Make It Right √ จะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่มึง [Yaoi]
-
เขียนโดย นะเขียน
วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 01.27 น.
6 chapter
3 วิจารณ์
41.23K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 01.36 น. โดย เจ้าของนิยาย
1) Make It Right 01 √ I'm Okay even if It Hurts.
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ1
I’m Okay even if It Hurts.
“ไอ้เชี่ยฟิวววววววววววววส์ ไงวะ! คิ้วผูกกันเป็นก้อนขี้แต่เช้าเลยนะเมิงงง!” เป็นไอ้ลูกโม่วิ่งฝ่าฝูงคนจอแจหน้าโรงเรียนเข้ามาต้อนรับผมด้วยการโบกหัวจนหน้าเกือบทิ่ม แน่นอนผมเตะหน้าขามันกลับดังป๊าบ
“ไอ้สัด มีที่ไหนคิ้วผูกเป็นก้อนขี้.. เออ แล้วไมวันนี้มาเช้าได้วะ” ปกติเพื่อนผมคนนี้เป็นพวกชอบมาก่อนเข้าแถวแบบฉิวเฉียด ไม่ก็สายไปเลยจนโดนอาจารย์เวรสั่งลุกนั่ง (ถึงขั้นมาเกือบสิบโมง อาจารย์ไม่อยู่เวรแล้วก็มี เหอๆ..) แต่วันนี้แปลก เพิ่งเจ็ดโมงหน่อยๆ ก็เจอแม่งหน้าโรงเรียนซะแล้ว
“มาปั่นการบ้านไง เหลือโคตรพ่อโคตรแม่เยอะ ยิ่งชีวะนะ... บรื๋ออออ กูเหลือเกือบครึ่งเล่ม แล้วมึงทำเสร็จบ้างยังวะ?”
“อ้อ.. ยังอ่ะ” ผมตอบปัดๆ ไปขณะก้าวขาอย่างเชื่องช้ายิ่งกว่าหอยทากเป็นอัมพาด... ให้ตาย เมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ พนันได้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงผมต้องแฮงค์แน่ๆ
แต่สงสัยจะออกอาการมากไปหน่อย จนไอ้โม่ขมวดคิ้วหันมาจ้องหน้าผมชัดๆ “มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย ทำหน้าหงอยยังกะคนเพิ่งอกหักมา” หืม... แม่นไปป่ะ... เปิดแผงหมอดูได้เลยเพื่อนผม
“เออดิ” ผมตอบไปตามความจริง ก่อนพ่นลมหายใจยาวพรืด
“เฮ้ยจริงดิ! กูพูดเล่นนนนน”
“จริง”
“เชี้ย... กับน้องจีนอ่ะนะ คบกันมาตั้งเกือบปี”
“เออออออ”
“แล้วเลิกกันแล้วเหรอวะ ได้ไง? ไหนเล่าดิ๊!” หน้าตาแม่งอยากรู้อยากเห็นมากครับ เรื่องเสือกล่ะไม่มีใครเกิน!
“ก็ยังไม่ได้เลิก แต่เมื่อวานตอนมืดๆ กูไปซื้อของให้แม่แถวพาราก้อน เห็นเค้าควงผู้ชายโรงเรียนเดียวกันไปดูหนังว่ะ”
“มึงดูดีแล้วเหรอ ตุ๊ดป่าว แบบว่าเป็นเพื่อนสาวอ่ะ”
“กูแอบดูมาตั้งแต่อยู่ในบีทีเอสละ เพื่อนสาวเหี้ยไร ตัวโคตรสูง กล้ามเป็นมัดๆ ดูยังไงก็แมน”
“โห... เซ็งดิ่ครับ แล้วแบบนี้มึงทำไงเนี่ย” ผมได้แต่ภาวนาให้เดินถึงห้องไวๆ จะได้ไม่ต้องมาถูกเซ้าซี้ให้ตอบคำถาม ตอนนี้ผมรู้สึกหมดแรงไม่อยากทำอะไรสักอย่าง..
“ก็ยังไม่ได้คุยกันเลย กูช็อกอยู่”
“กูก็ว่าละ...”
ผมเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเห็นโม่พยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงเข้าใจอะไรบางอย่าง “ว่าไรมึง?”
“ว่ามึงน่าจะคบกับผู้ชายรุ่งกว่าผู้หญิง”
โป๊ก! ถึงไม่ค่อยจะมีแรง แต่เขกกบาลคนอื่นทีสองทีนี่สบายมาก
“มึงพูดแบบนั้นอีกทีเจอตีนยัดปากแน่” ผมชี้หน้าคาดโทษก่อนเดินนำลิ่วไป แน่นอนว่าไอ้เพื่อนตัวแสบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามขึ้นมาประกบ
“ก็ดูมึงดิ.... ปากแดง ตัวเล็ก เหล็กดัด ขาวก็ขาว แถมยังแอ๊บแบ๊วขายเครื่องสำอางไรนั่นให้เจ้มึงอีก! หาผัวสักคน มึงรุ่งอ่ะ!” ผมเตรียมจะเตะแม่งสักที แต่ดันเสือกไวหลบทันทีอีก ฮึ่ยย
“ทำไมวะ กูแมนเต็มร้อยนะเว้ย แล้วไอ้ขายเครื่องสำอาง กูก็ถูกเจ้บังคับ บอกมึงกี่รอบแล้วว่ากูไม่ได้อยากทำเลย ไม่ได้แอ๊บแบ๊วด้วย!”
ความจริงที่ผมต้องอัดคลิปลงโซเชียลแคมบ่อยๆ ไม่ได้ต้องการจะเรียกเรตติ้งหรืออยากดังหรอกครับ แต่เป็นเพราะเจ้ฟิ้ง พี่สาวของผมบังคับให้ช่วยขายเครื่องสำอางนำเข้าจากเกาหลี เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เพราะผมตัวเล็กน่ารัก (หน้าหล่อด้วย) แถมขาวแบบสุขภาพดีจนน่าประหลาดทั้งๆ ที่ไม่เคยบำรุงอะไรเลยอีก พอบอกปัดไปว่าให้เจ้ทำเอง.. แกก็ดันใช้วิชามาร ยกเหตุผลร้อยแปดพันก้าวมาอ้างว่าต้องเดินทางบ่อย ไม่มีเวลา ช่วยแค่นี้ไม่ได้หรือไง บลาๆๆ
สุดท้ายไอ้เด็กผู้ชายเถียงใครไม่เป็นอย่างผมก็ต้องจำนนต่ออำนาจมืดของเจ้ ยอมนั่งรีวิวเครื่องสำอางบอกว่าใช้แล้วดีอย่างนู้นอย่างนี้ ตอนแรกผมก็คิดว่า... แม่งจะไปได้สักกี่น้ำวะ เอาผู้ชายมาขายบีบีครีมบ้าง สกินฟู๊ดบ้าง แต่กลับผิดคาดซะงั้น กระแสตอบรับดันออกมาดีพอสมควร จนตอนนี้มีคนฟอลโล่ผมอยู่เกือบห้าพันคน แล้วสินค้าของเจ้ก็ขายดีไม่มีขาด ผมเลยโชคร้ายต้องทำงานบ้าๆ นี่ต่อ ความจริงก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก เพราะเจ้ให้ค่าตอบแทนงามพอดู แต่แม่งงงง ลำบากใจชิบหายเลยนี่สิครับ... เฮ้อออ
“เฮ้ย พวกเมิงว่าไง! อะอะอะอ้าวววว ไอ้เหี้ยโม่มาเช้าาาาาา” บอกแล้วว่าไอ้เวรนี่มาเช้ามันเป็นปรากฏการณ์ ขนาดไอ้วิทย์กับไอ้เฟรมที่ซื้อน้ำอยู่ใต้อาคารร้อยปียังรีบวิ่งปรี่เข้ามาโบกหัวคนข้างๆ ผม
“เฮ้ยไรวะ” คนถูกประทุษร้ายเงยหน้าเหวอขึ้นมาชูนิ้วกลางใส่สองคนที่เพิ่งมาใหม่
“แล้วไอ้ฟิวส์ว่าไงเนี่ย ตาโหลเลย มึงได้นอนป่ะเนี่ย หรือว่าเอาแต่ fab!” ไอ้เฟรมชี้หน้าผมแล้วขำก๊าก เรียกเสียงหัวเราะครืนได้เป็นอย่างดี (พวกนี้แม่งก็บ้าจี้ตามอีก) เรื่องอกุศลแบบนี้ล่ะคิดได้!
“กูไม่ใช่มึงนะ สาดดดดด”
“โอ้วว แฟ๊บๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ” ว่าไม่ว่าเปล่าทำท่าชักขึ้นชักลงให้ดูด้วย เอาเข้าไป กูละอายแทนหน้าหล่อๆ ของมึงจัง
“ก็พูดไปมึง.... มันเพิ่ง........” เป็นไอ้โม่เข้าไปป้องปากกระซิบยุกยิกๆ ข้างหูไอ้เฟรม ไม่นานไอ้ผู้ถูกส่งสารก็เบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน
“อกหัก!! เฮ้ยไอ้น้องงงงงงงอย่าเศร้า! แมร่งเป็นนนนเรื่องธรรมชาติ” ทีงี้มันเลยเข้ามานวดไหล่โอ๋เอ๋เหมือนผมเป็นเด็กๆ ยกใหญ่ ส่วนไอ้วิทย์อยู่ดีๆ ก็ทำตาเป็นประกายดีดนิ้วดังเปาะ.. ชวนให้สงสัยว่าแม่งมีเรื่องอะไรดีๆ หรือไง?
“ดีเลยมึง คืนนี้พวกไอ้เบสท์ชวนไปเลี้ยงส่งไอ้นิวที่ได้ทุนไปต่ออ’เมกา ไปแดกเหล้ากันให้ลืมตายดีฟร่า ไหนๆ ก็วันศุกร์ละ TGIF สิครับบบ ปลอดปล่อยซะหน่อย” แดกเหล้า... อืมมมม ความคิดดีใช้ได้แฮะ พูดแล้วเปรี้ยวปากอยากเมาขึ้นมาเลยว่ะ หึหึ
“กูไปด้วยดิ่!!” ไอ้โม่ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเริงรื่น (ก็ของชอบแม่งนี่นา) ขณะพวกเราเริ่มเดินขึ้นตึกไปห้องเรียน เนื่องจากเพิ่งตระหนักได้ว่าที่พากันมาเช้าเพื่อปั่นการบ้านนี่หว่า
“โอเค ไปกันเยอะๆ เลยมันส์ดี แล้วมึงว่าไงวะฟิวส์” วิทย์ยิ้มร่าที่ได้เพื่อนร่วมขบวนการเพิ่มอีกหนึ่ง ก่อนหันมาพูดประโยคหลังกับผม
“เออ ไปก็ไป อยากเมา”
“เยี่ยม!”
ผมฉีกยิ้มสะใจแท็กมือกับไอ้วิทย์ ไม่สนเชี้ยอะไรแล้วครับ คืนนี้ขอปล่อยของหน่อยเหอะ เอาให้ลืมตายกันไปข้างนึงเล้ย!
เป็นเวลาประมาณสามทุ่มเศษๆ พวกผม ซึ่งประกอบด้วยไอ้โม่ (มา BM ของมันเนี่ยล่ะ เห็นงี้ก็เหอะ...บ้านมันมีฐานะใช่เล่นนะครับ) ไอ้ภัทร และไอ้เอส (รายแรกรออยู่บ้านผมตั้งแต่เลิกเรียน ส่วนรายหลังเจอระหว่างทางแบบงงๆ) ก็มาถึง Brew Beers & Ciders ซอยทองหล่อ 13 ที่นัดกันเอาไว้ ที่นี่เป็นทั้งร้านขายอาหาร เบียร์ และเหล้า... แต่ควรเรียกว่าร้านเบียร์จะดีที่สุด เพราะเห็นมีแต่เบียร์นอกน่าซดเต็มไปหมด บรรยากาศค่อนข้างดีใช้ได้ แถมลานเปิดที่ให้นั่งจิบชิลล์ๆ สังสรรค์กัน ก็ตกแต่งได้สวยคลาสสิคไม่แพ้ภายในเลย
ทันทีที่เดินเข้ามา สายตาก็ต้องสะดุดกึกกับวัยรุ่นชายกลุ่มมหึมา อื้อหืออออ... พอรู้ว่ามากันเยอะ แต่ไม่คิดว่าแม่งจะเยอะเหมือนสั่งเหมาร้านเขาแบบนี้ เท่าที่เห็นอยู่สามโต๊ะ ประมาณจากสายตาคร่าวๆ คงราว 20 กว่าคน พวกผมอีก 4 ก็รวมเบ็ดเสร็จเป็น 30 ได้มั้ง Brew Beers แมร่งถล่มวันนี้แหละ!
ผมเห็นไอ้วิทย์กับไอ้เฟรมนั่งประกบซ้ายขวาไอ้นิวเจ้าของงาน เมื่อมันมองมาทางนี้ก็รีบส่งยิ้มกวักมือเรียกพวกเรายิกๆ
ผมโบกมือยักคิ้วกลับ ก่อนเดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงข้างๆ ไอ้ท๊อปที่กำลังรินเบียร์จากเหยือกใส่แก้วแจกเพื่อนๆ พวกเราเหมือนจะมากลุ่มสุดท้ายเลยมีเสียงโห่ฮาต้อนรับกันดังสุด (จนกลัวว่าโต๊ะข้างๆ จะปาขวดเบียร์ หรือกระดูกไก่ใส่หรือเปล่า..)
"ขอบใจนะเว้ยที่มา" ไอ้นิวเอ่ยทักแบบเป็นการเป็นงานกับพวกเราคนแรก
"เออ เพื่อนรักกูจะได้ดีทั้งทีนี่หว่า ไปเมกาจัดสาวฝรั่งอึ๋มๆ มาเป็นเพื่อนสะใภ้กูสักคนดิวะ" ไอ้โม่เดินเข้าไปตบหัวเจ้าของงานเอาฤกษ์เอาชัย ท่ามกลางเสียงเฮของคนอื่นๆ ก่อนที่ไอ้นิวจะแยกเขี้ยวฟ่อชูนิ้วกลางใส่
"พ่อมึงอ่า กูไม่ชอบฝรั่ง กูชอบญี่ปุ่น ขอแบบขาวๆ โนตมๆ ฮ่าๆๆๆๆ" โห ไอ้นี่! ด้วยความที่แม่งเรื่องมากจนน่าหมั่นไส้ เพื่อนๆ รอบวงจึงพากันเอาช้อนบนโต๊ะไปเคาะหัวทุยๆ ของมันคนละที ฮ่าๆๆ พวกเรานั่งคุยล้งเล้งกันไปเรื่อยเปื่อยสักแป๊บ แก้ว Mug เต็มไปด้วยของเหลวสีอำพันก็ถูกวางดังปึ้งตรงหน้า ผมก็รีบยิงคำถามใส่เชี้ยท๊อปเจ้าของผลงานทันที
“มึง กูอยากแดกเหล้า มีป่าววะ”
“ไอ้สาดนี่ มาร้านเบียร์นอกก็แดกเบียร์ชิลล์ๆ ไปก่อนดิ เดี๋ยวดึกๆ ค่อยว่ากัน” มันพูดขัดความอยากผมเข้าอย่างจัง ก่อนหันไปรินเจ้า HoeGaarden เหยือกใหญ่ต่อ
“มึงจะเสี้ยนเหล้าไรขนาดนั้นวะ มาเลี้ยงส่งเชี่ยนิวนะเว้ย จะเมาก่อนเจ้าของงานได้ไง ใช่ป้ะ? ฮ่าๆๆ” ไอ้เฟรมหันไปถามคนถูกอ้างถึงในประโยคสุดท้าย นำให้ไอ้นิวที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้เสร็จพยักหน้าตามหงึกหงัก ก่อนค่อยๆ หันไปทำหน้าเหวอใส่ไอ้เฟรมเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“อ้าว มึงจะมอมเหล้ากูนี่หว่า ไอ้เพื่อนเลววววววววว”
“กร๊ากกกกกกกก เพิ่งรู้เหรอค้าบบบ” แน่นอนว่าไอ้เฟรมกวนตีนไปแบบนั้น เชี่ยนิวจึงสนองให้ จัดป๊อบคอร์นหนึ่งกำมือเต็มๆ ยัดเข้าปากจนสำลักค่อกแค่กๆ ออกมา ผมกับเพื่อนๆ ทั้งวงจึงได้ทีหันมาผสมโรงหัวเราะกันลั่น
พอลองสำรวจไปรอบๆ ถึงเพิ่งเห็นว่าไม่ได้มีแต่ห้องเราเท่านั้น เพื่อนๆ ต่างห้องที่พอรู้จักก็มากันหลายคนอยู่ ไล่มองไปไกลๆ ถึงเพิ่งเห็นว่ามีวัยรุ่นชายอีกกลุ่มนึง (ประมาณห้าหกคน) เดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี โห.... เยอะกว่านี้อีกเหรอวะเนี่ย
"ฟิวส์ หวัดดี!" เป็นไอ้ธีร์นั่นเองที่เดินเข้ามาทัก ก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผม ไอ้เชี่ยนี่เคยอยู่ห้องเดียวกันตอนม.ต้นครับ ถึงงั้นเราก็ไม่ได้สนิทไรกันมาก (ไม่อยากเดินกะมัน รัศมีความหล่อแม่งกลบผมหมด ..... เอ่อ ล้อเล่นนะครับ ตีซะว่าหล่อสูสีกันดีกว่า อิอิ) พอขึ้นม.ปลายอยู่คนละห้องด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แค่เวลาเจอหน้าก็ฉีกยิ้มโบกมือทักทายกันบ้างตามประสาเท่านั้น
"เออไง ช่วงนี้เป็นไงบ้างวะ" ผมยกเบียร์ขึ้นซดอึกนึง ก่อนถามสารทุกข์สุขดิบไอ้คนตัวสูงกว่าข้างๆ
"ก็สบายดี เรื่อยๆ แล้วมึงอ่ะ ไมท่าทางซึมๆ? ปกติเห็นเอาแต่กวนตีน" โอย...... ผมนึกว่าวันนี้จะไม่เจอคำถามนี้แล้วนะเนี่ย กูแสดงออกขนาดนั้น?
"อือ.. เพิ่งอกหักมาอ่ะ เซ็งๆ อยู่"
คราวนี้ผมกระดก HoeGaarden จนหมดแก้ว ขณะเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี (ก่อนผมมาคงมีใครสั่งไว้) หืมมม มีพาสต้ากุ้งกับสลัดซี่โครงหมูของโปรดด้วยว่ะ... ทันทีที่พี่พนักงานวางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พวกเราก็ใช้ส้อมเข้าจ้วงของในจานกันอย่างกับฝูงหมาเวลาเจ้าของมาให้อาหาร (เข้าใจเปรียบเทียบป่ะครับ..) แน่นอนผมเองก็ไม่พลาดได้กุ้งราดซอสตัวใหญ่มาเหมือนกัน
"อ้าวเหรอ แย่เลย มึงโอเคมั้ยเนี่ย"
"ไม่โอเคเลยยยย เสียใจ อยากเมาแล้วเนี่ย" หลังผมพูดจบก็ได้ยินเสียงไอ้ท๊อปแว่วๆ บอกว่า 'มิน่าล่ะแม่งถึงเสี้ยนเหล้า' เออออ ถ้ารู้งั้น เมิงก็สั่งให้กูสักทีสิวะแม่งงงงง แต่ความจริงรอไว้ดึกๆ ก็ไม่เป็นไรจะได้ไม่เสียบรรยากาศ ผมจึงได้แต่หันไปตอบเออแบบกวนตีนๆ ใส่ไอ้ท๊อป แล้วจิ้มกุ้งมาเคี้ยวเล่นอีกตัว อืม.... เผ็ดจี๊ดได้ใจจริงๆ
"เมาไปก็ไม่ช่วยไรหรอกมึง หาใหม่ง่ายกว่า" ไอ้เชี่ยธีร์ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ชวนให้ผมคิดว่าหล่อๆ พิมพ์นิยมแบบสาวตามกรี๊ดอย่างแม่งคงมีประสบการณ์รักๆ เลิกๆ เยอะพอดู
"ทำเป็นเชี่ยวชาญ เมาอ่ะแหละดีจะได้ลืม........"
พูดไม่ทันจบดี ภาพตรงหน้าก็ทำเอาเสียงผมหายไปซะดื้อๆ
ร่างบางคุ้นเคยในชุดเดรสสีเขียวมะนาวกำลังเดินทอดน่องเข้ามาในร้าน ข้างกายมีผู้ชายตัวสูงคนเดียวกับที่ผมเห็นเมื่อวาน ทั้งสองพากันเดินควงแขนผ่านหน้าผมเข้าประตูกระจกไปด้านในร้าน ผมกัดฟันมองตามภาพนั้นนิ่งไม่กระพริบตา เรือนหน้าสวยได้รูปนั้นเคยเป็นของผม รอยยิ้มสดใสนั้นก็เคยเป็นของผม ถึงเห็นแค่แวบเดียวแต่เธอคนนั้นคือจีนไม่ผิดแน่... ผมกำหมัดแน่นจนรู้สึกชา โกรธมากแทบจะอยากลุกไปซัดไอ้เวรนั่นให้หน้าหงาย แต่ก็เข้าใจดีว่าทำแบบนั้นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
ไอ้โม่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งคงสังเกตได้ว่าผมเหม่อลอยแปลกๆ จนต้องหันหลังมองตาม "โหแม่ง....มากันถึงนี่ เชี่ยจริง มึงไม่เป็นไรนะ"
ผมเบือนหน้าหนีมองทางอื่น ก่อนเอ่ยเสียงเบาราวกับไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งคำพูดใด
"สั่งเหล้าให้กูที..."
----------Make It Right----------
เป็นไงบ้างครับ ตอนที่ 1 จบไปแล้ว
ฟิวส์คงเซ็งแย่ อุตส่าห์คบกับแฟนมาเกือบปี จับได้ว่าแฟนทำแบบนี้ Y__Y
เพราะงั้นไปคบกับผู้ชายตามที่โม่บอกจะดีกว่ามั้ย อุอุ >___<
ขอบคุณคอมเม้นท์ด้วยนะครับ TT ดีใจมากเลย มีตั้ง 4 คอมเม้นท์ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลงตอนที่ 1 เลย ขอบคุณมากครับ ฝากนิยายด้วยนะครับ คิดยังไงก็บอกกันได้นะ ^_^
แล้วเจอกันใหม่จ้า!
I’m Okay even if It Hurts.
“ไอ้เชี่ยฟิวววววววววววววส์ ไงวะ! คิ้วผูกกันเป็นก้อนขี้แต่เช้าเลยนะเมิงงง!” เป็นไอ้ลูกโม่วิ่งฝ่าฝูงคนจอแจหน้าโรงเรียนเข้ามาต้อนรับผมด้วยการโบกหัวจนหน้าเกือบทิ่ม แน่นอนผมเตะหน้าขามันกลับดังป๊าบ
“ไอ้สัด มีที่ไหนคิ้วผูกเป็นก้อนขี้.. เออ แล้วไมวันนี้มาเช้าได้วะ” ปกติเพื่อนผมคนนี้เป็นพวกชอบมาก่อนเข้าแถวแบบฉิวเฉียด ไม่ก็สายไปเลยจนโดนอาจารย์เวรสั่งลุกนั่ง (ถึงขั้นมาเกือบสิบโมง อาจารย์ไม่อยู่เวรแล้วก็มี เหอๆ..) แต่วันนี้แปลก เพิ่งเจ็ดโมงหน่อยๆ ก็เจอแม่งหน้าโรงเรียนซะแล้ว
“มาปั่นการบ้านไง เหลือโคตรพ่อโคตรแม่เยอะ ยิ่งชีวะนะ... บรื๋ออออ กูเหลือเกือบครึ่งเล่ม แล้วมึงทำเสร็จบ้างยังวะ?”
“อ้อ.. ยังอ่ะ” ผมตอบปัดๆ ไปขณะก้าวขาอย่างเชื่องช้ายิ่งกว่าหอยทากเป็นอัมพาด... ให้ตาย เมื่อคืนนอนแทบไม่หลับ พนันได้ว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงผมต้องแฮงค์แน่ๆ
แต่สงสัยจะออกอาการมากไปหน่อย จนไอ้โม่ขมวดคิ้วหันมาจ้องหน้าผมชัดๆ “มึงเป็นเหี้ยไรเนี่ย ทำหน้าหงอยยังกะคนเพิ่งอกหักมา” หืม... แม่นไปป่ะ... เปิดแผงหมอดูได้เลยเพื่อนผม
“เออดิ” ผมตอบไปตามความจริง ก่อนพ่นลมหายใจยาวพรืด
“เฮ้ยจริงดิ! กูพูดเล่นนนนน”
“จริง”
“เชี้ย... กับน้องจีนอ่ะนะ คบกันมาตั้งเกือบปี”
“เออออออ”
“แล้วเลิกกันแล้วเหรอวะ ได้ไง? ไหนเล่าดิ๊!” หน้าตาแม่งอยากรู้อยากเห็นมากครับ เรื่องเสือกล่ะไม่มีใครเกิน!
“ก็ยังไม่ได้เลิก แต่เมื่อวานตอนมืดๆ กูไปซื้อของให้แม่แถวพาราก้อน เห็นเค้าควงผู้ชายโรงเรียนเดียวกันไปดูหนังว่ะ”
“มึงดูดีแล้วเหรอ ตุ๊ดป่าว แบบว่าเป็นเพื่อนสาวอ่ะ”
“กูแอบดูมาตั้งแต่อยู่ในบีทีเอสละ เพื่อนสาวเหี้ยไร ตัวโคตรสูง กล้ามเป็นมัดๆ ดูยังไงก็แมน”
“โห... เซ็งดิ่ครับ แล้วแบบนี้มึงทำไงเนี่ย” ผมได้แต่ภาวนาให้เดินถึงห้องไวๆ จะได้ไม่ต้องมาถูกเซ้าซี้ให้ตอบคำถาม ตอนนี้ผมรู้สึกหมดแรงไม่อยากทำอะไรสักอย่าง..
“ก็ยังไม่ได้คุยกันเลย กูช็อกอยู่”
“กูก็ว่าละ...”
ผมเลิกคิ้วสงสัยเมื่อเห็นโม่พยักหน้าช้าๆ เป็นเชิงเข้าใจอะไรบางอย่าง “ว่าไรมึง?”
“ว่ามึงน่าจะคบกับผู้ชายรุ่งกว่าผู้หญิง”
โป๊ก! ถึงไม่ค่อยจะมีแรง แต่เขกกบาลคนอื่นทีสองทีนี่สบายมาก
“มึงพูดแบบนั้นอีกทีเจอตีนยัดปากแน่” ผมชี้หน้าคาดโทษก่อนเดินนำลิ่วไป แน่นอนว่าไอ้เพื่อนตัวแสบกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามขึ้นมาประกบ
“ก็ดูมึงดิ.... ปากแดง ตัวเล็ก เหล็กดัด ขาวก็ขาว แถมยังแอ๊บแบ๊วขายเครื่องสำอางไรนั่นให้เจ้มึงอีก! หาผัวสักคน มึงรุ่งอ่ะ!” ผมเตรียมจะเตะแม่งสักที แต่ดันเสือกไวหลบทันทีอีก ฮึ่ยย
“ทำไมวะ กูแมนเต็มร้อยนะเว้ย แล้วไอ้ขายเครื่องสำอาง กูก็ถูกเจ้บังคับ บอกมึงกี่รอบแล้วว่ากูไม่ได้อยากทำเลย ไม่ได้แอ๊บแบ๊วด้วย!”
ความจริงที่ผมต้องอัดคลิปลงโซเชียลแคมบ่อยๆ ไม่ได้ต้องการจะเรียกเรตติ้งหรืออยากดังหรอกครับ แต่เป็นเพราะเจ้ฟิ้ง พี่สาวของผมบังคับให้ช่วยขายเครื่องสำอางนำเข้าจากเกาหลี เหตุผลก็ไม่มีอะไรมาก เพราะผมตัวเล็กน่ารัก (หน้าหล่อด้วย) แถมขาวแบบสุขภาพดีจนน่าประหลาดทั้งๆ ที่ไม่เคยบำรุงอะไรเลยอีก พอบอกปัดไปว่าให้เจ้ทำเอง.. แกก็ดันใช้วิชามาร ยกเหตุผลร้อยแปดพันก้าวมาอ้างว่าต้องเดินทางบ่อย ไม่มีเวลา ช่วยแค่นี้ไม่ได้หรือไง บลาๆๆ
สุดท้ายไอ้เด็กผู้ชายเถียงใครไม่เป็นอย่างผมก็ต้องจำนนต่ออำนาจมืดของเจ้ ยอมนั่งรีวิวเครื่องสำอางบอกว่าใช้แล้วดีอย่างนู้นอย่างนี้ ตอนแรกผมก็คิดว่า... แม่งจะไปได้สักกี่น้ำวะ เอาผู้ชายมาขายบีบีครีมบ้าง สกินฟู๊ดบ้าง แต่กลับผิดคาดซะงั้น กระแสตอบรับดันออกมาดีพอสมควร จนตอนนี้มีคนฟอลโล่ผมอยู่เกือบห้าพันคน แล้วสินค้าของเจ้ก็ขายดีไม่มีขาด ผมเลยโชคร้ายต้องทำงานบ้าๆ นี่ต่อ ความจริงก็ไม่ได้ลำบากอะไรนักหรอก เพราะเจ้ให้ค่าตอบแทนงามพอดู แต่แม่งงงง ลำบากใจชิบหายเลยนี่สิครับ... เฮ้อออ
“เฮ้ย พวกเมิงว่าไง! อะอะอะอ้าวววว ไอ้เหี้ยโม่มาเช้าาาาาา” บอกแล้วว่าไอ้เวรนี่มาเช้ามันเป็นปรากฏการณ์ ขนาดไอ้วิทย์กับไอ้เฟรมที่ซื้อน้ำอยู่ใต้อาคารร้อยปียังรีบวิ่งปรี่เข้ามาโบกหัวคนข้างๆ ผม
“เฮ้ยไรวะ” คนถูกประทุษร้ายเงยหน้าเหวอขึ้นมาชูนิ้วกลางใส่สองคนที่เพิ่งมาใหม่
“แล้วไอ้ฟิวส์ว่าไงเนี่ย ตาโหลเลย มึงได้นอนป่ะเนี่ย หรือว่าเอาแต่ fab!” ไอ้เฟรมชี้หน้าผมแล้วขำก๊าก เรียกเสียงหัวเราะครืนได้เป็นอย่างดี (พวกนี้แม่งก็บ้าจี้ตามอีก) เรื่องอกุศลแบบนี้ล่ะคิดได้!
“กูไม่ใช่มึงนะ สาดดดดด”
“โอ้วว แฟ๊บๆๆๆๆ ฮ่าๆๆ” ว่าไม่ว่าเปล่าทำท่าชักขึ้นชักลงให้ดูด้วย เอาเข้าไป กูละอายแทนหน้าหล่อๆ ของมึงจัง
“ก็พูดไปมึง.... มันเพิ่ง........” เป็นไอ้โม่เข้าไปป้องปากกระซิบยุกยิกๆ ข้างหูไอ้เฟรม ไม่นานไอ้ผู้ถูกส่งสารก็เบิกตากว้างเป็นไข่ห่าน
“อกหัก!! เฮ้ยไอ้น้องงงงงงงอย่าเศร้า! แมร่งเป็นนนนเรื่องธรรมชาติ” ทีงี้มันเลยเข้ามานวดไหล่โอ๋เอ๋เหมือนผมเป็นเด็กๆ ยกใหญ่ ส่วนไอ้วิทย์อยู่ดีๆ ก็ทำตาเป็นประกายดีดนิ้วดังเปาะ.. ชวนให้สงสัยว่าแม่งมีเรื่องอะไรดีๆ หรือไง?
“ดีเลยมึง คืนนี้พวกไอ้เบสท์ชวนไปเลี้ยงส่งไอ้นิวที่ได้ทุนไปต่ออ’เมกา ไปแดกเหล้ากันให้ลืมตายดีฟร่า ไหนๆ ก็วันศุกร์ละ TGIF สิครับบบ ปลอดปล่อยซะหน่อย” แดกเหล้า... อืมมมม ความคิดดีใช้ได้แฮะ พูดแล้วเปรี้ยวปากอยากเมาขึ้นมาเลยว่ะ หึหึ
“กูไปด้วยดิ่!!” ไอ้โม่ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าเริงรื่น (ก็ของชอบแม่งนี่นา) ขณะพวกเราเริ่มเดินขึ้นตึกไปห้องเรียน เนื่องจากเพิ่งตระหนักได้ว่าที่พากันมาเช้าเพื่อปั่นการบ้านนี่หว่า
“โอเค ไปกันเยอะๆ เลยมันส์ดี แล้วมึงว่าไงวะฟิวส์” วิทย์ยิ้มร่าที่ได้เพื่อนร่วมขบวนการเพิ่มอีกหนึ่ง ก่อนหันมาพูดประโยคหลังกับผม
“เออ ไปก็ไป อยากเมา”
“เยี่ยม!”
ผมฉีกยิ้มสะใจแท็กมือกับไอ้วิทย์ ไม่สนเชี้ยอะไรแล้วครับ คืนนี้ขอปล่อยของหน่อยเหอะ เอาให้ลืมตายกันไปข้างนึงเล้ย!
เป็นเวลาประมาณสามทุ่มเศษๆ พวกผม ซึ่งประกอบด้วยไอ้โม่ (มา BM ของมันเนี่ยล่ะ เห็นงี้ก็เหอะ...บ้านมันมีฐานะใช่เล่นนะครับ) ไอ้ภัทร และไอ้เอส (รายแรกรออยู่บ้านผมตั้งแต่เลิกเรียน ส่วนรายหลังเจอระหว่างทางแบบงงๆ) ก็มาถึง Brew Beers & Ciders ซอยทองหล่อ 13 ที่นัดกันเอาไว้ ที่นี่เป็นทั้งร้านขายอาหาร เบียร์ และเหล้า... แต่ควรเรียกว่าร้านเบียร์จะดีที่สุด เพราะเห็นมีแต่เบียร์นอกน่าซดเต็มไปหมด บรรยากาศค่อนข้างดีใช้ได้ แถมลานเปิดที่ให้นั่งจิบชิลล์ๆ สังสรรค์กัน ก็ตกแต่งได้สวยคลาสสิคไม่แพ้ภายในเลย
ทันทีที่เดินเข้ามา สายตาก็ต้องสะดุดกึกกับวัยรุ่นชายกลุ่มมหึมา อื้อหืออออ... พอรู้ว่ามากันเยอะ แต่ไม่คิดว่าแม่งจะเยอะเหมือนสั่งเหมาร้านเขาแบบนี้ เท่าที่เห็นอยู่สามโต๊ะ ประมาณจากสายตาคร่าวๆ คงราว 20 กว่าคน พวกผมอีก 4 ก็รวมเบ็ดเสร็จเป็น 30 ได้มั้ง Brew Beers แมร่งถล่มวันนี้แหละ!
ผมเห็นไอ้วิทย์กับไอ้เฟรมนั่งประกบซ้ายขวาไอ้นิวเจ้าของงาน เมื่อมันมองมาทางนี้ก็รีบส่งยิ้มกวักมือเรียกพวกเรายิกๆ
ผมโบกมือยักคิ้วกลับ ก่อนเดินไปทิ้งตัวลงนั่งตรงข้างๆ ไอ้ท๊อปที่กำลังรินเบียร์จากเหยือกใส่แก้วแจกเพื่อนๆ พวกเราเหมือนจะมากลุ่มสุดท้ายเลยมีเสียงโห่ฮาต้อนรับกันดังสุด (จนกลัวว่าโต๊ะข้างๆ จะปาขวดเบียร์ หรือกระดูกไก่ใส่หรือเปล่า..)
"ขอบใจนะเว้ยที่มา" ไอ้นิวเอ่ยทักแบบเป็นการเป็นงานกับพวกเราคนแรก
"เออ เพื่อนรักกูจะได้ดีทั้งทีนี่หว่า ไปเมกาจัดสาวฝรั่งอึ๋มๆ มาเป็นเพื่อนสะใภ้กูสักคนดิวะ" ไอ้โม่เดินเข้าไปตบหัวเจ้าของงานเอาฤกษ์เอาชัย ท่ามกลางเสียงเฮของคนอื่นๆ ก่อนที่ไอ้นิวจะแยกเขี้ยวฟ่อชูนิ้วกลางใส่
"พ่อมึงอ่า กูไม่ชอบฝรั่ง กูชอบญี่ปุ่น ขอแบบขาวๆ โนตมๆ ฮ่าๆๆๆๆ" โห ไอ้นี่! ด้วยความที่แม่งเรื่องมากจนน่าหมั่นไส้ เพื่อนๆ รอบวงจึงพากันเอาช้อนบนโต๊ะไปเคาะหัวทุยๆ ของมันคนละที ฮ่าๆๆ พวกเรานั่งคุยล้งเล้งกันไปเรื่อยเปื่อยสักแป๊บ แก้ว Mug เต็มไปด้วยของเหลวสีอำพันก็ถูกวางดังปึ้งตรงหน้า ผมก็รีบยิงคำถามใส่เชี้ยท๊อปเจ้าของผลงานทันที
“มึง กูอยากแดกเหล้า มีป่าววะ”
“ไอ้สาดนี่ มาร้านเบียร์นอกก็แดกเบียร์ชิลล์ๆ ไปก่อนดิ เดี๋ยวดึกๆ ค่อยว่ากัน” มันพูดขัดความอยากผมเข้าอย่างจัง ก่อนหันไปรินเจ้า HoeGaarden เหยือกใหญ่ต่อ
“มึงจะเสี้ยนเหล้าไรขนาดนั้นวะ มาเลี้ยงส่งเชี่ยนิวนะเว้ย จะเมาก่อนเจ้าของงานได้ไง ใช่ป้ะ? ฮ่าๆๆ” ไอ้เฟรมหันไปถามคนถูกอ้างถึงในประโยคสุดท้าย นำให้ไอ้นิวที่เพิ่งคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้เสร็จพยักหน้าตามหงึกหงัก ก่อนค่อยๆ หันไปทำหน้าเหวอใส่ไอ้เฟรมเหมือนคิดอะไรบางอย่างออก
“อ้าว มึงจะมอมเหล้ากูนี่หว่า ไอ้เพื่อนเลววววววววว”
“กร๊ากกกกกกกก เพิ่งรู้เหรอค้าบบบ” แน่นอนว่าไอ้เฟรมกวนตีนไปแบบนั้น เชี่ยนิวจึงสนองให้ จัดป๊อบคอร์นหนึ่งกำมือเต็มๆ ยัดเข้าปากจนสำลักค่อกแค่กๆ ออกมา ผมกับเพื่อนๆ ทั้งวงจึงได้ทีหันมาผสมโรงหัวเราะกันลั่น
พอลองสำรวจไปรอบๆ ถึงเพิ่งเห็นว่าไม่ได้มีแต่ห้องเราเท่านั้น เพื่อนๆ ต่างห้องที่พอรู้จักก็มากันหลายคนอยู่ ไล่มองไปไกลๆ ถึงเพิ่งเห็นว่ามีวัยรุ่นชายอีกกลุ่มนึง (ประมาณห้าหกคน) เดินกลับมาจากห้องน้ำพอดี โห.... เยอะกว่านี้อีกเหรอวะเนี่ย
"ฟิวส์ หวัดดี!" เป็นไอ้ธีร์นั่นเองที่เดินเข้ามาทัก ก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ ผม ไอ้เชี่ยนี่เคยอยู่ห้องเดียวกันตอนม.ต้นครับ ถึงงั้นเราก็ไม่ได้สนิทไรกันมาก (ไม่อยากเดินกะมัน รัศมีความหล่อแม่งกลบผมหมด ..... เอ่อ ล้อเล่นนะครับ ตีซะว่าหล่อสูสีกันดีกว่า อิอิ) พอขึ้นม.ปลายอยู่คนละห้องด้วยยิ่งแล้วใหญ่ แค่เวลาเจอหน้าก็ฉีกยิ้มโบกมือทักทายกันบ้างตามประสาเท่านั้น
"เออไง ช่วงนี้เป็นไงบ้างวะ" ผมยกเบียร์ขึ้นซดอึกนึง ก่อนถามสารทุกข์สุขดิบไอ้คนตัวสูงกว่าข้างๆ
"ก็สบายดี เรื่อยๆ แล้วมึงอ่ะ ไมท่าทางซึมๆ? ปกติเห็นเอาแต่กวนตีน" โอย...... ผมนึกว่าวันนี้จะไม่เจอคำถามนี้แล้วนะเนี่ย กูแสดงออกขนาดนั้น?
"อือ.. เพิ่งอกหักมาอ่ะ เซ็งๆ อยู่"
คราวนี้ผมกระดก HoeGaarden จนหมดแก้ว ขณะเดียวกับที่อาหารมาเสิร์ฟพอดี (ก่อนผมมาคงมีใครสั่งไว้) หืมมม มีพาสต้ากุ้งกับสลัดซี่โครงหมูของโปรดด้วยว่ะ... ทันทีที่พี่พนักงานวางทุกอย่างลงบนโต๊ะ พวกเราก็ใช้ส้อมเข้าจ้วงของในจานกันอย่างกับฝูงหมาเวลาเจ้าของมาให้อาหาร (เข้าใจเปรียบเทียบป่ะครับ..) แน่นอนผมเองก็ไม่พลาดได้กุ้งราดซอสตัวใหญ่มาเหมือนกัน
"อ้าวเหรอ แย่เลย มึงโอเคมั้ยเนี่ย"
"ไม่โอเคเลยยยย เสียใจ อยากเมาแล้วเนี่ย" หลังผมพูดจบก็ได้ยินเสียงไอ้ท๊อปแว่วๆ บอกว่า 'มิน่าล่ะแม่งถึงเสี้ยนเหล้า' เออออ ถ้ารู้งั้น เมิงก็สั่งให้กูสักทีสิวะแม่งงงงง แต่ความจริงรอไว้ดึกๆ ก็ไม่เป็นไรจะได้ไม่เสียบรรยากาศ ผมจึงได้แต่หันไปตอบเออแบบกวนตีนๆ ใส่ไอ้ท๊อป แล้วจิ้มกุ้งมาเคี้ยวเล่นอีกตัว อืม.... เผ็ดจี๊ดได้ใจจริงๆ
"เมาไปก็ไม่ช่วยไรหรอกมึง หาใหม่ง่ายกว่า" ไอ้เชี่ยธีร์ฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ชวนให้ผมคิดว่าหล่อๆ พิมพ์นิยมแบบสาวตามกรี๊ดอย่างแม่งคงมีประสบการณ์รักๆ เลิกๆ เยอะพอดู
"ทำเป็นเชี่ยวชาญ เมาอ่ะแหละดีจะได้ลืม........"
พูดไม่ทันจบดี ภาพตรงหน้าก็ทำเอาเสียงผมหายไปซะดื้อๆ
ร่างบางคุ้นเคยในชุดเดรสสีเขียวมะนาวกำลังเดินทอดน่องเข้ามาในร้าน ข้างกายมีผู้ชายตัวสูงคนเดียวกับที่ผมเห็นเมื่อวาน ทั้งสองพากันเดินควงแขนผ่านหน้าผมเข้าประตูกระจกไปด้านในร้าน ผมกัดฟันมองตามภาพนั้นนิ่งไม่กระพริบตา เรือนหน้าสวยได้รูปนั้นเคยเป็นของผม รอยยิ้มสดใสนั้นก็เคยเป็นของผม ถึงเห็นแค่แวบเดียวแต่เธอคนนั้นคือจีนไม่ผิดแน่... ผมกำหมัดแน่นจนรู้สึกชา โกรธมากแทบจะอยากลุกไปซัดไอ้เวรนั่นให้หน้าหงาย แต่ก็เข้าใจดีว่าทำแบบนั้นไปก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย
ไอ้โม่ที่นั่งอยู่อีกฝั่งคงสังเกตได้ว่าผมเหม่อลอยแปลกๆ จนต้องหันหลังมองตาม "โหแม่ง....มากันถึงนี่ เชี่ยจริง มึงไม่เป็นไรนะ"
ผมเบือนหน้าหนีมองทางอื่น ก่อนเอ่ยเสียงเบาราวกับไม่มีแรงแม้แต่จะเปล่งคำพูดใด
"สั่งเหล้าให้กูที..."
----------Make It Right----------
เป็นไงบ้างครับ ตอนที่ 1 จบไปแล้ว
ฟิวส์คงเซ็งแย่ อุตส่าห์คบกับแฟนมาเกือบปี จับได้ว่าแฟนทำแบบนี้ Y__Y
เพราะงั้นไปคบกับผู้ชายตามที่โม่บอกจะดีกว่ามั้ย อุอุ >___<
ขอบคุณคอมเม้นท์ด้วยนะครับ TT ดีใจมากเลย มีตั้ง 4 คอมเม้นท์ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลงตอนที่ 1 เลย ขอบคุณมากครับ ฝากนิยายด้วยนะครับ คิดยังไงก็บอกกันได้นะ ^_^
แล้วเจอกันใหม่จ้า!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ