[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
9.7
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
56 ตอน
51 วิจารณ์
236.29K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
53) Aut x Pree 06 : ห่างเหิน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Aut x Pree 06 : ห่างเหิน
เมื่อรู้ว่าไอ้ลุกซ์ฟื้นห้องก็แทบแตกครับเพราะทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ทิ้งงานทิ้งการมาเยี่ยมมันกันใหญ่ ที่ดูจะดีใจที่สุดเห็นจะเป็นไอ้ลันเพราะมันห่วงพี่ชายขอมันกว่าใครเพื่อน แต่อาการดีใจของมันคือเงียบ ไม่เข้ามาพูดคุยแต่แววตามันดูดีขึ้นเยอะถ้าเทียบกับตอนแรกที่รู้ว่าพี่มันเจ็บหนัก
“ไอ้ภีร์” ขณะที่คนอื่นๆ ไปรุมที่เตียงไอ้ลุกซ์พี่ถังที่สวมสูทเนี้ยบนิ้งก็เดินมาหาผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผมมองหน้าพี่ถังแล้วถอนหายใจ มาหาผมด้วยสีหน้าแบบนี้ไม่พ้นเรื่องพี่อัตแน่นอน
“ครับ?” ผมพยักหน้าตอบรับคำเรียก
“มึงไปทำอะไรเพื่อนกูวะ? ทำไมมันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง?” พี่ถังถามทำให้ผมถอนหายใจอีกรอบ ตั้งแต่ที่ผมพูดตัดเยื่อใยกับพี่อัตไปตอนนั้นพี่มันก็ไม่ค่อยกลับบ้าน มีกลับมาบ้างแต่ก็ไม่นาน สภาพที่ผมเห็นก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก คิดว่าคงไปเมาอยู่บ้านไอ้เคย์ล่ะมั้ง หรือไม่ก็คงไปหาคนดามใจใหม่ แต่ก็นะ เขาอยากทำอะไรอยากไปหาใครใหม่ก็ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว นี่ผมกะว่าจะไปเก็บของออกจากบ้านพี่อัตอยู่ครับ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วเพราะไอ้ลุกซ์มันซ่าจนส่งเสียงเอะอะได้โดยไม่สนใจแผลเลย ฤทธิ์เยอะจริงๆ เพื่อนผมคนนี้
“ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ทำตัวเองทั้งนั้น” ผมส่ายหน้าไปมานิดๆ ผมไม่ได้ทำอะไรพี่อัตจริงๆ นะเพราะพี่มันทำตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องที่คิดจะพิสูจน์ใจผมด้วยวิธีบ้าๆ และที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องด้วย
“มึงไม่คิดจะให้อภัยมันจริงๆ เหรอภีร์?” พี่ถังถาม คงไปฟังพี่อัตเล่าแล้วล่ะสิถึงท่าทางเหมือนรู้ทุกอย่างแบบนี้
“ไม่ครับ” ผมตอบอย่างเด็ดขาด ผมจะไม่กลับไปหาพี่อัตอีกแล้ว จะตัดขาดแบบที่ไม่ต้องเจอหรือติดต่อกันอีกเลย ถ้าได้เจอกันบ้างบางโอกาสผมก็จะทำตัวเป็นปกติเหมือนเราไม่เคยเป็นอะไรกันมาก่อน ผมรู้ว่าผมใจแข็งมากซึ่งนั่นก็เพื่อเป็นเกราะ ผมไม่อยากเจ็บปวดและไม่อยากให้ใครเจ็บปวด ที่พี่อัตต้องพิสูจน์ก็เพราะไม่ไว้ใจซึ่งนั่นก็คือการที่ทำให้พี่มันเจ็บ ต่อไปนี้ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว ผมเข็ดกับความเลวของตัวเองจนไม่กล้ารักใครอีก ถึงจะรักพี่อัตแต่ก็ไม่ขอผูกมัดกันแล้วดีกว่า
“มึงโกรธมันขนาดนั้นเลยเหรอ?” พี่ถังถามอีก
“มันเลยคำว่าโกรธมาแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมไม่มีใจจะคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้วล่ะ เหมือนกับ...มันตายด้านไปแล้วยังไงยังงั้น” ผมบอก อารมณ์ผมตอนนี้เหมือนคนตายด้านจริงๆ นั่นแหละ ไม่คิดเรื่องรักเลย อาจจะมีบ้างที่แอบห่วงพี่อัตแต่ก็ไม่ได้อยากไปดูแลเหมือนคนรักกัน
“ไอ้อัตมันรักมึงมากนะภีร์” พี่ถังพูด เหมือนพยายามจะโน้มน้าวใจผมให้กลับไปรักพี่อัตเหมือนเดิม แต่คงยากหน่อยนะพี่ ใจมันไม่อยากจะรักต่อแล้วนี่หว่า
“รักไปก็เท่านั้นแหละพี่ จะให้ผมกลับไปคบกับพี่อัตเพราะความสงสารก็ไม่ใช่เรื่อง คงไม่มีความสุขทั้งสองฝ่าย” ผมพูดออกไปตามตรง
“มึงนี่ใจดำจริงๆ เลยว่ะ ดีนะที่กูไม่ได้รักมึง ใจแข็งฉิบ” พี่ถังทำหน้าสยองๆ กับความใจไม้ไส้ระกำของผม
“ผมเข็ดต่างหาก ผมไม่อยากมีความรักหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้แล้วว่ะพี่ มันเหนื่อย ผมยังฝังใจเรื่องไอ้เปอร์อยู่เลย ไม่อยากรักใครแล้วจริงๆ” ผมยกมือกุมขมับนิดๆ ภาพเหตุการณ์ที่ผมทำร้ายหัวใจของเพื่อนและทำร้ายน้องมันไหลเข้ามาจนความเครียดบังเกิด
“มึงจะคิดมากเรื่องนี้อีกทำไม? คนอื่นๆ เขาให้อภัยมึงหมดแล้วทำไมถึงยังโทษตัวเองอีกวะ!?” พี่ถังตะคอกจนคนอื่นๆ ที่กำลังเอะอะเงียบลงทันใด “มึงจะกักขังตัวเองอยู่กับความรู้สึกเก่าๆ ทำไม เปิดใจบ้างสิ ที่ไอ้อัตมันต้องเจ็บปวดแบบนี้ก็เพราะมึงยังจมอยู่กับอดีตแย่ๆ ไอ้เปอร์ก็ให้อภัยมึงแล้ว ไอ้ลุกซ์ก็ให้ แล้วทำไมมึงไม่ให้อภัยตัวเองบ้างวะ!?!” คำพูดจี้ใจดำของพี่ถังทำให้ผมเจ็บจนจุก รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลออกมาซะแล้ว ผมอ่อนแอทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องแบบนี้ ผมยังทรมานกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปอยู่ตลอดและไม่เคยลืมมันลง
“ผมทำไม่ได้ ผมลืมไม่ได้” ผมเลื่อนมือที่กุมขมับมาปิดที่ตาของตัวเองแน่น
“ภีร์ ทุกคนเขาอยากให้มึงมีความสุขนะ อย่าจมปลักอีกเลย” พี่ถังขยับเข้ามากอดผมเอาไว้พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ผมที่นั่งอยู่ซบหน้าลงที่หน้าท้องพลางกอดเอวพี่ถังเอาไว้แน่น
“ตอนไหนมึงจะลืมมันไปซักทีวะ ถ้ามึงไม่ลืมกูก็จะไม่ลืมนะภีร์” เสียงไอ้ลุกซ์พูดขึ้นและนั่นก็ทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม
“กูลืมไม่ได้ ฮึก กูลืมความชั่วของตัวเองไม่ได้ กูกลัว...กูไม่อยากให้ใครมารักกูเพราะกูมันสกปรกทั้งความคิดทั้งจิตใจ ฮือ ใครที่หลงมารักกูคงไม่มีความภูมิใจในตัวกูหรอก กูไม่อยากรักใครอีกแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมาทั้งๆ ที่ยังซบอยู่ที่หน้าท้องของพี่ถัง
“ไม่จริงหรอก พี่อัตเขารักมึงจะตาย รักมาตั้งนานแล้วด้วย ถ้าไม่รักเขาคงไม่แคร์มึงในช่วงที่มึงกำลังลำบากหรอก” ไอ้ลุกซ์พูดอีก ผมผละออกจากพี่ถังแล้วมองหน้ามันอย่างงงๆ รักมาตั้งนาน...หมายความว่ายังไง?
“มึงรู้ด้วยเหรอลุกซ์?” พี่ถังหันไปถามไอ้ลุกซ์อย่างตกใจ
“ดูออก พี่อัตถูกใจไอ้ภีร์มาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว ตอนม.ปลายน่ะ ที่พี่อัตเข้ามาชมรมบ่อยๆ ก็เพราะมาเจอไอ้ภีร์ไม่ใช่หรือไง?” ไอ้ลุกซ์บอกอีกซึ่งนั่นก็ทำให้ผมอึ้งไปเพราะไม่รู้สึกตัวเลยว่าพี่อัตชอบ ไม่แม้แต่จะตงิดใจเลยด้วยซ้ำแล้วทำไมไอ้ลุกซ์ถึงได้รู้
“หมายความว่ายังไง?” ผมถามออกมาเสียงสั่นๆ พลางใช้เสื้อพี่ถังเช็ดน้ำตากับน้ำมูกจนถูกตบหัวเข้าให้ ใครบอกให้มายืนใกล้ๆ ล่ะวะ เช็ดแม่งเลย
“ไอ้อัตมันชอบมึงมาตั้งแต่แรกเจอแล้วล่ะภีร์ แต่เพราะมึงเป็นผู้ชายปกติมันเลยไม่บอกและพยายามตัดใจ ก็มึงเล่นควงผู้หญิงเป็นว่าเล่นขนาดนั้นเพื่อนกูก็เลยไม่จีบมึงไงล่ะ” พี่ถังบอก ผมก้มหน้าขมวดคิ้วคิดไม่ตกเพราะถึงจะรู้ว่าพี่อัตชอบผมมานานแล้วแต่มันก็ยังลบล้างกับสิ่งที่พี่มันทำกับผมไม่ได้ คิดว่าผมต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนกับสิ่งที่พี่อัตทำ ผมเจ็บจนใจมันด้าน ต่อให้มารู้ทีหลังว่าสิ่งที่พี่อัตทำเป็นการทดสอบใจผมก็ตามที แต่ความรู้สึกที่มันเสียไปแล้วมันเอาคืนมาไม่ได้หรอก
“แต่ผมกลับไปหาพี่อัตไม่ได้แล้วล่ะครับ พี่อัตเล่นตลกกับความรู้สึกผมมากเกินไป ผมรับไม่ได้จริงๆ” ผมส่ายหน้าไปมาแล้วสูดน้ำมูกพรืด ตอนนี้ผมหยุดร้องไห้แล้วล่ะครับเพราะผมรู้สึกดีขึ้นจากที่พี่ถังกับไอ้ลุกซ์พูด
“มึงจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่นะ เอาที่มึงสบายใจที่สุด บางทีไอ้อัตมันอาจจะสมควรได้รับกรรมที่มันก่อ” พี่ถังตบไหล่ผมเบาๆ อย่างปลอบใจซึ่งผมก็พยักหน้ารับ
“แต่ถ้ามึงยังรักพี่อัตอยู่ก็กลับไปเถอะนะภีร์เพราะมึงเองก็จะเจ็บ” ไอ้เคย์บอก
“ไม่ว่ะ ตอนนี้ไม่คิดเรื่องนั้นแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“ภีร์ มานี่ดิ๊” ไอ้ลุกซ์กระดิกนิ้วเรียก ผมมองมันนิดๆ ก่อนจะลุกเดินไปหาอย่างสงสัย และมันก็ทำให้ความสงสัยผมคลายเมื่อคอของผมถูกดึงลงไปกอด ผมอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าจะถูกปลอบด้วยวิธีนี้ ห่า น้ำตาจะไหลอีกรอบแล้วเพื่อน! “กูลืมทุกอย่างไปแล้ว ไม่มีใครจำและไม่มีใครโกรธหรือเกลียดมึงหรอก” ไอ้ลุกซ์พูดพลางลูบหัวผมเบาๆ ตอนนี้มันกอดผมด้วยแขนข้างเดียวส่วนหน้าผมก็กำลังซบลงที่อกกว้างๆ ของมัน
“ห่า มึงกำลังจะทำให้กูร้องไห้อีกรอบนะลุกซ์” ผมบอกมันเบาๆ น้ำตาจะไหลจริงๆ ครับ
“งั้นไสหัวไปเลยไอ้ห่า” เมื่อได้ยินผมบอกแบบนั้นไอ้ลุกซ์ก็ขยุ้มผมของผมแล้วดึงหน้าผมออกจากอกของมัน
“ฮ่าๆๆ” พวกเราหัวเราะกันใหญ่ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมคลายเครียดได้มาก ดีจริงๆ ที่ผมมีเพื่อนแบบพวกมัน นอกจากนี้ยังมีพี่และน้องดีๆ อีกต่างหาก
จังหวะที่ภีร์ถูกลุกซ์ดึงไปกอดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อัตกำลังจะเปิดประตูเข้าไปเยี่ยมลุกซ์แต่เขาดันเห็นภาพบาดตาบาดใจเสียก่อนทำให้เขาชะงักและเดินจากไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย
สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ทำให้อัตคิดโยงกับเรื่องเมื่อก่อนที่ภีร์เคยรักลุกซ์และอาจจะยังรักอยู่ก็ได้ ยิ่งตอนนี้ลุกซ์มีปัญหากับเปอร์จนถึงขั้นแตกหักอาจจะเป็นโอกาสดีให้ทั้งคู่รักกันก็ได้
อัตทำพลาดด้วยตัวเอง ถ้าเขาจะเจ็บปวดจนทนไม่ไหวนั่นก็เพราะเขาทำตัวของเขาเอง ไม่เกี่ยวกับภีร์เลยแม้แต่นิดเดียว
70% left
เยี่ยมไอ้ลุกซ์เสร็จผมก็ไปเก็บข้าวเก็บของที่บ้านพี่อัตโดยมีไอ้เคย์กับพี่ถังตามไปช่วยด้วย ตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับเพราะพี่อัตไม่อยู่ จะมีบ้างก็ที่ป้าอวบและแม่บ้านอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ผมไปจากพี่อัต จะหนักหน่อยก็บังเอิญว่าพี่อัตกลับมาที่บ้านพอดี และกลับมาพร้อมกับคุณทิพย์ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผม
เอาเถอะ เขาเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน จะกลับมาหากันอีกครั้งก็ไม่แปลกหรอก
“มาทำอะไรกัน?” พี่อัตกวาดตามองทุกคนก่อนจะมาชะงักที่ผมแล้วรีบผละสายตาไปเหมือนตั้งใจเมิน
“กูมาช่วยไอ้ภีร์มันเก็บของ เห็นว่าจะออกจากบ้านมึงแล้วน่ะ” พี่ถังเป็นคนตอบคำถามของพี่อัตแทน แต่ก็ดีแล้วแหละ ผมไม่อยากพูดกับพี่อัต ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าผมเคืองที่เห็นพี่อัตพาคุณทิพย์เข้ามาในบ้าน แต่ก็นะ...ผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรเขาหรอก
“...” พี่อัตเม้มปากมองหน้าผมโดยไม่พูดอะไรแต่สายตาของพี่มันดูเจ็บปวดเหลือเกิน ผมรีบหลบตาเพราะไม่อยากเห็นใจ ผมใจแข็งก็จริงแต่ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำพอที่จะเห็นคนเคยรักเจ็บปวดทรมานหรอกนะครับ แต่ก็ให้กลับไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง
“ไอ้อัต เห็นแบบนี้แล้วกูไม่รู้จะช่วยมึงยังไงเลยว่ะ” พี่ถังเหลือบตาไปมองยัยคุณทิพย์อย่างสื่อความหมาย
“ได้ยินว่าไอ้ลุกซ์ฟื้นแล้วเหรอ?” พี่อัตนิ่งไปเมื่อพี่ถังพูดอย่างนั้นแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“พี่ถัง คุยกับเพื่อนพี่ไปก่อนละกันนะ” ผมบอกเพราะไม่อยากยืนอึดอัดอยู่แบบนี้ “เคย์ ช่วยกูขนของหน่อย” บอกพี่ถังแล้วก็หันไปบอกไอ้เคย์
“เดี๋ยวสิภีร์...” ขณะที่ผมกำลังก้มตัวลงไปหยิบกระเป๋าที่พื้นพี่อัตก็เรียกผมเอาไว้
“ครับ?” ผมหันกลับไปตอบรับด้วยท่าทีห่างเหิน
“มึง...จะไปจริงๆ เหรอ?” อัตถามอย่างอาลัยอาวรณ์จนผมต้องรีบหลบตาอีกครั้ง
“ครับ” ผมตอบกลับทันทีโดยไม่มองหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม เลิกแล้วต่อกัน ไม่มีอะไรที่จะเชื่อมเราไว้ด้วยกันอีกแล้ว
“ไม่ไปได้ไหม?” พี่อัตมองผมด้วยสายตาละห้อย เสียงก็เหมือนจะรั้งผมเอาไว้
“ไม่ได้ครับ” ผมตอบทันที
“กูขอโทษ” เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ
“ขอโทษใครครับ? เขาขอโทษมึงเปล่าวะเคย์?” ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะผมไม่อยากยกโทษให้
“ภีร์” ไอ้เคย์เรียกผมอย่างปรามๆ ผมส่ายหน้าไปมาแล้วรีบถือกระเป๋าส่วนหนึ่งออกจากบ้านทันที ไม่อยากอยู่ต่อเพราะกลัวจะแสดงความอ่อนแองี่เง่าออกมาให้คนอื่นเขาสมเพช ที่ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่เยือกเย็นจนเผลอประชดออกไปเพราะผมอ่อนแอ ผมยอมรับเลยว่าอ่อนแอจนอาจจะคุมตัวเองไม่อยู่
“ภีร์! ภีร์!” พี่อัตวิ่งตามผมออกมาด้านนอกโดยที่ไม่มีใครตามมา ผมขนของไปใส่กระโปรงหลังโดยไม่สนใจพี่อัต “ภีร์ กูไม่ได้พาเขามานะเว้ย เขามาของเขาเอง” พี่อัตคว้าไหล่ผมเอาไว้พร้อมกับอธิบาย ผมจึงได้แต่มองพี่อัตด้วยสายตานิ่งสนิท
“แล้วไงครับ?” ผมกรอกตานิดๆ
“มึงกำลังเข้าใจผิดนะภีร์” มือหนาเลื่อนจากไหล่มาจับมือผมไปกุมเอาไว้ทั้งสองข้าง ผมยืนนิ่ง ไม่ดึงมือออกเพราะป่วยการจะดึง เดี๋ยวก็ปล่อยเอง คอยดู
“ไม่มีอะไรที่ผมเข้าใจผิดครับ ผมเข้าใจตั้งแต่ที่พี่ชอบผมมาตั้งแต่ม.ปลาย และที่พี่ทดสอบหัวใจผมด้วย อ้อ เข้าใจที่คุณทิพย์เข้าจ้องจะจับแต่พี่ไม่เล่นด้วยด้วยนะ แต่เข้าใจแล้วยังไงล่ะ? เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ เข้าใจไปก็ไม่มีผลอะไรเพราะยังไงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” และแล้วมือผมก็ถูกปล่อยโดยไม่จำเป็นต้องดึงออกให้ลำบาก
“มึงไม่คิดจะให้อภัยกูเลยเหรอ?” พี่อัตถอยออกไปนิดๆ แล้วช้อนสายตามองผมอย่างอ้อนวอน
“จริงๆ ผมเป็นคนใจกว้างนะครับ แต่โอกาสที่ให้ไปซ้ำๆ แล้วไม่เกิดประโยชน์ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้ไปอีกทำไม” ไม่รู้ว่าพี่อัตจะรู้สึกยังไงกับคำพูดของผมแต่ที่แน่ๆ ขนาดพูดเองยังจุกเลย ผมคงจะใจร้ายจริงๆ สินะ
“ภีร์ ไหนๆ มึงก็จะไปจากกูแล้ว กูขอกอดมึงเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?” พี่อัตมองผมอย่างขอร้องแต่ผมลังเล ไม่อยากกอดเพราะกลัวใจที่ด้านไปแล้วกลับมามีชีวิตชีวาอีก ถ้ามันกลับมามีชีวิตอีก แล้วถูกทำลายลงไปผมคงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่นอน
“ไม่ได้ครับ” ผมปฏิเสธ
“มึงใจร้ายจัง” พี่อัตตัดพ้อ สีหน้าดูสิ้นหวังซะเหลือเกิน
“ไม่น่าจะเท่าพี่” ผมยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างสมเพช กล้ามาว่าผมใจร้ายได้ยังไงในเมื่อตัวเขาเองนั่นแหละที่กล้าทำร้ายผมทั้งๆ ที่บอกว่ารักแท้ๆ
“กูขอโทษนะภีร์ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง กูผิดมากจนไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแล้ว ถ้ามึงอยากจะให้กูทำอะไรมึงบอกกูนะ ให้กูทำในสิ่งที่สาสมกับความผิดของกู” พี่อัตบอกด้วยท่าทางรู้สึกผิดเสียเต็มประดา ถ้าไม่รู้สึกผิดซะบ้างคงไม่ใช่คนแล้วล่ะ ใจร้ายเกินไปละแบบนั้น
“สิ่งเดียวที่ผมอยากได้จากพี่ก็คือ...จบ จบทุกสิ่ง ไม่ต้องมาเจอหรือคุยกันอีก ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันได้ยิ่งดี” ผมอาจจะเย็นชาเกินไปแต่สำหรับคนอย่างพี่อัตแบบนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ขนาดเขาอยู่ในช่วงที่ต้องง้อผมเขายังกล้าพาผู้หญิงเข้าบ้านเลย ต่อให้เป็นเพราะยัยนั่นตามเข้ามาเองก็ตามแต่ถ้าพี่อัตเด็ดขาดพอมีหรือเขาจะกล้ามา พี่อัตไม่มั่นคงเอง เขาทำให้ผมหมดความเชื่อใจด้วยตัวของเขาเอง ผมไม่อาจกลับไปทำท่าดีใจว่าพี่อัตไม่ได้นอกใจแล้วกลับไปคบกันได้หรอกครับ มันเกินเยียวยาซะล่ะมั้ง
“ได้สิภีร์ กูจะไม่รู้จักมึง” ตาพี่อัตแดงก่ำตอนพูดประโยคเมื่อครู่ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขาดูฝืนซะเหลือเกิน ลึกๆ ผมก็สงสารที่ต้องเห็นเขาในสภาพแบบนี้แต่ผมจะให้ความสงสารมาทำร้ายทั้งผมและเขาไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้ผมหมดใจ ต่อให้อยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ทรมานทั้งสองฝ่าย
“ดีครับ ลาก่อนนะครับ” ผมโค้งให้เขานิดๆ บ่งบอกถึงการเคารพเพราะไหนๆ เขาก็อายุมากกว่าผมพอสมควร
จังหวะที่ผมบอกลาพี่อัต พี่ถังกับไอ้เคย์ก็ถือของที่เหลือออกมาให้ผมพอดี ผมเปิดกระโปรงท้ายรถอีกครั้งเพื่อเอาของเข้าไปเก็บแล้วหันไปขอบคุณพี่ถังและไอ้เคย์ก่อนจะขับรถออกไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองพี่อัตอีกเลยแม้แต่นิด
ผมได้แต่หวังว่าเขาจะมีความสุขกับรักครั้งใหม่ ยัยคุณทิพย์อาจจะนิสัยไม่ค่อยดีแต่ก็น่าจะเหมาะกับพี่อัตก็ได้ คนอย่างผมมันไม่น่าเชื่อใจ ให้เขาได้ลองรักและเชื่อใจคนใหม่ดีกว่าเพราะถ้าคนคนหนึ่งไม่เชื่อใจอีกคนแล้วต่อให้ทำยังไงก็คงจะไม่เชื่อกันอย่างสนิทใจหรอก
...และผมก็จะไม่ไปทำให้ใครไม่เชื่อใจผมอีกแล้ว ผมไม่เหมาะกับการมีความรักหรอก ให้ผมได้จมปลักอยู่กับอดีตโดยไม่มีใครเดือดร้อนดีกว่า ไหนๆ ผมมันก็เป็นคนรักที่แสดงความรักไม่ค่อยจะเป็นอยู่แล้ว ถ้าไปรักกับคนใหม่ผมก็คงเป็นแบบเดิมและสุดท้ายก็คงทำให้เขาเชื่อใจไม่ได้ สุดท้ายก็จบด้วยการเลิกกันอยู่ดี
กำแพงหัวใจของผมมันสูงขึ้นเป็นเท่าตัวซะแล้ว โสดไปจนตายดีกว่า พอกันทีกับความรัก ไม่เอาอีกแล้ว เข็ดเหลือเกิน
สามสัปดาห์ต่อมา อาการไอ้ลุกซ์ดีขึ้นมากและจวนจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว วันนี้พวกผมก็มาเยี่ยมมันตามปกติ หลังจากที่มันอาการดีขึ้นพวกเราก็ผลัดกันมาเยี่ยมเพราะหลายคนก็ว่างไม่ตรงกัน ส่วนผมนี่ว่างตลอดเพราะอยู่ในช่วงตกงานก็เลยมาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนไอ้ลุกซ์ทุกวัน วันนี้เป็นวันที่ว่างตรงกันทุกคนก็เลยมาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย
จริงๆ ไอ้ลุกซ์ก็ชวนไปทำงานด้วยนะครับแต่คงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงเหมือนบริษัทเก่าเนื่องจากตำแหน่งสูงๆ อย่างหัวหน้างานเอย ผู้จัดการฝ่ายเอยก็เต็มหมดแล้ว จะมีบ้างที่ตำแหน่งว่างแต่ไม่ใช่สายงานที่ผมถนัด แต่ก็นะ ช่วงนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรซักอย่าง ผมว่าจะพักงานยาวๆ ไปซักครึ่งปีแล้วค่อยตัดสินใจหางานทำอีกรอบ ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องเงินซักเท่าไหร่เพราะเงินเก็บผมเยอะมาก อยู่อย่างสิ้นเปลืองได้เป็นปีๆ เลยทีเดียวเพราะผมไม่ได้มีแพลนจะซื้อรถหรือบ้านใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อน ส่วนพ่อกับแม่ ผมไม่ห่วงหรอกครับ
ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่เป็นผู้บริหารธุรกิจเล็กๆ ซึ่งทำเงินได้มากโขอยู่ พอจะปลดเกษียณก็ขายหุ้นแล้วหันไปนั่งเล่นหุ้นขำๆ อยู่ที่บ้านได้กำไรเยอะมากทีเดียว เงินจากผมไม่จำเป็นเลยซักนิดแต่ผมก็ให้พวกท่านทุกเดือน
“เป็นไงล่ะ กูสมน้ำหน้ามึงจริงๆ เลยให้ตายสิ กะจะจัดการเรื่องทั้งหมดแล้วไปเซอร์ไพรส์ขอเขาแต่งงานในงานแต่งงานเพื่อนแต่เสือกเดี้ยงขยับไปไหนไม่ได้” ไอ้เคย์พูดเสียงเยาะเย้ยไอ้ลุกซ์ที่กำลังนอนทำหน้าหงิกอยู่บนเตียง
จริงๆ แล้วเมื่อคืนเป็นการแต่งงานของเจ๊เปรียวครับ ก่อนหน้าจะเข้าโรงพยาบาลไอ้ลุกซ์มันแอบวางแผนไว้ว่าจะขอไอ้เปอร์แต่งงานพร้อมกับเฉลยความจริงทุกอย่างในฟังในงานแต่งของเจ๊แต่ทำไม่ได้เพราะมันหายไม่ทันและไม่ได้แม้แต่จะไปร่วมงานด้วยซ้ำ ผมก็สมน้ำหน้ามันเหมือนกันนะที่มันต้องตกอยู่ในสภาพเมียทิ้งแบบนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกของไอ้เปอร์เป็นอย่างดีเลยล่ะว่ามันรู้สึกยังไง การที่มันจะไม่กลับมาคืนดีกับไอ้ลุกซ์ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยเพราะขนาดผมโดนพี่อัตทำไปน้อยกว่าไอ้ลุกซ์ทำกับมันผมยังตัดขาดได้ขนาดนี้แล้วมีหรือที่ไอ้เปอร์จะยอมกลับไปหาไอ้ลุกซ์ได้ง่ายๆ เพียงเพราะรู้ความจริง ไอ้คนเรามันก็เจ็บปวดทรมานไปแล้ว จะทวงคืนความรู้สึกคงจะไม่ได้ เสียแล้วเสียเลย
“ใครเอามันมาเนี่ย?” ไอ้ลุกซ์ขมวดคิ้วด้วยความเซ็งเพราะถูกไอ้เคย์จี้ใจดำเข้าให้ เวลาแบบนี้ไอ้เคย์จะชอบซ้ำเติมไอ้ลุกซ์เป็นพิเศษ มันเป็นวิธีปลอบสำหรับไอ้ลุกซ์ของไอ้เคย์น่ะครับ
“กูเห็นด้วยกับไอ้เคย์นะเว้ย ถ้ามึงคิดจะกันไอ้เปอร์ไปจากชีวิตมึงก็ต้องทำแบบนั้นตลอดไป มึงจะไปไล่ ไปยื้อมันแบบนั้นไม่ได้ ทำแบบนั้นไอ้เปอร์มันน่าสงสารนะเว้ย” ไอ้กีร์สนับสนุน ก่อนหน้านี้มันไม่เคยเห็นด้วยกับไอ้ลุกซ์เลยที่ต้องทำร้ายไอ้เปอร์ถึงขนาดนั้น มันห้ามด้วยซ้ำแต่ไอ้ลุกซ์ฟังใครซะที่ไหน แต่ก็นะ ทางเลือกในตอนนั้นของไอ้ลุกซ์มีไม่เยอะหรอกและทางเลือกของมันแต่ละทางล้วนแล้วแต่นำความเดือดร้อนมาให้ทั้งนั้น การที่มันเลือกเดินทางนี้อาจจะดีที่สุดก็ได้ เฮ้อ ผมแม่งเป็นคนกลางไง เข้าใจทั้งสองฝ่ายแหละ
“มึงก็เห็นว่าไอ้เหี้ยนั่นมันร้ายขนาดไหน ขนาดกูระวังตัวแล้วยังโดนขนาดนี้ ดีแค่ไหนที่กูรู้ว่ารถผิดปกติเลยไหวตัวทัน ถ้าไอ้เปอร์โดนแบบนี้มีหวังมันได้ตายคารถแน่ กูไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นแน่นอน” ไอ้ลุกซ์พูดด้วยสีหน้าเครียดๆ ตอนนี้ไอ้ลุกซ์มันรู้แล้วล่ะครับว่าใครที่ทำร้ายมัน มันรู้ได้โดยไม่ต้องมีใครบอก มันคงจะตงิดใจมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ สัญชาตญาณไอ้เหี้ยนี่ดีจนน่ากลัว
“แล้วเรื่องลูกของมึงกับเปรียวล่ะ?” ไอ้เคย์ถามถึงลูกของเจ๊ที่มันไปช่วยเขาทำมาแต่ก็ไม่ได้ทำด้วยวิธีธรรมชาติ
“กูตกลงกับเปรียวกับอลันไว้แล้วว่าเด็กทั้งคู่คือลูกของพวกเขา กูก็คิดว่าน้องป่านกับน้องปิงเป็นลูกกูนะแต่มึงเข้าใจความรู้สึกป่ะว่ากูไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลย ไม่ได้ดูแลเปรียวไม่ได้ดูแลเด็กๆ ไม่ได้อยากจะมีลูกหรืออะไร กูก็มีแค่ไอ้เปอร์คนเดียว” ไอ้ลุกซ์พูดเสียงแผ่วในตอนท้าย เวลาพูดถึงไอ้เปอร์ทีไรสีหน้าของมันดูหม่นลงทุกครั้ง คงจะรู้สึกผิดมากที่ทำให้หัวใจของตัวเองแหลกสลาย แต่มันก็เป็นคนขยี้หัวใจของตัวเองอย่างเลือดเย็น
“แล้วเจ๊จะไปอยู่ที่อเมริกากับลูกกับผัวไหมวะ?” ไอ้บัมพ์ถามบ้าง
“อืม รอให้น้องป่านหายป่วยก่อนแล้วถึงจะพาไป” ไอ้ลุกซ์ตอบ สงสัยเจ๊คงจะเตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ให้ไอ้ลุกซ์แล้วตามคุณอลันกลับไปที่อเมริกาล่ะมั้ง
“มึงจะไม่คิดถึงเด็กๆ เหรอวะ?” ไอ้บัมพ์ถามอีก
“ก็คงคิดถึง แต่ก็นะ...ตอนนี้เด็กๆ ไม่ใช่ลูกของกูแต่เป็นลูกของเปรียวกับอลัน กูไม่มีสิทธิ์ไปยื้อหรือห้ามอะไรทั้งนั้น อลันเองก็รับได้ด้วย” ไอ้ลุกซ์บอก การที่มันตัดสินใจให้น้ำเชื้อไปแสดงว่ามันคงทำใจยอมรับกับเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะมั้ง ไอ้ลุกซ์มันคิดก่อนทำเสมอนั่นแหละ มันมีเหตุผลที่ดีเสมอเพียงแต่มันชอบเก็บเอาไว้คนเดียวจนคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าการกระทำของมันล้วนแล้วแต่ผ่านการไตร่ตรองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้วแม้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดนี้จะเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากก็ตาม ใครไม่มารู้ปัญหาของมันก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันลำบากใจมากแค่ไหนกว่าจะทำเรื่องชั่วๆ ได้ซักเรื่อง เพื่อนผมภายนอกก็ดูเลือดเย็นอยู่หรอกแต่มันเป็นคนอบอุ่นจะตาย(ถุย!!)
“เอาเถอะ ยังไงเด็กสองคนนั้นเขาก็มีพ่อมีแม่ ไม่ได้กำพร้าซะหน่อย ใครจะเป็นพ่อที่แท้จริงหรือพ่อปลอมๆ มันก็เป็นเรื่องของครอบครัวที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่ง ตอนนี้เด็กๆ ก็มีความสุขดี ดีซะอีกที่เด็กๆ จะได้มีพ่อสองคน” ไอ้กีร์พูดขึ้นอย่างเซ็งๆ ก็นะ มันชอบมาบ่นให้ฟังว่าพวกผู้ใหญ่รอบตัวไอ้ลุกซ์มักจะมองไอ้ลุกซ์ในแง่ไม่ดีจะและชอบคิดไปเองว่ามันไม่เหมาะสมอย่างนั้นอย่างนี้โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แค่ได้ยินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เอาไปคิดต่อยอดเองอย่างเสียๆ หายๆ และพูดต่อๆ ไปจนน่ารำคาญ ไอ้กีร์มันใกล้ชิดกับไอ้ลุกซ์ที่สุดมันก็เลยมักจะได้ยินอะไรที่มันแสลงหูอย่างนี้ตลอด ผู้ใหญ่ที่ว่าก็ลุงๆ ป้าๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้ลุกซ์เลยนั่นแหละครับ ที่วิจารณ์กันหนักสุดก็คงจะเป็นเรื่องที่ไอ้ลุกซ์มันรักผู้ชายนี่แหละครับ ปัญหาโลกแตกเรื่องที่สังคมคนหัวโบราณไม่ยอมรับเรื่องชายรักชาย เฮ้อ ครอบครัวเขารับได้แท้ๆ แต่คนที่เป็นคนนอกกลับรับไม่ได้ซะเอง ไปเกี่ยวอะไรกับเขาวะ
“อืม ตอนนี้มึงก็เหลืออยู่สองปัญหาที่ต้องแก้นะลุกซ์” ไอ้เคย์กอดอกพูด
“เฮ้อ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องไอ้เวรนั่นป่านนี้กูคงได้นอนกกเมียแล้วแม่ง” ไอ้ลุกซ์หายใจฟืดฟาดอย่างอารมณ์เสีย มันคงอยากจะรีบจัดการเรื่องของไอ้จักรเต็มทีเพราะถ้ามันไม่ตกอยู่ในสภาพนี้มันอาจจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานหรือไม่ก็ปรับความเข้าใจกับไอ้เปอร์ไปตั้งแต่ที่เปรียวกับคุณอลันเขาคืนดีกันแล้วล่ะมั้ง
“เดี๋ยวนี้เรียกเมียเต็มปากนะมึง” ผมแซว เมื่อก่อนมันไม่เคยเรียกใครว่าเมียหรอกครับเพราะมันไม่เคยรักใครจริงๆ จะมีก็แต่ไอ้เปอร์นี่แหละที่มันรัก แถมยังดูเหมือนจะถูกใจมาตั้งแต่ที่เจอกันในโรงเรียนพี่ถังแล้วแต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ไอ้ลุกซ์มันทำร้ายไอ้เปอร์จนแม้แต่ผมยังสงสาร ยังไงก็แล้วแต่ ผมดีใจมากที่เพื่อนผมมีหัวใจไว้รักใครเสียที
“กูเรียกเต็มปากตั้งนานแล้วโว้ย แล้วมึงล่ะ ผัวมึงประคบประหงมดีไหม?” ไอ้ลุกซ์แซวกลับ ไอ้ห่า ลืมไปแล้วหรือไงวะว่ากูเลิกกับพี่อัตแล้ว หรือมันคิดว่าช่วงนี้พี่อัตตามง้อตามเอาใจผมวะ? เฮอะ ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ไม่ได้เจอหน้ากันเลยเนี่ย
“...” ผมนั่งนิ่ง อยากจะตอบโต้ขำๆ กลับไปแต่ก็ทำไม่ได้
“มึงคงยังไม่รู้ว่าพี่อัตมีคนใหม่” ไอ้เคย์เดินมานั่งข้างๆ แล้วโอบไหล่ผมเอาไว้เหมือนจะปลอบ ดูสิ ขนาดไอ้เคย์ยังคิดเลยว่ายัยคุณทิพย์เป็นคนของพี่อัต
“เอาเหอะน่า อย่าไปสนใจเลย กูหล่อ กูหน้าตาดี อีกหน่อยเดี๋ยวก็หาเมียไม่ก็ผัวใหม่ได้เองแหละ เฮอะๆ” ผมเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างร่าเริงเพื่อไม่ให้บรรยากาศเสีย ลำพังเรื่องของไอ้ลุกซ์ตอนนี้ก็น่าปวดหัวจะแย่ ผมไม่อยากเอาเรื่องของผมที่มันจบไปแล้วมาให้เพื่อนเครียดหรอกครับ
ขณะที่ผมแสร้งทำเป็นร่าเริงไหล่ผมก็ถูกบีบเบาๆ จากไอ้เคย์จนผมแทบน้ำตาไหลเพราะผมรู้ว่ามันกำลังให้กำลังใจผมอยู่ ถึงหน้ามันจะไม่ได้แสดงอาการสงสารผมออกมาแต่ผมก็รับรู้ถึงความห่วงใยของมันได้ ที่มันไม่ปลอบผมออกมาตรงๆ ก็คงเพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าผมแสร้งร่าเริง แต่ผมว่าเพื่อนรู้แต่ทำเป็นไม่รู้เพื่อไม่ให้ผมเครียดมากกว่า ผมสนิทกับไอ้พวกเหี้ยนี้มาตั้งนานทำไมจะไม่รู้นิสัยกันล่ะครับ
“เออ กูว่าอย่างมึงมีผัวแหละดีสุด ฮ่าๆ” ไอ้บัมพ์แซวออกมาอย่างร่าเริง ผมจึงยิ้มได้
“มีมึงคนเดียวในกลุ่มนะเว้ยภีร์ที่มีผัว ฮ่าๆ ดีแล้วเว้ย กลุ่มเราจะได้มีคนไว้ให้ปรึกษาถ้าเมียงอน ฮ่าๆ” ไอ้กีร์พูดพลางหัวเราะร่า ผมแม่งไม่น่าแปลกแยกเลยว่ะ หาเมียตั้งแต่ทีแรกซะก็ดี หน้าผมก็ล้อหล่อแถมตัวยังสูงชะลูดอีก แม่ง ไม่เหมาะแก่การไปเป็นเมียใครเลย ให้ตายสิ คิดแล้วก็หยึยที่ความอ่อนแอของตัวเองทำให้เบี่ยงเบนไปชั่วขณะ ผมไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการด้วยซ้ำว่าคนอย่างผมจะต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ
“ใช่ๆ แต่ตอนนี้กูกับพี่ถังก็เลิฟๆ กันดีนะ คึๆ” ไอ้เคย์ยิ้มนิดๆ พลางทำท่าเขิน ไอ้ห่านี่ก็ชอบทำตัวมุ้งมิ้งไม่ดูสารรูปจริงๆ ตัวแม่งใหญ่ที่สุดในกลุ่มเสือกแบ๊วสุด ท่าทางแม่งไม่เข้ากับกล้ามสุดๆ ฮ่าๆ
“พอๆ พวกมึงแม่งอินเลิฟกันแต่กูห่อเหี่ยวอยู่กับเหี้ยภีร์สองคน ไม่ต้องพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้ว กูอิจฉาโว้ย” ไอ้ลุกซ์ตัดบทเพราะอิจฉาตาร้อนจนพวกผมหัวเราะออกมาอย่างขำๆ
เฮ้อ ดีจริงๆ ครับที่ผมได้เป็นเพื่อนกับพวกนี้ ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีนิสัยเหี้ยๆ ที่น่ากลัวมากแต่คำว่ามิตรภาพไม่เคยหายไปจากใจคนเหี้ยๆ พวกนี้เลย ผมรักพวกมันจัง ดีใจที่พวกมันให้อภัยกับความสารเลวของผม ถึงเรื่อความรักผมจะมีโชคติดลบแต่เรื่องเพื่อนนี่ผมมีโชคเป็นล้านเลย
++++++++++++++++ ภีร์นี่มันใจเด็ดจริงๆ เจองานยากแล้วนะพี่อัต จะง้อเขายังไงล่ะทีนี้ ภีร์ใจด้านชาไปซะแล้วสิ พี่อัตละทำลายกำแพงในใจนุ้งภีร์ได้อีกครั้งหรือเปล่านะ มาลุ้นกัน ฮ่าๆๆ ลุ้นให้ภีร์มันทรมานพี่อัตต่อไป กร๊ากกกก
เมื่อรู้ว่าไอ้ลุกซ์ฟื้นห้องก็แทบแตกครับเพราะทุกคนต่างก็ตื่นเต้นดีใจ ทิ้งงานทิ้งการมาเยี่ยมมันกันใหญ่ ที่ดูจะดีใจที่สุดเห็นจะเป็นไอ้ลันเพราะมันห่วงพี่ชายขอมันกว่าใครเพื่อน แต่อาการดีใจของมันคือเงียบ ไม่เข้ามาพูดคุยแต่แววตามันดูดีขึ้นเยอะถ้าเทียบกับตอนแรกที่รู้ว่าพี่มันเจ็บหนัก
“ไอ้ภีร์” ขณะที่คนอื่นๆ ไปรุมที่เตียงไอ้ลุกซ์พี่ถังที่สวมสูทเนี้ยบนิ้งก็เดินมาหาผมด้วยสีหน้าไม่ค่อยดีนัก ผมมองหน้าพี่ถังแล้วถอนหายใจ มาหาผมด้วยสีหน้าแบบนี้ไม่พ้นเรื่องพี่อัตแน่นอน
“ครับ?” ผมพยักหน้าตอบรับคำเรียก
“มึงไปทำอะไรเพื่อนกูวะ? ทำไมมันไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง?” พี่ถังถามทำให้ผมถอนหายใจอีกรอบ ตั้งแต่ที่ผมพูดตัดเยื่อใยกับพี่อัตไปตอนนั้นพี่มันก็ไม่ค่อยกลับบ้าน มีกลับมาบ้างแต่ก็ไม่นาน สภาพที่ผมเห็นก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก คิดว่าคงไปเมาอยู่บ้านไอ้เคย์ล่ะมั้ง หรือไม่ก็คงไปหาคนดามใจใหม่ แต่ก็นะ เขาอยากทำอะไรอยากไปหาใครใหม่ก็ไม่เกี่ยวกับผมแล้ว นี่ผมกะว่าจะไปเก็บของออกจากบ้านพี่อัตอยู่ครับ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะแล้วเพราะไอ้ลุกซ์มันซ่าจนส่งเสียงเอะอะได้โดยไม่สนใจแผลเลย ฤทธิ์เยอะจริงๆ เพื่อนผมคนนี้
“ไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ทำตัวเองทั้งนั้น” ผมส่ายหน้าไปมานิดๆ ผมไม่ได้ทำอะไรพี่อัตจริงๆ นะเพราะพี่มันทำตัวเอง ไม่ว่าจะเรื่องที่คิดจะพิสูจน์ใจผมด้วยวิธีบ้าๆ และที่ไม่ยอมกลับบ้านกลับช่องด้วย
“มึงไม่คิดจะให้อภัยมันจริงๆ เหรอภีร์?” พี่ถังถาม คงไปฟังพี่อัตเล่าแล้วล่ะสิถึงท่าทางเหมือนรู้ทุกอย่างแบบนี้
“ไม่ครับ” ผมตอบอย่างเด็ดขาด ผมจะไม่กลับไปหาพี่อัตอีกแล้ว จะตัดขาดแบบที่ไม่ต้องเจอหรือติดต่อกันอีกเลย ถ้าได้เจอกันบ้างบางโอกาสผมก็จะทำตัวเป็นปกติเหมือนเราไม่เคยเป็นอะไรกันมาก่อน ผมรู้ว่าผมใจแข็งมากซึ่งนั่นก็เพื่อเป็นเกราะ ผมไม่อยากเจ็บปวดและไม่อยากให้ใครเจ็บปวด ที่พี่อัตต้องพิสูจน์ก็เพราะไม่ไว้ใจซึ่งนั่นก็คือการที่ทำให้พี่มันเจ็บ ต่อไปนี้ผมจะไม่รักใครอีกแล้ว ผมเข็ดกับความเลวของตัวเองจนไม่กล้ารักใครอีก ถึงจะรักพี่อัตแต่ก็ไม่ขอผูกมัดกันแล้วดีกว่า
“มึงโกรธมันขนาดนั้นเลยเหรอ?” พี่ถังถามอีก
“มันเลยคำว่าโกรธมาแล้วล่ะครับ ตอนนี้ผมไม่มีใจจะคิดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้วล่ะ เหมือนกับ...มันตายด้านไปแล้วยังไงยังงั้น” ผมบอก อารมณ์ผมตอนนี้เหมือนคนตายด้านจริงๆ นั่นแหละ ไม่คิดเรื่องรักเลย อาจจะมีบ้างที่แอบห่วงพี่อัตแต่ก็ไม่ได้อยากไปดูแลเหมือนคนรักกัน
“ไอ้อัตมันรักมึงมากนะภีร์” พี่ถังพูด เหมือนพยายามจะโน้มน้าวใจผมให้กลับไปรักพี่อัตเหมือนเดิม แต่คงยากหน่อยนะพี่ ใจมันไม่อยากจะรักต่อแล้วนี่หว่า
“รักไปก็เท่านั้นแหละพี่ จะให้ผมกลับไปคบกับพี่อัตเพราะความสงสารก็ไม่ใช่เรื่อง คงไม่มีความสุขทั้งสองฝ่าย” ผมพูดออกไปตามตรง
“มึงนี่ใจดำจริงๆ เลยว่ะ ดีนะที่กูไม่ได้รักมึง ใจแข็งฉิบ” พี่ถังทำหน้าสยองๆ กับความใจไม้ไส้ระกำของผม
“ผมเข็ดต่างหาก ผมไม่อยากมีความรักหรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้แล้วว่ะพี่ มันเหนื่อย ผมยังฝังใจเรื่องไอ้เปอร์อยู่เลย ไม่อยากรักใครแล้วจริงๆ” ผมยกมือกุมขมับนิดๆ ภาพเหตุการณ์ที่ผมทำร้ายหัวใจของเพื่อนและทำร้ายน้องมันไหลเข้ามาจนความเครียดบังเกิด
“มึงจะคิดมากเรื่องนี้อีกทำไม? คนอื่นๆ เขาให้อภัยมึงหมดแล้วทำไมถึงยังโทษตัวเองอีกวะ!?” พี่ถังตะคอกจนคนอื่นๆ ที่กำลังเอะอะเงียบลงทันใด “มึงจะกักขังตัวเองอยู่กับความรู้สึกเก่าๆ ทำไม เปิดใจบ้างสิ ที่ไอ้อัตมันต้องเจ็บปวดแบบนี้ก็เพราะมึงยังจมอยู่กับอดีตแย่ๆ ไอ้เปอร์ก็ให้อภัยมึงแล้ว ไอ้ลุกซ์ก็ให้ แล้วทำไมมึงไม่ให้อภัยตัวเองบ้างวะ!?!” คำพูดจี้ใจดำของพี่ถังทำให้ผมเจ็บจนจุก รู้ตัวอีกทีน้ำตาก็ไหลออกมาซะแล้ว ผมอ่อนแอทุกครั้งที่คิดถึงเรื่องแบบนี้ ผมยังทรมานกับสิ่งที่ตัวเองได้ทำลงไปอยู่ตลอดและไม่เคยลืมมันลง
“ผมทำไม่ได้ ผมลืมไม่ได้” ผมเลื่อนมือที่กุมขมับมาปิดที่ตาของตัวเองแน่น
“ภีร์ ทุกคนเขาอยากให้มึงมีความสุขนะ อย่าจมปลักอีกเลย” พี่ถังขยับเข้ามากอดผมเอาไว้พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลง ผมที่นั่งอยู่ซบหน้าลงที่หน้าท้องพลางกอดเอวพี่ถังเอาไว้แน่น
“ตอนไหนมึงจะลืมมันไปซักทีวะ ถ้ามึงไม่ลืมกูก็จะไม่ลืมนะภีร์” เสียงไอ้ลุกซ์พูดขึ้นและนั่นก็ทำให้ผมร้องไห้หนักกว่าเดิม
“กูลืมไม่ได้ ฮึก กูลืมความชั่วของตัวเองไม่ได้ กูกลัว...กูไม่อยากให้ใครมารักกูเพราะกูมันสกปรกทั้งความคิดทั้งจิตใจ ฮือ ใครที่หลงมารักกูคงไม่มีความภูมิใจในตัวกูหรอก กูไม่อยากรักใครอีกแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมาทั้งๆ ที่ยังซบอยู่ที่หน้าท้องของพี่ถัง
“ไม่จริงหรอก พี่อัตเขารักมึงจะตาย รักมาตั้งนานแล้วด้วย ถ้าไม่รักเขาคงไม่แคร์มึงในช่วงที่มึงกำลังลำบากหรอก” ไอ้ลุกซ์พูดอีก ผมผละออกจากพี่ถังแล้วมองหน้ามันอย่างงงๆ รักมาตั้งนาน...หมายความว่ายังไง?
“มึงรู้ด้วยเหรอลุกซ์?” พี่ถังหันไปถามไอ้ลุกซ์อย่างตกใจ
“ดูออก พี่อัตถูกใจไอ้ภีร์มาตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้ว ตอนม.ปลายน่ะ ที่พี่อัตเข้ามาชมรมบ่อยๆ ก็เพราะมาเจอไอ้ภีร์ไม่ใช่หรือไง?” ไอ้ลุกซ์บอกอีกซึ่งนั่นก็ทำให้ผมอึ้งไปเพราะไม่รู้สึกตัวเลยว่าพี่อัตชอบ ไม่แม้แต่จะตงิดใจเลยด้วยซ้ำแล้วทำไมไอ้ลุกซ์ถึงได้รู้
“หมายความว่ายังไง?” ผมถามออกมาเสียงสั่นๆ พลางใช้เสื้อพี่ถังเช็ดน้ำตากับน้ำมูกจนถูกตบหัวเข้าให้ ใครบอกให้มายืนใกล้ๆ ล่ะวะ เช็ดแม่งเลย
“ไอ้อัตมันชอบมึงมาตั้งแต่แรกเจอแล้วล่ะภีร์ แต่เพราะมึงเป็นผู้ชายปกติมันเลยไม่บอกและพยายามตัดใจ ก็มึงเล่นควงผู้หญิงเป็นว่าเล่นขนาดนั้นเพื่อนกูก็เลยไม่จีบมึงไงล่ะ” พี่ถังบอก ผมก้มหน้าขมวดคิ้วคิดไม่ตกเพราะถึงจะรู้ว่าพี่อัตชอบผมมานานแล้วแต่มันก็ยังลบล้างกับสิ่งที่พี่มันทำกับผมไม่ได้ คิดว่าผมต้องทนทุกข์ทรมานมากแค่ไหนกับสิ่งที่พี่อัตทำ ผมเจ็บจนใจมันด้าน ต่อให้มารู้ทีหลังว่าสิ่งที่พี่อัตทำเป็นการทดสอบใจผมก็ตามที แต่ความรู้สึกที่มันเสียไปแล้วมันเอาคืนมาไม่ได้หรอก
“แต่ผมกลับไปหาพี่อัตไม่ได้แล้วล่ะครับ พี่อัตเล่นตลกกับความรู้สึกผมมากเกินไป ผมรับไม่ได้จริงๆ” ผมส่ายหน้าไปมาแล้วสูดน้ำมูกพรืด ตอนนี้ผมหยุดร้องไห้แล้วล่ะครับเพราะผมรู้สึกดีขึ้นจากที่พี่ถังกับไอ้ลุกซ์พูด
“มึงจะตัดสินใจยังไงก็แล้วแต่นะ เอาที่มึงสบายใจที่สุด บางทีไอ้อัตมันอาจจะสมควรได้รับกรรมที่มันก่อ” พี่ถังตบไหล่ผมเบาๆ อย่างปลอบใจซึ่งผมก็พยักหน้ารับ
“แต่ถ้ามึงยังรักพี่อัตอยู่ก็กลับไปเถอะนะภีร์เพราะมึงเองก็จะเจ็บ” ไอ้เคย์บอก
“ไม่ว่ะ ตอนนี้ไม่คิดเรื่องนั้นแล้ว” ผมส่ายหน้าไปมาเบาๆ
“ภีร์ มานี่ดิ๊” ไอ้ลุกซ์กระดิกนิ้วเรียก ผมมองมันนิดๆ ก่อนจะลุกเดินไปหาอย่างสงสัย และมันก็ทำให้ความสงสัยผมคลายเมื่อคอของผมถูกดึงลงไปกอด ผมอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าจะถูกปลอบด้วยวิธีนี้ ห่า น้ำตาจะไหลอีกรอบแล้วเพื่อน! “กูลืมทุกอย่างไปแล้ว ไม่มีใครจำและไม่มีใครโกรธหรือเกลียดมึงหรอก” ไอ้ลุกซ์พูดพลางลูบหัวผมเบาๆ ตอนนี้มันกอดผมด้วยแขนข้างเดียวส่วนหน้าผมก็กำลังซบลงที่อกกว้างๆ ของมัน
“ห่า มึงกำลังจะทำให้กูร้องไห้อีกรอบนะลุกซ์” ผมบอกมันเบาๆ น้ำตาจะไหลจริงๆ ครับ
“งั้นไสหัวไปเลยไอ้ห่า” เมื่อได้ยินผมบอกแบบนั้นไอ้ลุกซ์ก็ขยุ้มผมของผมแล้วดึงหน้าผมออกจากอกของมัน
“ฮ่าๆๆ” พวกเราหัวเราะกันใหญ่ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมคลายเครียดได้มาก ดีจริงๆ ที่ผมมีเพื่อนแบบพวกมัน นอกจากนี้ยังมีพี่และน้องดีๆ อีกต่างหาก
จังหวะที่ภีร์ถูกลุกซ์ดึงไปกอดเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อัตกำลังจะเปิดประตูเข้าไปเยี่ยมลุกซ์แต่เขาดันเห็นภาพบาดตาบาดใจเสียก่อนทำให้เขาชะงักและเดินจากไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย
สิ่งที่เห็นเมื่อครู่ทำให้อัตคิดโยงกับเรื่องเมื่อก่อนที่ภีร์เคยรักลุกซ์และอาจจะยังรักอยู่ก็ได้ ยิ่งตอนนี้ลุกซ์มีปัญหากับเปอร์จนถึงขั้นแตกหักอาจจะเป็นโอกาสดีให้ทั้งคู่รักกันก็ได้
อัตทำพลาดด้วยตัวเอง ถ้าเขาจะเจ็บปวดจนทนไม่ไหวนั่นก็เพราะเขาทำตัวของเขาเอง ไม่เกี่ยวกับภีร์เลยแม้แต่นิดเดียว
70% left
เยี่ยมไอ้ลุกซ์เสร็จผมก็ไปเก็บข้าวเก็บของที่บ้านพี่อัตโดยมีไอ้เคย์กับพี่ถังตามไปช่วยด้วย ตอนแรกก็ไม่มีปัญหาอะไรหรอกครับเพราะพี่อัตไม่อยู่ จะมีบ้างก็ที่ป้าอวบและแม่บ้านอาลัยอาวรณ์ไม่อยากให้ผมไปจากพี่อัต จะหนักหน่อยก็บังเอิญว่าพี่อัตกลับมาที่บ้านพอดี และกลับมาพร้อมกับคุณทิพย์ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมากับผม
เอาเถอะ เขาเคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน จะกลับมาหากันอีกครั้งก็ไม่แปลกหรอก
“มาทำอะไรกัน?” พี่อัตกวาดตามองทุกคนก่อนจะมาชะงักที่ผมแล้วรีบผละสายตาไปเหมือนตั้งใจเมิน
“กูมาช่วยไอ้ภีร์มันเก็บของ เห็นว่าจะออกจากบ้านมึงแล้วน่ะ” พี่ถังเป็นคนตอบคำถามของพี่อัตแทน แต่ก็ดีแล้วแหละ ผมไม่อยากพูดกับพี่อัต ปฏิเสธไม่ได้หรอกครับว่าผมเคืองที่เห็นพี่อัตพาคุณทิพย์เข้ามาในบ้าน แต่ก็นะ...ผมไม่มีสิทธิ์ไปว่าอะไรเขาหรอก
“...” พี่อัตเม้มปากมองหน้าผมโดยไม่พูดอะไรแต่สายตาของพี่มันดูเจ็บปวดเหลือเกิน ผมรีบหลบตาเพราะไม่อยากเห็นใจ ผมใจแข็งก็จริงแต่ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำพอที่จะเห็นคนเคยรักเจ็บปวดทรมานหรอกนะครับ แต่ก็ให้กลับไปมันก็ไม่ใช่เรื่อง
“ไอ้อัต เห็นแบบนี้แล้วกูไม่รู้จะช่วยมึงยังไงเลยว่ะ” พี่ถังเหลือบตาไปมองยัยคุณทิพย์อย่างสื่อความหมาย
“ได้ยินว่าไอ้ลุกซ์ฟื้นแล้วเหรอ?” พี่อัตนิ่งไปเมื่อพี่ถังพูดอย่างนั้นแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยทันที
“พี่ถัง คุยกับเพื่อนพี่ไปก่อนละกันนะ” ผมบอกเพราะไม่อยากยืนอึดอัดอยู่แบบนี้ “เคย์ ช่วยกูขนของหน่อย” บอกพี่ถังแล้วก็หันไปบอกไอ้เคย์
“เดี๋ยวสิภีร์...” ขณะที่ผมกำลังก้มตัวลงไปหยิบกระเป๋าที่พื้นพี่อัตก็เรียกผมเอาไว้
“ครับ?” ผมหันกลับไปตอบรับด้วยท่าทีห่างเหิน
“มึง...จะไปจริงๆ เหรอ?” อัตถามอย่างอาลัยอาวรณ์จนผมต้องรีบหลบตาอีกครั้ง
“ครับ” ผมตอบกลับทันทีโดยไม่มองหน้า ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ต่อไปทำไม เลิกแล้วต่อกัน ไม่มีอะไรที่จะเชื่อมเราไว้ด้วยกันอีกแล้ว
“ไม่ไปได้ไหม?” พี่อัตมองผมด้วยสายตาละห้อย เสียงก็เหมือนจะรั้งผมเอาไว้
“ไม่ได้ครับ” ผมตอบทันที
“กูขอโทษ” เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาท่ามกลางความเงียบ
“ขอโทษใครครับ? เขาขอโทษมึงเปล่าวะเคย์?” ผมทำเป็นไม่รู้เรื่องเพราะผมไม่อยากยกโทษให้
“ภีร์” ไอ้เคย์เรียกผมอย่างปรามๆ ผมส่ายหน้าไปมาแล้วรีบถือกระเป๋าส่วนหนึ่งออกจากบ้านทันที ไม่อยากอยู่ต่อเพราะกลัวจะแสดงความอ่อนแองี่เง่าออกมาให้คนอื่นเขาสมเพช ที่ผมไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่เยือกเย็นจนเผลอประชดออกไปเพราะผมอ่อนแอ ผมยอมรับเลยว่าอ่อนแอจนอาจจะคุมตัวเองไม่อยู่
“ภีร์! ภีร์!” พี่อัตวิ่งตามผมออกมาด้านนอกโดยที่ไม่มีใครตามมา ผมขนของไปใส่กระโปรงหลังโดยไม่สนใจพี่อัต “ภีร์ กูไม่ได้พาเขามานะเว้ย เขามาของเขาเอง” พี่อัตคว้าไหล่ผมเอาไว้พร้อมกับอธิบาย ผมจึงได้แต่มองพี่อัตด้วยสายตานิ่งสนิท
“แล้วไงครับ?” ผมกรอกตานิดๆ
“มึงกำลังเข้าใจผิดนะภีร์” มือหนาเลื่อนจากไหล่มาจับมือผมไปกุมเอาไว้ทั้งสองข้าง ผมยืนนิ่ง ไม่ดึงมือออกเพราะป่วยการจะดึง เดี๋ยวก็ปล่อยเอง คอยดู
“ไม่มีอะไรที่ผมเข้าใจผิดครับ ผมเข้าใจตั้งแต่ที่พี่ชอบผมมาตั้งแต่ม.ปลาย และที่พี่ทดสอบหัวใจผมด้วย อ้อ เข้าใจที่คุณทิพย์เข้าจ้องจะจับแต่พี่ไม่เล่นด้วยด้วยนะ แต่เข้าใจแล้วยังไงล่ะ? เราไม่ได้เป็นอะไรกันนี่ เข้าใจไปก็ไม่มีผลอะไรเพราะยังไงก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” และแล้วมือผมก็ถูกปล่อยโดยไม่จำเป็นต้องดึงออกให้ลำบาก
“มึงไม่คิดจะให้อภัยกูเลยเหรอ?” พี่อัตถอยออกไปนิดๆ แล้วช้อนสายตามองผมอย่างอ้อนวอน
“จริงๆ ผมเป็นคนใจกว้างนะครับ แต่โอกาสที่ให้ไปซ้ำๆ แล้วไม่เกิดประโยชน์ผมก็ไม่รู้ว่าจะให้ไปอีกทำไม” ไม่รู้ว่าพี่อัตจะรู้สึกยังไงกับคำพูดของผมแต่ที่แน่ๆ ขนาดพูดเองยังจุกเลย ผมคงจะใจร้ายจริงๆ สินะ
“ภีร์ ไหนๆ มึงก็จะไปจากกูแล้ว กูขอกอดมึงเป็นครั้งสุดท้ายได้ไหม?” พี่อัตมองผมอย่างขอร้องแต่ผมลังเล ไม่อยากกอดเพราะกลัวใจที่ด้านไปแล้วกลับมามีชีวิตชีวาอีก ถ้ามันกลับมามีชีวิตอีก แล้วถูกทำลายลงไปผมคงจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แน่นอน
“ไม่ได้ครับ” ผมปฏิเสธ
“มึงใจร้ายจัง” พี่อัตตัดพ้อ สีหน้าดูสิ้นหวังซะเหลือเกิน
“ไม่น่าจะเท่าพี่” ผมยกยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างสมเพช กล้ามาว่าผมใจร้ายได้ยังไงในเมื่อตัวเขาเองนั่นแหละที่กล้าทำร้ายผมทั้งๆ ที่บอกว่ารักแท้ๆ
“กูขอโทษนะภีร์ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง กูผิดมากจนไม่รู้จะแก้ตัวยังไงแล้ว ถ้ามึงอยากจะให้กูทำอะไรมึงบอกกูนะ ให้กูทำในสิ่งที่สาสมกับความผิดของกู” พี่อัตบอกด้วยท่าทางรู้สึกผิดเสียเต็มประดา ถ้าไม่รู้สึกผิดซะบ้างคงไม่ใช่คนแล้วล่ะ ใจร้ายเกินไปละแบบนั้น
“สิ่งเดียวที่ผมอยากได้จากพี่ก็คือ...จบ จบทุกสิ่ง ไม่ต้องมาเจอหรือคุยกันอีก ทำเหมือนไม่เคยรู้จักกันได้ยิ่งดี” ผมอาจจะเย็นชาเกินไปแต่สำหรับคนอย่างพี่อัตแบบนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้ว ขนาดเขาอยู่ในช่วงที่ต้องง้อผมเขายังกล้าพาผู้หญิงเข้าบ้านเลย ต่อให้เป็นเพราะยัยนั่นตามเข้ามาเองก็ตามแต่ถ้าพี่อัตเด็ดขาดพอมีหรือเขาจะกล้ามา พี่อัตไม่มั่นคงเอง เขาทำให้ผมหมดความเชื่อใจด้วยตัวของเขาเอง ผมไม่อาจกลับไปทำท่าดีใจว่าพี่อัตไม่ได้นอกใจแล้วกลับไปคบกันได้หรอกครับ มันเกินเยียวยาซะล่ะมั้ง
“ได้สิภีร์ กูจะไม่รู้จักมึง” ตาพี่อัตแดงก่ำตอนพูดประโยคเมื่อครู่ ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของเขาดูฝืนซะเหลือเกิน ลึกๆ ผมก็สงสารที่ต้องเห็นเขาในสภาพแบบนี้แต่ผมจะให้ความสงสารมาทำร้ายทั้งผมและเขาไม่ได้อีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้ผมหมดใจ ต่อให้อยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ทรมานทั้งสองฝ่าย
“ดีครับ ลาก่อนนะครับ” ผมโค้งให้เขานิดๆ บ่งบอกถึงการเคารพเพราะไหนๆ เขาก็อายุมากกว่าผมพอสมควร
จังหวะที่ผมบอกลาพี่อัต พี่ถังกับไอ้เคย์ก็ถือของที่เหลือออกมาให้ผมพอดี ผมเปิดกระโปรงท้ายรถอีกครั้งเพื่อเอาของเข้าไปเก็บแล้วหันไปขอบคุณพี่ถังและไอ้เคย์ก่อนจะขับรถออกไปโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองพี่อัตอีกเลยแม้แต่นิด
ผมได้แต่หวังว่าเขาจะมีความสุขกับรักครั้งใหม่ ยัยคุณทิพย์อาจจะนิสัยไม่ค่อยดีแต่ก็น่าจะเหมาะกับพี่อัตก็ได้ คนอย่างผมมันไม่น่าเชื่อใจ ให้เขาได้ลองรักและเชื่อใจคนใหม่ดีกว่าเพราะถ้าคนคนหนึ่งไม่เชื่อใจอีกคนแล้วต่อให้ทำยังไงก็คงจะไม่เชื่อกันอย่างสนิทใจหรอก
...และผมก็จะไม่ไปทำให้ใครไม่เชื่อใจผมอีกแล้ว ผมไม่เหมาะกับการมีความรักหรอก ให้ผมได้จมปลักอยู่กับอดีตโดยไม่มีใครเดือดร้อนดีกว่า ไหนๆ ผมมันก็เป็นคนรักที่แสดงความรักไม่ค่อยจะเป็นอยู่แล้ว ถ้าไปรักกับคนใหม่ผมก็คงเป็นแบบเดิมและสุดท้ายก็คงทำให้เขาเชื่อใจไม่ได้ สุดท้ายก็จบด้วยการเลิกกันอยู่ดี
กำแพงหัวใจของผมมันสูงขึ้นเป็นเท่าตัวซะแล้ว โสดไปจนตายดีกว่า พอกันทีกับความรัก ไม่เอาอีกแล้ว เข็ดเหลือเกิน
สามสัปดาห์ต่อมา อาการไอ้ลุกซ์ดีขึ้นมากและจวนจะได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว วันนี้พวกผมก็มาเยี่ยมมันตามปกติ หลังจากที่มันอาการดีขึ้นพวกเราก็ผลัดกันมาเยี่ยมเพราะหลายคนก็ว่างไม่ตรงกัน ส่วนผมนี่ว่างตลอดเพราะอยู่ในช่วงตกงานก็เลยมาเยี่ยมและอยู่เป็นเพื่อนไอ้ลุกซ์ทุกวัน วันนี้เป็นวันที่ว่างตรงกันทุกคนก็เลยมาเจอกันโดยไม่ได้นัดหมาย
จริงๆ ไอ้ลุกซ์ก็ชวนไปทำงานด้วยนะครับแต่คงไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่สูงเหมือนบริษัทเก่าเนื่องจากตำแหน่งสูงๆ อย่างหัวหน้างานเอย ผู้จัดการฝ่ายเอยก็เต็มหมดแล้ว จะมีบ้างที่ตำแหน่งว่างแต่ไม่ใช่สายงานที่ผมถนัด แต่ก็นะ ช่วงนี้ผมไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรซักอย่าง ผมว่าจะพักงานยาวๆ ไปซักครึ่งปีแล้วค่อยตัดสินใจหางานทำอีกรอบ ผมไม่ค่อยห่วงเรื่องเงินซักเท่าไหร่เพราะเงินเก็บผมเยอะมาก อยู่อย่างสิ้นเปลืองได้เป็นปีๆ เลยทีเดียวเพราะผมไม่ได้มีแพลนจะซื้อรถหรือบ้านใหม่ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อน ส่วนพ่อกับแม่ ผมไม่ห่วงหรอกครับ
ก่อนหน้านี้พ่อกับแม่เป็นผู้บริหารธุรกิจเล็กๆ ซึ่งทำเงินได้มากโขอยู่ พอจะปลดเกษียณก็ขายหุ้นแล้วหันไปนั่งเล่นหุ้นขำๆ อยู่ที่บ้านได้กำไรเยอะมากทีเดียว เงินจากผมไม่จำเป็นเลยซักนิดแต่ผมก็ให้พวกท่านทุกเดือน
“เป็นไงล่ะ กูสมน้ำหน้ามึงจริงๆ เลยให้ตายสิ กะจะจัดการเรื่องทั้งหมดแล้วไปเซอร์ไพรส์ขอเขาแต่งงานในงานแต่งงานเพื่อนแต่เสือกเดี้ยงขยับไปไหนไม่ได้” ไอ้เคย์พูดเสียงเยาะเย้ยไอ้ลุกซ์ที่กำลังนอนทำหน้าหงิกอยู่บนเตียง
จริงๆ แล้วเมื่อคืนเป็นการแต่งงานของเจ๊เปรียวครับ ก่อนหน้าจะเข้าโรงพยาบาลไอ้ลุกซ์มันแอบวางแผนไว้ว่าจะขอไอ้เปอร์แต่งงานพร้อมกับเฉลยความจริงทุกอย่างในฟังในงานแต่งของเจ๊แต่ทำไม่ได้เพราะมันหายไม่ทันและไม่ได้แม้แต่จะไปร่วมงานด้วยซ้ำ ผมก็สมน้ำหน้ามันเหมือนกันนะที่มันต้องตกอยู่ในสภาพเมียทิ้งแบบนี้ ผมเข้าใจความรู้สึกของไอ้เปอร์เป็นอย่างดีเลยล่ะว่ามันรู้สึกยังไง การที่มันจะไม่กลับมาคืนดีกับไอ้ลุกซ์ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยเพราะขนาดผมโดนพี่อัตทำไปน้อยกว่าไอ้ลุกซ์ทำกับมันผมยังตัดขาดได้ขนาดนี้แล้วมีหรือที่ไอ้เปอร์จะยอมกลับไปหาไอ้ลุกซ์ได้ง่ายๆ เพียงเพราะรู้ความจริง ไอ้คนเรามันก็เจ็บปวดทรมานไปแล้ว จะทวงคืนความรู้สึกคงจะไม่ได้ เสียแล้วเสียเลย
“ใครเอามันมาเนี่ย?” ไอ้ลุกซ์ขมวดคิ้วด้วยความเซ็งเพราะถูกไอ้เคย์จี้ใจดำเข้าให้ เวลาแบบนี้ไอ้เคย์จะชอบซ้ำเติมไอ้ลุกซ์เป็นพิเศษ มันเป็นวิธีปลอบสำหรับไอ้ลุกซ์ของไอ้เคย์น่ะครับ
“กูเห็นด้วยกับไอ้เคย์นะเว้ย ถ้ามึงคิดจะกันไอ้เปอร์ไปจากชีวิตมึงก็ต้องทำแบบนั้นตลอดไป มึงจะไปไล่ ไปยื้อมันแบบนั้นไม่ได้ ทำแบบนั้นไอ้เปอร์มันน่าสงสารนะเว้ย” ไอ้กีร์สนับสนุน ก่อนหน้านี้มันไม่เคยเห็นด้วยกับไอ้ลุกซ์เลยที่ต้องทำร้ายไอ้เปอร์ถึงขนาดนั้น มันห้ามด้วยซ้ำแต่ไอ้ลุกซ์ฟังใครซะที่ไหน แต่ก็นะ ทางเลือกในตอนนั้นของไอ้ลุกซ์มีไม่เยอะหรอกและทางเลือกของมันแต่ละทางล้วนแล้วแต่นำความเดือดร้อนมาให้ทั้งนั้น การที่มันเลือกเดินทางนี้อาจจะดีที่สุดก็ได้ เฮ้อ ผมแม่งเป็นคนกลางไง เข้าใจทั้งสองฝ่ายแหละ
“มึงก็เห็นว่าไอ้เหี้ยนั่นมันร้ายขนาดไหน ขนาดกูระวังตัวแล้วยังโดนขนาดนี้ ดีแค่ไหนที่กูรู้ว่ารถผิดปกติเลยไหวตัวทัน ถ้าไอ้เปอร์โดนแบบนี้มีหวังมันได้ตายคารถแน่ กูไม่ยอมให้เรื่องแบบนั้นมันเกิดขึ้นแน่นอน” ไอ้ลุกซ์พูดด้วยสีหน้าเครียดๆ ตอนนี้ไอ้ลุกซ์มันรู้แล้วล่ะครับว่าใครที่ทำร้ายมัน มันรู้ได้โดยไม่ต้องมีใครบอก มันคงจะตงิดใจมาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ สัญชาตญาณไอ้เหี้ยนี่ดีจนน่ากลัว
“แล้วเรื่องลูกของมึงกับเปรียวล่ะ?” ไอ้เคย์ถามถึงลูกของเจ๊ที่มันไปช่วยเขาทำมาแต่ก็ไม่ได้ทำด้วยวิธีธรรมชาติ
“กูตกลงกับเปรียวกับอลันไว้แล้วว่าเด็กทั้งคู่คือลูกของพวกเขา กูก็คิดว่าน้องป่านกับน้องปิงเป็นลูกกูนะแต่มึงเข้าใจความรู้สึกป่ะว่ากูไม่ได้ทำเหี้ยอะไรเลย ไม่ได้ดูแลเปรียวไม่ได้ดูแลเด็กๆ ไม่ได้อยากจะมีลูกหรืออะไร กูก็มีแค่ไอ้เปอร์คนเดียว” ไอ้ลุกซ์พูดเสียงแผ่วในตอนท้าย เวลาพูดถึงไอ้เปอร์ทีไรสีหน้าของมันดูหม่นลงทุกครั้ง คงจะรู้สึกผิดมากที่ทำให้หัวใจของตัวเองแหลกสลาย แต่มันก็เป็นคนขยี้หัวใจของตัวเองอย่างเลือดเย็น
“แล้วเจ๊จะไปอยู่ที่อเมริกากับลูกกับผัวไหมวะ?” ไอ้บัมพ์ถามบ้าง
“อืม รอให้น้องป่านหายป่วยก่อนแล้วถึงจะพาไป” ไอ้ลุกซ์ตอบ สงสัยเจ๊คงจะเตรียมขายหุ้นที่ถืออยู่ให้ไอ้ลุกซ์แล้วตามคุณอลันกลับไปที่อเมริกาล่ะมั้ง
“มึงจะไม่คิดถึงเด็กๆ เหรอวะ?” ไอ้บัมพ์ถามอีก
“ก็คงคิดถึง แต่ก็นะ...ตอนนี้เด็กๆ ไม่ใช่ลูกของกูแต่เป็นลูกของเปรียวกับอลัน กูไม่มีสิทธิ์ไปยื้อหรือห้ามอะไรทั้งนั้น อลันเองก็รับได้ด้วย” ไอ้ลุกซ์บอก การที่มันตัดสินใจให้น้ำเชื้อไปแสดงว่ามันคงทำใจยอมรับกับเรื่องนี้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะมั้ง ไอ้ลุกซ์มันคิดก่อนทำเสมอนั่นแหละ มันมีเหตุผลที่ดีเสมอเพียงแต่มันชอบเก็บเอาไว้คนเดียวจนคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าการกระทำของมันล้วนแล้วแต่ผ่านการไตร่ตรองและเลือกสิ่งที่ดีที่สุดแล้วแม้ว่าสิ่งที่ดีที่สุดนี้จะเป็นสิ่งที่เลวร้ายมากก็ตาม ใครไม่มารู้ปัญหาของมันก็ไม่รู้หรอกครับว่ามันลำบากใจมากแค่ไหนกว่าจะทำเรื่องชั่วๆ ได้ซักเรื่อง เพื่อนผมภายนอกก็ดูเลือดเย็นอยู่หรอกแต่มันเป็นคนอบอุ่นจะตาย(ถุย!!)
“เอาเถอะ ยังไงเด็กสองคนนั้นเขาก็มีพ่อมีแม่ ไม่ได้กำพร้าซะหน่อย ใครจะเป็นพ่อที่แท้จริงหรือพ่อปลอมๆ มันก็เป็นเรื่องของครอบครัวที่ไม่ว่าใครก็ไม่ควรสอดมือเข้าไปยุ่ง ตอนนี้เด็กๆ ก็มีความสุขดี ดีซะอีกที่เด็กๆ จะได้มีพ่อสองคน” ไอ้กีร์พูดขึ้นอย่างเซ็งๆ ก็นะ มันชอบมาบ่นให้ฟังว่าพวกผู้ใหญ่รอบตัวไอ้ลุกซ์มักจะมองไอ้ลุกซ์ในแง่ไม่ดีจะและชอบคิดไปเองว่ามันไม่เหมาะสมอย่างนั้นอย่างนี้โดยที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว แค่ได้ยินอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็เอาไปคิดต่อยอดเองอย่างเสียๆ หายๆ และพูดต่อๆ ไปจนน่ารำคาญ ไอ้กีร์มันใกล้ชิดกับไอ้ลุกซ์ที่สุดมันก็เลยมักจะได้ยินอะไรที่มันแสลงหูอย่างนี้ตลอด ผู้ใหญ่ที่ว่าก็ลุงๆ ป้าๆ ที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไอ้ลุกซ์เลยนั่นแหละครับ ที่วิจารณ์กันหนักสุดก็คงจะเป็นเรื่องที่ไอ้ลุกซ์มันรักผู้ชายนี่แหละครับ ปัญหาโลกแตกเรื่องที่สังคมคนหัวโบราณไม่ยอมรับเรื่องชายรักชาย เฮ้อ ครอบครัวเขารับได้แท้ๆ แต่คนที่เป็นคนนอกกลับรับไม่ได้ซะเอง ไปเกี่ยวอะไรกับเขาวะ
“อืม ตอนนี้มึงก็เหลืออยู่สองปัญหาที่ต้องแก้นะลุกซ์” ไอ้เคย์กอดอกพูด
“เฮ้อ ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องไอ้เวรนั่นป่านนี้กูคงได้นอนกกเมียแล้วแม่ง” ไอ้ลุกซ์หายใจฟืดฟาดอย่างอารมณ์เสีย มันคงอยากจะรีบจัดการเรื่องของไอ้จักรเต็มทีเพราะถ้ามันไม่ตกอยู่ในสภาพนี้มันอาจจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานหรือไม่ก็ปรับความเข้าใจกับไอ้เปอร์ไปตั้งแต่ที่เปรียวกับคุณอลันเขาคืนดีกันแล้วล่ะมั้ง
“เดี๋ยวนี้เรียกเมียเต็มปากนะมึง” ผมแซว เมื่อก่อนมันไม่เคยเรียกใครว่าเมียหรอกครับเพราะมันไม่เคยรักใครจริงๆ จะมีก็แต่ไอ้เปอร์นี่แหละที่มันรัก แถมยังดูเหมือนจะถูกใจมาตั้งแต่ที่เจอกันในโรงเรียนพี่ถังแล้วแต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้ไอ้ลุกซ์มันทำร้ายไอ้เปอร์จนแม้แต่ผมยังสงสาร ยังไงก็แล้วแต่ ผมดีใจมากที่เพื่อนผมมีหัวใจไว้รักใครเสียที
“กูเรียกเต็มปากตั้งนานแล้วโว้ย แล้วมึงล่ะ ผัวมึงประคบประหงมดีไหม?” ไอ้ลุกซ์แซวกลับ ไอ้ห่า ลืมไปแล้วหรือไงวะว่ากูเลิกกับพี่อัตแล้ว หรือมันคิดว่าช่วงนี้พี่อัตตามง้อตามเอาใจผมวะ? เฮอะ ตั้งแต่ตอนนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว ไม่ได้เจอหน้ากันเลยเนี่ย
“...” ผมนั่งนิ่ง อยากจะตอบโต้ขำๆ กลับไปแต่ก็ทำไม่ได้
“มึงคงยังไม่รู้ว่าพี่อัตมีคนใหม่” ไอ้เคย์เดินมานั่งข้างๆ แล้วโอบไหล่ผมเอาไว้เหมือนจะปลอบ ดูสิ ขนาดไอ้เคย์ยังคิดเลยว่ายัยคุณทิพย์เป็นคนของพี่อัต
“เอาเหอะน่า อย่าไปสนใจเลย กูหล่อ กูหน้าตาดี อีกหน่อยเดี๋ยวก็หาเมียไม่ก็ผัวใหม่ได้เองแหละ เฮอะๆ” ผมเงยหน้าขึ้นมาพูดอย่างร่าเริงเพื่อไม่ให้บรรยากาศเสีย ลำพังเรื่องของไอ้ลุกซ์ตอนนี้ก็น่าปวดหัวจะแย่ ผมไม่อยากเอาเรื่องของผมที่มันจบไปแล้วมาให้เพื่อนเครียดหรอกครับ
ขณะที่ผมแสร้งทำเป็นร่าเริงไหล่ผมก็ถูกบีบเบาๆ จากไอ้เคย์จนผมแทบน้ำตาไหลเพราะผมรู้ว่ามันกำลังให้กำลังใจผมอยู่ ถึงหน้ามันจะไม่ได้แสดงอาการสงสารผมออกมาแต่ผมก็รับรู้ถึงความห่วงใยของมันได้ ที่มันไม่ปลอบผมออกมาตรงๆ ก็คงเพราะไม่อยากให้เพื่อนรู้ว่าผมแสร้งร่าเริง แต่ผมว่าเพื่อนรู้แต่ทำเป็นไม่รู้เพื่อไม่ให้ผมเครียดมากกว่า ผมสนิทกับไอ้พวกเหี้ยนี้มาตั้งนานทำไมจะไม่รู้นิสัยกันล่ะครับ
“เออ กูว่าอย่างมึงมีผัวแหละดีสุด ฮ่าๆ” ไอ้บัมพ์แซวออกมาอย่างร่าเริง ผมจึงยิ้มได้
“มีมึงคนเดียวในกลุ่มนะเว้ยภีร์ที่มีผัว ฮ่าๆ ดีแล้วเว้ย กลุ่มเราจะได้มีคนไว้ให้ปรึกษาถ้าเมียงอน ฮ่าๆ” ไอ้กีร์พูดพลางหัวเราะร่า ผมแม่งไม่น่าแปลกแยกเลยว่ะ หาเมียตั้งแต่ทีแรกซะก็ดี หน้าผมก็ล้อหล่อแถมตัวยังสูงชะลูดอีก แม่ง ไม่เหมาะแก่การไปเป็นเมียใครเลย ให้ตายสิ คิดแล้วก็หยึยที่ความอ่อนแอของตัวเองทำให้เบี่ยงเบนไปชั่วขณะ ผมไม่เคยแม้แต่จะจินตนาการด้วยซ้ำว่าคนอย่างผมจะต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำ
“ใช่ๆ แต่ตอนนี้กูกับพี่ถังก็เลิฟๆ กันดีนะ คึๆ” ไอ้เคย์ยิ้มนิดๆ พลางทำท่าเขิน ไอ้ห่านี่ก็ชอบทำตัวมุ้งมิ้งไม่ดูสารรูปจริงๆ ตัวแม่งใหญ่ที่สุดในกลุ่มเสือกแบ๊วสุด ท่าทางแม่งไม่เข้ากับกล้ามสุดๆ ฮ่าๆ
“พอๆ พวกมึงแม่งอินเลิฟกันแต่กูห่อเหี่ยวอยู่กับเหี้ยภีร์สองคน ไม่ต้องพูดเรื่องรักๆ ใคร่ๆ แล้ว กูอิจฉาโว้ย” ไอ้ลุกซ์ตัดบทเพราะอิจฉาตาร้อนจนพวกผมหัวเราะออกมาอย่างขำๆ
เฮ้อ ดีจริงๆ ครับที่ผมได้เป็นเพื่อนกับพวกนี้ ถึงแม้ว่าแต่ละคนจะมีนิสัยเหี้ยๆ ที่น่ากลัวมากแต่คำว่ามิตรภาพไม่เคยหายไปจากใจคนเหี้ยๆ พวกนี้เลย ผมรักพวกมันจัง ดีใจที่พวกมันให้อภัยกับความสารเลวของผม ถึงเรื่อความรักผมจะมีโชคติดลบแต่เรื่องเพื่อนนี่ผมมีโชคเป็นล้านเลย
++++++++++++++++ ภีร์นี่มันใจเด็ดจริงๆ เจองานยากแล้วนะพี่อัต จะง้อเขายังไงล่ะทีนี้ ภีร์ใจด้านชาไปซะแล้วสิ พี่อัตละทำลายกำแพงในใจนุ้งภีร์ได้อีกครั้งหรือเปล่านะ มาลุ้นกัน ฮ่าๆๆ ลุ้นให้ภีร์มันทรมานพี่อัตต่อไป กร๊ากกกก
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ