[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  237.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

45) Chapter 45 : ลื่น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 45 : ลื่น



 

เพราะสภาพของผมที่ขึ้นออฟฟิศไปทั้งๆ สภาพนั้นทำให้คนอื่นๆ มองด้วยสายตาเหยียด  พวกที่มองไม่ใช่คนในบริษัทของพี่ลุกซ์หรอกแต่เป็นคนของบริษัทอื่นที่ใช้ตึกเดียวกัน

“ว้ายน้องเปอร์! ทำไมมาสภาพนี้ล่ะลูก?” พี่ผึ้งทักขึ้นอย่างตกใจที่เห็นผมไปสภาพโทรมๆ  ทั้งหน้าตา เสื้อผ้าและสภาพมือของผมดูสกปรกมากเลย

“เปอร์ ทำไมหน้าโทรมแบบนี้ล่ะ?” พี่พลอยที่อยู่หน้าห้องพี่ถังลุกเดินออกมามองผมด้วยสายตาสงสัยปนเวทนา

“เมื่อคืนไปดื่มกับพวกพี่ๆ น่ะครับเลยแฮงก์” ผมบอกพี่พลอยยิ้มๆ

“ทำไมรีบมานักล่ะ? ปกติต้องมาตอนเลิกงานไม่ใช่เหรอ?” พี่พลอยถาม

“พอดีรีบเอาข้าวเที่ยงมาส่งให้พี่ลุกซ์น่ะครับ” ผมพูดพลางยกกล่องพลาสติกที่บรรจุสเต็กกับเครื่องเคียงน่าทานเอาไว้ขึ้นมาโชว์

“ดีเลยจ้า  เมื่อเช้าประธานยังไม่ได้ทานอะไรมาเลย  ดื่มแค่กาแฟถ้วยเดียว” พี่ผึ้งบอกยิ้ม  ผมพยักหน้ารับด้วยสีหน้าอิ่มเอิบก่อนจะเดินไปเคาะประตูห้องพี่ลุกซ์  พี่มันต้องดีใจแล้วรีบกินแน่ๆ

“เชิญ” เมื่อได้ยินเสียงตอบรับจากด้านในเพราะผมแง้มประตูไว้ให้เสียงลอดออกมาผมก็รีบเปิดประตูเข้าไป  พี่ลุกซ์เงยหน้ามองนิดๆ เมื่อเห็นว่าเป็นผมก็ก้มหน้าทำงานด้วยท่าทางเย็นชา 

ผมใจแป้วไปจนรอยยิ้มบนหน้าเจื่อนลงแต่ก็พยายามไม่คิดอะไรแล้วเดินเอากล่องอาหารไปวางไว้บนโต๊ะรับแขกภายในห้อง

“แม่ได้เนื้อดีๆ มาผมก็เลยทำสเต็กมาให้ครับ” ผมพูดพลางรอดูปฏิกิริยาตอบรับจากพี่ลุกซ์แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งซักพักพี่มันก็ต่อโทรศัพท์ไปหาใครซักคน

“สั่งอาหารเที่ยงมาให้ผมด้วย” ใจผมร่วงลงพื้นทันทีที่ได้ยินพี่ลุกซ์พูดผ่านสายโทรศัพท์ก่อนจะวาง

“เอ่อ...ไม่เห็นต้องสั่งข้าวเข้ามาเลยนี่ครับ  นี่ไง ผมอุ่นให้แล้วนะ  กำลังร้อนๆ เลย” ผมพยายามฉีกยิ้มแล้วบอกออกไป  ให้ตายเถอะ  ปากก็ยิ้มอยู่แท้ๆ แต่ทำไมตามันแสบๆ ร้อนๆ แบบนี้วะ

“อยากกินข้าว” พี่ลุกซ์พูดทั้งๆ ที่ไม่ยอมมองหน้าผม  เอาแต่ก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสาร

“อ๋อ โอเคครับ  งั้นผมเอานี่ไว้นะ  ถ้าเกิดหิวขึ้นมาจะได้กินเลย” ผมพูดยิ้มๆ แม้จะยิ้มไม่ออกแล้วก็ตาม

“ไม่ต้อง” พี่ลุกซ์พูด  ผมเม้มปากมองหน้าพี่มันพลางพยายามกลั้นน้ำตา  อยากจะโมโหใส่อยู่หรอกนะที่ทำกับผมแบบนี้แต่เพราะผมสำนึกได้ว่าผมทำให้พี่ลุกซ์เสียใจจนเสียศูนย์ผมก็เลยได้แต่อยู่นิ่งๆ โดยไม่โวยวาย

“งั้น...ผมให้พี่ผึ้งเก็บไว้ให้นะครับ  ตะ...แต่ถ้าไม่กินก็...ทิ้งก็ได้ครับ ไม่เป็นไร” ยิ่งพูดเสียงผมยิ่งแผ่วปลายเพราะกำลังควบคุมไม่ให้มันสั่น  ส่วนน้ำตามันก็ออกมาคลอที่ขอบตาซะแล้ว

“อืม” พี่ลุกซ์ตอบอย่างขอไปทีโดยที่ยังไม่มองหน้าผมเหมือนเดิม  ผมกำมือแน่นทั้งๆ ที่ยังเจ็บเพื่อบังคับตัวเองไม่ให้สั่น  ผมไม่โกรธพี่ลุกซ์เลยที่พี่มันเฉยชา  ผมโกรธตัวเองมากกว่าที่เป็นต้นเหตุ

 

ผมเดินออกจากห้องพี่ลุกซ์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนักทำให้พี่ผึ้งกับพี่พลอยที่ยังยืนอยู่ที่เดิมเดินเข้ามาปลอบ

“ทะเลาะกันใช่ไหม?” พี่ผึ้งถามพลางลูบแขนผมเบาๆ  ผมพยักหน้ารับ

“เปอร์! มือไปโดนอะไรมาทำไมพลาสเตอร์ถึงเยอะแยะแบบนี้ฮะ!?” พี่พลอยถามเสียงดังอย่างตกใจ

“เอ่อ ก็...ทำงานนั่นแหละครับ  สงสัยมึนไปหน่อยเลยเป็นอย่างนี้” ผมยกมือตัวเองขึ้นมาดูแล้วปล่อยมันกลับที่เดิม

“เดี๋ยวพี่ทำแผลให้ใหม่” พี่พลอยขมวดคิ้วพูดพลางจับมือผมขึ้นมาอย่างไม่นึกรังเกียจที่มือผมเปื้อนและเหม็นกลิ่นน้ำมัน

“ไม่เป็นไรครับ  ไม่ได้เป็นหนักอะไร  อีกอย่างผมทำแผลมาแล้ว นี่ไง” ผมเงยหน้ามองพี่พลอยพลางยิ้มให้พร้อมกับโชว์พลาสเตอร์ที่กลายเป็นสีดำและมีฝุ่นเขลอะ

“ไม่ได้นะเปอร์  สกปรกแบบนี้แล้วแผลก็อักเสบหรอก  เล็กๆ น้อยๆ ก็ต้องทำแผลนะ” พี่พลอยดุก่อนจะจูงมือผมไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง

“พี่ผึ้งครับ โทรสั่งข้าวให้พี่ลุกซ์หรือยัง?” ผมถูกบังคับให้นั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานโดยพี่พลอยหันไปถามพี่ผึ้งที่เดินตามมา

“สั่งแล้ว” พี่ผึ้งตอบด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก

“อ้อ ผมวานพี่ผึ้งไปเอาอาหารที่ผมทำมาแช่ตู้เย็นหน่อยนะครับ  แล้วก็เปลี่ยนถุงที่ใส่กล่องมาด้วยเพราะมันเปื้อนน้ำมันจากมือผม  ถ้าพี่ลุกซ์กินแล้วได้กลิ่นน้ำมันจะรู้สึกไม่ดี” ผมบอกพี่ผึ้งขณะที่พี่พลอยไปหากล่องพยาบาลจากห้องสวัสดิการ

“อดทนดีมากจ้ะ” พี่ผึ้งยิ้มให้ผมอย่างให้กำลังใจพร้อมกับลูบหัวเบาๆ ก่อนจะไปทำตามที่ผมขอร้อง

 

“เมื่อกี้ผมได้ยินคุณพลอยพูดถึงแผลที่มือ  ของใคร?” ทันทีที่ผึ้งเดินเข้าไปในห้องทำงานของลุกซ์เพื่อทำตามที่เปอร์ขอ  ลุกซ์ก็ถามขึ้นเพราะได้ยินแว่วๆ จากการที่เปอร์ปิดประตูไม่สนิท

“น้องเปอร์ค่ะ” ผึ้งตอบไปโดยไม่แจกแจงรายละเอียดมากนักเพราะอยากให้ลุกซ์ไปดูเองแต่หากลุกซ์ถามเธอก็พร้อมจะบอก

“มันเป็นไร?” ลุกซ์ถามออกไปเสียงแข็งๆ เหมือนไม่รู้สึกอะไรแต่ในใจกลับกระวนกระวายเพราะเป็นห่วง  ความโกรธภายในใจลดฮวบเมื่อรู้ว่าคนรักเจ็บตัว

“เห็นบอกว่าแฮงก์ก็เลยทำงานพลาดค่ะ  พลาสเตอร์ติดเต็มมือเลยค่ะ  มือน้องเปอร์สกปรกมากน้องพลอยกลัวจะอาการหนักกว่าเดิมเลยทำแผลให้ใหม่ค่ะ” ผึ้งพูดนิ่งๆ  ใจก็รู้สึกเคืองลุกซ์นิดๆ ที่ทำให้เปอร์ผู้ร่าเริงมีสีหน้าอมทุกข์ขนาดนั้น  อีกทั้งใบหน้าที่สุดโทรมของเปอร์ยิ่งทำให้เธอรู้สึกเห็นใจมาก

“เป็นอะไรมากไหม?” ลุกว์ถามออกไป  สายตาอยู่ไม่นิ่งเพราะกำลังลังเลว่าจะออกไปดีไหม

“ไม่ทราบค่ะ  แต่น้องบอกว่าไม่เป็นอะไรค่ะ”

“คุณ...ถ่ายรูปมาให้ผมดูหน่อย” ลุกซ์ลังเลนิดๆ ก่อนจะพูดออกไป

“เมื่อครู่ประธานไม่เห็นหรือคะ?” ผึ้งแสร้งทำซื่อถามออกไป

“ผมไม่ทันสังเกต” ลุกซ์ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วบอก  ก็เขามองเปอร์แค่เสี้ยววินาทีจากนั้นก็ทำเป็นก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารเพื่อจะได้ไม่สบตาเพราะเขาอาจจะใจอ่อนได้

“ได้ค่ะ” ผึ้งพยักหน้ารับก่อนจะออกไปทำในสิ่งที่ลุกซ์บอกโดยไม่ลืมหยิบกล่องบรรจุอาหารของเปอร์ออกไปด้วย

ยังไม่ทันเดินออกไปพ้นห้องลุกซ์ก็เรียกให้เอากล่องอาหารกลับมาวางไว้ที่เดิม  แต่พอผึ้งจะออกไปดูอาการของเปอร์ เปอร์ก็หนีกลับไปก่อนเสียแล้วซึ่งนั่นก็ทำให้พลอยที่เพิ่งออกจากห้องสวัสดิการพร้อมกับกล่องปฐมพยาบาลทำหน้าระอากับความดื้อของเปอร์

 

ผมกลับมาที่ออฟฟิศอีกครั้งขณะที่ทุกคนกำลังกินข้าวเที่ยงกันอยู่  ตอนนี้ผมไม่อารมณ์กินอะไรทั้งนั้น  ปวดหัวแล้วก็มึนมากๆ  ที่สำคัญผมเสียใจสุดๆ เลยด้วย  กินอะไรไม่ลงเลยทีเดียว  ไม่ว่าใครจะชวนไปร่วมวงกินข้าวเที่ยงผมก็ไม่ไปและอ้างว่ากินกับพี่ลุกซ์มาแล้ว  ถ้าไม่พูดแบบนั้นก็คงไม่มีใครปล่อยให้ผมได้อยู่คนเดียวแน่ๆ

“เอ้า กินนี่ก่อนจะได้มีแรง” พักใหญ่ๆ พี่ลันก็เดินเอาแซนวิชมาวางไว้บนโต๊ะที่ผมกำลังฟุบอยู่

“ผมอิ่มแล้ว” ผมบอกเพราะยังไม่อยากกิน  กะจะพักสายตาจนกว่าจะหมดเวลาพักค่อยไปทำงานต่อ

“มึงยังไม่ได้กิน  ถ้ากินแล้วมึงไม่กลับมาพร้อมกับท่าทางแบบนี้หรอก  กินซะ มีแรงแล้วก็กลับบ้านไปพักก่อน  กูให้ลาครึ่งวัน” พี่ลันบอก

“งั้นผมกลับเลยได้ไหมครับ?” ผมถาม  ผมคิดว่าผมคงไม่มีแรงทำงานช่วงบ่ายแน่ๆ  กลัวล้มไปในห้องเครื่องให้พวกน้องๆ มันสมเพชเอา

“อืม กลับตอนนี้ก็ได้” พี่ลันพยักหน้า  ผมยิ้มรับอย่างอ่อนเพลียก่อนจะรีบเก็บของ

ผมโบกมือลาคนอื่นๆ ที่เดินผ่านแล้วออกไปเรียกแท็กซี่กลับบ้านทันที  และแน่นอนว่าพอกลับถึงบ้านผมก็อ้วกอีกครั้งเพราะเมารถแม้ว่าจะไม่มีอะไรให้อ้วกออกมาเลยก็ตาม

 

ผมกลับขึ้นไปนอนพักจนกระทั่งตื่นขึ้นอีกทีตอนเย็นๆ  เพราะรู้สึกหิวผมจึงลงมาข้างล่างและนั่นก็ทำให้ผมได้พบกับคุณชนะที่มาคุยกับพ่อเรื่องต้นไม้

ตอนแรกที่เห็นผมก็ตั้งใจจะกลับขึ้นห้องแต่นึกอะไรขึ้นมาได้ผมจึงเดินไปขอตัวเขามาคุยกันที่ข้างสระน้ำเก่าที่ตอนนี้ไม่ได้ทำความสะอาด

“คุณใช่ไหมที่ส่งวีดิโอไปให้พี่ลุกซ์!?!” ผมตะคอกถามเสียงดังอย่างโมโห  ผมว่าไอ้หมอนี่แหละที่ทำเพราะถ้าไม่ใช่มันก็ไม่รู้ว่าจะเป็นใครได้อีก

“เรื่องอะไรกันครับเนี่ย?” คุณชนะพูดออกมาแต่ใบหน้ายิ้มอย่างมีเลศนัย

“อย่ามาไขสือ!” ผมกระชากคอเสื้อเขาเข้ามาใกล้ๆ พลางขมวดคิ้วจ้องหน้าอย่างเอาเรื่อง  ถ้าหมอนี่มันพูดไม่เข้าหูผมจะตะบันหน้ามันให้แหลกเลย

“คุณพูดเรื่องอะไรผมไม่เข้าใจ” คุณชนะยังคงปากแข็ง  ไอ้สีหน้าที่ดูเหมือนคนถือไพ่เหนือกว่าแบบนี้มันน่านัก!

“คุณต้องการอะไรจากผมกันแน่คุณชนะ?” ผมถามออกไปอย่างต้องการคำตอบ  ผมรู้สึกไม่ดีกับการที่เขามายุ่งวุ่นวายกับพวกเราอย่างนี้

“ที่ผมยุ่งกับคุณเพราะผมตกหลุมรักคุณตั้งแต่แรกเห็นยังไงล่ะ  ผมอยากได้คุณนะ” คุณชนะยื่นหน้าเข้ามาหวังจะจูบแต่ผมรีบขยับออกพร้อมกับผลักเขาออกด้วย

“คุณไม่ได้รักผมหรอก  คุณแค่อยากเอาชนะ  ยิ่งผมเป็นแฟนพี่ลุกซ์ที่เป็นเพื่อนกับพี่เคย์คุณก็ยิ่งอยากจะชนะให้ได้” ผมพูดอย่างรู้ทัน  คุณชนะก็คงจะแค้นพี่เคย์จากเหตุการณ์เรื่องพี่ถังแน่ๆ ทำให้พาลไม่ชอบขี้หน้าเพื่อนของพี่เคย์ไปด้วย  ถ้าคุณชนะแย่งผมมาจากพี่ลุกซ์ได้นั่นคือเขาชนะพี่ลุกซ์ที่เป็นเพื่อนรักของพี่เคย์และนั่นหมายถึงเขาสามารถชนะพี่เคย์ได้อย่างอ้อมๆ

“คุณนี่คิดอะไรซับซ้อนจังเลยนะครับ” คุณชนะหัวเราะนิดๆ

“ยังไงก็แล้วแต่  คุณอย่ามายุ่งกับพวกผมอีก  ยังไงผมก็ไม่มีทางชอบคุณหรอก  ผมรักพี่ลุกซ์มากและเขาก็รักผมมากเช่นกัน” ผมบอก

“แน่ใจได้ยังไงครับ?” ขณะที่ผมกำลังจะหันหลังเดินหนีคุณชนะก็พูดขึ้นมาทำให้ผมชะงัก

“ผมแน่ใจครับ!” ผมหันไปพูดกับเขาเสียงหนักแน่นก่อนจะเดินกลับขึ้นห้องของตัวเองโดยไม่กินข้าวทั้งๆ ที่กำลังหิวอยู่

 

วันต่อมา

ผมตื่นเช้ามาทำอาหารเพื่อเอาไปให้พี่ลุกซ์อีกครั้งแม้จะรู้อยู่แล้วว่าพี่มันคงไม่กินและวันนี้ผมก็อาการดีขึ้นมา  ที่เคยแฮงก์ก็หายแล้วเพราะเมื่อวานผมนอนอย่างเต็มอิ่ม  แต่ที่แย่หน่อยก็คงจะเป็นอาการเจ็บที่นิ้วเนื่องจากได้แผลาเยอะแม้จะเป็นแผลเล็กๆ น้อยๆ ก็ตาม  จุดที่เจ็บสุดเห็นจะเป็นตรงที่ถูกประแจเคาะจนห้อเลือดเพราะไม่ว่าผมจะใช้ทำอะไรมันก็เจ็บไปหมด

“พี่ผึ้งครับ  ผมฝากกับข้าวไว้ให้พี่ลุกซ์อีกหน่อยนะครับ” ในเวลาพักเที่ยงผมก็ขึ้นมาที่ออฟฟิศฝ่ายบริหารด้วยสภาพเหมือนเมื่อวานแต่จะดีกว่าเมื่อวานหน่อยตรงที่ผมไม่มีอาการมึน

“วันนี้ไม่เข้าไปเหรอจ๊ะ?” พี่ผึ้งถาม

“ไม่ล่ะครับ  เดี๋ยวผมรีบไปกินข้าวกับพวกช่าง” ผมบอก  ก่อนที่จะมานี่ผมบอกให้พวกเด็กๆ มันรอผมไปกินข้าวด้วยเพราะวันนี้ผมไม่อยากกินคนเดียว

แกร๊ก

ขณะที่ผมกำลังหันหลังเดินไปที่ลิฟต์เสียงเปิดประตูจากห้องของพี่ลุกซ์ก็ดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมองโดยอัตโนมัติ

ผมยืนนิ่งสบตากับสายตาเย็นชาของพี่ลุกซ์ก่อนจะรีบซ่อนมือไว้ด้านหลังเมื่อพี่ลุกซ์เบนสายตามองลงมาที่มือของผม  ไม่รู้พี่มันทันได้สังเกตหรือเปล่าว่ามือผมเจ็บ  แต่ก็ไม่อยากให้เห็นหรอกครับเพราะผมกลัวพี่มันเป็นกังวล

“เดี๋ยวเที่ยงนี้ผมจะออกไปทานข้าวกับเพื่อนแล้วจะกลับมาตอนบ่ายนะครับ” พี่ลุกซ์หันไปพูดกับพี่ผึ้งก่อนจะชะงักไป  ผมมองตามสายตาของพี่ลุกซ์จึงรู้ว่าพี่มันเพิ่งสังเกตเห็นกล่องข้าวของผมบนโต๊ะพี่ผึ้ง

“เอ่อ...น้องเปอร์เอาข้าวมาฝากไว้ให้น่ะค่ะ” พี่ผึ้งหันมามองผมด้วยสายตาลำบากใจก่อนจะบอกพี่ลุกซ์  ผมยืนลุ้นอยู่สักพักว่าพี่ลุกซ์จะทำยังไงแต่ก็ไม่มีวี่แววว่ามันจะมีเรื่องดีๆ ผมจึงรีบเดินไปเอากล่องข้าวของตัวเองคืนมา

“ไม่เป็นไรครับ  เดี๋ยวผมกินเองก็ได้” ผมเดินถอยห่างออกมาจากพี่ลุกซ์หลังจากได้ข้าวมาแล้วก่อนจะยิ้มให้กับพี่ผึ้งอย่างฝืนๆ

เมื่อพี่ลุกซ์ไม่พูดอะไรผมก็รีบวิ่งไปขึ้นลิฟต์ที่มาเปิดที่ชั้นนี้พอดี





43.75% left



ตลอดทั้งเที่ยงผมไปนั่งเขี่ยข้าวเล่นอยู่สวนหย่อมรกๆ หลังออฟฟิศไปเรื่อยๆ จนกระทั่งมีแมวจรจัดโผล่มา  ร่างกายมันซูบผอมจนผมต้องเอาข้าวของตัวเองไปให้มันกิน  ไหนๆ ผมก็ไม่อยากกินแล้วเพราะฉะนั้นจะแบ่งให้แมวกินก็คงไม่เป็นอะไร

“ตัวเองก็ผอมจะตายอยู่แล้วยังจะไปแบ่งข้าวให้แมวอีกนะ” ผมสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็มีคนพูดขึ้น  พอหันไปมองก็เห็นพี่สองยืนอยู่ตรงหัวมุมทางเดินมาที่สวนหย่อมรก

“ก็แมวมันผอมนี่ครับ  น่าสงสารออก” ผมบอกขณะที่พี่สองเดินมานั่งลงบนพื้นปูนเย็นๆ ข้างๆ ผมพร้อมกับยื่นนมกล่องมาให้

“วันนี้จะทำงานไหวไหมเนี่ย?” พี่สองถาม

“สบายมากครับ  ผมไม่ได้เป็นอะไร  ที่สำคัญ...ผมแข็งแรงจะตาย” ผมบอกพลางแบ่งกล้ามโชว์  ตั้งแต่ผมมาทำงานแผนกนี้ผมต้องใช้ร่างกายทำงานหนักมากทำให้ตัวเริ่มหนาขึ้น  ข้าวก็กินเยอะขึ้นเพราะต้องการพลังงาน  แต่สองสามวันมานี้ผมกินอะไรไม่ค่อยจะลงเลย

“ถ้าไม่กินอะไรเลยจะไปแข็งแรงได้ยังไงล่ะ?” พี่สองพูดทำให้ผมต้องรับนจากพี่มันมากินอย่างช่วยไม่ได้

“ขอบคุณนะครับ” ผมยิ้มให้พี่สองอย่างขอบคุณก่อนจะทอดสายตามองไปข้างหน้าด้วยอารมร์ที่หม่นลง  ถ้าพี่ลุกซ์แคร์ผมบ้างก็คงจะดี  ช่วงนี้มีแต่คนดูแลผมแต่คนที่ผมอยากให้ดูแลกลับไม่แยแสผมเลยแม้แต่นิด

“เอ้า พลาสเตอร์อันใหม่  อันเก่าเปื้อนจนดำเขลอะไปหมดแล้ว” พี่สองหยิบซองใส่พลาสเตอร์จากอกเสื้อส่งมาให้ผม  ผมรับไว้และรีบเปลี่ยนทันทีเพราะอันเก่าทั้งสกปรกทั้งจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่

“ขอบคุณอีกครั้งนะครับ” ผมยิ้ม  พี่สองพยักหน้ายิ้มๆ แล้วนั่งเล่นกับแมวเป็นเพื่อนผมจนกระทั่งถึงเวลาทำงาน

 

ปกติเวลาทำงานผมจะทำอยู่กับพวกช่างหลายๆ คนและคอยสั่งงานเป็นบางอย่างแต่คราวนี้ผมมาหลบมุมทำงานเงียบๆ คนเดียวเพราะวันนี้พี่ลุกซ์เข้ามาทำงานในส่วนนี้เนื่องจากกำลังว่างจากงานบริหาร  ที่ผมไม่เข้าไปหาเพราะผมกลัวจะถูกทำท่าเย็นชาใส่จนเผลอร้องไห้ให้พวกเด็กๆ มันเห็นน่ะสิครับ

วันนี้มีรถเข้ามาให้เช็คสภาพเยอะมากและผมก็รับรถคันหนึ่งไว้ทำคนเดียวเนื่องจากไม่อยากไปสุงสิงกับคนอื่นในเวลานี้

Audi A5 สีขาวครับ  ลูกค้ามารับรถแล้วครับ” เสียงพี่อู๊ดตะโกนขึ้นเพื่อเรียกหาคนที่กำลังดูแลรถที่ว่ามาเมื่อครู่  ผมหันไปมองก่อนจะยกมือส่งสัญญาณว่ารถที่พี่อู๊ดเรียกหาอยู่ที่ผม

“ใกล้ละพี่  เช็ดก่อนแป๊บนะครับ” ผมบอก  เพราะผมดูแลรถคันนี้คนเดียวทำให้ผมต้องทำทุกอย่างตั้งแต่เช็คสภาพ เปลี่ยนอะไหล่บางจุด ล้างห้องเครื่อง ล้างและดูดฝุ่น รวมไปถึงเช็ดทำความสะอาด

“ให้เด็กมันทำซะ  เปอร์มาช่วยฝั่งนี้ดีกว่า” พี่อู๊ดพูดพลางกำประแจชี้ไปที่รถคันหนึ่งที่อยู่บนเครนและมีพี่ลุกซ์กับพี่สองช่วยกันซ่อมอยู่

“อ่า...ครับ” ผมตอบรับอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะปีนขึ้นเครนฝั่งเดียวกันกับพี่สอง

“อย่าเหยียบตรงนั้น!!” เสียงพี่สองดังขึ้นขณะที่ผมกำลังก้าวไปเหยียบท่อนเหล็กใหญ่ๆ ท่อนหนึ่งเพื่อขยับไปยืนในจุดที่สามารถตรวจเช็คล้อได้

พรืด!

ตุบ!

“อั่ก!!

จุดที่ผมก้าวไปเหยียบเมื่อครู่มันลื่นทำให้ผมหงายหลังตกจากเครนที่สูงขึ้นจากพื้นประมาณสองเมตรครึ่ง

ทันทีที่หลังสัมผัสพื้น เสียงของผมก็หลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่  ความรู้สึกแรกคือเจ็บ  ต่อมาก็จุก  จากนั้นก็ชาและรู้สึกว่าร่างกายมันหนักจนลุกไปขึ้น

“เปอร์! เป็นไรไหม? ลุกได้หรือเปล่า?” พี่อู๊ดที่ยืนอยู่ใกล้กับจุดที่ผมตกลงมารีบเข้ามาจะพยุงแต่ลุกได้แค่นิดเดียวผมก็ล้มลงไปอีกครั้งเพราะรู้สึกว่าร่างกายมันร้าวไปหมด  โชคดีเหลือเกินที่ผมไม่เอาหัวลง  ไม่งั้นคงไม่มีสติครบถ้วนแบบนี้

“เปอร์! เปอร์!” พี่ลุกซ์รีบลงจากเครนด้วยสีหน้าตื่นตกใจสุดๆ แล้ววิ่งมาคุกเข่าข้างๆ ตัวของผมที่กำลังนอนอยู่บนพื้นสกปรก “เรียกรถพยาบาลสิ!!” พี่ลุกซ์หันไปตะคอกใส่คนอื่นๆ ที่กำลังยืนดูผมด้วยท่าทางกระวนกระวายและตกใจ

ผมเม้มปากมองหน้าพี่ลุกซ์แล้วดึงมือของตัวเองออกหลังจากที่พี่มันรวบมือผมไปจับ  ผมน้อยใจที่พี่ลุกซ์เข้ามาคุยกับผมดีๆ ก็เพราะผมเจ็บตัว  ถ้าผมไม่เป็นอะไรก็คงไม่คุยล่ะมั้ง

“ลุกไหวไหมเปอร์” พี่สองที่เพิ่งลงมาถึงพื้นจะเข้ามาช่วยพยุง

“โอ๊ย! เจ็บๆ  ลุกไม่ไหวว่ะพี่  ทั้งจุกทั้งเจ็บเลย” ผมพูดออกไปอย่างกระท่อนกระแท่นเพราะความจุกมันทำให้ผมพูดไม่ค่อยถนัด

จากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็มารับตัวผมไปพร้อมกับพี่ลุกซ์ที่วิ่งตามขึ้นมาด้วยเพื่อไปดูแลผม

 

หลังจากถูกฉีดยาแก้ปวดและสแกนร่างกายผมก็ถูกพาไปพักฝื้นที่ห้องพิเศษโดยมีพี่ลุกซ์ตามดูแลอยู่ไม่ห่าง  เห็นหมอบอกว่าดูท่าผมจะไม่เป็นอะไรมาก ไม่ถึงกับหลังเดาะแต่ก็ต้องรอดูว่ากระดูกแตกหรือร้าวหรือเปล่า  ที่หลังมีรอบช้ำหลายจุดและช้ำค่อนข้างมากแต่ไม่ได้ร้ายแรงอะไร  พักวันเดียวก็สามารถกลับบ้านได้

“ขอโทษ” ขณะที่ผมกำลังนอนคว่ำอย่างไม่มีอะไรทำพี่ลุกซ์ก็พูดขึ้นซึ่งนั่นก็ทำให้ผมนิ่งและซบหน้าลงกับหมอน

“ขอโทษทำไมครับ?” ผมถามออกไปเสียงอู้อี้เพราะถูกหมอนปิดปากอยู่

“กูทำน้ำมันหกราดตรงนั้นเอง” ผมเม้มปากเข้าหากันทันทีเพราะผมคิดว่าพี่มันจะขอโทษเรื่องที่หมางเมินใส่ผม

“ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ  พี่ไม่ได้ผิดเพราะผมโง่ไปเหยียบเอง” ผมบอกออกไป  ถึงจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่ตอนนี้ผมกำลังพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้สั่นเพราะผมรู้สึกน้อยใจจนจะร้องไห้อยู่รอมร่อ

“คนที่งอนมันต้องเป็นกูไม่ใช่หรือไงเปอร์?” พี่ลุกซ์ถอนหายใจแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงระอา

“ผมขอโทษ” ผมเบ้ปากพลางกอดกระชับหมอนที่กำลังหนุนอยู่  ที่ขอโทษก็ขอโทษออกไปจากใจไม่ได้ประชดเลยแม้แต่นิด

“มึงรู้ไหมว่ากูใจจะขาด  ทั้งโมโห ทั้งสับสนที่เห็นภาพมึงจูบกับคนอื่น” พี่ลุกซ์พูดออกมาเสียงปกติเหมือนคนกำลังเล่าเรื่อง  ผมนิ่งไปก่อนจะปล่อยน้ำตาไหลลงหมอน  ไม่ใช่น้ำตาแห่งความน้อยใจแต่เป็นเพราะผมรู้สึกผิดที่ทำให้พี่ลุกซ์เสียใจ  ที่พี่มันเฉยชาใส่ผมก็เพราะผมทำตัวเอง  แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นี่นา

“วันนั้น...ที่พี่ไม่ไปกับผม  ผมคิดถึงพี่มาก  อยากจะรีบสังสรรค์รีบเสร็จจะได้รีบไปหา” ผมพูดออกมาเสียงสั่นเครือพลางสะอื้น “ผมใจไม่ดีกลัวจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพี่  แล้วมันก็เกิดขึ้นจริงๆ เพราะผมทำให้พี่เสียใจ” ยิ่งพูดผมยิ่งสะอื้น

“...” พี่ลุกซ์เงียบไป

“ผมขอโทษ ขอโทษ...ฮึก” ผมพูดเสียงหลงพลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ เพื่อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมา

“ถึงกูจะโกรธแต่กูก็เกลียดมึงไม่ลงหรอกเปอร์” พี่ลุกซ์พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจพลางวางมือลงบนหัวของผมอย่างแผ่วเบา

“ผมไม่ได้ตั้งใจจะทำอะไรแบบนั้นกับพี่เฟน  พี่เฟนก็เมา ผมก็เมา ฮึก ผมไม่ได้ตั้งใจ...อึ๊ก...ไม่ได้ตั้งใจ” ผมสะอื้นหนักขึ้น

“เออๆ กูยกโทษให้  แต่ถ้ามีอีกล่ะก็กูเอาตายทั้งคู่แน่” พี่ลุกซ์พูดออกมาอย่างจำยอมทำให้ผมใจชื้นขึ้น

“ไม่มีอีกแล้ว” ผมตอบกลั้วเสียงสะอื้น

“เอ้า หยุดร้องได้แล้ว” พี่ลุกซ์ขยี้หัวของผมเบาๆ

“ฮึก ฮือ ก็ผม...เสียใจที่ทำให้พี่ต้องเจ็บ อึ๊ก แล้วผมก็...ฮือ...น้อยใจที่พี่...ฮึก...เมินผม” ยิ่งพูดผมยิ่งสะอื้นจนรู้สึกเจ็บหลังแปลบๆ

“ขอโทษ  ก็คนมันโกรธนี่หว่า แต่ว่า...สเต็กอร่อยมาก” พี่ลุกซ์เปลี่ยนจากขยี้มาเป็นลูบผมเบาๆ พลางก้มลงมากระซิบที่ข้างหูทำให้ผมนิ่งไปสักพักแล้วเอียงหน้าไปมองพี่มันด้วยสายตาแปลกใจ

“ได้กินเหรอครับ?” ผมถามเสียงสั่นเพราะยังร้องไห้อยู่

“เออสิ  เมียทำอาหารมาส่งขนาดนั้นจะไม่กินได้ยังไง” พี่ลุกซ์ยิ้มนิดๆ

“ผมตื่นขึ้นมาทำแต่เช้าเลยนะ ฮึก พอรู้ว่าพี่จะไม่กินผมเสียใจมาก ฮึก  ขนาดรู้สึกไม่ค่อยสบายยังอยากเอาใจแต่พี่กลับไม่สนใจผมเลย ฮือ” ผมเบ้ปากน้ำตาไหลอีกระลอก

“มึงรู้ไหมว่าการแกล้งทำเป็นไม่สนใจมึงนี่มันยากแค่ไหน?” พี่ลุกซ์ถามซึ่งนั่นก็ทำให้ผมนิ่งไปเพื่อคิดตาม “เพราะกูไม่อยากแสดงอาการโมโหร้ายจนอาจจะเผลอทำร้ายร่างกายและจิตใจมึงมากไปกว่านี้กูก็เลยต้องห่างมึงเพื่อสงบสติอารมณ์ต่อไป  ยิ่งเห็นหน้ามึงภาพนั้นก็ยิ่งไหลเข้ามาตอกย้ำให้ก็โกรธอยู่เรื่อย  จนถึงตอนนี้กูก็ยังจัดการตัวเองไม่ได้” พี่ลุกซ์ดึงมือออกจากหัวของผมเพื่อเอาไปกอดอกเอาไว้

“ผมขอโทษ  ผมไม่ได้ตั้งใจ” ผมย่นคิ้วพลางเอ่ยขอโทษอย่างเสียใจที่ต้องทำให้พี่ลุกซ์สับสนแบบนี้

“รู้สึกผิดจริงๆ ใช่ไหม?” พี่ลุกซ์ถามขึ้นเสียงเย็น  เมื่อผมพยักหน้าพี่มันก็ยิ้มเจ้าเล่ห์  ใจผมเสียอีกรอบเพราะรู้สึกว่าผมคงต้องเจ็บตัวอย่างต่อเนื่อง “หายดีเมื่อไหร่มึงต้องยอมกู” พี่ลุกซ์ยักคิ้วพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ 

หน้าเมื่อครู่ของพี่มันดูหล่อมากๆ เลยล่ะครับ  แต่มันจะดีมากสีหน้าเมื่อครู่มันดูไม่หื่นจนเกินไป  อย่างพี่ลุกซ์คงทำหน้าแบบนี้ได้เฉพาะตอนหื่นๆ เท่านั้นแหละ

“ยอม ยอมก็ได้” ผมรีบตอบรับเพราะอยากให้พี่มันอารมณ์ดี

“จะโกรธกูเพราะเรื่องบนเตียงไม่ได้แล้วนะ” พี่ลุกซ์โน้มตัวลงมากระซิบก่อนจะเลื่อนหน้ามาจุ๊บเบาๆ ที่ปากของผม

“งั้นพี่ก็ต้องหายโกรธ  สัญญานะ” ผมยื่นนิ้วก้อยออกไปเพื่อขอคืนดีพลางใช้มืออีกข้างปาดน้ำตาออกจากหน้าอย่างทุลักทุเลเพราะนอนคว่ำอยู่

“เออ ไม่โกรธแล้ว” พี่ลุกซ์พยักหน้าพลางเกี่ยวก้อยกับผม

ผมยิ้ม พี่มันยิ้มจากนั้นเราก็หัวเราะออกมาแทบจะพร้อมกันเพราะไม่รู้จะพูดอะไรกันดีจนกระทั่งครอบครัวและเพื่อนๆ ของผมเข้ามาเยี่ยม

 

ไอ้ตุลกับไอ้พัดอาสาจะนอนเฝ้าผมที่ต้องนอนโรงพยาบาลหนึ่งคืนแต่พี่ลุกซ์ไม่ยอมเพราะพี่มันจะมานอนเอง  ตอนแรกพวกเพื่อนๆ มันก็ดื้อ  เถียงกับพี่ลุกซ์เพื่อจะเฝ้าผมให้ได้แต่พอพี่ลุกซ์ให้เหตุผลไปพวกมันจึงยอมแค่มาเฝ้าผมในช่วงเย็นๆ เท่านั้น

พวกมึงจะอยู่ทำไม  เดี๋ยวก็เอะอะจนพยาบาลมาไล่กลับเพราะฉะนั้นไม่ต้องมาเฝ้าให้เสียเวลา นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้ไอ้พัดกับไอ้ตุลเงียบและโมโหพี่ลุกซ์เงียบๆ กันสองคน  และตอนนี้พี่ลุกซ์กับครอบครัวของผมได้กลับบ้านไปแล้วแต่ไอ้สองเพื่อนซี้ยังอยู่

“พี่ลุกซ์นี่ยังพูดจาขวานผ่าซากเหมือนเดิมเลยนะ  ถ้าไม่ติดว่ากูเคยกลัวป่านนี้กูโดดถีบขาคู่ไปแล้ว” ไอ้พัดบ่นลับหลังพี่ลุกซ์อย่างเซ็งๆ  ก็เมื่อก่อนไอ้พัดเป็นปกครองในสังกัดของพี่ลุกซ์นี่ครับ  เป็นธรรมดาที่รุ่นน้องจะกลัวรุ่นพี่  ยิ่งไอ้พัดได้เจอฤทธิ์เดชในการว้ากของพี่ลุกซ์มากที่สุดมันยิ่งกลัว

“กล้าเหรอไอ้เตี้ย?” ผมว่าพลางหัวเราะขำๆ  ไอ้พัดตัวเตี้ยๆ เอง  จะไปกล้าหือกับพี่ลุกซ์ที่ตัวสูงกว่าเป็นสิบเซนได้ยังไง

“โอ๊ยไอ้สูง  สูงกว่ากูเซนสองเซนนี่ข่มจังนะมึง” ไอ้พัดทำหน้าหมั่นไส้ผมเสียเต็มประดาจนผมหัวเราะลั่น  นานแค่ไหนแล้วนะที่เราสามคนไม่ได้อยู่รวมกันแบบนี้

 

++++++++++++++++

เดี๋ยววันมะรืน(05/03/15)มาต่อนะครัชชช ><

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา