Make It Right √ จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่มึง [Yaoi]

-

เขียนโดย นะเขียน

วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 01.27 น.

  6 chapter
  3 วิจารณ์
  41.24K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 01.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) Make It Right 03 √ Pretend all you want

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
3
Pretend all you want
 
 
 
 
 
 
            ~You can tell me that there’s nobody else, but I feel it~ You can tell me that you’re home by yourself, but I see it~
 
​            เสียงริงโทนคุ้นหูของวง Simple Plan ดังลั่นปลุกผมตื่นจากห้วงนิทรา (ทั้งที่ยังไม่อยากตื่นเท่าไหร่) ผมควานมือไปทั่วหัวเตียงซึ่งเคยเป็นที่วางโทรศัพท์ไว้อย่างเช่นทุกวัน... แต่วันนี้... แม่งไม่มีได้ไงวะ?
 
​            ~You can look into my eyes and pretend all you want, but I know~ your love is just a lie......
 
​            ริงโทนกำลังจะจบท่อนฮุค แต่ผมก็ยังควานหาต้นกำเนิดเสียงไม่เจอ ในที่สุดก็ทนความรำคาญไม่ไหว ยันตัวลุกขึ้นเพื่อพบว่า.... รู้สึกเจ็บๆ... เอ่อ..... ตรงด้านหลังแบบไม่เคยเป็นมาก่อน แถมประหลาดเข้าไปอีก เมื่อมือซ้ายผมจับสัมผัสได้ถึงข้อมืออุ่นๆ ของใครบางคน ด้วยความสงสัย ผมจึงดึงแขนข้างที่อยู่ใต้ผ้าห่มลายไม่คุ้นนั้นขึ้นมา แต่อยู่ดีๆ ไอ้ผ้าห่มเวรก็เสือกกกกกกกก ถลกเปิดขึ้นมาเองเสียก่อน!
 
​            “ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!!” ตกใจเหอะ!!!! กูนึกว่าผี!!!
 
​            ผมมองหน้าหล่อที่กำลังอ้าปากหาวหวอดของธีร์อย่างตื่นๆ ก่อนพ่นลมหายใจโล่งอกหนึ่งที ...ยังดีที่ไม่ใช่ผี
 
​            “อื้อออ... เสียงดังไรแต่เช้าวะ” มันส่งเสียงอู้อี้เบ้ปาก ขยี้ตาเหมือนเด็กยังไม่อยากตื่นนอน ผิดกับผมที่ขมวดคิ้วจ้องแม่งเขม็งด้วยคำถามแสนแปดหมื่นข้อในใจ เพิ่งเห็นว่าเราสองคนไม่ได้ใส่เสื้อผ้ากันเลยสักชิ้น แล้วห้องนี้ก็ไม่ใช่ห้องผมด้วย
 
​            “กูมาอยู่นี่ได้ไงวะ.... โอ๊ย!” ทันทีที่ผมขยับตัวก็รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติกับ... ไอ้ช่องทางข้างหลังนี่แน่นอน เจ็บชิบหาย!
 
​            “อะไรมึง อย่าบอกนะว่าจำไม่ได้” เอิ่ม.... คลับคล้ายคลับคลาเหมือนคำพูดในละครน้ำเน่าที่เคยดูเลยอ่ะ ผมเริ่มรู้สึกใจไม่ดี
 
​            “จำเชี่ยไรวะ"
 
            "คิดดีๆ ดิ่" ร่างสูงขยี้ตาต่ออีกนิด ก่อนพลิกตัวตะแคงหันมานอนกอดอกมองผม "เดี๋ยวก็จำได้" คำพูดนั้นทำให้ผมขมวดคิ้วมุ่น
 
            "ก็เมื่อคืน... กู....กูนั่งกินเหล้าอยู่” ผมละสายตาจากใบหน้าคมนั้นเพื่อหาคำตอบให้ตัวเอง พยายามทบทวนเรื่องราวดูทีละสเต็ป “กูแข่งชนะไอ้เหี้ยเอิร์ธ แล้วไงต่อวะ... อืม ...อ๋อ....แล้วก็มาอยู่นี่............ จำได้ว่ามึงพาขึ้นมาถึงห้องนี้ แล้ว...แล้ว........ แล้ว..........ก็อะไรวะ ไม่รู้โว้ย” โอ๊ยยยยยปวดหัว สรุปสั้นๆ คือกูจำไม่ได้นั่นแหละ!
 
​            ไอ้ธีร์พ่นลมหายใจส่ายหน้าหน่าย ก่อนพูดประโยคสุดท้ายที่ผมอยากได้ยินที่สุดในชีวิต
 
​            “แล้วเราก็มีอะไรกัน”
 
​            เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด!!! ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกถูกเบรก ผมอ้าปากค้างติดสตั๊น 3 วิฯ ก่อนเด้งตัวลุกจากเตียง โดยมือข้างหนึ่งไม่ลืมเอาหมอนมาปิดเป้าไว้ ส่วนมีอีกข้างชี้หน้าคาดโทษไอ้คนนอนสบายใจบนเตียง
 
​            “มึงอย่ามาล้อกูเล่น! .......อูย.....ซี๊ด..” ผมชะงักกึกซี๊ดปากเบาๆ ...เจ็บเชี่ยๆ... ทำไมมันแสบงี้วะ.. ได้ยินเสียงไอ้ธีร์หัวเราะเบาๆ ขณะที่ผมเริ่มเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้ ฮือออออออออออออออออออออ!!!!! สงสัยแม่งไม่ได้ล้อเล่นแย้วววว “มึงทำอะไรกับกูไอ้สัด!!”
 
​            “อ้าว โทษกูฝ่ายเดียวได้ไงวะ มึงแหละเป็นคนชวน”
 
​            “ชะ...ชวนไร!”
 
​            ธีร์ลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนเตียง ก่อนยิ้มตอบหน้าระรื่นจนแทบอยากจะเอาตีนไปนาบสักที “มึงถามกูว่า.. เคยมีไรกับผู้ชายป่าว กูก็ตอบมึงไปว่า.. ไม่เคย อยากลองเหรอ.. มึงก็บอก อือ.. เราเลยลองกัน”
 
​            ผมเผยอปากเตรียมตะโกนเถียงสุดใจขาดดิ้น ถ้าภาพเหตุการณ์คล้ายกันนั้นไม่ถูกรีรันในสมองเหมือนมีคนกดเล่นวิดีโอ
 
​          “มึง...”
 
​​          “มีไร”
 
​​          “เคยมีไรกะผู้ชายป่าววะ”
 
​          "ไม่เคยอ่ะ... ไมวะ อยากลองเหรอ"
 
​          "......ไม่.....รู้ดิ..."
 
        ​"ลองกันมั้ยล่ะ... ว่าไง..."
 
​          “อือ...”
 
​          “อือ...”
 
​          “อือ...”
 
​            อือ!!!! ชัดเลย!
 
​            ผมทรุดตัวลงนั่งกับขอบเตียงอีกรอบ.. อยากเป็นลม! จะอ้างว่าใครอินเซปชั่นเข้าไปฝังความคิดผมตอนนอนหลับก็ไม่น่าใช่แฟนตาซีเกินไป... คิดทบทวนเหตุการณ์ประกอบกับหลักฐานรอบๆ ที่เกิดเหตุแล้ว.. (ผ้าปูที่นอนยุ่งเหยิง เสื้อผ้ากระจุยไปคนละทิศละทาง แถมผมยังปวดเมื่อยไปทั้งตัวอีก!) สงสัยจะจริงอย่างที่แม่งว่า! ฮืออออออออออ!! ฟิวส์เสียบริสุทธิ์แล้วครับ เสียให้ผู้ชายด้วย! ไอ้เวรเอ๊ยยยยยย
 
​            “ฮ่ะๆๆ จำได้แล้วใช่ป่ะ... อืม เมื่อคืนก็ไม่เลวนะ ฟิวส์ว่าไง”
 
            "เลวเชี่ยๆ!"
 
            "ซะงั้น ทำไมวะ เมื่อคืนนะ มึงทั้ง......." แล้วไอ้ธีร์ก็สาธยายลีลาความร้อนแรงบนเตียงของผมจนเห็นภาพเป็นสกรีนช็อตหนังเอวีเลย หือออออออ นี่กูทำเรื่องน่าอายแบบนั้นเหรอ!
 
            "หุบปากนะไม่ต้องพูดเลย!" ผมขยี้หัวตัวเองไปมาอย่างบ้าคลั่ง แม่งเป็นเพราะฤทธิ์เหล้าทั้งนั้น ผมไม่น่ากินเข้าไปเยอะจนเมาไม่รู้เรื่องขนาดนั้นเลย โธ่เว้ย
 
            "มึงโกรธกูหรอวะ"
 
            โห ยังมีหน้ามาถาม.. ผมตะโกนแสกหน้าแม่งกลับโดยไม่ได้หยุดคิด "โกรธดิสัด!"
 
            "เหรอ..........."
 
            “เออ!”
 
            “................” แต่อยู่ๆ มันก็เงียบไปไม่ส่งเสียงอะไรตอบมาอีก ผมเลิกดึงหนังหัวตัวเอง (เพราะเริ่มๆ เจ็บ) ก่อนเหลือบตามองคนตัวใหญ่กว่าด้านหลังว่ามันเป็นอะไรไป? "....ขอโทษละกัน กูคงผิดเองที่ทำแบบนั้นกับมึง น่าจะรู้ว่ามึงเมา มึงคงไม่เต็มใจหรอก" แล้วนั่นตัดพ้อน้อยใจใช่มั้ยน่ะ?
 
            สายตาของเราสองคนเผลอประสานกัน จนเป็นผมต้องหลุบตาลงมองข้างล่าง เพราะพอนึกถึงว่าเมื่อคืนเรามีอะไรกันแล้วก็รู้สึกเขินแปลกๆ แต่ถ้าพิจารณากันตามหลักเหตุผล ผมว่าถ้าจะผิดก็ผิดด้วยกันทั้งคู่อ่ะ (ผมออกจะผิดมากกว่าด้วยซ้ำ) แล้วทำไมธีร์ต้องเป็นฝ่ายขอโทษด้วยวะ ไม่ยุติธรรมเลย
 
            "มึง... กูก็ไม่ได้...."
 
​            ~You can tell me that there’s nobody else, but I feel it~ You can tell me that you’re home by yourself, but I see it~
 
            ผมสะดุ้งนิดหน่อยที่เสียงริงโทนดังขึ้นอีกรอบ จริงด้วย เมื่อกี้มันหยุดไปตอนไหนก็ไม่รู้ มัวแต่ช็อกซีนีม่า... ผมกวาดสายตามองหาต้นตอ จนพบไอโฟนเครื่องสีขาวหุ้มด้วยเคสลาย Rilakkuma สีเหลืองสั่นครืดถูไปกับโต๊ะข้างหัวเตียงนี่เอง
 
            หลังจากรีบเอื้อมไปหยิบมาดู บนหน้าจอก็ปรากฏชื่อ 'ลูกโม่' หรา
 
            "เออออออ" ผมรับสายด้วยเสียงคนใกล้ตายเต็มที
 
            "มึง!!!!!!!" คำแรกที่ได้ยินทำเอาต้องเลื่อนโทรศัพท์ห่างรูหูอย่างน้อยสองฟุต จะเสียงดังหาพ่อมึงเหรอค้าบ! "ไหนนัดบ่ายโมงว่าจะมาทำโครงงานเคมีไง! นี่บ่ายสองแล้วไอ้สัด มึงรีบมาบ้านกูเดี๋ยวนี้ แล้วซื้อฟิวเจอร์บอร์ดแผ่นละ 16 บาทมา 3 แผ่น กับสติ๊กเกอร์เคลือบด้วย! เออๆ 3 แผ่นเหมือนกันนะเอามาเผื่อ เข้าใจ๊!?"
 
            ผมตบหน้าขาตัวเองป๊าบใหญ่ "เออ กูลืมสนิท" เหมือนเมื่อวานตอนเย็นเราตกลงกันไว้อย่างนั้นจริงๆ แต่จะให้ผมรีบไปสภาพไหนครับ เมื่อคืนเพิ่งสวมบทโจโฉแตกทัพเรือมาหยกๆ (แบบไม่รู้ตัวอีกต่างหาก) เพลียไปหมดทั้งตัวทั้งหัวใจ!
 
            "เดี๋ยว กาวสองหน้าด้วยมึง ที่บ้านจะหมดแล้ว.... เออ แล้วก็เอา..."
 
            "โอ๊ยยยยยยยยยย ลูกโม่ที่รัก! ขอโทษษษษษษษษษษษษทีว่ะ! กูปวดหัว ครั่นเนื้อครั่นตัว อยากอ้วกด้วย สงสัยยังแฮงค์ไม่หาย ไม่ไหวแล้ว โอ๊ยๆๆ กูไม่ไปนะ เดี๋ยวกูช่วยออกเงินวันจันทร์ แค่นี้นะเว้ย บาย!" อย่าว่าผมตอแหลเก่งครับ มันจำเป็น เหอะๆ
 
            "ไอ้เชี่..!!!" แล้วใครจะถือสายรอให้มึงด่า ผมรีบกดวางแล้วโยนมือถือใส่หัวเตียงก่อนถอนหายใจแรง
 
            "มึงปวดหัว อยากอ้วกเหรอ เป็นไรมากป่าว?" แต่ไอ้หล่อข้างหลังกลับตีหน้าซื่อเขยิบเข้ามาใกล้ หมายจะเอามืออังหน้าผากผมอีก แน่นอนผมไม่ยอมให้แม่งแตะตัวง่ายๆ รีบถอยกรูด
 
            "กู! กู... ก็โม้ไปงั้นแหละ แค่ไม่อยากไป"
 
            "เหรอ" มันทำเสียงหงอยลงไปถนัด เช่นเดียวกับแววตาที่หมองลงจนสังเกตได้ ธีร์ลดมือที่เตียมอังหน้าผากผมลง มันหลบสายตาผม
 
            โห ไอ้เหี้ยนี่คิดมากแน่ๆ! สงสัยแม่งคิดว่าผมโกรธอยู่จริงๆ  "กูเปล่าโกรธมึ............."
 
​            ~You can tell me that there’s nobody else, but I feel it~ You can tell me that you’re home by yourself, but I see it~
 
            ฮึ่ม แล้วไอ้โม่แม่งจะเซ้าซี้อะไรกูนักหนาเนี่ยยย ผมคว้าโทรศัพท์แท่งสี่เหลี่ยมมาอย่างร้อนใจหมายจะกดปิดเครื่อง แต่รูปที่แสดงบนกรอบหน้าจอทำเอามือผมชะงัก
 
            จีน...
 
            ผมปล่อยให้เสียงเพลงดังต่อไป ขณะที่ภายในใจสับสนจนไม่รู้จะอธิบายยังไง ผมไม่รู้ว่าควรจะรับสายดีหรือไม่ ถ้ารับแล้วจะเป็นยังไง หรือนี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เราสองคนจะได้คุยกันก็เป็นได้... ไอ้ธีร์มองผมงงๆ ราวกับจะถามว่า ทำไมไม่รับ? ซึ่งผมก็ได้แต่ถอนหายใจยาวก้มหน้าลงพิจารณาโทรศัพท์ในมือ....
 
            สุดท้ายจึงกลั้นใจสไลด์รับสายไปจนได้  “ครับจีน...”
 
            “ฟิวส์จ๋าา เย็นนี้ว่างเปล่า” ยิ่งได้ยินเสียงสดใสแบบนั้นก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
 
            “ก็....ว่างครับ”
 
            “งั้น..ไปดูหนังกันนะ! วันนี้เรื่องที่จีนอยากดูเข้าวันแรกพอดี โอเคป่ะ ไปนะ”
 
            “เอ่อ.....” ผมถือโทรศัพท์ค้างไว้แนบหู ก่อนมองตามไอ้ธีร์ที่เพิ่งลุกเอาผ้าขนหนูพันท่อนล่างเดินไปทางห้องน้ำ โดยมันไม่ลืมหันมาขยับปากบอกว่า อาบน้ำก่อนนะ ส่วนผมก็ได้แต่ยักคิ้วเป็นเชิงรับรู้
 
            “ว่าไงล่ะฟิวส์ ไปนะๆ” เสียงใสนั้นออดอ้อนผมอย่างเคย ไม่ต้องจินตนาการก็รู้ดีว่าจีนกำลังทำหน้าแบบไหน ยิ้มกว้างแค่ไหน ผมได้แต่แค่นหัวเราะขมขื่นให้กับตัวเองในใจ ที่ยอมเป็นไอ้ฟิวส์หน้าโง่ให้เขาหลอกไปวันๆ แม้กระทั่งถึงตอนนี้....
 
            “อื้ม ไปก็ไปสิ... กี่โมง? ที่ไหนครับ?”
 
            ผมยังไม่พร้อมที่จะเสียอะไรไป... 
 
            “เย้! ดีใจจัง งั้นไปหาไรกินก่อนเนอะ.. เอาที่ไหนดีล่ะ เย็นนี้ฟิวส์อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย”
 
            “แล้วแต่จีนเลย จีนอยากกินอะไรล่ะ”
 
            “งั้น...ที่เนื้อคู่เหมือนเดิมละกัน 5 โมงน้า อิอิ” เนื้อคู่เป็นร้านอาหารในพาราก้อนที่พวกเราไปกันบ่อยที่สุดร้านหนึ่ง เพราะผมกับจีนเจอกันที่นั่น แล้วผมก็เป็นคนเดินเข้าไปทักเธอ รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะของเราสองคนในวันนั้นยังติดแน่นอยู่ในหัว.. หึ คิดแล้วปวดหัวใจชิบหาย
 
            “..ครับ”
 
            “ฟิวส์เป็นไรเปล่า ไม่สบายเหรอ ทำไมไม่ค่อยพูดเลย” ในน้ำเสียงของจีนเต็มไปด้วยความห่วงใย จนผมต้องรีบบอกปัด
 
            “เปล่าๆ แค่เพลียๆ อ่ะ เมื่อวานฟิวส์มีปาร์ตี้” แล้วฟิวส์ก็เจอจีนด้วย... ผมได้แต่คิดเงียบๆ ในใจ ไม่ได้พูดออกไป
 
            “อ๋อออ ไปกินเหล้ามาอีกแล้วใช่มั้ย” อยู่ๆ จีนก็ทำเสียงแข็งจนเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าเป็นปกติผมคงร้องจ้าปฏิเสธเธอไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่ผมบอกว่าไปปาร์ตี้ เธอมักจะดุผม (คำว่าปาร์ตี้ของจีน = กินเหล้า) แล้วก็มักสาธยายว่าเหล้ามันไม่ดีอย่างนู้นอย่างนี้ จนเวลาไอ้โม่ได้ยินผมกับจีนคุยกันก็รีบแซวทุกทีว่านี่แฟนหรือแม่กันแน่.. “ก็จีนบอกแล้วใช่มั้ยว่าเหล้ามันไม่ดี เดี๋ยวโตขึ้นไปก็เป็นตับแข็งตายเร็วหรอก ฟิวส์หนิ อย่ากินบ่อยรู้มั้ย เอ๊ะ แล้วเดือนนี้ฟิวส์กินไปกี่รอบแล้ว จีนบอกว่าห้ามเกินสอง เกินรึยังเนี่ย!?” นั่นไง.... พูดยังไม่ทันขาดคำ ไม่ว่ายังไงเธอก็ทำให้ผมยิ้มได้เสมอจริงๆ ไม่ว่าเธอจะกำลังโกหกผมยังไงก็ตาม........
 
            “ฮ่าๆๆ ยังครับ เพิ่งครั้งเดียวเอง”
 
            “อื้อ อย่ากินมากรู้เปล่า... เออๆ จีนกำลังทาเล็บอยู่ อ๊าย มันหกแล้วอ่ะ! งั้นเจอกันเย็นนี้นะคะ บ๊ายบาย ว๊าย.... หกได้ยังไงเนี่ย.. พี่ตี๋.. ขอกระดาษทิชชู่” จีนส่งเสียงโหวกเหวกกับตัวเอง โดยไม่ลืมบอกว่าทำวีรกรรมเปิ่นๆ อะไรไว้ ชวนให้ผมหัวเราะในลำคอเบาๆ
 
            “ครับ บาย” เธอเป็นคนกดตัดสายทิ้ง ก่อนให้ผมนั่งจมอยู่กับความเงียบเพียงลำพัง
 
            มือข้างนั้นกำโทรศัพท์แน่นราวกับต้องการระบายอารมณ์ ผมซุกหัวลงไปใต้ผ้าห่มหวังจะตัดขาดจากตัวเองโลกภายนอก ตอนนี้ผมเหนื่อยเหลือเกิน 
 
            เหนื่อยจนไม่อยากไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น...
 
 
 
 
 
 
 
----------Make It Right----------
 
 
ตอนที่สามมากันอย่างต่อเนื่อง สั้นหน่อยนะครับ พอดีไม่รู้จะตัดตอนตรงไหน
แต่รับรองว่าตอนต่อไปมาไวเหมือนเดิมแน่นอน ^^
 
ขอแสดงว่าเสียใจกับคนที่อยากเห็น NC ในตอนนี้ นะทำการเซ็นเซอร์ออกไปเอง ฮ่าๆๆ (แต่ตอนอื่นๆ อาจจะมีก็ได้ ไม่แน่ อิอิ)
หลายๆ คนอาจจะกำลังหมั่นไส้จีน สงสัยจะคิดว่าฟิวส์จับไม่ได้ไล่ไม่ทันล่ะสิ ชิชะ!
เดี๋ยวดูกันดีกว่าว่าฟิวส์ของเราจะทำยังไงต่อกับเรื่องของจีนและเรื่องของธีร์ ฝากติดตามด้วยนะครับ ^^
แล้วเจอกัน ซียู~

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา