[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
9.7
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
56 ตอน
51 วิจารณ์
236.24K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
38) Chapter 38 : โปรโมชั่น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 38 : โปรโมชั่น
ขณะที่ผมกำลังเดินออกมายืดเส้นยืดสายผมก็ต้องสะดุ้งเพราะหันไปเห็นสายตาดุดันคู่หนึ่งกำลังมองผมอยู่ ไอ้ที่กำลังสูดลมหายใจเมื่อครู่พลันปล่อยออกมาทันทีเพราะอารามตกใจ
“น้อง เป็นช่างอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ผมเอ่ยถามออกไปเพราะเผลอสบตาไปแล้วก็เลยต้องชวนคุยซักหน่อย ตอนแรกว่าแค่จะยิ้มให้แต่พอยิ้มแล้วเขาดันทำท่าเขม่นใส่ผมซะงั้น ที่ผมเรียกเขาน้องเพราะคิดว่าน่าจะอ่อนกว่าถึงหน้าตาดูแก่กว่าก็เหอะ ไอ้ผมก็อายุเยอะแล้วแต่หน้าตาดันดูเด็กกว่าอายุซะงั้น
“เออ” อุต๊ะ ดูตอบเข้า ตอบซะผมไม่กล้าชวนคุยต่อเลย เดิมทีหน้าตาก็ไม่น่าคุยด้วยแล้ว ดวงตาลึกและขอบตาดำปี๋เหมือนคนไม่ได้นอน แก้มก็ตอบ ร่างกายผอมโกร่งดูสุขภาพไม่ดี ง่ายๆ เลยนะ เหมือนคนติดยา
...คนติดยา...คนติดยา...คนติดยา...
เฮ้ย!! หรือว่า...เป็นไอ้เด็กติดน้ำมันคนนั้น!?!
“น้อง พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” ผมถาม ผมอยากจะให้คำแนะนำกับเขาและพูดถึงปัญหาที่เขาติดน้ำมัน อย่างน้อยๆ ความรู้ที่ผมเรียนมาอาจจะช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อย
“คุยไร?” โถ ไอ้เด็กนี่! ปากดีเหลือเกินนะมึงเนี่ย
“พี่เคยเป็นอาจารย์สอนเครื่องกล พี่อาจจะให้คำแนะนำน้องได้สำหรับเรื่องน้ำมัน” ผมพูดเข้าประเด็นแล้วเดินไปดึงแขนไอ้เด็กนั่นมาเพื่อที่จะพาไปหาที่นั่งคุย ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้น่ากลัวอะไรแต่เป็นแค่เด็กดื้อเท่านั้น
“อะไรวะ!?! ไม่คุยโว้ย!!” ไอ้เด็กนั่นโวยวายแล้วกระชากมือออกจนผมเซจะล้ม เฮ้ย นี่มึงทำให้กูโกรธแล้วรู้ตัวหรือเปล่า?
“นี่! จะคุยด้วยดีๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา! หรืออยากจะติดน้ำมันให้เป็นทุกข์ไปจนตาย ฮะ!?!” ผมตะคอกใส่จนไอ้เด็กนั่นถอยกรูด คงจะผวาที่คนหล่อๆ อย่างผมอยู่ในโหมดโหดล่ะมั้ง อิๆ
“อย่ามายุ่งกับกู! ไปไกลๆ เลยนะไอ้เกย์น่าสะอิดสะเอียน!!” ไอ้เด็กนั่นผลักผมออกอย่างแรงพร้อมกับทำให้ผมอึ้งกับคำพูดนั่น
เกย์น่าสะอิดสะเอียนงั้นเหรอ?
“มึงว่ากูเป็นเกย์น่ารังเกียจงั้นเหรอ?” ผมขมวดคิ้วจ้องหน้าไอ้เด็กนั่นด้วยความโกรธ “ถ้ามึงว่ากูน่ารังเกียจเพียงเพราะเป็นเกย์แล้วไอ้คนติดสารเสพติดอย่างมึงนี่ไม่น่ารังเกียจเลยหรือไงฮะ!?!” ผมย่างสามขุมเข้าไปแล้วตะคอกจนรู้สึกเจ็บคอพลางผลักอกไอ้เด็กนั่นไปจนกระทั่งชนกับผนัง
อาจจะเพราะผมตะคอกเสียงดังเกินหรือเปล่าทำให้คนที่อยู่ในห้องซ่อมกรูกันออกมาข้างนอกเพื่อดูเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดเสียงดัง
“เฮ้ย น้องเปอร์ เกิดอะไรขึ้น” ขณะที่ผมกำลังทำหน้าดุใส่ไอ้เด็กติดน้ำมันเหมือนจะมีเรื่อง พี่สองก็รีบวิ่งเข้ามาล็อกตัวผมเอาไว้แล้วลากออกไป ส่วนไอ้เด็กน้ำมันนั่นก็รีบวิ่งหนีไปทำให้ช่างคนอื่นๆ รีบตามเพื่อจับตัวกลับมา
“อยู่ดีๆ ไอ้เกย์บ้านี่ก็มาหาเรื่อง!” ไอ้เด็กน้ำมันพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดพลางชี้หน้าผม สิ่งที่มันตอกย้ำผมทำให้ทุกๆ คนที่ได้ยินมีท่าทางอึกอัก คงจะเพราะเกรงใจผมล่ะมั้งครับ ทำไงได้ ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผมเป็นเกย์ถึงผู้ชายที่ผมรักจะมีแค่คนเดียวก็ตาม
“เอะอะอะไรกัน?” ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกเสียงทุ้มๆ ก็ดังขึ้นทำให้ทุกอย่างสงบลง
“พี่เปอร์ เกิดอะไรขึ้นครับ?” ไอ้ไอที่ตามพี่ลันมาดึงผมเข้าไปหาแล้วถามออกมาด้วยสีหน้างงปนซีเรียส
“จะให้คำแนะนำไอ้เด็กนี่ซักหน่อย แต่ไม่มีอะไรหรอก กูคงยุ่งมากเกินไป” ผมหายใจแรงๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ รู้สึกเหมือนไม่ได้อาละวาดแบบนี้มานานมากแล้วนะเนี่ย
“ไอ้ป้าง! อาการของมึงตอนนี้ถ้าเข้ารับการบำบัดยังพอจะแก้ได้อยู่นะเว้ย” พี่อู๊ดพูดกับไอ้เด็กนั่นแต่เหมือนจะไม่เข้าหัวมันเลย
“พี่อู๊ด ผมติดต่อทางสถาบันบำบัดไว้แล้วนะ จะส่งตัวมันไปตอนนี้ยังได้” พี่สองพูดทำให้ไอ้เด็กนั่นมีสีหน้าไม่สู้ดีก่อนจะอาละวาดด้วยแรงมหาศาลจนจับเอาไว้ไม่อยู่ทำให้มันวิ่งหนีไปได้ ผมสังเกตเห็นว่าหลายๆ คนทำหน้าเหนื่อยใจกับไอ้เด็กคนนั้นเหลือเกิน
“เปอร์ถูกทำอะไรหรือเปล่า?” พี่สองหันมาถามพลางมองผมอย่างสำรวจ
“ไม่หรอกครับ” ผมส่ายหน้าไปมา ผมต่างหากล่ะที่จะทำอะไรไอ้เด็กคนนั้น
“แล้วจะส่งมันไปบำบัดตอนไหน?” พี่ลันหันไปมองหน้าพี่สองกับพี่อู๊ดสลับกัน
“เดี๋ยวเลิกงานวันนี้จะให้เด็กไปตามจับตัวมันมาแล้วส่งมันไปบำบัด” พี่อู๊ดบอกทำให้พี่ลันพยักหน้านิดๆ แล้วเดินกลับไปเข้าเพื่อทำงานต่อ เมื่อหัวหน้าของพวกเรากลับไปทำงานทุกคนจึงแยกย้ายไปทำงานบ้าง
“พี่เปอร์ เย็นนี้ว่างป่ะ?” ไอ้ไอที่ไม่ได้ตามพี่ลันไปเดินเข้ามาถามผมที่กำลังยืนสงบสติอารมณ์อยู่
“มีอะไรหรือเปล่า?” ผมถาม ไม่แน่ใจว่าว่างหรือเปล่าเพราะพี่ลุกซ์อาจจะชวนไปไหนก็ได้
“ผมกับพี่ลันว่าจะไปฝึกซักหน่อย ช่วงนี้ร่างกายมันฝืดๆ อยากเตะอยากต่อยน่ะครับ พี่ไปด้วยไหม?” ไอ้ไอชวน ฝึกที่ว่าคือฝึกเทควันโดน่ะครับ ก่อนหน้านี้ที่เคยบอกไปว่าผมให้สองคนนี้ช่วยสอนให้ทำให้เวลาพวกนี้อยากออกกำลังกายก็มักจะชวนผมไปด้วยบ่อยๆ
“ถามพี่ลุกซ์ก่อน” ผมบอก
“ครับ ผมชวนไอ้ป้องมาแล้ว น้องไลลาก็จะฝึกเหมือนกัน พี่ชวนพี่ลุกซ์มาด้วยดิ” ไอ้ไอบอก
“ไอ้ป้องจะแดกหัวพี่ลุกซ์เอาน่ะสิ มันยังคงไม่ชอบขี้หน้าพี่ลุกซ์อยู่นะเว้ย นี่พาลไม่ชอบหน้าน้องปิงไปด้วยเลย” ผมพูด ทุกวันนี้ไอ้ป้องมันยังเคืองพี่ลุกซ์ไม่หาย เวลาพี่ลุกซ์ไปที่บ้าน ไอ้ป้องไม่ออกมาให้เห็นหน้าเลย
“ถ้าผมเป็นไอ้ป้องผมก็คงยังอคติอยู่เหมือนกัน หมอนั่นมาบ่นให้ฟังตลอดว่าสภาพพี่เป็นยังไงตอนที่รู้ว่าพี่ลุกซ์แต่งงาน ผมบอกตรงๆ ว่าผมก็โกรธมากเพราะไม่คิดว่าพี่ลุกซ์จะทำกับพี่ได้ลง เฮ้อ เดี๋ยวเวลาคงทำให้อะไรๆ ดีขึ้นก็ได้” ไอ้ไอบอก ผมถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับเพราะผมนี่แหละที่เข้าใจความรู้สึกของไอ้ป้องดีที่สุด
“สำหรับเรื่องเย็นนี้ กูจะคุยกับพี่ลุกซ์ก่อนแล้วค่อยเจอกันที่บ้านละกัน” ผมบอก บ้านที่ว่าก็บ้านพวกพี่ๆ เขานั่นแหละครับ เห็นคุณแม่บอกว่าพี่ลันพาไอ้ไอเข้าไปบ่อยๆ ก็เลยอยากให้พี่ลุกซ์พาผมไปบ่อยๆ เหมือนกัน
“โอเค งั้นผมไปทำงานละ” ไอ้ไอบอกยิ้มๆ แล้วเดินกลับไปทำงานต่อส่วนผมก็พักยืดเส้นยืดสายต่อเพราะทำงานมาทั้งวัน
หลังเลิกงานผมก็ไปรอพี่ลุกซ์ที่ออฟฟิศเพราะพี่มันไลน์มาบอกว่าวันนี้ประชุมอาจจะเลิกช้าหน่อยให้ผมมารอ แต่ไม่รู้วันนี้มันวันซวยอะไรผมถึงได้เจอแต่คนที่ทำให้ผมอารมณ์เสีย ก่อนหน้าจะมาที่นี่ก็เจอไอ้เด็กติดน้ำมัน พอมาที่นี่ก็ดันมาเจอกับยัยบิวตี้ที่ยังไม่ยอมไสหัวออกจากบริษัทแม้จะถูกหลายๆ คนเขม่นก็เถอะ
เฮ้อ พี่พลอยก็คงเข้าประชุมกับพี่ถังก็เลยไม่อยู่เป็นเพื่อนคุยกับผมเลย ส่วนยัยเด็กบิวตี้นั่นก็เดินวนไปวนมาอยู่ใกล้ๆ ผมไม่ห่างจนผมชักจะรำคาญ
“มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเหอะ เดินโฉบไปโฉบมาน่ารำคาญว่ะ” ผมลดโทรศัพท์ที่กำลังกดเล่นอยู่แล้วจ้องยัยเด็กบิวตี้ด้วยสายตานิ่งๆ
“ผู้ชายน่าเบื่อแบบพี่เปอร์ไม่รู้ว่าทำอีท่าไหนพี่ลุกซ์ถึงชอบก็ไม่รู้” ยัยเด็กนั่นทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วว่าผมออกมา
“ก็หลายท่านะ อยากดูไหม เดี๋ยวเปิดคลิปให้ดู” ผมพูดพลางกดโทรศัพท์ยิกๆ ทำเหมือนจะเปิดคลิปให้ดูจริงๆ ทำเอายัยเด็กนั่นทำหน้ายี้ใส่แล้วเดินหนีไป ผมหัวเราะไล่หลังอย่างสะใจแล้วเปิดเกมเล่นต่อ
เล่นเกมได้ไม่นาน ห้องประชุมก็เปิดออกพร้อมกับพนักงานที่เดินออกมา หลายๆ คนก็ทักทายผมอย่างเป็นมิตรเพราะเรารู้จักกันมาก่อนส่วนบางคนก็ไม่รู้จักเลยไม่ทัก คนอื่นๆ เดินออกมาจนเกือบหมดแล้วแต่ไม่ยักกะเห็นพี่ถัง พี่พลอย แล้วก็พี่ลุกซ์เลย
เมื่อไม่เห็นพวกพี่ๆ ออกจากห้องประชุมผมก็เดินย่องๆ ไปแอบส่องดูก่อนเผื่อยังคุยเรื่องงานไม่เสร็จจะได้ไม่เข้าไปกวน
“มึงจะไปไหม?” เสียงพี่ถังถามขึ้น ผมชะงักนิดๆ ตอนแรกผมกำลังจะเดินเข้าไปเลยเพราะเห็นว่าอยู่กันแค่สามคนแต่พอได้ยินพี่ถังถามออกมาแบบนั้นผมจึงหยุดเพื่อรอฟังด้วย
“ไม่รู้ว่ะพี่ คนอื่นๆ ก็ตื๊อกันจังแต่วันนี้ผมอยากอยู่กับไอ้เปอร์” พี่ลุกซ์พูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ เฮ้ย มีเรื่องของผมด้วยเรอะ?
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะประธาน อยู่กับน้องเปอร์นั่นแหละ ตาแก่ฝ่ายบริหารก็ชอบนัดดื่มตามอารมณ์แบบนี้แหละ ถึงจะพูดจาเสียดๆ ว่าประธานยังเด็กก็ควรจะเข้าสังคมด้วยก็เถอะนะ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกค่ะ” เสียงพี่พลอยพูดขึ้น อ๋อ พวกผู้ชายฝ่ายบริหารนัดดื่มนี่เอง ตอนที่ผมทำงานอยู่ก็เคยโดนชวนบ้างนะครับแต่ก็ไม่เคยไปเพราะตอนนั้นผมไม่อยากไปเที่ยวพร้อมพี่ลุกซ์ก็เลยหาข้ออ้างร้อยแปดเพื่อที่จะไม่ไป
“เออ ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวเคลียร์ให้” พี่ถังบอกเพื่อตัดปัญหา
“ไม่เป็นไร ค่อยไปหาไอ้เปอร์ทีหลังก็ได้ ยังไงก็ต้องทำงานกับคนพวกนั้นอีกนาน ไปบ้างพอเป็นมารยาท” พี่ลุกซ์พูด ผมที่กำลังยิ้มๆ อยู่ถึงกับหน้าเจื่อนไปเพราะจุกกับคำที่บอกว่าค่อยมาหาผมทีหลัง นี่เห็นเหล้าดีกว่าผมเหรอวะ?
จริงๆ ผมเข้าใจนะว่าพี่ลุกซ์ต้องไปสังสรรค์กับคนที่แผนกบ้าง แต่มันจะดีมากถ้าไม่พูดถึงผมแบบนั้น ทำเหมือนผมไม่สำคัญยังไงก็ไม่รู้ นี่มันยังอยู่ในช่วงพิสูจน์ใจกันอยู่เลยยังจะมาบอกว่าเอาไว้ทีหลังก็ได้งั้นเหรอ? เอ๊อ ดีได้ไม่นานจริงๆ ด้วย
“เดี๋ยวไอ้เปอร์มันก็งอนเอาหรอก” ไอ้พี่ถังพูด แหม่...รู้ใจน้อง
“มันจะงอนผมทำไม? มันเข้าใจอยู่หรอกน่า” พี่ลุกซ์พูด เออ เข้าใจ แต่ไม่ชอบคำพูดก่อนหน้านี้เฟ้ย!
“หมดโปรโมชั่นแล้วเหรอวะ?” พี่ถังถามอย่างขำๆ
“หมดตอนนี้ไม่ได้พี่ ต้องทำให้มันเชื่องเหมือนเดิมก่อนค่อยหมดโปร” ผมถึงกับหน้าชาเหมือนเพิ่งถูกตบไปหมาดๆ เพราะคำพูดของพี่ลุกซ์ ที่ผ่านมาพี่มันฝืนทำตัวน่ารักกับผมงั้นเหรอ? รอให้ผมกลับไปเชื่องแล้วคอยวิ่งตามพี่มันเหมือนเดิมก่อนแล้วค่อยทำตัวไม่ดีเหมือนเดิมสินะ? เฮอะ ผมน่าจะรู้นิสัยพี่ลุกซ์ดีนี่เนอะ
“อย่าพูดให้ไอ้เปอร์ได้ยินนะเว้ย ไม่งั้นมึงโดนทิ้งแน่” พี่ถังพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ของพี่ลุกซ์
เสียงของพวกพี่ๆ ดังใกล้เข้ามาเหมือนกำลังจะเดินออกจากห้องประชุมผมจึงรีบวิ่งกลับไปนั่งหน้าห้องพี่ลุกซ์เหมือนเดิมแล้วก็ทำท่าทางเหมือนคนเพิ่งมาถึง
“อ้าวเปอร์” พี่ถังโบกมือทักทาย ผมจึงยักคิ้วแล้วโบกมือกลับ
“พี่พลอย สวัสดีครับ คิดถึงจัง” ผมทักพี่พลอยพี่สาวที่น่ารักของผมก่อนจะเข้าไปกอดเบาๆ เหมือนปกติ
“พี่ก็คิดถึงเปอร์จ้า” พี่พลอยผละออกจากผมแล้วดึงแก้มผมเบาๆ
“มานานยัง?” พี่ลุกซ์ถาม ผมนี่เคืองจนอยากจะทำหน้าบูดบึ้งใส่แต่ก็หันไปมองพี่มันด้วยรอยยิ้ม
“เพิ่งมาถึงครับ” ผมตอบ “เอ้อ วันนี้พี่ลันกับไอ้ไอจะไปฝึกที่บ้านพี่ก็เลยชวนผมไปด้วย พี่จะมาด้วยไหม?” ผมแกล้งถามแม้จะรู้อยู่แล้วว่าพี่ลุกซ์คงไม่ไป
“วันนี้มีนัดดื่มว่ะ” พี่ลุกซ์บอกออกมาตรงๆ
“ไม่ดื่มไม่ได้เหรอ? ไปออกกำลังกายด้วยกันดีกว่านะ” ผมแกล้งขอออกไป ดูซิว่าจะไปดื่มหรือไปออกกำลังกายกับผม
“เดี๋ยวไปฝึกกับพวกมึงก่อนก็ได้ กว่าจะไปดื่มกันก็คงดึก” พี่ลุกซ์บอกพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานนะ จะไหวเหรอ?” ผมถาม พยายามจะรั้งไม่ให้พี่มันไป
“ไหวดิวะ สมัยเรียนกูดื่มยันเช้ายังไปสอบไหวเลยนะเว้ย” พี่ลุกซ์บอก ผมขมวดคิ้วแล้วเบือนหน้าหนี จริงๆ ก็คงอยากจะไปล่ะสินะถึงได้ไม่ยอมคิดตามที่ผมพูด ก็พี่ลุกซ์ชอบกินเหล้านี่หว่า
“เฮ้ยลุกซ์ มึงไม่ต้องไปก็ได้นะเว้ย เหมือนไอ้เปอร์จะไม่อยากให้มึงไปว่ะ” พี่ถังพูดขึ้นทำให้พี่ลุกซ์นิ่งไป ส่วนผมก็ทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก
“เอาน่า นานๆ ทีจะไป” พี่ลุกซ์เดินมากอดคอผมแล้วพาเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ผมถอนหายใจนิดๆ แล้วยอมเดินตามไปแต่โดยดี
45% left
พอเข้ามาในห้องทำงาน พี่ลุกซ์ก็เดินไปเก็บของส่วนผมก็นั่งนิ่งๆ อยู่บนโซฟาโดยมีพี่ลุกซ์มองมาเป็นระยะๆ
“ไม่อยากให้กูไปเหรอ?” สงสัยจะอึดอัดที่ผมไม่พูดและไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาพี่ลุกซ์ถึงได้ถาม
“ห้ามได้ไหมล่ะ?” ผมถามกลับ
“ถ้ามึงไม่อยากให้ไปจริงๆ กูไม่ไปได้ก็ได้นะ” พี่ลุกซ์พูดออกมาเหมือนจะเอาใจจนผมขมวดคิ้วแน่น ที่ทำตัวแบบนี้เพราะฝืนชัดๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็นึกว่าพี่มันจะเปลี่ยนนิสัย แต่จริงๆ ก็แค่ฝืนทำเพราะอยากให้ผมกลับไปคืนดีล่ะสิ เฮอะ! นิสัยผู้ชายผมก็น่าจะรู้ดีเพราะผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
“ทำไมถึงตามใจผมจัง?” ผมถามกลับหลังจากที่คลายปมที่คิ้วแล้วหันไปมองหน้าพี่ลุกซ์
“มึงก็น่าจะรู้” พี่ลุกซ์พูด ผมแค่นยิ้มแล้วกรอกตามองเพดานเล็กน้อย
“โปรโมชั่น?” ผมยิ้มมุมปากแล้วถามออกไป พี่ลุกซ์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะทำท่าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โปรโมชั่นอะไรกัน? เอ้า เก็บของเสร็จแล้ว กลับบ้าน” พี่ลุกซ์ยัดเอกสารใส่กระเป๋าแล้วถือมันไว้ในมือก่อนจะเดินมาฉุดผมให้ลุกจากโซฟา
“ถ้าวันนี้ผมชวนให้พี่ไปค้างที่บ้าน พี่จะไปไหม?” ผมถามขึ้น พี่ลุกซ์หันมามองหน้าผมนิดหน่อยด้วยสีหน้าลำบากใจ “ผมถามไปงั้นแหละ ไม่ได้จะชวนจริงๆ หรอก” ผมบอกเพราะรู้สึกเซ็งตัวเองนิดๆ ที่ไปหาเรื่องทดสอบใจของพี่ลุกซ์
“ไม่อยากให้กูไปขนาดนั้นเลยเหรอ? กูไม่ไปก็ได้นะ” พี่ลุกซ์พูดเหมือนจะเกรงใจผม ผมจึงถอนหายใจแล้วหันไปมองหน้าพี่มันตรงๆ
“พี่ลุกซ์ ฝืนหรือเปล่าที่ต้องทำตัวแบบนี้?” ผมถามออกไปอย่างจริงจัง พอรู้ว่าแท้จริงแล้วพี่มันฝืนผมก็รู้สึกอึดอัด ถ้าไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของพี่ลุกซ์ผมก็ไม่ได้ดีใจไปกับความใจดีจอมปลอมนั่นหรอกนะ
“แบบไหน?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วถาม
“ก็แบบที่ไม่ใช่ตัวตนของพี่ไง ที่ต้องมาคอยเอาใจผมตลอด ทำตัวเหมือนแมวทั้งๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยของพี่ ผมทำอะไรพี่ก็ไม่ขัดเหมือนเมื่อก่อน” ผมพูดออกไป
“ไปฟังใครพูดอะไรมา?” พี่ลุกซ์ถอนหายใจแล้วถามอีก
“ก็ไม่นี่ครับ ผมแค่คิดว่ามันแปลกเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก ผมคงคิดมากเอง” ผมบอกปัดๆ ทำให้พี่ลุกซ์ดูคลายเครียดลงแล้วกอดคอผมเอาไว้พร้อมกับหอมที่หัวเบาๆ
“เดี๋ยววันนี้จะอยู่ด้วยนานๆ” พี่ลุกซ์กอดคอผมเดินออกจากห้องทำงาน ผมแอบถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยิ้มแล้วเดินไปพร้อมพี่ลุกซ์
คิดมากไปก็เท่านั้นแหละ ถึงช่วงนี้จะเป็นแค่ช่วงโปรโมชั่นแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ก็ดีกว่าการกลับไปเป็นเหมือนเดิมของพี่ลุกซ์ ถึงต่อจากนี้ไปนิสัยเดิมๆ ของพี่มันจะกลับมาแต่ผมคิดว่าพี่มันได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างและคงจะปรับปรุงนิสัยที่เราเข้ากันไม่ได้แน่นอน ส่วนผมน่ะได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างและปรับปรุงตัวแล้ว ทั้งเรื่องนิสัยเด็กๆ ชอบเอาแต่ใจและเรื่องที่ขี้วีนขี้เหวี่ยงอย่างไร้เหตุผล เหตุการณ์แย่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตทำให้ผมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาได้
ระหว่างเดินทางไปบ้านของพี่ลุกซ์ผมก็โทรไปบอกแม่ว่าวันนี้จะกลับช้าไม่ต้องรอกินข้าว พอมาถึงพี่ลุกซ์ก็พาผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกีฬา เสื้อแขนสั้น กางเกงขายาว ส่วนพี่มันใส่กางเกงขายาวกับเสื้อบาสแขนกุด เว้าแขนลึก เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ไม่รู้จะแต่งตัวอ่อยไปถึงไหน นี่ถ้าออกไปเล่นกีฬาข้างนอกแล้วแต่งตัวแบบนี้ผมจะตบเข้าให้เพราะผมต้องคิดว่าพี่มันไปอ่อยสาวแน่นอน
“คุณป๋า” ขณะที่ผมกำลังเดินลงบันได เสียงเล็กๆ น่ารักก็ดังขึ้นจากข้างล่าง ผมยิ้มแล้วรีบวิ่งเข้าไปอุ้มน้องปิงที่กำลังปีนขึ้นบันไดเพื่อจะมาหาผมแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่
“คิดถึงจังเลยครับ” ผมหอมแก้มน้องปิงอีกครั้งแล้วกอดน้องปิงแน่น ดีจังเลยที่เจ๊เปรียวยังไม่ไปอเมริกาเพราะคุณแม่จะได้ไม่เหงาเวลาน้องปิงไม่อยู่ ตอนนี้เจ๊เปรียวขายหุ้นให้พี่ลุกซ์หมดแล้วล่ะครับ พี่ลุกซ์ก็บ่นๆ อยู่เหมือนกันว่าหมดไปมหาศาลเลย แล้วก็เสียดายที่เจ๊เปรียวไม่อยู่เพราะเจ๊เปรียวทำงานดีมากๆ จะหาคนมาทำแทนก็ยาก
“น้องปิงบ่นถึงเปอร์ทุกวันเลยนะลูก” คุณแม่พูด ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะหอมน้องปิงอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว
“คุณพ่อไปไหนแล้วล่ะครับ?” ผมถามเพราะไม่เห็น
“ก็พ่อเรานั่นแหละ ชวนคุณลิตไปเล่นต้นไม้ นี่ไม่ยอมออกจากสวนเลยนะเนี่ย” คุณแม่บ่นอย่างไม่จริงจังนักทำเอาผมหัวเราะซะดังเพราะขำท่าทางคุณแม่ คงจะเซ็งมากที่สามีเอาแต่ขลุกอยู่ในสวน อารมณ์เดียวกับแม่ผมช่วงแรกๆ เลย
“แล้วนี่น้องปิงจะไปวันไหนครับ?” ผมถามคุณแม่
“อีกสองสัปดาห์จ้ะ จริงๆ ช่วงนี้เปรียวก็พาลูกไปอยู่บ้านแล้วนะแต่ก็พามาเล่นกับแม่บ้างบางวัน” คุณแม่บอก ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ ตอนนี้แม่น่าจะทำใจได้บ้างแล้วล่ะครับ
“เดี๋ยวพอโตน้องปิงต้องกลับมาหาคุณแม่แน่เลยครับ” ผมพูดยิ้มๆ เพื่อให้กำลังใจคุณแม่
ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากพวกพี่ลันก็มาพร้อมกับไอ้ป้องครับ หมอนี่มันบอกว่าจะมาเองไม่ให้ผมไปรับเพราะถ้าผมไปนั่นคือพี่ลุกซ์จะต้องไปด้วยซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการของมัน เฮ้อ หัวดื้อเหมือนใครวะ?
“ป้อง มาเล่นกับน้องปิงหน่อยสิ” ผมบอกพลางกวักมือเรียก ถ้าได้เห็นความน่ารักของน้องปิงไอ้ป้องอาจจะเลิกอคติก็ได้นะ
“ไม่ครับ ผมเปลี่ยนชุดมาแล้ว ไปรอที่ยิมนะ” ไอ้ป้องปฏิเสธทันทีก่อนจะรีบเดินไปที่ยิมเล็กๆ หน้าบ้านทันทีโดยไม่รอใคร โชคดีนะที่มันไหว้แม่ของพี่ลุกซ์แล้ว ไม่งั้นคงเสียมารยาทแย่เลย
“ดูท่าตาป้องจะไม่ชอบน้องปิงเอาซะเลยนะ มาที่บ้านทีไรไม่เคยเล่นกับน้องปิงเลย มีแต่น้องปิงที่ร้องหาแต่ตาป้อง” คุณแม่ยิ้มเจื่อนๆ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีต่อว่าไอ้ป้อง คงจะเข้าใจล่ะมั้งว่าทำไมไอ้ป้องถึงไม่ชอบขี้หน้าน้องปิงขนาดนั้น
“แม่ครับ ไลลาล่ะ?” พี่ลันเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามถึงน้องสาว
“กำลังกลับมั้ง ปกติก็กลับเวลานี้แหละ” คุณแม่บอก
“กลับยังไงครับ? รถของที่บ้านจอดอยู่ครบเลยนะครับ” พี่ลุกซ์ถามเสียงเข้ม
“ตากรมาส่ง ปกติก็มาส่งเกือบทุกวันนะ” คุณแม่บอก พี่ลุกซ์ถึงกับขมวดคิ้วแน่นเลยครับ หน้าตาดูไม่ค่อยชอบใจกับสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่นัก พี่ลันก็ดูเคืองๆ เหมือนกัน
“ได้ไงครับแม่ ไอ้กรมันเป็นผู้ชายนะ ถ้ามันพาไลลาไปที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านเราล่ะครับ!?” พี่ลุกซ์ถามเสียงดังจนน้องปิงตกใจ
“เราเป็นคนบอกเองนะว่าตากรไว้ใจได้” คุณแม่พูดขึ้น พี่ลุกซ์เงยหน้าขึ้นแล้วลูบหน้าตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งจัด
“มันคนละเรื่องกันนี่ครับ อารมณ์ผู้ชายมันไว้ใจกันได้ที่ไหนล่ะ ถ้าวันดีคืนดีมันหน้ามืดตามัวไลลาจะไม่ซวยเหรอครับ!?” พี่ลุกซ์พูดอย่างหัวเสียโดยมีพี่ลันเป็นลูกคู่ เป็นคนอนุญาตให้น้องคบกันเองแท้ๆ แต่ไหงไม่ไว้ใจเองล่ะเนี่ย?
“เอาน่า กรไม่ได้มารับมาส่งทุกวันซักหน่อยเพราะเวลาเรียนไม่ตรงกันทุกวัน ก็แค่บางวันเท่านั้นแหละ อีกอย่าง แม่ไว้ใจไลลา” คุณแม่พูดเพื่อให้พี่ลุกซ์ใจเย็นแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“ผมก็ไว้ใจไลลาแต่ผมไม่ไว้ใจไอ้กร แม่ก็รู้ว่าไอ้กีร์มันเป็นคนยังไง พี่กับน้องมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ต่อไปนี้ผมขอสั่งเลยว่าไม่ให้ไลลาไปไหนมาไหนกับไอ้กร!” พี่ลุกซ์พูด ตาคนนี้ก็หวงน้องจนไร้เหตุผล ปกติแฟนกันเขาก็ต้องไปเที่ยวกันบ้างสิวะ ตัวเองก็อยากไปไหนมาไหนกับแฟนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง
“ปล่อยๆ ไปบ้างเถอะครับ พี่เองก็อยากไปไหนมาไหนกับแฟนไม่ใช่หรือไง?” ผมกระตุกชายเสื้อของพี่ลุกซ์เอาไว้เพื่อให้พี่มันอารมณ์เย็นลง
“มันไม่เหมือนกันเว้ย! ไลลาเป็นผู้หญิง ถ้าท้องขึ้นมาจะทำยังไง!?!” พี่ลุกซ์หันมาตะคอกใส่จนผมตกใจ นอกจากผม คนอื่นๆ ยังอึ้งจนไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“อย่าเอาตัวเองเป็นมาตรฐานนิสัยของคนอื่นสิครับ! เรื่องแบบนั้นมันอยู่ที่นิสัยของคน ผมว่าไอ้กรมันรักไลลาจริงและจะให้เกียรติไลลาที่เป็นผู้หญิง ส่วนคนอื่นที่ถือตัวเองเป็นใหญ่ไม่ยอมให้เกียรติคนอื่นไม่สมควรได้รักความรักจากใครเลยจริงๆ พี่เห็นด้วยกับผมไหม?” ผมหันไปพูดกับพี่ลุกซ์พร้อมกับจ้องเขม็งอย่างไม่ชอบใจที่พี่ลุกซ์พูดอย่างนั้นออกมา ถ้าไลลาท้องงั้นเหรอ? เฮอะ ผมเป็นผู้ชาย ท้องไม่ได้ก็เลยไม่สน ไม่แคร์สินะ หรือไม่ ผมก็คงง่ายเองที่ยอมมีอะไรกับพี่มันตั้งแต่ไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดีอีกทั้งยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกด้วย
ท่ามกลางความเงียบงันผมก็สาวเท้าเดินออกจากบ้านโดยไม่ลืมไหว้ลาคุณแม่ทันที และแน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะไปลากไอ้ป้องกลับด้วยกัน
โวะ! พัง! ความรู้สึกของผมในวันนี้มันพังจริงๆ!
“ป้อง! กลับบ้าน!” ผมกระชากประตูโรงยิมออกแล้วตะโกนบอกไอ้ป้องที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่คนเดียวในโรงยิม
“เปอร์! เดี๋ยวสิ!” พี่ลุกซ์วิ่งตามออกมาแล้วกระชากข้อมือผมเอาไว้ ผมรีบสะบัดออกแล้วหันไปมองด้วยสายตาเคืองๆ
“มีอะไรครับ?” ผมถาม ระหว่างนั้นไอ้ป้องก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกมายืนตีคู่กับผม
“พี่เปอร์ เกิดอะไรขึ้น?” ไอ้ป้องกระซิบถาม
“ป้อง เข้าไปในบ้านก่อน พี่จะเคลียร์กับไอ้เปอร์” พี่ลุกซ์สั่งเสียงเครียดโดยไม่มองหน้าไอ้ป้องเพราะจ้องหน้าผมอยู่
“ทำไมผมต้องฟัง...”
“นี่เป็นคำสั่ง!!” พี่ลุกซ์ตะคอกเสียงดังทำให้ไอ้ป้องต้องเข้าไปในบ้านตามคำสั่ง
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา ผมจะได้รีบกลับบ้าน” ผมกรอกตาไปมาแล้วกอดอกเสมองไปทางอื่น
“เฮ้อ จะกลับยังไง?” พี่ลุกซ์ถอนหายใจ พยายามสงบสติอารมณ์แล้วถามออกมาแต่นั่นกลับทำให้อารมณ์ผมปะทุเพราะแทนที่พี่มันจะขอโทษแต่กลับถามเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ
“แท็กซี่” ผมเองก็พยายามที่จะไม่ตอกกลับด้วยอารมณ์
“ไม่ฝึกแล้วเหรอ?” อารมณ์ผมเดือดปุดๆ มากกว่าเดิมอีกครับคราวนี้
“ไม่ล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว” ผมทำตาพี่ลุกซ์แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปตามไอ้ป้องแต่พี่ลุกซ์คว้าตัวผมเอาไว้แล้วดึงเข้าไปกอด
“ไม่ใช่ว่ากูไม่ให้เกียรติมึงนะเปอร์ ต่อให้มึงเป็นผู้หญิงกูก็คงเป็นเหมือนเดิมเพราะกูมันนิสัยไม่ดี การให้เกียรติของกูมันไม่เหมือนคนอื่นเพราะกูมันก็เป็นซะอย่างนี้...” พี่ลุกซ์ก้มลงมาพูดเบาๆ ที่ข้างหูของผม “...ขอโทษได้ไหม?” อารมณ์ผมเย็นลงทันทีที่ได้ยินคำที่อยากได้ยินมากที่สุด ขอโทษตั้งแต่แรกก็ดีแล้วแท้ๆ จะอ้อมทำไมก็ไม่รู้
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้พี่พูดจาใส่ผมเสียๆ หายๆ ขนาดไหนผมก็คงไม่โกรธ คงทำได้แค่ไปแอบน้อยใจโดยที่พี่ไม่รู้” ผมพูดพลางดันพี่ลุกซ์ออกจากตัว พี่มันเองก็ยอมผละออกไปอย่างง่ายดาย
“ตอนนี้มึงจะโกรธกูขนาดไหนก็ได้แล้วนะ” พี่ลุกซ์พูดเสริม
“บางทีผมก็คิดนะว่า โกรธไปก็ป่วยการ เสียความรู้สึกเปล่าๆ เพราะพี่คงไม่สนใจหรอก” ผมบอก น้ำเสียงติดจะงอนนิดๆ
“ใครบอก? กูสนใจมึงทุกเรื่องนั่นแหละแต่แกล้งทำเป็นไม่สนเฉยๆ นี่ไม่ได้ตอแหลเลยนะ พูดจริง” พี่ลุกซ์พูดขำๆ ทำให้ผมหัวเราะออกไปอย่างอดไม่ได้
+++++++++++++++++++ สอบใกล้จะเสร็จแล้วนะทุกคน ช่วงสอบนรกแตกแบบไม่ได้หลับได้นอนกำลังจะผ่านไปแล้วววววววว ปล. อิพี่ลุกซ์ สงสัยอยากจะข่มเมียได้เหมือนเมื่อก่อน
ขณะที่ผมกำลังเดินออกมายืดเส้นยืดสายผมก็ต้องสะดุ้งเพราะหันไปเห็นสายตาดุดันคู่หนึ่งกำลังมองผมอยู่ ไอ้ที่กำลังสูดลมหายใจเมื่อครู่พลันปล่อยออกมาทันทีเพราะอารามตกใจ
“น้อง เป็นช่างอยู่ที่นี่หรือเปล่า?” ผมเอ่ยถามออกไปเพราะเผลอสบตาไปแล้วก็เลยต้องชวนคุยซักหน่อย ตอนแรกว่าแค่จะยิ้มให้แต่พอยิ้มแล้วเขาดันทำท่าเขม่นใส่ผมซะงั้น ที่ผมเรียกเขาน้องเพราะคิดว่าน่าจะอ่อนกว่าถึงหน้าตาดูแก่กว่าก็เหอะ ไอ้ผมก็อายุเยอะแล้วแต่หน้าตาดันดูเด็กกว่าอายุซะงั้น
“เออ” อุต๊ะ ดูตอบเข้า ตอบซะผมไม่กล้าชวนคุยต่อเลย เดิมทีหน้าตาก็ไม่น่าคุยด้วยแล้ว ดวงตาลึกและขอบตาดำปี๋เหมือนคนไม่ได้นอน แก้มก็ตอบ ร่างกายผอมโกร่งดูสุขภาพไม่ดี ง่ายๆ เลยนะ เหมือนคนติดยา
...คนติดยา...คนติดยา...คนติดยา...
เฮ้ย!! หรือว่า...เป็นไอ้เด็กติดน้ำมันคนนั้น!?!
“น้อง พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม?” ผมถาม ผมอยากจะให้คำแนะนำกับเขาและพูดถึงปัญหาที่เขาติดน้ำมัน อย่างน้อยๆ ความรู้ที่ผมเรียนมาอาจจะช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อย
“คุยไร?” โถ ไอ้เด็กนี่! ปากดีเหลือเกินนะมึงเนี่ย
“พี่เคยเป็นอาจารย์สอนเครื่องกล พี่อาจจะให้คำแนะนำน้องได้สำหรับเรื่องน้ำมัน” ผมพูดเข้าประเด็นแล้วเดินไปดึงแขนไอ้เด็กนั่นมาเพื่อที่จะพาไปหาที่นั่งคุย ไม่รู้ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเด็กคนนี้ไม่ได้น่ากลัวอะไรแต่เป็นแค่เด็กดื้อเท่านั้น
“อะไรวะ!?! ไม่คุยโว้ย!!” ไอ้เด็กนั่นโวยวายแล้วกระชากมือออกจนผมเซจะล้ม เฮ้ย นี่มึงทำให้กูโกรธแล้วรู้ตัวหรือเปล่า?
“นี่! จะคุยด้วยดีๆ เพื่อช่วยแก้ไขปัญหา! หรืออยากจะติดน้ำมันให้เป็นทุกข์ไปจนตาย ฮะ!?!” ผมตะคอกใส่จนไอ้เด็กนั่นถอยกรูด คงจะผวาที่คนหล่อๆ อย่างผมอยู่ในโหมดโหดล่ะมั้ง อิๆ
“อย่ามายุ่งกับกู! ไปไกลๆ เลยนะไอ้เกย์น่าสะอิดสะเอียน!!” ไอ้เด็กนั่นผลักผมออกอย่างแรงพร้อมกับทำให้ผมอึ้งกับคำพูดนั่น
เกย์น่าสะอิดสะเอียนงั้นเหรอ?
“มึงว่ากูเป็นเกย์น่ารังเกียจงั้นเหรอ?” ผมขมวดคิ้วจ้องหน้าไอ้เด็กนั่นด้วยความโกรธ “ถ้ามึงว่ากูน่ารังเกียจเพียงเพราะเป็นเกย์แล้วไอ้คนติดสารเสพติดอย่างมึงนี่ไม่น่ารังเกียจเลยหรือไงฮะ!?!” ผมย่างสามขุมเข้าไปแล้วตะคอกจนรู้สึกเจ็บคอพลางผลักอกไอ้เด็กนั่นไปจนกระทั่งชนกับผนัง
อาจจะเพราะผมตะคอกเสียงดังเกินหรือเปล่าทำให้คนที่อยู่ในห้องซ่อมกรูกันออกมาข้างนอกเพื่อดูเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดเสียงดัง
“เฮ้ย น้องเปอร์ เกิดอะไรขึ้น” ขณะที่ผมกำลังทำหน้าดุใส่ไอ้เด็กติดน้ำมันเหมือนจะมีเรื่อง พี่สองก็รีบวิ่งเข้ามาล็อกตัวผมเอาไว้แล้วลากออกไป ส่วนไอ้เด็กน้ำมันนั่นก็รีบวิ่งหนีไปทำให้ช่างคนอื่นๆ รีบตามเพื่อจับตัวกลับมา
“อยู่ดีๆ ไอ้เกย์บ้านี่ก็มาหาเรื่อง!” ไอ้เด็กน้ำมันพูดออกมาอย่างเกรี้ยวกราดพลางชี้หน้าผม สิ่งที่มันตอกย้ำผมทำให้ทุกๆ คนที่ได้ยินมีท่าทางอึกอัก คงจะเพราะเกรงใจผมล่ะมั้งครับ ทำไงได้ ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าผมเป็นเกย์ถึงผู้ชายที่ผมรักจะมีแค่คนเดียวก็ตาม
“เอะอะอะไรกัน?” ก่อนที่จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกเสียงทุ้มๆ ก็ดังขึ้นทำให้ทุกอย่างสงบลง
“พี่เปอร์ เกิดอะไรขึ้นครับ?” ไอ้ไอที่ตามพี่ลันมาดึงผมเข้าไปหาแล้วถามออกมาด้วยสีหน้างงปนซีเรียส
“จะให้คำแนะนำไอ้เด็กนี่ซักหน่อย แต่ไม่มีอะไรหรอก กูคงยุ่งมากเกินไป” ผมหายใจแรงๆ เพื่อสงบสติอารมณ์ รู้สึกเหมือนไม่ได้อาละวาดแบบนี้มานานมากแล้วนะเนี่ย
“ไอ้ป้าง! อาการของมึงตอนนี้ถ้าเข้ารับการบำบัดยังพอจะแก้ได้อยู่นะเว้ย” พี่อู๊ดพูดกับไอ้เด็กนั่นแต่เหมือนจะไม่เข้าหัวมันเลย
“พี่อู๊ด ผมติดต่อทางสถาบันบำบัดไว้แล้วนะ จะส่งตัวมันไปตอนนี้ยังได้” พี่สองพูดทำให้ไอ้เด็กนั่นมีสีหน้าไม่สู้ดีก่อนจะอาละวาดด้วยแรงมหาศาลจนจับเอาไว้ไม่อยู่ทำให้มันวิ่งหนีไปได้ ผมสังเกตเห็นว่าหลายๆ คนทำหน้าเหนื่อยใจกับไอ้เด็กคนนั้นเหลือเกิน
“เปอร์ถูกทำอะไรหรือเปล่า?” พี่สองหันมาถามพลางมองผมอย่างสำรวจ
“ไม่หรอกครับ” ผมส่ายหน้าไปมา ผมต่างหากล่ะที่จะทำอะไรไอ้เด็กคนนั้น
“แล้วจะส่งมันไปบำบัดตอนไหน?” พี่ลันหันไปมองหน้าพี่สองกับพี่อู๊ดสลับกัน
“เดี๋ยวเลิกงานวันนี้จะให้เด็กไปตามจับตัวมันมาแล้วส่งมันไปบำบัด” พี่อู๊ดบอกทำให้พี่ลันพยักหน้านิดๆ แล้วเดินกลับไปเข้าเพื่อทำงานต่อ เมื่อหัวหน้าของพวกเรากลับไปทำงานทุกคนจึงแยกย้ายไปทำงานบ้าง
“พี่เปอร์ เย็นนี้ว่างป่ะ?” ไอ้ไอที่ไม่ได้ตามพี่ลันไปเดินเข้ามาถามผมที่กำลังยืนสงบสติอารมณ์อยู่
“มีอะไรหรือเปล่า?” ผมถาม ไม่แน่ใจว่าว่างหรือเปล่าเพราะพี่ลุกซ์อาจจะชวนไปไหนก็ได้
“ผมกับพี่ลันว่าจะไปฝึกซักหน่อย ช่วงนี้ร่างกายมันฝืดๆ อยากเตะอยากต่อยน่ะครับ พี่ไปด้วยไหม?” ไอ้ไอชวน ฝึกที่ว่าคือฝึกเทควันโดน่ะครับ ก่อนหน้านี้ที่เคยบอกไปว่าผมให้สองคนนี้ช่วยสอนให้ทำให้เวลาพวกนี้อยากออกกำลังกายก็มักจะชวนผมไปด้วยบ่อยๆ
“ถามพี่ลุกซ์ก่อน” ผมบอก
“ครับ ผมชวนไอ้ป้องมาแล้ว น้องไลลาก็จะฝึกเหมือนกัน พี่ชวนพี่ลุกซ์มาด้วยดิ” ไอ้ไอบอก
“ไอ้ป้องจะแดกหัวพี่ลุกซ์เอาน่ะสิ มันยังคงไม่ชอบขี้หน้าพี่ลุกซ์อยู่นะเว้ย นี่พาลไม่ชอบหน้าน้องปิงไปด้วยเลย” ผมพูด ทุกวันนี้ไอ้ป้องมันยังเคืองพี่ลุกซ์ไม่หาย เวลาพี่ลุกซ์ไปที่บ้าน ไอ้ป้องไม่ออกมาให้เห็นหน้าเลย
“ถ้าผมเป็นไอ้ป้องผมก็คงยังอคติอยู่เหมือนกัน หมอนั่นมาบ่นให้ฟังตลอดว่าสภาพพี่เป็นยังไงตอนที่รู้ว่าพี่ลุกซ์แต่งงาน ผมบอกตรงๆ ว่าผมก็โกรธมากเพราะไม่คิดว่าพี่ลุกซ์จะทำกับพี่ได้ลง เฮ้อ เดี๋ยวเวลาคงทำให้อะไรๆ ดีขึ้นก็ได้” ไอ้ไอบอก ผมถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับเพราะผมนี่แหละที่เข้าใจความรู้สึกของไอ้ป้องดีที่สุด
“สำหรับเรื่องเย็นนี้ กูจะคุยกับพี่ลุกซ์ก่อนแล้วค่อยเจอกันที่บ้านละกัน” ผมบอก บ้านที่ว่าก็บ้านพวกพี่ๆ เขานั่นแหละครับ เห็นคุณแม่บอกว่าพี่ลันพาไอ้ไอเข้าไปบ่อยๆ ก็เลยอยากให้พี่ลุกซ์พาผมไปบ่อยๆ เหมือนกัน
“โอเค งั้นผมไปทำงานละ” ไอ้ไอบอกยิ้มๆ แล้วเดินกลับไปทำงานต่อส่วนผมก็พักยืดเส้นยืดสายต่อเพราะทำงานมาทั้งวัน
หลังเลิกงานผมก็ไปรอพี่ลุกซ์ที่ออฟฟิศเพราะพี่มันไลน์มาบอกว่าวันนี้ประชุมอาจจะเลิกช้าหน่อยให้ผมมารอ แต่ไม่รู้วันนี้มันวันซวยอะไรผมถึงได้เจอแต่คนที่ทำให้ผมอารมณ์เสีย ก่อนหน้าจะมาที่นี่ก็เจอไอ้เด็กติดน้ำมัน พอมาที่นี่ก็ดันมาเจอกับยัยบิวตี้ที่ยังไม่ยอมไสหัวออกจากบริษัทแม้จะถูกหลายๆ คนเขม่นก็เถอะ
เฮ้อ พี่พลอยก็คงเข้าประชุมกับพี่ถังก็เลยไม่อยู่เป็นเพื่อนคุยกับผมเลย ส่วนยัยเด็กบิวตี้นั่นก็เดินวนไปวนมาอยู่ใกล้ๆ ผมไม่ห่างจนผมชักจะรำคาญ
“มีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเหอะ เดินโฉบไปโฉบมาน่ารำคาญว่ะ” ผมลดโทรศัพท์ที่กำลังกดเล่นอยู่แล้วจ้องยัยเด็กบิวตี้ด้วยสายตานิ่งๆ
“ผู้ชายน่าเบื่อแบบพี่เปอร์ไม่รู้ว่าทำอีท่าไหนพี่ลุกซ์ถึงชอบก็ไม่รู้” ยัยเด็กนั่นทำเสียงจิ๊จ๊ะแล้วว่าผมออกมา
“ก็หลายท่านะ อยากดูไหม เดี๋ยวเปิดคลิปให้ดู” ผมพูดพลางกดโทรศัพท์ยิกๆ ทำเหมือนจะเปิดคลิปให้ดูจริงๆ ทำเอายัยเด็กนั่นทำหน้ายี้ใส่แล้วเดินหนีไป ผมหัวเราะไล่หลังอย่างสะใจแล้วเปิดเกมเล่นต่อ
เล่นเกมได้ไม่นาน ห้องประชุมก็เปิดออกพร้อมกับพนักงานที่เดินออกมา หลายๆ คนก็ทักทายผมอย่างเป็นมิตรเพราะเรารู้จักกันมาก่อนส่วนบางคนก็ไม่รู้จักเลยไม่ทัก คนอื่นๆ เดินออกมาจนเกือบหมดแล้วแต่ไม่ยักกะเห็นพี่ถัง พี่พลอย แล้วก็พี่ลุกซ์เลย
เมื่อไม่เห็นพวกพี่ๆ ออกจากห้องประชุมผมก็เดินย่องๆ ไปแอบส่องดูก่อนเผื่อยังคุยเรื่องงานไม่เสร็จจะได้ไม่เข้าไปกวน
“มึงจะไปไหม?” เสียงพี่ถังถามขึ้น ผมชะงักนิดๆ ตอนแรกผมกำลังจะเดินเข้าไปเลยเพราะเห็นว่าอยู่กันแค่สามคนแต่พอได้ยินพี่ถังถามออกมาแบบนั้นผมจึงหยุดเพื่อรอฟังด้วย
“ไม่รู้ว่ะพี่ คนอื่นๆ ก็ตื๊อกันจังแต่วันนี้ผมอยากอยู่กับไอ้เปอร์” พี่ลุกซ์พูดด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ เฮ้ย มีเรื่องของผมด้วยเรอะ?
“ไม่ต้องไปหรอกค่ะประธาน อยู่กับน้องเปอร์นั่นแหละ ตาแก่ฝ่ายบริหารก็ชอบนัดดื่มตามอารมณ์แบบนี้แหละ ถึงจะพูดจาเสียดๆ ว่าประธานยังเด็กก็ควรจะเข้าสังคมด้วยก็เถอะนะ ไม่ต้องไปใส่ใจหรอกค่ะ” เสียงพี่พลอยพูดขึ้น อ๋อ พวกผู้ชายฝ่ายบริหารนัดดื่มนี่เอง ตอนที่ผมทำงานอยู่ก็เคยโดนชวนบ้างนะครับแต่ก็ไม่เคยไปเพราะตอนนั้นผมไม่อยากไปเที่ยวพร้อมพี่ลุกซ์ก็เลยหาข้ออ้างร้อยแปดเพื่อที่จะไม่ไป
“เออ ไม่ต้องไปหรอก เดี๋ยวเคลียร์ให้” พี่ถังบอกเพื่อตัดปัญหา
“ไม่เป็นไร ค่อยไปหาไอ้เปอร์ทีหลังก็ได้ ยังไงก็ต้องทำงานกับคนพวกนั้นอีกนาน ไปบ้างพอเป็นมารยาท” พี่ลุกซ์พูด ผมที่กำลังยิ้มๆ อยู่ถึงกับหน้าเจื่อนไปเพราะจุกกับคำที่บอกว่าค่อยมาหาผมทีหลัง นี่เห็นเหล้าดีกว่าผมเหรอวะ?
จริงๆ ผมเข้าใจนะว่าพี่ลุกซ์ต้องไปสังสรรค์กับคนที่แผนกบ้าง แต่มันจะดีมากถ้าไม่พูดถึงผมแบบนั้น ทำเหมือนผมไม่สำคัญยังไงก็ไม่รู้ นี่มันยังอยู่ในช่วงพิสูจน์ใจกันอยู่เลยยังจะมาบอกว่าเอาไว้ทีหลังก็ได้งั้นเหรอ? เอ๊อ ดีได้ไม่นานจริงๆ ด้วย
“เดี๋ยวไอ้เปอร์มันก็งอนเอาหรอก” ไอ้พี่ถังพูด แหม่...รู้ใจน้อง
“มันจะงอนผมทำไม? มันเข้าใจอยู่หรอกน่า” พี่ลุกซ์พูด เออ เข้าใจ แต่ไม่ชอบคำพูดก่อนหน้านี้เฟ้ย!
“หมดโปรโมชั่นแล้วเหรอวะ?” พี่ถังถามอย่างขำๆ
“หมดตอนนี้ไม่ได้พี่ ต้องทำให้มันเชื่องเหมือนเดิมก่อนค่อยหมดโปร” ผมถึงกับหน้าชาเหมือนเพิ่งถูกตบไปหมาดๆ เพราะคำพูดของพี่ลุกซ์ ที่ผ่านมาพี่มันฝืนทำตัวน่ารักกับผมงั้นเหรอ? รอให้ผมกลับไปเชื่องแล้วคอยวิ่งตามพี่มันเหมือนเดิมก่อนแล้วค่อยทำตัวไม่ดีเหมือนเดิมสินะ? เฮอะ ผมน่าจะรู้นิสัยพี่ลุกซ์ดีนี่เนอะ
“อย่าพูดให้ไอ้เปอร์ได้ยินนะเว้ย ไม่งั้นมึงโดนทิ้งแน่” พี่ถังพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ ของพี่ลุกซ์
เสียงของพวกพี่ๆ ดังใกล้เข้ามาเหมือนกำลังจะเดินออกจากห้องประชุมผมจึงรีบวิ่งกลับไปนั่งหน้าห้องพี่ลุกซ์เหมือนเดิมแล้วก็ทำท่าทางเหมือนคนเพิ่งมาถึง
“อ้าวเปอร์” พี่ถังโบกมือทักทาย ผมจึงยักคิ้วแล้วโบกมือกลับ
“พี่พลอย สวัสดีครับ คิดถึงจัง” ผมทักพี่พลอยพี่สาวที่น่ารักของผมก่อนจะเข้าไปกอดเบาๆ เหมือนปกติ
“พี่ก็คิดถึงเปอร์จ้า” พี่พลอยผละออกจากผมแล้วดึงแก้มผมเบาๆ
“มานานยัง?” พี่ลุกซ์ถาม ผมนี่เคืองจนอยากจะทำหน้าบูดบึ้งใส่แต่ก็หันไปมองพี่มันด้วยรอยยิ้ม
“เพิ่งมาถึงครับ” ผมตอบ “เอ้อ วันนี้พี่ลันกับไอ้ไอจะไปฝึกที่บ้านพี่ก็เลยชวนผมไปด้วย พี่จะมาด้วยไหม?” ผมแกล้งถามแม้จะรู้อยู่แล้วว่าพี่ลุกซ์คงไม่ไป
“วันนี้มีนัดดื่มว่ะ” พี่ลุกซ์บอกออกมาตรงๆ
“ไม่ดื่มไม่ได้เหรอ? ไปออกกำลังกายด้วยกันดีกว่านะ” ผมแกล้งขอออกไป ดูซิว่าจะไปดื่มหรือไปออกกำลังกายกับผม
“เดี๋ยวไปฝึกกับพวกมึงก่อนก็ได้ กว่าจะไปดื่มกันก็คงดึก” พี่ลุกซ์บอกพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู
“พรุ่งนี้ต้องตื่นมาทำงานนะ จะไหวเหรอ?” ผมถาม พยายามจะรั้งไม่ให้พี่มันไป
“ไหวดิวะ สมัยเรียนกูดื่มยันเช้ายังไปสอบไหวเลยนะเว้ย” พี่ลุกซ์บอก ผมขมวดคิ้วแล้วเบือนหน้าหนี จริงๆ ก็คงอยากจะไปล่ะสินะถึงได้ไม่ยอมคิดตามที่ผมพูด ก็พี่ลุกซ์ชอบกินเหล้านี่หว่า
“เฮ้ยลุกซ์ มึงไม่ต้องไปก็ได้นะเว้ย เหมือนไอ้เปอร์จะไม่อยากให้มึงไปว่ะ” พี่ถังพูดขึ้นทำให้พี่ลุกซ์นิ่งไป ส่วนผมก็ทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก
“เอาน่า นานๆ ทีจะไป” พี่ลุกซ์เดินมากอดคอผมแล้วพาเดินกลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง ผมถอนหายใจนิดๆ แล้วยอมเดินตามไปแต่โดยดี
45% left
พอเข้ามาในห้องทำงาน พี่ลุกซ์ก็เดินไปเก็บของส่วนผมก็นั่งนิ่งๆ อยู่บนโซฟาโดยมีพี่ลุกซ์มองมาเป็นระยะๆ
“ไม่อยากให้กูไปเหรอ?” สงสัยจะอึดอัดที่ผมไม่พูดและไม่แสดงสีหน้าอะไรออกมาพี่ลุกซ์ถึงได้ถาม
“ห้ามได้ไหมล่ะ?” ผมถามกลับ
“ถ้ามึงไม่อยากให้ไปจริงๆ กูไม่ไปได้ก็ได้นะ” พี่ลุกซ์พูดออกมาเหมือนจะเอาใจจนผมขมวดคิ้วแน่น ที่ทำตัวแบบนี้เพราะฝืนชัดๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาผมก็นึกว่าพี่มันจะเปลี่ยนนิสัย แต่จริงๆ ก็แค่ฝืนทำเพราะอยากให้ผมกลับไปคืนดีล่ะสิ เฮอะ! นิสัยผู้ชายผมก็น่าจะรู้ดีเพราะผมก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน
“ทำไมถึงตามใจผมจัง?” ผมถามกลับหลังจากที่คลายปมที่คิ้วแล้วหันไปมองหน้าพี่ลุกซ์
“มึงก็น่าจะรู้” พี่ลุกซ์พูด ผมแค่นยิ้มแล้วกรอกตามองเพดานเล็กน้อย
“โปรโมชั่น?” ผมยิ้มมุมปากแล้วถามออกไป พี่ลุกซ์ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะทำท่าเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โปรโมชั่นอะไรกัน? เอ้า เก็บของเสร็จแล้ว กลับบ้าน” พี่ลุกซ์ยัดเอกสารใส่กระเป๋าแล้วถือมันไว้ในมือก่อนจะเดินมาฉุดผมให้ลุกจากโซฟา
“ถ้าวันนี้ผมชวนให้พี่ไปค้างที่บ้าน พี่จะไปไหม?” ผมถามขึ้น พี่ลุกซ์หันมามองหน้าผมนิดหน่อยด้วยสีหน้าลำบากใจ “ผมถามไปงั้นแหละ ไม่ได้จะชวนจริงๆ หรอก” ผมบอกเพราะรู้สึกเซ็งตัวเองนิดๆ ที่ไปหาเรื่องทดสอบใจของพี่ลุกซ์
“ไม่อยากให้กูไปขนาดนั้นเลยเหรอ? กูไม่ไปก็ได้นะ” พี่ลุกซ์พูดเหมือนจะเกรงใจผม ผมจึงถอนหายใจแล้วหันไปมองหน้าพี่มันตรงๆ
“พี่ลุกซ์ ฝืนหรือเปล่าที่ต้องทำตัวแบบนี้?” ผมถามออกไปอย่างจริงจัง พอรู้ว่าแท้จริงแล้วพี่มันฝืนผมก็รู้สึกอึดอัด ถ้าไม่ใช่ตัวตนจริงๆ ของพี่ลุกซ์ผมก็ไม่ได้ดีใจไปกับความใจดีจอมปลอมนั่นหรอกนะ
“แบบไหน?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วนิดๆ แล้วถาม
“ก็แบบที่ไม่ใช่ตัวตนของพี่ไง ที่ต้องมาคอยเอาใจผมตลอด ทำตัวเหมือนแมวทั้งๆ ที่มันไม่ใช่นิสัยของพี่ ผมทำอะไรพี่ก็ไม่ขัดเหมือนเมื่อก่อน” ผมพูดออกไป
“ไปฟังใครพูดอะไรมา?” พี่ลุกซ์ถอนหายใจแล้วถามอีก
“ก็ไม่นี่ครับ ผมแค่คิดว่ามันแปลกเฉยๆ ไม่มีอะไรหรอก ผมคงคิดมากเอง” ผมบอกปัดๆ ทำให้พี่ลุกซ์ดูคลายเครียดลงแล้วกอดคอผมเอาไว้พร้อมกับหอมที่หัวเบาๆ
“เดี๋ยววันนี้จะอยู่ด้วยนานๆ” พี่ลุกซ์กอดคอผมเดินออกจากห้องทำงาน ผมแอบถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะยิ้มแล้วเดินไปพร้อมพี่ลุกซ์
คิดมากไปก็เท่านั้นแหละ ถึงช่วงนี้จะเป็นแค่ช่วงโปรโมชั่นแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ก็ดีกว่าการกลับไปเป็นเหมือนเดิมของพี่ลุกซ์ ถึงต่อจากนี้ไปนิสัยเดิมๆ ของพี่มันจะกลับมาแต่ผมคิดว่าพี่มันได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างและคงจะปรับปรุงนิสัยที่เราเข้ากันไม่ได้แน่นอน ส่วนผมน่ะได้เรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างและปรับปรุงตัวแล้ว ทั้งเรื่องนิสัยเด็กๆ ชอบเอาแต่ใจและเรื่องที่ขี้วีนขี้เหวี่ยงอย่างไร้เหตุผล เหตุการณ์แย่ๆ ที่เข้ามาในชีวิตทำให้ผมเปลี่ยนตัวเองให้เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาได้
ระหว่างเดินทางไปบ้านของพี่ลุกซ์ผมก็โทรไปบอกแม่ว่าวันนี้จะกลับช้าไม่ต้องรอกินข้าว พอมาถึงพี่ลุกซ์ก็พาผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดกีฬา เสื้อแขนสั้น กางเกงขายาว ส่วนพี่มันใส่กางเกงขายาวกับเสื้อบาสแขนกุด เว้าแขนลึก เห็นสัดส่วนอย่างชัดเจน ไม่รู้จะแต่งตัวอ่อยไปถึงไหน นี่ถ้าออกไปเล่นกีฬาข้างนอกแล้วแต่งตัวแบบนี้ผมจะตบเข้าให้เพราะผมต้องคิดว่าพี่มันไปอ่อยสาวแน่นอน
“คุณป๋า” ขณะที่ผมกำลังเดินลงบันได เสียงเล็กๆ น่ารักก็ดังขึ้นจากข้างล่าง ผมยิ้มแล้วรีบวิ่งเข้าไปอุ้มน้องปิงที่กำลังปีนขึ้นบันไดเพื่อจะมาหาผมแล้วหอมแก้มฟอดใหญ่
“คิดถึงจังเลยครับ” ผมหอมแก้มน้องปิงอีกครั้งแล้วกอดน้องปิงแน่น ดีจังเลยที่เจ๊เปรียวยังไม่ไปอเมริกาเพราะคุณแม่จะได้ไม่เหงาเวลาน้องปิงไม่อยู่ ตอนนี้เจ๊เปรียวขายหุ้นให้พี่ลุกซ์หมดแล้วล่ะครับ พี่ลุกซ์ก็บ่นๆ อยู่เหมือนกันว่าหมดไปมหาศาลเลย แล้วก็เสียดายที่เจ๊เปรียวไม่อยู่เพราะเจ๊เปรียวทำงานดีมากๆ จะหาคนมาทำแทนก็ยาก
“น้องปิงบ่นถึงเปอร์ทุกวันเลยนะลูก” คุณแม่พูด ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะหอมน้องปิงอีกครั้งอย่างหมั่นเขี้ยว
“คุณพ่อไปไหนแล้วล่ะครับ?” ผมถามเพราะไม่เห็น
“ก็พ่อเรานั่นแหละ ชวนคุณลิตไปเล่นต้นไม้ นี่ไม่ยอมออกจากสวนเลยนะเนี่ย” คุณแม่บ่นอย่างไม่จริงจังนักทำเอาผมหัวเราะซะดังเพราะขำท่าทางคุณแม่ คงจะเซ็งมากที่สามีเอาแต่ขลุกอยู่ในสวน อารมณ์เดียวกับแม่ผมช่วงแรกๆ เลย
“แล้วนี่น้องปิงจะไปวันไหนครับ?” ผมถามคุณแม่
“อีกสองสัปดาห์จ้ะ จริงๆ ช่วงนี้เปรียวก็พาลูกไปอยู่บ้านแล้วนะแต่ก็พามาเล่นกับแม่บ้างบางวัน” คุณแม่บอก ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ ตอนนี้แม่น่าจะทำใจได้บ้างแล้วล่ะครับ
“เดี๋ยวพอโตน้องปิงต้องกลับมาหาคุณแม่แน่เลยครับ” ผมพูดยิ้มๆ เพื่อให้กำลังใจคุณแม่
ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากพวกพี่ลันก็มาพร้อมกับไอ้ป้องครับ หมอนี่มันบอกว่าจะมาเองไม่ให้ผมไปรับเพราะถ้าผมไปนั่นคือพี่ลุกซ์จะต้องไปด้วยซึ่งนั่นไม่ใช่ความต้องการของมัน เฮ้อ หัวดื้อเหมือนใครวะ?
“ป้อง มาเล่นกับน้องปิงหน่อยสิ” ผมบอกพลางกวักมือเรียก ถ้าได้เห็นความน่ารักของน้องปิงไอ้ป้องอาจจะเลิกอคติก็ได้นะ
“ไม่ครับ ผมเปลี่ยนชุดมาแล้ว ไปรอที่ยิมนะ” ไอ้ป้องปฏิเสธทันทีก่อนจะรีบเดินไปที่ยิมเล็กๆ หน้าบ้านทันทีโดยไม่รอใคร โชคดีนะที่มันไหว้แม่ของพี่ลุกซ์แล้ว ไม่งั้นคงเสียมารยาทแย่เลย
“ดูท่าตาป้องจะไม่ชอบน้องปิงเอาซะเลยนะ มาที่บ้านทีไรไม่เคยเล่นกับน้องปิงเลย มีแต่น้องปิงที่ร้องหาแต่ตาป้อง” คุณแม่ยิ้มเจื่อนๆ แต่ก็ไม่ได้มีท่าทีต่อว่าไอ้ป้อง คงจะเข้าใจล่ะมั้งว่าทำไมไอ้ป้องถึงไม่ชอบขี้หน้าน้องปิงขนาดนั้น
“แม่ครับ ไลลาล่ะ?” พี่ลันเปลี่ยนเรื่องด้วยการถามถึงน้องสาว
“กำลังกลับมั้ง ปกติก็กลับเวลานี้แหละ” คุณแม่บอก
“กลับยังไงครับ? รถของที่บ้านจอดอยู่ครบเลยนะครับ” พี่ลุกซ์ถามเสียงเข้ม
“ตากรมาส่ง ปกติก็มาส่งเกือบทุกวันนะ” คุณแม่บอก พี่ลุกซ์ถึงกับขมวดคิ้วแน่นเลยครับ หน้าตาดูไม่ค่อยชอบใจกับสิ่งที่ได้ยินเท่าไหร่นัก พี่ลันก็ดูเคืองๆ เหมือนกัน
“ได้ไงครับแม่ ไอ้กรมันเป็นผู้ชายนะ ถ้ามันพาไลลาไปที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านเราล่ะครับ!?” พี่ลุกซ์ถามเสียงดังจนน้องปิงตกใจ
“เราเป็นคนบอกเองนะว่าตากรไว้ใจได้” คุณแม่พูดขึ้น พี่ลุกซ์เงยหน้าขึ้นแล้วลูบหน้าตัวเองด้วยสีหน้าเซ็งจัด
“มันคนละเรื่องกันนี่ครับ อารมณ์ผู้ชายมันไว้ใจกันได้ที่ไหนล่ะ ถ้าวันดีคืนดีมันหน้ามืดตามัวไลลาจะไม่ซวยเหรอครับ!?” พี่ลุกซ์พูดอย่างหัวเสียโดยมีพี่ลันเป็นลูกคู่ เป็นคนอนุญาตให้น้องคบกันเองแท้ๆ แต่ไหงไม่ไว้ใจเองล่ะเนี่ย?
“เอาน่า กรไม่ได้มารับมาส่งทุกวันซักหน่อยเพราะเวลาเรียนไม่ตรงกันทุกวัน ก็แค่บางวันเท่านั้นแหละ อีกอย่าง แม่ไว้ใจไลลา” คุณแม่พูดเพื่อให้พี่ลุกซ์ใจเย็นแต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล
“ผมก็ไว้ใจไลลาแต่ผมไม่ไว้ใจไอ้กร แม่ก็รู้ว่าไอ้กีร์มันเป็นคนยังไง พี่กับน้องมันก็เหมือนกันนั่นแหละ ต่อไปนี้ผมขอสั่งเลยว่าไม่ให้ไลลาไปไหนมาไหนกับไอ้กร!” พี่ลุกซ์พูด ตาคนนี้ก็หวงน้องจนไร้เหตุผล ปกติแฟนกันเขาก็ต้องไปเที่ยวกันบ้างสิวะ ตัวเองก็อยากไปไหนมาไหนกับแฟนเหมือนกันไม่ใช่หรือไง
“ปล่อยๆ ไปบ้างเถอะครับ พี่เองก็อยากไปไหนมาไหนกับแฟนไม่ใช่หรือไง?” ผมกระตุกชายเสื้อของพี่ลุกซ์เอาไว้เพื่อให้พี่มันอารมณ์เย็นลง
“มันไม่เหมือนกันเว้ย! ไลลาเป็นผู้หญิง ถ้าท้องขึ้นมาจะทำยังไง!?!” พี่ลุกซ์หันมาตะคอกใส่จนผมตกใจ นอกจากผม คนอื่นๆ ยังอึ้งจนไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา
“อย่าเอาตัวเองเป็นมาตรฐานนิสัยของคนอื่นสิครับ! เรื่องแบบนั้นมันอยู่ที่นิสัยของคน ผมว่าไอ้กรมันรักไลลาจริงและจะให้เกียรติไลลาที่เป็นผู้หญิง ส่วนคนอื่นที่ถือตัวเองเป็นใหญ่ไม่ยอมให้เกียรติคนอื่นไม่สมควรได้รักความรักจากใครเลยจริงๆ พี่เห็นด้วยกับผมไหม?” ผมหันไปพูดกับพี่ลุกซ์พร้อมกับจ้องเขม็งอย่างไม่ชอบใจที่พี่ลุกซ์พูดอย่างนั้นออกมา ถ้าไลลาท้องงั้นเหรอ? เฮอะ ผมเป็นผู้ชาย ท้องไม่ได้ก็เลยไม่สน ไม่แคร์สินะ หรือไม่ ผมก็คงง่ายเองที่ยอมมีอะไรกับพี่มันตั้งแต่ไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดีอีกทั้งยังไม่บรรลุนิติภาวะอีกด้วย
ท่ามกลางความเงียบงันผมก็สาวเท้าเดินออกจากบ้านโดยไม่ลืมไหว้ลาคุณแม่ทันที และแน่นอนว่าผมไม่ลืมที่จะไปลากไอ้ป้องกลับด้วยกัน
โวะ! พัง! ความรู้สึกของผมในวันนี้มันพังจริงๆ!
“ป้อง! กลับบ้าน!” ผมกระชากประตูโรงยิมออกแล้วตะโกนบอกไอ้ป้องที่กำลังวอร์มร่างกายอยู่คนเดียวในโรงยิม
“เปอร์! เดี๋ยวสิ!” พี่ลุกซ์วิ่งตามออกมาแล้วกระชากข้อมือผมเอาไว้ ผมรีบสะบัดออกแล้วหันไปมองด้วยสายตาเคืองๆ
“มีอะไรครับ?” ผมถาม ระหว่างนั้นไอ้ป้องก็คว้ากระเป๋าแล้ววิ่งออกมายืนตีคู่กับผม
“พี่เปอร์ เกิดอะไรขึ้น?” ไอ้ป้องกระซิบถาม
“ป้อง เข้าไปในบ้านก่อน พี่จะเคลียร์กับไอ้เปอร์” พี่ลุกซ์สั่งเสียงเครียดโดยไม่มองหน้าไอ้ป้องเพราะจ้องหน้าผมอยู่
“ทำไมผมต้องฟัง...”
“นี่เป็นคำสั่ง!!” พี่ลุกซ์ตะคอกเสียงดังทำให้ไอ้ป้องต้องเข้าไปในบ้านตามคำสั่ง
“มีอะไรก็รีบๆ พูดมา ผมจะได้รีบกลับบ้าน” ผมกรอกตาไปมาแล้วกอดอกเสมองไปทางอื่น
“เฮ้อ จะกลับยังไง?” พี่ลุกซ์ถอนหายใจ พยายามสงบสติอารมณ์แล้วถามออกมาแต่นั่นกลับทำให้อารมณ์ผมปะทุเพราะแทนที่พี่มันจะขอโทษแต่กลับถามเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ
“แท็กซี่” ผมเองก็พยายามที่จะไม่ตอกกลับด้วยอารมณ์
“ไม่ฝึกแล้วเหรอ?” อารมณ์ผมเดือดปุดๆ มากกว่าเดิมอีกครับคราวนี้
“ไม่ล่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัว” ผมทำตาพี่ลุกซ์แล้วทำท่าจะเดินเข้าไปตามไอ้ป้องแต่พี่ลุกซ์คว้าตัวผมเอาไว้แล้วดึงเข้าไปกอด
“ไม่ใช่ว่ากูไม่ให้เกียรติมึงนะเปอร์ ต่อให้มึงเป็นผู้หญิงกูก็คงเป็นเหมือนเดิมเพราะกูมันนิสัยไม่ดี การให้เกียรติของกูมันไม่เหมือนคนอื่นเพราะกูมันก็เป็นซะอย่างนี้...” พี่ลุกซ์ก้มลงมาพูดเบาๆ ที่ข้างหูของผม “...ขอโทษได้ไหม?” อารมณ์ผมเย็นลงทันทีที่ได้ยินคำที่อยากได้ยินมากที่สุด ขอโทษตั้งแต่แรกก็ดีแล้วแท้ๆ จะอ้อมทำไมก็ไม่รู้
“ถ้าเป็นเมื่อก่อน ต่อให้พี่พูดจาใส่ผมเสียๆ หายๆ ขนาดไหนผมก็คงไม่โกรธ คงทำได้แค่ไปแอบน้อยใจโดยที่พี่ไม่รู้” ผมพูดพลางดันพี่ลุกซ์ออกจากตัว พี่มันเองก็ยอมผละออกไปอย่างง่ายดาย
“ตอนนี้มึงจะโกรธกูขนาดไหนก็ได้แล้วนะ” พี่ลุกซ์พูดเสริม
“บางทีผมก็คิดนะว่า โกรธไปก็ป่วยการ เสียความรู้สึกเปล่าๆ เพราะพี่คงไม่สนใจหรอก” ผมบอก น้ำเสียงติดจะงอนนิดๆ
“ใครบอก? กูสนใจมึงทุกเรื่องนั่นแหละแต่แกล้งทำเป็นไม่สนเฉยๆ นี่ไม่ได้ตอแหลเลยนะ พูดจริง” พี่ลุกซ์พูดขำๆ ทำให้ผมหัวเราะออกไปอย่างอดไม่ได้
+++++++++++++++++++ สอบใกล้จะเสร็จแล้วนะทุกคน ช่วงสอบนรกแตกแบบไม่ได้หลับได้นอนกำลังจะผ่านไปแล้วววววววว ปล. อิพี่ลุกซ์ สงสัยอยากจะข่มเมียได้เหมือนเมื่อก่อน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ