[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
9.7
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
56 ตอน
51 วิจารณ์
236.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
51) Aut x Pree 04 : ศัตรูของเพื่อน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Aut x Pree 04 : ปลอมตัว
หลัง จากที่ประชุมวางแผนและแบ่งกลุ่มกันไปตามสืบศัตรูกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะมา ทำร้ายไอ้ลุกซ์กันเรียบร้อยโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นพร้อมกับข่าวดีที่ว่าไอ้ ลุกซ์พ้นขีดอันตรายแล้วเหลือแค่รอมันฟื้นเท่านั้นเอง พวกเราเฮกันยกใหญ่อย่างโล่งใจ บางคนดีใจมากถึงขั้นร้องไห้ นอกจากนั้นพวกไอ้ลันยังตามมาสมทบเพื่อที่จะตามหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้อีก ด้วย แน่นอนครับว่าผมไม่ล้อเรื่องที่ไอ้ลันมันร้องไห้และไม่บอกคนอื่นๆ ด้วย ดูเหมือนว่าคนที่เห็นไอ้ลันร้องก็พร้อมใจกันปิดไม่ให้ใครรู้ แต่ก็นะ กำลังคนพร้อมขนาดนี้ผมว่าอีกไม่นานก็คงรู้ว่าใครเป็นคนทำอีกทั้งพอไอ้ลันมัน ตั้งสติได้มันก็พยายามนึกถึงคำพูดของไอ้ลุกซ์ที่บอกไว้ก่อนจะหมดสติซึ่งก็ เป็นประโยชน์มาก
พวก เราปล่อยลูกน้องให้ไปสืบกันอย่างเงียบๆ ได้เรื่องอะไรก็ให้มารายงานก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลามเพราะพวกผมคิดว่าไอ้ลุกซ์มันคงอยากจะจัดการด้วยตัว เอง
“ถ้า สบายใจแล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาจัดการต่อ” พี่อัตบอกพลางจูงมือผมไปที่รถของพี่มันเพื่อจะกลับบ้านโดยทิ้งรถของผมเอาไว้ ที่นี่
“แล้วพรุ่งนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?” ผมถาม ตอนนี้ผมยอมสงบศึกกับพี่อัตแล้วครับ อย่างน้อยก็จนกว่าไอ้ลุกซ์จะออกจากโรงพยาบาล
“เดี๋ยวเข้าไปเช็คเอกสารกับสั่งงานแป๊บเดียว” พี่อัตบอกก่อนจะเปิดประตูรถให้
“ไปทำงานเถอะ ตรงนี้พวกเราจัดการกันได้” ผมบอกเมื่อพี่อัตเข้ามานั่งประจำที่คนขับเรียบร้อย
“ไม่ได้หรอก ไอ้ลุกซ์มันเป็นน้องกู อีกอย่าง...มันเป็นเพื่อนรักของมึง กูจะมาช่วยด้วย” พี่อัตบอกแล้วสตาร์ทรถออกไปทันที
“แล้วแต่” ผมยักไหล่ก่อนจะเอนหัวพิงกระจกแล้วหลับตาลงเพื่อพักสายตา
“ถ้ากูเป็นอย่างนั้นบ้าง มึงจะร้องไห้เสียใจแบบนี้ไหมภีร์?”
กะ จะแค่พักสายตาแต่สุดท้ายผมก็หลับจนได้ ตื่นขึ้นมาอีกทีผมก็มานอนอยู่ในห้องนอนของพี่อัตที่ผมเคยนอนซะแล้ว กะจะบอกให้พี่มันไปส่งที่คอนโดซักหน่อยแต่ดันหลับเพลินจนลืมซะได้ เฮ้อ เอาเถอะ มาอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอยู่คนเดียวที่คอนโดผมอาจจะฟุ้งซ่านจนไม่เป็นอันทำอะไรก็ได้
“เป็นไงบ้าง? ดีขึ้นไหม?” พี่อัตที่เปิดประตูเข้ามาในห้องถามพลางเดินมานั่งข้างๆ ผมที่กำลังนอนอยู่
“อืม” ผมพยักหน้านิดๆ ได้นอนพักหลังจากรับรู้เรื่องเครียดๆ มาเยอะมันก็ดีเหมือนกัน
“หิวหรือยัง?” พี่อัตถาม
“ยัง เพิ่งตื่น” ผมบอกก่อนจะค่อยๆ ขยับลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง
“ไหวไหมเนี่ย? ดูมึงเพลียๆ นะ” พี่อัตเอามือมาอังที่หน้าผากของผมก่อนจะถามเสียงเบา
“ไม่ รู้ อย่าถามมากได้ไหม ปวดหัว ไม่อยากคิดอะไร” ผมตอบก่อนจะเหวี่ยงใส่พี่มันเบาๆ อย่ามากวนคนเพิ่งตื่นสิวะ เพิ่งตื่นใหม่ๆ ผมมักจะหงุดหงิดเสมอ ใครมากวนใจเวลาผมตื่นมักจะถูกผมเหวี่ยงใส่ตลอด พวกไอ้เคย์โดนกันมาแล้วทุกคน โดนบ่อยสุดคือไอ้กีร์เพราะตอนม.ปลายผมกับมันอยู่หอห้องเดียวกัน
“โอ เคๆ งั้นเดี๋ยวกูไปบอกแม่ครัวให้ทำของชอบของมึงเอาไว้ให้นะ” พี่อัตยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ก่อนจะลุกออกจากห้องไปเพื่อไปทำตามที่เขาพูดเอา ไว้ ผมมองตามแผ่นหลังของพี่อัตก่อนจะถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนพักสายตาต่อ แต่ไม่ได้หลับ
ผม พักสายตาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะลุกไปอาบน้ำเพื่อทำให้ตัวเองสดชื่นขึ้นมา บ้าง หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินลงไปข้างล่างเพื่อไปหาอะไรกิน เริ่มหิวขึ้นมาซะแล้วล่ะ
“คุณ ภีร์ของป้า วันนี้ป้าทำแต่ของชอบของคุณภีร์เลยนะคะ” ป้าอวบที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่เดินเข้ามาหาผมแล้วกอดผมเบาๆ อย่างคิดถึง คงจะรู้เรื่องที่ผมเลิกกับพี่อัตล่ะสินะถึงมีท่าทางห่วงหาผมขนาดนี้ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งออกจากบ้านไปได้ไม่นาน
“ขอบ คุณมากนะครับป้าอวบ ผมชอบอาหารของป้าอวบที่สุดเลยครับ” ผมกอดป้าอวบบ้างก่อนจะยิ้มเอาใจคนสูงวัย ป้าอวบยิ้มให้ผมก่อนจะพาผมไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว
“อ้าว ลงมาพอดี” พี่อัตที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านทักขึ้น
“ป้า จะงอนคุณอัตแล้วนะคะถ้าคุณอัตไม่เอาคุณภีร์คืนมา” ป้าอวบหันไปมองพี่อัตก่อนจะพูดเสียงกระเง้ากระงอดตามประสาคนแก่ขี้งอนที่แสน จะน่ารัก
“มึงว่าไงล่ะภีร์ ป้าอวบโกรธกูแล้วนะ” พี่อัตหันมามองผมอย่างขอความเห็น
“แค่ ช่วงนี้เท่านั้น” ผมด้วยด้วยสีหน้าจริงจังจนพี่อัตหน้าเจื่อนไป ส่วนป้าอวบก็ทำหน้าหม่นๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว ผมไม่ได้อยากให้ป้าอวบเสียใจแต่ผมก็ไม่อยากกลับไปตกนรกแบบนั้นอีกแล้ว ผมเสียใจเพราะพี่อัตมามากพอแล้ว
ผม ยืนจ้องหน้ากับพี่อัตอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่พี่อัตจะยอมแพ้แล้วเดินมานั่งกิน ข้าวกันเงียบๆ พวกเราไม่มีใครพูดอะไรอีก และผมคิดว่าการเชียร์ให้ผมกับพี่อัตกลับไปคืนดีกันคงกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ของบ้านนี้ไปโดยปริยาย
วัน ต่อมาผมก็ไปดักซุ่มดูพฤติกรรมของมือขวาของพ่อเจ๊เปรียวพร้อมกับพวกเพื่อนๆ ที่ต้องมาดูเพราะพวกเรายังไม่ไว้ใจว่าพ่อเจ๊จะหยุดหาเรื่องให้ไอ้ลุกซ์ปวด หัวหรือยัง ยิ่งงานแต่งงานของเจ๊กับแฟนยังมาไม่ถึงยิ่งไม่น่าไว้ใจ
“เป็นไงบ้างวะพวกมึง?” พี่อัตที่เพิ่งตามมาสมทบทีหลังถามขึ้นก่อนจะหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดูเพื่อสั่ง
พวก เรามาซุ่มดูมือขวาของพ่อเจ๊กันที่ร้านอาหารครับ เมียมือขวาคนนี้เป็นเจ้าของร้านอาหาร ถ้าไม่มีงานอะไรมือขวาคนนี้จะมาอยู่กับเมียน่ะครับ ที่มากันที่นี่พวกผมปลอมตัวกันมาถ้วนหน้าเลยครับเพราะมือขวาน่าจะรู้จักพวก ผมพอสมควร
ผม ปลอมตัวด้วยการติดหนวดกับใส่แว่นที่เหมือนแว่นสายตา ไอ้บัมพ์ใส่วิกผมยาวและแต่งตัวเป็นกะเทยควายส่วนไอ้กีร์แต่งเป็นอาแปะแก่ๆ ที่เป็นพ่อของไอ้บัมพ์ครับ มันอาจจะดูเว่อร์ไปแต่พวกเราแต่งกันไม่เยอะจนดูผิดสังเกตุหรอกนะครับ
“ซี้ซั้วต่า! ลื้อมาพูดคำหยาบกับอั๋วทำไม?” ไอ้กีร์แกล้งพูดด่าพี่อัตที่พูดกูมึงกับพวกเรา
“อ่า...” พี่อัตทำหน้าเหลอหลาอย่างงงๆ
“ว้าย ตายแล้ว อาป๊าขา คนนี้แหละค่าเพื่อนสาวหนูเอง เขามาช่วยยืนยันว่าอาเฮียภีร์เป็นคนดีน่ะค่ะ” ไอ้บัมพ์รีบพูดขึ้นเสียงดังแล้วทำเป็นจีบปากจีบคอใส่พี่อัต ไอ้อัตก็เหวอสิครับ ผมกลัวจะเสียเรื่องก็เลยกระทืบเท้าพี่มันแรงๆ เพื่อให้ทำตามที่ไอ้บัมพ์มันแต่งเรื่อง
เรื่อง มันมีอยู่ว่า ผมกับไอ้บัมพ์แกล้งเป็นแฟนกันครับ และไอ้บัมพ์กำลังพาผมมาให้ไอ้กีร์ที่เป็นพ่อดูตัวซึ่งไอ้กีร์มันไม่ชอบผมและ ไม่อยากให้ไอ้บัมพ์เป็นตุ๊ดก็เลยมีท่าทางโมโห ส่วนไอ้พี่อัตเป็นส่วนเกินที่ไม่คาดหมาย คงไปถามจากไอ้เคย์ล่ะมั้งว่าพวกเราอยู่ที่ไหน ส่วนไอ้เคย์ไม่ได้ปลอมตัวครับ ไอ้เหี้ยนั่นปลอมยังไงก็ดูออกว่าเป็นมันก็เลยให้มันนั่งอยู่ในรถเผื่อมีอะไร ฉุกเฉิน
“ลื้อเป็นตุ๊ดเหรออาตี๋?” ไอ้กีร์บีบเสียงแหลมๆ พูดโทนเสียงของอาแปะร้านข้าวมันไก่ถามพี่อัตพลางขยิบตายุกยิกเพื่อให้พี่อัตรับมุก
“อะ...ใช่ ค่ะใช่ หนูเป็นเพื่อนของลูกแปะเองค้า” พี่อัตที่นั่งอยู่ข้างผมทำท่าดัดจริตแบบเก้ๆ กังๆ ตอบไป ผมมองท่าทางของพี่มันแล้วกลั้นขำสุดความสามารถ คนอื่นๆ ก็ขำนะครับแต่พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์
“ไอ้บัมพ์ชื่อบีบี้” ผมเอามือปิดปากแล้วพูดออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“อย่าขำกูดิ ทำไมกูต้องมาทำท่าแต๋วแบบนี้ด้วยวะ?” พี่อัตเอามือปิดปากแล้วบ่นเสียงเบา
“อา ป๊าครับ น้องแองจี้เป็นน้องชายของผมเองครับ” ผมพูดกับไอ้กีร์ทำเอาไอ้บัมพ์ต้องรีบปิดปากเพราะมันกลั้นขำจนหน้าแดงก่ำ ส่วนพี่อัตก็เอ๋อแดกกับชื่อที่ผมตั้งให้
“น้อง ลื้อเหรอ? แล้วลื้อเป็นเพื่อนกับอาบีบี้เรอะอาตี๋?” ไอ้กีร์พูดเสียงโทนแหลมกลั้วเสียงหัวเราะ มันกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงตามไอ้บัมพ์ไปแล้ว
“ครับ เอ้ย ค่ะ” พี่อัตพยักหน้าตอบ
“เฮ้ย พอเถอะว่ะ กูขำจนขี้แทบเล็ดแล้วเนี่ย” ไอ้บัมพ์โน้มตัวลงไปซบกับโต๊ะก่อนจะพูดเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินเฉพาะกลุ่มของ พวกเรา ตอนนี้ตัวทุกคนสั่นระริกจนแทบจะระเบิดออกมาแล้วล่ะครับ ขำจริงจังเลยงานนี้ ลำพังไอ้บัมพ์ทำตัวเป็นตุ๊ดพวกผมก็ฮาขี้แตกแล้วครับ ยิ่งพี่อัตมาทำแบบนี้ด้วยพวกผมยิ่งขำกันจนแทบหลุดหัวเราะ อยากถ่ายคลิปเก็บไว้ชะมัด
“ได้ ทีเอาใหญ่เลยนะภีร์” พี่อัตยื่นหน้ามาพูดเสียงเบาๆ ผมหรี่ตามองพี่มันก็จะทำหน้าบึ้ง ถ้าไม่อยากให้ผมขำผมก็จะไม่ขำ “อ่า...โทษๆ ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้หัวเราะซักหน่อย” พี่อัตรีบแก้ตัวเมื่อผมทำหน้าบึ้งใส่ อ่า...พี่อัตช่วงนี้กลับมาทำตัวน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยแฮะ ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงเพราะอยากจะง้อขอคืนดีหรือแค่ผูกพันจนไม่ สามารถเห็นผมในสภาพเสียใจอย่างหนักไม่ได้กันแน่ แต่ก็นะ...ถ้าไม่อยากให้ผมเสียใจพี่อัตไม่ควรนอกใจผมตั้งแต่แรก
“ลื้อจะกินอะไรอาหนู เลือกๆ” ไอ้กีร์พูดกับพี่อัตเพราะตอนแรกพี่มันดูเมนูเหมือนอยากจะกินแต่ตอนนี้พี่มันได้แต่นั่งก้มหน้า
“หนู กินกับอาเฮียก็ได้ค่ะ” พี่อัตพูดเสียงใหญ่ๆ พลางแอบเนียนมากอดแขนผม ผมสะดุ้งทำท่าจะผลักพี่อัตออกแต่เพราะสายตาเพื่อนๆ กดดันไม่ให้ผมทำอย่างนั้นผมจึงยอมนั่งนิ่งๆ
RRRRRRR
ขณะ ที่พวกเรานั่งรออาหารและสังเกตมือขวาพ่อเจ๊เปรียวไปด้วยโทรศัพท์ผมก็ดัง ขึ้น ผมรีบเอาออกมาดูก็พบว่าเป็นไอ้เคย์นั่นเอง มันอาจจะหิวจนไส้กิ่วก็เลยโทรมาล่ะมั้ง
“เออ ว่าไง?” ผมทัก
[กูว่าพ่อเจ๊ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องว่ะ เมื่อกี้ไอ้ชิตโทรมาบอกว่าคนที่มันตามอยู่เริ่มมีการเคลื่อนไหวอะไรแปลกๆ] ไอ้ เคย์บอกเสียงนิ่ง อย่าบอกนะว่าไอ้เคย์มันเริ่มอยากลุยกับคนที่ทำร้ายไอ้ลุกซ์แล้ว ไม่นะไม่ มึงอย่าเพิ่งอยากลุยตอนนี้นะเคย์ กูกลัวว่ะ
“แล้วจะเอาไงต่อ?” ผมถามเสียงกล้าๆ กลัวๆ กลัวไปปลุกอารมณ์ให้มันฮึกเหิมน่ะสิ
[ก็ไม่เอาไงต่อ...] ไอ้เคย์พูดเสียงเย็นจนผมเริ่มใจสั่น [กูหิวว่ะ ขอไปนั่งกินข้าวด้วยคนน้า] ควย!! กูนึกว่าอยากจะลุยซะตอนนี้ ที่ไหนได้ เสือกหิว แล้วแม่งถ้าจะพูดเสียงออดอ้อนแบบนี้แล้วมึงจะพูดเสียงเย็นทำเหี้ยอะไรตั้งแต่ตอนแรกวะ!?! ตกอกตกใจหมด
“เออๆ มากินดิ แสดงว่าตอนนี้พวกเราทำตัวปกติได้แล้วใช่ไหม?” ผมบอกแล้วถาม ตอนนี้ไอ้เคย์คงกำลังเตรียมตัวลงจากรถเพราะผมได้ยินเสียงมันดับเครื่องยนต์
[เดี๋ยวๆ กูขอถ่ายรูปไอ้บัมพ์กับไอ้กีร์ก่อนนะ อิ๊ๆ] ไอ้เคย์หัวเราะอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ผมจึงหัวเราะตามมันก่อนจะวางสายไป
“ไอ้เคย์ว่าไงบ้าง?” ไอ้กีร์ที่ทำหน้าสอดรู้สอดเห็นถามอย่างตื่นเต้น
“ก็ไม่ว่าไง มันบอกจะมากินข้าวด้วย แล้วก็บอกว่าไม่ต้องตามลูกน้องพ่อเจ๊แล้ว ไอ้ชิตมันตามกลิ่นเจอคนน่าสงสัยแล้ว” ผมบอก
“งั้น กูก็ไปเปลี่ยนชุดลบหน้าได้แล้วดิวะ” ไอ้บัมพ์ทำหน้าดีใจพลางลุกขึ้นยืนแต่ผมรีบคว้าข้อมือมันเอาไว้แล้วมองหน้า มันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“อย่า เพิ่งสิจ๊ะน้องบีบี้ เพื่อนเฮียอยากถ่ายรูปหนู ฮ่าๆ” ผมพูดก่อนจะหัวเราะร่าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เคย์เดินกดโทรศัพท์ หัวเราะเข้ามา
“เฮ้ย! เหี้ยเคย์! มึงถ่ายเหี้ยอะไรไป?” ไอ้บัมพ์คำรามถามเสียงต่ำมุดดินจนลูกค้าในร้านและพนักงานพร้อมใจกันหันมามอง พวกเราอย่างสงสัย แต่ในความสงสัยนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คงกำลังขำกะเทยควายอย่างไอ้บัมพ์ล่ะมั้งครับ
“เปล่า จ้ะน้องบีบี้ มาๆ มานั่งกินข้าวกับเฮียสุดหล่อดีกว่านะ เฮียภีร์ไม่หึงใช่มะ?” ไอ้เคย์รีบเก็บโทรศัพท์ของมันลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปโอบไหล่ไอ้บัมพ์ ที่กำลังยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ การกระทำเช่นนั้นของมันทำให้มีเสียงกรี๊ดและเสียงนินทาดังระงมร้านเลยครับ ฮ่าๆ โคตรฮา
“ไม่หึงๆ เฮียยกให้” ผมรับมุก
“จะ หึงได้ไงล่ะคะเฮีย ก็ผัวเฮียนั่งอยู่ข้างๆ นี่คะ” ไอ้บัมพ์เอาคืนผมจนผมเงิบและเลือกที่จะหุบปากครับ ผมไม่รู้ว่าสายตาของคนอื่นๆ จะมองพวกเรายังไงแต่ตอนนี้ผมโคตรอยากมุดดินหนีความอายชะมัด
เฮ้ย! นี่พวกกูไม่ได้มาโชว์ตลกในร้านอาหารนะเฟ้ย!!
45% left
หลัง จากทานอาหารกันอย่างอลหม่านกันเรียบร้อยพวกเราก็กลับบ้านไปโดยที่ไม่เสีย เงินค่าอาหารซักกะบาท ทำไมน่ะหรือ? เรามากับใครล่ะครับ? เจ้าของกิจกรรมร้อยล้านพันล้านเลยนะ อีกทั้งมือขวาของพ่อเจ๊ยังลดราคาให้เป็นพิเศษอีกด้วย
กิน อิ่มกันพุงปลิ้นพวกเราก็ไปสุมหัวอยู่บ้านไอ้เคย์ครับ ไปรอฟังข่าวอยู่ที่นั่น พวกไอ้ลันก็มาสมทบกันทีหลังเพราะก่อนหน้านี้ไอ้ลันมันไปเฝ้าไอ้ลุกซ์ที่โรง พยาบาล แหม...พอพี่ไม่รู้สึกตัวนี่ทำตัวเป็นน้องที่น่ารักเชียว ฮึๆ
“ไอ้ ลุกซ์เป็นไงบ้าง?” ไอ้เคย์ถามขึ้นหลังจากพวกไอ้ลันมานอนกลิ้งที่พื้นพรมในห้องนั่งเล่น พวกไอ้ลันมันมากันแค่สามคนครับ ไม่มีใครหิ้วเมียมาซักคน แหม...น่าเสียดาย เมียพวกมันแต่ละคนหน้าตาน่ารักกันทั้งนั้น เอิ่ม...ยกเว้นไอ้คิมไว้คนหนึ่ง มันหล่อเกินจะมองว่าน่ารักแล้ว
“ก็ ปกติ แต่ยังไม่ฟื้น บาดแผลภายนอกก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” ไอ้ลันพูดขณะกดโทรศัพท์ยิกๆ คิดว่าคงตอบไอ้เคย์ไปด้วยคุยกับเมียไปด้วยล่ะมั้ง แหม...ห่างกันไม่ได้เลยนะพวกมึงเนี่ย
“แสดงว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสินะ” ไอ้กีร์เอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วเงยหน้ามองเพดานอย่างคิดไม่ตก
“ไม่ตายก็บุญโขแล้ว” ไอ้ลันพูดพลางทำหน้าหม่นๆ ปากดีไปเถอะไอ้หนู ถ้าพี่มึงไม่ฟื้นขึ้นมามึงคนแรกนั่นแหละที่จะร้องไห้
“เฮ้ย พวกมึง! ไอ้ชิตติดต่อมาแล้วว่ะ!” เสียงโทรศัพท์ไอ้เคย์ดังขึ้นเพราะกับคำบอกที่น่าตื่นเต้น พวกเราทุกคนนิ่งและเงียบรอฟังสารจากไอ้ชิต “เออ...ว่าไงนะ? แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเจอตัวแล้ว...อืม ซุ่มดูกันต่อไป...อย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลาม...ตามสืบดูจนกว่าจะแน่ใจว่าพวกมัน มีอะไรบ้าง สืบที่อยู่ของมันทุกที่ เอาชนิดที่ว่ามันจะไปกบดานที่ไหนเราจะสามารถรู้ได้ทันที ทะเบียนรถ ครอบครัวของพวกมันทุกคน...อืม แล้วพวกกูจะจัดการมันเอง ขอบใจ” ไอ้เคย์พูด พวกเราต่างก็พยายามเงี่ยหูฟังความจากปลายายแต่ก็ไม่ได้ยิน สุดท้ายก็ต้องรอไอ้เคย์มันแถลงข้อความ
“ว่าไงบ้างมึง?” ไอ้กีร์ขมวดคิ้วถามอย่างใจจดใจจ่อ
“มั่น ใจแล้วว่าใครเป็นคนก่อเรื่องนี้ เป้าหมายที่ไอ้ชิตตามซุ่มดูมันโผล่หางแล้ว” ไอ้เคย์กำโทรศัพท์ในมือแน่นด้วยท่าทางโกรธแค้น อ่า...หมอนี่มันโกรธทีไรได้เรื่องทุกทีสิน่า ไม่อยากเห็นคนใจดีอย่างมันโกรธเลย ไม่ชินซักที
“ไอ้จักร!” ไอ้บัมพ์สบถชื่อของตัวต้นเหตุออกมาโดยไม่ต้องให้ไอ้เคย์บอกเลยว่าเป็นใคร เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่ากลุ่มไหนประกบเป้าหมายคนไหน ถ้าคนที่ไอ้ชิตตามคือพี่จักร แสดงว่ามันเป็นคนร้าย
“พี่จักรที่เคยจีบไอ้เปอร์ใช่ไหม? ทำไมคนคนนั้นเป็นคนร้ายล่ะ?” ไอ้ไทถามขึ้นอย่างสงสัย
“พวก มึงอาจจะไม่รู้ สมัยมัธยมไอ้ลุกซ์มันนิสัยแย่มาก ใครที่มันเกลียดมันจะไม่พูด ไม่คุย ไม่มองหน้า ถ้าคนคนนั้นมาวุ่นวายกับมันมันจะกำจัดซะ ไม่ได้ทำให้หายไปจากโลกนี้ แต่ทำให้อับอายจนไม่อยากอยู่เลยล่ะ” ไอ้เคย์ถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเล่าด้วยน้ำเสียงเอือมระอา ใช่ ไอ้ลุกซ์มันเป็นคนอย่างนั้นแหละ กับคนที่เกลียดมันจะไม่ไยดีเลย แต่กับไอ้เปอร์ไม่ใช่ ปากบอกว่าเกลียดแต่การกระทำมันไม่ใช่เลย ถ้ามันเกลียดมันจะไม่ให้อยู่ใกล้มันเลยล่ะ แต่กับไอ้เปอร์ มันทำอย่างกับละครเรื่องจำเลยรัก ฮ่าๆ
“ใช่ๆ ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับมันหรอก” ไอ้กีร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้เคย์
“สำหรับ ไอ้ลันคงรู้จักไอ้จักรในฐานะพนักงานของโรงแรมแม่ ตอนนั้นไอ้จักรมันอยากประจบป้าวิด้วยการมาเอาใจไอ้ลุกซ์แต่ไอ้ลุกซ์มัน เกลียดหมอนั่นก็เลยพยายามตีตัวออกห่าง แต่ก็นะ...หมอนั่นไม่ยอมเลิกราไอ้ลุกซ์ก็เลยรวมหัวกับพนักงานที่ไม่ชอบไอ้ จักรจัดการมันซะโดยจ้างให้ผู้ชายขายตัวไปข่มขืนมัน แน่นอนว่าไอ้ลุกซ์มันต้องจัดการไม่ให้ไอ้จักรขยับตัวได้ป้องกันการหนี สาเหตุนั้นไอ้จักรก็เลยหายหน้าไป พวกเรามาเจอมันอีกทีก็พบว่ามันเป็นเกย์ไปแล้ว” ไอ้เคย์เล่า พวกน้องๆ กับพี่อัตตั้งใจฟังอย่างกับกำลังฟังนิยายก่อนนอน คงเป็นนิทานที่โหดจนเด็กนอนไม่หลับเลยล่ะมั้งครับ ส่วนพวกเราที่เป็นเพื่อนกันรู้เรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ
“...” ทุกคนตั้งใจฟังกันโดยไม่พูดไม่ขัดอะไรเลยซักคำ
“ตอนพวก กูกับไอ้ลุกซ์อยู่ที่อเมริกา พวกเราไปเจอไอ้จักรโดยบังเอิญ ตอนนั้นต่างคนก็ต่างไม่ได้คิดอะไรกัน กูคิดว่าอย่างนั้น จนกระทั่งไอ้จักรนัดไอ้ลุกซ์ไปเคลียร์เรื่องราวในอดีต ไม่รู้ไปเคลียร์อิท่าไหน ไอ้ลุกซ์ถึงถูกไอ้จักรจับไปหวังจะข่มขืน...”
“ฮะ!?!?!” พอไอ้เคย์เล่าถึงตรงนี้พวกเราก็พากันแหกปากร้องเสียงดังอย่างตกใจ ไอ้ลุกซ์เนี่ยนะโดนข่มขืน!? เหี้ย!!! ไม่จริงอ่ะ!!!
“เฮ้ย ฟังก่อน กูไอ้คิทแฟนไอ้คิทแล้วก็ไอ้ลันไปช่วยทันเว้ย” ไอ้เคย์รีบบอกทำให้พวกผมถอนหายใจกันอย่างโล่งอก
“เหี้ยละ ไอ้ลุกซ์เนี่ยนะจะโดนถล่มประตูหลัง คิดแล้วขนลุกว่ะ” พี่อัตพูดพลางทำหน้าแหยงๆ
“ไม่หรอก เห็นไอ้ลุกซ์มันพูดทีหลังว่า ไอ้เหี้ยจักรมันจะให้ไอ้นั่นกูเข้าตูดมันว่ะ มัน พูดด้วยท่าทางหลอนๆ เลยล่ะ คิดแล้วก็ขำ” ไอ้เคย์พูดด้วยการเลียนแบบเสียงและท่าทางของไอ้ลุกซ์ไปด้วยทำให้พวกเรา หัวเราะกันอย่างฮาๆ แต่สักพักก็ต้องหุบปากกันเพราะหน้าไอ้เคย์กลับไปเครียดอีกครั้ง “ไอ้จักรมันสารภาพว่ารักไอ้ลุกซ์ อารมณ์ประมาณทั้งรักทั้งแค้นล่ะมั้ง ก่อนที่พวกเราจะแยกกันมันประกาศเอาไว้ว่าถ้ามันไม่ได้ก็อย่าหวังว่าใครจะได้ และบังคับให้ไอ้ลุกซ์เลิกยุ่งกับเปอร์ไม่อย่างนั้นมันจะจัดการเปอร์ซะ นั่นเป็นเหตุผลที่ไอ้ลุกซ์ทำตัวห่างเหิน ช่วงนั้นมันต้องอยู่อเมริกาไม่ได้กลับไทยในขณะที่ไอ้จักรกำลังจะกลับทำให้ ไอ้ลุกซ์ต้องยอมรับข้อตกลงที่ว่าจะไม่ยุ่งกับเปอร์น่ะสิ สุดท้ายไอ้ลุกซ์มันคงห้ามตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเปอร์ได้ไอ้จักรมันถึงได้ทำ อะไรแบบนี้” ไอ้เคย์ยกมือขึ้นกุมขมับพลางพูดเสียงเครียด พวกผมที่เพิ่งรู้เรื่องก็ต่างทำหน้าเครียดไปตามๆ กัน ผมไม่เคยรู้เรื่องที่ไอ้เคย์มันเล่าเลย คิดว่าคนอื่นๆ ก็เช่นกัน
“เรื่องนั้นผมก็รู้” ไอ้ลันพูดขึ้นทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่มัน
“ทำไม มีแต่พวกกูที่ไม่รู้วะเคย์?” ผหันไปมองหน้าไอ้เคย์ด้วยสายตาคาดคั้นปนน้อยใจ บางทีผมก็รู้สึกว่าไอ้ลุกซ์มีอะไรก็บอกแต่ไอ้เคย์ เข้าใจอยู่หรอกว่าพวกมันสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อยู่ด้วยกันตลอดแต่พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง แต่ที่น่าเห็นใจสุดก็คงจะเป็นไอ้กีร์ มันเองก็เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของสองคนนั้นแต่มันกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ไม่ ใช่ว่าพวกกูไม่อยากบอกพวกมึงนะเว้ย เราทุกคนก็รู้ว่าไอ้ลุกซ์มีปัญหาอะไรมันไม่ชอบบอก ที่กูกับไอ้ลันรู้เพราะอยู่ในเหตุการณ์ ไอ้ลุกซ์มันอยากจะจัดการเงียบๆ กูไม่เห็นด้วยหรอกแต่มันเป็นความต้องการของไอ้ลุกซ์มันนี่หว่า” ไอ้เคย์พูดเสียงเครียด ผมเข้าใจ ไอ้ลุกซ์ก็คือไอ้ลุกซ์ ชอบทำเหมือนตัวเองจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวเสมอ โอเค มันจัดการได้ แต่มันน่าจะคิดถึงคนข้างหลังซะบ้างว่าเขาจะเป็นห่วงมากแค่ไหน
“มันฟื้นเมื่อไหร่เจออบรมยาวแน่ นิสัยแบบนี้แหละเมียถึงหนี ฮึ!” ไอ้บัมพ์ที่นานๆ ทีจะโกรธเพื่อนเป็นเรื่องเป็นราวกอดอกทำหน้าโกรธใหญ่เลย
“รอแผลมันหายค่อยกระทืบสั่งสอนมันอีกที” ไอ้กีร์พูดพลางหักนิ้วมือดังกรอบ
“เอาให้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบเลยยิ่งดี” ไอ้เคย์พยักหน้าเห็นด้วย
“กู จองหน้ามันนะ หล่อดีนัก เอาให้ยับเลยแม่ง” ผมพูดทำให้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนานกับแผนการเอาคืนนิสัยแย่ๆ ของไอ้ลุกซ์ เฮ้อ ถ้าได้ข่าวว่ามันฟื้นพวกเราคงจะหัวเราะได้ดังกว่านี้
“โหด จังเลยนะ ถ้าจะกระทืบกูเพื่อเอาคืนล่ะก็...อย่าต่อยหน้านะเว้ย” พี่อัตที่นั่งอยู่ข้างผมเอาศอกมากระแซะที่เอวอย่างหยอกเย้าทำให้ผมหันขวับไป มองพี่มันตาขวาง
“เสียมือ” ผมเบ้ปากใส่พี่อัตก่อนจะเบือนหน้าหนีทำให้คนอื่นๆ ขำพวกเรา
“งอนผัวนานๆ เดี๋ยวเขาก็ทิ้งเอาหรอก” ไอ้กีร์แซว
“จะ ว่าไป พวกเราทั้งหมดในที่นี้...มีมึงคนเดียวนะเว้ยที่เป็นเมียอยู่คนเดียว ฮุๆ เหมาะดีเหมือนกัน” ไอ้บัมพ์ทำหน้าเจ้าเล่ห์พลางปิดปากหัวเราะ
“อีบีบี้! หุบปากไปเลยอีตุ๊ดยักษ์!” ผมชี้หน้าไอ้บัมพ์ด้วยท่าทางโกรธจัด แซวได้แซวไป ไอ้แก่กินเด็กเอ๊ย! เดี๋ยวกูแม่งยุให้ไอ้ไทขัดขวางความรักของมึงกับน้องทิวาซะเลยนี่!
“ฮ่าๆๆ” พวกเราส่งเสียงหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลังแต่พวกเด็กๆ มันไม่เข้าใจว่าชื่อบีบี้มาได้ยังไง
“เดี๋ยว จะให้ดูน้องบีบี้ ทุกคนเปิดอินสตาร์แกรมด่วน” ไอ้เคย์ยิ้มสนุกพลางกดโทรศัพท์ตัวเองยิกๆ ด้วยความไวแสงชนิดที่ไอ้บัมพ์ตั้งตัวไม่ทัน เพียงไม่กี่วินาทีรูปไอ้บัมพ์ที่แต่งตัวเป็นน้องบีบี้ก็ถูกเผยแพร่สู่สาธารณ ชนทำเอาเจ้าตัวโวยวายรีบไปแย่งโทรศัพท์จากไอ้เคย์เพื่อลบรูปแต่มีหรือที่ไอ้ เคย์มันจะยอม มันรีบซุกโทรศัพท์ไว้ในเป้ากางเกงมันทันที อย่าหาว่าพวกผมสกปรกซกมกเลยนะครับ แต่พวกเราชอบทำอะไรแบบนี้แหละ ไอ้บัมพ์ก็พากเพียรพยายามลบรูปตัวเองถึงขั้นจะล้วงจู๋ไอ้เคย์เลยล่ะครับ ฮ่า เอาจริงๆ อย่างมากพวกเราก็เคยจับกันผ่านกางเกงเท่านั้นเอง สมัยมัธยมแกล้งบีบไข่กันเล่นเป็นประจำ
หมับ!
“หืม?” ขณะที่ทุกคนกำลังขำจนกลิ้งกับรูปน้องบีบี้ พี่อัตก็เอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้แล้วใช้มืออีกข้างกุมทันไว้อีกที
“ถ้า กูอยู่ในสถานการณ์ที่ไอ้ลุกซ์กำลังเจออยู่ตอนนี้ มึงจะเป็นห่วงกูและทำเพื่อกูขนาดนี้ไหมภีร์?” พี่อัตถามด้วยสีหน้าจริงจังปนเศร้า ผมมองหน้าพี่มันพลางนิ่งไป ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นนะ? ตัวเองทำให้ผมเจ็บปวดขนาดนั้นยังจะกล้าทำหน้าแบบนี้ถามคำถามน่าเจ็บปวดได้ อีก เห็นแก่ตัวจริงๆ
“ทุก คนต้องทำอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้อยู่แล้วล่ะครับ เพราะพี่...เป็นพี่ของพวกเรา” ผมบอกโดยพยายามทำตัวให้เย็นชา ที่จริงคำตอบของผมมันไม่ใช่แบบนี้หรอกครับ แต่ว่า...แค่ตอนนี้เท่านั้นที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมไม่อยากทำตัวเหมือนเดิมเพราะกลัวถอนตัวไม่ขึ้น
“แล้วในฐานะอื่นล่ะ?” หางคิ้วของพี่มันตกลง นัยย์ตาสั่นระริกจนผมต้องรีบหลบตา
ฟึ่บ
ผมดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมแล้วก้มหน้า “มันมีฐานะอื่นด้วยหรือไง?” ผมไม่ตอบคำถาม แต่คำพูดของผมคงทำให้พี่อัตรู้ตัว
“เข้าใจแล้วล่ะ” พี่อัตถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจนิดๆ เพื่อไม่ให้ใครสงสัยก่อนจะเดินออกจากบ้านของไอ้เคย์ไป
ผม มองด้วยอาการคันยิบๆ ในหัวใจ ผมใจดำไปหรือเปล่านะ? แต่แค่นี้มันยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำกับผมด้วยซ้ำ ในฐานะของคนรักกัน การที่เอาผู้หญิงมานัวเนียต่อหน้าผมว่ามันแย่ยิ่งกว่าการตัดรอนกันแบบนี้ซะ อีก ผมจะตัดรอนพี่มันก็ไม่แปลกหรอก เราเลิกกันแล้วนี่
“ทำ หน้าอย่างกับคนอกหักไปได้ บอกเลิกเขาเองนะมึงเนี่ย” รู้ตัวอีกทีทุกคนก็หยุดหัวเราะเรื่องไอ้บัมพ์แล้วหันมาสนใจผมแทน และเป็นไอ้กีร์นั่นเองที่เข้ามากอดคอแล้วขยี้ผมของผมซะยุ่งเหยิง
“พวก พี่นี่ปากไม่ตรงกับใจทุกคนเลยหรือเปล่าเนี่ย” ไอ้ขลุ่ยพูดขึ้นทำให้พวกเราได้แต่ยิ้มแหยๆ เพราะคงรู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว ช่างมันดีกว่า ตอนนี้เรื่องไอ้ลุกซ์สำคัญที่สุด
หลัง จากที่ประชุมวางแผนและแบ่งกลุ่มกันไปตามสืบศัตรูกลุ่มเป้าหมายที่คาดว่าจะมา ทำร้ายไอ้ลุกซ์กันเรียบร้อยโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้นพร้อมกับข่าวดีที่ว่าไอ้ ลุกซ์พ้นขีดอันตรายแล้วเหลือแค่รอมันฟื้นเท่านั้นเอง พวกเราเฮกันยกใหญ่อย่างโล่งใจ บางคนดีใจมากถึงขั้นร้องไห้ นอกจากนั้นพวกไอ้ลันยังตามมาสมทบเพื่อที่จะตามหาตัวคนร้ายมาลงโทษให้ได้อีก ด้วย แน่นอนครับว่าผมไม่ล้อเรื่องที่ไอ้ลันมันร้องไห้และไม่บอกคนอื่นๆ ด้วย ดูเหมือนว่าคนที่เห็นไอ้ลันร้องก็พร้อมใจกันปิดไม่ให้ใครรู้ แต่ก็นะ กำลังคนพร้อมขนาดนี้ผมว่าอีกไม่นานก็คงรู้ว่าใครเป็นคนทำอีกทั้งพอไอ้ลันมัน ตั้งสติได้มันก็พยายามนึกถึงคำพูดของไอ้ลุกซ์ที่บอกไว้ก่อนจะหมดสติซึ่งก็ เป็นประโยชน์มาก
พวก เราปล่อยลูกน้องให้ไปสืบกันอย่างเงียบๆ ได้เรื่องอะไรก็ให้มารายงานก่อน อย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลามเพราะพวกผมคิดว่าไอ้ลุกซ์มันคงอยากจะจัดการด้วยตัว เอง
“ถ้า สบายใจแล้วก็กลับบ้านไปพักผ่อนกันเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาจัดการต่อ” พี่อัตบอกพลางจูงมือผมไปที่รถของพี่มันเพื่อจะกลับบ้านโดยทิ้งรถของผมเอาไว้ ที่นี่
“แล้วพรุ่งนี้ไม่ไปทำงานเหรอ?” ผมถาม ตอนนี้ผมยอมสงบศึกกับพี่อัตแล้วครับ อย่างน้อยก็จนกว่าไอ้ลุกซ์จะออกจากโรงพยาบาล
“เดี๋ยวเข้าไปเช็คเอกสารกับสั่งงานแป๊บเดียว” พี่อัตบอกก่อนจะเปิดประตูรถให้
“ไปทำงานเถอะ ตรงนี้พวกเราจัดการกันได้” ผมบอกเมื่อพี่อัตเข้ามานั่งประจำที่คนขับเรียบร้อย
“ไม่ได้หรอก ไอ้ลุกซ์มันเป็นน้องกู อีกอย่าง...มันเป็นเพื่อนรักของมึง กูจะมาช่วยด้วย” พี่อัตบอกแล้วสตาร์ทรถออกไปทันที
“แล้วแต่” ผมยักไหล่ก่อนจะเอนหัวพิงกระจกแล้วหลับตาลงเพื่อพักสายตา
“ถ้ากูเป็นอย่างนั้นบ้าง มึงจะร้องไห้เสียใจแบบนี้ไหมภีร์?”
กะ จะแค่พักสายตาแต่สุดท้ายผมก็หลับจนได้ ตื่นขึ้นมาอีกทีผมก็มานอนอยู่ในห้องนอนของพี่อัตที่ผมเคยนอนซะแล้ว กะจะบอกให้พี่มันไปส่งที่คอนโดซักหน่อยแต่ดันหลับเพลินจนลืมซะได้ เฮ้อ เอาเถอะ มาอยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าอยู่คนเดียวที่คอนโดผมอาจจะฟุ้งซ่านจนไม่เป็นอันทำอะไรก็ได้
“เป็นไงบ้าง? ดีขึ้นไหม?” พี่อัตที่เปิดประตูเข้ามาในห้องถามพลางเดินมานั่งข้างๆ ผมที่กำลังนอนอยู่
“อืม” ผมพยักหน้านิดๆ ได้นอนพักหลังจากรับรู้เรื่องเครียดๆ มาเยอะมันก็ดีเหมือนกัน
“หิวหรือยัง?” พี่อัตถาม
“ยัง เพิ่งตื่น” ผมบอกก่อนจะค่อยๆ ขยับลุกขึ้นมานั่งพิงหัวเตียง
“ไหวไหมเนี่ย? ดูมึงเพลียๆ นะ” พี่อัตเอามือมาอังที่หน้าผากของผมก่อนจะถามเสียงเบา
“ไม่ รู้ อย่าถามมากได้ไหม ปวดหัว ไม่อยากคิดอะไร” ผมตอบก่อนจะเหวี่ยงใส่พี่มันเบาๆ อย่ามากวนคนเพิ่งตื่นสิวะ เพิ่งตื่นใหม่ๆ ผมมักจะหงุดหงิดเสมอ ใครมากวนใจเวลาผมตื่นมักจะถูกผมเหวี่ยงใส่ตลอด พวกไอ้เคย์โดนกันมาแล้วทุกคน โดนบ่อยสุดคือไอ้กีร์เพราะตอนม.ปลายผมกับมันอยู่หอห้องเดียวกัน
“โอ เคๆ งั้นเดี๋ยวกูไปบอกแม่ครัวให้ทำของชอบของมึงเอาไว้ให้นะ” พี่อัตยกมือขึ้นทำท่ายอมแพ้ก่อนจะลุกออกจากห้องไปเพื่อไปทำตามที่เขาพูดเอา ไว้ ผมมองตามแผ่นหลังของพี่อัตก่อนจะถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนพักสายตาต่อ แต่ไม่ได้หลับ
ผม พักสายตาเกือบครึ่งชั่วโมงก่อนจะลุกไปอาบน้ำเพื่อทำให้ตัวเองสดชื่นขึ้นมา บ้าง หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยผมก็เดินลงไปข้างล่างเพื่อไปหาอะไรกิน เริ่มหิวขึ้นมาซะแล้วล่ะ
“คุณ ภีร์ของป้า วันนี้ป้าทำแต่ของชอบของคุณภีร์เลยนะคะ” ป้าอวบที่เป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่เดินเข้ามาหาผมแล้วกอดผมเบาๆ อย่างคิดถึง คงจะรู้เรื่องที่ผมเลิกกับพี่อัตล่ะสินะถึงมีท่าทางห่วงหาผมขนาดนี้ทั้งๆ ที่ผมเพิ่งออกจากบ้านไปได้ไม่นาน
“ขอบ คุณมากนะครับป้าอวบ ผมชอบอาหารของป้าอวบที่สุดเลยครับ” ผมกอดป้าอวบบ้างก่อนจะยิ้มเอาใจคนสูงวัย ป้าอวบยิ้มให้ผมก่อนจะพาผมไปนั่งที่โต๊ะทานข้าว
“อ้าว ลงมาพอดี” พี่อัตที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านทักขึ้น
“ป้า จะงอนคุณอัตแล้วนะคะถ้าคุณอัตไม่เอาคุณภีร์คืนมา” ป้าอวบหันไปมองพี่อัตก่อนจะพูดเสียงกระเง้ากระงอดตามประสาคนแก่ขี้งอนที่แสน จะน่ารัก
“มึงว่าไงล่ะภีร์ ป้าอวบโกรธกูแล้วนะ” พี่อัตหันมามองผมอย่างขอความเห็น
“แค่ ช่วงนี้เท่านั้น” ผมด้วยด้วยสีหน้าจริงจังจนพี่อัตหน้าเจื่อนไป ส่วนป้าอวบก็ทำหน้าหม่นๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในครัว ผมไม่ได้อยากให้ป้าอวบเสียใจแต่ผมก็ไม่อยากกลับไปตกนรกแบบนั้นอีกแล้ว ผมเสียใจเพราะพี่อัตมามากพอแล้ว
ผม ยืนจ้องหน้ากับพี่อัตอยู่ครู่ใหญ่ก่อนที่พี่อัตจะยอมแพ้แล้วเดินมานั่งกิน ข้าวกันเงียบๆ พวกเราไม่มีใครพูดอะไรอีก และผมคิดว่าการเชียร์ให้ผมกับพี่อัตกลับไปคืนดีกันคงกลายเป็นสิ่งต้องห้าม ของบ้านนี้ไปโดยปริยาย
วัน ต่อมาผมก็ไปดักซุ่มดูพฤติกรรมของมือขวาของพ่อเจ๊เปรียวพร้อมกับพวกเพื่อนๆ ที่ต้องมาดูเพราะพวกเรายังไม่ไว้ใจว่าพ่อเจ๊จะหยุดหาเรื่องให้ไอ้ลุกซ์ปวด หัวหรือยัง ยิ่งงานแต่งงานของเจ๊กับแฟนยังมาไม่ถึงยิ่งไม่น่าไว้ใจ
“เป็นไงบ้างวะพวกมึง?” พี่อัตที่เพิ่งตามมาสมทบทีหลังถามขึ้นก่อนจะหยิบเมนูอาหารขึ้นมาดูเพื่อสั่ง
พวก เรามาซุ่มดูมือขวาของพ่อเจ๊กันที่ร้านอาหารครับ เมียมือขวาคนนี้เป็นเจ้าของร้านอาหาร ถ้าไม่มีงานอะไรมือขวาคนนี้จะมาอยู่กับเมียน่ะครับ ที่มากันที่นี่พวกผมปลอมตัวกันมาถ้วนหน้าเลยครับเพราะมือขวาน่าจะรู้จักพวก ผมพอสมควร
ผม ปลอมตัวด้วยการติดหนวดกับใส่แว่นที่เหมือนแว่นสายตา ไอ้บัมพ์ใส่วิกผมยาวและแต่งตัวเป็นกะเทยควายส่วนไอ้กีร์แต่งเป็นอาแปะแก่ๆ ที่เป็นพ่อของไอ้บัมพ์ครับ มันอาจจะดูเว่อร์ไปแต่พวกเราแต่งกันไม่เยอะจนดูผิดสังเกตุหรอกนะครับ
“ซี้ซั้วต่า! ลื้อมาพูดคำหยาบกับอั๋วทำไม?” ไอ้กีร์แกล้งพูดด่าพี่อัตที่พูดกูมึงกับพวกเรา
“อ่า...” พี่อัตทำหน้าเหลอหลาอย่างงงๆ
“ว้าย ตายแล้ว อาป๊าขา คนนี้แหละค่าเพื่อนสาวหนูเอง เขามาช่วยยืนยันว่าอาเฮียภีร์เป็นคนดีน่ะค่ะ” ไอ้บัมพ์รีบพูดขึ้นเสียงดังแล้วทำเป็นจีบปากจีบคอใส่พี่อัต ไอ้อัตก็เหวอสิครับ ผมกลัวจะเสียเรื่องก็เลยกระทืบเท้าพี่มันแรงๆ เพื่อให้ทำตามที่ไอ้บัมพ์มันแต่งเรื่อง
เรื่อง มันมีอยู่ว่า ผมกับไอ้บัมพ์แกล้งเป็นแฟนกันครับ และไอ้บัมพ์กำลังพาผมมาให้ไอ้กีร์ที่เป็นพ่อดูตัวซึ่งไอ้กีร์มันไม่ชอบผมและ ไม่อยากให้ไอ้บัมพ์เป็นตุ๊ดก็เลยมีท่าทางโมโห ส่วนไอ้พี่อัตเป็นส่วนเกินที่ไม่คาดหมาย คงไปถามจากไอ้เคย์ล่ะมั้งว่าพวกเราอยู่ที่ไหน ส่วนไอ้เคย์ไม่ได้ปลอมตัวครับ ไอ้เหี้ยนั่นปลอมยังไงก็ดูออกว่าเป็นมันก็เลยให้มันนั่งอยู่ในรถเผื่อมีอะไร ฉุกเฉิน
“ลื้อเป็นตุ๊ดเหรออาตี๋?” ไอ้กีร์บีบเสียงแหลมๆ พูดโทนเสียงของอาแปะร้านข้าวมันไก่ถามพี่อัตพลางขยิบตายุกยิกเพื่อให้พี่อัตรับมุก
“อะ...ใช่ ค่ะใช่ หนูเป็นเพื่อนของลูกแปะเองค้า” พี่อัตที่นั่งอยู่ข้างผมทำท่าดัดจริตแบบเก้ๆ กังๆ ตอบไป ผมมองท่าทางของพี่มันแล้วกลั้นขำสุดความสามารถ คนอื่นๆ ก็ขำนะครับแต่พยายามเก็บอาการสุดฤทธิ์
“ไอ้บัมพ์ชื่อบีบี้” ผมเอามือปิดปากแล้วพูดออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ
“อย่าขำกูดิ ทำไมกูต้องมาทำท่าแต๋วแบบนี้ด้วยวะ?” พี่อัตเอามือปิดปากแล้วบ่นเสียงเบา
“อา ป๊าครับ น้องแองจี้เป็นน้องชายของผมเองครับ” ผมพูดกับไอ้กีร์ทำเอาไอ้บัมพ์ต้องรีบปิดปากเพราะมันกลั้นขำจนหน้าแดงก่ำ ส่วนพี่อัตก็เอ๋อแดกกับชื่อที่ผมตั้งให้
“น้อง ลื้อเหรอ? แล้วลื้อเป็นเพื่อนกับอาบีบี้เรอะอาตี๋?” ไอ้กีร์พูดเสียงโทนแหลมกลั้วเสียงหัวเราะ มันกลั้นหัวเราะจนหน้าแดงตามไอ้บัมพ์ไปแล้ว
“ครับ เอ้ย ค่ะ” พี่อัตพยักหน้าตอบ
“เฮ้ย พอเถอะว่ะ กูขำจนขี้แทบเล็ดแล้วเนี่ย” ไอ้บัมพ์โน้มตัวลงไปซบกับโต๊ะก่อนจะพูดเสียงเบาเพื่อให้ได้ยินเฉพาะกลุ่มของ พวกเรา ตอนนี้ตัวทุกคนสั่นระริกจนแทบจะระเบิดออกมาแล้วล่ะครับ ขำจริงจังเลยงานนี้ ลำพังไอ้บัมพ์ทำตัวเป็นตุ๊ดพวกผมก็ฮาขี้แตกแล้วครับ ยิ่งพี่อัตมาทำแบบนี้ด้วยพวกผมยิ่งขำกันจนแทบหลุดหัวเราะ อยากถ่ายคลิปเก็บไว้ชะมัด
“ได้ ทีเอาใหญ่เลยนะภีร์” พี่อัตยื่นหน้ามาพูดเสียงเบาๆ ผมหรี่ตามองพี่มันก็จะทำหน้าบึ้ง ถ้าไม่อยากให้ผมขำผมก็จะไม่ขำ “อ่า...โทษๆ ไม่ได้หมายความว่าไม่อยากให้หัวเราะซักหน่อย” พี่อัตรีบแก้ตัวเมื่อผมทำหน้าบึ้งใส่ อ่า...พี่อัตช่วงนี้กลับมาทำตัวน่ารักเหมือนเมื่อก่อนเลยแฮะ ไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงเพราะอยากจะง้อขอคืนดีหรือแค่ผูกพันจนไม่ สามารถเห็นผมในสภาพเสียใจอย่างหนักไม่ได้กันแน่ แต่ก็นะ...ถ้าไม่อยากให้ผมเสียใจพี่อัตไม่ควรนอกใจผมตั้งแต่แรก
“ลื้อจะกินอะไรอาหนู เลือกๆ” ไอ้กีร์พูดกับพี่อัตเพราะตอนแรกพี่มันดูเมนูเหมือนอยากจะกินแต่ตอนนี้พี่มันได้แต่นั่งก้มหน้า
“หนู กินกับอาเฮียก็ได้ค่ะ” พี่อัตพูดเสียงใหญ่ๆ พลางแอบเนียนมากอดแขนผม ผมสะดุ้งทำท่าจะผลักพี่อัตออกแต่เพราะสายตาเพื่อนๆ กดดันไม่ให้ผมทำอย่างนั้นผมจึงยอมนั่งนิ่งๆ
RRRRRRR
ขณะ ที่พวกเรานั่งรออาหารและสังเกตมือขวาพ่อเจ๊เปรียวไปด้วยโทรศัพท์ผมก็ดัง ขึ้น ผมรีบเอาออกมาดูก็พบว่าเป็นไอ้เคย์นั่นเอง มันอาจจะหิวจนไส้กิ่วก็เลยโทรมาล่ะมั้ง
“เออ ว่าไง?” ผมทัก
[กูว่าพ่อเจ๊ไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องว่ะ เมื่อกี้ไอ้ชิตโทรมาบอกว่าคนที่มันตามอยู่เริ่มมีการเคลื่อนไหวอะไรแปลกๆ] ไอ้ เคย์บอกเสียงนิ่ง อย่าบอกนะว่าไอ้เคย์มันเริ่มอยากลุยกับคนที่ทำร้ายไอ้ลุกซ์แล้ว ไม่นะไม่ มึงอย่าเพิ่งอยากลุยตอนนี้นะเคย์ กูกลัวว่ะ
“แล้วจะเอาไงต่อ?” ผมถามเสียงกล้าๆ กลัวๆ กลัวไปปลุกอารมณ์ให้มันฮึกเหิมน่ะสิ
[ก็ไม่เอาไงต่อ...] ไอ้เคย์พูดเสียงเย็นจนผมเริ่มใจสั่น [กูหิวว่ะ ขอไปนั่งกินข้าวด้วยคนน้า] ควย!! กูนึกว่าอยากจะลุยซะตอนนี้ ที่ไหนได้ เสือกหิว แล้วแม่งถ้าจะพูดเสียงออดอ้อนแบบนี้แล้วมึงจะพูดเสียงเย็นทำเหี้ยอะไรตั้งแต่ตอนแรกวะ!?! ตกอกตกใจหมด
“เออๆ มากินดิ แสดงว่าตอนนี้พวกเราทำตัวปกติได้แล้วใช่ไหม?” ผมบอกแล้วถาม ตอนนี้ไอ้เคย์คงกำลังเตรียมตัวลงจากรถเพราะผมได้ยินเสียงมันดับเครื่องยนต์
[เดี๋ยวๆ กูขอถ่ายรูปไอ้บัมพ์กับไอ้กีร์ก่อนนะ อิ๊ๆ] ไอ้เคย์หัวเราะอย่างตื่นเต้นเหมือนเด็กๆ ผมจึงหัวเราะตามมันก่อนจะวางสายไป
“ไอ้เคย์ว่าไงบ้าง?” ไอ้กีร์ที่ทำหน้าสอดรู้สอดเห็นถามอย่างตื่นเต้น
“ก็ไม่ว่าไง มันบอกจะมากินข้าวด้วย แล้วก็บอกว่าไม่ต้องตามลูกน้องพ่อเจ๊แล้ว ไอ้ชิตมันตามกลิ่นเจอคนน่าสงสัยแล้ว” ผมบอก
“งั้น กูก็ไปเปลี่ยนชุดลบหน้าได้แล้วดิวะ” ไอ้บัมพ์ทำหน้าดีใจพลางลุกขึ้นยืนแต่ผมรีบคว้าข้อมือมันเอาไว้แล้วมองหน้า มันด้วยสายตาเจ้าเล่ห์
“อย่า เพิ่งสิจ๊ะน้องบีบี้ เพื่อนเฮียอยากถ่ายรูปหนู ฮ่าๆ” ผมพูดก่อนจะหัวเราะร่าเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ไอ้เคย์เดินกดโทรศัพท์ หัวเราะเข้ามา
“เฮ้ย! เหี้ยเคย์! มึงถ่ายเหี้ยอะไรไป?” ไอ้บัมพ์คำรามถามเสียงต่ำมุดดินจนลูกค้าในร้านและพนักงานพร้อมใจกันหันมามอง พวกเราอย่างสงสัย แต่ในความสงสัยนั้นก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ คงกำลังขำกะเทยควายอย่างไอ้บัมพ์ล่ะมั้งครับ
“เปล่า จ้ะน้องบีบี้ มาๆ มานั่งกินข้าวกับเฮียสุดหล่อดีกว่านะ เฮียภีร์ไม่หึงใช่มะ?” ไอ้เคย์รีบเก็บโทรศัพท์ของมันลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินไปโอบไหล่ไอ้บัมพ์ ที่กำลังยืนทำหน้าถมึงทึงอยู่ การกระทำเช่นนั้นของมันทำให้มีเสียงกรี๊ดและเสียงนินทาดังระงมร้านเลยครับ ฮ่าๆ โคตรฮา
“ไม่หึงๆ เฮียยกให้” ผมรับมุก
“จะ หึงได้ไงล่ะคะเฮีย ก็ผัวเฮียนั่งอยู่ข้างๆ นี่คะ” ไอ้บัมพ์เอาคืนผมจนผมเงิบและเลือกที่จะหุบปากครับ ผมไม่รู้ว่าสายตาของคนอื่นๆ จะมองพวกเรายังไงแต่ตอนนี้ผมโคตรอยากมุดดินหนีความอายชะมัด
เฮ้ย! นี่พวกกูไม่ได้มาโชว์ตลกในร้านอาหารนะเฟ้ย!!
45% left
หลัง จากทานอาหารกันอย่างอลหม่านกันเรียบร้อยพวกเราก็กลับบ้านไปโดยที่ไม่เสีย เงินค่าอาหารซักกะบาท ทำไมน่ะหรือ? เรามากับใครล่ะครับ? เจ้าของกิจกรรมร้อยล้านพันล้านเลยนะ อีกทั้งมือขวาของพ่อเจ๊ยังลดราคาให้เป็นพิเศษอีกด้วย
กิน อิ่มกันพุงปลิ้นพวกเราก็ไปสุมหัวอยู่บ้านไอ้เคย์ครับ ไปรอฟังข่าวอยู่ที่นั่น พวกไอ้ลันก็มาสมทบกันทีหลังเพราะก่อนหน้านี้ไอ้ลันมันไปเฝ้าไอ้ลุกซ์ที่โรง พยาบาล แหม...พอพี่ไม่รู้สึกตัวนี่ทำตัวเป็นน้องที่น่ารักเชียว ฮึๆ
“ไอ้ ลุกซ์เป็นไงบ้าง?” ไอ้เคย์ถามขึ้นหลังจากพวกไอ้ลันมานอนกลิ้งที่พื้นพรมในห้องนั่งเล่น พวกไอ้ลันมันมากันแค่สามคนครับ ไม่มีใครหิ้วเมียมาซักคน แหม...น่าเสียดาย เมียพวกมันแต่ละคนหน้าตาน่ารักกันทั้งนั้น เอิ่ม...ยกเว้นไอ้คิมไว้คนหนึ่ง มันหล่อเกินจะมองว่าน่ารักแล้ว
“ก็ ปกติ แต่ยังไม่ฟื้น บาดแผลภายนอกก็หนักเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน” ไอ้ลันพูดขณะกดโทรศัพท์ยิกๆ คิดว่าคงตอบไอ้เคย์ไปด้วยคุยกับเมียไปด้วยล่ะมั้ง แหม...ห่างกันไม่ได้เลยนะพวกมึงเนี่ย
“แสดงว่าไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสินะ” ไอ้กีร์เอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วเงยหน้ามองเพดานอย่างคิดไม่ตก
“ไม่ตายก็บุญโขแล้ว” ไอ้ลันพูดพลางทำหน้าหม่นๆ ปากดีไปเถอะไอ้หนู ถ้าพี่มึงไม่ฟื้นขึ้นมามึงคนแรกนั่นแหละที่จะร้องไห้
“เฮ้ย พวกมึง! ไอ้ชิตติดต่อมาแล้วว่ะ!” เสียงโทรศัพท์ไอ้เคย์ดังขึ้นเพราะกับคำบอกที่น่าตื่นเต้น พวกเราทุกคนนิ่งและเงียบรอฟังสารจากไอ้ชิต “เออ...ว่าไงนะ? แน่ใจแล้วใช่ไหมว่าเจอตัวแล้ว...อืม ซุ่มดูกันต่อไป...อย่าเพิ่งทำอะไรผลีผลาม...ตามสืบดูจนกว่าจะแน่ใจว่าพวกมัน มีอะไรบ้าง สืบที่อยู่ของมันทุกที่ เอาชนิดที่ว่ามันจะไปกบดานที่ไหนเราจะสามารถรู้ได้ทันที ทะเบียนรถ ครอบครัวของพวกมันทุกคน...อืม แล้วพวกกูจะจัดการมันเอง ขอบใจ” ไอ้เคย์พูด พวกเราต่างก็พยายามเงี่ยหูฟังความจากปลายายแต่ก็ไม่ได้ยิน สุดท้ายก็ต้องรอไอ้เคย์มันแถลงข้อความ
“ว่าไงบ้างมึง?” ไอ้กีร์ขมวดคิ้วถามอย่างใจจดใจจ่อ
“มั่น ใจแล้วว่าใครเป็นคนก่อเรื่องนี้ เป้าหมายที่ไอ้ชิตตามซุ่มดูมันโผล่หางแล้ว” ไอ้เคย์กำโทรศัพท์ในมือแน่นด้วยท่าทางโกรธแค้น อ่า...หมอนี่มันโกรธทีไรได้เรื่องทุกทีสิน่า ไม่อยากเห็นคนใจดีอย่างมันโกรธเลย ไม่ชินซักที
“ไอ้จักร!” ไอ้บัมพ์สบถชื่อของตัวต้นเหตุออกมาโดยไม่ต้องให้ไอ้เคย์บอกเลยว่าเป็นใคร เพราะเรารู้กันอยู่แล้วว่ากลุ่มไหนประกบเป้าหมายคนไหน ถ้าคนที่ไอ้ชิตตามคือพี่จักร แสดงว่ามันเป็นคนร้าย
“พี่จักรที่เคยจีบไอ้เปอร์ใช่ไหม? ทำไมคนคนนั้นเป็นคนร้ายล่ะ?” ไอ้ไทถามขึ้นอย่างสงสัย
“พวก มึงอาจจะไม่รู้ สมัยมัธยมไอ้ลุกซ์มันนิสัยแย่มาก ใครที่มันเกลียดมันจะไม่พูด ไม่คุย ไม่มองหน้า ถ้าคนคนนั้นมาวุ่นวายกับมันมันจะกำจัดซะ ไม่ได้ทำให้หายไปจากโลกนี้ แต่ทำให้อับอายจนไม่อยากอยู่เลยล่ะ” ไอ้เคย์ถอนหายใจพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาแล้วเล่าด้วยน้ำเสียงเอือมระอา ใช่ ไอ้ลุกซ์มันเป็นคนอย่างนั้นแหละ กับคนที่เกลียดมันจะไม่ไยดีเลย แต่กับไอ้เปอร์ไม่ใช่ ปากบอกว่าเกลียดแต่การกระทำมันไม่ใช่เลย ถ้ามันเกลียดมันจะไม่ให้อยู่ใกล้มันเลยล่ะ แต่กับไอ้เปอร์ มันทำอย่างกับละครเรื่องจำเลยรัก ฮ่าๆ
“ใช่ๆ ไม่มีใครอยากเป็นศัตรูกับมันหรอก” ไอ้กีร์พยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของไอ้เคย์
“สำหรับ ไอ้ลันคงรู้จักไอ้จักรในฐานะพนักงานของโรงแรมแม่ ตอนนั้นไอ้จักรมันอยากประจบป้าวิด้วยการมาเอาใจไอ้ลุกซ์แต่ไอ้ลุกซ์มัน เกลียดหมอนั่นก็เลยพยายามตีตัวออกห่าง แต่ก็นะ...หมอนั่นไม่ยอมเลิกราไอ้ลุกซ์ก็เลยรวมหัวกับพนักงานที่ไม่ชอบไอ้ จักรจัดการมันซะโดยจ้างให้ผู้ชายขายตัวไปข่มขืนมัน แน่นอนว่าไอ้ลุกซ์มันต้องจัดการไม่ให้ไอ้จักรขยับตัวได้ป้องกันการหนี สาเหตุนั้นไอ้จักรก็เลยหายหน้าไป พวกเรามาเจอมันอีกทีก็พบว่ามันเป็นเกย์ไปแล้ว” ไอ้เคย์เล่า พวกน้องๆ กับพี่อัตตั้งใจฟังอย่างกับกำลังฟังนิยายก่อนนอน คงเป็นนิทานที่โหดจนเด็กนอนไม่หลับเลยล่ะมั้งครับ ส่วนพวกเราที่เป็นเพื่อนกันรู้เรื่องนั้นอยู่แล้วล่ะ
“...” ทุกคนตั้งใจฟังกันโดยไม่พูดไม่ขัดอะไรเลยซักคำ
“ตอนพวก กูกับไอ้ลุกซ์อยู่ที่อเมริกา พวกเราไปเจอไอ้จักรโดยบังเอิญ ตอนนั้นต่างคนก็ต่างไม่ได้คิดอะไรกัน กูคิดว่าอย่างนั้น จนกระทั่งไอ้จักรนัดไอ้ลุกซ์ไปเคลียร์เรื่องราวในอดีต ไม่รู้ไปเคลียร์อิท่าไหน ไอ้ลุกซ์ถึงถูกไอ้จักรจับไปหวังจะข่มขืน...”
“ฮะ!?!?!” พอไอ้เคย์เล่าถึงตรงนี้พวกเราก็พากันแหกปากร้องเสียงดังอย่างตกใจ ไอ้ลุกซ์เนี่ยนะโดนข่มขืน!? เหี้ย!!! ไม่จริงอ่ะ!!!
“เฮ้ย ฟังก่อน กูไอ้คิทแฟนไอ้คิทแล้วก็ไอ้ลันไปช่วยทันเว้ย” ไอ้เคย์รีบบอกทำให้พวกผมถอนหายใจกันอย่างโล่งอก
“เหี้ยละ ไอ้ลุกซ์เนี่ยนะจะโดนถล่มประตูหลัง คิดแล้วขนลุกว่ะ” พี่อัตพูดพลางทำหน้าแหยงๆ
“ไม่หรอก เห็นไอ้ลุกซ์มันพูดทีหลังว่า ไอ้เหี้ยจักรมันจะให้ไอ้นั่นกูเข้าตูดมันว่ะ มัน พูดด้วยท่าทางหลอนๆ เลยล่ะ คิดแล้วก็ขำ” ไอ้เคย์พูดด้วยการเลียนแบบเสียงและท่าทางของไอ้ลุกซ์ไปด้วยทำให้พวกเรา หัวเราะกันอย่างฮาๆ แต่สักพักก็ต้องหุบปากกันเพราะหน้าไอ้เคย์กลับไปเครียดอีกครั้ง “ไอ้จักรมันสารภาพว่ารักไอ้ลุกซ์ อารมณ์ประมาณทั้งรักทั้งแค้นล่ะมั้ง ก่อนที่พวกเราจะแยกกันมันประกาศเอาไว้ว่าถ้ามันไม่ได้ก็อย่าหวังว่าใครจะได้ และบังคับให้ไอ้ลุกซ์เลิกยุ่งกับเปอร์ไม่อย่างนั้นมันจะจัดการเปอร์ซะ นั่นเป็นเหตุผลที่ไอ้ลุกซ์ทำตัวห่างเหิน ช่วงนั้นมันต้องอยู่อเมริกาไม่ได้กลับไทยในขณะที่ไอ้จักรกำลังจะกลับทำให้ ไอ้ลุกซ์ต้องยอมรับข้อตกลงที่ว่าจะไม่ยุ่งกับเปอร์น่ะสิ สุดท้ายไอ้ลุกซ์มันคงห้ามตัวเองไม่ให้ยุ่งกับเปอร์ได้ไอ้จักรมันถึงได้ทำ อะไรแบบนี้” ไอ้เคย์ยกมือขึ้นกุมขมับพลางพูดเสียงเครียด พวกผมที่เพิ่งรู้เรื่องก็ต่างทำหน้าเครียดไปตามๆ กัน ผมไม่เคยรู้เรื่องที่ไอ้เคย์มันเล่าเลย คิดว่าคนอื่นๆ ก็เช่นกัน
“เรื่องนั้นผมก็รู้” ไอ้ลันพูดขึ้นทำให้ทุกสายตาจับจ้องไปที่มัน
“ทำไม มีแต่พวกกูที่ไม่รู้วะเคย์?” ผหันไปมองหน้าไอ้เคย์ด้วยสายตาคาดคั้นปนน้อยใจ บางทีผมก็รู้สึกว่าไอ้ลุกซ์มีอะไรก็บอกแต่ไอ้เคย์ เข้าใจอยู่หรอกว่าพวกมันสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก อยู่ด้วยกันตลอดแต่พวกเราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง แต่ที่น่าเห็นใจสุดก็คงจะเป็นไอ้กีร์ มันเองก็เป็นเพื่อนตั้งแต่เด็กของสองคนนั้นแต่มันกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย
“ไม่ ใช่ว่าพวกกูไม่อยากบอกพวกมึงนะเว้ย เราทุกคนก็รู้ว่าไอ้ลุกซ์มีปัญหาอะไรมันไม่ชอบบอก ที่กูกับไอ้ลันรู้เพราะอยู่ในเหตุการณ์ ไอ้ลุกซ์มันอยากจะจัดการเงียบๆ กูไม่เห็นด้วยหรอกแต่มันเป็นความต้องการของไอ้ลุกซ์มันนี่หว่า” ไอ้เคย์พูดเสียงเครียด ผมเข้าใจ ไอ้ลุกซ์ก็คือไอ้ลุกซ์ ชอบทำเหมือนตัวเองจัดการทุกอย่างได้ด้วยตัวคนเดียวเสมอ โอเค มันจัดการได้ แต่มันน่าจะคิดถึงคนข้างหลังซะบ้างว่าเขาจะเป็นห่วงมากแค่ไหน
“มันฟื้นเมื่อไหร่เจออบรมยาวแน่ นิสัยแบบนี้แหละเมียถึงหนี ฮึ!” ไอ้บัมพ์ที่นานๆ ทีจะโกรธเพื่อนเป็นเรื่องเป็นราวกอดอกทำหน้าโกรธใหญ่เลย
“รอแผลมันหายค่อยกระทืบสั่งสอนมันอีกที” ไอ้กีร์พูดพลางหักนิ้วมือดังกรอบ
“เอาให้เข้าโรงพยาบาลอีกรอบเลยยิ่งดี” ไอ้เคย์พยักหน้าเห็นด้วย
“กู จองหน้ามันนะ หล่อดีนัก เอาให้ยับเลยแม่ง” ผมพูดทำให้มีเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างสนุกสนานกับแผนการเอาคืนนิสัยแย่ๆ ของไอ้ลุกซ์ เฮ้อ ถ้าได้ข่าวว่ามันฟื้นพวกเราคงจะหัวเราะได้ดังกว่านี้
“โหด จังเลยนะ ถ้าจะกระทืบกูเพื่อเอาคืนล่ะก็...อย่าต่อยหน้านะเว้ย” พี่อัตที่นั่งอยู่ข้างผมเอาศอกมากระแซะที่เอวอย่างหยอกเย้าทำให้ผมหันขวับไป มองพี่มันตาขวาง
“เสียมือ” ผมเบ้ปากใส่พี่อัตก่อนจะเบือนหน้าหนีทำให้คนอื่นๆ ขำพวกเรา
“งอนผัวนานๆ เดี๋ยวเขาก็ทิ้งเอาหรอก” ไอ้กีร์แซว
“จะ ว่าไป พวกเราทั้งหมดในที่นี้...มีมึงคนเดียวนะเว้ยที่เป็นเมียอยู่คนเดียว ฮุๆ เหมาะดีเหมือนกัน” ไอ้บัมพ์ทำหน้าเจ้าเล่ห์พลางปิดปากหัวเราะ
“อีบีบี้! หุบปากไปเลยอีตุ๊ดยักษ์!” ผมชี้หน้าไอ้บัมพ์ด้วยท่าทางโกรธจัด แซวได้แซวไป ไอ้แก่กินเด็กเอ๊ย! เดี๋ยวกูแม่งยุให้ไอ้ไทขัดขวางความรักของมึงกับน้องทิวาซะเลยนี่!
“ฮ่าๆๆ” พวกเราส่งเสียงหัวเราะกันเป็นบ้าเป็นหลังแต่พวกเด็กๆ มันไม่เข้าใจว่าชื่อบีบี้มาได้ยังไง
“เดี๋ยว จะให้ดูน้องบีบี้ ทุกคนเปิดอินสตาร์แกรมด่วน” ไอ้เคย์ยิ้มสนุกพลางกดโทรศัพท์ตัวเองยิกๆ ด้วยความไวแสงชนิดที่ไอ้บัมพ์ตั้งตัวไม่ทัน เพียงไม่กี่วินาทีรูปไอ้บัมพ์ที่แต่งตัวเป็นน้องบีบี้ก็ถูกเผยแพร่สู่สาธารณ ชนทำเอาเจ้าตัวโวยวายรีบไปแย่งโทรศัพท์จากไอ้เคย์เพื่อลบรูปแต่มีหรือที่ไอ้ เคย์มันจะยอม มันรีบซุกโทรศัพท์ไว้ในเป้ากางเกงมันทันที อย่าหาว่าพวกผมสกปรกซกมกเลยนะครับ แต่พวกเราชอบทำอะไรแบบนี้แหละ ไอ้บัมพ์ก็พากเพียรพยายามลบรูปตัวเองถึงขั้นจะล้วงจู๋ไอ้เคย์เลยล่ะครับ ฮ่า เอาจริงๆ อย่างมากพวกเราก็เคยจับกันผ่านกางเกงเท่านั้นเอง สมัยมัธยมแกล้งบีบไข่กันเล่นเป็นประจำ
หมับ!
“หืม?” ขณะที่ทุกคนกำลังขำจนกลิ้งกับรูปน้องบีบี้ พี่อัตก็เอื้อมมือมาจับมือผมเอาไว้แล้วใช้มืออีกข้างกุมทันไว้อีกที
“ถ้า กูอยู่ในสถานการณ์ที่ไอ้ลุกซ์กำลังเจออยู่ตอนนี้ มึงจะเป็นห่วงกูและทำเพื่อกูขนาดนี้ไหมภีร์?” พี่อัตถามด้วยสีหน้าจริงจังปนเศร้า ผมมองหน้าพี่มันพลางนิ่งไป ทำไมถึงทำหน้าแบบนั้นนะ? ตัวเองทำให้ผมเจ็บปวดขนาดนั้นยังจะกล้าทำหน้าแบบนี้ถามคำถามน่าเจ็บปวดได้ อีก เห็นแก่ตัวจริงๆ
“ทุก คนต้องทำอย่างที่ทำอยู่ตอนนี้อยู่แล้วล่ะครับ เพราะพี่...เป็นพี่ของพวกเรา” ผมบอกโดยพยายามทำตัวให้เย็นชา ที่จริงคำตอบของผมมันไม่ใช่แบบนี้หรอกครับ แต่ว่า...แค่ตอนนี้เท่านั้นที่พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน ผมไม่อยากทำตัวเหมือนเดิมเพราะกลัวถอนตัวไม่ขึ้น
“แล้วในฐานะอื่นล่ะ?” หางคิ้วของพี่มันตกลง นัยย์ตาสั่นระริกจนผมต้องรีบหลบตา
ฟึ่บ
ผมดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมแล้วก้มหน้า “มันมีฐานะอื่นด้วยหรือไง?” ผมไม่ตอบคำถาม แต่คำพูดของผมคงทำให้พี่อัตรู้ตัว
“เข้าใจแล้วล่ะ” พี่อัตถอนหายใจก่อนจะลุกขึ้นยืน บิดขี้เกียจนิดๆ เพื่อไม่ให้ใครสงสัยก่อนจะเดินออกจากบ้านของไอ้เคย์ไป
ผม มองด้วยอาการคันยิบๆ ในหัวใจ ผมใจดำไปหรือเปล่านะ? แต่แค่นี้มันยังเทียบไม่ได้กับสิ่งที่เขาทำกับผมด้วยซ้ำ ในฐานะของคนรักกัน การที่เอาผู้หญิงมานัวเนียต่อหน้าผมว่ามันแย่ยิ่งกว่าการตัดรอนกันแบบนี้ซะ อีก ผมจะตัดรอนพี่มันก็ไม่แปลกหรอก เราเลิกกันแล้วนี่
“ทำ หน้าอย่างกับคนอกหักไปได้ บอกเลิกเขาเองนะมึงเนี่ย” รู้ตัวอีกทีทุกคนก็หยุดหัวเราะเรื่องไอ้บัมพ์แล้วหันมาสนใจผมแทน และเป็นไอ้กีร์นั่นเองที่เข้ามากอดคอแล้วขยี้ผมของผมซะยุ่งเหยิง
“พวก พี่นี่ปากไม่ตรงกับใจทุกคนเลยหรือเปล่าเนี่ย” ไอ้ขลุ่ยพูดขึ้นทำให้พวกเราได้แต่ยิ้มแหยๆ เพราะคงรู้คำตอบกันดีอยู่แล้ว ช่างมันดีกว่า ตอนนี้เรื่องไอ้ลุกซ์สำคัญที่สุด
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ