[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  236.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

35) Chapter 35 : คนหื่นดูแลคนป่วย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 35 : คนหื่นดูแลคนป่วย

พี่ลุกซ์พาผมมาที่บ้านเพราะคอนโดปล่อยร้างไว้ยังไม่ได้เข้าไปจัดการ  ตอนนี้ที่บ้านก็เงียบมาก  เห็นพี่ลุกซ์บอกว่าคุณพ่อต้องไปช่วยงานพี่ลุกซ์ที่บริษัทก็เลยเหนื่อยทำให้นอนเร็วกว่าปกติทุกวัน  ส่วนคุณแม่ก็เลี้ยงน้องปิงจนเหนื่อยเหมือนกัน  น้องไลลาก็คงนอนไปแล้ว

พอมาถึงที่ห้อง ผมก็เข้าไปอาบน้ำโดยสวมชุดนอนตัวโคร่งของพี่ลุกซ์เพราะผมไม่เคยเอาชุดมาทิ้งไว้ที่นี่เลย  ถึงเมื่อก่อนจะเคยมาค้างก็เถอะนะ

“เฮ้ย ทำไมใส่ชุดซะมิดชิดอย่างงั้นวะ?” พี่ลุกซ์ที่เข้าไปอาบน้ำต่อจากผมเดินเปลือยท่อนบนพลางเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ

“อยู่กับคนหื่นก็ต้องป้องกันตัวสิครับ” ผมกระชับเสื้อพลางขยับไปชิดหัวเตียงด้วยท่าทางหวงเนื้อหวงตัว  ผมไม่พร้อมทำหรอกนะ  

“นี่มึงกะไม่ให้กูทำจริงๆ เหรอ?” พี่ลุกซ์ทำตาละห้อยถาม  น่ารักจัง

“ผมยังไม่พร้อมอ่ะ  รอก่อนได้ไหม?” ผมบีบตาอ้อนวอนขอร้อง

“เปอร์ กูแก่แล้วนะ  คิดว่ากูจะมีอารมณ์แบบนี้ไปได้อีกซักกี่ปี?” พี่ลุกซ์เริ่มโวยวายกระเง้ากระงอด  แม้จะไม่ได้แสดงท่าทางเป็นเด็กก็เหอะแต่ผมก็พอจะรับรู้ได้  ก็พี่ลุกซ์ไม่เคยเป็นแบบนี้นี่ครับ  เมื่อก่อนถ้าอยากกดไม่ต้องรอขอผมหรอก  จับกดลูกเดียว

“นั่นสินะ  คนหื่นๆ น่ะเดี๋ยวแก่ไปก็คงไม่มีน้ำยาเพราะฝ่อก่อนวัยอันควร” ผมพูดจิกกัดนิดๆ  แต่อย่างพี่ลุกซ์ผมว่าคงคึกคักไปจนถึงอายุแปดสิบนู่นแหละ

“อ้าว พูดแบบนี้ได้ไงวะ?” พี่ลุกซ์โยนผ้าเช็ดผมทิ้งลงบนพื้นก่อนจะเดินมาคร่อมตัวผมไว้แล้วมุดหน้ามาหอมผมขณะที่ผมกำลังหดคอหนีพลางดึงผ้าห่มมากอดเอาไว้

“พี่ลุกซ์ ทำไมชอบลวนลามอยู่เรื่อยเลย?” ผมมุดหน้าลงบนผ้าห่มที่เอามากอดไว้พลางถามเสียงอ่อน

“ถ้ากูไม่รักกูไม่ลวนลามหรอกนะ” พี่ลุกซ์กระซิบเบาๆ พลางยื่นหน้าจูบปากผมผ่านผ้าห่มที่ผมเอาขึ้นมาปิด

“ผมรู้สึกแปลกๆ นะที่พี่มาบอกรักผมแบบนี้  ปกติเอาแต่อมพะนำ  ไม่ยอมพูดซักที” ผมดันหน้าพี่ลุกซ์ออกแล้วมุดหนีจากกรงเพื่อขยับไปนั่งอยู่ตรงกลางเตียงซึ่งนั่นก็ทำให้พี่ลุกซ์ขยับตามมากดผมนอนลงแล้วนอนทับทำให้ร่างของเราแนบชิดติดกันไปแทบทุกส่วน

“เพราะกูไม่ยอมพูดไม่ใช่เหรอมึงถึงต้องเจ็บปวด  กูคิดเอาไว้ตั้งนานแล้วว่ากูจะบอกรักมึงทุกวัน  บอกก่อนนอนและตอนตื่น  บอกจนกว่ามึงจะบอกว่าเบื่อเลยล่ะ” พี่ลุกซ์ผงกหัวขึ้นไปพลางลูบแก้มผมเบาๆ ด้วยนิ้วหัวแม่มือ

“ผมไม่เบื่อหรอกครับ  แต่เขินนิดหน่อย” ผมพูดพลางหลบตาเพราะเขินจัด  ปากก็บอกว่าเขินนิดหน่อยแต่จริงๆ นี่เขินจนกำมือแน่นเลย

“กูรักมึง” พี่ลุกซ์พูดยิ้มๆ พลางเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้โดยเอียงหน้าเข้ามาให้ลงล็อกจนกระทั่งริมฝีปากเราชิดกัน “กูรักมึง” พี่ลุกซ์บอกอีกครั้งก่อนจะแนบริมฝีปากลงมาบนริมฝีปากของผม  ริมฝีปากเราประสานกันก่อนที่ต่างคนจะต่างดูดริมฝีปากของอีกฝ่ายเบาๆ จนมีเสียงดังรอดออกมา

พี่ลุกซ์ผละออกไปก่อนจะมองหน้าผมด้วยสีหน้าต้องการพลางทำท่าเหมือนรออะไรซักอย่าง  ผมนึกได้ก่อนจะสอดมือเข้าไปประคองหน้าพี่ลุกซ์เอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

“ผมก็รักพี่นะครับ” ผมบอกพลางยิ้มจนตาหยี

“เปอร์ ไอ้นั่นมันบวมขึ้นมาแล้วนะเว้ย  กูไม่ไหวแล้ว” พี่ลุกซ์บอกก่อนจะแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยท่าทางหื่นๆ  ผมเม้มปากนิดๆ ก่อนจะหลบตา  ผมยังไม่อยากทำเลย  ยังไม่พร้อมจริงๆ  ครั้งล่าสุดที่ทำไปผมรู้สึกเข็ดแบบแปลกๆ  ก็คนมันไม่ได้ทำมากนานหลายปีนี่หว่า  อย่างกับว่าเพิ่งโดนเปิดซิงยังไงยังงั้น

“พี่ลุกซ์อ่า ให้ผมใช้มือหรือปากแทนก่อนได้ไหม?” ผมดันพี่ลุกซ์ออกพลางรีบคลานลงจากเตียง

“เปอร์!! ที่มึงไม่อยากทำกับกูเพราะมึงแอบไปมีคนอื่นแล้วกลัวกูรู้ใช่ไหม!?!” พี่ลุกซ์ลุกขึ้น คลานลงจากเตียงก่อนจะตะคอกใส่เสียงดังจนผมต้องรีบหันไปมองพี่มันด้วยสายตาไม่เข้าใจทันที  ปากอย่างนี้นี่เลิกไม่ได้เลยรึไงนะ? คิดว่าจะเลิกนิสัยชอบคิดว่าผมมีคนอื่นได้แล้วซะอีก  นี่เขารู้จักผมจริงๆ หรือเปล่า?

“พี่ลุกซ์! พาลใหญ่แล้วนะ!” ผมตะคอกกลับ

“งั้นมาให้กูตรวจดูหน่อย  ว่าร่างกายของมึงยังเป็นของกูคนเดียวอยู่” พี่ลุกซ์ที่เข้าโหมดดาร์กย่างสามขุมเข้ามาคว้าข้อมือผมเอาไว้แล้วเหวี่ยงไปที่เตียง  ยังไม่ทันที่จะลุกหนีพี่ลุกซ์ก็ตามมาคร่อมตัวผมไว้พลางรวบข้อมือผมขึ้นไปตรึงไว้เหนือหัว

“พี่ลุกซ์  ผมเจ็บ!” ผมบอกเพราะรู้สึกตึงๆ ที่แผล  พี่ลุกซ์ดูตกใจเล็กน้อยก่อนจะทำหน้าดุดันเหมือนเดิมจนผมใจหาย  ขนาดบอกว่าเจ็บแผลยังไม่สงสารกันบ้างเลย

“เฮ้อ” พี่ลุกซ์จ้องตาผมอย่างดุดันไปสักพักก่อนจะกรอกตาไปมาแล้วถอนหายใจพลางขยับออกไปแล้วนั่งหันหลังให้ผม “กูไม่อยากทำร้ายมึง  กูทำมามากเกินพอแล้ว” พี่ลุกซ์เสยผมแล้วลูบหน้าของตัวเองหนึ่งพรืด

ผมลุกขึ้นนั่งก่อนจะค่อยๆ ขยับไปนั่งเอนตัวพิงแผ่นหลังกว้างพลางสอดแขนเข้าไปกอดรัดเอวพี่ลุกซ์เอาไว้

“กูไปเข้าห้องน้ำก่อน” พี่ลุกซ์แกะมือผมออกก่อนจะลุกขึ้นยืนเพื่อเดินไปเข้าห้องน้ำ

“ผมขอโทษ  ตอนนี้ผมไม่พร้อมจริงๆ” ผมนั่งคุกเข่าก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด  ผมไม่มีอารมณ์ทำเรื่องลามกหรอก  ผมแค่อยากกอดอยากอ้อนโดยไม่ต้องเจ็บก้นนี่หว่า  ที่สำคัญคือแผลผมฉีกแน่เพราะถ้าพี่ลุกซ์ได้ทำซักทีแล้วจะรุนแรงมาก

“ไม่เป็นไร กูเข้าใจ” พี่ลุกซ์หันมาหาผมก่อนจะก้มลงมาหอมที่ขมับเบาๆ แล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำทันที

ผมมองตามตาละห้อยก่อนจะเบ้ปากนิดๆ อย่างรู้สึกผิด  ยิ่งพี่ลุกซ์อ่อนโยน ผมยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่  เอาไว้แผลหายเมื่อไหร่จะยอมให้ตั้งแต่เที่ยงวันยันเที่ยงคืนเลยละกัน

 

พอพี่ลุกซ์ออกมาจากห้องน้ำพี่มันก็เดินมานอนตะแคงข้างหันหลังให้ผม  ผมที่นอนเล่นโทรศัพท์อยู่หันไปมองนิดๆ แล้ววางโทรศัพท์ก่อนจะขยับไปสวมกอดพี่ลุกซ์เอาไว้โดยมุดหน้าลงไปที่ไหล่กว้างอย่างออดอ้อน

“รักนะครับ” ผมพูดเสียงกระเง้ากระงอดเหมือนเด็กๆ เพื่ออ้อน  พี่ลุกซ์พลิกตัวกลับมาแล้วจูบปลายจมูกผมเบาๆ  ผมหลับตาปี๋ตอนถูกจูบเพราะตกใจเล็กน้อย  ยังไม่ค่อยชินนี่ครับ  เหมือนคนเพิ่งรักกันใหม่ยังไงก็ไม่รู้  หัวใจพองโตเลย

“กูรักมึง” พี่ลุกซ์สอดแขนมารองที่หัวผมแทนหมอนแล้วกอดกระชับจนตัวผมแทบจมหายไปในอ้อมกอด  ผมยิ้มอย่างตื้นตันพลางกอดพี่ลุกซ์แน่นอย่างมีความสุข

 

ผมตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้าเพราะตั้งใจจะลงไปทักทายคุณพ่อกับคุณแม่  พี่ลุกซ์ยังไม่ตื่นผมเองก็ไม่กล้าปลุกก็เลยค่อยๆ มุดออกจากอ้อมแขนพี่ลุกซ์แล้วหอมแก้มเบาๆ ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง

ในโถงเงียบมาก  เวลาแบบนี้คุณพ่อคงไปออกกำลังกายเบาๆ แถวๆ ยิมส่วนคุณแม่คงเข้าครัวล่ะมั้ง  พอคิดได้อย่างนั้นผมก็เดินไปที่ครัวทันทีแล้วก็พบกับคุณแม่และแม่ครัว

“อรุณสวัสดิ์ครับ” ผมเอ่ยทักออกไปทำให้คนที่อยู่ในครัวหันมามองผมด้วยสีหน้าตกใจ  เพียงชั่วครู่ความตกใจก่อนเปลี่ยนเป็นดีใจเพราะคุณแม่เดินเข้ากอดผมส่วนคุณแม่ครัวก็ยิ้มซะกว้าง

“เปอร์อยู่ที่นี่เหรอลูก?” คุณแม่ถามพลางมองผมอย่างสังเกตตามประสาผู้ใหญ่นั่นแหละครับ

“ครับ พ่อกับแม่ไม่ให้เข้าบ้านน่ะครับเพราะมีคนที่ไม่อยากให้ผมเจอไปที่บ้าน” ผมบอกยิ้มๆ

“มาอยู่ตลอดไปเลยก็ได้นะเปอร์  แม่อยากให้หนูมาอยู่กับแม่” คุณแม่บอก  ผมยิ้มนิดๆ

“ผมจะมาหาบ่อยๆ นะครับ” ผมหอมแก้มคุณแม่เบาๆ หนึ่งทีก่อนจะชะโงกหน้ามองเข้าไปในครัวอย่างสำรวจ  พอดีได้กลิ่นหอมๆ ของข้าวต้มน่ะครับ “ทำอะไรทานเหรอครับ?” ผมถามพลางเดินเข้าไปดู  ว้าว ข้าวต้มทะเลกับผัดผักบุ้ง

“แม่ทำเสร็จพอดีเลยลูก  เดี๋ยวพ่อเขาก็มากิน  ส่วนตาลุกซ์กับยัยไลลามากินสายๆ นู่นแหละ” คุณแม่บอกผมจึงหัวเราะขำๆ  สมัยผมเป็นนักศึกษาผมก็แทบไม่ค่อยได้ตื่นเช้าซักเท่าไหร่  เข้าใจความรู้สึกของน้องไลลาเลยแหละ

“น้องไลลาสบายดีนะครับ?” ผมถามเพราะช่วงนี้ไม่ได้เจอเลย  ผมก็ยุ่งๆ เลยไม่ได้มาหาซักที

“ก็เรื่อยๆ นะลูก  ไม่ค่อยได้นอนเท่าไหร่แม่เลยไม่ดุเรื่องที่ตื่นสาย  อีกสักพักแฟนเขาคงมารับไปเรียน” คุณแม่บอกยิ้มๆ  แฟนน้องไลลาที่ว่าก็ไอ้กรนั่นแหละครับ  ผมเพิ่งรู้ว่าน้องคบกันแล้ว  แต่ก็ดีแล้วล่ะครับ  ไอ้กรมันเป็นคนดีและให้เกียรติน้องไลลามาก  จีบมาตั้งนานโดยไม่ยอมถอยเลย

“แม่โอเคกับกรไหมครับ?” ผมถาม  อยากเชียร์น้อง  ผมรักไลลาเหมือนน้อง ถ้าจะให้คบกับใครก็อยากจะให้เป็นคนที่รู้จักกันดี

“ตอนแรกแม่ไม่โอเคเท่าไหร่หรอกเพราะตากรเป็นน้องตากีร์ กลัวจะเหมือนกัน ฮ่าๆ แต่ตากรน่ารักดีนะ  มาหาพ่อกับแม่ตลอดเลย  ไม่พาน้องออกนอกลู่นอกทางด้วย” แม่พูดอย่างชื่นชม

“ทำไมถึงกลัวเหมือนพี่กีร์ล่ะครับ? พี่กีร์ไม่ดีเหรอ? ฮ่าๆ” ผมถามอย่างขำขัน  ถ้าพี่กีร์มาได้ยินคงค้อนปะหลับปะเหลือกเลยทีเดียว  จริงๆ พี่กีร์เป็นคนน่ารักจะตาย  ให้เกียรติไอ้ตุลมากด้วย  เขารักกันได้น่าอิจฉาจะตาย

“ใครอยู่กลุ่มเดียวกับตาลุกซ์แม่เหมารวมหมดแหละ ฮ่าๆๆ พูดเล่นๆ ตากีร์ก็น่ารัก นิสัยดี  จริงๆ กรก็เหมือนกีร์นะ  ขี้เล่นแล้วก็จริงใจดี  ที่สำคัญคือไม่เคยชวนไลลาไปเที่ยวกลางคืนเลย  ถึงเวลากลับก็มาส่งตรงเวลาตลอด” ท่าทางคุณแม่จะปลื้มใจกับว่าที่ลูกเขยไม่เบา  ดีแล้วล่ะครับ  จะได้ไม่ต้องเชียร์ให้เมื่อย

“กรมันน่ารักมากครับแม่  ขนาดไม่ค่อยมีเวลายังมาคอยดูแลน้องไลลาเลย” ผมบอก  ลำพังเรียนก็หนักจะตายอยู่แล้วยังต้องมาคอยดูแลแฟน  ไม่รู้ไอ้กรมันแบ่งเวลายังไง

จริงๆ แล้วก่อนที่ผมจะลาออกจากมหาลัยผมสอนหมอนั่นมาก่อนครับ  มันเจริญรอยตามพี่ชายน่ะครับ  สงสัยอยากมาทำงานที่บริษัทเพื่อให้พี่ลุกซ์กับพี่ลันยอมรับ  อันที่จริงผมได้ทุนต่อปริญญาเอกและจะได้เป็นอาจารย์ประจำอยู่ที่มหาลัยนะแต่พี่ถังดึงตัวผมออกมาซะก่อน  จ่ายค่าเสียหายไปหลายแสนเลยทีเดียว

“แต่มีปัญหาอย่างหนึ่งที่ไลลาชอบมาบ่นให้แม่ฟังคือกรเป็นคนหน้าตาดี  ชอบมีผู้หญิงเข้าหาตลอด  ไลลาก็อดกังวลไม่ได้” แม่พูดพลางทำหน้าเศร้าๆ เหมือนกับกำลังสงสารลูกสาว

“ไม่ต้องกังวลนะครับแม่  กรมันรักจริง  อยู่มหาลัยก็เอาแต่เรียนและทำกิจกรรม  ไม่ได้สนใจใครหรอกครับ  ผมรับรองได้” ผมบอก  ช่วงที่ยังเป็นอาจารย์อยู่ไอ้กรมันอยู่ในสายตาผมด้วยแหละ  ไม่ได้จะสังเกต จับผิดอะไรหรอกแต่พอดีว่าผมต้องคอยเป็นที่ปรึกษาเรื่องเรียนให้

“ดีแล้วล่ะจ้ะ...”

“เปอร์! เปอร์!” แม่ยังพูดไม่ทันจบเสียงเข้มๆ ที่ตะโกนเรียกชื่อผมก็ดังขึ้นอยู่หลายครั้งและค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเจ้าของเสียงเดินมาแถวๆ ห้องครัว

“เรียกหาใหญ่เลยนะเจ้าลูกชายตัวดี  กลัวน้องหนีไปเหรอจ๊ะ?” คุณแม่แซวทันทีที่พี่ลุกซ์โผล่หน้าเข้ามาในครัว  พี่มันยังดูเหมือนคนไม่ตื่นเลยครับ  ตลกดีเหมือนกัน ฮ่าๆ

ฟึ่บ!

“เฮ้ย” ผมอุทานออกมาเบาๆ เมื่อพี่ลุกซ์เดินมาสวมกอดผมเอาไว้  ผมเบิกตากว้าง ยืนนิ่งอย่างตกใจบวกกับอายคนอื่นๆ ด้วย “เป็นอะไรไปครับ?” ผมถามเสียงเบาพลางจับเสื้อบริเวณเอวของพี่ลุกซ์แล้วดันออกแต่พี่มันโถมตัวเข้ามาจนผมดันออกไม่ไหว

“นึกว่าหนี” พี่ลุกซ์พูดเสียงงัวเงีย  ช่วงนี้พี่ลุกซ์เป็นอะไรไปเนี่ย? อ้อนตอนงัวเงียตลอดเลย  ผมไม่ชินนะเนี่ย

“ชอบทำตัวให้น้องอยากหนีล่ะสิถึงกลัวขนาดนี้  โถ เจ้าลูกชาย” คุณแม่พูดจิกกัดอย่างไม่จริงจังนักทำเอาผมกับคุณแม่ครัวหัวเราะนิดๆ

“เดี๋ยวผมพาไปนอนต่อก่อนนะครับ  ยังพอมีเวลา” ผมบอกพลางผละออกจากพี่ลุกซ์แล้วจูงมือพี่มันขึ้นไปที่ห้อง

พอมาถึงห้องพี่ลุกซ์ก็ล้มลงนอนคว่ำหน้าบนเตียง  ผมมองอย่างขำๆ แล้วไปนั่งอยู่ใกล้ๆ  เมื่อรู้ว่าผมนั่งใกล้ พี่ลุกซ์ก็ขยับมาใช้ตักผมแทนหมอน  ผมสางผมพี่มันอย่างเบามือเพื่อให้รู้สึกสบาย

“ผมไม่หนีไปไหนแล้วล่ะครับ” ผมก้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างหูพี่ลุกซ์เบาๆ  พี่มันไม่ตอบกลับหรือตอบโต้อะไรผมจึงได้แต่ยิ้มนิดๆ เพราะตลกตัวเองที่กะจะซึ้งแต่ดันมาซึ้งตอนพี่มันหลับไปแล้วซะงั้น




47.059% left




พี่ลุกซ์ไปทำงานแล้วแต่ผมยังไม่กลับบ้านเพราะแม่บอกว่าคุณชนะจะเข้ามาอีกโดยอ้างเรื่องจะเข้ามาคุยกับพ่อเรื่องต้นไม้  วันนี้ผมก็เลยอยู่ช่วยคุณแม่เลี้ยงน้องปิง

“ยัยเปรียวจะพาลูกไปอเมริกาแล้วนะเปอร์” คุณแม่พูดขณะที่ผมกำลังให้น้องปิงขี่คอ

“จริงเหรอครับ?” พอได้ยินแบบนั้นผมก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาทันที  ถึงผมจะไม่ค่อยได้ใกล้ชิดกับน้องปิงมากมายอะไรแต่ผมก็รู้สึกผูกพันเพราะอย่างน้อยน้องปิงก็มีสายเลือดของคนที่ผมรักมากอยู่  ไม่อยากให้น้องปิงไปไหนเลยแฮะ

“ตอนนี้เปรียวเตรียมขายหุ้นให้ลุกซ์และพาลูกๆ ไปอยู่ที่บ้านแฟน  แม่คงเหงาแย่เลย  ตอนนี้ตาปิงเป็นสมาชิกครอบครัวคนหนึ่งของเราไปแล้ว"”คุณแม่ทำหน้าเหงาๆ จนผมอดเห็นใจไม่ได้  ก็คุณแม่เป็นคนที่เลี้ยงดูน้องปิงมาโดยตลอดนี่นา

“แกรนด์มา น้องปิงรักแกรนด์มานะ” น้องปิงที่ตอนแรกเล่นเฮฮาอยู่บนคอของผมเงียบและนิ่งไปก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบเด็กๆ  ผมอุ้มน้องปิงลงมาจากคอแล้วกอดเอาไว้แนบกาย  ทำไมเด็กคนนี้ถึงน่ารักแบบนี้นะ  รักเข้าแล้วนะเนี่ย

“โธ่ลูก มาหาย่ามาลูกมา” คุณแม่เม้มปาก ตาแดงก่ำก่อนจะอ้าแขนออกเพื่ออุ้มน้องปิง  ผมส่งน้องปิงให้คุณแม่แล้วมองภาพคุณย่ากับหลานชายอย่างตื้นตัน  ขณะที่กำลังกอดน้องปิงอยู่คุณแม่ก็ร้องไห้ซะแล้วผมจึงเดินเข้าไปสวมกอดคุณแม่ทับอีกชั้น “แม่ไม่อยากให้น้องปิงไปไหนเลย  แม่อยากให้น้องปิงอยู่กับแม่” คุณแม่ซบหน้าลงบนไหล่ผมทั้งๆ ที่ยังอุ้มน้องปิงอยู่พลางสะอื้นจนน่าสงสาร

“แกรนด์มา ปิงจะไม่ไปไหนคับ” น้องปิงร้องไห้ ตัวสั่นเทิ้มจนผมรู้สึกได้  ให้ตายเถอะ ผมจะร้องตามแล้วนะเนี่ย

“น้องปิงครับ ถ้าหนูต้องไปอยู่ที่ไกลๆ ที่ไม่มีคุณย่า หนูอย่าร้องไห้นะครับ” ผมผละออกจากคุณแม่พร้อมกับที่คุณแม่วางน้องปิงลงพื้นแล้วคุกเข่านั่งลงที่พื้นให้ระดับตัวใกล้เคียงกับน้องปิง

“ไม่เอา น้องปิงจะอยู่กับแกรนด์มา” น้องปิงงอแงส่ายหน้าไปมาพลางเข้าไปกอดคอของคุณแม่แน่นไม่ยอมปล่อย  คุณแม่เม้มปากแน่นพลางกอดน้องปิงแนบกาย  ผมเงยหน้ากรอกตามองฟ้าเพราะรู้สึกตื้นตันจนน้ำตาจะไหล

น้องปิงร้องไห้จนเพลียหลับส่วนคุณแม่ก็ดูเพลียๆ ผมจึงช่วยอุ้มน้องปิงขึ้นไปนอนที่ห้อง  คุณแม่เองก็ไปนอนกอดน้องปิงเอาไว้  ผมได้แต่ช่วยห่มผ้าและปรับอุณหภูมิห้องให้แล้วออกจากห้องนอนของคุณแม่ไป

 

ตกเย็น พี่ลุกซ์ก็กลับมาพร้อมกับพี่ภีร์  ผมแปลกใจไม่น้อยที่เห็นพี่ภีร์มากับพี่ลุกซ์แบบนี้  ปกติไม่เห็นจะเคยมาบ้านกันเลยเพราะส่วนมากมักจะนัดกันออกไป

“ไปไงมาไงพี่?” ผมทักทายพี่ภีร์อย่างเป็นกันเอง

“พี่อยากมาหาเปอร์น่ะ” พี่ภีร์ยิ้มนิดๆ

“แน่ะ” ผมมองพี่ภีร์อย่างเจ้าเล่ห์และกวนตีน

“ช่วงนี้พี่รู้สึกแย่ๆ ว่ะ  พี่เลยอยากมาคุยกับเปอร์ซักหน่อย  มันอาจจะดีขึ้นก็ได้” พี่ภีร์บอก  ผมหุบยิ้มไปนิดๆ ก่อนจะเดินไปโอบไหล่พี่ภีร์เอาไว้  ผมว่าพี่ภีร์คงจะยังลืมเรื่องที่ทำร้ายผมไม่ได้ก็เลยอยากมาคุยให้สบายใจล่ะมั้ง

“ผัวเก่ามาตามจีบเลยสับสนทางเพศนิดหน่อย” พี่ลุกซ์บอกด้วยท่าทางห่ามๆ จนถูกพี่ภีร์ถีบเข้าให้

“หมายความว่าไงครับ?” ผมขมวดคิ้วมองหน้าพี่ภีร์อย่างสงสัยกับคำว่าผัวเก่า

“พี่เลิกกับพี่อัตแล้ว  เราจบกันไม่ดีซักเท่าไหร่  พอห่างกันไปซักพักพี่อัตก็กลับมา  ทำเหมือนเราไม่รู้จักกันแล้วตามจีบพี่น่ะ  พี่แม่งสับสนโคตร” พี่ภีร์หน้าหม่นลงพร้อมกับขมวดคิ้วด้วยท่าทางเครียดๆ

“ติดใจข้างหลังล่ะสิมึง” พี่ลุกซ์พูดสวนขึ้นมาจนพี่ภีร์เดือดปุดๆ 

“เอ๊ะ มึงนี่ยังไงวะ? ชักจะเหมือนไอ้เคย์เข้าไปทุกวัน  ถ้าอยากรู้ว่ามันเป็นยังไงลองเองไหม?” พี่ภีร์หันไปพูดกับพี่ลุกซ์ด้วยท่าทางเหวี่ยงๆ  แต่ถึงอย่างนั้นผมก็อดขำไม่ได้

“โทษที กูครางอย่างพวกมึงไม่ได้ ฮึๆ” พี่ลุกซ์กอดอกแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์  จากที่กำลังกลั้นขำอยู่ผมถึงกับเขินไปเลยทีเดียว  สายตาที่พี่ลุกซ์มองผมเมื่อกี้กูดูหื่นๆ จนผมต้องรีบหลบสายตา

“รู้ได้ไงว่ากูครางเสียงยังไง? เคยได้ยินรึไง? แล้วมึงรู้ได้ไงว่ามึงครางไม่ได้  ลองดูมะ?” พี่ภีร์ดูยังจะเดือดไม่หยุด  ส่วนพี่ลุกซ์นี่ก็ยั่วโมโหเขาอยู่ได้

“ไม่ลองโว้ย กูชอบฟัง ไม่ชอบครางเอง ฮึๆ” โอ๊ย ให้ตายเถอะ ขนาดแค่แอบชำเลืองมองหน้าพี่ลุกซ์ผมยังเขินได้อีก  ชอบทำหน้าเจ้าเล่ห์ให้ผมขนลุกเล่นๆ ตลอดเลย

“ยิ่งแก่ยิ่งหื่นนะมึง  ระวังหื่นมากๆ แก่ตัวไปจะไม่มีน้ำยานะโว้ย” พี่ภีร์ว่า ผมรีบพยักหน้าเห็นด้วยอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องห่วง น้ำกูเยอะ”

“ไอ้ห่า! ไปไกลๆ เลยไป กูจะคุยกับน้อง” พี่ภีร์โบกมือไล่แต่แทนที่พี่ลุกซ์จะไปกลับเดินมานั่งข้างผมแล้วโอบเอวเอาไว้จนผมต้องรีบดึงมือออกพี่มันถึงวาดวงแขนมาวางพาดพนักพิงที่ผมกำลังพิงอยู่

“พี่ลุกซ์ นั่งเงียบๆ นะ  อย่าพูดจากวนประสาทอีกล่ะ” ผมหันไปชี้หน้าเตือนพี่ลุกซ์พี่มันจึงยักคิ้วเป็นเชิงรับปาก

“หมดอารมณ์สับสนแล้วโว้ย! ไม่คุยเรื่องนี้ละ  คุยเรื่องทั่วไปละกัน” พี่ภีร์โวยวายแล้วชวนคุยเรื่องอื่นๆ และหาเรื่องเม้าธ์พี่ลุกซ์เพื่อให้พี่ลุกซ์เดือดร้อนไปเรื่อยซึ่งผมก็ฟังไปและหยิกพี่ลุกซ์เป็นระยะๆ โดยที่พี่มันหาข้ออ้างมาแก้ตัวอยู่ตลอด

เราคุยกันเล่นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงเวลาอาหารเย็น  พี่ภีร์อยู่กินด้วยแล้วก็กลับบ้านไป  ผมเองก็รู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้พี่ลุกซ์ก็เลยให้ผมขึ้นไปนอนพักส่วนตัวเองก็ไปคุยงานกับคุณพ่อที่ห้องทำงาน

 

ผมว่าที่ผมครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะไปเล่นกีฬาเมื่อวานแล้วแผลมันเปิดแน่เลย  ไม่น่าคึกคะนองเกินไปเลยแฮะเรา  พิษแผลทำผมไข้ขึ้นซะแล้ว  จะหายทันวันไปทำงานไหมเนี่ย? แล้วถ้าพรุ่งนี้ต้องกลับบ้านทั้งๆ ที่เป็นไข้พ่อจะด่าพี่ลุกซ์หรือเปล่าก็ไม่รู้

 

“ฮือออออ” ผมครางนิดๆ เมื่อรู้สึกเย็นๆ ที่หน้าผากขณะที่กำลังนอนอยู่  ใครมากวนผมวะเนี่ย คนยิ่งรู้สึกไม่ค่อยดีอยู่ด้วย

“เป็นไงบ้าง  ตัวร้อนๆ นะ” เสียงอ่อนโยนดังขึ้นพร้อมกับที่มือเย็นๆ เลื่อนแตะไปทั่วใบหน้าของผม

“พี่ลุกซ์เหรอ? คุยงานเสร็จแล้วเหรอครับ?” ผมถามงัวเงียพลางลืมตาปรือๆ อย่างยากลำบาก  รู้สึกว่าเปลือกตามันหนักกว่าปกติแฮะ

“อืม นอนต่อเถอะนะ” พี่ลุกซ์หอมหน้าผากของผมเบาๆ ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วกอดผมเอาไว้

“อือ” ผมดันอกพี่ลุกซ์ออกอย่างอ่อนแรง  ไม่อยากให้พี่มันมานอนกอด  กลัวจะติดไข้เอา “เดี๋ยวติดไข้นะ แค่กๆ” ผมบอกเสียงแผ่วพลางไอแห้งๆ ออกมา

“ไม่เป็นไรหรอก” พี่ลุกซ์ขืนตัวไม่ให้โดนผลักออกแล้วจุ๊บที่ปากผมเบาๆ  แค่ออกแรงนิดหน่อยผมก็เพลียแล้วจึงไม่พยายามดันพี่มันออกอีก

“ฟืดดด หายใจไม่ออก แค่ก” ผมสูดลมหายใจเข้าแรงๆ เมื่อรู้สึกหายใจไม่สะดวก

“ขยับขึ้นนั่งก่อนนะเดี๋ยวกูไม่เอายามาให้” พี่ลุกซ์ประคองผมไปนั่งพิงหัวเตียงก่อนจะทำท่าลุกออกจากเตียงแต่ผมดึงชายเสื้อพี่มันเอาไว้ “จะไปเอายามาให้กิน” พี่ลุกซ์บอกเมื่อเห็นว่าผมไม่ยอมให้พี่มันไปไหน

“ไม่อยากให้ไป” ผมขมวดคิ้วเบ้หน้าเหมือนจะร้องไห้  ผมอยากให้พี่มันนั่งกอดผมเอาไว้จนกว่าจะหลับ  ไม่อยากกินยา ไม่อยากให้พี่มันไปไหน

“งั้นขยับมานี่มา” พี่ลุกซ์ขยับมานั่งข้างผมแล้วดึงผมไปนั่งซบไหล่ตัวเองแล้วกอดผมเอาไว้จนตัวผมแทบจมหายเข้าไปในอ้อมแขน

“อย่าไปไหนนะ” ผมพูดเสียงแหบแห้งอย่างอ่อนแรงค่อยจะค่อยๆ จมสู่ห้วงนิทราโดยมีริมฝีปากอุ่นค่อยจูบซับที่หน้าผากเพื่อปลอบโยนผมตลอดเวลา

ผมรักผู้ชายคนนี้จัง

 

ตื่นขึ้นมาอีกทีผมก็อยู่ในท่านอนอยู่บนที่นอนดีๆ ซะแล้ว  ส่วนคนที่กอดผมไว้ทั้งคืนไม่รู้ว่าไปไหน  แต่คงไม่แปลกหรอกเพราะนี่ก็แปดโมงเข้าไปแล้ว  คงกำลังเตรียมตัวไปทำงานล่ะมั้ง  ส่วนผมตอนนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ  อาจจะมีตัวรุมๆ และเจ็บคออยู่บ้างแต่ไม่มีอาการนอยด์กระจายเหมือนเมื่อคืนแล้วล่ะ  ผมพอจะจำได้อยู่บ้างว่าเมื่อคืนผมเอาแต่ใจพอสมควร

ผมขยับลุกขึ้นนั่งก่อนจะหลับตาเอาไว้เพราะรู้สึกมึนๆ  เมื่อรู้สึกว่าไม่ไหวผมจึงค่อยๆ ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง  ปวดหัวหนึบเลย  ปวดแผลด้วย

ไปหายากินดีกว่า

คิดได้ดังนั้นผมก็ลากสังขารลงจากเตียงเพื่อลงไปขอยาจากแม่บ้านข้างล่าง  แต่เพราะหน้ามืดและปวดที่แผลผมจึงงอตัวกุมแผลเอาไว้แล้วล้มลงไปฟุบที่พื้น

“เปอร์!” อาจจะเพราะเสียงล้มของผมมันดังไปหน่อยเลยทำให้พี่ลุกซ์วิ่งออกมาจากห้องน้ำโดยพันผ้าเช็ดตัวเอาไว้ที่ช่วงล่างพร้อมกับตัวที่ยังเปียกโชก “มึงเป็นอะไร?” พี่ลุกซ์ถามอย่างตกใจพลางอุ้มผมขึ้นไปวางไว้ที่เตียงเหมือนเคย

“ปวดหัว ปวดแผลด้วยเลยว่าจะไปหายากิน” ผมบอกเสียงแหบโดยไม่ลืมตาเพราะรู้สึกปวดหนึบๆ ที่ขมับจนต้องหลับตาค้างเอาไว้อย่างนั้น

“ไหน ขอดูแผลหน่อย” พี่ลุกซ์ดึงชายเสื้อผมขึ้นแล้วค่อยๆ แกะผ้าพันแผลออก “โห บวมเป่งเลย  แผลอักเสบนี่หว่า” พี่ลุกซ์พูดเสียงเครียดผมจึงลืมตาขึ้นแล้วผงกหัวมาดูแผลของตัวเอง  ผมถอนหายใจอย่างเพลียอกเพลียใจกับแผลของตัวเองแล้วนอนราบลงไปเหมือนเดิม

แผลที่เกือบจะหายมันบวมแดงขึ้นมาซะจนน่ากลัว  ท่าทางจะไม่ได้ตัดไหมเร็วๆ นี้แล้วแหละ

“ปวด” ผมพูดเสียงแผ่วๆ  พี่ลุกซ์ซี้ดปากนิดๆ อย่างใช้ความคิดก่อนจะเดินไปกดโทรศัพท์บ้านไปหาแม่บ้านเพื่อขอยากับอาหารเช้ามาให้ผม

“เพราะกูชวนมึงไปเล่นกีฬาแท้ๆ เลยถึงเป็นแบบนี้” ผมลุกซ์ทำหน้าเครียดพลางเดินไปเดินมาอยู่ข้างเตียง

“ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับ  พี่ลุกซ์ไปทำงานเถอะนะ” ผมบอก  ไม่อยากให้พี่ลุกซ์มาเสียการเสียงานเพราะผม

“ไม่ได้หรอก เดี๋ยวโทรไปบอกเลขาว่าไม่เข้างานเช้า” พี่ลุกซ์พูดแล้วรีบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองขึ้นมากดโทรหาเลขาทันที  เลขาคนใหม่ของพี่ลุกซ์คือผู้หญิงคนแรกที่ผมสัมภาษณ์งานนั่นเอง  เห็นพี่พลอยบอกว่าทำงานดีและนิสัยน่ารักมากเลย  ได้ยินแบบนั้นผมก็สบายใจครับ  พี่เลขาชื่อเล่นว่าภาน่ะครับ

“ไม่ได้นะ” ผมขมวดคิ้ว  ขี้เกียจเถียงกับพี่ลุกซ์จัง  เจ็บคอ ปวดหัวแล้วก็เจ็บแผลจนไม่อยากจะพูดอะไรแล้ว

“จุ๊บ กูจะไม่ไปไหนจนกว่ามึงจะอาการดีขึ้น” พี่ลุกซ์เดินมาหอมหน้าผากผมเบาๆ แล้วกดโทรศัพท์เรียกหมอมาดูอาการของผม  จริงๆ พี่ลุกซ์อยากจะให้พ่อพี่เคย์มาดูอาการของผมแต่ท่าทางจะไม่ได้เพราะอาวิคกำลังยุ่งกับการผ่าตัด  จริงๆ ผมก็เกรงใจอาวิคด้วยแหละครับ  เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ไม่น่าถึงมืออาเพราะอาเป็นถึงศัลยแพทย์ที่มีฝีมือ

“อื้อ” ผมพยักหน้ารับแล้วนอนรออาหาร ยาและหมอ

แม่บ้านเอายาแก้ปวดกับข้าวเช้ามาให้ผมกินเพื่อบรรเทาอาการไปก่อน  พอหมอมาก็มาทำแผลและตรวจดูอาการอีกนิดหน่อย  ผมไม่เป็นอะไรมากหมอจึงจัดยาให้เฉยๆ  เมื่อไม่มีอะไรมากผมก็ไล่ให้พี่ลุกซ์ไปทำงานพี่มันจึงยอมไปแต่โดยดีเพราะผมงอแง  ถ้าไม่งอแงพี่ลุกซ์ไม่ยอมไปทำงานแน่





 
++++++++++++++++++++

ใกล้จะสอบอีกแล้วครับท่าน
สอบนอกตารางอีกสองตัวเสร็จวันที่ 9 พ.ย.
เซ็งฝุดๆ แต่ยังไงจะมาอัพอีกน้า

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา