[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
44) Chapter 44 : สังสรรค์ สุดซวย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความผมอยู่ที่ทำงานกับพี่ลุกซ์จนถึงเวลาหนึ่งทุ่มก็กลับบ้านไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปเที่ยว ตอนที่ผมออกมา ออฟฟิศเงียบมากเพราะพนักงานกลับบ้านกันไปหมดแล้ว จะมีก็แต่ออฟฟิศของบริษัทอื่นที่อยู่คนละชั้นที่มีไฟเปิดอยู่ สงสัยเที่ยวเสร็จผมต้องกลับมาดูพี่ลุกซ์ซะหน่อยแล้ว
“อ้าวเปอร์ วันนี้กลับบ้านเหรอลูก?” แม่ถามเมื่อเห็นผมเดินกลับเข้าบ้าน
“ผมกลับมาอาบน้ำน่ะครับ พอดีผมจะออกไปสังสรรค์กับรุ่นพี่ที่มหาลัย” ผมบอก
“ลุกซ์ไปด้วยไหม?” พ่อถามเสียงเข้ม
“ไม่ครับ พี่ลุกซ์ยังทำงานอยู่เลย” ผมพูดด้วยน้ำเสียงกังวลเพราะเป็นห่วง ไม่รู้ทำไม พอผมรู้ว่าพี่ลุกซ์จะไม่ไปเที่ยวด้วย ใจมันก็สั่นชอบกล ไม่รู้ว่าเป็นห่วงพี่ลุกซ์ที่ต้องทำงานดึกๆ คนเดียวหรือเพราะผมไม่อุ่นใจที่ไม่มีพี่ลุกซ์ไปด้วยกันแน่
“ช่วงนี้แกอย่าเพิ่งกลับบ้านนะ ตาชนะมาที่บ้านเรื่อยๆ เลย ถึงจะบอกว่ามาเรียนรู้เรื่องต้นไม้ก็เถอะ” พ่อพูดขึ้นมาทำให้ผมขมวดคิ้วด้วยความเซ็ง ไอ้หมอนี่มันจะตามหลอกหลอนผมไปถึงไหนวะ
“แหมคุณ ปากก็บอกว่าไม่ชอบตาลุกซ์แต่เวลามีเรื่องทีไรก็ไว้ใจให้ดูแลลูกที่สุดเลยไม่ใช่หรือไง” แม่แซวซึ่งนั่นก็ทำให้พ่อหน้าหงิก ครั้นผมจะแซวก็ถูกพ่อไล่ให้ไปอาบน้ำก็เลยไม่ได้อยู่แซวให้พ่อหลุดความรู้สึกที่แท้จริงออกมา
ขณะที่กำลังถอดเสื้อผ้าผมก็นึกขึ้นได้ว่าลืมโทรศัพท์ไว้ในรถจึงตัดสินใจที่จะลงไปเอาก่อนที่จะอาบน้ำ
“ผมรู้ดีว่าลุกซ์รักลูกของเรามากถึงได้ไว้ใจไงล่ะ แต่ผมก็กลัวว่าซักวันตาลุกซ์จะหมดรักเจ้าเปอร์และนั่นคงเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของเจ้าเปอร์เลยก็เป็นได้” ผมชะงักเมื่อได้ยินเสียงพ่อพูดขึ้นเสียงจริงจัง ผมรีบหลบหลังเสาแอบฟังเงียบๆ
“ไม่หรอกค่ะคุณ ฉันมั่นใจว่าลุกซ์จะไม่มีทางหมดรักลูกของเรา” แม่พูดเสียงอ่อนโยนทว่าหนักแน่นจนผมอดตื้นตันไม่ได้ที่ทั้งพ่อและแม่เข้าใจความรักของผมกับพี่ลุกซ์
“ตอนนี้ผมไม่ไว้ใจให้ใครดูแลเจ้าเปอร์นอกจากตาลุกซ์หรอกนะ ถึงนิสัยภายนอกจะดูเลวร้ายไปหน่อยก็เถอะแต่ผมก็เชื่อจริงๆ นะว่าหมอนั่นยอมตายแทนลูกของเราได้อย่างที่เคยพูดเอาไว้ตอนที่มาสารภาพผิด” ผมนิ่งไปเมื่อได้ยินแบบนั้น พี่ลุกซ์เคยพูดกับพ่อของผมงั้นเหรอว่ายอมตายแทนผมได้?
ผมเชื่อนะ เชื่อจากใจเลย
“คุณคิดว่ายังไงคะถ้าลูกจะย้ายออกไปอยู่กับลุกซ์อย่างถาวร?” แม่ถามขึ้น
“อายุขนาดนี้แล้วมันก็สมควรจะไปอยู่ด้วยกันแล้วล่ะนะ แต่ผมก็ใจหายไม่น้อยเหมือนกัน ก็ลูกทั้งคนนี่นา” พ่อพูดพลางถอนหายใจนิดๆ
“งั้นผมไม่ไปไหนละกันเนอะ” ผมเดินออกไปแล้วไปกอดพ่อกับแม่เอาไว้แน่น พ่อกับแม่ผมนี่น่ารักที่สุดเลยครับ เข้าใจและเป็นห่วงผมเสมอ
“ยังไม่ไปอาบน้ำอีกเหรอ?” พ่อตีหน้านิ่งถามออกมา
“ก็กำลังจะอาบครับ แต่ขอมาหอมแก้มพ่อกับแม่ก่อน” พูดจบผมก็หอมแก้มพ่อกับแม่ฟอดใหญ่ “ผมรักพ่อกับแม่นะครับ” หอมเสร็จก็บอกรักแล้วเดินไปเอาโทรศัพท์ในรถก่อนจะขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย
ทันทีที่เดินเข้าไปในร้านเหล้าพร้อมกับพี่เฟนที่รออยู่ที่จอดรถเพื่อไปจองโต๊ะผมก็แทบจะหันหลังเดินออกเพราะเข้าไปในร้านพร้อมกับคุณชนะและผองเพื่อนพอดี คุณชนะยิ้มทักทายผมเฉยๆ ไม่ได้เข้ามาวุ่นวายเพราะถูกเพื่อนฉุดกระชากลากถูไปที่โต๊ะ แน่นอนว่าผมเลือกที่จะนั่งโต๊ะห่างจากคุณชนะที่สุดเท่าที่จะห่างได้
“พี่หมูกำลังไปรับเฮียตู้ เดี๋ยวก็คงมาถึงแล้วล่ะ” พี่เฟนบอกเมื่อเราได้ที่นั่งแล้ว เราได้ที่นั่งตรงทางไปห้องน้ำที่หลบมุมนิดๆ ซึ่งนั่นก็คงดีกับพวกพี่ๆ ที่เป็นถึงอาจารย์แม้จะไม่ได้เป็นอาจารย์ที่มหาลัยใกล้ๆ นี้ก็ตาม
“ส่วนพี่ลันกำลังกล่อมเมียนอนอยู่ครับ ฮ่าๆ เดี๋ยวก็คงมา” ผมพูดเสียงกลั้วหัวเราะ ก่อนที่ผมจะออกจากบ้านพี่ลันไลน์มาบอกว่าไอ้ไอมันดูเพลียๆ จากงานก็เลยขอดูจนกว่าจะหลับ
“พูดถึงไอ้ลันแล้วอิจฉาว่ะ น้องไอน่ารักโคตรๆ” พี่เฟนทำหน้างอพลางทำปากยื่นจนผมอดขำไม่ได้ พี่เฟนนี่อารมณ์ดีตลอดเวลาจริงๆ อยู่ด้วยแล้วไม่เคยเบื่อเลย
“ไอ้ไอมันน่ารักมากพี่ นิสัยมันแมนมาก” ผมบอก ไอ้ไอมันก็ผู้ชายคนหนึ่งนี่แหละครับ มันจะขี้อ้อนเป็นลูกแมวเฉพาะกับพี่ลันเท่านั้นแหละ
“เป็นแบบที่พี่ชอบเลย พี่ชอบผู้ชายแมนๆ นะ” พี่เฟนบอก ถึงจะบอกว่าชอบผู้ชายแมนๆ แต่ก็คงจะอยากได้เขาเป็นเมียล่ะสิ เห็นบอกว่าไม่เคยรับเลย รุกอย่างเดียว
“ตอนนี้พี่มีแฟนอยู่ไหมครับ?” ผมถาม อย่างพี่เฟนไม่น่าโสดหรอกนะ
“ก็มีแหละ แต่ตอนนี้ระหองระแหงกันอยู่” พี่เฟนบอกพลางทำหน้าเซ็งๆ “ว่าแต่เปอร์เถอะ หวานกับแฟนมากล่ะสิ หน้านี่อิ่มเอิบสุดๆ” พี่เฟนแซว
“ก็...ครับ” ผมพยักหน้าพลางยิ้มเขิน
“ลุกซ์สินะ?” คำถามของพี่เฟนทำให้ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจโดยไม่กล้ามองหน้าพี่เฟน ก็คิดอยู่แล้วว่าพี่เฟนน่าจะดูออกว่าผมก็เป็นเกย์แต่ไม่คิดว่าจะรู้ว่าผมคบกับพี่ลุกซ์
“อ่า...รู้ได้ไงครับ?” ผมหลบตาไม่กล้ามองหน้าพี่เฟน
“ตอนแรกพี่ก็มองไม่ออกหรอกว่าเปอร์ก็เป็น แต่ตอนที่พี่เจอลุกซ์ในห้องซ่อมพี่ถึงรู้ เขาดูหึงเปอร์สุดๆ เลยล่ะ อีกอย่างที่พี่สังเกตก็คือเปอร์ไม่เกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าคนที่เป็นประธานบริษัทเลย ทำหน้าไม่แยแสด้วยซ้ำไป แน่นอนว่าลูกจ้างธรรมดาไม่กล้าทำแบบนั้นแน่ๆ ถ้าไม่นับไอ้ลันที่เป็นน้องน่ะนะ” พี่เฟนวิเคราะห์ซึ่งนั่นก็ถูกเผงเลย
“พี่นี่มองขาดนะครับ” ผมเงยหน้ามองพี่เฟนพลางยิ้มให้นิดๆ
“ทำไมไม่ชวนลุกซ์มาด้วยล่ะ?” พี่เฟนถาม
“ชวนแล้วล่ะครับแต่พี่ลุกซ์ติดงานก็เลยมาไม่ได้” ผมบอกด้วยสีหน้าที่หม่นลง ตอนนี้ผมชักอยากจะไปหาพี่มันซะแล้วล่ะ รู้สึกคิดถึงทั้งๆ ที่เพิ่งห่างกันได้ไม่นาน
ขณะที่กำลังโทรคุยกันกับพี่เฟนอยู่พี่ลันก็โทรหาผมและเฮียตู้ก็โทรหาพี่เฟนเพื่อถามถึงตำแหน่งของโต๊ะที่พวกเรานั่งอยู่ เมื่อเจอกันก็รู้สึกเหมือนกลุ่มเพื่อนวัยรุ่นที่นัดแนะกันมาแม้ว่าอายุเฉลี่ยของพวกเราจะเกือบสี่สิบปีก็ตามที
ผมถูกพวกพี่ๆ มอมเหล้าหนักที่สุดเนื่องจากเป็นน้องเล็กประกอบกับที่ผมไม่ค่อยได้กินเหล้าทำให้เมาเร็วกว่าปกติ แต่ก็ไม่ถึงกับเมาไม่มีสติหรอกนะครับ
“ไอ้เปอร์! มึงไหวไหมเนี่ย?” ขณะที่ผมกำลังนั่งก้มหน้าสะบัดหัวไล่ความมึนออกไปพี่ลันที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็สะกิดเรียก
“ไหวๆ” ผมยกมือขึ้นโบกเบาๆ แล้วนั่งปรับสภาพร่างกายต่อ
“เดี๋ยวกูไปส่งเฮียตู้กับพี่หมูที่รถก่อนนะ พี่เฟน ฝากดูไอ้เด็กนี่ด้วยนะครับ” พี่ลันพูดกับผมแล้วหันไปบอกพี่เฟนก่อนจะลุกไปส่งพี่ๆ ทั้งสองคน
“เปอร์ ไหวป่าว?” พี่เฟนกระเถิบมานั่งติดผมแล้วพูดเสียงยานคาง ผมว่าพี่เฟนเมาหนักกว่าผมอีกนะเพราะหลังๆ พี่แกมอมตัวเองแล้วบ่นเรื่องแฟนใหญ่เลย
“พี่เฟนนั่นแหละไหวหรือเปล่า?” ผมถามออกไปก่อนจะเงยหน้ามองคนข้างๆ
และผมก็ต้องตกใจเมื่อคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมไม่ใช่พี่เฟนอย่างที่คิด แต่เป็นพี่ลุกซ์!!
“กลับไหม?” เสียงทุ้มๆ ดังขึ้นพร้อมกับมือหนาที่เอื้อมมากุมที่มือของผม ผมมองหน้าพี่ลุกซ์พลางเม้มปากอย่างดีใจที่ได้เห็นพี่มัน จะมาก็ไม่บอก นี่กะว่าจะไปหาแล้วนะเนี่ย
“งานเสร็จแล้วเหรอครับ?” ผมยิ้มพลางเอนตัวไปพิงไหล่ของพี่มันที่นั่งอยู่ข้างๆ
“จูบได้ไหม?” จู่ๆ พี่มันก็ถามขึ้นแต่ผมก็พยักหน้าแล้วยื่นหน้าเข้าไปหา
เมื่อริมฝีปากเราสัมผัสกันผมก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอพร้อมกับพี่ลุกซ์ที่กอดรัดเอวผมเอาไว้
ชายหนุ่มร่างสูงลุกขึ้นบิดกายไปมาไล่ความเมื่อยขบหลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งทำงานที่กองอยู่บนโต๊ะร่วมหลายชั่วโมง
เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนกว่าลุกซ์จะจัดการงานค้างทั้งหมดเสร็จ ที่เขาต้องรีบทำทั้งๆ ที่ไม่จำเป็นต้องรีบก็เพราะไม่อยากให้งานค้างไปเรื่อยๆ จนกลับบ้านช้าทุกวัน เขาอยากจะกลับบ้านพร้อมกับเปอร์และใช้เวลาอยู่กับเปอร์ในช่วงที่พ่อของเปอร์ให้มาอยู่กับเขาให้มากที่สุด
แต่แล้ว...สิ่งที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้นเมื่อมีคนส่งคลิปวีดิโออะไรบางอย่างมาให้ลุกซ์ทางไลน์ ตอนแรกเขาไม่คิดจะสนใจเพราะคงเป็นคนที่มีเบอร์เขาแล้วแอดไลน์มามั่วๆ ก็เป็นได้ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเข้าไปดูเพราะประโยคหนึ่งที่ส่งตามวีดิโอมา
ถูกสวมเขาแล้วล่ะท่านประธาน
ลุกซ์ขมวดคิ้วก่อนจะรีบเปิดดูและสิ่งที่อยู่ในนั้นทำให้เขาทั้งโกรธและโมโหจนอยากจะกระทืบโทรศัพท์ให้แหลกคาเท้า
สิ่งที่เขาได้เห็นก็คือวีดิโอที่เปอร์กำลังกอดจูบนัวเนียอยู่กับเฟน แม้ภาพจะไม่ชัดเจนแต่เขาจำได้อย่างแม่นยำว่าคนในคลิปนั่นคือเปอร์ ไม่ใช่แค่คนที่รูปร่างหน้าตาคล้ายกันอย่างแน่นอน
[เออ ว่าไง?] ทันทีที่ลุกซ์ตั้งสติได้เขาก็โทรหาน้องชายที่คาดว่าน่าจะยังอยู่กับเปอร์ทันที
“ไอ้เปอร์ล่ะ?” ลุกซ์ถามเสียงเข้มโดยพยายามระงับอารมณ์เอาไว้
[เอ่อ...นั่งอยู่ที่โต๊ะ] ลันอึกอักพลางชะเง้อมองเปอร์ที่กำลังนั่งมึนงงกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งทำลงไป
“มึงอยู่กับมันใช่ไหม?” ลุกซ์ถามย้ำอีกครั้ง
[เออ ทำไม?]
“พามันกลับมาที่คอนโดของกู” ลุกซ์สั่ง น้ำเสียงที่พูดออกไปเมื่อครู่สามารถจับอารมณ์ได้อย่างชัดเจนว่าเขากำลังโมโหอย่างหนัก
[มีอะไรหรือเปล่าวะ?] ลันถามเมื่อจับอารมณ์ของพี่ชายได้
“มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ส่งคลิปไอ้เปอร์นัวเนียกับไอ้เฟนมาให้กู!! มึงพามันกลับมาหากูเดี๋ยวนี้ก่อนที่กูจะคลั่ง!!!” ลุกซ์ตะคอกใส่ลันผ่านโทรศัพท์ด้วยอารมณ์ที่โมโหสุดขีดก่อนจะเหวี่ยงโทรศัพท์ใส่ประตูห้องทำงานของตัวเองอย่างแรงจนหน้าร้าวอย่างหนัก
ลุกซ์ยืนกำมือและกัดฟันแน่นอย่างเจ็บใจก่อนจะรีบเดินไปคว้าโทรศัพท์แตกร้าวของตัวเองมาถือไว้แล้วรีบตรงกลับไปรอที่คอนโดทันที
ขณะที่ผมกำลังนัวเนียอยู่กับพี่ลุกซ์ พี่ลันที่ไปส่งพี่ๆ เสร็จก็รีบมาแยกเราออกจากกัน ทำตกใจและนึกโมโหพี่ลันที่จู่ๆ ก็มาขัดจังหวะเรา
“พี่ลันทำอะไร?” ผมขวดคิ้วมองหน้าพี่ลันที่เบลอๆ เนื่องจากตาผมปรับโฟกัสได้ไม่ดีนัก
“มึงทำอะไรของมึงเนี่ย!?!” พี่ลันตะคอกเสียงดังแข่งกับเสียงดนตรีสดของร้านเหล้า
“ก็...ผมดีใจที่พี่ลุกซ์มา” ผมบอกเสียงอ้อมแอ้มและทันทีที่พูดจบผมก็ถูกพี่ลันฟาดกบาลอย่างแรงจนลงไปหมอบกับโต๊ะ
ด้วยความมึนผมจึงฟุบก่อนซักพักแล้วเงยหน้ามองพี่ลันที่กำลังโมโห ครั้นจะหันไปฟ้องพี่ลุกซ์ผมก็ต้องตกใจเมื่อคนข้างกายที่เคยเป็นพี่ลุกซ์กลับไม่ใช่พี่ลุกซ์อีกต่อไปแต่เป็นพี่เฟนที่เมาหลับไปแล้ว
ขณะที่ผมกำลังตกใจจนเกือบจะสร่างเมาพี่ลันก็ออกไปรับโทรศัพท์หน้าห้องน้ำเพื่อหนีเสียงดังของวงดนตรีสดในร้าน
ผมนั่งมึนๆ ไปซักพักพี่ลันก็กลับเข้ามาด้วยสีหน้าเครียดจัดจนผมรู้สึกได้ถึงลางไม่ดี
“ไอ้ลุกซ์บอกให้พามึงกลับไปที่คอนโดเดี๋ยวนี้ มีคนส่งคลิปของมึงกับพี่เฟนไปให้มันดู” คำบอกเล่าของพี่ลันทำให้ผมสร่างเมาเกือบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ ความกลัวคืบคลานเข้ามาจนพูดอะไรไม่ออก ได้แต่นั่งคิดหาคำอธิบายเพื่อไปบอกกับพี่ลุกซ์
ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอย่างนั้นกับพี่เฟนแต่ผมคิดว่านั่นคือพี่ลุกซ์จริงๆ ผมไม่รู้ว่าทำไมผมถึงคิดแบบนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าผมคิดถึงพี่มันมากเกินไปจนเผลอ...
โธ่เว้ย!! ผมไม่น่าฝืนตัวเองจนเมาเลย!
50% left
ยิ่งพี่ลันขับรถเข้ามาใกล้คอนโดพี่ลุกซ์มากเท่าไหร่ใจผมยิ่งสั่นจนรู้สึกหายใจลำบาก ผมกลัวสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมกลัวพี่ลุกซ์โกรธ กลัวโมโหร้ายแต่อีกใจก็กลัวว่าพี่มันจะเงียบและไม่พูดอะไรกับผมแม้แต่คำเดียว ในฐานะของคนรักกันความผิดครั้งนี้มันหนักหนาเหลือเกิน ที่สำคัญ...ผมไม่มีข้อแก้ตัว
“ให้กูขึ้นไปด้วยไหม?” พี่ลันถามเมื่อมาจอดรถในที่จอดรถของคอนโดเรียบร้อยแล้ว
“ผมกลัว” ผมบอกแค่นั้นทำให้พี่ลันดับรถและเดินลงเพื่อที่จะขึ้นไปกับผม อย่างน้อยๆ พี่ลันอาจจะช่วยผมได้ถ้าพี่ลุกซ์โมโหจนขาดสติ
ผมก้มหน้าเดินตามพี่ลันเข้าไปในคอนโดด้วยหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ ผมกลัวจนอยากจะร้องไห้แต่ร้องไม่ออก หายใจติดๆ ขัดๆ และไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่กล้าเผชิญหน้าแต่ก็ไม่กล้าหนีไปไหน อึดอัดเหลือเกิน
พี่ลันกดกริ่งหน้าห้องสองครั้งก่อนจะใช้คีย์การ์ดจากผมเปิดห้องเข้าไปแล้วก็พบว่าพี่ลุกซ์กำลังนั่งกอดอกอยู่ที่โซฟากลางห้องรับแขก ผมแทบหยุดหายใจกับบรรยากาศมาคุภายในห้อง พี่ลุกซ์รับรู้ว่าพวกเราเข้ามาแต่ไม่ยอมหันมามอง
“ผะ...ผมอธิบายได้นะครับ...”
“ไม่ต้อง!!” ขณะที่ผมกำลังพูดออกไปเสียงสั่นๆ ก็ถูกเสียงอันทรงพลังแฝงความเกรี้ยวกราดตวาดกลับมาจนสะดุ้งรีบขยับไปหลบหลังพี่ลัน
“ใจเย็นก่อนดิลุกซ์” พี่ลันพูดปรามๆ
“ที่กูไม่ตามไปเอาเลือดหัวใครออกก็เย็นแค่ไหนแล้ว!?” พี่ลุกซ์ตะคอกพลางหันมามองผมกับพี่ลันด้วยสายตาวาวโรจน์แสดงถึงความโกรธจัด ผมกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกไป รู้สึกจุกในอกจนอึดอัดไปหมด
“มันมีที่มาที่ไปนะเว้ย” พี่ลันพยายามจะช่วยอธิบายแต่สิ่งที่ได้กลับมามีเพียงความโกรธของพี่ลุกซ์เท่านั้น
เพล้ง!!
ผมสะดุ้งสุดตัวและเผลอคว้าชายเสื้อพี่ลันเอาไว้เมื่อพี่ลุกซ์ลุกขึ้นมาปัดแจกันบนโต๊ะรับแขกหล่นแตกกระจายเกิดเสียงดังด้วยอาการโมโหสุดขีด
“ก่อนหน้านี้มึงโมโหที่กูหาว่ามึงมีคนอื่น แล้วนี่คืออะไร? ไปกอดไปจูบกับคนอื่นแบบนั้นมันคืออะไร!?!” พี่ลุกซ์ตะคอกเสียงดังจนเส้นเลือดบริเวณขมับปูดโปน หน้าแดงก่ำ กรามขึ้นเป็นสันนูนเพราะกัดเข้าหากันแน่น
“ผมขอโทษ” น้ำตาผมร่วงเผาะเมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ลุกซ์พูดออกมา ผมไม่ได้เสียใจกับคำพูดของพี่ลุกซ์แต่ผมเสียใจที่ผมทำให้พี่ลุกซ์รู้สึกไม่ไว้ใจ ทั้งๆ ที่ผมบอกพี่ลุกซ์เองแท้ๆ ว่าให้เชื่อใจเพราะผมไม่มีคนอื่นแน่ๆ แต่ผมกลับไปจูบกับคนอื่น แม้ผมจะคิดว่าคนคนนั้นเป็นพี่ลุกซ์ก็ตาม เรื่องนี้ผมผิดอย่างมหันต์
“มึงไปส่งมันที่บ้านหน่อยลัน” พี่ลุกซ์สูดลมหายใจเข้าออกแรงๆ อยู่สามสี่ครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นลงกว่าเดิม
“ผมไม่กลับ” ผมส่ายหน้าไปมาพลางรีบวิ่งไปกอดพี่ลุกซ์เอาไว้แต่ก็ถูกสลัดออกมา
“กลับไปซะ” พี่ลุกซ์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นๆ พลางหันหลังให้ผม ผมมองแผ่นหลังกว้างนั้นแล้วร้องไห้หนักกว่าเดิมเพราะมันดูต่อต้านผมเหลือเกิน ผมควรทำยังไงให้พี่ลุกซ์ยอมรับฟังผม? ถ้าผมไม่ปรับความเข้าใจกับพี่ลุกซ์ในวันนี้ผมต้องอึดอัดจนทนไม่ไหวแน่ๆ
“มึงกลับก่อนเถอะเปอร์” พี่ลันเดินมาดึงผมให้ออกไปด้วยแต่ผมก็ขืนตัวไว้แล้ววิ่งไปกอดพี่ลุกซ์อีกครั้งและก็ถูกสะบัดออกเหมือนเดิมจนผมล้มลงไปกองกับพื้น แรงที่พี่ลุกซ์ใส่มาไม่ได้มากจนทำให้ผมล้มได้แต่ผมสะดุดโซฟาก็เลยล้ม ผมโง่เอง ทั้งเรื่องที่มองพี่เฟนผิดเป็นพี่ลุกซ์และที่สะดุดโซฟาจนล้มด้วยตัวเอง
“พี่ลุกซ์ ผมขอโทษ ขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมพูดเสียงสั่นขณะลุกขึ้นยืน ดูเหมือนวันนี้พี่ลุกซ์ไม่พร้อมจะฟังอะไรจริงๆ
“มึงฟังมันหน่อยดิวะ มันไม่ได้ตั้งใจ มันคิดว่าพี่เฟนเป็นมึงเพราะมันเมา” พี่ลันช่วยอธิบายพลางเดินมาฉุดผมให้ลุกขึ้นยืน
“แล้วถ้ามันเมาอีกจนคิดว่ามึงเป็นกูล่ะลัน? กูคงต้องทนเห็นน้องแท้ๆ กอดจูบกันกับเมียกูงั้นสิ!?” พี่ลุกซ์หันมามองผมกับพี่ลันด้วยสีหน้าต้องการคำตอบที่ไม่ว่าจะผมหรือพี่ลันก็ตอบไม่ได้ แต่สิ่งที่ผมสามารถยืนยันได้คือผมจะไม่เหลวไหลแบบนี้อีกแล้ว จะไม่เมาจนสายตาพร่ามัวมองคนอื่นเป็นแฟนตัวเองอีกอย่างแน่นอน
“มันไม่มีทางเกิดขึ้นหรอก” พี่ลันรีบบอก ผมรีบพยักหน้าสนับสนุน
“เรื่องนี้กูก็คิดว่าไม่มีทางเกิดขึ้นเพราะกูไว้ใจก็เลยไม่ไปคุม แต่แล้วยังไงล่ะ? ที่กูต้องมาเป็นแบบนี้ก็เพราะกูเชื่อใจไม่ใช่หรือไง!!” พี่ลุกซ์มองผมด้วยสายตาผิดหวังแต่ก็ยังคงความโกรธเอาไว้อยู่
“ผมขอโทษ คุยกันก่อนได้ไหม?” ผมขอร้องทั้งน้ำตา จะเข้าไปหาพี่ลุกซ์แต่พี่ลันก็ขยับมายืนบังเอาไว้ทำให้ต้องชะงัก
“มึงใจเย็นๆ ก่อนลุกซ์” พี่ลันพยายามปราม
“ถ้ามึงเห็นเมียมึงไปกอดจูบกับคนอื่นมึงจะทำยังไง?” คำถามย้อนกลับที่พี่ลุกซ์ถามออกไปทำให้พี่ลันชะงักและพูดอะไรไม่ออก “คิดเอาละกันว่าตอนนี้มึงควรทำอะไร?” พี่ลุกซ์พูดขึ้นแล้วหันหลังให้พวกเราอีกครั้ง
“กลับบ้าน” พี่ลันหันมาพูดกับผม ผมรีบเม้มปากส่ายหน้าไปมาทันที ผมไม่อยากปล่อยเรื่องทิ้งไว้แบบนี้เพราะพี่ลุกซ์ไม่เข้าใจผมและนั่นก็ทำให้พี่มันเจ็บปวดมาก ที่ผมอยากจะอธิบายไม่ใช่เพราะอยากทำให้ตัวเองดูดีขึ้นมาในสายตาของพี่ลุกซ์แต่เพราะผมไม่อยากให้พี่ลุกซ์คิดอะไรไม่ดีจนตัวเองต้องเจ็บปวดเหมือนที่ผมเคยเป็น
“ผมขอร้องล่ะ ให้ผมได้อธิบายได้ไหม?” ผมทั้งสะอื้นทั้งพูดไปด้วยในขณะที่พี่ลันพยายามฉุดแขนผมให้เดินออกจากห้องไป
“มึงเมาจนคิดว่าพี่เฟนเป็นกูใช่ไหมล่ะ? กูเข้าใจแล้ว แต่กูยังทำใจไม่ได้ที่ต้องเห็นภาพแบบนั้น กูขอเวลาหน่อยละกัน” พี่ลุกซ์พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงแต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกเจ็บมากกว่าตอนที่พี่มันตะคอกเสียอีก
“อย่าเป็นแบบนี้นานนะครับ ผมใจคอไม่ดีเลย” ผมก้าวตามแรงฉุดของพี่ลันพร้อมกับมองแผ่นหลังของพี่ลุกซ์ผ่านม่านน้ำตา
ที่ผมรู้สึกไม่ดีตั้งแต่แรกเพราะเรื่องนี้เองหรอกหรือ? แบบนี้ผมทนไม่ได้หรอกนะ ผมผิดจริงๆ ผมไม่อยากให้พี่ลุกซ์ทนอยู่กับความสับสน ผมรู้ว่ามันเจ็บเพราะผมก็เคยประสบและผมมั่นใจว่าพี่ลุกซ์เองก็เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาเหมือนกัน ช่วงที่เราทะเลาะกัน ช่วงที่ผมเคยหมางเมิน พี่ลุกซ์จะเจ็บปวดขนาดไหนผมไม่เคยรับรู้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้ว
ตลอดเวลาที่เราตกลงเป็นแฟนกันพี่ลุกซ์ก็ไม่เคยนอกใจผมไปหาคนอื่น ไม่เคยแม้กระทั่งจะมองใครแม้อาจจะมีบ้างที่มีคนเข้ามาอ่อยจนพี่ลุกซ์ปฏิเสธไม่ทันแต่พี่มันก็ไม่เคยทำอย่างที่ผมทำ ผมเมาจนขาดสติ รู้ลิมิตตัวเองแต่ก็ยังจะฝืนจนเมาและทำให้พี่มันเสียใจ ภาพที่พี่ลุกซ์เห็นจะเป็นยังไงผมไม่รู้ แต่ที่รู้ๆ คือผมนัวเนียกับพี่เฟนมากๆ เพราะคิดว่านั่นคือพี่ลุกซ์
“เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม” พี่ลันปลอบขณะกำลังขับรถไปส่งผมที่บ้าน ผมกัดริมฝีปากพยักหน้าทั้งน้ำตาโดยไม่พูดอะไรออกไป
ผมตื่นมาในตอนเช้าด้วยสภาพที่โทรมสุดๆ เพราะเมื่อคืนร้องไห้หนักมาก ทั้งๆ ที่อยากจะนอนต่ออีกซักหน่อยก่อนออกไปทำงานแต่ผมก็ไม่นอนเพราะอยากจะลุกมาทำอาหารไปง้อพี่ลุกซ์ ถ้าได้เห็นความตั้งใจของผมพี่ลุกซ์อาจจะหายโกรธก็ได้
“ตายแล้วเปอร์ ทำไมถึงได้โทรมแบบนี้ล่ะลูก? เมื่อวานไม่ได้อยู่กับพี่ลุกซ์เหรอ?” แม่ที่กำลังทำอาหารอยู่ในครัวทักผมอย่างตกใจ
“ผมไม่ค่อยได้นอนน่ะครับ เมื่อคืนเมามากเลยไม่อยากรบกวนพี่ลุกซ์” ผมยิ้มตาหยีเพื่อปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง
“แฮงก์หรือเปล่า? เดี๋ยวแม่ชงชาให้” แม่บอกพลางเดินไปหาใบชามาชงให้ผมดื่มแก้เมาค้าง
“ก็ดีครับแม่ ว่าแต่วันนี้พอมีอะไรให้ผมทำไปให้พี่ลุกซ์ได้บ้างครับ?” ผมถามพลางเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อสำรวจ
“ไหวเหรอเรา?” แม่ถาม
“ไหวสิครับ อยากทำด้วย” ผมบอก ไม่กล้าบอกแม่เลยครับว่าไปสร้างวีรกรรมอะไรไว้
“เมื่อวานแม่ได้เนื้อดีๆ มาก็เลยหมักไวน์เอาไว้ เราทำสเต็กไปให้พี่เขาก็ได้ ทำใส่กล่องไปแล้วเอาไปอุ่นที่บริษัทนะ” แม่บอกพลางส่งแก้วชาที่ชงเสร็จแล้วมาให้ก่อนจะเดินไปหาอุปกรณ์ให้ผม
“แม่ทำอาหารเช้าต่อเถอะครับเดี๋ยวที่เหลือผมจัดการเองนะ” ผมบอกเพราะกลัวว่าแม่จะทำให้ทุกอย่างจนผมไม่ได้ทำอะไรเลย
“โอเค งั้นก่อนออกไปทำงานก็กินข้าวกินปลาก่อนนะลูก เดี๋ยวจะไม่มีแรงเอา” แม่บอก ผมพยักหน้ายิ้มๆ ก่อนจะจิบชาเรื่อยๆ แล้วลุกไปทำสเต็ก
ผมออกจากบ้านด้วยท่าทางร่าเริงแม้สภาพร่างกายจะไม่ค่อยอำนวยก็ตามแต่เนื่องจากผมไม่ค่อยได้นอนและยังคงมีอาการเมาค้างอยู่ ที่สำคัญที่สุดคือผมร้องไห้จนแสบตาไปหมด
ผมต้องผจญกับการขับรถของแท็กซี่ด้วยสภาพร่างกายที่ยังไม่พร้อมนักทำให้ทันทีที่ถึงบริษัทผมต้องวิ่งหาห้องน้ำเพื่ออ้วกออกมา
“เฮีย ท้องเหรอเนี่ย?” ไอ้เด่น เด็กในออฟฟิศที่มาถึงก่อนผมและเห็นสภาพผมทุกอย่างแซวขึ้นหลังจากที่ผมออกมาจากห้องน้ำมานั่งเอนหลังอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง
“ท้องบ้าอะไรล่ะ แฮงก์ดิ เมื่อคืนพวกพี่ๆ มอมจนเมาเละเลย” ผมเอาผ้าเย็นมาวางโปะไว้ที่ตาพลางบอกออกไป พวกเด็กในออฟฟิศรู้อยู่แล้วล่ะครับว่าวิทยากรที่มาบรรยายเป็นรุ่นพี่ของผมและพี่ลัน
“แล้วท่านประธานได้ไปด้วยไหมครับ?” ไอ้เด่นถามต่อ ผมเม้มปากนิดๆ ก่อนจะขมวดคิ้วภายใต้ผ้าเย็น ถ้าไปด้วยคงไม่เป็นแบบนี้หรอก
“เปล่า” ผมตอบ
“ไม่ไปคุมแบบนี้ก็เลยเมาล่ะสิเฮีย” เด็กมันพูดอีกซึ่งนั่นก็จี้ใจดำผมเหลือเกิน ไอ้ห่า ทำกูร้องไห้ซะแล้วนะมึง
ผมหลับตาลงพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมา แค่คิดถึงเรื่องเมื่อคืนผมก็จุกที่อกจนแทบทนไม่ไหวแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าวันนี้พี่ลุกซ์จะคุยกับผมหรือเปล่า อยากให้ถึงเที่ยงเร็วๆ จัง
ผมทำงานด้วยอาการมึนๆ จนเผลอทำให้ตัวเองเจ็บตัวอยู่เรื่อย แค่จะชาร์จแบตเตอรีรถยังเผลอไปโดนจนถูกไฟช็อตที่นิ้ว โชคดีที่โวลท์ไม่สูงมากก็เลยไม่เป็นอะไร แค่นิ้วเป็นรอยแดงเท่านั้น ไหนจะอีกหลายๆ อย่างที่ผมพลาดจนนิ้วเต็มไปด้วยพลาสเตอร์
“พอเถอะเปอร์ วันนี้ทำตัวเองเจ็บตัวไปกี่ครั้งแล้ว” พี่อู๊ดเดินเข้ามาดุหลังจากที่ผมใช้ประแจเคาะสำรวจเครื่องแล้วดันเคาะไปโดนนิ้วโป้งจนห้อเลือด จริงๆ ผมเคาะไม่แรงหรอกแต่ประแจที่ผมใช้มันหนักก็เลยเจ็บมากกว่าที่คาด
“ผมขอโทษครับ” ผมก้มหน้าขอโทษเพราะตลอดทั้งเช้าผมพลาดบ่อยมาก
“ไม่ต้องขอโทษ เปอร์ไม่ได้ทำงานพลาดแต่เปอร์ดูไม่ไหวเลยนะ เห็นไอ้เด่นมันบอกว่าเมื่อเช้าอ้วกด้วยนี่” พี่อู๊ดขมวดคิ้วพูด
“ก็นิดหน่อยครับ ผมแฮงก์น่ะ” ผมบอก
“ไปๆ ไปพักเถอะ นี่ก็จะพักเที่ยงพอดี อย่าฝืนตัวเองมากล่ะ เดี๋ยวไอ้ประธานก็มาเฉ่งพวกพี่หรอก” พี่อู๊ดพูดติดจะแซวนิดๆ พลางตบหลังผมเบาๆ
“ขอบคุณครับพี่” ผมยิ้มรับนิดๆ ก่อนจะรีบกลับเข้าไปในออฟฟิศเพื่ออุ่นอาหารที่ทำมาไปให้พี่ลุกซ์โดยใช้ครัวเล็กๆ ของออฟฟิศในการทำ
เมื่อทำเสร็จผมก็รีบขึ้นไปที่ตึกทันทีโดยไม่คิดจะนั่งพัก ผมขึ้นไปทั้งๆ ที่ยังใส่ชุดหมีโดยปลดส่วนบนลงแล้วเอาแขนเสื้อมันรวบไว้ที่เอวเพื่อไม่ให้ชุดมันหลุด เสื้อที่ปกปิดร่างกายส่วนผมของผมเอาไว้ก็คือเสื้อยืดสีขาวเปื้อนน้ำมันนิดๆ
++++++++++++++++
เดี๋ยวตอนหน้าก็หายดราม่าแล้ว
หลังจากดราม่านี้ก็รักกันหวานชื่นพร้อมกับไขความลับตอนเด็กของพี่ลุกซ์ให้เปอร์รู้ด้วย
อิๆ
ก่อนจบไรต์คอนเฟิร์มว่ารักกันหวานเฟ่อร์อีกหลายตอนแน่นอน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ