[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  236.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) Chapter 09 : คนเลือดเย็น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 09 : คนเลือดเย็น
 
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” เอกถามขึ้นเมื่อเห็นท่าทางแปลกๆ ของเปอร์ที่เพิ่งเดินออกไปจากร้าน
“เปล่าหรอก  แล้วนี่มาทำงานวันแรกเหรอ? ปกติฉันมากับหมอนี่ประจำเลย” กีร์พูดขึ้นอย่างโล่งอกเมื่อเห็นเปอร์เดินออกไปและลุกซ์ก็ดูจะสงบลงแล้ว
“ครับ ผมเพิ่งกลับมาจากฝรั่งเศสน่ะฮะ  ไปเรียนทำขนม  แล้วว่าแต่...พวกพี่ๆ มีแฟนกันยังครับ?” เอกถามขึ้นเพราะเห็นพวกพี่ๆ ของเขาอายุมากขึ้นแล้ว
“อืม มีแล้ว  มีทั้งคู่นี่แหละ” กีร์ตอบแทนเพราะคิดว่าลุกซ์คงไม่ตอบเอง
“เอก ชอบหมอนั่นหรือเปล่า?” ลุกซ์ถามเสียงเคร่งขรึม
“เอ๋? หมายถึงเปอร์เหรอครับ?” เอกทำหน้างงก่อนจะยิ้มเขินเมื่อพูดถึงเปอร์
“เออ” ลุกซ์เริ่มขมวดคิ้ว
“พูดได้ว่าเป็นรักแรกผมเลยล่ะครับ  ตอนที่ผมเห็นเขาครั้งแรกผมก็หลงรักเลยล่ะผมถึงเดินเข้าไปทักทั้งๆ ที่ไม่มีใครสนใจเขาเลยซักคน” เอกก้มหน้าพูดแล้วยิ้มกริ่มทำให้เขาไม่เห็นว่าลุกซ์กำลังขบกรามแน่นด้วยอารมณ์โมโห
“ลุกซ์ มึงหมดสิทธิ์แล้วนะ” กีร์พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าลุกซ์กำลังทำหน้าเหมือนอยากจะตะบันหน้าเอก “มึงทำอะไรไม่ได้อีกแล้วเพราะมึงทำให้มันเสียใจจนแทบบ้า  ต่อให้มึงทำดีแค่ไหนกูก็คิดว่ามันคงไม่มีทางให้อภัย” กีร์พูดนิ่งๆ ทำให้เอกถึงกับทำหน้างงแล้วเงยหน้ามองพวกพี่ๆ
“มึงก็รู้ว่ากูกำลังจะทำอะไร” ลุกซ์กัดฟันพูด
“การที่มึงเห็นความรู้สึกของคนอื่นเป็นของเล่น มันทำให้ไอ้เปอร์หมดความศรัทธาในตัวมึงนะลุกซ์  กูไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่มึงทำมาตั้งแต่แรก  และถ้าวันนี้มันจะเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เปอร์  คนอย่างมึงก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรทั้งนั้น  มึงปล่อยมือมันเอง” กีร์มองหน้าลุกซ์นิ่งๆ แล้วตอกย้ำในความผิดที่ลุกซ์ก่อขึ้น
“...” เอกกับลุกซ์ไม่มีใครพูดอะไร
“เอก ถ้ารักเปอร์จริงๆ ล่ะก็  ต้องดูแลมันดีๆ นะ  ตอนนี้ต่อให้นายตื๊อมากแค่ไหนแต่ใจมันคงยังไม่เปิดง่ายๆ เพราะมันเพิ่งเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายเกี่ยวกับคนรักมา  ไอ้เปอร์มันมีปมเรื่องคนรักที่ไม่ดี  มันคงอยากจะหาคนดีๆ มาดามใจเหมือนกัน” กีร์หันไปบอกเอกทำให้ลุกซ์ที่นั่งก้มหน้าอยู่ข้างๆ ถึงกับกำมือแน่นอย่างเจ็บปวด
“เปอร์เขาชอบผู้ชายเหรอครับ?” เอกถามอย่างสงสัย
“คนรักของมันก็เป็นผู้ชายนั่นแหละ  แต่ที่จริงมันชอบผู้หญิง  แฟนของมันคนนั้นเป็นข้อยกเว้น  แต่ถ้านายทำดีและเอาชนะใจมันได้ ก็ยินดีด้วย” กีร์พูดนิ่งๆ
“ไอ้กีร์...” ลุกซ์คำรามชื่อกีร์เสียงต่ำในลำคอ
“จำเอาไว้ว่ามึงไม่สิทธิ์อะไรอีกแล้ว  มึงเห็นใจคนเป็นอะไร? กูว่ากูเลวแล้วนะ  แต่กูยังไม่กล้าบดขยี้หัวใจของตัวเองอย่างมึงเลยว่ะ มึง...เลือดเย็นมากกว่าที่กูคิดเอาไว้ซะอีก” กีร์หันไปพูดกับลุกซ์อย่างไม่เกรงกลัว “เอก ฉันไปก่อนนะ  ไว้วันหลังจะมาใหม่” กีร์ลุกขึ้นก่อนจะบอกลาเอกแล้วเดินออกจากร้านไป
“เอก ถ้ามึงคิดจะจีบมัน  จำเอาไว้ว่ามึงเป็นคู่แข่งหัวใจกับกู” ลุกซ์ลุกขึ้นก่อนจะพูดทิ้งท้ายเอาไว้แค่นั้นปล่อยให้เอกประติดประต่อเรื่องเอาเองและเขาก็พอจะคิดได้ว่าสิ่งที่กีร์พูดกับลุกซ์ และสิ่งที่เปอร์พูดก่อนหน้านี้หมายความว่าอย่างไร
“แล้วกูจะเอาอะไรไปสู้วะเนี่ย” เอกมองตามร่างสูงที่ออกจากร้านไปก่อนจะพึมพำออกมาอย่างคิดไม่ตก
 
ผมกลับมาทำงานด้วยอารมณ์ขุ่นมัว  ทั้งเจ็บใจ ทั้งเบื่อหน่ายกับความรู้สึกที่ตัวเองกำลังเผชิญอยู่  ผมไม่รู้ว่าการที่ผมพูดประชดออกไปแบบนั้นมันดีแล้วหรือเปล่าแต่ผมอดไม่ได้จริงๆ  เขาทำผมเจ็บมากมายขนาดนี้แต่เขาก็ยังตีหน้ามึนทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไปอย่างหน้าด้านๆ  เขาจะอยากรู้เรื่องในชีวิตผมไปทำไม  ผมจะไปเจอกับเอกยังไงเขาสนด้วยเหรอ? หรือว่าแค่ทำเป็นสน เพื่อปั่นหัวผมเล่น?
ผมถอนหายใจก่อนจะเปิดเอกสารที่วางกองกันอยู่บนโต๊ะเพื่อเรียนรู้งานเก่าๆ ที่พี่พลอยเคยทำมาและเอามาให้ผมลองอ่านดูอย่างเอื่อยเฉื่อย  สายตาผมไล่ไปที่ฟ้อนต์ตัวหนังสือที่แสนน่าเบื่อก่อนจะพยายามอ่านเพื่อทำเข้าใจ  อ่านไปได้ซักพักคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้านายของผมก็เดินมาแล้วเปิดประตูเข้าห้องทำงานไปอย่างหัวเสีย
ผมแค่นยิ้มเยาะนิดๆ อย่างพอใจที่เห็นเขามีอาการกระฟัดกระเฟียดแบบนั้น  ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมหรือเพราะอะไรแต่แค่เขากำลังร้อนรุ่มผมก็สะใจแล้ว  กับอีแค่เรื่องแค่นี้มันยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของความรู้สึกที่ผมสูญเสียไปหรอก  
ผมเจ็บ  เขาก็ต้องเจ็บ  ผมไม่คิดจะทำลายครอบครัวของเขาหรอก แต่ผมจะทำลายความรู้สึกของเขา  เท่าที่ผ่านมาผมก็พอดูออกว่าเขาเองก็ยังมีความรู้สึกกับผมอยู่  แม้จะทำท่าทีไม่สนใจเท่าที่ควรแต่การกระทำของเขาบางทีก็เหมือนกับ...หมาหวงก้าง  แต่ก็คงทำได้แค่หวงและเห่าไปวันๆ เพราะเขาไม่ใช่เจ้าของก้างชิ้นนี้และไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรทั้งนั้น
พี่ลุกซ์...ผมจะตอบแทนความรู้สึกทรมานที่พี่มอบให้ผมอย่างสาสม!
 
เมื่อถึงเวลาเลิกงานพี่ลุกซ์ก็เดินออกมาจากห้องซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เจ๊เปรียวเดินมาพอดีทำให้ทั้งสองคนมาป๊ะกันที่หน้าโต๊ะทำงานของผมที่มีผมกำลังนั่งเก็บของเข้ากระเป๋า
“เปอร์ หวัดดีจ้ะ” เจ๊เปรียวโบกมือทักทายผมซึ่งผมก็ยิ้มตอบจากนั้นเจ๊แกก็หันไปหาพี่ลุกซ์ “ลุกซ์ พรุ่งนี้เปรียวต้องลงไปดูงานที่ต่างจังหวัด  บอกน้องปิงไว้ด้วยนะว่าเดี๋ยวจะเอาของฝากไปให้” เจ๊เปรียวพูดกับพี่ลุกซ์ 
ผมก้มหน้าก้มตาเก็บข้าวเก็บของพลางเม้มปากนิดๆ อย่างเจ็บปวด  อย่ามาคุยกันต่อหน้ากูได้ไหม? กูยังทำใจไม่ได้เลย
“อืม” พี่ลุกซ์พยักหน้าพลางหรี่ตามองผม เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมเงยหน้าขึ้นมองเพราะเก็บของเสร็จพอดี  ผมไม่สนใจเขาก่อนจะหันไปหาพี่พลอยที่ลุกออกจากโต๊ะทำงานเพื่อกลับบ้าน
“พี่พลอย  เย็นนี้ไปร้านขนมของเอกกันไหมครับ?” ผมหันไปยิ้มให้เจ๊เปรียวนิดๆ ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะทำงานแล้วเดินไปดักหน้าพี่พลอยเอาไว้
“กินขนมหวานเช้าเที่ยงเย็นแบบนี้เดี๋ยวก็อ้วนหรอกเปอร์” พี่พลอยแซวขำๆ
“ให้ผมอ้วนหน่อยเถอะ  ถ้าเพิ่มน้ำหนักได้อีกซัก 10 กิโลนี่กำลังดีเลยนะ” ผมบอกเพราะตอนนี้ผมหนักแค่ 47 กิโล เมื่อเทียบกับความสูง 175 เซนของผมแล้วผมผอมมาก  เป็นผู้ชายโครงสร้างใหญ่กว่าผู้หญิงแต่ดันมาหนักพอๆ กันนี่มันไม่ค่อยจะใช่เลยนะ  เวลาผมมองแขนขาตัวเองผมก็แอบรู้สึกแย่เหมือนกันที่มันแห้งก้างอย่างกับมีแต่กระดูก
“พี่ว่าอีกไม่ถึงอาทิตย์หรอกเปอร์ รับรองอ้วนแน่นอน  คุณน้องเอกประเคนขนมให้ขนาดนั้น” พี่พลอยว่า
“เอกเขาทำขนมอร่อยนี่ครับ  ปกติผมไม่ถูกชะตากับคนนิสัยอย่างเขานะ  แต่ล่อกันด้วยขนมแบบนี้ผมยอมเลยจริงๆ” ผมพูดกับพี่พลอยพลางหัวเราะขำๆ ขณะที่เดินผ่านสองสามีภรรยาที่เหมาะกันอย่างกับฟ้ากับเหว  เจ๊เปรียวที่แสนดีไม่น่าหลงผิดไปแต่งงานกับคนเลวๆ อย่างพี่ลุกซ์เลย  นี่ถ้าเจ๊เปรียวรู้เรื่องในอดีตของเราล่ะก็ไม่รู้จะเป็นยังไง  แต่ไม่ต้องรู้นั่นแหละดีที่สุดเพราะถ้ารู้เข้า เจ๊เปรียวอาจจะหมดศรัทธาในตัวพี่ลุกซ์เหมือนที่ผมกำลังเป็นอยู่  ผมไม่อยากให้ใครรู้สึกทรมานอย่างที่ผมรู้สึกหรอก
“เอกเขากวนเนอะ  แต่ก็น่ารักดี” พี่พลอยเอ่ยชม  เจ๊คนนี้ตอนแรกบอกไม่ค่อยชอบหน้าเอกเพราะดูกวนๆ ทะเล้นทะลึ่งยังไงชอบกล  แต่พอเขาเอาเค้กมาล่อก็เป็นเหมือนผมเลยล่ะครับ
“แอ๊ะๆ พี่พลอยจะกินเด็กเหรอครับ? เขาอายุน้อยกว่าพี่พลอยเกือบสิบปีเลยนะ ฮ่าๆๆ” ผมแซวเรื่องอายุของพี่พลอยอย่างล้อๆ  พี่พลอยอายุเท่าพี่ถังนั่นก็แสดงว่าพี่พลอยอายุ 31 แล้ว แต่พี่พลอยก็ยังไม่มีแฟนทั้งๆ ที่สวยและน่ารักขนาดนี้
“อ๊าย หยาบคาย! พี่ไม่ได้ชอบแบบนั้นซักหน่อย” พี่พลอยกรีดร้องแล้วตบหลังผมสองสามตุบจนผมแทบปลิวเพราะพี่พลอยแรงไม่ใช่น้อยๆ เลย  ตัวก็เล็กแค่นี้แต่ทำไมแรงเยอะจังวะเนี่ย  พี่พลอยน่ะเตี้ยกว่าผมพอตัวเลยล่ะครับ  ดีแล้วล่ะ  ผู้หญิงตัวเล็กๆ นี่แหละสเปกผู้ชายส่วนใหญ่  ผมก็เป็นหนึ่งในผู้ชายที่ชอบผู้หญิงตัวเล็กเพราะผมตัวเล็ก
“คิๆ พี่พลอยแก่จัง ฮ่าๆ” ผมแกล้งแซว
“กรี๊ดดดดดด เด็กปากเสีย!!” พี่พลอยโวยวายพลางวิ่งไล่ตบผมอย่างบ้าคลั่งส่วนผมก็วิ่งหนีไปพลางหัวเราะร่าไปพลางอย่างสนุกสนาน
เราวิ่งเล่นกันสักพักก็ไปร้านขนมไทยแต่เอกไม่อยู่  เห็นว่าหลังเลิกงานก็กลับไปนอนพักที่คอนโดเลย  ผมไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเอกจะอยู่คอนโดทำไมในเมื่อบ้านตัวเองก็อยู่ใกล้ๆ
 
เช้าวันต่อมา  ผมมาทำงานตั้งแต่เช้าเพราะไม่อยากถูกบ่นว่ามาสาย  เจ้านายผมเขาหาเรื่องต่อว่าผมได้ตลอดนั่นแหละเพราะฉะนั้นผมจะต้องทำงานให้ดีไม่มีที่ติให้ได้
ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปสักพักพี่ลุกซ์ก็มา  เขาเข้าห้องไปโดยไม่ได้พูดอะไรแต่จังหวะที่เดินผ่านโต๊ะผมเขาก็วางถุงกระดาษคุ้นตาไว้  ผมชะงักแล้วเงยหน้าจากโทรศัพท์มาดูถุงกระดาษนั่น  มันเป็นถุงกระดาษจากร้านขนมของที่บ้านเอกนั่นเองครับ
ผมเม้มปากแล้วแกะดูพบว่ามีกล่องฝอยทองกับทองหยิบบรรจุอยู่ด้านใน  ใจผมเต้นรัวทันที  เขาเอาขนมที่ผมชอบมาให้ผมทำไม?  เขาทำเรื่องที่ทำให้ผมคิดถึงเมื่อห้าปีก่อนอีกแล้ว  ขนาดผมบอกไปแล้วแท้ๆ ว่าอย่าทำเรื่องอะไรแบบนี้อีกแต่เขาก็ยังไม่เลิกรา
เมื่อไม่อยากจะคิดถึงเรื่องเดิมๆ ผมก็ตัดสินใจที่จะเอาขนมไปคืนเขา  จะทิ้งไปก็เสียดายแต่จะให้กินก็เสียฟอร์ม
“เชิญ” เมื่อผมเคาะประตูขออนุญาตเสียงของเขาก็ดังออกมา  ที่ดังออกมาได้ทั้งๆ ที่เป็นห้องเก็บเสียงก็เพราะผมแง้มประตูไว้ก่อนเพื่อฟังคำอนุญาตนั่นแหละครับ
“คุณลืมขนมไว้บนโต๊ะผมครับ” ผมเดินเอาขนมไปวางไว้บนโต๊ะของเขา
“ให้ลูกน้องไปซื้อมาให้” เขาพูดแค่นั้นพลางเปิดเอกสารบนโต๊ะดู
“ไม่จำเป็น” ผมบอกแล้วมองเขาอย่างท้าทาย
“ทำไม? กินขนมฝรั่งจนลืมขนมไทยไปแล้วหรือไง? หรือว่า...เพราะมีผัวเป็นถึงพาร์ติซิเย่เลยไม่จำเป็นต้องให้ผัวเก่าซื้อขนมให้?”
ปัง!!
“เป็นถึงผู้รากมากดี ไม่อยากจะเชื่อว่าคำพูดคำจาจะถ่อยขนาดนี้  ผมจะอยากกินอะไรหรือไม่อยากกินอะไรมันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของคุณ  หรือจะเรื่องที่ผมมีสามีเป็นใคร คุณก็ไม่มีสิทธิ์สอดมือเข้ามายุ่ง  จำเอาไว้” ผมตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะพูดออกไปอย่างดุดัน
“ไม่มีสิทธิ์? ฮึๆ นั่นสินะ ก็แค่เคยนอนด้วยกันเฉยๆ นี่นะ  อยากจะรู้จริงๆ ว่าไอ้เอกมันจะมีดีขนาดไหนถึงเอาคุณอยู่  ตอนมันเอา มันได้บอกไหมว่าหลวมหรือแน่น...?”
เพี้ยะ!!
“อยากรู้ใช่ไหมว่าทำไมผมถึงรักเขา? เพราะเขาเป็นคนดี ไม่พูดจาดูถูกแม้ผมจะมีอดีตที่ไม่ดี  เขายอมรับและไม่รังเกียจ  เขาช่วยผมเอาไว้จากคนไม่ดี จากความรู้สึกแย่ๆ  เขาอยู่กับผมเวลาที่ผมไม่มีใคร  คนดีแบบนี้ ผมจะรัก จะยอมให้เขามันก็ไม่แปลก  คุณเองก็น่าจะดีใจกับผมนะครับที่ผมมีคนดีๆ มารักซักที  ผมอยู่กับคนเลวมานานเกินไป” ผมตบหน้าเขาเต็มแรงก่อนจะพูดออกมาโดยใส่ไข่ไปมากพอสมควรเพราะแท้จริงแล้วผมกับเอกยังไม่ได้รู้จักกันถึงขนาดนั้น
“...” เขาเงียบพลางแตะที่มุมปากที่ถูกตบของตัวเองเบาๆ
“อย่ามารื้อฟื้นเรื่องอะไรระหว่างผมกับคุณอีกเลย  ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณอีกตั้งแต่ที่คุณหายไปไม่ติดต่อผมมา  คุณที่ผมรอได้ตายไปจากผมแล้ว  อย่ากลับมาทำให้ผมไขว้เขว  ผมหนีจากคุณมามากเกินพอ  ผมไม่อยากจะหนีอีกแล้ว  เพราะฉะนั้นอย่ายุ่งกับผมอีก” ผมบอกอย่างจริงจัง  หวังว่าเขาจะสงสารผมบ้างนะ
“แน่ใจได้ไงว่าหมอนั่นตายไปแล้ว?” พี่ลุกซ์ถามออกมาพลางจ้องหน้าผมอย่างจริงจัง
“แน่ใจสิครับ เพราะขนาดเขาอยู่ต่อหน้าผม เขายังไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเลย  ถ้าไม่ใช่ว่าเขาตายไปแล้ว เขาก็คงเป็นคนที่เลือดเย็นยิ่งกว่าฆาตกร” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะรีบเดินหนีออกไปทันที  ไม่อยากอยู่ต่อความยาวสาวความยืดกับคนแบบนั้น  ต่อให้เถียงอะไรไปผมก็ไม่มีวันชนะเพราะเขาคือคนที่ถูกที่สุดมาเสมอแม้สิ่งที่เขาทำมันจะผิดก็ตาม  
45% left
ตกเย็นผมก็แวะไปที่ร้านขนมไทยอีก  ตอนแรกผมว่าจะซื้อขนมฝรั่งไปฝากคุณป้ากับครอบครัวแต่พอนึกขึ้นได้ว่าเอกทำขนมอร่อยขนาดนั้นผมก็เลยไม่ซื้อไป
“มาเช้า เที่ยง เย็นแบบนี้เดี๋ยวก็อ้วนหรอกคุณ” เสียงคุ้นหูแซวพร้อมกับร่างของเอกที่นั่งไขว่ห้างอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงินทำให้ผมหันไปจิกตาใส่เขาอย่างหมั่นไส้  ก็ดูเขาแซวผมสิครับ  อยากให้มาแต่ดันแซวแบบนี้มันน่านัก
“ไอ้เอก! แกนี่มันชอบกวนลูกค้าจริงๆ  อ่า...น้องเปอร์ตามสบายนะ” พี่ตรีที่กำลังเก็บโต๊ะดุเอกก่อนจะหันมายิ้มให้ผม
“เดี๋ยวนี้เห็นมาคนเดียวตลอดเลย  พี่ชายไปไหนล่ะ?” คุณป้าเดินออกมาคุยกับผมอย่างเป็นมิตรตามปกติ
“พี่ชาย?” ผมเอียงคองงๆ
“ก็...คนหล่อๆ ที่ชอบสั่งขนมไปง้อเปอร์ไง” คุณป้าพูดทำให้ผมรู้ว่าเป็นพี่ลุกซ์นั่นเอง
“ทำไมถึงรู้ว่าเขาง้อล่ะครับ?” ผมขมวดคิ้วนิดๆ เพราะไม่เคยรู้มาก่อนว่าพี่ลุกซ์จะบอกคนอื่นว่าซื้อขนมมาง้อผม
“เขาบ่นตลอดเลยว่าเปอร์ขี้งอน  ต้องซื้อขนมจากร้านป้าไปง้อไม่งั้นไม่หายงอน ฮ่าๆ” คุณป้ายิ้มอย่างเอ็นดูแต่ผมกลับหน้าหมองลงเพราะคิดถึงวันเวลาเก่าๆ  อ่า...ผมไม่ควรคิดถึงมัน  แต่ก็นะ...ความคิดมันห้ามกันได้ที่ไหนล่ะเนอะ
“อ๋อ คนนั้นเขา...ตายไปแล้วน่ะครับ” ผมนิ่งไปสักพักก่อนจะฝืนยิ้มให้คุณป้าทำให้ทั้งพี่ตรีและคุณป้าตกใจจนตาเบิกกว้าง
“จริงเหรอเปอร์? พี่เสียใจด้วยนะ  แล้วนี่...เป็นอะไรทำไมถึงเสียเร็วขนาดนี้  ยังหนุ่มยังแน่นอยู่เลย” พี่ตรีเอามือทาบอกก่อนจะถามอย่างใจหาย
“เขา...ตกเครื่องบินน่ะครับ  เสียไปได้สามปีแล้วล่ะครับ” ผมคิดสาเหตุการตายไม่ทันก็เลยบอกออกไปแบบนั้น  ที่จริงอยากจะบอกอยู่ครับว่าเป็นเอดส์ตาย  หมั่นไส้พี่มันนัก
“เสียใจด้วยนะลูก  เห็นพี่ชายเอ็นดูเปอร์มากขนาดนั้น  ตอนนี้คงเหงาแย่สินะ” หางคิ้วคุณป้าตกลงส่วนหัวคิ้วขมวดเข้าหากันด้วยท่าทางหดหู่ใจ  นี่ผมทำให้พวกเขาใจเสียหรือเปล่าเนี่ย? ผมไม่ได้ตั้งใจนะ  แต่พี่ลุกซ์คนนั้นได้ตายไปจากผมจริงๆ โดยที่ผมไม่รู้สาเหตุเลย
“ก็นิดหน่อยล่ะครับ  ผมไม่เป็นไรหรอก” ผมส่ายหน้าพลางยิ้มนิดๆ
“พี่ชายคนนั้นน่ะ...พี่ลุกซ์หรือเปล่า?” เอกถามขึ้นทำให้ผมชะงักแล้วหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตางุนงงปนตกใจ  ตอนที่ผมกลับออฟฟิศเขาคุยเรื่องอะไรกับพี่ลุกซ์ต่องั้นเหรอ?
“คืออะไรเหรอเอก?” ผมขมวดคิ้วถามพลางใช้สายตาคาดคั้นเขาเต็มที่
“เอ้อใช่ ชื่อลุกซ์ใช่ไหม? เห็นเปอร์ชอบเรียกว่าพี่ลุกซ์” พี่ตรีพูดขึ้นอย่างนึกขึ้นได้
“จริงๆ ด้วยสินะ” เอกแค่นยิ้มนิดๆ
“ใช่ครับ  พี่ลุกซ์เขาตายจากผมไปแล้ว  อย่ารื้อฟื้นมันอีกเลยนะครับ” ผมหันไปบอกพี่ตรีกับคุณป้ายิ้มๆ “ผมไม่รู้ว่าเอกไปรู้อะไรมา  แต่คนที่เหลืออยู่ตอนนี้คือคุณรุจิภาสซึ่งไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับผมนอกซะจากความเป็นเจ้านายกับลูกน้อง” ผมเดินเข้าไปพูดกับเอกเสียงเบาเพราะไม่อยากให้คนอื่นๆ ได้ยิน
“ทำไมล่ะครับ? ทำไมเขาถึงตาย?” เอกถามพลางจ้องตาผมอย่างมีความหมายเพราะมีเพียงเราสองคนเท่านั้นที่คุยกันรู้เรื่อง
“มันไม่มีอะไรหรอก อย่าไปสนใจเลย” ผมถอนหายใจแล้วพูดออกไปอย่างเหนื่อยๆ
“เขามองผมเป็นศัตรู” เอกพูดขณะที่พี่ตรีกับคุณป้าเดินเข้าไปหลังร้านเพื่อทำงานต่อเพราะตอนนี้ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่นอกจากผม
“คืออะไร?” ผมขมวดคิ้วอีกครั้ง
“เปล่าหรอก  ไม่มีอะไรหรอกครับ” เอกปฏิเสธหน้าเครียด  แต่สักพักเขาก็ยิ้มร่าเริงแล้วเดินออกมาหาผมพร้อมกับมาการองในจานกระเบื้องเล็กๆ “นี่เป็นมาการองรสชาซีลอน  ผมลองทำดูไม่รู้จะอร่อยหรือเปล่า? ถ้าคุณชอบผมจะเพิ่มเข้าไปในเมนูของร้านด้วย” เอกยิ้มพลางยื่นจานกระเบื้องนั่นมาตรงหน้าของผม
“เอก...” ผมข่มตามองเขาเพื่อคาดคั้นเรื่องที่เขาพูดให้ผมสงสัยก่อนหน้านี้
“เปอร์ครับ ไม่มีอะไรหรอกนะ  พูดไปก็เครียดเปล่าๆ  มากินขนมดีกว่า” เอกทำหน้าหงอยก่อนจะยิ้มกว้างแล้วพาผมไปนั่งที่เก้าอี้
“อื้อ” ผมพยักหน้าแล้วไปนั่งกินขนมอย่างเอร็ดอร่อย  เอกทำขนมอะไรก็อร่อยไปหมดเลยแฮะ
“อร่อยไหม?” เอกยื่นหน้าเข้ามาถามซะใกล้จนผมต้องขยับออกนิดๆ
“อร่อยมากเลย” ผมพยักหน้ายิ้มๆ
“ชอบจัง” เอกเอามือยันคางตัวเองแล้วมองผมยิ้มๆ
“เอ๋?” ผมเอียงคองงๆ  เมื่อกี้เอกถามว่าผมชอบขนมของเขาไหมหรือเปล่านะ?
“ผมชอบเวลาที่คุณยิ้มนะ  เวลาคุณกินขนมแล้วทำหน้ามีความสุขแบบนี้ผมก็อดยิ้มตามคุณไม่ได้  ดีกว่าทำหน้าเศร้าๆ เยอะเลย” เอกบอกพลางยื่นมือมาเช็ดมาการองที่ติดมุมปากออกให้ผม
“งั้นก็ต้องทำขนมให้ผมเยอะๆ เลยนะ ผมจะได้ยิ้มไง” ผมมองเอกอย่างขอบคุณก่อนจะพูดออกมาอย่างร่าเริง
“ยินดีเลยครับ  เอ้อ งั้น...อยู่ต่ออีกหน่อยนะ  เดี๋ยวผมไปชงชามาให้  ดูซิว่าผมจะทำอร่อยไหม” เอกพูดทำให้ผมพยักหน้าอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะดื่มชาฝีมือเอก
“ผมจะรอนะ” ผมยิ้มพลางโบกมือให้เอกที่ลุกไปหลังร้านเพื่อชงชาให้ผม
 
ปกป้อง เด็กหนุ่มที่เปอร์อุปการะซึ่งตอนนี้กำลังโตเป็นหนุ่มและกำลังฝึกศิลปะป้องกันตัวเองเพื่อเอาไว้ปกป้องพี่ชายที่แสนน่ารักของเขา  ป้องเรียนศิลปะป้องกันตัวกับลันและไอโดยฝึกกันที่โรงยิมที่อยู่ไม่ห่างจากบริษัทของลันกับไอนักทำให้ป้องต้องนั่งรถจากโรงเรียนไปที่ยิมนั้นเกือบทุกวัน  แต่ดูเหมือนว่าวันนี้ลันกับไอจะเปลี่ยนสถานที่โดยไปฝึกที่โรงฝึกเล็กๆ ในบ้านของลันแทน
ป้องในชุดนักเรียนชายยืนชะเง้อคอมองเข้าไปในบ้านหลังใหญ่โตอย่างประหม่าเพราะไม่เคยมาบ้านของคนที่ได้ชื่อว่าทำร้ายพี่ชายของเขาเสียยับเยินมาก่อน  ป้องหวั่นใจกลัวจะเจอกับลุกซ์ที่ไม่อยากเจอ  เขาไม่แน่ใจว่าถ้าเห็นหน้าลุกซ์แล้วเขาจะอดทนได้มากแค่ไหน  สภาพของเปอร์ตอนรู้ข่าวเรื่องลุกซ์มันแย่มากจนป้องไม่อาจจะทนมองได้  เขารักพี่ชายของเขาและเกลียดคนที่มาทำร้ายเปอร์มาก  ป้อง...เกลียดลุกซ์มาก
“มาหาใครครับ?” ยามหน้าบ้านหลังใหญ่เดินออกมาถามเมื่อเห็นป้องมายืนทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ริมรั้ว
“เอ่อ...ผมมาหาพี่ลันกับพี่ไอน่ะครับ” ป้องพูดเสียงแหบพร่าเพราะเสียงเขากำลังแตกตามประสาเด็กที่กำลังย่างเข้าสู่วัยรุ่น
“คุณลันกับคุณไอไม่ได้อยู่ที่นี่  หนูรู้จักสองคนนั้นจริงๆ เหรอ?” ยามมองหน้าป้องอย่างไม่ไว้ใจ
“รู้จักครับ ผมขอเข้าไปหน่อยได้ไหม? ร้อนอ่ะ” ป้องปาดเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าอย่างเหน็ดเหนื่อยเพราะกว่าจะมาที่นี่ถูกเขาก็เสียแรงไปเยอะพอสมควร
“ไม่ได้หรอก หนูเป็นใครก็ไม่รู้ลุงจะให้เข้าไปได้ไง” ยามโบกมือปฏิเสธทันทีแม้จะเห็นใจเด็กชายที่กำลังหน้าแดงก่ำเพราะความร้อนก็ตาม
“อ่า...เดี๋ยวผมโทรหาพี่ลันก็ได้” ป้องขมวดคิ้วแล้วควักโทรศัพท์ออกมากดโทรออกหาลัน  แต่เคราะห์ร้าย เงินโทรศัพท์ของป้องหมดพอดี “อ่า...เงินหมดอ่ะลุง  ยืมโทรศัพท์หน่อยสิครับ” ป้องทำหน้าหงุดหงิดที่เงินหมดก่อนจะหันไปยืมโทรศัพท์จากยาม
“เงินลุงก็หมด  เอาเป็นว่าหนูกลับไปก่อนเถอะ  ปกติคุณลันกับคุณไอไม่ค่อยได้เข้ามาที่นี่หรอก” ยามบอกพลางเดินกลับไปประจำที่ของตัวเอง
“โธ่เอ๊ย พี่ลันกับพี่ไอไปไหนวะเนี่ย?” ป้องเตะหินที่อยู่ใกล้ๆ เท้าก่อนจะเดินไปหาร่มไม้เพื่อหลบแดด  และเพียงไม่นานรถยนต์คันหรูก็ขับมาที่หน้าบ้านพร้อมกับประตูที่เปิดออก  ป้องนึกดีใจคิดว่าเป็นลันกับไอจึงรีบวิ่งไปเคาะกระจกรถติดฟิล์มดำ “พี่ลัน พี่ไอ  ผมขึ้นรถด้วย” ป้องเคาะกระจกรถพลางปาดเหงื่อออกจากหน้าแดงๆ
กระจกรถฝั่งด้านข้างคนขับเลื่อนลงเพื่อให้คนขับมองหน้าป้องชัดๆ และนั่นก็ทำให้ป้องเห็นหน้าคนขับชัดๆ เช่นกัน  ป้องจำหน้าเขาได้อย่างแม่นยำเพราะมันเป็นใบหน้าของคนที่เปอร์รักอย่างสุดหัวใจ
“เธอเป็นใครน่ะ?” ลุกซ์ขมวดคิ้วถามพลางถอดแว่นกันแดดออกเพื่อมองป้องให้ชัดๆ แต่ลุกซ์จำป้องไม่ได้เพราะลุกซ์เจอป้องครั้งล่าสุดตอนที่ป้องอายุเพียงแปดขวบ  ตอนนี้อายุสิบสามปีเข้าไปแล้ว
“เปล่าครับ ผมทักผิด ขอโทษครับ” ป้องหน้าตึงแล้วรีบผละออกจากรถทันที  จังหวะเดียวกันรถกระบะคันเก่าๆ ของลันก็ขับมาต่อท้ายรถของลุกซ์พอดี
ลุกซ์ลงจากรถก่อนจะเดินไปจับแขนป้องไว้เพื่อมองหน้าชัดๆ ทำให้ลันกับไอต้องลงจากรถมาช่วยป้องเพราะกลัวว่าลุกซ์จะเข้าใจผิดว่าป้องเป็นขโมย
“รู้จักเด็กคนนี้เหรอ?” ลุกซ์หันไปถามลันทั้งๆ ที่ยังจับต้นแขนป้องเอาไว้
“อืม” ลันพยักหน้านิดๆ
“แล้วมาทำอะไรที่บ้าน?” ลุกซ์ขมวดคิ้วถามพลางหันกลับไปมองป้องที่กำลังชักสีหน้าไม่พอใจใส่เขาอยู่
“มาฝึกเทควันโดให้น้องมันน่ะ  พอดีโรงฝึกของเราเพิ่งซ่อมเสร็จก็เลยพามาที่ฝึกที่บ้านแทน” ลันบอกทำให้ลุกซ์พยักหน้าอย่างเข้าใจ
“อืม” ลุกซ์ปล่อยแขนป้องก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับรถเข้าไปเก็บที่โรงจอดรถแล้วเข้าบ้านไปทันที
ป้องมองตามลุกซ์ตลอดด้วยสายตาแค้นเคือง ยิ่งเห็นหน้าลุกซ์ป้องก็ยิ่งสงสารเปอร์  ตอนเด็กๆ ป้องไม่ชอบลุกซ์แต่ก็ดีกันได้แถมยังรักกันมากอีกด้วย  ตอนที่ลุกซ์ไปเรียนต่อป้องก็เหงาและคิดถึงแต่พอมารู้ว่าลุกซ์แต่งงานมีลูกมีเมียโดยทิ้งเปอร์เอาไว้แบบนี้ป้องจึงรู้สึกโกรธมาก  เขาพร้อมจะลืมความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีร่วมกันได้ในทันทีที่ลุกซ์เปลี่ยนไป
“ป้อง เข้าไปดื่มน้ำดื่มท่าก่อนค่อยฝึกละกัน  ท่าทางแกจะเหนื่อยมาก” ไอเดินไปตบไหล่ป้องเบาๆ ก่อนจะพาป้องขึ้นรถ
ป้องพยักหน้าพลางเม้มปากแน่นอย่างรู้สึกเจ็บในใจ
 
+++++++++++++++++++++++ ป้อง ใจเย็นๆ นะลูก  หนูเป็นเด็กดี อย่าให้ผู้ใหญ่นิสัยเสียมาทำให้หนูขุ่นเคืองนะลูกนะ  พ่อเมะในอนาคตของแม่ อิ๊ๆ  

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา