[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
9.7
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
56 ตอน
51 วิจารณ์
236.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
37) Chapter 37 : เครื่องยนต์ข
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 37 : เครื่องยนต์ของลุกซ์
เลยเวลาเลิกงานไปแล้วผมก็ยังไม่ออกจากที่ทำงานเพราะกำลังสาละวนอยู่กับเครื่องยนต์ติดรถเพื่ออัพเครื่องรถแข่งอยู่ ที่ผมสนใจตัวนี้มากที่สุดเพราะมันมีตัวเดียวในสต็อคและเป็นตัวเครื่องสำรองของรถพี่ลุกซ์ที่ตอนนี้เลิกผลิตไปแล้ว ผมทำอะไรกับมันมากไม่ได้หรอกครับ อย่างมากก็แค่ดูและลองจูนกับเครื่องมืออื่นนิดๆ หน่อยๆ จะไปรื้อก็ไม่ได้เพราะกลัวพัง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะโต๊ะดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมอง พบว่าเป็นพี่ลุกซ์นั่นเองที่มายืนกอดอกเคาะโต๊ะเรียกผมด้วยท่าทางยียวนนิดๆ เห็นแล้วอยากจะเอาน้ำมันเครื่องไปป้ายหน้าจริงๆ
“จะทำโอทีตั้งแต่มาทำงานวันแรกเลยหรือไง?” พี่ลุกซ์ถามกวนๆ ก่อนจะนั่งเท้าคางมองผมเก็บอุปกรณ์ช่าง
“เปล่า ผมแค่สนใจเครื่องยนต์ตัวนี้เท่านั้นเอง” ผมเก็บเครื่องมือลงกล่องเสร็จแล้วก่อนจะพยักพเยิดไปที่เครื่องยนต์ที่ผมเพิ่งทดสอบดูเมื่อครู่ เครื่องแรงจริงๆ ครับ
“กูติดใจเครื่องนี้ที่สุดแล้วตั้งแต่แข่งรถมา เสียดายเหมือนกันที่เลิกผลิตไปแล้ว แต่ก็นะ กูไม่ได้แข่งรถแล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้” พี่ลุกซ์บอก ท่าทางพี่ลุกซ์ตอนนี้ละมุนมากครับ แบบ...เอาศอกยันโต๊ะไว้แล้วเอาหน้าไปซบกับแขนพลางยิ้มจนตาหยีนิดๆ น่ารักมากเลย
“ตอนนี้ใช้ตัวนี้ไหมครับ?” ผมถามแก้เขิน
“ใช้อยู่ แต่เป็นเครื่องเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนนานแล้วน่ะนะ นี่มึงสนใจเครื่องตัวนี้ขนาดนี้เลยเหรอวะ?” พี่ลุกซ์ทำหน้าแปลกใจที่เห็นผมสนใจไอ้เจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้หนักหนา ไม่สนใจได้ไงครับ นี่เป็นเคล็ดลับที่ทำให้แฟนผมชนะการแข่งทุกครั้งเลยนี่นา พูดไปแล้วก็อยากนั่งตอนพี่ลุกซ์ดริฟต์จัง จริงๆ ช่วงก่อนจะจบป.ตรีผมสนใจเรื่องดริฟต์ก็เลยไปหัดมาบ้างแต่ดริฟต์ได้แค่ในพื้นที่กว้างๆ เท่านั้น ไม่เทพขนาดพี่ลุกซ์หรอกครับ ไม่ติดฝุ่นซะด้วยซ้ำ
“ก็...เป็นเครื่องที่พี่ใช้นี่ครับ” ผมก้มหน้านิดๆ แล้วพูดออกไป
“มึงนี่น้า...” พี่ลุกซ์ลากเสียงยาวพลางลุกเดินมาหาผมที่กำลังยืนอยู่ มือหนาๆ สอดผ่านเส้นผมเข้ามาประคองศีรษะผมไว้แล้วบังคับให้เงยขึ้นไปสบตา ใจผมเต้นตึกๆ ด้วยความตื่นเต้น ในใจก็คิดอยู่อย่างเดียวว่า...โดนจูบแน่กู “หลับตาทำไม? คิดว่ากูจะจูบเหรอ ฮึๆ” เสียงหัวเราะเบาๆ ชวนตีนกระตุกดังขึ้นทำให้ผมกัดริมฝีปากแล้วลืมตา(ที่เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้)ขึ้นมามองหน้าพี่ลุกซ์อย่างเคืองๆ
ก่อนที่ผมจะทันได้พูดหรือถอยออกไปพี่ลุกซ์ก็ก้มลงมาโดยเอียงหน้าให้เข้าล็อกเพื่อประทับริมฝีปาก ผมผงะจะถอยแต่พี่ลุกซ์จับหน้าเอาไว้อยู่ก็เลยได้แต่ยืนอึ้ง ตาผมปิดลงอีกครั้งด้วยความประหม่าเมื่อลิ้นอุ่นๆ ค่อยๆ แทรกเข้ามาง้างริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นให้เปิดออก ผมเผยอปากขึ้นนิดหน่อยเพื่อเปิดทางให้พี่ลุกซ์เข้ามา เมื่อเข้ามาได้พี่มันก็เริ่มสูบพลังชีวิตออกไปจนขาแข้งผมอ่อนจะทรุดเสียให้ได้
“พี่ลุกซ์ พอแล้ว” ผมเบือนหน้าหนีขณะที่กำลังจิกเสื้อข้างหลังของพี่ลุกซ์อยู่ ผมแข้งขาอ่อนจนต้องกอดพี่มันเอาไว้เพื่อให้ช่วยพยุง เขินจัดจริงๆ นะครับเนี่ย
“เขินเหรอ?” พี่ลุกซ์กระซิบถามเบาๆ ผมก้มหน้ามุดอกพี่ลุกซ์แล้วพยักหน้าเบาๆ ให้ตายเถอะ ผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ เมื่อก่อนไม่ค่อยจะเป็นแบบนี้หรอก “กลับบ้านไหม?” พี่ลุกซ์ถามเสียงนุ่ม โอ๊ย ละมุนไปไหนครับ คิดถึงใจกูบ้างเฟ้ย จะละลายอยู่แล้วเนี่ย
“ผะ...ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ผมรีบผละออกจากพี่ลุกซ์แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องล็อกเกอร์ โชคดีที่พี่ลุกซ์ไม่ตามมาเพราะถ้ายังตามมาผมอาจจะระเบิดตัวตายได้ ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะพี่ลุกซ์เองก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน จากที่เคยโหดๆ ห่ามๆ เปลี่ยนมาเป็นละมุนละไมแบบนี้ผมก็ไม่ชินน่ะสิ
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดไพรเวทธรรมดาๆ แล้วพี่ลุกซ์ก็พาผมกลับไปที่บ้าน เห็นบอกว่าแม่ผมโทรมาบอกให้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันพี่ลุกซ์ก็เลยต้องพาผมกลับบ้านแทนที่จะเป็นคอนโด เหอๆ รู้หรอกว่าจริงๆ พี่ลุกซ์หวังอะไรหลังจากที่จูบไปแบบนั้น
“มาทันอาหารเย็นพอดีลูก” พอเดินเข้าไปในบ้านแม่ก็เดินออกมารับพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ขอโทษนะครับที่มาช้า ทำงานเพลินไปหน่อย” ผมบอกพร้อมรอยยิ้มอ้อนแม่
“ใช้งานลูกแม่หนักไปหรือเปล่าลุกซ์?” แม่หันไปแซวพี่ลุกซ์
“ไม่นะครับแม่ ผมสนุกกับการทำงานจนเพลิน ถ้าพี่ลุกซ์ไม่ไปตามก็คงช้ากว่านี้” ผมรีบแก้ตัวแทนส่วนแม่ก็หัวเราะประมาณว่าแซวเล่นเฉยๆ
เรากินข้าวด้วยกันจนเสร็จ พอพี่ลุกซ์จะกลับแม่ก็ชวนให้ค้างด้วย ตอนแรกพี่ลุกซ์ว่าจะไม่ค้างเพราะเกรงใจพ่อที่กำลังทำหน้าหยิ่งๆ เหมือนไม่ต้อนรับแต่แม่ตื๊อให้ค้างพลางบอกว่าพ่อก็เก๊กไปงั้นแหละพี่ลุกซ์ก็เลยยอม จริงๆ คงอยากจะค้างใจจะขาดซะล่ะมั้ง
ผมพาพี่ลุกซ์ขึ้นมาบนห้องพลางหาเสื้อผ้าให้พี่มันเปลี่ยน จริงๆ ก่อนหน้านี้พี่ลุกซ์เคยทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่ห้องผมนะแต่เพราะผมโกรธที่พี่มันแต่งงานก็เลยเผาทิ้งหมดแล้ว เสื้อผ้าก็แพงมากเลยนะครับแต่ทำไงได้ล่ะ คนมันไม่อยากจำนี่หว่า
“ผมว่าเสื้อผ้าของผมพี่น่าจะใส่ไม่ได้” ผมบอกเมื่อพยายามค้นเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเองออกมา
“นั่นกล่องอะไรวะเปอร์” พี่ลุกซ์เปิดประตูด้านบนสุดของตู้เสื้อผ้าก่อนจะลากกล่องไม้สานออกมาแล้วยกมันมาวางไว้บนเตียง ผมเลิกคิ้วนิดๆ เพราะจำไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นกล่องอะไร
“เปิดดูสิครับ” ผมเดินไปมองกล่องอย่างนึกๆ แล้วเปิดมันออก
“หืม?” พี่ลุกซ์ส่งเสียงนิดๆ เมื่อเห็นของข้างใน ผมเองก็เบิกตานิดๆ แล้วร้องอ๋อออกมา ของข้างในเป็นเสื้อผ้าที่พี่ลุกซ์เคยซื้อให้และมีสิ่งของที่พี่ลุกซ์ให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีแผ่นซีดีที่ผมอัดเพลงแค่คุณที่พี่ลุกซ์ร้องเอาไว้ด้วย ของพวกนี้ผมตั้งใจจะทิ้งแต่ตอนนั้นมันทิ้งไม่ลงเลยปิดผนึกไว้ ถ้าผมทิ้งไปคงเสียดายแย่เลย
“ผมว่าจะทิ้งน่ะครับ” ผมบอกออกไปเสียงเบา แค่เห็นสิ่งของพวกนี้ผมก็รู้สึกเศร้าซะแล้ว มันคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ แล้วก็นึกถึงตอนที่ผมเก็บของพวกนี้ใส่กล่อง ตอนนั้นความรู้สึกของผมมันพังขนาดไหนกันนะ?
ฟึ่บ!
“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเก็บของพวกนี้ไว้ด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่มึงคงจะดูแลมันอย่างดีใช่ไหม?” พี่ลุกซ์เข้ามากอดผมไว้จากด้านหลังแล้วพูดออกมาเสียงเบา
“ผมทิ้งไม่ลง ผมอยากลืมพี่แต่ก็กลัว” ผมก้มหน้าแล้วบอกออกไป ผมกลัวผมลืมทั้งๆ ที่อยากจะลืม ความรู้สึกมันตีกันไปหมด
“ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วเปอร์ กูอยู่กับมึงแล้ว” พี่ลุกซ์ปลอบพลางหอมขมับผมเบาๆ
“วันนี้พี่อยู่แล้ววันไหนพี่จะทิ้งผมไปอีก บอกตรงๆ ว่าผมยังกลัว ผมเข็ด ผมไม่อยากกลับมาคืนดีกับพี่เลยเพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแต่ผมไม่อยากเห็นพี่เจ็บ” ผมจับมือพี่ลุกซ์ที่ประสานกันที่หน้าท้องผมออกแล้วหันหน้าไปหาพี่มัน แววตาของพี่ลุกซ์ฉายแววรู้สึกผิดออกมาเต็มที่ เห็นแบบนี้จะไม่ให้ผมใจอ่อนได้ไง
“กูก็ไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้ด้วยอะไรถึงจะพอกับความรู้สึกของมึงที่เสียไป แต่กูจะไม่ยอมเสียมึงไปอีกแล้วไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรมาขวางก็ตาม” พี่ลุกซ์จับมือผมเอาไว้ก่อนจะยกขึ้นมาประทับจูบเบาๆ
“อุปสรรคจริงๆ ของเราคือพี่ไม่ยอมบอกปัญหาให้ผมรู้ต่างหากล่ะ” ผมมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างตัดพ้อ
“บอกแล้วไงว่าต่อไปนี้กูจะบอกมึงทุกอย่าง” พี่ลุกซ์โน้มหน้าลงมาให้หน้าผากเราชิดกัน รอยยิ้มผุดขึ้นมาจนอารมณ์ซึมๆ ของผมเมื่อครู่หายไป ใจนี่แทบละลาย “ตอนนี้กูมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง” พี่ลุกซ์หุบยิ้มแล้วบอก ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ปัญหาอะไรฟะ?
“อะไรครับ?” เอาแล้วไงครับ ผมชักเครียด
“มีคนมาจีบเมียกู ทำไงดีวะ?” พี่ลุกซ์พูดออกมาพลางขำทำเอาผมหลุดขำตามไปด้วย นึกว่ามีปัญหาซีเรียสอะไรซะอีก
“เลิกเลยครับ ผมว่าถ้าคบต่อไปคงมีปัญหาเรื่อยๆ เพราะแฟนพี่หน้าตาดีมาก” ผมก้มหน้าพลางหัวเราะ
“จริงเหรอ?” พี่ลุกซ์ขยับหน้ามาชิดจนผมต้องก้มหน้าหลบ ขายาวๆ ก้าวมาข้างหน้าทำให้ผมต้องก้าวถอยหลังไปอย่างช่วยไม่ได้
“อื้ม” ผมพยักหน้ารับอย่างเขินๆ พลางก้าวถอยหลังไปอีกเพราะพี่ลุกซ์ก้าวมาชิด
ตุบ!
จนได้สิน่า ก้าวถอยหลังไปมาสุดท้ายก็ล้มลงบนเตียงจนได้ พอผมล้มพี่ลุกซ์ก็รีบมาคร่อมแล้วจูบปิดปากทันที ผมดิ้น จะผลักพี่มันออกเพราะไม่ทันตั้งตัวแต่ข้อมือก็ถูกรวบไปตรึงไว้เหนือหัวทันที ริมฝีปากล่างถูกเม้มแน่นจนกลัวจะแตก จากนั้นก็ถูกกัดดึง ด้วยความเจ็บก็เลยเบือนหน้าหนีแต่นั่นก็ทำให้พี่ลุกซ์ซุกหน้ามาที่คอแล้วกัดจนผมสะดุ้ง
“พี่ลุกซ์...” ผมครางฮือ จะห้ามแต่พี่ลุกซ์รีบจูบปิดปากแล้วผละออกไปนิดๆ
“พร้อมซักทีเถอะนะเปอร์ อายุขนาดนี้แล้วนะ” พี่ลุกซ์พูดชิดริมฝีปาก แทนที่จะเขินหรือเคลิ้มผมกลับขำซะงั้น เวลาพี่ลุกซ์เอาอายุมาอ้างผมมักจะขำตลอดเลย กลัวจะไม่มีน้ำยาคอนแก่จริงๆ เหรอเนี่ย?
“อะ...อาบน้ำก่อน” ผมเม้มปากก่อนจะบอกด้วยท่าทางอายๆ เอาวะ ยอมก็ยอม คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าแผลหายจะยอม ถึงเวลาแล้วสินะเนี่ย
“อื้ม” พี่ลุกซ์ลุกออกจากตัวผมก่อนจะดึงมือผมเข้าไปในห้องน้ำทันที
เสื้อผ้าผมถูกถอดออกหมดท่ามกลางสายน้ำเย็นๆ จากฝักบัว ขณะเดียวกันมือสั่นๆ ของผมก็กำลังปลดกระดุมเสื้อผมพี่ลุกซ์อยู่ ตอนที่พยายามปลดกระดุมผมก็ถูกจูบและลูบบั้นเอวไปด้วย บอกเลยว่าอายแต่ผมก็ห้ามความรู้สึกไม่อยู่แล้วล่ะครับ มันตื่นซะแล้วล่ะ
เมื่อกระดุมหลุดออกหมดผมก็ดึงเสื้อพี่ลุกซ์ออกแล้วสะบัดไปห่างๆ อย่างไม่รู้ทิศทาง กล้ามแน่นๆ ถูกผมตะโบมลูบไล้อย่างหนักมือโดยเจ้าของก็ยอมให้ลูบอยู่ข้างนั้น ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับว่าผมจะชอบลูบร่างกายของผู้ชายแบบนี้ แต่ถ้าไม่ใช่ตัวพี่ลุกซ์ผมคงไม่ชอบสัมผัสหรอก
“อึ๊!” ผมแทบทรุดเมื่อมือหนาๆ หยาบกร้านรูดไอ้หนูที่กำลังสั่นระริก ผมยึดร่างกายพี่ลุกซ์เอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงลงไปกองกับพื้น “อื๊อออ” ผมกัดฟันครางระงมเมื่อพี่ลุกซ์ใช้มืออีกข้างกดจุดบนหน้าอกของผมแล้วไล้ไปมาเพื่อกระตุ้นอารมณ์
“น่ารักจังเลยน้า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยชมจนไอ้นั่นมันขยายขึ้นอีก จะมาชมทำไมตอนคนกำลังมีอารมณ์วะ ความต้องการพุ่งสูงเลยคราวนี้
“อะ...อื้อ” ผมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางเต็มที่เมื่อพี่ลุกซ์พลิกตัวผมให้หันหน้าซบผนังห้องน้ำแล้วสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางด้านหลัง ผมกระตุกเกร็ง รู้สึกว่าตัวเองบีบรัดนิ้วเรียวๆ นั่นเสียแน่น
“หืม ผ่อนคลายหน่อย เดี๋ยวไอ้นี่มันเข้าไม่ได้” พี่ลุกซ์พูดพลางเอาอะไรบางอย่างร้อนๆ มาแตะที่บั้นท้ายของผม ผมเหลือบตาไปมองก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี นี่พี่มันถอดกางเกงออกไปตอนไหนวะ?
“พี่ลุกซ์...อาบน้ำให้เสร็จก่อนได้ไหม?” ผมถามเสียงกระเส่าเพราะหอบหายใจถี่รัว ถึงจะบอกว่าขออาบน้ำให้เสร็จก่อนแต่ผมว่าผมนี่แหละที่จะทนไม่ไหว
“ไม่ทันแล้วเปอร์” พี่ลุกซ์ก้มลงมากระซิบพลางเลียติ่งหัวผมเบาๆ พร้อมกับกับอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ที่รอยแยก ผมจะขยับหนีแต่เอวถูกล็อกเอาไว้ไม่ให้ขยับ
พี่ลุกซ์จับมือผมไปทาบทับส่วนกลางของร่างกายตัวเองแล้วดึงนิ้วออกเพื่อเปลี่ยนมารูดรั้งร่างกายผมบ้าง ผมถูกพลิกให้หันกลับมาหาพี่ลุกซ์อีกครั้ง สายตาที่แสดงถึงความต้องการของพี่ลุกซ์ทำให้ผมต้องหนีความอายโดยการคุกเข่าใช้ปากให้กับพี่มันเพื่อไม่ต้องสบตา ไม่รู้ว่าหนีความอายหรือทำให้อายมากกว่าเดิมกันแน่
“อึ่ก” พี่ลุกซ์เอามือยันหนังแล้วโยกเอวเข้ามาในปากผมด้วยจังหวะเน้นๆ ก่อนที่ของร้อนในปากผมจะกระตุกนิดๆ พี่ลุกซ์รีบดึงออกแล้วดึงผมให้ลุกขึ้นยืน ผมผวาเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งก่อนจะถูกอุ้มขึ้นโดยให้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวพี่ลุกซ์เอาไว้ ผมกอดคอพี่ลุกซ์เพื่อยึดตัวเองเอาไว้พลางก้มหน้ามุดไหล่หนา
สวบ!
“อ๊ะ...อา!” ผมครางเสียงขาดๆ หายๆ ด้วยความจุกเมื่อส่วนกลางร่างกายของพี่ลุกซ์แทรกเข้ามาในร่างกายของผม โชคดีที่มีสบู่ช่วยหล่อลื่นไม่อยากนั้นผมกระอักแน่ ห่างไปหลายปีขนาดมันไม่ลดบ้างหรือไงวะ
“ซี้ดดด” เสียงพี่ลุกซ์สูดปากเมื่อผมกัดไหล่พี่มันระบายความอึดอัดอีกทั้งผมยังรู้สึกได้ว่าตัวเองเกร็งจนบีบรัดของร้อนในกายแน่น
พี่ลุกซ์ประคองเอวผมแล้วขยับเข้าออก น้ำตาผมซึมด้วยความเจ็บ ทั้งกัดทั้งจิกไหล่และหลังพี่ลุกซ์จนเนื้อของพี่มันติดซอกเล็บมาด้วย อยากจะสงสารอยู่หรอกแต่อารมณ์แบบนี้มันห้ามตัวเองไม่อยู่จริงๆ
“อ๊าก!” ผมที่กัดไหล่พี่ลุกซ์ครางรอดออกมาเมื่อพี่มันทั้งขยับเอวตัวเองและจับเอวผมขยับทำให้การกระแทกเข้ามาหนักขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งไอ้นั่นของผมยังเสียดสีกับหน้าท้องของพี่ลุกซ์อีก ความสยิวนี้ทำเอาผมขนลุกจนแทบจะไปเสียให้ได้
“ไม่ไหวแล้วเปอร์” พี่ลุกซ์ปล่อยผมลงแล้วพลิกตัวผมให้หันหลังจากนั้นก็กระหน่ำเข้ามาจนตัวผมกระแทกกับผนัง ทั้งเจ็บทั้งหวิวแต่ก็รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน
“อ๊ะ พี่ลุกซ์ อื้อ พี่ลุกซ์ครับ...พี่ลุกซ์...” ผมตะปบผนังเอาไว้พลางครางเรียกชื่อพี่ลุกซ์ไม่หยุด ยิ่งได้ยินแบบนั้นพี่ลุกซ์ยิ่งใส่แรงเข้ามาเรื่อยๆ อย่างฉุดไม่อยู่ มือหนาทั้งกดทั้งบีบบั้นเอวจนแสบสะท้าน ผมนี่แทบทรุดแต่ก็พยายามยืนเอาไว้เพื่อไม่ให้มันขาดช่วง
ขณะที่อารมณ์ผมพุ่งสูงพี่ลุกซ์ก็ถอนกายออกแล้วหิ้วผมออกจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังล้างตัวไม่สะอาด พี่มันนั่งลงที่โซฟาแล้วดึงผมให้ขึ้นไปคร่อม ผมกัดริมฝีปากมองหน้าพี่มันอย่างเขินๆ ก่อนจะหลบตาแล้วจับส่วนกลางของร่างกายพี่มันให้ตั้งตรงแล้วทิ้งตัวลงไป
“ดีมาก” พี่ลุกซ์ลูบแผ่นหลังลื่นๆ ของผมเบาๆ พลางกระซิบเมื่อผมขยับเอวขึ้นลงอย่างรู้งาน เขาขยับให้ก็จุก ขยับเองก็จุกเหมือนกันแฮะ แต่จะหยุดก็ไม่ได้อีกแหละ
“อื้ออออ” ผมครางเสียงกระเส่าพลางขยับตัวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นอีกเมื่อรู้สึกว่าอะไรบางอย่างกำลังจะพุ่งออกจากตัว
“เปอร์...เปอร์” พี่ลุกซ์เรียกชื่อผมเสียงแหบพร่า หน้าซุกลงมาที่ไหล่ของผมพร้อมกับกอดรัดตัวผมเอาไว้แน่นด้วยความเกร็ง ผมจิกไหล่พี่ลุกซ์แรงขึ้นอีก ตอนนี้ต่างคนก็ต่างเกร็งเพราะกำลังจะไปกันทั้งคู่
“อ๊า!” ผมครางออกมาขณะปลดปล่อย จังหวะเดียวกัน บางอย่างในร่างกายของผมก็กระตุกแล้วน้ำอุ่นๆ ก็ฉีดพ่นเข้ามาในร่างกาย
เมื่อปล่อยออกมาจนสุดผมก็แทบจะลงไปนอนแผ่ที่พื้น พี่ลุกซ์ล้มตัวลงนอนบนโซฟาแล้วดึงผมให้นอนทับ จังหวะนั้นอะไรๆ ของพี่ลุกซ์ก็หลุดออกไปพร้อมกับของเหลวบางส่วน
“อีกรอบได้ไหม?” พี่ลุกซ์ถาม ผมเม้มปากแล้วพยักหน้า เมื่อได้คำตอบพี่ลุกซ์ก็อุ้มผมไปที่เตียงแล้วจัดการจนกว่าจะพอใจ เที่ยงคืนนู่นแหละครับกว่าจะได้นอน
เฮ้อ จะไปทำงานไหวไหมเนี่ย? แค่จะไปอาบน้ำอีกรอบยังแทบทรุดเลย ให้ตายเถอะ
30% left
++++++++++++++++++++++++ มาแล้วๆๆ ในที่สุดก็สอบมิดเทอมเสร็จ และไฟนอลก็กำลังมา สอบทั้งปีเลยให้ตายยยยย!
เลยเวลาเลิกงานไปแล้วผมก็ยังไม่ออกจากที่ทำงานเพราะกำลังสาละวนอยู่กับเครื่องยนต์ติดรถเพื่ออัพเครื่องรถแข่งอยู่ ที่ผมสนใจตัวนี้มากที่สุดเพราะมันมีตัวเดียวในสต็อคและเป็นตัวเครื่องสำรองของรถพี่ลุกซ์ที่ตอนนี้เลิกผลิตไปแล้ว ผมทำอะไรกับมันมากไม่ได้หรอกครับ อย่างมากก็แค่ดูและลองจูนกับเครื่องมืออื่นนิดๆ หน่อยๆ จะไปรื้อก็ไม่ได้เพราะกลัวพัง
ก๊อกๆ
เสียงเคาะโต๊ะดังขึ้นทำให้ผมรีบหันไปมอง พบว่าเป็นพี่ลุกซ์นั่นเองที่มายืนกอดอกเคาะโต๊ะเรียกผมด้วยท่าทางยียวนนิดๆ เห็นแล้วอยากจะเอาน้ำมันเครื่องไปป้ายหน้าจริงๆ
“จะทำโอทีตั้งแต่มาทำงานวันแรกเลยหรือไง?” พี่ลุกซ์ถามกวนๆ ก่อนจะนั่งเท้าคางมองผมเก็บอุปกรณ์ช่าง
“เปล่า ผมแค่สนใจเครื่องยนต์ตัวนี้เท่านั้นเอง” ผมเก็บเครื่องมือลงกล่องเสร็จแล้วก่อนจะพยักพเยิดไปที่เครื่องยนต์ที่ผมเพิ่งทดสอบดูเมื่อครู่ เครื่องแรงจริงๆ ครับ
“กูติดใจเครื่องนี้ที่สุดแล้วตั้งแต่แข่งรถมา เสียดายเหมือนกันที่เลิกผลิตไปแล้ว แต่ก็นะ กูไม่ได้แข่งรถแล้วก็เลยไม่จำเป็นต้องใช้” พี่ลุกซ์บอก ท่าทางพี่ลุกซ์ตอนนี้ละมุนมากครับ แบบ...เอาศอกยันโต๊ะไว้แล้วเอาหน้าไปซบกับแขนพลางยิ้มจนตาหยีนิดๆ น่ารักมากเลย
“ตอนนี้ใช้ตัวนี้ไหมครับ?” ผมถามแก้เขิน
“ใช้อยู่ แต่เป็นเครื่องเก่าที่ไม่ได้เปลี่ยนนานแล้วน่ะนะ นี่มึงสนใจเครื่องตัวนี้ขนาดนี้เลยเหรอวะ?” พี่ลุกซ์ทำหน้าแปลกใจที่เห็นผมสนใจไอ้เจ้าเครื่องยนต์ตัวนี้หนักหนา ไม่สนใจได้ไงครับ นี่เป็นเคล็ดลับที่ทำให้แฟนผมชนะการแข่งทุกครั้งเลยนี่นา พูดไปแล้วก็อยากนั่งตอนพี่ลุกซ์ดริฟต์จัง จริงๆ ช่วงก่อนจะจบป.ตรีผมสนใจเรื่องดริฟต์ก็เลยไปหัดมาบ้างแต่ดริฟต์ได้แค่ในพื้นที่กว้างๆ เท่านั้น ไม่เทพขนาดพี่ลุกซ์หรอกครับ ไม่ติดฝุ่นซะด้วยซ้ำ
“ก็...เป็นเครื่องที่พี่ใช้นี่ครับ” ผมก้มหน้านิดๆ แล้วพูดออกไป
“มึงนี่น้า...” พี่ลุกซ์ลากเสียงยาวพลางลุกเดินมาหาผมที่กำลังยืนอยู่ มือหนาๆ สอดผ่านเส้นผมเข้ามาประคองศีรษะผมไว้แล้วบังคับให้เงยขึ้นไปสบตา ใจผมเต้นตึกๆ ด้วยความตื่นเต้น ในใจก็คิดอยู่อย่างเดียวว่า...โดนจูบแน่กู “หลับตาทำไม? คิดว่ากูจะจูบเหรอ ฮึๆ” เสียงหัวเราะเบาๆ ชวนตีนกระตุกดังขึ้นทำให้ผมกัดริมฝีปากแล้วลืมตา(ที่เผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้)ขึ้นมามองหน้าพี่ลุกซ์อย่างเคืองๆ
ก่อนที่ผมจะทันได้พูดหรือถอยออกไปพี่ลุกซ์ก็ก้มลงมาโดยเอียงหน้าให้เข้าล็อกเพื่อประทับริมฝีปาก ผมผงะจะถอยแต่พี่ลุกซ์จับหน้าเอาไว้อยู่ก็เลยได้แต่ยืนอึ้ง ตาผมปิดลงอีกครั้งด้วยความประหม่าเมื่อลิ้นอุ่นๆ ค่อยๆ แทรกเข้ามาง้างริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันแน่นให้เปิดออก ผมเผยอปากขึ้นนิดหน่อยเพื่อเปิดทางให้พี่ลุกซ์เข้ามา เมื่อเข้ามาได้พี่มันก็เริ่มสูบพลังชีวิตออกไปจนขาแข้งผมอ่อนจะทรุดเสียให้ได้
“พี่ลุกซ์ พอแล้ว” ผมเบือนหน้าหนีขณะที่กำลังจิกเสื้อข้างหลังของพี่ลุกซ์อยู่ ผมแข้งขาอ่อนจนต้องกอดพี่มันเอาไว้เพื่อให้ช่วยพยุง เขินจัดจริงๆ นะครับเนี่ย
“เขินเหรอ?” พี่ลุกซ์กระซิบถามเบาๆ ผมก้มหน้ามุดอกพี่ลุกซ์แล้วพยักหน้าเบาๆ ให้ตายเถอะ ผมเปลี่ยนไปมากจริงๆ เมื่อก่อนไม่ค่อยจะเป็นแบบนี้หรอก “กลับบ้านไหม?” พี่ลุกซ์ถามเสียงนุ่ม โอ๊ย ละมุนไปไหนครับ คิดถึงใจกูบ้างเฟ้ย จะละลายอยู่แล้วเนี่ย
“ผะ...ผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ผมรีบผละออกจากพี่ลุกซ์แล้วรีบวิ่งไปที่ห้องล็อกเกอร์ โชคดีที่พี่ลุกซ์ไม่ตามมาเพราะถ้ายังตามมาผมอาจจะระเบิดตัวตายได้ ที่ผมเป็นแบบนี้เพราะพี่ลุกซ์เองก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกัน จากที่เคยโหดๆ ห่ามๆ เปลี่ยนมาเป็นละมุนละไมแบบนี้ผมก็ไม่ชินน่ะสิ
หลังจากเปลี่ยนเป็นชุดไพรเวทธรรมดาๆ แล้วพี่ลุกซ์ก็พาผมกลับไปที่บ้าน เห็นบอกว่าแม่ผมโทรมาบอกให้ไปกินข้าวเย็นด้วยกันพี่ลุกซ์ก็เลยต้องพาผมกลับบ้านแทนที่จะเป็นคอนโด เหอๆ รู้หรอกว่าจริงๆ พี่ลุกซ์หวังอะไรหลังจากที่จูบไปแบบนั้น
“มาทันอาหารเย็นพอดีลูก” พอเดินเข้าไปในบ้านแม่ก็เดินออกมารับพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“ขอโทษนะครับที่มาช้า ทำงานเพลินไปหน่อย” ผมบอกพร้อมรอยยิ้มอ้อนแม่
“ใช้งานลูกแม่หนักไปหรือเปล่าลุกซ์?” แม่หันไปแซวพี่ลุกซ์
“ไม่นะครับแม่ ผมสนุกกับการทำงานจนเพลิน ถ้าพี่ลุกซ์ไม่ไปตามก็คงช้ากว่านี้” ผมรีบแก้ตัวแทนส่วนแม่ก็หัวเราะประมาณว่าแซวเล่นเฉยๆ
เรากินข้าวด้วยกันจนเสร็จ พอพี่ลุกซ์จะกลับแม่ก็ชวนให้ค้างด้วย ตอนแรกพี่ลุกซ์ว่าจะไม่ค้างเพราะเกรงใจพ่อที่กำลังทำหน้าหยิ่งๆ เหมือนไม่ต้อนรับแต่แม่ตื๊อให้ค้างพลางบอกว่าพ่อก็เก๊กไปงั้นแหละพี่ลุกซ์ก็เลยยอม จริงๆ คงอยากจะค้างใจจะขาดซะล่ะมั้ง
ผมพาพี่ลุกซ์ขึ้นมาบนห้องพลางหาเสื้อผ้าให้พี่มันเปลี่ยน จริงๆ ก่อนหน้านี้พี่ลุกซ์เคยทิ้งเสื้อผ้าไว้ที่ห้องผมนะแต่เพราะผมโกรธที่พี่มันแต่งงานก็เลยเผาทิ้งหมดแล้ว เสื้อผ้าก็แพงมากเลยนะครับแต่ทำไงได้ล่ะ คนมันไม่อยากจำนี่หว่า
“ผมว่าเสื้อผ้าของผมพี่น่าจะใส่ไม่ได้” ผมบอกเมื่อพยายามค้นเสื้อผ้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเองออกมา
“นั่นกล่องอะไรวะเปอร์” พี่ลุกซ์เปิดประตูด้านบนสุดของตู้เสื้อผ้าก่อนจะลากกล่องไม้สานออกมาแล้วยกมันมาวางไว้บนเตียง ผมเลิกคิ้วนิดๆ เพราะจำไม่ได้เหมือนกันว่ามันเป็นกล่องอะไร
“เปิดดูสิครับ” ผมเดินไปมองกล่องอย่างนึกๆ แล้วเปิดมันออก
“หืม?” พี่ลุกซ์ส่งเสียงนิดๆ เมื่อเห็นของข้างใน ผมเองก็เบิกตานิดๆ แล้วร้องอ๋อออกมา ของข้างในเป็นเสื้อผ้าที่พี่ลุกซ์เคยซื้อให้และมีสิ่งของที่พี่ลุกซ์ให้ด้วย นอกจากนี้ยังมีแผ่นซีดีที่ผมอัดเพลงแค่คุณที่พี่ลุกซ์ร้องเอาไว้ด้วย ของพวกนี้ผมตั้งใจจะทิ้งแต่ตอนนั้นมันทิ้งไม่ลงเลยปิดผนึกไว้ ถ้าผมทิ้งไปคงเสียดายแย่เลย
“ผมว่าจะทิ้งน่ะครับ” ผมบอกออกไปเสียงเบา แค่เห็นสิ่งของพวกนี้ผมก็รู้สึกเศร้าซะแล้ว มันคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ แล้วก็นึกถึงตอนที่ผมเก็บของพวกนี้ใส่กล่อง ตอนนั้นความรู้สึกของผมมันพังขนาดไหนกันนะ?
ฟึ่บ!
“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงเก็บของพวกนี้ไว้ด้วยความรู้สึกแบบไหน แต่มึงคงจะดูแลมันอย่างดีใช่ไหม?” พี่ลุกซ์เข้ามากอดผมไว้จากด้านหลังแล้วพูดออกมาเสียงเบา
“ผมทิ้งไม่ลง ผมอยากลืมพี่แต่ก็กลัว” ผมก้มหน้าแล้วบอกออกไป ผมกลัวผมลืมทั้งๆ ที่อยากจะลืม ความรู้สึกมันตีกันไปหมด
“ไม่ต้องกลัวอะไรแล้วเปอร์ กูอยู่กับมึงแล้ว” พี่ลุกซ์ปลอบพลางหอมขมับผมเบาๆ
“วันนี้พี่อยู่แล้ววันไหนพี่จะทิ้งผมไปอีก บอกตรงๆ ว่าผมยังกลัว ผมเข็ด ผมไม่อยากกลับมาคืนดีกับพี่เลยเพราะกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยแต่ผมไม่อยากเห็นพี่เจ็บ” ผมจับมือพี่ลุกซ์ที่ประสานกันที่หน้าท้องผมออกแล้วหันหน้าไปหาพี่มัน แววตาของพี่ลุกซ์ฉายแววรู้สึกผิดออกมาเต็มที่ เห็นแบบนี้จะไม่ให้ผมใจอ่อนได้ไง
“กูก็ไม่รู้ว่าจะต้องชดใช้ด้วยอะไรถึงจะพอกับความรู้สึกของมึงที่เสียไป แต่กูจะไม่ยอมเสียมึงไปอีกแล้วไม่ว่าจะมีอุปสรรคอะไรมาขวางก็ตาม” พี่ลุกซ์จับมือผมเอาไว้ก่อนจะยกขึ้นมาประทับจูบเบาๆ
“อุปสรรคจริงๆ ของเราคือพี่ไม่ยอมบอกปัญหาให้ผมรู้ต่างหากล่ะ” ผมมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างตัดพ้อ
“บอกแล้วไงว่าต่อไปนี้กูจะบอกมึงทุกอย่าง” พี่ลุกซ์โน้มหน้าลงมาให้หน้าผากเราชิดกัน รอยยิ้มผุดขึ้นมาจนอารมณ์ซึมๆ ของผมเมื่อครู่หายไป ใจนี่แทบละลาย “ตอนนี้กูมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง” พี่ลุกซ์หุบยิ้มแล้วบอก ผมเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ปัญหาอะไรฟะ?
“อะไรครับ?” เอาแล้วไงครับ ผมชักเครียด
“มีคนมาจีบเมียกู ทำไงดีวะ?” พี่ลุกซ์พูดออกมาพลางขำทำเอาผมหลุดขำตามไปด้วย นึกว่ามีปัญหาซีเรียสอะไรซะอีก
“เลิกเลยครับ ผมว่าถ้าคบต่อไปคงมีปัญหาเรื่อยๆ เพราะแฟนพี่หน้าตาดีมาก” ผมก้มหน้าพลางหัวเราะ
“จริงเหรอ?” พี่ลุกซ์ขยับหน้ามาชิดจนผมต้องก้มหน้าหลบ ขายาวๆ ก้าวมาข้างหน้าทำให้ผมต้องก้าวถอยหลังไปอย่างช่วยไม่ได้
“อื้ม” ผมพยักหน้ารับอย่างเขินๆ พลางก้าวถอยหลังไปอีกเพราะพี่ลุกซ์ก้าวมาชิด
ตุบ!
จนได้สิน่า ก้าวถอยหลังไปมาสุดท้ายก็ล้มลงบนเตียงจนได้ พอผมล้มพี่ลุกซ์ก็รีบมาคร่อมแล้วจูบปิดปากทันที ผมดิ้น จะผลักพี่มันออกเพราะไม่ทันตั้งตัวแต่ข้อมือก็ถูกรวบไปตรึงไว้เหนือหัวทันที ริมฝีปากล่างถูกเม้มแน่นจนกลัวจะแตก จากนั้นก็ถูกกัดดึง ด้วยความเจ็บก็เลยเบือนหน้าหนีแต่นั่นก็ทำให้พี่ลุกซ์ซุกหน้ามาที่คอแล้วกัดจนผมสะดุ้ง
“พี่ลุกซ์...” ผมครางฮือ จะห้ามแต่พี่ลุกซ์รีบจูบปิดปากแล้วผละออกไปนิดๆ
“พร้อมซักทีเถอะนะเปอร์ อายุขนาดนี้แล้วนะ” พี่ลุกซ์พูดชิดริมฝีปาก แทนที่จะเขินหรือเคลิ้มผมกลับขำซะงั้น เวลาพี่ลุกซ์เอาอายุมาอ้างผมมักจะขำตลอดเลย กลัวจะไม่มีน้ำยาคอนแก่จริงๆ เหรอเนี่ย?
“อะ...อาบน้ำก่อน” ผมเม้มปากก่อนจะบอกด้วยท่าทางอายๆ เอาวะ ยอมก็ยอม คิดเอาไว้แล้วว่าถ้าแผลหายจะยอม ถึงเวลาแล้วสินะเนี่ย
“อื้ม” พี่ลุกซ์ลุกออกจากตัวผมก่อนจะดึงมือผมเข้าไปในห้องน้ำทันที
เสื้อผ้าผมถูกถอดออกหมดท่ามกลางสายน้ำเย็นๆ จากฝักบัว ขณะเดียวกันมือสั่นๆ ของผมก็กำลังปลดกระดุมเสื้อผมพี่ลุกซ์อยู่ ตอนที่พยายามปลดกระดุมผมก็ถูกจูบและลูบบั้นเอวไปด้วย บอกเลยว่าอายแต่ผมก็ห้ามความรู้สึกไม่อยู่แล้วล่ะครับ มันตื่นซะแล้วล่ะ
เมื่อกระดุมหลุดออกหมดผมก็ดึงเสื้อพี่ลุกซ์ออกแล้วสะบัดไปห่างๆ อย่างไม่รู้ทิศทาง กล้ามแน่นๆ ถูกผมตะโบมลูบไล้อย่างหนักมือโดยเจ้าของก็ยอมให้ลูบอยู่ข้างนั้น ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันครับว่าผมจะชอบลูบร่างกายของผู้ชายแบบนี้ แต่ถ้าไม่ใช่ตัวพี่ลุกซ์ผมคงไม่ชอบสัมผัสหรอก
“อึ๊!” ผมแทบทรุดเมื่อมือหนาๆ หยาบกร้านรูดไอ้หนูที่กำลังสั่นระริก ผมยึดร่างกายพี่ลุกซ์เอาไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองร่วงลงไปกองกับพื้น “อื๊อออ” ผมกัดฟันครางระงมเมื่อพี่ลุกซ์ใช้มืออีกข้างกดจุดบนหน้าอกของผมแล้วไล้ไปมาเพื่อกระตุ้นอารมณ์
“น่ารักจังเลยน้า” เสียงทุ้มๆ เอ่ยชมจนไอ้นั่นมันขยายขึ้นอีก จะมาชมทำไมตอนคนกำลังมีอารมณ์วะ ความต้องการพุ่งสูงเลยคราวนี้
“อะ...อื้อ” ผมกัดริมฝีปากกลั้นเสียงครางเต็มที่เมื่อพี่ลุกซ์พลิกตัวผมให้หันหน้าซบผนังห้องน้ำแล้วสอดนิ้วเข้ามาในช่องทางด้านหลัง ผมกระตุกเกร็ง รู้สึกว่าตัวเองบีบรัดนิ้วเรียวๆ นั่นเสียแน่น
“หืม ผ่อนคลายหน่อย เดี๋ยวไอ้นี่มันเข้าไม่ได้” พี่ลุกซ์พูดพลางเอาอะไรบางอย่างร้อนๆ มาแตะที่บั้นท้ายของผม ผมเหลือบตาไปมองก่อนจะรีบเบือนหน้าหนี นี่พี่มันถอดกางเกงออกไปตอนไหนวะ?
“พี่ลุกซ์...อาบน้ำให้เสร็จก่อนได้ไหม?” ผมถามเสียงกระเส่าเพราะหอบหายใจถี่รัว ถึงจะบอกว่าขออาบน้ำให้เสร็จก่อนแต่ผมว่าผมนี่แหละที่จะทนไม่ไหว
“ไม่ทันแล้วเปอร์” พี่ลุกซ์ก้มลงมากระซิบพลางเลียติ่งหัวผมเบาๆ พร้อมกับกับอะไรบางอย่างที่ดุนดันอยู่ที่รอยแยก ผมจะขยับหนีแต่เอวถูกล็อกเอาไว้ไม่ให้ขยับ
พี่ลุกซ์จับมือผมไปทาบทับส่วนกลางของร่างกายตัวเองแล้วดึงนิ้วออกเพื่อเปลี่ยนมารูดรั้งร่างกายผมบ้าง ผมถูกพลิกให้หันกลับมาหาพี่ลุกซ์อีกครั้ง สายตาที่แสดงถึงความต้องการของพี่ลุกซ์ทำให้ผมต้องหนีความอายโดยการคุกเข่าใช้ปากให้กับพี่มันเพื่อไม่ต้องสบตา ไม่รู้ว่าหนีความอายหรือทำให้อายมากกว่าเดิมกันแน่
“อึ่ก” พี่ลุกซ์เอามือยันหนังแล้วโยกเอวเข้ามาในปากผมด้วยจังหวะเน้นๆ ก่อนที่ของร้อนในปากผมจะกระตุกนิดๆ พี่ลุกซ์รีบดึงออกแล้วดึงผมให้ลุกขึ้นยืน ผมผวาเข้าไปในอ้อมแขนแกร่งก่อนจะถูกอุ้มขึ้นโดยให้ขาทั้งสองข้างเกี่ยวเอวพี่ลุกซ์เอาไว้ ผมกอดคอพี่ลุกซ์เพื่อยึดตัวเองเอาไว้พลางก้มหน้ามุดไหล่หนา
สวบ!
“อ๊ะ...อา!” ผมครางเสียงขาดๆ หายๆ ด้วยความจุกเมื่อส่วนกลางร่างกายของพี่ลุกซ์แทรกเข้ามาในร่างกายของผม โชคดีที่มีสบู่ช่วยหล่อลื่นไม่อยากนั้นผมกระอักแน่ ห่างไปหลายปีขนาดมันไม่ลดบ้างหรือไงวะ
“ซี้ดดด” เสียงพี่ลุกซ์สูดปากเมื่อผมกัดไหล่พี่มันระบายความอึดอัดอีกทั้งผมยังรู้สึกได้ว่าตัวเองเกร็งจนบีบรัดของร้อนในกายแน่น
พี่ลุกซ์ประคองเอวผมแล้วขยับเข้าออก น้ำตาผมซึมด้วยความเจ็บ ทั้งกัดทั้งจิกไหล่และหลังพี่ลุกซ์จนเนื้อของพี่มันติดซอกเล็บมาด้วย อยากจะสงสารอยู่หรอกแต่อารมณ์แบบนี้มันห้ามตัวเองไม่อยู่จริงๆ
“อ๊าก!” ผมที่กัดไหล่พี่ลุกซ์ครางรอดออกมาเมื่อพี่มันทั้งขยับเอวตัวเองและจับเอวผมขยับทำให้การกระแทกเข้ามาหนักขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งไอ้นั่นของผมยังเสียดสีกับหน้าท้องของพี่ลุกซ์อีก ความสยิวนี้ทำเอาผมขนลุกจนแทบจะไปเสียให้ได้
“ไม่ไหวแล้วเปอร์” พี่ลุกซ์ปล่อยผมลงแล้วพลิกตัวผมให้หันหลังจากนั้นก็กระหน่ำเข้ามาจนตัวผมกระแทกกับผนัง ทั้งเจ็บทั้งหวิวแต่ก็รู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกัน
“อ๊ะ พี่ลุกซ์ อื้อ พี่ลุกซ์ครับ...พี่ลุกซ์...” ผมตะปบผนังเอาไว้พลางครางเรียกชื่อพี่ลุกซ์ไม่หยุด ยิ่งได้ยินแบบนั้นพี่ลุกซ์ยิ่งใส่แรงเข้ามาเรื่อยๆ อย่างฉุดไม่อยู่ มือหนาทั้งกดทั้งบีบบั้นเอวจนแสบสะท้าน ผมนี่แทบทรุดแต่ก็พยายามยืนเอาไว้เพื่อไม่ให้มันขาดช่วง
ขณะที่อารมณ์ผมพุ่งสูงพี่ลุกซ์ก็ถอนกายออกแล้วหิ้วผมออกจากห้องน้ำทั้งๆ ที่ยังล้างตัวไม่สะอาด พี่มันนั่งลงที่โซฟาแล้วดึงผมให้ขึ้นไปคร่อม ผมกัดริมฝีปากมองหน้าพี่มันอย่างเขินๆ ก่อนจะหลบตาแล้วจับส่วนกลางของร่างกายพี่มันให้ตั้งตรงแล้วทิ้งตัวลงไป
“ดีมาก” พี่ลุกซ์ลูบแผ่นหลังลื่นๆ ของผมเบาๆ พลางกระซิบเมื่อผมขยับเอวขึ้นลงอย่างรู้งาน เขาขยับให้ก็จุก ขยับเองก็จุกเหมือนกันแฮะ แต่จะหยุดก็ไม่ได้อีกแหละ
“อื้ออออ” ผมครางเสียงกระเส่าพลางขยับตัวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นอีกเมื่อรู้สึกว่าอะไรบางอย่างกำลังจะพุ่งออกจากตัว
“เปอร์...เปอร์” พี่ลุกซ์เรียกชื่อผมเสียงแหบพร่า หน้าซุกลงมาที่ไหล่ของผมพร้อมกับกอดรัดตัวผมเอาไว้แน่นด้วยความเกร็ง ผมจิกไหล่พี่ลุกซ์แรงขึ้นอีก ตอนนี้ต่างคนก็ต่างเกร็งเพราะกำลังจะไปกันทั้งคู่
“อ๊า!” ผมครางออกมาขณะปลดปล่อย จังหวะเดียวกัน บางอย่างในร่างกายของผมก็กระตุกแล้วน้ำอุ่นๆ ก็ฉีดพ่นเข้ามาในร่างกาย
เมื่อปล่อยออกมาจนสุดผมก็แทบจะลงไปนอนแผ่ที่พื้น พี่ลุกซ์ล้มตัวลงนอนบนโซฟาแล้วดึงผมให้นอนทับ จังหวะนั้นอะไรๆ ของพี่ลุกซ์ก็หลุดออกไปพร้อมกับของเหลวบางส่วน
“อีกรอบได้ไหม?” พี่ลุกซ์ถาม ผมเม้มปากแล้วพยักหน้า เมื่อได้คำตอบพี่ลุกซ์ก็อุ้มผมไปที่เตียงแล้วจัดการจนกว่าจะพอใจ เที่ยงคืนนู่นแหละครับกว่าจะได้นอน
เฮ้อ จะไปทำงานไหวไหมเนี่ย? แค่จะไปอาบน้ำอีกรอบยังแทบทรุดเลย ให้ตายเถอะ
30% left
++++++++++++++++++++++++ มาแล้วๆๆ ในที่สุดก็สอบมิดเทอมเสร็จ และไฟนอลก็กำลังมา สอบทั้งปีเลยให้ตายยยยย!
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ