[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  236.26K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

47) Chapter 47 : ครอบครัว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 47 : ครอบครัว
 
ทันทีที่เข้ามาในห้อง  ผมก็ดิ่งไปที่ห้องน้ำทันทีเนื่องจากปวดฉี่  ทำธุระเรียบร้อยผมก็มาล้างมือพลางส่องกระจกดูสภาพหน้าของตัวเองว่าโทรมขนาดไหนแล้ว  และสิ่งที่ผมเห็นก็ทำให้ผมพอใจไม่น้อย
ถึงหน้าจะโทรม  ขอบตาคล้ำแต่ผมกลับรู้สึกว่าตัวเองดูหล่อขึ้นมาถนัดตาเมื่อมีไรหนวดและเคราขึ้นมาแสดงความมาดแมน  เมื่อก่อนผมดูแลตัวเองเพราะคิดว่าผู้ชายหน้าใสจะทำให้ผู้หญิงชอบแต่พออายุมากขึ้นผมกลับรู้สึกว่าผู้ชายที่ดูดิบๆ หน่อยนี่เท่เป็นบ้าเลย  ชักอยากจะไว้หนวดซะแล้วสิ
“พี่ลุกซ์  ผมหล่อไหม?” ผมเดินออกจากห้องน้ำแล้วเก๊กหล่อใส่พี่ลุกซ์ที่กำลังจัดเสื้อผ้าเข้าตู้เสื้อผ้าที่ห้องของผม
“ถุย!” พี่ลุกซ์หันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจกับคำถามก่อนที่พี่มันจะทำหน้าเซ็งในอารมณ์ทันทีที่เห็นผมทำหน้าหล่อใส่
“ผมไว้หนวดดีไหมพี่?  หน้าดูหล่อขึ้นแฮะ” ผมเปรยพลางลูบเคราเส้นเล็กๆ เล่น  ไว้หนวดน่าจะโอเคแต่ผมคงไม่ไว้เคราหรอก  เคราของผมมันขึ้นเป็นหย่อมๆ ซึ่งดูอุบาทว์มากผมก็เลยถอนออกทุกครั้งที่มันขึ้นมา
“ไม่ให้ไว้” พี่ลุกซ์พูดขึ้นมาทันทีขณะที่ยกกระเป๋าใส่เสื้อผ้าของตัวเองไว้บนหลังตู้เสื้อผ้า
“ทำไมอะ?” ผมขมวดคิ้วถามอย่างสงสัย  ทีผมยังชอบพี่ลุกซ์ที่มีหนวดเลยเพราะนั่นทำให้พี่มันดูดิบๆ แมนๆ ดี
“ไม่เข้ากับหน้ามึงหรอก” พี่ลุกซ์ว่า
“ไม่เข้าตรงไหน? ออกจะหล่อ” ผมเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วส่งกระจกดูหน้าของตัวเองอย่างพออกพอใจ
“มึงจะอยากหล่อทำไม? กูหล่อคนเดียวก็พอแล้ว” ผมหันขวับไปมองหน้าพี่ลุกซ์ทันทีที่พี่มันพูดอย่างนั้น
“หวาย! หลงตัวเอง” ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะพลางมองพี่มันตั้งแต่หัวจรดเท้า  เออ จริงๆ ก็หล่อมากแหละแต่เพราะผมหมั่นไส้ในความมั่นใจของพี่มันก็เลยทำเป็นพูดไปอย่างนั้นเอง
“พูดมากน่า” พี่ลุกซ์เดินมาตบหัวผมเบาๆ ก่อนจะคร่อมตัวผมไว้จากด้านหลังเพื่อหยิบของบางอย่างที่อยู่ในลิ้นชักของโต๊ะเครื่องแป้ง “เดี๋ยวกูถอนออกให้” พี่ลุกซ์ยิ่งแหนบขึ้นมาแล้วมองหน้าผมอย่างมุ่งมั่น
“ไม่เอา ไม่ถอน” ผมรีบยกมือขึ้นปิดหน้าตัวเองพลางมุดออกมายืนห่างๆ จากพี่ลุกซ์
“อย่าดื้อน่าเปอร์  บอกให้เอาออกก็เอาออกสิ” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วพูดอย่างจริงจัง
“ไม่” ผมยืนยันเสียงแข็ง
“ทำไมถึงอยากไว้นัก?” พี่ลุกซ์ถาม
“อยากหล่ออะ” ผมตอบเสียงอ้อมแอ้ม
“มึงไม่เหมาะกับหนวด  เอาออกเดี๋ยวนี้เลย” พี่ลุกซ์พูดพลางทำท่าจะเข้ามาจับตัวผมไปถอนหนวดออก  ผมรีบขยับหนี
“ผมอยากไว้อ่า  ขอไว้นะ” ผมอ้อนด้วยท่าทางงอแง  ก็ถ้าทำท่าทางแข็งกระด้างใส่เดี๋ยวก็ได้ทะเลาะกันอีก
“เห็นแล้วมันเคืองตาว่ะแม่ง” พี่ลุกซ์ถอนหายใจฟืดฟาดอย่างขัดใจ
“ตามใจแค่นี้ก็ไม่ได้” ผมย่นคิ้วพลางทำปากยื่นอย่างขัดใจ
“ไม่ใช่ว่ากูไม่อยากให้มึงหล่อตามที่มึงต้องการหรอกนะ  แต่หน้าอย่างมึงเนี่ยมันไม่เหมาะกับคำว่าหล่อ!” พี่ลุกซ์พูดเสียงดังด้วยท่าทางหงุดหงิดทำให้ผมหงุดหงิดตาม
“แล้วมันเหมาะกับอะไรเล่า!?” ผมพูดเสียงดังแข่ง
“น่ารักไงไอ้สัตว์! จบยัง!?” พี่ลุกซ์พูดสวนขึ้นมาทันทีทำให้ผมถึงกับเงียบแล้วก็ยอมเดินเข้าไปหาพี่ลุกซ์โดยที่ไม่ต้องออกคำสั่งอีก
“ถอนก็ได้” ผมพูดเสียงอ้อมแอ้มแล้วมุดหน้าลงบนไหล่ของพี่มันด้วยท่าทางอ้อนๆ
“ว่าให้มันง่ายๆ แบบนี้หน่อย” พี่ลุกซ์หิ้วผมไปนอนพี่เตียงโดยเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมารองที่หัวผมที่หนุนอยู่บนตักของพี่มันอีกที
จุ๊บ!
“อ้าว! ไหงงั้นล่ะเนี่ย?” ผมที่หลับตาพริ้มรอให้พี่ลุกซ์ถอนหนวดให้ลืมตาพรึ่บขึ้นมาอย่างตกใจหลังจากถูกจูบเบาๆ ที่ปาก
“โทษที  อดไม่ได้จริงๆ ฮึๆ” พี่ลุกซ์ยิ้มมุมปากแล้วแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองนิดๆ
โอ๊ย! เซ็กซี่เกินไปแล้ว!
ผมอมยิ้มเขินๆ ก่อนจะหลับตารอให้พี่ลุกซ์จัดการใบหน้าผมให้เกลี้ยงเกลา  ระหว่างนั้นผมก็ถูกขโมยจูบเรื่อยๆ จนเกือบจะโพล่งออกไปแล้วว่า จูบบ่อยขนาดนี้ มึงเอากูเลยเหอะ แต่ก็กลัวพี่มันจะทำจริงๆ  ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมให้ทำนี่นา  รอหลังหายระบมก่อนละกันนะพี่ลุกซ์ คึๆ
 
หลังจากทำความสะอาดหน้าให้ผมสักพักเราก็นอนเล่นในห้องจนกระทั่งแม่มาเรียกไปกินข้าวเราจึงลงไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา  จะขาดก็แต่ไอ้ป้องที่ไปโรงเรียน
พูดถึงไอ้ป้อง  เดี๋ยวนี้มันกลับบ้านค่ำๆ มืดๆ บ่อยมากเลย  เห็นว่าเข้าชมรมเทควันโดและถูกส่งตัวไปฝึกกับโรงฝึกใหญ่ๆ เพื่อเป็นตัวแทนไปแข่งด้วย  เห็นมันเหนื่อยแบบนี้ผมก็คิดไว้อยู่แล้วว่าจะซื้อมอเตอร์ไซค์ให้มันไว้เดินทาง  ผมคิดว่ามันน่าจะอยากได้อยู่เหมือนกันแต่ไม่กล้าขอ  บางวันก็เห็นขี่รถเพื่อนกลับมาที่บ้านด้วย  ไม่รู้ว่ารถเพื่อนหรือรถแฟนกันแน่  ช่วงนี้ยิ่งทำตัวลับๆ ล่อๆ  กลัวจะไปมีแฟนแล้วไม่บอกไม่กล่าวนี่สิ
“ผมว่าจะซื้อรถให้ไอ้ป้องขี่ไปโรงเรียน  ทุกคนว่าไงครับ?” ผมถามหลังจากที่เรากินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“อย่าเลยครับน้องเปอร์” พี่ชัชรีบส่ายหน้าไปมาทันที
“พี่ชัช ผมบอกแล้วไงว่าอย่าเกรงใจผม  เราเป็นครอบครัวเดียวกันนะครับ” ผมบอก  ผมไม่อยากให้พี่ชัชเกรงใจผมเลย  ทุกวันนี้พี่ชัชยังคงทำตัวเหมือนเป็นแค่คนงานที่บ้านผมอยู่เลย  ช่วยพ่อทำสวนบ้าง  ขับรถให้พ่อกับแม่บ้างหรือแม้กระทั่งทำความสะอาดบ้านพี่ชัชก็ทำซึ่งผมก็บอกว่าพี่ชัชไม่จำเป็นต้องทำขนาดนั้นเพราะตอนนี้ทุกคนก็ช่วยกันทำ  เมื่อก่อนพ่อกับแม่ทำงานนอกบ้านแต่ตอนนี้ไม่ได้ทำแล้ว แม่จึงมีความสุขกับการดูแลบ้านมากๆ  ส่วนไอ้ป้องนี่ก็เป็นเด็กดี ช่วยแม่กับพ่อผมทำทุกอย่างเลยทีเดียว  แม้ตัวเองจะเหนื่อยกลับมาแต่หมอนั่นก็ไม่เคยหยุดพัก  ต้องบังคับให้พักถึงจะยอม
“แค่พี่กับลูกอยู่ที่นี่ก็รบกวนน้องเปอร์กับคุณท่านจะแย่” พี่ชัชขมวดคิ้วทำหน้าลำบากใจ
“ตาชัช ฉันบอกแล้วว่าเธอเป็นเหมือนน้องชายฉัน  อย่ากดตัวเองให้ต่ำนักเลย  เธอคือครอบครัวของเรานะ” พ่อผมพูดขึ้น
“เมื่อก่อนผมทำงานเพื่อเงินเดือนแต่ตอนนี้ผมไม่ได้ทำแล้วแต่ทุกคนก็ยังเมตตาผมกับลูก” พี่ชัชพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือด้วยความตื้นตัน
“พี่ชัชดูแลทุกคนในบ้านแล้วก็ทำงานทุกอย่าง  ทำหนักกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ  และสิ่งที่พี่กำลังทำอยู่ตอนนี้คือการช่วยทุกคนดูแลบ้านของเรานะครับ  ที่ผมให้สิ่งของกับพี่และไอ้ป้องก็เพราะผมอยากจะให้  ไม่ใช่เพื่อตอบแทนที่พี่ทำงานให้กับผมแต่มันเป็นการให้ระหว่างคนในครอบครัว  พี่ไม่จำเป็นต้องเกรงใจผมอีกแล้ว  ตอนนี้ผมทำงานมีเงินเดือนสูงไม่เหมือนกับตอนที่เป็นนักศึกษานะครับ” ขณะที่ผมกำลังพูดอยู่แบบนั้นน้ำตาของพี่ชัชก็ค่อยๆ ไหลลงมาพร้อมกับร่างกายที่สั่นเทิ้ม
“ขอบคุณมากนะครับ  ขอบคุณจริงๆ” พี่ชัชยกมือไหว้ทั้งสะอื้นจนผมต้องรีบเข้าไปรับมือพี่ชัชเอาไว้เพื่อไม่ให้ไหว้ผมจริงๆ
“อย่าไหว้ผมเลยครับ” ผมส่ายหน้ายิ้มๆ ทำให้พี่ชัชหันไปไหว้พ่อกับแม่ของผมแทน
“อย่าคิดว่าตัวเองเป็นภาระอีกนะตาชัช” แม่ผมบอก
“แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าทุกคนจะลำบากอีกแล้วนะครับ  ผมจะไม่ปล่อยให้ใครลำบากอีกแน่นอน” พี่ลุกซ์พูดขึ้นหลังจากที่พวกเราเงียบไปได้ซักพัก
“อย่าคิดว่าจะเอาเงินมาฟาดหัวพวกเราได้นะ” พ่อจิกกัดพี่ลุกซ์ทันทีที่พี่ลุกซ์แสดงตัวเป็นคนในครอบครัว
“ผมไม่คิดจะเอาเงินฟาดหัวใครหรอกครับ  แต่เพราะผมคิดว่าผมเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกของบ้านหลังนี้ผมก็เลยอยากจะช่วยไอ้เปอร์ดูแลทุกคน” พี่ลุกซ์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ ทว่าหนักแน่นจนผมอดไม่ได้ที่จะตื้นตัน
“ใครรับแกเป็นลูกของบ้านนี้?” พ่อกอดอกเชิดหน้าใส่พี่ลุกซ์ด้วยท่าทางหยิ่งๆ จนผมอยากจะหัวเราะออกไปให้ดังๆ กับท่าทางต่อต้านเหมือนเด็กๆ ของพ่อ
“แม่รับเองลูก” แม่รีบพูดปลอบใจพี่ลุกซ์
“คุณพ่อยังไม่ต้องยอมรับผมก็ได้ครับ  ผมเข้าใจว่าสิ่งที่ผมทำก่อนหน้านี้มันยากเกินจะให้อภัย แต่ให้ผมได้ช่วยดูแลทุกคนเถอะนะครับ” พี่ลุกซ์บอกด้วยท่าทางจริงจัง
“พี่ลุกซ์ ผมเกรงใจนะ” ผมหันไปส่ายหน้าเบาๆ ให้พี่ลุกซ์  ผมรู้ว่าพี่ลุกซ์อยากจะช่วยเรื่องเงินแต่ผมเกรงใจจริงๆ
“เพิ่งบอกพี่ชัชไปเองไม่ใช่เหรอว่าครอบครัวเดียวกันอย่าเกรงใจกัน” พี่ลุกซ์หันมามองผมด้วยท่าทางเอาจริง
“มันคนละเรื่องกันนะครับ” ผมพยายามจะแย้ง
“ขนาดมึงยังไม่ยอมรับกูเลย  แล้วพ่อมึงจะยอมรับกูได้ยังไง?” พี่ลุกซ์ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ แต่ฟังดูตัดพ้อยังไงชอบกล
“โอเคๆ ผมยอมแล้ว  ผมให้พี่ช่วยก็ได้  แต่ห้ามซื้อของสิ้นเปลืองนะ  ไอ้พวกรถแพงๆ คอนโดหรูๆ หรืออะไรก็แล้วแต่  ห้ามเด็ดขาด  หรือถ้าพี่อยากได้เองก็ให้มาปรึกษาผมก่อน” ผมตั้งเงื่อนไขขึ้นมาเพื่อจำกัดการใช้เงินของพี่ลุกซ์  แต่ท่าทางแบบนี้เหมือนผมเป็นเมียพี่มันเต็มตัวเลยแฮะ
“ได้สิ  เดี๋ยวให้บัญชีไปจัดการเลย  เงินทุกบาททุกสตางค์กูให้มึงคุม” พี่ลุกซ์พูดซึ่งนั่นก็ทำให้ผมหัวเราะออกมา
“บ้าสิ  เงินพี่หามา ถ้าอยากใช้ก็ใช้  แต่ของสิ้นเปลืองก็ให้มันน้อยๆ หน่อย  เอาเงินไปดูแลพ่อแม่พี่แล้วก็ส่งเสียน้องไลลาเรียนให้จบดีกว่า” ผมบอก  เงินที่พี่ลุกซ์ได้มามันมากมายจนไม่รู้จะไปใช้อะไรก็จริงแต่ผมก็อยากให้เงินทุกบาททุกสตางค์ของพี่มันมีประโยชน์
“ทำอยู่แล้วล่ะน่า” พี่ลุกซ์บอก  ผมเคยได้ยินพี่มันบ่นเรื่องพ่อกับแม่อยู่เหมือนกัน  เงินที่พี่มันให้พ่อแม่ตลอดตั้งแต่ทำงานมารู้สึกว่าพวกท่านจะไม่ได้ใช้เลยเพราะลำพังเงินที่คุณพ่อกับคุณแม่หามาได้ก็มากมายมหาศาลอยู่แล้ว
“กตัญญูดีมากลูก” แม่ชื่นชมด้วยท่าทางปลาบปลื้มจนผมรู้สึกหมั่นไส้พี่ลุกซ์ขึ้นมาตงิดๆ
หลังจากนั้นแม่ก็พูดอวยพี่ลุกซ์ไปเรื่อยๆ จนผมกับเพื่อนๆ แขวะขึ้นมาบ้างบางครั้งอย่างหมั่นไส้  ผมคิดว่าพ่อเองก็คงจะหมั่นไส้ไม่น้อยไปกว่าพวกเราแน่ๆ ครับ
 
ทานข้าวเสร็จพวกเราทั้งหมดก็ไปนอนเล่นกันที่ห้องนั่งเล่นและช่วยกันเลือกรถให้กับไอ้ป้อง  ผมกะจะซื้อมาเซอร์ไพรส์มันหน่อย  ว่าจะให้เนื่องในโอกาสเป็นวันคล้ายวันเกิดของมันด้วย
“เดี๋ยวเลือกกันไปก่อนนะ  กูไปธุระก่อน” พี่ลุกซ์พูดขึ้นมาอย่างนึกขึ้นได้
“ไปเรื่องคุณชนะเหรอครับ?” ผมถาม
“อืม นัดกับพวกลูกน้องเอาไว้เรื่องที่จะจัดการมันน่ะ” พี่ลุกซ์บอก
“อยากไปด้วย” ผมเอ่ยขอพลางกะพริบตาปริบๆ หวังจะให้พี่มันใจอ่อนให้ผมไปด้วย
“ไม่สบายอยู่  จะออกไปทำไม  เดี๋ยวไอ้ชิทมันเห็นหน้ามึงแล้วนึกหมั่นไส้ขึ้นมาจนไล่กระทืบเอาหรอก” พี่ลุกซ์พูดทำเอาผมรีบถอยเพราะกลัวไอ้ชิทมันจะกระทืบผมจริงๆ  ไอ้หมอนั่นมันยังคงไม่ชอบขี้หน้าผมเหมือนเดิมครับ  แค้นฝังลึกจากการที่ผมไปแย่งผู้หญิงมันมาหลายต่อหลายคน  เอ...จะว่าแย่งก็ไม่ถูก  ผู้หญิงของมันมาหาผมเอง ฮึๆ
“พี่ลุกซ์ไม่ยอมให้มันกระทืบผมหรอก  ใช่ไหม?” ผมยิ้มแป้นแล้นใส่พลางยักคิ้วยึกยักอย่างทะเล้น
“ยอม  ถ้าแรดนักจะให้กระทืบจนหายแรดเลย” ผมหน้างอทันทีที่ได้ยินแบบนั้น “เฮ้ย ล้อเล่น  อย่างอนนะมึง  ขี้เกียจง้อ” พี่ลุกซ์รีบพูดเมื่อเห็นสีหน้าของผมไม่ค่อยจะดีนัก
“ก่อนกลับมาที่บ้านซื้อขนมมาฝากด้วย  เอาขนมร้านพี่ตรีแล้วก็ไปซื้อเค้กและมาการองที่ร้านเอก  ซื้อมาเยอะๆ ฝากผมกับเพื่อนด้วย” ผมกอดอกทำหน้าเหนือ
“พุงออกไม่รู้ด้วยนะ  ช่วงนี้ยิ่งไม่ค่อยได้ออกกำลังกายอยู่ด้วย” พี่ลุกซ์บอก  ถึงสองสามวันมานี่ผมจะกินข้าวไม่ค่อยลงแต่ก่อนหน้านี้ผมกินเยอะมาก  กินแล้วก็นอนซะด้วย
“ไม่ต้องกังวลหรอกน่าพี่  ซักยกสองยกเดี๋ยวก็ลดหุ่นได้ ฮึๆ” ไอ้ตุลแซวพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้พี่ลุกซ์ยิ้มมุมปากอย่างเข้าใจในสิ่งที่มันพูด  เออ ผมก็เข้าใจ  มันหมายถึงเรื่องเซ็กส์
“เออใช่  ซิทอัพไม่กี่วันพุงก็ลดละ” ขอโทษนะครับ  ใครเอาไอ้เด็กใสซื่อมานั่งกลางวงคนลามกจกเปรตอย่างพวกเราวะเนี่ย?
“โอ๊ยไอ้พัด! มึงไม่เคยเอากับไอ้วิทหรือไง  ถ้าเอาทุกวันรับรองไม่มีพุง ฮึๆ” ไอ้ตุลนี่ก็ห่ามและหยาบคายกับเพื่อนที่น่ารักใสซื่ออย่างไอ้พัดได้ยังไง  อย่างไอ้พัดนี่ใสมากถ้าเทียบกับพวกเรา  ผมกับไอ้ตุลเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยเซ็กส์ในขณะที่ไอ้พัดกับไอ้วิทเริ่มต้นความสัมพันธ์กันอย่างน่ารักเหมือนกับเด็กม.ต้นไม่มีผิด
“ไอ้...!!” ไอ้พัดชี้หน้าจะด่าแต่ด่าไม่ออกเลยได้แต่กระฟัดกระเฟียด
“ที่มึงไม่มีพุงนี่คือเอากับไอ้กีร์ทุกวันเหรอ?” พี่ลุกซ์ทำหน้าแปลกใจพลางถามขึ้นทำให้พวกผมหันไปมองหน้าพี่มันอย่างสงสัยในคำพูด “เห็นมันมีสาว กูเลยนึกว่าหมดแรงจนทำกับมึงไม่ไหวซะอีก ฮึๆๆ” พี่ลุกซ์ทิ้งระเบิดไว้โครมใหญ่ก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปจากบ้านด้วยท่าทางเท่ๆ ปล่อยให้ไอ้ตุลดิ้นพล่านอย่างเจ็บใจที่ถูกกวนโมโห
“หัดสั่งหัดสอนผัวมึงหน่อยนะเปอร์  ปากนี่น่าถีบจริงๆ” ไอ้ตุลกระทืบเท้าอย่างขัดใจ
“สมน้ำหน้า” ไอ้พัดแลบลิ้นใส่ไอ้ตุลอย่างสะใจทำให้มันถูกไอ้ตุลยันเข้าให้จนล้มกลิ้งไม่เป็นท่า  พวกมันหยอกล้ออย่างรุนแรงกันไปเรื่อยๆ โดยมีเสียงหัวเราะดังประสานกันอย่างต่อเนื่อง
40% left
หลังจากนั่งเลือกรถกันอยู่นานผมก็ตัดสินใจจะซื้อมินิไบค์ให้กับไอ้ป้อง  จริงๆ ผมอยากจะได้บิ๊กไบค์เสียด้วยซ้ำแต่ไอ้ป้องมันยังเด็ก  คงขี่บิ๊กไบค์ไม่ไหวหรอก  ถึงมันจะตัวสูงขึ้นมาจนเกือบจะเท่าผมแล้วก็ตาม
หลังจากเลือกรถที่อยากจะได้มาแล้วผมก็รอให้พี่ลุกซ์กลับมาเพื่อพาผมออกไปดูที่ร้านรถมอเตอร์ไซค์  ตอนแรกพี่มันจะให้ผมซื้อของบริษัท  แต่ที่บริษัทมีนั้นมีแต่บิ๊กไบค์ราคาเป็นล้าน  ผมคงสู้ไม่ไหวและที่แน่ๆ ไอ้ป้องคงขี่ไม่ไหวด้วย  มันเพิ่งจะม.1เองนี่นา
พี่ลุกซ์กลับถึงบ้านในช่วงเย็นพร้อมกับขนมมากมายตามคำสั่งของผม  และเมื่อพวกเพื่อนๆ ของผมได้ขนมกันแล้วพวกมันก็กลับบ้านทันทีทำให้พี่ลุกซ์เกือบไล่เตะเพราะที่พวกมันยอมอยู่ที่บ้านผมตั้งนานก็เพราะรอขนมอย่างเดียวเลย
“เวลาแบบนี้ร้านรถคงปิดหมดแล้วล่ะครับ” ผมบอกเมื่อพี่ลุกซ์ทำท่าจะพาออกไปดูรถ
“กูรู้จักร้านหนึ่ง  เปิดถึง 6 โมง  ถ้าไปดูตอนนี้ยังทันนะ” พี่ลุกซ์บอก
“ไกลไหมครับ? ถ้าไกลคงไม่ทันเพราะรถมันติด” ผมบอกเสียงอ่อย
“งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ละกัน  เดี๋ยวช่วงพักกลางวันจะพาไปดู” พี่ลุกซ์บอก  วันนี้ผมไม่ได้ไปทำงานก็จริงแต่พรุ่งนี้ต้องไปทำแล้วก็ต้องไปทำชดเชยช่วงเวลาที่ไม่ได้ไปด้วย
“แล้วเรื่องคุณชนะล่ะครับ? ว่ายังไงบ้าง?” ผมถามขึ้นขณะที่เดินนำขึ้นไปบนห้อง
“ก็กำลังสืบรากเหง้าของมันอยู่  คนแบบนี้ถ้าไม่ถอดรากถอนโคนมันไม่ยอมพอหรอก” พี่ลุกซ์พูดด้วยสีหน้าปกติแต่ทำให้ผมขนลุกวาบได้อย่างชะงัด  น่ากลัวจริงๆ ผู้ชายคนนี้
“ไม่โหดไปเหรอครับพี่? เขาต้องดูแลครอบครัวนะ” ผมบอก  ไหนๆ พ่อของเขาก็เป็นเพื่อนพ่อของผม  ไม่อยากให้ผู้ใหญ่มาเดือดร้อนเพราะเรื่องแบบนี้หรอกนะครับ
“ช่วยไม่ได้  ถ้าเตือนดีๆ ไม่ฟังมันก็ต้องทำรุนแรงหน่อยแหละ  ใครอยากให้มันมาหยามน้ำหน้ากูวะ” พี่ลุกซ์แสยะปากนิดๆ พลางยักไหล่อย่างไม่ยี่หระกับความเดือดร้อนของคุณชนะ
“ลองเรียกมาขู่เฉยๆ ได้ไหมครับ?” ผมถามเพื่อที่จะหาวิธีที่เบาที่สุดในการจัดการ
“กูขู่ละ แต่มันยียวนกูก็เลยต้องจัดการขั้นเด็ดขาด  ไอ้เคย์ก็เห็นด้วย” พี่ลุกซ์บอกโดยอ้างพี่เคย์  สำหรับผมแล้ว พี่เคย์เป็นคนที่น่าเชื่อถือที่สุด  พูดอะไรมาผมฟังหมดนั่นแหละ  ช่วยไม่ได้ล่ะนะ  พี่เคย์มีท่าทางน่าเชื่อถือแถมใจเย็นและคิดหน้าคิดหลังเสมอนี่นา  ในขณะเดียวกัน  พี่ลุกซ์ใช้แต่อารมณ์  มีเหตุผลอะไรก็ไม่พูดไม่จา จะให้ผมเชื่อใครมากกว่ากันล่ะ
“ถ้าพี่เคย์เห็นด้วยก็เอาตามนั้นแหละครับ” ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ แต่นั่นก็ทำให้พี่ลุกซ์หน้าหงิกเป็นตูดเป็ดเลยทีเดียว
“ฟังแต่ไอ้เคย์แหละมึงน่ะ” พี่ลุกซ์พูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดขณะที่เดินไปนั่งที่ปลายเตียง
“หึงเค้าเหรอ?” ผมมองด้วยสายตาล้อๆ พลางขยับเข้าไปใช้นิ้วชี้ไล้คางพี่มันเล่น
“ได้ไหม!?” พี่ลุกซ์ถามอย่างหาเรื่อง
“ได้สิครับ” ผมยิ้มหวานพลางโถมตัวเข้าไปกอดพี่มันที่นั่งอยู่
ฟึ่บ!
และทันทีที่ผมเข้าไปกอดพี่ลุกซ์ก็รัดเอวผมเอาไว้แล้วพลิกตัวผมลงไปนอนราบบนเตียง  ผมรีบเอามือดันไหล่พี่มันเอาไว้ก่อนที่จะถูกจูบ
“ไม่ได้เหรอ?” พี่ลุกซ์ถาม  สายตาที่มองมามันช่างดูเซ็กซี่เหลือเกิน  อยากยอมอยู่นะแต่กลัวเจ็บหลัง
“ไม่ได้ครับ” ผมส่ายหน้าไปมายิ้มๆ “ก็พี่ชอบรุนแรงนี่นา  ถ้าหลังหักไปจะทำยังไงครับ?” ผมถามเสียงอ่อนพลางคลึงไหล่พี่มันเบาๆ
“งั้น...จัดการให้หน่อยได้ไหม?” พี่ลุกซ์ถามพลางก้มลงไปมองต่ำๆ ทำให้ผมถึงกับอาย  นานมากแล้วที่ไม่ได้ใช้ปากแค่อย่างเดียว  ปกติถ้าจะทำก็คือทำเลย
“ลุกออกไปก่อนสิครับ” ผมบอกอย่างเหนียมอายทำให้พี่ลุกซ์ขยับออกไปด้วยสีหน้ากรุ้มกริ่ม  พี่มันยืดตัวนิดๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่โซฟาในลักษณะถ่างขาออกและจ้องมองผมด้วยสายตาที่สามารถกลืนผมลงไปได้ทั้งตัว
ผมขยับไปนั่งตรงกลางระหว่างขาของพี่ลุกซ์ก่อนจะเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดและรูดซิบกางเกงของพี่มันลงจากนั้นก็กดมือลงไปเพื่อเค้นคลึง
พี่ลุกซ์เอนตัวไปพิงพนักโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ  สายตาก็มองผมเหมือนจะทดสอบว่าผมจะทำได้ขนาดไหนแต่ในแววตานั้นมันเต็มไปด้วยความหื่นกระหายจนผมต้องรีบก้มหน้าก้มตาบีบคลึงส่วนกลางของร่างกายพี่ลุกซ์เพราะไม่กล้ามอง  กลัวเขินจนออกอาการให้พี่ลุกซ์แกล้งนี่หว่า
“เอามันออกมาสิ” พี่ลุกซ์บอกเมื่อผมเอาแต่คลึงมันไปเรื่อยๆ  ผมเม้มปากนิดๆ แล้วค่อยๆ ใช้มือควักสิ่งที่กำลังดุนดันเนื้อผ้าออกมาข้างนอก  แค่เห็นผมก็กลืนน้ำลายยากแล้วล่ะครับ  ขนาดยังไม่ขยายยังไซส์ขนาดนี้  ผมไม่เข้าใจเลยว่าทำยังไงถึงไซส์ใหญ่ขนาดนี้  เมื่อก่อนผมก็ว่าผมใช้มันบ่อยอยู่นะแต่ทำไมมันไม่ขนาดนี้วะ  หรือเพราะพี่มันโตที่เมืองนอกมันก็เลยใหญ่ตามคนท้องที่?  “ทำไมมือสั่นขนาดนั้นล่ะ หืม?” พี่ลุกซ์ถามเสียงเจ้าเล่ห์จนผมเผลอบีบไอ้นั่นอย่างแรงเพราะรู้สึกเขินกับน้ำเสียงของพี่มัน
“อ๊ะ ขอโทษครับ ผมได้ตั้งใจ” ผมรีบบอกเมื่อรู้สึกได้ว่าพี่ลุกซ์คงจะจุกที่ผมบีบไปซะขนาดนั้น
“หึๆ ไหวแน่นะมึง?  ให้กูทำให้ดูไหม?” พี่ลุกซ์ถามเสียงทุ้มพลางหัวเราะในลำคอ
ผมกัดริมฝีปากก้มหน้าพลางชักมือมาวางไว้บนตัก  เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของผมพี่ลุกซ์ก็ดึงผมขึ้นไปนั่งบนโซฟาด้วย
“เหวอ” ผมร้องเสียงหลงเมื่อพี่มันจับขาผมแยกออกจากกันแล้วดึงไปคร่อมที่ตักของตัวเอง
“เดี๋ยวสอนไง” พี่ลุกซ์ทำหน้ายียวนขณะที่ดึงกางเกงผมให้ร่นลงเล็กน้อยพอสำหรับให้ไอ้เปอร์น้อยมันออกมาหายใจได้
“นะ...ไหนบอกว่าจะให้ผมทำให้ไงครับ?” ผมพยายามจะดันพี่มันออกไปพลางก้มหน้างุดเพราะอายสุดขีด
“เอาน่า” พี่ลุกซ์ส่งเสียงอย่างสนุกสนานหลังจากล้วงมือเข้าไปจับน้องชายผมออกมา
“อื๊อ!” ผมกัดฟันแน่นเมื่อพี่ลุกซ์ใช้มือรูดรั้งน้องชายของผมสลับกับการใช้นิ้วโป้งกดที่หัวเบาๆ  เห็นดังนั้นผมจึงรีบเอื้อมมือไปจับของพี่มันบ้าง  แกล้งผมดีนัก  เดี๋ยวผมก็จัดให้จนต้องร้องซี้ดตลอดเวลาเลยคอยดู
“ฮึๆ โกรธรึไง?” พี่ลุกซ์ยื่นหน้ามากระซิบถามก่อนจะเลียหูผมเบาๆ  มือของพี่มันทำงานอย่างดี ขนาดใช้แค่ข้างเดียวผมยังสยิวจนตัวสั่นไปหมด
ผมกัดริมฝีปากไม่ตอบคำถามแล้วพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้พี่ลุกซ์ขยายเต็มที่  ผมใช้มือทั้งสองข้างในการประคองน้องชายของพี่ลุกซ์และขยับรูดรั้งเร็วๆ  ถ้าจะให้ดีกว่านี้ผมต้องใช้ปากแต่ตอนนี้เราช่วยกันทำอยู่ผมก็เลยทำแบบนั้นไม่ได้
“อ๊า พี่ลุกซ์” ผมหลับหูหลับตาครางออกไปเพราะรู้สึกดีมาก  ไม่รู้พี่มันทำยังไงผมถึงรู้สึกดีขนาดนี้ทั้งๆ ที่บางครั้งพี่มันก็ทำรุนแรงจนผมรู้สึกเจ็บ   อาจจะเป็นเพราะนิสัยชอบตบหัวแล้วลูบหลังของพี่มันก็ได้  พอทำจนผมเจ็บพี่มันก็จะทำเบาลงอย่างอ่อนโยนซึ่งนั่นก็ทำให้ผมรู้สึกดีสุดๆ
“เปอร์ เงยหน้าขึ้นมา” พี่ลุกซ์กระซิบเบาๆ ที่ข้างหูด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำและเซ็กซี่ซึ่งก็ทำให้ผมทำตามอย่างว่าง่าย
และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปริมฝีปากผมก็ถูกประกบทันที  พี่ลุกซ์เลียริมฝีปากผมให้ชุ่มก่อนจะค่อยๆ สอดลิ้นเข้ามาในโพรงปากแล้วตวัดหยอกเย้ากับลิ้นของผมอย่างยั่วยวน  ความวาบหวามและความหวานที่ได้รับทำให้ผมมีความต้องการมากขึ้นถึงขนาดดันให้พี่มันนอนราบลงไปบนโซฟาแล้วถอดกางเกงของตัวเองออกจนหมดในท่าที่ยังคร่อมร่างของพี่มันเอาไว้อยู่
“อ๊ะ อื้อ” ผมนั่งทับหน้าท้องที่เต็มไปด้วยกล้ามด้วยท่อนล่างที่เปลือยเปล่าพลางใช้เหยียดแขนไปด้านหลังเพื่อรูดแก่นกายร้อนให้ตั้งชันขึ้นมา  ส่วนพี่ลุกซ์ก็ยังขยับมือช่วยไอ้หนูของผมไม่หยุด “พี่ลุกซ์ อื๊อ จะ...จะไป อื๊อออ” ผมหอบหายใจถี่รัวพลางหนีบขาเข้าหากันด้วยอาการเกร็ง  พอผมบอกว่าจะไปพี่ลุกซ์ก็ขยับมือเร็วและแรงขึ้นจนผมทนไม่ไหวปล่อยใส่เสื้อเชิ้ตราคาแพง
ผมไปแล้วแต่พี่ลุกซ์ยังไม่ไปผมจึงขยับลงไปหวังจะใช้ปากให้แต่พี่ลุกซ์ขยับลุกซ์ขึ้นมาฉุดผมเอาไว้ไม่ให้ขยับลงไปใช้ปากให้
พี่มันยักคิ้วหลิ่วตาส่งสัญญาณอะไรบางอย่างให้ซึ่งนั่นก็ทำให้ผมเม้มปากก้มหน้าอย่างเขินอาย  ก็พี่มันจะให้ผมคร่อมพี่มันให้ลักษณะกลับหัวกลับหางนี่นา
“ไม่อยากทำเหรอ? หืม?” พี่ลุกซ์ถามเสียงอ่อนโยน  ผมเบ้ปากนิดๆ ก่อนจะยอมทำอย่างที่พี่มันต้องการ
เมื่ออยู่ในลักษณะกลับหัวกลับหางแล้วผมก็เริ่มเลียที่น้องชายของพี่ลุกซ์แล้วครอบครองด้วยโพรงปากอุ่นๆ ในขณะที่พี่ลุกซ์ก็เลียช่องทางด้านหลังของผม  ว่าแล้วไงว่ามันไม่จบอยู่แค่การออรัลแน่ๆ
พี่ลุกซ์ใช้ทั้งลิ้นและนิ้วปรนเปรอด้านหลังของผมจนผมรู้สึกต้องการ  อยากจะรับพี่ลุกซ์เข้ามาในร่างกายและเหมือนพี่ลุกซ์จะรู้ดีก็เลยรวบตัวผมให้ลุกขึ้นนั่งทำให้ผมต้องผละปากออกจากตรงนั้นของพี่ลุกซ์อย่างช่วยไม่ได้
“หันมา” พี่ลุกซ์บอกพลางช่วยประคองหลังผมเอาไว้ขณะที่ผมพลิกตัวกลับไปเผชิญหน้ากับพี่ลุกซ์
ทันทีที่ผมหันกลับไปพี่ลุกซ์ก็รีบถลกเสื้อผมออกแล้วใช้ลิ้นไล้เลียที่ยอดอกจนผมจิกเกร็งและเจ้าหนูก็เริ่มขยายอีกครั้ง
“พี่ลุกซ์  เจ็บหลัง” ผมบอกเสียงกระเส่าเมื่อรู้สึกเจ็บแปลบๆ ที่หลังเนื่องจากผมเผลอแอ่นอกรับสัมผัสของพี่มัน
“งั้นมึงขยับเองนะ  เดี๋ยวกูรุนแรงไปจนมึงเจ็บ” พี่ลุกซ์เม้มหัวนมผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะกระซิบบอกเบาๆ
“ครับ” ผมตอบรับก่อนจะยกสะโพกขึ้นแล้วจับส่วนนั้นของพี่ลุกซ์มาให้ตรงกับช่องทางที่จะเข้า
เมื่อเข้าได้ผมก็ค่อยๆ ขยับเอวไปมา  ท่าไหนที่เจ็บหลังผมก็พยายามเลี่ยง  ขยับเรื่อยๆ จนความต้องการมันพุ่งสูงทำให้ต้องขยับเร็วขึ้น
“อ๊ะ อื้อ อื๊อ” ผมกัดริมฝีปากพลางหลับตาปี๋ขณะขยับเอวเร็วๆ  และจังหวะนั้นเองที่พี่ลุกซ์เอื้อมมือมาล็อคเอวผมไว้แล้วขยับด้วยตัวเองจนตัวผมสั่นคลอน  เพราะพี่ลุกซ์ขยับรัวและแรงกว่าที่ผมขยับทำให้ผมรู้สึกเจ็บที่หลังจนต้องร้องครวญคราง  จังหวะนี้ผมไม่สนใจอาการเจ็บหลังหรอกครับเพราะผมรู้สึกดีกับสัมผัสของพี่ลุกซ์จนยอมได้  มีความสุขแบบนี้ผมยอมทนเจ็บไปอีกหลายวันเลยก็ได้เอ้า
“เปอร์ เรียกชื่อกู” พี่ลุกซ์ใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมมือปัดผมเปียกเหงื่อที่แนบอยู่ตรงหน้าผากผมออกให้อย่างแผ่วเบาก่อนจะใช้นิ้วโป้งไล้และกดแก้มผมไปมา
“พี่ลุกซ์ อื้อ พี่ลุกซ์  พี่ลุกซ์...” ผมครางเรียกชื่อพี่มันด้วยน้ำเสียงหอบกระเส่า  พี่มันชอบให้ผมเรียกชื่อเวลาทำอะไรกัน  ผมเองก็ชอบเรียกชื่อพี่มันเหมือนกันแล้วก็ชอบความอ่อนโยนด้วย  ถึงปกติพี่ลุกซ์จะซาดิสม์ ชอบทำรุนแรงในหลายๆ ครั้งก็เถอะ  พออ่อนโยนทีนี่แทบหลอมละลาย
“ซี้ดดด อื้ม” พี่ลุกซ์กัดฟันสูดปากอย่างหื่นกระหาย  ตัวพี่มันเกร็งจนเผลอบีบเอวผมอย่างรุนแรงและขยับรัวเหมือนคนกำลังจะไป  ผมเองก็จะไปจึงรีบรูดมือของตัวเองรัวๆ เพื่อที่จะไปพร้อมกับพี่ลุกซ์
“อื้อ อื้ออออ” ผมกัดฟันครางสุดเสียงเมื่อกำลังจะปลดปล่อยและรับรู้ว่าพี่ลุกซ์เองก็จะปล่อยเหมือนกัน
“ซี้ดดด อ้า” พี่ลุกซ์กระแทกเข้ามาอีกสองสามครั้งด้วยจังหวะหนักๆ จนตัวผมกระตุกตามก่อนจะปล่อยเข้ามาข้างใน ส่วนผมก็ปล่อยรดเสื้อพี่มันอีกรอบ
เมื่อเสร็จกิจแล้วพี่ลุกซ์ก็ทิ้งตัวลงนอนราบบนโซฟาโดยไม่ลืมรวบผมลงไปนอนทับด้วย  ผมหอบสักพักก่อนจะขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ส่วนนั้นของพี่ลุกซ์หลุดออกไป  ขืนไม่หลุดผมอาจจะเจ็บยอกที่หลังมากกว่านี้ก็ได้
“ฮึๆ” จู่ๆ พี่ลุกซ์ก็หัวเราะออกมาเสียงทุ้มต่ำจนผมต้องกำกำปั้นแล้วทุบลงไปที่อกพี่มันอย่างแรง  ผมรู้หรอกว่าพี่มันกำลังขำที่ผมยอมทำทั้งๆ ที่ปากก็บอกว่าจะไม่ทำแท้ๆ
“ห้ามหัวเราะ!” ผมสั่งแต่พี่มันก็ยังขำอยู่  จากที่หัวเราะเสียงเจ้าเล่ห์พี่มันก็เปลี่ยนไปหัวเราะด้วยท่าทางขำเสียเต็มประดา  ดีใจอยู่หรอกนะที่ทำให้พี่ลุกซ์หัวเราะแบบนี้ได้แต่ดันมาหัวเราะกับเรื่องน่าอายของผมแบบนี้ได้ยังไง  ผมก็อายเป็นนะ!
“ไปอาบน้ำไป” พี่ลุกซ์บอกเสียงกลั้วหัวเราะพลางดันผมให้ลุกขึ้น  ส่วนตัวเองก็ลุกขึ้นมาพร้อมกับดึงขอบกางเกงขึ้นเล็กน้อยเพื่อปกปิดไอ้นั่น
ผมทำปากยื่นใส่พี่ลุกซ์ก่อนจะรีบกระเต็งร่างตัวเองเข้าห้องน้ำ  ดีนะที่พี่ลุกซ์ไม่อาบด้วย  ไม่งั้นหลังผมหักแน่ๆ
 
++++++++++++++++++++++ นานๆ มาที  แม้จะไม่ฟินมากแต่คงสนองนี้ดพี่ลุุกซ์ได้ไม่น้อย ฮ่าๆๆๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา