญิงสาวก็หมดแรงข้าวต้มทันทีแล้วหันไปหาวีอารอง"อารองนายช่วยฉันกลับบ้านที ขอร้องล่ะ"
เด็กหนุ่มพูดขึ้น"ฟาน ฉันมีเรื่องจะบอกนะฟังให้ดีๆล่ะ"เด็กหนุ่มเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง"ฉันเองยังกลับบ้านไม่ได้เลย เมื่อสามวันก่อนพาสปอร์ตฉันโดนท่านชีคแกล้งทำหล่นน้ำกว่าจะได้อีกนาน และคิดว่าฉํนจะมีปัญญาช่วยเธอเหรอ!"
ฟานเชสก้าจ๋อยลงทันที"ฉันคงโดนไอ้หื่นนี่ปล้ำแน่"
วีอารองจึงเข้าไปกระซิบข้างหูเจ้าชายอามุล"นี่ๆเจ้าชาย ถ้าชอบยัยนั่นก็อย่าทำให้ยัยนั่นตื่นตูมสิ แต่ถ้าคุณไปทำอะไรยัยฟานล่ะก็เบ็คมันเอาตายแน่ มันไม่ไว้หน้าใครซะด้วยนะครับ ผมขอตัวไปสอนเจ้าหญิงมิเรน่าก่อน"
พอกระซิบจบเด็กหนุ่มก็เดินจากไปทิ้งฟานเชสก้าไว้กับเจ้าชายอามุลสองคน
เจ้าชายอามุลหันมาสั่งนางกำนัล"มีใครอยู่แถวนี่บ้างมานี่สิ"ไม่นานนางกำนัลสาวสามคนก็เดินเข้ามาเตรียมรับคำสั่ง"พาคุณผู้หญิงคนนี้ไปอาบน้ำและจัดหาเสื้อผ้าและสั่งให้ห้องเครื่องเตรียมมื้อเช้าให้เธอด้วย"
สั่งเสร็จเจ้าชายอามุลก็เดินจากไป
นางกำนัลสาวสามคนต่างช่วยพาฟานเชสก้าไปอาบน้ำโดยที่หญิงสาวไม่สามารถขัดขืนได้เลยจึงทำได้เเต่เพียงบ่นในใจ...อารองนะอารองไม่ช่วยกันบ้างเลย...
ทางด้านวีอารอง
ตอนนี้เด็กหนุ่มพยายามเร่งฝีเท้าของตนเองเต็มที่เพื่อไปสอนหนังสือให้ทันเวลา พอมาถึงเขาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ"ทันพอดี"
"อ้าว คุณครูจินเดอร่ามาแล้วเหรอค่ะเจ้าหญิงทรงรอคุณอยู่ค่ะ"แม่นมประจำตัวของเจ้าหญิงมิเรน่า มีร่า ตรงเข้ามาหาเขาก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในห้องหนังสือ ก็พบร่างบอบบางของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีในชุดคาฟทานสีชมพูหวานเข้ากับผิวที่ขาวอมชมพูเนียนใสสมวัยผมสีดำสลวยถูกถักเป็นเปียเดี่ยวยาวพาดบ่าดวงตาสีฟ้าหวานราวกับน้ำผึ้งเธอกำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้สักสลักลวดลายงดงามที่คู่กับโต๊ะไม้สักสลักลายคู่กันเธอยิ้มหวานและทักทายเค้าทันทีที่เด็กหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับเธอ
"สวัสดีค่ะคุณครู วันนี้ทำไมมาช้าจัง เกิดอะไรขึ้นรึค่ะ"
เด็กหนุ่มยิ้มแห้งqเอามือเกาหัวแก้เขิน"พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยครับ ตอนนี้ผมว่าเรามาทบทวนเนื้อหาที่ค้างไว้กันเถอะครับเจ้าหญิง"
ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มสอนเจ้าหญิงน้อยทันทีโดยมีแม่นมและนางกำนัลค่อยยืนดูอยู่ห่างๆ
ณ คฤหาสน์สวอน
แสงแดดส่องในยามเช้าทำให้รีเบ็คก้าต้องลืมตาตื่นขึ้น เธอบิดขี้เกียจสองสามทีเพื่อคลายเส้น
'ตี๊ด'
เสียงข้อความโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นหญิงสาวจับต้องหยิบขึ้นมาดูพลางบ่น"สงสัยข้อความไร้สาระมั๊ง"แต่พอเปิดอ่านข้อความทำเอาหญิงสาวตาสว่างทันที
'ถึงเบ็คกี้ ช่วยฉันด้วยตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ในประเทศคาลอสมาช่วยฉันด้วยเบ็คกี้ จาก ฟาน'
"อะไรมันจะเป็นใจขนาดนั้นเนี่ยสงสัยคงต้องรับงานนี้ซะแล้ว"ว่าแล้วหญิงสาวก็ยิบนามบัตรที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาแล้วกดเบอร์แล้วโทรออก
(ฮัลโลครับ)
"ฮัลโล ฉันสวอน ฉันรับงานนี้ค่ะแจ๊ค"
(งั้นทางเราจะส่งสายสืบที่เก่งที่สุดไปกลับคุณ)
"ฉันไม่ต้องการ งานนี้ฉันจะลุยเดี่ยวเองพวกคุณช่วยส่งเอกสารเกี่ยวกับกริชทองคำมาก็พอ"
(แต่)ปลายสายทำท่าจะค้านแต่
"ฉันตัดสินใจแล้วพวกคุณช่วยให้ความร่วมมือด้วย"
(ครับๆเดี๋ยวอีกนึ่งชั่วโมงเราจะส่งเอกสารให้ครับ)
'ตู๊ดๆ'
พอสายตัดไปแล้วรีเบ็คก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัว
สถานที่ที่เต็มไปด้วยทะเลทรายสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ดุจปุยนุ่นที่นั้นมีโอเอซิส(แหล่งน้ำกลางทะเลทราย)ที่ไม่ใหญ่มากใกล้ๆนั้นมีกระโจมสีแดงเด่นสะดุดตาอยู่หนึ่งหลังที่ตั้งอยู่ภายในนั้นร่างบางของฟานเชสก้า ดาเดนดี้นอนอยู่บนเบาะนอนขนาดใหญ่ เธอตื่นขึ้นมาอย่างงุนงงก่อนจะบ่นพึมพำกับตนเอง”นี่เราอยู่ที่ไหนเนี่ย” ร่างบางหันมองไปรอบๆตอนนี้อยู่ในกระโจมที่ตกแต่งเรียบง่าย เธอหันมองเวลาที่นาฬิกาข้อมือ”นี่เราสลบไปตั้งเกือบเจ็ดชั่วโมงเลยเหรอ ใครช่วยเราไว้นะ”
ย้อนไปเจ็ดชั่วโมงก่อน
ยามสาย ชายแดนประเทศคาลอส
ร่างบอบบางของหญิงสาววัยยี่สิบสามในชุดทะมัดทะแมงเสื้อยืดสีเขียวไข่กากางเกงยีนสีกากีสวมเสื้อคลุมแขนยาวสีเดียวกัน สวมรองเท้าสั้นบู๊ทสีดำและผูกผ้าพันคอสีแดงทำให้ดูเด่น ผมสีน้ำตาลอ่อนยาวสลวยนั้นรวบหางม้า ในมือเล็กนั้นกำลังถือกล้องถ่ายรูปรุ่นใหม่ล่าสุด พวงแก้มสีแทนขาวเริ่มขึ้นสีเพราะอากาศที่เริ่มร้อนมากขึ้นเธอมองรูปที่ถ่ายอย่างภูมิใจ
”ว้าว สวยจริงๆงานนี้ถ้าส่งรูปพวกนี้เข้าประกวดล่ะก็ ฉันต้องได้รางวัลแน่เลย”
ฟานเชสก้าเอามือปาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากหน้าผาก เธอแอบหนีมาที่นี่มาได้อาทิตย์หนึ่งแล้วแล้วเพราะตัวเธอนั้นเบื่อเหลือเกินที่มักจะโดนผู้เป็นพ่อเอาตัวเธอไปเปรียบกับรีเบ็คก้า สวอน ลูกพี่ลูกน้องสาวสุดอัจฉริยะที่เรียนข้ามชั้นจบแพทย์ที่ฮาร์วาร์ดตั้งแต่อายุแค่สิบสี่ด้วยมีดักรีเกียตินิยมอันดับหนึ่งแล้วมาต่อโทบริหารโรงแรมที่อ๊อกซฟอร์ดเรียนปีเดียวจบแถมได้เกียรตินิยมอันดับสองอีกผิดกับเธอที่เพิ่งจบจากมหาลัยเอกชนสาขานิเทศมาสามปีตอนนี้ทำงานเป็นช่างภาพอิสระ ถึงแม้เธอและญาติผู้น้องไม่ได้ติดใจอะไรหากแต่โดนเปรียบอยู่บ่อยๆมันก็ทนไม่ได้เธอแค่อยากทำในสิ่งที่เธอรักก็เท่านั้น ถึงแม้ว่าบางครั้งมันอาจจะสร้างปัญหาใหคนรอบข้างไปบ้างก็เถอะ เมื่อครั้งล่าสุดเธอดันแอบถ่ายนางแบบสาวที่กำลังหลับน้ำลายไหลคาโต๊ะเครื่องแป้งตอนนั้นแม่นางแบบรายนั้นจะเอาเรื่องเธอยังดีที่รีเบ็คก้าผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องคนเก่งรู้จักกับคนในวงการจึงสามารถช่วยไกล่เกลี่ยได้ทำเอาเธอโดนลูกพี่ลูกน้องคนเก่งบ่นใส่เป็นชุด ฟานเชสก้าส่ายหัวไล่ความคิดก่อนจะตรงไปที่รถจิ๊บที่เธอเช่ามาแล้วเก็บกล้องเข้ากระเป๋า
พายุทรายได้เกิดขึ้นด้านหลังของเธอหญิงสาวรีบขึ้นรถแล้วขับหนึตามสัญชาตญาณหากแต่ว่าคลื่นพายุทรายนั้นตามมาทันและได้พัดทั้งตัวเธอแล้วรถไปจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบ
กลับมปัจจุบัน
หญิงสาวรู้สึกคอแห้งเหลือเกินแต่ยังไม่ทันที่เธอจะทำอะไรก็มีชายคนหนึ่งในชุดคาฟทานสีดำสนิทใบหน้าถูกปิดด้วยผ้าโพกศรีษะสีเดียวกันเกือบหมดเหลือแต่เพียงตาสีฟ้าคมงามแหวกม่านเข้ามาชายคนนั้นถามด้วยรน้ำเสียงสุภาพ"คุณฟื้นแล้วดีจัง บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า"
"นิดหน่อยค่ะ ปวดตรงหัวนิดหน่อยคงเพราะหัวไปกระแทกกับอะไรซักอย่างและก็หิวน้ำมากค่ะ"
ชายคนนั้นยื่นถุงใส่น้ำที่ทำจากหนังสัตว์มาตรงหน้าเธอ ฟานเชสก้ารับมันมาดื่มทันทีถึงแม้ว่าเธอจะได้กลิ่นหืนทะแม่งๆแต่ตอนนี้น้ำมันมีค่าที่สุด
"ฮ้า..ค่อยยังชั่วขอบคุณค่ะ"เธอยื่นถุงใส่น้ำคืนหากแต่ชายคนนั้นกลับไม่รับและพูดขึ้น
"คุณดื่มนิดเดียวเอง ดื่มอีกหน่อยเถอะคุณสลบไปตั้งหลายชั่วโมงนะ ดื่มให้หมดเลยก็ได้"
หญิงสาวยิ้มรับ"งั้นไม่เกรงใจนะค่ะ"ว่าแล้วเธอก็ยกถุงน้ำขึ้นดื่มไปหลายอึกจนน้ำหมดถุง ฟานเชสก้าถาม"คุณช่วยฉันไว้ใช่ไหมค่ะ"
ชายคนนั้นพยักหน้ารับพลางเล่าเหตุการณ์"ครับตอนนั้นผมขี่อูฐผ่านมากำลังจะหลบพายุทรายก้เห็นคุณกำลังขับรถหนีพายุทรายพอดีผมเลยเข้าไปช่วยคุณไว้ โชคดีที่คุณไม่เป็นไรมากนะครับ"
ฟานเชสก้าหันไปหันมาก่อนจะถาม"เอ่อ...คุณเห็นประเป๋าใส่กล้องของฉันไหมค่ะ"
ชายคนนั้นหยิบกล้องถ่ายรูปออกมา"อยู่ที่ผมครับ ตอนนั้นคุณกอดกระเป๋าแน่นเลย คุณถ่ายรูปเก่งมาก รูปสวยมากกว่าที่จริงๆซะอีกนะครับ ยิ่งภาพที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นเนี่ยสวยมากเลยครับ"
คนถูกชมนั้นเขินดวงหน้าสวยนั้นขึ้นสี ชายคนนั้นถามต่อ"ว่าแต่คุณชื่ออะไรรึครับผมจะได้เรียกคุณถูก"
หญิงสาวแนะนำตนอย่างเป็นกันเอง"ฉัน ฟานเชสก้า ดาเดนดี้ เรียกว่า ฟานก็ได้ ฉันเป็นช่างภาพอิสระจากอังกฤษค่ะ"
เขาแนะนำตัวสั้นๆ"ผม อามุล ครับ"
แต่ทันใดนั่นเองฟานเชสก้าเริ่มรู้สึกมึนหัวภาพของคนตรงหน้านั้นเริ่มเบลอ"คุณ..สะ..ใส่อะไรไว้ใน..น้ำกันน่ะ"และแล้วสติของเธอก็ดับวูบลง(อีกรอบ)
"อ๊ะ!"
ฟานเชสก้ารู้สึกเธอลุกขึ้นก็พบว่าตัวเธอนอนอยู่บนเตียงหนาสีขาวขนาดใหญ่ข้างๆมีโต๊ะสวยตั้งแจกันลายวิจิตรที่ใส่ดอกกุหลาบสีแดงสดส่งกลิ่นหอมฟุ้ง เธอมองมาที่ตัวเองก็พบว่ายังอยู่ในชุดเดิม
...นี่ฉันถูกลักพาตัวมาเหรอ...
หญิงสาวสังเกตว่าที่นี่น่าจะเป็นห้องที่ไหนซักแห่งหนึ่งเธอค่อยๆลุกขึ้นแล้วมองไปที่หน้าต่างทำเอาเธอช็อคเพราะที่เธอเห็นคือกำแพงสีขาวนอกกำแพงนั้นคือทะเลทรายสีขาว
...นี่ฉันยังอยู่ที่คาลอสรึเนี่ย!...แล้วนี่ก็เช้าแล้วด้วย...
หญิงสาวยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู"แปดโมงเช้าแล้วเหรอเนี่ย"
เธอรีบหาโทรศัพท์มือถือของตนที่คิดว่าน่าจะยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง"เจอแล้ว"
ว่าแล้วเธอก็รีบพิมพ์ข้อความด้วยความเร็วส่งไปให้ลูกพี่ลูกน้องสาวคนเก่งของเธอทันที
"ฟื้นแล้วเหรอครับ"อามุลเข้ามาถามเสียงใสหากแต่ภาพที่เค้าเห็นคือหญิงสาวต่างชาติกำลังส่งข้อความอารมณ์โกรธในตัวของเขานั้นปะทุทันที เขาคว้าโทรศัพท์มือถือจากมือหญิงสาวเขวี้ยงทิ้งอย่างไม่แยแสเลยสักนิด
ฟานเชสก้าหันมาถาม"คุณอะไรเนี่ย แล้วคุณเป็นใคร"เธอมองชายหนุ่มหน้าหล่อเหลาผิวขาวสะอาดผมสีดำตาสีฟ้าคมงามในชุดคาฟทานสีน้ำเงินเข้ม
อามุลตอบก่อนจะถามกลับด้วยเสียงเย็นๆ"ผมอามุล คนที่ช่วยชีวิตคุณไว้ไงล่ะแล้วคุณล่ะกำลังทำอะไร"
"ฉันส่งข้อความให้ญาติของฉันมาช่วยไงล่ะ เขาจะมาช่วยฉันกลับอังกฤษ"
อามุลหัวเราะในลำคอ"ถึงมาเขาก็คงพาคุณไปไม่ได้หรอกครับ"
ฟานเชสก้าถามพลางเดินถอยหลังจนชิดผนังห้อง"ทะ..ทำไมคุณจะทำอะไรฉัน"
อามุลเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยแต่กระนั้นกลับทำให้ฟานเชสก้ารู้สึกเสียวสันหลัง"ก็...ทำให้คุณเป็นภรรยาผมไง"
อามุลรีบเข้าคว้าตัวหญิงสาวทันทีหากแต่ช้าไปฟานเชสก้ารีบปัดมือออกพร้อมวิ่งออกจากห้องอย่างไม่คิดชีวิตพลางภาวนา...พระเจ้าได้โปรดให้เบ็คกี้ได้รับข้อความทีเถอะหรือไม่ก็ส่งพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยลูกตอนนี้ด้วย...
ทันใดนั้นเอง
'โครม!'
ฟานเชสก้าวิ่งไปชนเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินถือกระเป๋าสะพายมาทำให้ทั้งคู่ล้มตึงทันที คนถูกชนนั้นโวยทันที"เดินดูทางบ้างสิผมรีบ"
ฟานเชสก้ามองหน้าอีกฝ่ายชัดๆก่อนจะโผเข้ากอด"อารอง อารองจริงๆด้วย"
อารองหรือวีอารอง จินเดอร่า เด็กหนุ่มรูปร่างผอมสูงผมสีดำยาวละต้นคอผิวขาวซีดตาสีเขียวที่สวมแว่นกรอบดำปิดไว้ลูกครึ่งอังกฤษฝรั่งเศสสุดอัจฉริยะ(อีกคน)ที่ตอนนี้เป็นถึงผู้อำนวยการโรงพยาบาลเอกชนที่มีชื่อเสียงของลอนดอนตั้งแต่อายุสิบห้าแถมยังเป็นแพทย์ผ่าตัดมือฉมังหาตัวจับยากอีก สำหรับเธออารองคือน้องชายที่น่าเอ็นดู
คนถูกกอดถามขึ้น"ฟานเหรอ เธอมาที่นี่ได้ยังไง"
"ฉันถูกไอ้หื่นนั่นลักพาตัวมา"เธอคลายอ้อมกอดแล้วเธอชี้ไปที่ชายหนุ่มที่วิ่งตามเธอมา
วีอารองขยับแว่นเล็กน้อยพลางเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ พออามุลวิ่งมาถึงฟานเชสก้าหลบหลังของเด็กหนุ่มทันที "นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับเจ้าชายอามุล ผมงง"
"ห๊า!!"ฟานเชสก้าช็อคไปชั่วขณะ...ตาหื่นเนี่ยนะเจ้าชาย..แต่จะว่าไปแล้วเขาก็หล่อดี...
เจ้าชายอามุลเล่าเรื่องทุกอย่างตั้งแต่ที่เขาไปเจอฟานเชสก้าจนถึงตอนที่พาเธอมาพักที่วังนี่
เด็กหนุ่มพยักหน้าก่อนจะหันมาถาม"อืมๆว่าแต่ฟานเธอส่งข้อความไปให้ใครเหรอ"
หญิงสาวตอบทันที"เบ็คกี้ไง"
หนุ่มลูกครึ่งอังกฤษฝรั่งเศสเหงื่อตกแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหน่ายๆ"ถ้ามันยอมมานะ"
หากแต่ฟานเชสก้าพูดอย่างมั่นใจ"ฉันเชื่อว่าเบ็คกี้ต้องมาช่วยฉันแน่ ว่าแต่อารองนายมาอยู่ที่ได้ไงอ่ะ"
เด็กหนุ่มตอบอย่างเซ็งๆ"ก็ฉันมาสอนหนังสือแทนยัยลินดาไงล่ะ ก็ยัยนั่นดันอยากช้อบปิ้งที่ฝรั่งเศสแล้วบังคับให้ฉันมาทำงานแทนไง"
หญิงสาวงุนงงจนต้องเอียงคอถาม"อ้าว แล้วงานที่โรงพยาบาลล่ะ"
วีอารองตอบ"ยัยลินดาให้แม่ดูแลแทนแล้ว ฉันก็ถือโอกาสออกมาจากห้องผ่าตัดบ้าง"
เจ้าชายอามุลเริ่มรู้สึกว่าตนเองเป็นส่วนเกินในบทสนทนานี้จึงถาม"สรุปพวกคุณรู้จักกันด้วยเหรอแล้วคุณจินเดอร่าไม่ได้เป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศสเหรอครับ"
ทั้งสองตอบพร้อมเพียงกัน"ใช่"
ฟานเชสก้าเสริม"อารองเป็นน้องชายทูนหัวของฉันค่ะ เจ้าชาย"
วีอารองรีบแก้ต่าง"เอ่อ ครับพอดีแม่ของฟานเป็นแม่ทูนหัวผมครับและก็ใช่ผมไม่ใช่ครูสอนภาษาฝรั่งเศสหรอกผมเป็นผู้อำนวยการของโรงพยาบาลเอกชนในลอนดอนครับ ลินดาเป็นพี่สาวผมเอง"
เจ้าชายอามุลพยักเข้าใจก่อนจะทัก"ว่าแต่คุณฟานคุณเอาแรงวิ่งมาจากไหนครับ เท่าที่ผมจำได้คุณกินน้ำเท่านั้นเอง"
พอเจ้าชายหนุ่มทักเท่านั้นหญิงสาวก็หมดแรงข้าวต้มทันทีแล้วหันไปหาวีอารอง"อารองนายช่วยฉันกลับบ้านที ขอร้องล่ะ"
เด็กหนุ่มพูดขึ้น"ฟาน ฉันมีเรื่องจะบอกนะฟังให้ดีๆล่ะ"เด็กหนุ่มเว้นช่วงไปครู่หนึ่ง"ฉันเองยังกลับบ้านไม่ได้เลย เมื่อสามวันก่อนพาสปอร์ตฉันโดนท่านชีคแกล้งทำหล่นน้ำกว่าจะได้อีกนาน และคิดว่าฉํนจะมีปัญญาช่วยเธอเหรอ!"
ฟานเชสก้าจ๋อยลงทันที"ฉันคงโดนไอ้หื่นนี่ปล้ำแน่"
วีอารองจึงเข้าไปกระซิบข้างหูเจ้าชายอามุล"นี่ๆเจ้าชาย ถ้าชอบยัยนั่นก็อย่าทำให้ยัยนั่นตื่นตูมสิ แต่ถ้าคุณไปทำอะไรยัยฟานล่ะก็เบ็คมันเอาตายแน่ มันไม่ไว้หน้าใครซะด้วยนะครับ ผมขอตัวไปสอนเจ้าหญิงมิเรน่าก่อน"
พอกระซิบจบเด็กหนุ่มก็เดินจากไปทิ้งฟานเชสก้าไว้กับเจ้าชายอามุลสองคน
เจ้าชายอามุลหันมาสั่งนางกำนัล"มีใครอยู่แถวนี่บ้างมานี่สิ"ไม่นานนางกำนัลสาวสามคนก็เดินเข้ามาเตรียมรับคำสั่ง"พาคุณผู้หญิงคนนี้ไปอาบน้ำและจัดหาเสื้อผ้าและสั่งให้ห้องเครื่องเตรียมมื้อเช้าให้เธอด้วย"
สั่งเสร็จเจ้าชายอามุลก็เดินจากไป
นางกำนัลสาวสามคนต่างช่วยพาฟานเชสก้าไปอาบน้ำโดยที่หญิงสาวไม่สามารถขัดขืนได้เลยจึงทำได้เเต่เพียงบ่นในใจ...อารองนะอารองไม่ช่วยกันบ้างเลย...
ทางด้านวีอารอง
ตอนนี้เด็กหนุ่มพยายามเร่งฝีเท้าของตนเองเต็มที่เพื่อไปสอนหนังสือให้ทันเวลา พอมาถึงเขาดูเวลาที่นาฬิกาข้อมือ"ทันพอดี"
"อ้าว คุณครูจินเดอร่ามาแล้วเหรอค่ะเจ้าหญิงทรงรอคุณอยู่ค่ะ"แม่นมประจำตัวของเจ้าหญิงมิเรน่า มีร่า ตรงเข้ามาหาเขาก่อนจะเดินนำเขาเข้าไปในห้องหนังสือ ก็พบร่างบอบบางของเด็กสาววัยสิบเจ็ดปีในชุดคาฟทานสีชมพูหวานเข้ากับผิวที่ขาวอมชมพูเนียนใสสมวัยผมสีดำสลวยถูกถักเป็นเปียเดี่ยวยาวพาดบ่าดวงตาสีฟ้าหวานราวกับน้ำผึ้งเธอกำลังนั่งบนเก้าอี้ไม้สักสลักลวดลายงดงามที่คู่กับโต๊ะไม้สักสลักลายคู่กันเธอยิ้มหวานและทักทายเค้าทันทีที่เด็กหนุ่มนั่งลงตรงข้ามกับเธอ
"สวัสดีค่ะคุณครู วันนี้ทำไมมาช้าจัง เกิดอะไรขึ้นรึค่ะ"
เด็กหนุ่มยิ้มแห้งqเอามือเกาหัวแก้เขิน"พอดีเกิดเรื่องนิดหน่อยครับ ตอนนี้ผมว่าเรามาทบทวนเนื้อหาที่ค้างไว้กันเถอะครับเจ้าหญิง"
ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เริ่มสอนเจ้าหญิงน้อยทันทีโดยมีแม่นมและนางกำนัลค่อยยืนดูอยู่ห่างๆ
ณ คฤหาสน์สวอน
แสงแดดส่องในยามเช้าทำให้รีเบ็คก้าต้องลืมตาตื่นขึ้น เธอบิดขี้เกียจสองสามทีเพื่อคลายเส้น
'ตี๊ด'
เสียงข้อความโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นหญิงสาวจับต้องหยิบขึ้นมาดูพลางบ่น"สงสัยข้อความไร้สาระมั๊ง"แต่พอเปิดอ่านข้อความทำเอาหญิงสาวตาสว่างทันที
'ถึงเบ็คกี้ ช่วยฉันด้วยตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ในประเทศคาลอสมาช่วยฉันด้วยเบ็คกี้ จาก ฟาน'
"อะไรมันจะเป็นใจขนาดนั้นเนี่ยสงสัยคงต้องรับงานนี้ซะแล้ว"ว่าแล้วหญิงสาวก็ยิบนามบัตรที่อยู่บนโต๊ะข้างเตียงมาแล้วกดเบอร์แล้วโทรออก
(ฮัลโลครับ)
"ฮัลโล ฉันสวอน ฉันรับงานนี้ค่ะแจ๊ค"
(งั้นทางเราจะส่งสายสืบที่เก่งที่สุดไปกลับคุณ)
"ฉันไม่ต้องการ งานนี้ฉันจะลุยเดี่ยวเองพวกคุณช่วยส่งเอกสารเกี่ยวกับกริชทองคำมาก็พอ"
(แต่)ปลายสายทำท่าจะค้านแต่
"ฉันตัดสินใจแล้วพวกคุณช่วยให้ความร่วมมือด้วย"
(ครับๆเดี๋ยวอีกนึ่งชั่วโมงเราจะส่งเอกสารให้ครับ)
'ตู๊ดๆ'
พอสายตัดไปแล้วรีเบ็คก้าถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะลุกขึ้นไปอาบน้ำทำธุระส่วนตัว
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
5.2 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
5.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
5.5 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ