[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
9.7
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
56 ตอน
51 วิจารณ์
236.29K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) Chapter 04 : รวมสายรหัส
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 04 : รวมสายรหัส
เรื่องเมื่อวานเหมือนกับเป็นความฝันเลยล่ะครับ พอตื่นขึ้นมาผมก็รู้สึกว่าเรื่องเมื่อวานมันคงไม่มีทางเกิดขึ้นกับผมอีก ผมตัดความรู้สึกพวกนั้นออกไปแล้วและต่อไปนี้ผมก็จะไม่เผลอตัวเผลอใจไปกับคนแบบนั้นอีกแล้ว พอกันที
“พี่เปอร์ ไม่เห็นต้องมาส่งผมที่โรงเรียนเลยนี่ครับ” ไอ้ป้องบ่นเสียงแตกปร่า ช่วงนี้เจ้านี่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นครับ เสียงก็เริ่มแตกฮอร์โมนก็เริ่มเปลี่ยนบ้างแล้ว จะว่าไป ยิ่งโตไอ้หมอนี่ยิ่งหล่อครับ ตอนเด็กๆ ก็มีเค้าโครงหล่ออยู่แล้วด้วย
“มันก็ทางผ่านอยู่แล้วนี่ แล้วนี่ก็สายแล้วด้วย” ผมบอกหลังจากที่เจ้าป้องมันบ่นเรื่องที่ผมนั่งแท็กซี่ไปส่งที่โรงเรียน
“ไม่เห็นต้องเปลืองเงินนั่งแท็กซี่เลย รถเมล์ก็มีแท้ๆ” ไอ้ป้องบ่นอีก
“เอาเถอะน่า เข้าโรงเรียนไปได้แล้ว พี่ไปทำงานละ” ผมบอกก่อนจะปิดประตูรถแล้วบอกให้โชเฟอร์ออกรถได้ เด็กนั่นก็ชอบเกรงใจอะไรไม่เข้าเรื่อง ทั้งๆ ที่ผมบอกว่ามันเป็นน้องแท้ๆ แต่มันก็ไม่ยอมขออะไรจากผมเลยสักครั้ง น่ารักยังไงก็น่ารักอย่างนั้นจริงๆ เลยแฮะ
“พี่พลอย อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้แวะซื้อขนมมาอีกแล้ว มาทานด้วยกันนะครับ” ผมเอากระเป๋าสะพายไปวางที่โต๊ะทำงานก่อนจะหิ้วถุงขนมไปหาพี่พลอยที่โต๊ะทำงานของพี่พลอย
“เปอร์อ่ะ ถ้าซื้อมาทุกวันล่ะก็พี่ต้องอ้วนแน่เลย” พี่พลอยบ่นแต่มือก็หยิบกินเฉยเลย
“ฮ่าๆ ปากบ่นแต่มือนี่หยิบรัวเลยนะพี่พลอย คิๆ” ผมหัวเราะพลางนั่งคร่อมเก้าอี้แล้วเอาคางเกยพนักพิงอย่างอารมณ์ดี แค่เห็นคนกินขนมที่ผมชอบอย่างเอร็ดอร่อยผมก็ดีใจไปด้วยแล้วล่ะครับ
“อร่อยมากเปอร์ เอาไว้คราวหน้าพาพี่ไปที่ร้านบ้างนะพี่จะได้ซื้อมาฝากบ้าง แล้วก็...ถ้าวันไหนเปอร์งอนพี่ พี่จะได้ซื้อมาง้อไง” พี่พลอยพูดพลางจบประโยคด้วยการขยิบตาทำเอาผมอึ้งไปก่อนจะหัวเราะออกมากับความน่ารักเหมือนเด็กของพี่พลอย
“ครับ อ้อ เย็นนี้พี่พลอยว่างไหมครับ? เดี๋ยวไปทานข้าวที่บ้านผมนะ ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารให้เอง” ผมเอ่ยชวน ชวนพี่พลอยแล้วเดี๋ยวต้องไปชวนพี่ถังด้วยเดี๋ยวมันน้อยใจ ส่วนพี่เคย์ รายนั้นเขาเป็นนายแบบคิวทองไม่รู้ว่าจะว่างไปด้วยหรือเปล่า
“เปอร์ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? ว้าว ตื่นเต้น” พี่พลอยทำหน้าดีใจปนตกใจพลางพยักหน้ารัวๆ
ผมมองหน้าดีใจของพี่พลอยก่อนจะเผลอกุมมือตัวเองและไล้แผลเป็นที่มือเบาๆ ผมเคยคิดที่จะไม่ทำอาหารอีกแต่เพราะผมอยากทำให้เขาคนนั้นทานผมจึงฝึกและพยายามไม่นึกถึงความหลังที่เจ็บปวด เอาเถอะ ตอนนี้จะแผลเป็นหรือว่าความหลังมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงแล้วล่ะ ถือว่าผมฟาดเคราะห์ได้แผลไปเพราะความงี่เง่าของตัวเองไปก็แล้วกัน
“วันนี้พี่พลอยอยากกินอะไรบอกมาได้เลยนะครับ ผมจะทำสุดฝีมือเลย” ผมบอกยิ้มๆ
“พี่แล้วแต่คนเลี้ยงจ้ะ คึๆ จะล้างท้องรอเลยนะจ๊ะ” พี่พลอยพูดแล้วยื่นมือมาดึงแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“พี่พลอยน่ะ แก้มผมยิ่งย้วยๆ อยู่ด้วย” ผมเอามือกุมแก้มพลางทำแก้มป่องเพื่อแกล้งงอน
“ผู้ชายแก้มป่องน่ารักออกนะเปอร์ น่ารักๆๆ น่ารักที่สุดเลย” คราวนี้พี่พลอยยื่นมือทั้งสองข้างมาดึงแก้มผมไปมาอย่างสนุกสนาน
“เอะอะอะไรกัน? มาทำงานได้แล้ว!” เสียงดุๆ ดังขึ้นจากหน้าห้องของพี่ลุกซ์ทำให้ผมกับพี่พลอยหยุดเล่นกันแล้วหันไปมองคนที่ส่งเสียงดุ
“สวัสดีค่ะประธาน วันนี้มาทำงานเช้าจังเลยนะคะ” พี่พลอยไหว้สวัสดีพลางถามทำให้ผมต้องยกมือไหว้ตามอย่างช่วยไม่ได้
“อืม คุณปริน ผมขอกาแฟ แล้วก็มารายงานผมด้วยว่าวันนี้ผมมีนัดอะไรบ้าง” พี่ลุกซ์บอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองผมจึงพยักหน้ารับแล้วไปที่ห้องสวัสดิการเพื่อชงกาแฟให้
ผมเอากาแฟไปให้แล้วรายงานเรื่องนัดของพี่ลุกซ์เสร็จจากนั้นก็เดินออกจากห้องทันทีโดยไม่รีรอ ผมอยู่กับพี่ลุกซ์สองต่อสองนานไม่ได้เพราะมันอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้อีก ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยและไม่อยากจะหวั่นไหวอีก
“นี่ เปอร์ๆ วันเสาร์หน้าหน้าว่างหรือเปล่า?” พี่พลอยเดินมาหาผมที่ทำงาน
“ครับ คิดว่าไม่มีอะไรนะ” ผมบอกพลางนึกนิดๆ ว่ามีธุระไหม
“งั้นก็ดีเลย ฝ่ายบริหารเขาคุยกันน่ะว่าจะจัดงานต้อนรับให้เปอร์กับประธาน เข้ามาทำงานได้ซักพักแล้วแต่เปอร์กับประธานยังไม่สนิทกับคนอื่นๆ เลยพวกเราก็เลยวางแผนนี้กันขึ้นมา ประธานเองก็ตอบรับแล้วนะ” พี่พลอยบอกทำให้ผมหุบยิ้มไปดื้อๆ ถ้ามีพี่ลุกซ์...ผมไม่อยากไป
“ไม่ไปได้ไหมครับ?” ผมยิ้มแหยๆ
“เอาน่าเปอร์ พนักงานคนอื่นเขามีน้ำใจอยากจัดงานให้นะ ไปเถอะ อีกอย่าง...รองไม่ปล่อยให้ประธานทำอะไรเปอร์หรอก พี่ด้วยนะ” พี่พลอยยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ เมื่อพูดประโยคสุดท้าย
“แล้วไปฉลองอะไรกันล่ะครับ?” ผมถามเผื่อ ถ้าเป็นเหล้าล่ะก็ผมไม่ดื่มเพราะช่วงนี้กระเพาะผมอาการหนัก พ่อไอ้พัดก็เลยไม่ให้ผมดื่ม ผมต้องงดตั้งครึ่งปีแน่ะ ลำบากสุดๆ แต่ผมก็ต้องงดเพราะผมต้องดูแลครอบครัว ถ้าผมป่วยขึ้นมาใครจะดูแลพวกเขา อีกอย่าง...ถ้าได้นอนโรงพยาบาลผมจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายล่ะครับ มันแพงนี่นา
“ก็คงเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์มั้ง ฝ่ายบริหารมีแต่คนชอบดื่ม” พี่พลอยบอก
“งั้นก็ได้ครับ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ
“โอเคจ้า งั้นพี่ไปบอกกับคนจัดงานก่อนจะได้คอนเฟิร์มจองที่นั่งเลย” พี่พลอยบอกก่อนจะวิ่งฟิ้วไปที่ห้องทำงานของฝ่ายบริหารที่อยู่อีกล็อคหนึ่งอย่างตื่นเต้น ห้องทำงานของคนอื่นจะเป็นห้องรวมครับส่วนพวกเฮดของเฮดอย่างพี่ลุกซ์พี่ถังเจ๊เปรียวและคนพวกใหญ่ๆ โตๆ อื่นๆ จะได้อยู่ห้องแยก
ผมกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาทานข้าวเที่ยง เจ๊เปรียวก็เดินมาหาพี่ลุกซ์ที่ห้องแล้วก็ควงแขนกันออกไปโดยไม่ลืมที่จะชวนผมไปด้วยแต่เขาก็ชวนตามมารยาทนั่นแหละครับผมก็เลยปฏิเสธไปตามมารยาท
ผมมองตามคู่รักก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“คู่นี้ดูรักกันมากเนอะ ไม่ยอมห่างกันไปไหนเลยล่ะเธอ” พนักงานออฟฟิศชั้นเดียวกันที่เดินผ่านโต๊ะทำงานผมซุบซิบกัน ผมได้ยินแต่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“เห็นว่ามีลูกชายน่ารักมากเลยล่ะ น่าอิจฉาผู้จัดการเนอะ ได้สามีรวยแถมยังหล่อมากอีกต่างหาก” ผมเม้มปากแล้วยกมือขึ้นปิดหู
ไม่อยากฟัง...ไม่อยากได้ยินอะไรอะไรนั้น เขาจะรักกันมากแค่ไหนมันไม่เกี่ยวกับผมแต่ผมไม่อยากจะได้ยิน!
“เปอร์จ๊ะ เปอร์!” ผมสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะดึงมือออกจากหูตัวเองเมื่อได้ยินเสียงของพี่พลอย
“คะ...ครับ?” ผมหันไปมองพี่พลอยที่มายืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานผมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้อย่างแปลกใจ
“ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?” พี่พลอยถามผมจึงรีบพยักหน้า
ผมกับพี่พลอยไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งธรรมดาที่อยู่ข้างล่างตึกและตรงข้ามร้านนี้เป็นร้านสุดหรูซึ่งต่างกันราวฟ้ากับเหว ส่วนมากพนักงานออฟฟิศอย่างพวกผมก็จะกินร้านตามสั่งส่วนพวกระดับสูงหน่อยก็จะไปกินร้านตรงข้ามซึ่งผมก็เห็นเจ๊เปรียวกับพี่ลุกซ์อยู่ในร้านนั้นด้วย เฮ้อ เห็นพวกเขาแล้วก็พาลไม่อยากอาหารไปซะดื้อๆ
“เปอร์ กินอะไรจ๊ะ?” พี่พลอยถามพลางไล่ดูเมนู ผมที่เหม่ออยู่ดึงสติตัวเองกลับมาก่อนจะดูเมนูบ้าง
“เฮ้ย! พี่เปอร์ พี่ลันครับ พี่เปอร์อ่ะ” เสียงคุ้นๆ ที่ผมไม่ค่อยได้ยินดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองแล้วก็ยิ้มพลางโบกมือให้เจ้าของเสียง
“โย่!” ผมทักทายอย่างร่าเริง
“ไงเปอร์ สวัสดีครับพี่พลอย กินข้าวเหรอ?” พี่ลันเดินเข้ามาถามพร้อมไอ้ไอที่โดดมากอดผมอย่างคิดถึง ผมเองก็กอดมันเช่นกัน ตั้งแต่เรียนจบผมกับมันก็ไม่ค่อยได้เจอกันครับแต่ก็ติดต่อกันอยู่ตลอด
“ค่ะ กินด้วยกันไหมคะคุณลัน?” พี่พลอยชวน
“ไม่ล่ะครับ แล้วสั่งกันไปหรือยัง?” พี่ลันถามผมกับพี่พลอยจึงพร้อมใจกันสั่นหัว “งั้นย้ายร้านไหม? เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง ไปกันเปอร์ ตั้งแต่มึงเข้ามาทำงานที่นี่กูก็ยังไม่ได้เลี้ยงข้าวมึงเลย” พี่ลันชวนผมกับพี่พลอยจึงมองหน้ากันก่อนจะพร้อมใจกันพยักหน้า
“ดีใจจัง ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่เปอร์เยอะแยะเลย คิดถึงมาก!!” ไอ้ไอยิ้มกว้างพลางโอบไหล่ผมไว้และผมเองก็โอบเอวมันไม่ปล่อยเหมือนกัน ไม่แปลกหรอกครับที่สนิทกันขนาดนี้ ก็ผมเป็นพี่รหัสพ่วงท้ายด้วยการเป็นพี่เทคของมันนี่นา สมัยเรียนก็สนิทกันสุดๆ เลยด้วย
“ป้าขา เอาไว้วันหน้าจะมาอุดหนุนนะคะ ไปกินของฟรีก่อนค่า คิๆ” พี่พลอยบอกกันป้าเจ้าของร้านอย่างสนิทสนมซึ่งป้าแกก็ยิ้มให้ ร้านอาหารของป้าแกคนเยอะแทบไม่ขาดเลยล่ะครับเพราะพนักงานตึกนี้เยอะมาก
ผมกับพวกพี่ลันเดินเข้าไปในร้านก่อนที่ผมจะเผลอหันไปสบตากับพี่ลุกซ์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากประตูเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมรีบหลบสายตา
“ไงลัน พาพนักงานมาเลี้ยงข้าวเหรอ?” พี่ลุกซ์พูดทักขึ้นทำให้พี่ลันกับคนอื่นๆ หันไปมอง
“อ้าว มึงก็มาเหรอ?” พี่ลันเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจก่อนจะหันมามองผม ผมเม้มปากนิดๆ ก่อนจะขยับไปหลบหลังพี่ลันแล้วเกาะเอวพี่มันแน่นซึ่งไอ้ไอก็ขยับให้ผมไปอยู่ตรงนั้นแล้วลูบหลังผมอย่างปลอบโยน
“มานั่งด้วยกันสิ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” พี่ลุกซ์พูด ผมรีบกระตุกเสื้อพี่ลันเอาไว้
“ไม่ล่ะ มาสี่ที่ครับ” พี่ลันตอบพี่ลุกซ์ก่อนจะหันไปบอกพนักงานต้อนรับ
“น้องๆ ต่อโต๊ะตรงนี้เลยครับ” พี่ลุกซ์บอก
“ลุกซ์” พี่ลันเรียกพี่ลุกซ์ปรามๆ ทำให้พนักงานได้แต่ยืนงง
“จะเป็นอะไรไป? นั่นก็พนักงานออฟฟิศกู ให้กูเลี้ยงหน่อยไม่ได้เหรอ?” พี่ลุกซ์พูดพลางยิ้มที่มุมปากทำให้พี่ลันปฏิเสธไม่ได้
“พี่ลัน ผมกลับไปกินข้าวร้านเดิมดีกว่า” ผมกระซิบบอกพี่ลันขณะที่พนักงานกำลังจัดโต๊ะให้
“เอางั้นก็ได้ เอาไว้เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงคราวหน้านะ” พี่ลันกระซิบบอกผมจึงหันไปหาพี่พลอยแล้วพนักหน้าเบาๆ พี่พลอยพยักหน้ากลับอย่างเข้าใจจากนั้นเราก็หันหลังเดินไปพร้อมกันครับ
“จะไปไหนเหรอครับ? พวกคุณจะไม่ตอบรับน้ำใจผมเหรอ?” เสียงพี่ลุกซ์พูดขึ้นลอยๆ ทำให้ผมกับพี่พลอยชะงัก
“เอาไว้ผมจะตอบรับน้ำใจวันหลังนะครับ” ผมหันกลับไปพูดเสียงแข็ง
“เปอร์ มากินด้วยกันเถอะนะ ให้พี่เลี้ยงขอบคุณที่เราช่วยดูแลน้องปิงหน่อยนะ” เจ๊เปรียวหันมาพูดทำให้ผมลำบากใจ
“เปอร์ไปกินเถอะ พี่ไปกินร้านอื่นดีกว่า” พี่พลอยกระซิบบอก
“พี่พลอย อยู่ด้วยกันสิครับ” ผมหันไปขอร้องเสียงเบา
“ไม่เอาอ่ะ พี่อึดอัด ดูเหมือนพวกเปอร์จะรู้จักกันมานาน พี่เป็นคนนอกนะ” พี่พลอยพูดผมจึงจับมือพี่พลอยเอาไว้
“ผมขอโทษนะพี่พลอยที่ทำให้อึดอัด งั้น...เย็นนี้เตรียมอิ่มจนพุงกางได้เลยนะครับ” ผมพูดพลางยิ้มอย่างเอาใจ
“ได้จ้ะ พี่จะรอนะ” พี่พลอยยิ้มตอบก่อนจะหยิกแก้มผมหนึ่งครั้งแล้วเดินออกจากร้านไป ผมมองตามนิดๆ ก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะและพบว่าพี่ลุกซ์กำลังมองผมอยู่ พี่ลุกซ์นั่งหันหน้ามาทางประตูและนั่งตรงข้ามกับเจ๊เปรียวและตอนนี้พี่ลันก็ไปนั่งข้างพี่ลุกซ์ด้วยมีไอ้ไอนั่งข้างๆ อีกทีผมจึงต้องเดินไปนั่งข้างๆ เจ๊เปรียวอย่างช่วยไม่ได้ เฮ้อ อยากเปลี่ยนที่กับไอ้ไอชะมัด นั่งตรงนี้แล้วเห็นหน้าพี่ลุกซ์ชัดเกินไปจนผมอยากจะสายตาสั้นให้รู้แล้วรู้รอด
“ว้าว! นี่มันงานรวมรุ่นชัดๆ” เจ๊เปรียวพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนเรียนมหาลัยพวกเราทั้งหมดอยู่ในสายรหัสเดียวกัน
“นั่นสิครับ” ไอ้ไอพูดขึ้นบ้าง
“นึกถึงตอนเลี้ยงสายเลยแฮะ ตอนไอเข้ามาเจ๊ก็จบไปแล้วเลยไม่ค่อยได้เลี้ยง แต่ตอนที่เจ๊ยังอยู่เจ๊นัดเลี้ยงบ่อยเลยล่ะ สนุกดี” เจ๊เปรียวพูดยิ้มๆ ทำให้ผมเผลอเหลือบตาไปมองพี่ลุกซ์อีกครั้งและเห็นว่าพี่ลุกซ์ก็มองผมอยู่ผมจึงรีบหลบตา
“นัดบ่อยจนน่ารำคาญ” พี่ลุกซ์ว่า
“ชิ! บอกว่ารำคาญแต่ก็เห็นมาทุกครั้งนี่ยะ ทำเป็นพูดดีไป” เจ๊เปรียวพูดพลางจิกสายตามองพี่ลุกซ์ ผมเม้มปากก้มหน้าดูเมนูแม้สายตาผมจะไม่ได้โฟกัสที่เมนูเลยก็ตาม
“เจ๊เลี้ยงแต่เหล้า” พี่ลันว่า
“ก็เห็นคอแข็งกันทุกคนนี่ อ๊าย พูดแล้วก็นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เนอะ แล้วว่าแต่เปอร์กับไอเป็นกรรมการปกครองเหมือนพี่ๆ เขาไหมจ๊ะ?” เจ๊เปรียวหันมาถามผมกับไอ้ไอ ผมเลิกจ้องเมนูแล้วหันไปมองเจ๊เปรียวพลางยิ้ม
“ไม่ล่ะครับ ผมโหดไม่พอที่จะมองคนร้องไห้ได้โดยไม่รู้สึกอะไร” ผมพูดแต่ก็แอบจิกพี่ลุกซ์เบาๆ
“ผมก็ไม่ครับ เห็นพี่ลันเป็นแล้วสงสาร เสียงเบาแล้วยังอยากจะว้ากกล่องเสียงเลยอักเสบบ่อยๆ น่ะครับ” ไอ้ไอแอบเหน็บพี่ลันนิดๆ
“จะว่าไป ลุกซ์ลันแล้วก็ไอนี่เป็นศิลปะป้องกันตัวทุกคนเลยใช่ไหม? ทำไมเปอร์ไม่เรียนบ้างล่ะ สายเราจะได้เป็นสายแกร่ง” เจ๊เปรียวชวนคุยต่อ เฮ้อ...อย่ารำลึกความหลังได้ไหมครับ มันเจ็บนะเนี่ย
“ผมเคยเรียนนิดๆ กับพี่ลันแล้วก็ไอ้ไอน่ะครับแต่ไม่ค่อยมีเวลาเลยไม่เรียนต่อ อีกอย่าง เรียนไปก็เท่านั้นแหละครับ ผมเป็นพวกไม่ค่อยมีแรงน่ะ สู้ใครเขาไม่ได้หรอกครับ” ผมก้มหน้าพูดพลางยิ้มสมเพชตัวเอง อ่า...อยากร้องไห้ชะมัด พูดถึงเรื่องเรียนศิลปะป้องกันตัวแล้วดันไปนึกถึงตอนที่พี่ลุกซ์สอนให้ จำได้ว่า...ตอนนั้นผมกับพี่ลุกซ์หวานกันมากเลยล่ะ
อ่า...น้ำตา อย่าเพิ่งไหลลงมาตอนนี้นะ มันไม่ดีเลย
“ใช่ๆ พี่เปอร์แรงก็น้อยตัวก็บาง ตอนนี้ยิ่งผอมกว่าเมื่อก่อนซะอีก ถ้าแฟนดูแลให้ดีกว่านี้คงจะไม่เป็นแบบนี้” ไอ้ไอพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสาแต่ผมรู้ว่ามันด่าพี่ลุกซ์แทนผม
“สูง...” พี่ลันหันไปมองไอ้ไอทำให้มันเงียบปากไป
“ผะ...ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ ไอ...จะกินอะไรก็สั่งแทนกูด้วยนะ” ผมปิดเมนูแล้วรีบลุกไปเข้าห้องน้ำทันที
“พี่เปอร์ ผมไปด้วย พี่เตี้ย ฝากสั่งด้วย” ไอ้ไอรีบลุกแล้ววิ่งตามเข้ามา
31.25% left
ทันทีที่ถึงห้องน้ำผมก็เดินไปที่หน้าอ่างล้างหน้าแล้วลงมือล้างหน้าของตัวเองทันที
“พี่เปอร์ ผมขอโทษ ผมก็แค่แค้นที่พี่ลุกซ์ทำกับพี่ถึงขนาดนี้” ไอ้ไอเดินมาแตะที่หลังของผมแล้วทำหน้ารู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ก็รู้ว่ามึงหวังดีกับกู เรื่องที่มันแล้วมาก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะนะ กูไม่อยากนึกถึงมันอีก” ผมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหน้าตัวเองแล้วยืนพิงขอบอ่างล้างหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
“ผมขอโทษ” ไอ้ไอก้มหน้าสำนึกผิด
“อ่า...ปวดท้องชะมัด” ผมขมวดคิ้วแล้วยกมือกุมท้องอย่างทรมาน พอเครียดก็เป็นแบบนี้ตลอดแถมยังมาเครียดเอาตอนกำลังหิวทำให้อาการปวดท้องของผมมันหนักขึ้นกว่าปกติ
“ไหวไหมพี่? ไปหาหมอไหม?” ไอ้ไอเข้ามาประคองผมแล้วถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักก็หาย” ผมบอกพลางตะปบสูทเพื่อหายาแต่ก็ต้องถอนหายใจเพราะผมลืมเอายาออกมาจากกระเป๋า
“เอางี้ไหมพี่ เดี๋ยวผมพาพี่ไปพัก จะได้เป็นข้ออ้างพาพี่ออกไปด้วย...นะ” ไอ้ไอเสนอผม ผมมองมันนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าแม้จะสนใจข้อเสนอมันก็ตามที
“ไม่เป็นไร กินข้าวเถอะ” ผมบอกยิ้มๆ
“ไม่เอา เดี๋ยวผมบอกพี่ลันให้ซื้อข้าวเข้าไปให้ดีกว่า นะพี่เปอร์...ให้ผมได้ช่วยพี่บ้างนะ” ไอ้ไอตื๊อผมจึงยิ้มกับความน่ารักของมันแล้วพยักหน้านิดๆ
“ไม่ต้องประคองก็ได้ ไหวอยู่ ไม่ใช่เด็กนะ ฮ่าๆ” ผมบอกเมื่อไอ้ไอจะช่วยประคองออกจากห้องน้ำ
“ก็ผมเป็นห่วง” ไอ้ไอทำปากยื่นผมจึงยกมือขึ้นยีหัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู
ผมกับไอ้ไอเดินออกจากห้องน้ำก่อนจะเดินไปที่โต๊ะ ผมไม่นั่งที่โต๊ะแต่รอให้ไอ้ไอมันคุยกับพี่ลันทำให้เจ๊เปรียวกับพี่ลุกซ์หันมามองผมอย่างแปลกใจ แต่ก่อนจะได้ถามอะไรไอ้ไอก็พูดขึ้นซะก่อน
“พี่ลัน ฝากซื้อข้าวไปให้หน่อยนะ พอดีพี่เปอร์ปวดท้องผมเลยจะพาไปหาหมอ” ไอ้ไอพูดซึ่งพี่ลันก็พยักหน้าเพราะเข้าใจสถานการณ์ดี
“เปอร์เป็นอะไรมากไหม? ลุกซ์ เลขาไม่สบายขนาดนี้ทำไมไม่ดูแล พาน้องไปหาหมอเลยนะ” เจ๊เปรียวหันไปดุพี่ลุกซ์ทำเอาผมกับไอ้ไอมองหน้ากันอย่างลำบากใจ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง” ไอ้ไอรีบพูด
“ไม่ต้อง พี่ดูแลเอง” พี่ลุกซ์พูดพลางลุกขึ้นยืน “เปรียว ฝากสั่งอาหารไปให้ที่ห้องด้วยนะ” พี่ลุกซ์บอกก่อนจะเดินอ้อมมาหาผมที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม พี่ลุกซ์เปลี่ยนคำพูดกับไอ้ไอแล้วล่ะครับ เรียกไอ้ไอด้วยชื่อและแทนตัวเองว่าพี่ ก็นะ...ไอ้ไอมันเป็นคนสำคัญของน้องชายที่พี่มันรักนี่ ก็เลยต้องให้ความสำคัญด้วยการพูดดีๆ ด้วย ไม่เหมือนผมหรอก ตั้งแต่แรกก็ไม่เคยพูดกันดีๆ
เฮ้อ!! แล้วจะไปนึกถึงอดีตทำไมวะ!?
“ผมไม่รบกวนเวลาอาหารของใครหรอกครับ ผมป่วยเองผมก็ไปหาหมอเองได้ครับ” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะไม่อยากให้พี่ลุกซ์มารับผิดชอบชีวิตของผมอีก ไม่อยากติดหนี้บุญคุณคนแบบนี้
“ไม่ได้ ผมเป็นเจ้านายของคุณและผมก็เป็นพี่ของคุณด้วย” พี่ลุกซ์พูดผมจึงหันไปมองพี่มันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเจ็บใจ
“ผมมีพี่ชายแค่สามคนคือพี่ถัง พี่เคย์แล้วก็พี่ลัน คนอื่นผมไม่นับ ผมขอตัว” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกจากร้านไปทันทีโดยมีพี่ลุกซ์เดินตามมากระชากแขนผมเอาไว้ “ไม่ต้องมาดูแลผมในฐานะเจ้านายหรอกครับ ผมก็แค่พนักงานรากหญ้าคนหนึ่ง จะเจ็บจะป่วยก็เป็นเรื่องธรรมดา ประธานอย่างคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะผมจะกลับมาทำงานตามเวลา” ผมสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วหันมองซ้ายขวาเพื่อข้ามถนน
“ถ้าไม่สบายผมอนุญาตให้คุณไปพักได้” พี่ลุกซ์พูด
“แค่นี้เรื่องเล็กครับ ผมไม่เอาเรื่องป่วยมาทำให้เสียงานหรอกเพราะผมมันเด็กเส้น เข้ามาทำงานได้ก็เพราะเส้น ผมก็เลยต้องทำงานให้มันสมกับที่เขารับเข้ามา คนที่พาผมเข้ามาทำงานจะได้ไม่เสียหน้า” ผมพูดโดยไม่หันไปมองพี่ลุกซ์ก่อนจะรีบข้ามถนนเมื่อรถเริ่มน้อยลง
อ่า...ปวดท้องจัง ปวดจนทนไม่ไหวซะแล้วล่ะ
ผมเข้าไปนอนพักที่ห้องทำงานพี่ถังจนกระทั่งเกือบจะถึงเวลาทำงานผมจึงออกไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเช่นเคย
“ผมซื้อมาให้/พี่ซื้อมาให้” ผมชะงักเมื่อจู่ๆ ก็มีกล่องสองกล่องยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้ามองพี่ลุกซ์กับพี่พลอยที่ยื่นข้าวกล่องมาให้สลับกันไปมาก่อนจะยื่นมือไปรับข้าวจากพี่พลอยอย่างไม่ลังเล
“ขอบคุณนะครับพี่พลอย ใจดีจัง” ผมหันไปยิ้มให้พี่พลอยขณะที่พี่ลุกซ์ดึงกล่องข้าวตัวเองกลับแล้วเดินเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ ทำแบบนี้ประธานจะไม่โกรธเหรอ?” พี่พลอยมองหน้าผมอย่างลำบากใจ
“พี่พลอยครับ เขาจะโกรธก็เรื่องของเขาสิครับ ไม่เห็นต้องแคร์เลย” ผมยิ้มให้พี่พลอยแล้วเปิดกล่องข้าวที่พี่พลอยซื้อมาให้
“ถ้าประธานพาลเกลียดขี้หน้าพี่ไปด้วยพี่ซวยเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ” พี่พลอยขยับมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามผมพลางหัวเราะนิดๆ
“ไม่หรอกครับ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมทำไมต้องโกรธพี่พลอยด้วยล่ะ” ผมพูดยิ้มๆ
“เปอร์ กำลังโกหกตัวเองอยู่สินะ” พี่พลอยเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“พี่พลอย ใช่...ผมโกหกตัวเอง ผมโกหกว่าผมไม่ได้รักเขา แต่ผมไม่มีที่ยืนอยู่ในโลกของเขาแล้ว มันไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะครับ จากนี้ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็รักเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ผมก็อยาก...จะเริ่มต้นใหม่กับใครซักคน” ผมพูดพลางเหลือบตามองพี่พลอยนิดๆ พี่พลอยนิ่งไปซักพักก่อนที่หน้าของพี่พลอยจะแดงขึ้นกว่าเดิมจากการปัดแก้มมา
ผมรู้สึกดีกับพี่พลอยครับ เวลาพี่พลอยยิ้มผมก็ยิ้มด้วย เวลาพี่พลอยดีใจที่ผมซื้อขนมมาฝากผมก็ดีใจไปด้วย อาจจะเป็นเวลาไม่นานที่เรารู้จักกันแต่ผมก็สนิทกับพี่พลอยได้อย่างรวดเร็วแถมพี่พลอยยังน่ารักกับผมมากๆ ประกอบกับผมหวั่นไหวและอยากหาใครมาดามอกแม้ว่าใจผมมันจะเปิดไม่เต็มร้อยก็ตาม
ผมเคยคิดว่าใจของผมมันไม่สามารถเปิดให้ใครได้อีกแล้วแต่ผมคิดว่าพี่พลอยอาจจะเป็นคนเปิดประตูหัวใจของผมก็ได้ ผมหลงรักคนเลวและถูกหักหลังเพราะฉะนั้นผมขอหลงรักคนดีบ้างจะได้ไม่เจ็บปวดแบบนั้นอีก
“อ่า...เริ่มต้นใหม่ก็ดีเนอะ แฮะๆ งั้นพี่ไปทำงานก่อนละนะ รีบกินข้าวนะ เดี๋ยวปวดท้องอีก” พี่พลอยพูดกระท่อนกระแท่นก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ผมมองตามก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขำๆ กับอาการกลบเกลื่อนความเขินของพี่พลอย
ผมควรเริ่มต้นใหม่จริงๆ แต่ผมต้องใช้เวลาซักพักในการตัดใจจากพี่ลุกซ์ ผมจะตัดเขาออกให้หมดจากใจแล้วเมื่อถึงวันนั้นผมก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยหัวใจดวงใหม่ที่ไม่มีคนชื่อลุกซ์อยู่ในนั้นอีก ผมคิดว่าผมต้องทำได้...ซักวัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เรื่องเมื่อวานเหมือนกับเป็นความฝันเลยล่ะครับ พอตื่นขึ้นมาผมก็รู้สึกว่าเรื่องเมื่อวานมันคงไม่มีทางเกิดขึ้นกับผมอีก ผมตัดความรู้สึกพวกนั้นออกไปแล้วและต่อไปนี้ผมก็จะไม่เผลอตัวเผลอใจไปกับคนแบบนั้นอีกแล้ว พอกันที
“พี่เปอร์ ไม่เห็นต้องมาส่งผมที่โรงเรียนเลยนี่ครับ” ไอ้ป้องบ่นเสียงแตกปร่า ช่วงนี้เจ้านี่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นครับ เสียงก็เริ่มแตกฮอร์โมนก็เริ่มเปลี่ยนบ้างแล้ว จะว่าไป ยิ่งโตไอ้หมอนี่ยิ่งหล่อครับ ตอนเด็กๆ ก็มีเค้าโครงหล่ออยู่แล้วด้วย
“มันก็ทางผ่านอยู่แล้วนี่ แล้วนี่ก็สายแล้วด้วย” ผมบอกหลังจากที่เจ้าป้องมันบ่นเรื่องที่ผมนั่งแท็กซี่ไปส่งที่โรงเรียน
“ไม่เห็นต้องเปลืองเงินนั่งแท็กซี่เลย รถเมล์ก็มีแท้ๆ” ไอ้ป้องบ่นอีก
“เอาเถอะน่า เข้าโรงเรียนไปได้แล้ว พี่ไปทำงานละ” ผมบอกก่อนจะปิดประตูรถแล้วบอกให้โชเฟอร์ออกรถได้ เด็กนั่นก็ชอบเกรงใจอะไรไม่เข้าเรื่อง ทั้งๆ ที่ผมบอกว่ามันเป็นน้องแท้ๆ แต่มันก็ไม่ยอมขออะไรจากผมเลยสักครั้ง น่ารักยังไงก็น่ารักอย่างนั้นจริงๆ เลยแฮะ
“พี่พลอย อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้แวะซื้อขนมมาอีกแล้ว มาทานด้วยกันนะครับ” ผมเอากระเป๋าสะพายไปวางที่โต๊ะทำงานก่อนจะหิ้วถุงขนมไปหาพี่พลอยที่โต๊ะทำงานของพี่พลอย
“เปอร์อ่ะ ถ้าซื้อมาทุกวันล่ะก็พี่ต้องอ้วนแน่เลย” พี่พลอยบ่นแต่มือก็หยิบกินเฉยเลย
“ฮ่าๆ ปากบ่นแต่มือนี่หยิบรัวเลยนะพี่พลอย คิๆ” ผมหัวเราะพลางนั่งคร่อมเก้าอี้แล้วเอาคางเกยพนักพิงอย่างอารมณ์ดี แค่เห็นคนกินขนมที่ผมชอบอย่างเอร็ดอร่อยผมก็ดีใจไปด้วยแล้วล่ะครับ
“อร่อยมากเปอร์ เอาไว้คราวหน้าพาพี่ไปที่ร้านบ้างนะพี่จะได้ซื้อมาฝากบ้าง แล้วก็...ถ้าวันไหนเปอร์งอนพี่ พี่จะได้ซื้อมาง้อไง” พี่พลอยพูดพลางจบประโยคด้วยการขยิบตาทำเอาผมอึ้งไปก่อนจะหัวเราะออกมากับความน่ารักเหมือนเด็กของพี่พลอย
“ครับ อ้อ เย็นนี้พี่พลอยว่างไหมครับ? เดี๋ยวไปทานข้าวที่บ้านผมนะ ผมจะโชว์ฝีมือทำอาหารให้เอง” ผมเอ่ยชวน ชวนพี่พลอยแล้วเดี๋ยวต้องไปชวนพี่ถังด้วยเดี๋ยวมันน้อยใจ ส่วนพี่เคย์ รายนั้นเขาเป็นนายแบบคิวทองไม่รู้ว่าจะว่างไปด้วยหรือเปล่า
“เปอร์ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ? ว้าว ตื่นเต้น” พี่พลอยทำหน้าดีใจปนตกใจพลางพยักหน้ารัวๆ
ผมมองหน้าดีใจของพี่พลอยก่อนจะเผลอกุมมือตัวเองและไล้แผลเป็นที่มือเบาๆ ผมเคยคิดที่จะไม่ทำอาหารอีกแต่เพราะผมอยากทำให้เขาคนนั้นทานผมจึงฝึกและพยายามไม่นึกถึงความหลังที่เจ็บปวด เอาเถอะ ตอนนี้จะแผลเป็นหรือว่าความหลังมันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะคิดถึงแล้วล่ะ ถือว่าผมฟาดเคราะห์ได้แผลไปเพราะความงี่เง่าของตัวเองไปก็แล้วกัน
“วันนี้พี่พลอยอยากกินอะไรบอกมาได้เลยนะครับ ผมจะทำสุดฝีมือเลย” ผมบอกยิ้มๆ
“พี่แล้วแต่คนเลี้ยงจ้ะ คึๆ จะล้างท้องรอเลยนะจ๊ะ” พี่พลอยพูดแล้วยื่นมือมาดึงแก้มผมอย่างหมั่นเขี้ยว
“พี่พลอยน่ะ แก้มผมยิ่งย้วยๆ อยู่ด้วย” ผมเอามือกุมแก้มพลางทำแก้มป่องเพื่อแกล้งงอน
“ผู้ชายแก้มป่องน่ารักออกนะเปอร์ น่ารักๆๆ น่ารักที่สุดเลย” คราวนี้พี่พลอยยื่นมือทั้งสองข้างมาดึงแก้มผมไปมาอย่างสนุกสนาน
“เอะอะอะไรกัน? มาทำงานได้แล้ว!” เสียงดุๆ ดังขึ้นจากหน้าห้องของพี่ลุกซ์ทำให้ผมกับพี่พลอยหยุดเล่นกันแล้วหันไปมองคนที่ส่งเสียงดุ
“สวัสดีค่ะประธาน วันนี้มาทำงานเช้าจังเลยนะคะ” พี่พลอยไหว้สวัสดีพลางถามทำให้ผมต้องยกมือไหว้ตามอย่างช่วยไม่ได้
“อืม คุณปริน ผมขอกาแฟ แล้วก็มารายงานผมด้วยว่าวันนี้ผมมีนัดอะไรบ้าง” พี่ลุกซ์บอกก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องทำงานของตัวเองผมจึงพยักหน้ารับแล้วไปที่ห้องสวัสดิการเพื่อชงกาแฟให้
ผมเอากาแฟไปให้แล้วรายงานเรื่องนัดของพี่ลุกซ์เสร็จจากนั้นก็เดินออกจากห้องทันทีโดยไม่รีรอ ผมอยู่กับพี่ลุกซ์สองต่อสองนานไม่ได้เพราะมันอาจเกิดเรื่องไม่คาดฝันได้อีก ผมไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยและไม่อยากจะหวั่นไหวอีก
“นี่ เปอร์ๆ วันเสาร์หน้าหน้าว่างหรือเปล่า?” พี่พลอยเดินมาหาผมที่ทำงาน
“ครับ คิดว่าไม่มีอะไรนะ” ผมบอกพลางนึกนิดๆ ว่ามีธุระไหม
“งั้นก็ดีเลย ฝ่ายบริหารเขาคุยกันน่ะว่าจะจัดงานต้อนรับให้เปอร์กับประธาน เข้ามาทำงานได้ซักพักแล้วแต่เปอร์กับประธานยังไม่สนิทกับคนอื่นๆ เลยพวกเราก็เลยวางแผนนี้กันขึ้นมา ประธานเองก็ตอบรับแล้วนะ” พี่พลอยบอกทำให้ผมหุบยิ้มไปดื้อๆ ถ้ามีพี่ลุกซ์...ผมไม่อยากไป
“ไม่ไปได้ไหมครับ?” ผมยิ้มแหยๆ
“เอาน่าเปอร์ พนักงานคนอื่นเขามีน้ำใจอยากจัดงานให้นะ ไปเถอะ อีกอย่าง...รองไม่ปล่อยให้ประธานทำอะไรเปอร์หรอก พี่ด้วยนะ” พี่พลอยยื่นหน้ามากระซิบเบาๆ เมื่อพูดประโยคสุดท้าย
“แล้วไปฉลองอะไรกันล่ะครับ?” ผมถามเผื่อ ถ้าเป็นเหล้าล่ะก็ผมไม่ดื่มเพราะช่วงนี้กระเพาะผมอาการหนัก พ่อไอ้พัดก็เลยไม่ให้ผมดื่ม ผมต้องงดตั้งครึ่งปีแน่ะ ลำบากสุดๆ แต่ผมก็ต้องงดเพราะผมต้องดูแลครอบครัว ถ้าผมป่วยขึ้นมาใครจะดูแลพวกเขา อีกอย่าง...ถ้าได้นอนโรงพยาบาลผมจะเอาเงินที่ไหนไปจ่ายล่ะครับ มันแพงนี่นา
“ก็คงเป็นร้านอาหารกึ่งบาร์มั้ง ฝ่ายบริหารมีแต่คนชอบดื่ม” พี่พลอยบอก
“งั้นก็ได้ครับ” ผมพยักหน้ายิ้มๆ
“โอเคจ้า งั้นพี่ไปบอกกับคนจัดงานก่อนจะได้คอนเฟิร์มจองที่นั่งเลย” พี่พลอยบอกก่อนจะวิ่งฟิ้วไปที่ห้องทำงานของฝ่ายบริหารที่อยู่อีกล็อคหนึ่งอย่างตื่นเต้น ห้องทำงานของคนอื่นจะเป็นห้องรวมครับส่วนพวกเฮดของเฮดอย่างพี่ลุกซ์พี่ถังเจ๊เปรียวและคนพวกใหญ่ๆ โตๆ อื่นๆ จะได้อยู่ห้องแยก
ผมกลับมานั่งทำงานที่โต๊ะไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาทานข้าวเที่ยง เจ๊เปรียวก็เดินมาหาพี่ลุกซ์ที่ห้องแล้วก็ควงแขนกันออกไปโดยไม่ลืมที่จะชวนผมไปด้วยแต่เขาก็ชวนตามมารยาทนั่นแหละครับผมก็เลยปฏิเสธไปตามมารยาท
ผมมองตามคู่รักก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“คู่นี้ดูรักกันมากเนอะ ไม่ยอมห่างกันไปไหนเลยล่ะเธอ” พนักงานออฟฟิศชั้นเดียวกันที่เดินผ่านโต๊ะทำงานผมซุบซิบกัน ผมได้ยินแต่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“เห็นว่ามีลูกชายน่ารักมากเลยล่ะ น่าอิจฉาผู้จัดการเนอะ ได้สามีรวยแถมยังหล่อมากอีกต่างหาก” ผมเม้มปากแล้วยกมือขึ้นปิดหู
ไม่อยากฟัง...ไม่อยากได้ยินอะไรอะไรนั้น เขาจะรักกันมากแค่ไหนมันไม่เกี่ยวกับผมแต่ผมไม่อยากจะได้ยิน!
“เปอร์จ๊ะ เปอร์!” ผมสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะดึงมือออกจากหูตัวเองเมื่อได้ยินเสียงของพี่พลอย
“คะ...ครับ?” ผมหันไปมองพี่พลอยที่มายืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานผมตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้อย่างแปลกใจ
“ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกันไหม?” พี่พลอยถามผมจึงรีบพยักหน้า
ผมกับพี่พลอยไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่งธรรมดาที่อยู่ข้างล่างตึกและตรงข้ามร้านนี้เป็นร้านสุดหรูซึ่งต่างกันราวฟ้ากับเหว ส่วนมากพนักงานออฟฟิศอย่างพวกผมก็จะกินร้านตามสั่งส่วนพวกระดับสูงหน่อยก็จะไปกินร้านตรงข้ามซึ่งผมก็เห็นเจ๊เปรียวกับพี่ลุกซ์อยู่ในร้านนั้นด้วย เฮ้อ เห็นพวกเขาแล้วก็พาลไม่อยากอาหารไปซะดื้อๆ
“เปอร์ กินอะไรจ๊ะ?” พี่พลอยถามพลางไล่ดูเมนู ผมที่เหม่ออยู่ดึงสติตัวเองกลับมาก่อนจะดูเมนูบ้าง
“เฮ้ย! พี่เปอร์ พี่ลันครับ พี่เปอร์อ่ะ” เสียงคุ้นๆ ที่ผมไม่ค่อยได้ยินดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองแล้วก็ยิ้มพลางโบกมือให้เจ้าของเสียง
“โย่!” ผมทักทายอย่างร่าเริง
“ไงเปอร์ สวัสดีครับพี่พลอย กินข้าวเหรอ?” พี่ลันเดินเข้ามาถามพร้อมไอ้ไอที่โดดมากอดผมอย่างคิดถึง ผมเองก็กอดมันเช่นกัน ตั้งแต่เรียนจบผมกับมันก็ไม่ค่อยได้เจอกันครับแต่ก็ติดต่อกันอยู่ตลอด
“ค่ะ กินด้วยกันไหมคะคุณลัน?” พี่พลอยชวน
“ไม่ล่ะครับ แล้วสั่งกันไปหรือยัง?” พี่ลันถามผมกับพี่พลอยจึงพร้อมใจกันสั่นหัว “งั้นย้ายร้านไหม? เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง ไปกันเปอร์ ตั้งแต่มึงเข้ามาทำงานที่นี่กูก็ยังไม่ได้เลี้ยงข้าวมึงเลย” พี่ลันชวนผมกับพี่พลอยจึงมองหน้ากันก่อนจะพร้อมใจกันพยักหน้า
“ดีใจจัง ผมมีเรื่องอยากจะคุยกับพี่เปอร์เยอะแยะเลย คิดถึงมาก!!” ไอ้ไอยิ้มกว้างพลางโอบไหล่ผมไว้และผมเองก็โอบเอวมันไม่ปล่อยเหมือนกัน ไม่แปลกหรอกครับที่สนิทกันขนาดนี้ ก็ผมเป็นพี่รหัสพ่วงท้ายด้วยการเป็นพี่เทคของมันนี่นา สมัยเรียนก็สนิทกันสุดๆ เลยด้วย
“ป้าขา เอาไว้วันหน้าจะมาอุดหนุนนะคะ ไปกินของฟรีก่อนค่า คิๆ” พี่พลอยบอกกันป้าเจ้าของร้านอย่างสนิทสนมซึ่งป้าแกก็ยิ้มให้ ร้านอาหารของป้าแกคนเยอะแทบไม่ขาดเลยล่ะครับเพราะพนักงานตึกนี้เยอะมาก
ผมกับพวกพี่ลันเดินเข้าไปในร้านก่อนที่ผมจะเผลอหันไปสบตากับพี่ลุกซ์ที่นั่งอยู่ไม่ไกลจากประตูเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมรีบหลบสายตา
“ไงลัน พาพนักงานมาเลี้ยงข้าวเหรอ?” พี่ลุกซ์พูดทักขึ้นทำให้พี่ลันกับคนอื่นๆ หันไปมอง
“อ้าว มึงก็มาเหรอ?” พี่ลันเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจก่อนจะหันมามองผม ผมเม้มปากนิดๆ ก่อนจะขยับไปหลบหลังพี่ลันแล้วเกาะเอวพี่มันแน่นซึ่งไอ้ไอก็ขยับให้ผมไปอยู่ตรงนั้นแล้วลูบหลังผมอย่างปลอบโยน
“มานั่งด้วยกันสิ เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง” พี่ลุกซ์พูด ผมรีบกระตุกเสื้อพี่ลันเอาไว้
“ไม่ล่ะ มาสี่ที่ครับ” พี่ลันตอบพี่ลุกซ์ก่อนจะหันไปบอกพนักงานต้อนรับ
“น้องๆ ต่อโต๊ะตรงนี้เลยครับ” พี่ลุกซ์บอก
“ลุกซ์” พี่ลันเรียกพี่ลุกซ์ปรามๆ ทำให้พนักงานได้แต่ยืนงง
“จะเป็นอะไรไป? นั่นก็พนักงานออฟฟิศกู ให้กูเลี้ยงหน่อยไม่ได้เหรอ?” พี่ลุกซ์พูดพลางยิ้มที่มุมปากทำให้พี่ลันปฏิเสธไม่ได้
“พี่ลัน ผมกลับไปกินข้าวร้านเดิมดีกว่า” ผมกระซิบบอกพี่ลันขณะที่พนักงานกำลังจัดโต๊ะให้
“เอางั้นก็ได้ เอาไว้เดี๋ยวกูเลี้ยงมึงคราวหน้านะ” พี่ลันกระซิบบอกผมจึงหันไปหาพี่พลอยแล้วพนักหน้าเบาๆ พี่พลอยพยักหน้ากลับอย่างเข้าใจจากนั้นเราก็หันหลังเดินไปพร้อมกันครับ
“จะไปไหนเหรอครับ? พวกคุณจะไม่ตอบรับน้ำใจผมเหรอ?” เสียงพี่ลุกซ์พูดขึ้นลอยๆ ทำให้ผมกับพี่พลอยชะงัก
“เอาไว้ผมจะตอบรับน้ำใจวันหลังนะครับ” ผมหันกลับไปพูดเสียงแข็ง
“เปอร์ มากินด้วยกันเถอะนะ ให้พี่เลี้ยงขอบคุณที่เราช่วยดูแลน้องปิงหน่อยนะ” เจ๊เปรียวหันมาพูดทำให้ผมลำบากใจ
“เปอร์ไปกินเถอะ พี่ไปกินร้านอื่นดีกว่า” พี่พลอยกระซิบบอก
“พี่พลอย อยู่ด้วยกันสิครับ” ผมหันไปขอร้องเสียงเบา
“ไม่เอาอ่ะ พี่อึดอัด ดูเหมือนพวกเปอร์จะรู้จักกันมานาน พี่เป็นคนนอกนะ” พี่พลอยพูดผมจึงจับมือพี่พลอยเอาไว้
“ผมขอโทษนะพี่พลอยที่ทำให้อึดอัด งั้น...เย็นนี้เตรียมอิ่มจนพุงกางได้เลยนะครับ” ผมพูดพลางยิ้มอย่างเอาใจ
“ได้จ้ะ พี่จะรอนะ” พี่พลอยยิ้มตอบก่อนจะหยิกแก้มผมหนึ่งครั้งแล้วเดินออกจากร้านไป ผมมองตามนิดๆ ก่อนจะหันไปมองที่โต๊ะและพบว่าพี่ลุกซ์กำลังมองผมอยู่ พี่ลุกซ์นั่งหันหน้ามาทางประตูและนั่งตรงข้ามกับเจ๊เปรียวและตอนนี้พี่ลันก็ไปนั่งข้างพี่ลุกซ์ด้วยมีไอ้ไอนั่งข้างๆ อีกทีผมจึงต้องเดินไปนั่งข้างๆ เจ๊เปรียวอย่างช่วยไม่ได้ เฮ้อ อยากเปลี่ยนที่กับไอ้ไอชะมัด นั่งตรงนี้แล้วเห็นหน้าพี่ลุกซ์ชัดเกินไปจนผมอยากจะสายตาสั้นให้รู้แล้วรู้รอด
“ว้าว! นี่มันงานรวมรุ่นชัดๆ” เจ๊เปรียวพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่าตอนเรียนมหาลัยพวกเราทั้งหมดอยู่ในสายรหัสเดียวกัน
“นั่นสิครับ” ไอ้ไอพูดขึ้นบ้าง
“นึกถึงตอนเลี้ยงสายเลยแฮะ ตอนไอเข้ามาเจ๊ก็จบไปแล้วเลยไม่ค่อยได้เลี้ยง แต่ตอนที่เจ๊ยังอยู่เจ๊นัดเลี้ยงบ่อยเลยล่ะ สนุกดี” เจ๊เปรียวพูดยิ้มๆ ทำให้ผมเผลอเหลือบตาไปมองพี่ลุกซ์อีกครั้งและเห็นว่าพี่ลุกซ์ก็มองผมอยู่ผมจึงรีบหลบตา
“นัดบ่อยจนน่ารำคาญ” พี่ลุกซ์ว่า
“ชิ! บอกว่ารำคาญแต่ก็เห็นมาทุกครั้งนี่ยะ ทำเป็นพูดดีไป” เจ๊เปรียวพูดพลางจิกสายตามองพี่ลุกซ์ ผมเม้มปากก้มหน้าดูเมนูแม้สายตาผมจะไม่ได้โฟกัสที่เมนูเลยก็ตาม
“เจ๊เลี้ยงแต่เหล้า” พี่ลันว่า
“ก็เห็นคอแข็งกันทุกคนนี่ อ๊าย พูดแล้วก็นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ เนอะ แล้วว่าแต่เปอร์กับไอเป็นกรรมการปกครองเหมือนพี่ๆ เขาไหมจ๊ะ?” เจ๊เปรียวหันมาถามผมกับไอ้ไอ ผมเลิกจ้องเมนูแล้วหันไปมองเจ๊เปรียวพลางยิ้ม
“ไม่ล่ะครับ ผมโหดไม่พอที่จะมองคนร้องไห้ได้โดยไม่รู้สึกอะไร” ผมพูดแต่ก็แอบจิกพี่ลุกซ์เบาๆ
“ผมก็ไม่ครับ เห็นพี่ลันเป็นแล้วสงสาร เสียงเบาแล้วยังอยากจะว้ากกล่องเสียงเลยอักเสบบ่อยๆ น่ะครับ” ไอ้ไอแอบเหน็บพี่ลันนิดๆ
“จะว่าไป ลุกซ์ลันแล้วก็ไอนี่เป็นศิลปะป้องกันตัวทุกคนเลยใช่ไหม? ทำไมเปอร์ไม่เรียนบ้างล่ะ สายเราจะได้เป็นสายแกร่ง” เจ๊เปรียวชวนคุยต่อ เฮ้อ...อย่ารำลึกความหลังได้ไหมครับ มันเจ็บนะเนี่ย
“ผมเคยเรียนนิดๆ กับพี่ลันแล้วก็ไอ้ไอน่ะครับแต่ไม่ค่อยมีเวลาเลยไม่เรียนต่อ อีกอย่าง เรียนไปก็เท่านั้นแหละครับ ผมเป็นพวกไม่ค่อยมีแรงน่ะ สู้ใครเขาไม่ได้หรอกครับ” ผมก้มหน้าพูดพลางยิ้มสมเพชตัวเอง อ่า...อยากร้องไห้ชะมัด พูดถึงเรื่องเรียนศิลปะป้องกันตัวแล้วดันไปนึกถึงตอนที่พี่ลุกซ์สอนให้ จำได้ว่า...ตอนนั้นผมกับพี่ลุกซ์หวานกันมากเลยล่ะ
อ่า...น้ำตา อย่าเพิ่งไหลลงมาตอนนี้นะ มันไม่ดีเลย
“ใช่ๆ พี่เปอร์แรงก็น้อยตัวก็บาง ตอนนี้ยิ่งผอมกว่าเมื่อก่อนซะอีก ถ้าแฟนดูแลให้ดีกว่านี้คงจะไม่เป็นแบบนี้” ไอ้ไอพูดด้วยสีหน้าไร้เดียงสาแต่ผมรู้ว่ามันด่าพี่ลุกซ์แทนผม
“สูง...” พี่ลันหันไปมองไอ้ไอทำให้มันเงียบปากไป
“ผะ...ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำนะครับ ไอ...จะกินอะไรก็สั่งแทนกูด้วยนะ” ผมปิดเมนูแล้วรีบลุกไปเข้าห้องน้ำทันที
“พี่เปอร์ ผมไปด้วย พี่เตี้ย ฝากสั่งด้วย” ไอ้ไอรีบลุกแล้ววิ่งตามเข้ามา
31.25% left
ทันทีที่ถึงห้องน้ำผมก็เดินไปที่หน้าอ่างล้างหน้าแล้วลงมือล้างหน้าของตัวเองทันที
“พี่เปอร์ ผมขอโทษ ผมก็แค่แค้นที่พี่ลุกซ์ทำกับพี่ถึงขนาดนี้” ไอ้ไอเดินมาแตะที่หลังของผมแล้วทำหน้ารู้สึกผิด
“ไม่เป็นไร ก็รู้ว่ามึงหวังดีกับกู เรื่องที่มันแล้วมาก็ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะนะ กูไม่อยากนึกถึงมันอีก” ผมหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับหน้าตัวเองแล้วยืนพิงขอบอ่างล้างหน้าด้วยท่าทางเหนื่อยใจ
“ผมขอโทษ” ไอ้ไอก้มหน้าสำนึกผิด
“อ่า...ปวดท้องชะมัด” ผมขมวดคิ้วแล้วยกมือกุมท้องอย่างทรมาน พอเครียดก็เป็นแบบนี้ตลอดแถมยังมาเครียดเอาตอนกำลังหิวทำให้อาการปวดท้องของผมมันหนักขึ้นกว่าปกติ
“ไหวไหมพี่? ไปหาหมอไหม?” ไอ้ไอเข้ามาประคองผมแล้วถามอย่างเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวกินยาแล้วนอนพักก็หาย” ผมบอกพลางตะปบสูทเพื่อหายาแต่ก็ต้องถอนหายใจเพราะผมลืมเอายาออกมาจากกระเป๋า
“เอางี้ไหมพี่ เดี๋ยวผมพาพี่ไปพัก จะได้เป็นข้ออ้างพาพี่ออกไปด้วย...นะ” ไอ้ไอเสนอผม ผมมองมันนิดๆ ก่อนจะส่ายหน้าแม้จะสนใจข้อเสนอมันก็ตามที
“ไม่เป็นไร กินข้าวเถอะ” ผมบอกยิ้มๆ
“ไม่เอา เดี๋ยวผมบอกพี่ลันให้ซื้อข้าวเข้าไปให้ดีกว่า นะพี่เปอร์...ให้ผมได้ช่วยพี่บ้างนะ” ไอ้ไอตื๊อผมจึงยิ้มกับความน่ารักของมันแล้วพยักหน้านิดๆ
“ไม่ต้องประคองก็ได้ ไหวอยู่ ไม่ใช่เด็กนะ ฮ่าๆ” ผมบอกเมื่อไอ้ไอจะช่วยประคองออกจากห้องน้ำ
“ก็ผมเป็นห่วง” ไอ้ไอทำปากยื่นผมจึงยกมือขึ้นยีหัวมันเบาๆ อย่างเอ็นดู
ผมกับไอ้ไอเดินออกจากห้องน้ำก่อนจะเดินไปที่โต๊ะ ผมไม่นั่งที่โต๊ะแต่รอให้ไอ้ไอมันคุยกับพี่ลันทำให้เจ๊เปรียวกับพี่ลุกซ์หันมามองผมอย่างแปลกใจ แต่ก่อนจะได้ถามอะไรไอ้ไอก็พูดขึ้นซะก่อน
“พี่ลัน ฝากซื้อข้าวไปให้หน่อยนะ พอดีพี่เปอร์ปวดท้องผมเลยจะพาไปหาหมอ” ไอ้ไอพูดซึ่งพี่ลันก็พยักหน้าเพราะเข้าใจสถานการณ์ดี
“เปอร์เป็นอะไรมากไหม? ลุกซ์ เลขาไม่สบายขนาดนี้ทำไมไม่ดูแล พาน้องไปหาหมอเลยนะ” เจ๊เปรียวหันไปดุพี่ลุกซ์ทำเอาผมกับไอ้ไอมองหน้ากันอย่างลำบากใจ
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมดูแลเอง” ไอ้ไอรีบพูด
“ไม่ต้อง พี่ดูแลเอง” พี่ลุกซ์พูดพลางลุกขึ้นยืน “เปรียว ฝากสั่งอาหารไปให้ที่ห้องด้วยนะ” พี่ลุกซ์บอกก่อนจะเดินอ้อมมาหาผมที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม พี่ลุกซ์เปลี่ยนคำพูดกับไอ้ไอแล้วล่ะครับ เรียกไอ้ไอด้วยชื่อและแทนตัวเองว่าพี่ ก็นะ...ไอ้ไอมันเป็นคนสำคัญของน้องชายที่พี่มันรักนี่ ก็เลยต้องให้ความสำคัญด้วยการพูดดีๆ ด้วย ไม่เหมือนผมหรอก ตั้งแต่แรกก็ไม่เคยพูดกันดีๆ
เฮ้อ!! แล้วจะไปนึกถึงอดีตทำไมวะ!?
“ผมไม่รบกวนเวลาอาหารของใครหรอกครับ ผมป่วยเองผมก็ไปหาหมอเองได้ครับ” ผมพูดขึ้นทันทีเพราะไม่อยากให้พี่ลุกซ์มารับผิดชอบชีวิตของผมอีก ไม่อยากติดหนี้บุญคุณคนแบบนี้
“ไม่ได้ ผมเป็นเจ้านายของคุณและผมก็เป็นพี่ของคุณด้วย” พี่ลุกซ์พูดผมจึงหันไปมองพี่มันที่ยืนอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาเจ็บใจ
“ผมมีพี่ชายแค่สามคนคือพี่ถัง พี่เคย์แล้วก็พี่ลัน คนอื่นผมไม่นับ ผมขอตัว” ผมพูดแค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกจากร้านไปทันทีโดยมีพี่ลุกซ์เดินตามมากระชากแขนผมเอาไว้ “ไม่ต้องมาดูแลผมในฐานะเจ้านายหรอกครับ ผมก็แค่พนักงานรากหญ้าคนหนึ่ง จะเจ็บจะป่วยก็เป็นเรื่องธรรมดา ประธานอย่างคุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะผมจะกลับมาทำงานตามเวลา” ผมสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วหันมองซ้ายขวาเพื่อข้ามถนน
“ถ้าไม่สบายผมอนุญาตให้คุณไปพักได้” พี่ลุกซ์พูด
“แค่นี้เรื่องเล็กครับ ผมไม่เอาเรื่องป่วยมาทำให้เสียงานหรอกเพราะผมมันเด็กเส้น เข้ามาทำงานได้ก็เพราะเส้น ผมก็เลยต้องทำงานให้มันสมกับที่เขารับเข้ามา คนที่พาผมเข้ามาทำงานจะได้ไม่เสียหน้า” ผมพูดโดยไม่หันไปมองพี่ลุกซ์ก่อนจะรีบข้ามถนนเมื่อรถเริ่มน้อยลง
อ่า...ปวดท้องจัง ปวดจนทนไม่ไหวซะแล้วล่ะ
ผมเข้าไปนอนพักที่ห้องทำงานพี่ถังจนกระทั่งเกือบจะถึงเวลาทำงานผมจึงออกไปนั่งที่โต๊ะทำงานเหมือนเช่นเคย
“ผมซื้อมาให้/พี่ซื้อมาให้” ผมชะงักเมื่อจู่ๆ ก็มีกล่องสองกล่องยื่นมาตรงหน้า ผมเงยหน้ามองพี่ลุกซ์กับพี่พลอยที่ยื่นข้าวกล่องมาให้สลับกันไปมาก่อนจะยื่นมือไปรับข้าวจากพี่พลอยอย่างไม่ลังเล
“ขอบคุณนะครับพี่พลอย ใจดีจัง” ผมหันไปยิ้มให้พี่พลอยขณะที่พี่ลุกซ์ดึงกล่องข้าวตัวเองกลับแล้วเดินเข้าไปในห้องตัวเองอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ ทำแบบนี้ประธานจะไม่โกรธเหรอ?” พี่พลอยมองหน้าผมอย่างลำบากใจ
“พี่พลอยครับ เขาจะโกรธก็เรื่องของเขาสิครับ ไม่เห็นต้องแคร์เลย” ผมยิ้มให้พี่พลอยแล้วเปิดกล่องข้าวที่พี่พลอยซื้อมาให้
“ถ้าประธานพาลเกลียดขี้หน้าพี่ไปด้วยพี่ซวยเลยนะเนี่ย ฮ่าๆ” พี่พลอยขยับมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามผมพลางหัวเราะนิดๆ
“ไม่หรอกครับ เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับผมทำไมต้องโกรธพี่พลอยด้วยล่ะ” ผมพูดยิ้มๆ
“เปอร์ กำลังโกหกตัวเองอยู่สินะ” พี่พลอยเอื้อมมือมาขยี้หัวผมเบาๆ
“พี่พลอย ใช่...ผมโกหกตัวเอง ผมโกหกว่าผมไม่ได้รักเขา แต่ผมไม่มีที่ยืนอยู่ในโลกของเขาแล้ว มันไกลเกินเอื้อมแล้วล่ะครับ จากนี้ต่อไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นผมก็รักเขาไม่ได้ เพราะฉะนั้น...ผมก็อยาก...จะเริ่มต้นใหม่กับใครซักคน” ผมพูดพลางเหลือบตามองพี่พลอยนิดๆ พี่พลอยนิ่งไปซักพักก่อนที่หน้าของพี่พลอยจะแดงขึ้นกว่าเดิมจากการปัดแก้มมา
ผมรู้สึกดีกับพี่พลอยครับ เวลาพี่พลอยยิ้มผมก็ยิ้มด้วย เวลาพี่พลอยดีใจที่ผมซื้อขนมมาฝากผมก็ดีใจไปด้วย อาจจะเป็นเวลาไม่นานที่เรารู้จักกันแต่ผมก็สนิทกับพี่พลอยได้อย่างรวดเร็วแถมพี่พลอยยังน่ารักกับผมมากๆ ประกอบกับผมหวั่นไหวและอยากหาใครมาดามอกแม้ว่าใจผมมันจะเปิดไม่เต็มร้อยก็ตาม
ผมเคยคิดว่าใจของผมมันไม่สามารถเปิดให้ใครได้อีกแล้วแต่ผมคิดว่าพี่พลอยอาจจะเป็นคนเปิดประตูหัวใจของผมก็ได้ ผมหลงรักคนเลวและถูกหักหลังเพราะฉะนั้นผมขอหลงรักคนดีบ้างจะได้ไม่เจ็บปวดแบบนั้นอีก
“อ่า...เริ่มต้นใหม่ก็ดีเนอะ แฮะๆ งั้นพี่ไปทำงานก่อนละนะ รีบกินข้าวนะ เดี๋ยวปวดท้องอีก” พี่พลอยพูดกระท่อนกระแท่นก่อนจะวิ่งปรู๊ดไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ผมมองตามก่อนจะยิ้มออกมาอย่างขำๆ กับอาการกลบเกลื่อนความเขินของพี่พลอย
ผมควรเริ่มต้นใหม่จริงๆ แต่ผมต้องใช้เวลาซักพักในการตัดใจจากพี่ลุกซ์ ผมจะตัดเขาออกให้หมดจากใจแล้วเมื่อถึงวันนั้นผมก็จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยหัวใจดวงใหม่ที่ไม่มีคนชื่อลุกซ์อยู่ในนั้นอีก ผมคิดว่าผมต้องทำได้...ซักวัน
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ