[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
9.7
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
56 ตอน
51 วิจารณ์
236.21K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
34) Chapter 34 : แพ้กับชนะ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 34 : แพ้กับชนะ
เย็นวันต่อมา
พี่ลุกซ์มาหาผมอย่างที่บอกไว้โดยไม่ลืมเข้าไปทักทายพ่อแม่ของผมด้วย ผมแปลกใจนิดๆ ที่พี่ลุกซ์มาในสภาพชุดกีฬา เสื้อแขนกุดเว้าลึก กางเกงวอร์มผ้าสีเทาลู่ไปกับขายาวๆ ได้รูป ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เห็นพี่ลุกซ์สวมชุดแบบนี้ผมก็อดไม่ได้ที่จะเขินทุกครั้ง หล่ออ่ะ บอกเลยว่าผมโชคดีนะที่ได้ผู้ชายคนนี้มาครอง ถ้าคนอื่นได้ไปคงน่าเสียดายแย่ ผู้ชายอะไร สวมชุดไหนก็หล่อได้อีก
“ไปเปลี่ยนชุดไป วันนี้คนในแผนกนัดกันไปเล่นกีฬาน่ะ” พี่ลุกซ์บอก ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามนิดๆ ว่าทำไมต้องไปเล่นกีฬาด้วย “ถูกคนในแผนกคะยั้นคะยอมาน่ะว่าประธานต้องไป คุณพลอยเลยมากระซิบบอกให้พามึงไปด้วย” พี่ลุกซ์บอก ผมยิ้มนิดๆ
“แล้วจะเล่นอะไรกันล่ะครับ?” ผมถาม ไอ้ผมก็เล่นกีฬาได้ไม่กี่อย่างซะด้วยสิ
“เทนนิสล่ะมั้ง” พี่ลุกซ์บอก
“ผมเล่นไม่เป็นหรอกนะครับ” ผมบอกทันที
“กูก็เล่นไม่เป็น เอาเถอะ ไปตามที่เขาชวนนั่นแหละ” พี่ลุกซ์บอก
“ครับๆ งั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ผมบอกยิ้มๆ แล้วลุกจากโซฟาเพื่อขึ้นไปด้านบน
“เดี๋ยวไปช่วยเปลี่ยน ฮึๆ” พี่ลุกซ์ยิ้มแล้วรีบตามผมมาโดยไม่ลืมแอบแต๊ะอั๋งผมด้วยการจับนั่นหอมนี่ไปด้วย
“กรี๊ดดดดด น้องเป๊อร์!!” เมื่อไปถึงคอร์ทที่นัดกันไว้ สาวๆ ที่ฝ่ายก็พุ่งเข้ามาหาผมทันทีจนผมตั้งรับแทบไม่ทัน
“โอ๊ะ เบาๆ ครับ” ผมพูดยิ้มๆ พลางยกมือขึ้นกันแผลที่ท้องเอาไว้ คิดว่าแผลมันใกล้จะหายแล้วและน่าจะเล่นไหวอยู่
“คิดถึงมากกก” พี่พลอยลูบแก้มของผมเบาๆ อย่างคิดถึง
“เดี๋ยวก็ได้กลับไปทำงานแล้วล่ะครับ” ผมบอก
“ไม่ได้ทำแผนกเดียวกันอยู่ดีนี่นา เซ็งเลย ทำงานในออฟฟิศเงินเดือนเยอะๆ ไม่ชอบใช่ไหมเนี่ย?” พี่พลอยทำหน้าเซ็งสุดติ่ง
“แหม...ทำงานในออฟฟิศผมไม่ถนัดหรอกครับ ถ้าเครื่องยนต์กลไกนี่ของชอบ” ผมบอกอีก
“ชอบอะไรไม่เข้ากับหน้าเลยนะเปอร์ เอาเถอะ ยังไงก็ไปจับคู่ซ้อมกับประธานก่อนละกัน วันนี้เราจะแข่งเทนนิสแบบคู่” พี่พลอยบอก ผมขมวดคิ้วงงๆ แล้วหันไปมองพี่ลุกซ์ พี่มันก็ได้แต่ยักไหล่นิดๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรมากมาย
ผมเดินเข้าไปหาพี่ลุกซ์กับพี่ถังและพี่เคย์ก่อนจะส่ายหน้าไปมานิดๆ เพราะไม่อยากแข่ง ก็ผมเล่นไม่เป็นนี่หว่า แร็คเก็ตก็ยังไม่เคยจับเลยด้วยซ้ำ แถมยังต้องแข่งคู่กับพี่ลุกซ์ที่เล่นไม่เป็นอีก ไม่ต้องแข่งก็รู้ว่าแพ้แน่นอน
“ต้องเอาแชมป์มาให้ได้นะโว้ย” พี่ถังหันไปพูดกับพี่เคย์แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มร้ายๆ ใส่กันทำเอาผมเซ็งหนักเพราะทั้งสองคนเล่นเทนนิสเก่งน่ะสิ
“พี่ลุกซ์ เอาไงดีอ่ะ?” ผมขยับเข้าไปใกล้พี่ลุกซ์แล้วเขย่าแขนพี่มันเบาๆ
“จะห่วงอะไรเปอร์ ไอ้ลุกซ์มันเล่นเก่งจะตาย ห่านี่เล่นกีฬาได้ทุกอย่างนั่นแหละ” พี่เคย์ว่าทำให้ผมรีบหันหน้าไปมองพี่ลุกซ์ทันที ไหนบอกว่าเล่นไม่เป็นไงวะ
“อยากให้มึงมีเพื่อน” พี่ลุกซ์ยักคิ้วผมจึงฟาดแขนเข้าให้ ข้อหาโกหก
“งั้นมาสอนผมเล่นหน่อย จะได้ไม่เป็นตัวถ่วงตอนแข่ง” ผมบอกพลางลากพี่ลุกซ์ไปคอร์ทที่มีกำแพงสูงสำหรับซ้อมตี
“มึงจะไหวไหม? แผลจะเปิดเอานะ” พี่ลุกซ์ถามพลางเปิดกระเป๋าใส่แร็คเก็ตแล้วหยิบแร็คเก็ตขึ้นมาให้ผม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แผลใกล้ปิดสนิทแล้ว” ผมบอกยิ้มๆ พี่ลุกซ์จึงพยักหน้าแล้วเดินมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังเพื่อสอนวิธีจับไม้และการตีพื้นฐานให้
ผมซ้อมตีอย่างเก้ๆ กังๆ ไปได้ซักพักก็เริ่มคล่องขึ้นจากนั้นพวกพี่ๆ ก็มาเรียกไปจับฉลากแข่งกัน โดยการแข่งแต่ละครั้งจะต้องมีการลงโทษคนแพ้ในแต่ละรอบและมีรางวัลให้คนที่ได้ที่หนึ่ง อัดฉีดรางวัลโดยประธานของเรานั่นเอง รางวัลที่ว่านั่นก็คือตั๋วเครื่องบินไปกลับสองที่นั่งพร้อมกับที่พักในภูเก็ตสองวันหนึ่งคืน ได้ยินแว่วๆ มาว่าพวกพี่ๆ เขาไปตื๊อเอาจากพี่ลุกซ์ จนสุดท้ายก็ได้มา
ส่วนการลงโทษในแต่ละรอบนั่นก็คือ ข้างๆ คูลเลอร์น้ำดื่มจะมีกระติกใบใหญ่อยู่หนึ่งใบซึ่งในนั้นบรรจุเหล้าเจือจางเอาไว้ ใครแพ้ก็ยกตามความพึงพอใจของคนชนะและมีอีกอย่างหนึ่งคือให้ใช้ร่างกายมารับโทษแทน แล้วแต่คนชนะจะสั่งล่ะนะ
“อะแฮ่ม ในฐานะที่เป็นผู้ชนะ ขอสั่งให้คนแพ้วิดพื้นสิบครั้งครับ” พี่เคย์ยืดตัวพูดอย่างเป็นทางการพลางอมยิ้มหลังจากเล่นขี้โกงเอาชนะผมกับพี่ลุกซ์ได้อย่างขาดลอย
ที่ว่าขี้โกงคือพวกพี่มันตีใส่แต่ผมคนเดียวซึ่งเล่นไม่เป็นทำให้พี่ลุกซ์ต้องลำบากวิ่งโยกไปมาเพื่อรับลูกแทนจนเหนื่อยหอบ หมดสภาพล้มลงนอนแผ่หลังจากแข่งเสร็จ
“โหดร้ายไปไหมคะน้องเคย์ น้องเปอร์เจ็บอยู่ด้วยนะ แถมประธานยังเหนื่อยจนนอนแผ่เลย” พี่พลอยช่วยประท้วงเมื่อเห็นว่าพี่เคย์ลงโทษโหดเกินไป บอกตรงๆ ว่าให้ผมวิดพื้นตอนนี้ไม่ไหวหรอก ถึงจะแค่สิบครั้งก็เถอะ
“ผมไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอกครับ ตอนนี้เปอร์เจ็บอยู่ก็คงไม่ให้วิดพื้นแต่จะไม่ให้มีส่วนร่วมคงไม่ได้ เปอร์ นอนหงาย” พี่เคย์พูดแล้วหันมาสั่ง ผมขมวดคิ้วงงๆ แต่ก็ยอมนอนหงายราบลงกับพื้น “ลุกซ์ วิดพื้นดิ๊” พี่เคย์กระดิกนิ้วเรียกให้พี่ลุกซ์มาวิดพื้นด้วยรอยยิ้ม พี่ลุกซ์เองก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเดินไปแปะมือกับพี่เคย์ คนอื่นๆ ตอนนี้ก็เริ่มหัวเราะคิกคักกันอย่างขวยเขินแล้ว ส่วนผมก็กำลังงงว่าพวกเราเขินกันทำไม
พรึ่บ!
“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ พี่ลุกซ์ก็มาตั้งท่าวิดพื้นโดยคร่อมตัวผมเอาไว้ ห่า! จะทำอะไรวะเนี่ย!?!
“ทุกคน ถ่ายวิดีโอเลยครับ ฮึๆๆ” พี่เคย์หัวเราะเย็นๆ พลางเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาตั้งกล้องพร้อมกับสาวๆ ที่รีบล้วงหาโทรศัพท์กันจ้าละหวั่น
เฮ้ย! กะจะแบล็คเมล์กันรึไงฟะ!?
“เขาจะทำโทษเราไง” พี่ลุกซ์บอกเมื่อเห็นผมทำท่างงสุดติ่ง จะให้พี่ลุกซ์วิดพื้นไม่ใช่เหรอ? แล้วมาคร่อมผมทำไมวะ!?!
“ไปวิดไกลๆ ดิ” ผมสะบัดมือไล่พี่ลุกซ์พลางขมวดคิ้วแน่น จะวิดท่านี้ได้ยังไงวะ?
“เอ้าๆ พร้อมไหมๆ” พี่เคย์เอาโทรศัพท์มาใกล้ๆ หน้าผมกับพี่ลุกซ์แล้วเร่ง พี่ลุกซ์พยักหน้า “เริ่ม” พี่เคย์สั่งทำให้พี่ลุกซ์เริ่มวิดพื้น
จุ๊บ!
“เฮ้ย!” ผมร้องเมื่อพี่ลุกซ์วิดพื้นลงมาหนึ่งครั้งพร้อมกับจูบที่ปากผมเบาๆ เรียกเสียงกรี๊ดกับเสียงโฮ่ร้องได้อย่างดี
จุ๊บ!
“เฮ้ย!” ผมร้องอีกครั้งเมื่อถูกจูบในการวิดพื้นครั้งที่สอง เสียงกรีดร้องยังคงดังลั่น “พี่เคย์ พอแล้ว ผมอาย...อุ๊บ” ผมหันหน้าไปพูดกับพี่เคย์โดยถูกจูบปิดปากในการวิดพื้นครั้งที่สาม
“โอ๊ย เขิน ฮ่าๆๆ” พี่เคย์ไม่ตอบรับคำขอของผมแล้วหันไปทำหน้ามุ้งมิ้งใส่พี่ถังโดยยังไม่หันกล้องไปไหน
“การลงโทษแสนหวาน วี้ดวิ้ววววว” เสียงพี่ๆ ในออฟฟิศแซวพร้อมกับเป่าปากส่งเสียงด้วยความชอบอกชอบใจ
“พี่ลุกซ์...” ผมหันกลับไปมองหน้าคนด้านบนที่กำลังวิดพื้นอย่างขยันขันแข็งด้วยสายตาขอร้องให้หยุด ผมอายนี่ครับ รู้หรอกว่าคนอื่นเขารู้หมดแล้วว่าผมกับพี่ลุกซ์เป็นอะไรกันแต่ให้มาหวานกันแบบนี้มันไม่ไหวมั้ง ที่สำคัญ พี่ลุกซ์แม่งหาเรื่องฉวยโอกาสนี่หว่า ก็ช่วงนี้ผมไม่ค่อยยอมให้พี่มันเข้ามานัวเนียเหมือนเมื่อก่อนด้วยแหละ พอมีโอกาสก็รีบกอบโกยเอาเชียวนะ
พี่ลุกซ์วิดพื้นต่อไปจนกระทั่งถึงครั้งสุดท้ายโดยไม่สนใจสายตาอ้อนวอนของผมเลย และในครั้งสุดท้ายพี่มันก็วิดพื้นแช่ค้างเพื่อลวนลามริมฝีปากของผมนานๆ แถมตอนที่จะลุกออกไปพี่มันยังกัดริมฝีปากล่างของผมเบาๆ ด้วย ฮึ่ย!! ไอ้แก่หื่นเอ๊ย!!
“ต่ออีกสิบครั้งไหวไหมครับประธาน?” พี่ผู้ชายเป่าปากแซวแล้วถามล้อๆ
“ร้อยครั้งก็ไหว” พี่ลุกซ์ที่ลุกออกจากตัวผมไปนั่งหอบอยู่ข้างๆ พูดยิ้มๆ ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“นิสัยไม่ดี” ผมลุกขึ้นมานั่งแล้วตีปากพี่ลุกซ์เบาๆ ไม่รู้พี่ลุกซ์อดอยากปากแห้งมากมายมาจากไหน พอถูกตีปากก็รวบตัวผมไปล็อกไหล่เอาไว้แล้วโถมตัวเข้ามาจูบอย่างหื่นกระหายจนเสียงโฮ่แซวดังขึ้นอีกระลอก “อื้อ พี่ลุกซ์อย่า...” ผมประท้วงเบาๆ เมื่อพี่ลุกซ์จะแทรกลิ้นเข้ามา ถึงตอนนี้พี่ลุกซ์จะยกแขนบังหน้าเราเอาไว้แต่ผมก็อายอยู่ดี
“ก่อนแยกกันขอเต็มที่ซักครั้งนะ” พี่ลุกซ์กระซิบชนิดที่ชิดริมฝีปากก่อนจะผละออกไป ผมเม้มปากแล้วตบแก้มพี่ลุกซ์ไปเบาๆ อย่างเขินๆ ก่อนจะรีบลุกเดินหนีออกจากคอร์ทเพื่อหนีเสียงโฮ่แซว ผมเขินนะเออ ทั้งเขินทั้งอายเลย พี่ลุกซ์ก็ช่างกล้า!
ผมเดินออกมาที่มินิมาร์ทตรงทางเข้าก่อนจะไปถึงคอร์ทเทนนิสด้วยอาการอายสุดติ่ง ออกมานี่เพื่อหนีอายแล้วก็มาหาน้ำดื่มด้วยครับ คอแห้งมากแต่ไม่กล้าไปดื่มน้ำที่อยู่ข้างคอร์ท เดี๋ยวโดนแซวเอา ถ้าเป็นอดีตผมอาจจะดีใจกับเรื่องแบบนี้ก็ได้แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ พอโตขึ้นหน้ามันก็บางลงเรื่อยๆ นี่ครับ ไม่ได้อยากโชว์ซักหน่อยว่ารักกับแฟนขนาดไหน
เออะ...แต่ตอนนี้ผมชักอยากจะโชว์แล้วล่ะครับว่าผมกับพี่ลุกซ์รักกันจนแทบจะกลืนกิน
“อ้าว! คุณเปอร์นี่นา วู้ ลัคกี้!”
ผมแทบอยากจะมุดดินหนีคุณที่เรียกผมเมื่อครู่เสียเหลือเกิน นี่สวรรค์จงเกลียดจงชังอะไรผมมากมายหรือเปล่าครับ ทำไมต้องให้ผมมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอมากๆ ในเวลานี้ด้วยก็ไม่รู้ ที่สำคัญ...ไอ้คุณชนะมันหอบกล้องพะรุงพะรังมาทำห่าอะไรแถวนี้วะ!?!
“เฮ้ยนี่คุณ! จะเดินหนีผมไปไหนครับเนี่ย?” คุณชนะรีบวิ่งมาขวางผมเอาไว้เมื่อเห็นผมวางขวดน้ำไว้ที่เดิมแล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินออกจากร้าน
“อ่า...ผมจะไปเล่นกีฬากับคนที่บริษัทน่ะครับ” ผมบอกอย่างจำใจ
“พรหมลิขิตแน่ๆ เลยครับที่ทำให้เรามาเจอกัน นี่ผมก็มาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่คอร์ทเทนนิสด้านในนี่เองครับ คุณเปอร์มาเล่นเทนนิสหรือเปล่า? ถ้าคอร์ทใกล้กันคงจะดีนะครับ” ไอ้หมอนี่ยังพูดมากไม่เปลี่ยนเลยแฮะ เซ็งว่ะ ถ้ามาทำงานก็รีบๆ ไปสิเว้ย
“แล้วคุณไม่รีบไปทำงานเหรอครับ?” ผมถามเพราะอยากจะรีบตัดบทแล้วหนีไปซะ
“ผมมาดูสถานที่ก่อนน่ะครับ มาหามุมไว้ก่อนเพราะฉะนั้นผมมีเวลาคุยกับคุณเปอร์อีกนานเลยล่ะ” ถามกูบ้างว่าอยากคุยด้วยไหม? โธ่ ทำไมเวลาแบบนี้พี่ลุกซ์ถึงไม่ตามมานะ ไม่ใช่ว่าเหนื่อยจนนอนตายอยู่ข้างคอร์ทหรอกนะ
“ผมต้องรีบไปแล้วครับ ออกมานานแล้ว” ผมโกหกไปเพราะไม่อยากคุยกันนานไปมากกว่านี้ จริงๆ ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณชนะหรอกนะครับแต่ผมไม่ชอบที่เขามาตามจีบผมแบบนี้ บอกแล้วไงว่าถ้าไม่ใช่พี่ลุกซ์ผมไม่สนผู้ชายหรอก และตอนนี้ผมรักใครไม่ได้เลยจริงๆ ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตามเพราะผมรักแค่พี่ลุกซ์คนเดียวเท่านั้น
“อ๊ะ งั้นผมไปด้วยครับ ยังไงก็ต้องเดินไปด้วยกันนี่เนอะ” คุณชนะยิ้มแป้นผมจึงถอนหายใจแล้วเดินนำ
ขณะที่ผมกำลังเดินก้มหน้าอย่างเซ็งเป็ดกลับไปที่คอร์ทผมก็พบกับพี่ถังกลางทางพอดิบพอดี ผมยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาพี่มันแล้วส่งสัญญาณให้มันเห็นคุณชนะด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“กูกำลังจะมาตามมึงกลับไปพอดี” พี่ถังพูดพลางจ้องคุณชนะด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“อืม กูก็กำลังจะกลับไป เอ่อ...นี่คุณชนะ รู้จักตอนไปเที่ยวน่ะ บังเอิญเจอ” ผมบอกพลางกรอกตานิดๆ แสดงถึงความเซ็ง
“กูรู้จัก ลูกเพื่อนพ่อกูกับพ่อมึง เคยเจอตามงานบางครั้ง” พี่ถังบอก ผมเซ็งยิ่งกว่าเดิมที่พี่ถังรู้จักแต่ดูเหมือนพี่มันไม่ชอบ “ห่า...มันเคยจีบกู ไอ้เคย์เกือบฆ่ามันแน่ะ” พี่ถังก้มลงมากระซิบเบาๆ เล่นเอาผมเบิกตากว้างอย่างตกใจพลางหันไปมองคุณชนะอย่างอึ้งๆ ไอ้คุณชนะนี่ยังไงวะเนี่ย!? ตกลงเป็นรุกหรือรับ กล้ามาจีบพี่ถังที่ตัวโตอย่างกับควายได้ยังไง? ก็รู้หรอกว่าบางมุมพี่ถังก็น่ารักแต่คือ...พี่มันหล่อและแมนมาก ถึงจะเป็นเมียพี่เคย์ก็เหอะ นั่นมันกรณีที่พี่เคย์ตัวใหญ่และบึ้กกว่าไงแต่คุณชนะดูยังไงก็ตัวเล็กกว่าอ่ะ
“สวัสดีครับถัง รู้จักกันด้วยเหรอครับ?” คุณชนะถามยิ้มๆ แต่ตาดูไม่ยิ้มด้วยเลย พวกเขาคงมีเรื่องกันมาพอสมควรสินะถึงได้มองหน้ากันแบบไม่ค่อยจะเป็นมิตรแบบนี้
“น้องชายกูเอง ถ้ามึงคิดจะจีบก็เลิกไปซะ มึงคงยังไม่รู้จักไอ้ลุกซ์” พี่ถังดึงผมไปหลบด้านหลังตัวเองแล้วพูดขู่ไปเล็กน้อย
“รู้จักสิครับ ประธานบริษัทที่หล่อและรวยมาก แต่รู้จักไปก็เท่านั้น ผมไม่ได้สนใจเขาซักหน่อย” ผมอยากกระโดดเข้าไปตั๊นหน้าไอ้เวรนี่จริงๆ คำพูดที่ดูมั่นใจแบบนั้นมันน่าหมั่นไส้ว่ะ
“เฮ้อ เจอไอ้เคย์ไปคงไม่เข็ดสินะ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไอ้เคย์ที่เป็นเพื่อนสนิทโหดได้ไม่ถึงครึ่งของไอ้ลุกซ์ด้วยซ้ำ” พี่ถังกัดฟันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโมโห ที่บอกว่าพี่เคย์โหดได้ไม่ถึงครึ่งของพี่ลุกซ์น่ะผมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ตอนที่พี่เคย์โกรธอ่ะนะ
“คนเป็นเพื่อนกันนี่ชอบใช้กำลังเหมือนกันสินะครับ เห็นว่าผมสู้ไม่ได้ก็เลยขู่ด้วยกำลังงั้นเหรอ? ถ้ามั่นใจว่าแฟนจะไม่นอกใจก็ไม่น่าจะมาหาเรื่องผมนะครับ เรื่องของถังก็เหมือนกันนี่ ที่คุณเคย์เขาโมโหก็เพราะคุณนอกใจเขามาหาผม” คำพูดของไอ้คุณชนะทำให้ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของพี่ถังอย่างสงสัยและผิดหวังเล็กๆ ที่พี่มันทรยศพี่เคย์ที่แสนดีคนนั้น จริงๆ ผมไม่เชื่อหรอกแต่มันก็อดสะเทือนใจเล็กๆ ไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน
“ถุย!! นอกใจห่าอะไร!?! กูคิดว่ามึงเป็นเพื่อนเหอะไอ้สัตว์กูเลยคุยและไปเที่ยวกับมึง คนอย่างมึงมันทุเรศว่ะ รู้ทั้งรู้ว่าคนเขามีแฟนยังจะเสือกเข้ามายุ่ง โรคจิตนะมึง ระวังจะไม่ตายดี” พี่ถังเดินเข้าไปใกล้ไอ้คุณชนะก่อนจะผลักไหล่เขาพร้อมกับพูดประโยคสุดท้าย “กลับคอร์ทเปอร์ เดี๋ยวไอ้ลุกซ์มันตามมาแล้วจะหาที่ฝังศพคนไม่ทัน” ถังเดินกลับมาหาผมแล้วหันไปมองคุณชนะด้วยสายตาเหยียดๆ จากนั้นก็จูงมือผมเดินกลับไปที่คอร์ททันที
30% left
“เล่ามาให้หมด” ผมถามพี่ถังขณะที่เรากำลังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องน้ำหน้าคอร์ท
“เออ ก็ไอ้ชนะนั่นมาตีสนิทกับกูก็เลยได้เป็นเพื่อนคุยเพื่อนเที่ยวกันบางครั้ง ไม่คิดว่ามันจะจีบน่ะสิ มันก็รู้นะว่ากูมีไอ้เคย์อยู่แล้วแต่ไม่รู้ทำไม พอมันรู้ว่าไอ้เคย์เป็นแฟนกูมันยิ่งรุก ตอนนั้นกูก็เริ่มตีตัวออกห่างแล้วแหละแต่มันก็แม่งหน้าด้านจนได้เรื่อง สร้างความวุ่นวายให้ไอ้เคย์เข้าใจผิด ช่วงที่กูกับมันทะเลาะกันจนเกือบเลิกกันตอนนั้นนั่นแหละ เหตุมาจากไอ้ชนะ” พี่ถังเล่าอย่างหัวเสีย มีช่วงหนึ่งที่พี่เคย์กับพี่ถังทะเลาะกันหนักมากจนเกือบจะเลิกกัน ตอนนั้นผมก็ได้แต่ดูแลไอ้พี่ถังโดยที่ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ามีมือที่สามแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็เท่านั้นเอง
“แล้วมันจะมาทำให้กูกับพี่ลุกซ์ผิดใจกันไหมวะ?” ผมขมวดคิ้วเครียดๆ
“มันทำแน่ มันแย่งแฟนคนอื่นมาหลายคนแล้วทั้งหญิงและชายแล้วมันก็ทำสำเร็จหลายครั้งด้วย พอได้แล้วก็ทิ้ง มันกวนตีน ขี้เล่น ชอบหยอด หลายๆ คนก็หลงคารมมัน กูก็เคยหลงเพราะชอบนิสัยกวนๆ ของมัน แต่ไม่ได้หลงแบบนั้นหรอก กูว่ามันเป็นเพื่อนคุยที่ดีแต่สุดท้ายแม่งก็ตอแหล ห่า อยากได้กูเป็นเมียไม่ดูสังขาร แดกตีนกูไปเลยเข็ดน่ะสิ” พี่ถังฟาดงวงฟาดงาใหญ่คนผมเริ่มขำแทนที่จะเครียด
“เออ มันตัวเล็กกว่ามึงพอควรเลยนี่ เคยโดนจับกดไหม?” ผมถามเอาฮาครับ นึกภาพพี่ถังโดนจับกดไม่ออกเลยจริงๆ ขนาดภาพที่พี่เคย์กดผมยังนึกไม่ออก ก็พี่ถังมันแมนจะภายนอกและภายในจริงๆ นะครับ นิสัยไม่กระเง้ากระงอด ไม่ขี้งอนเป็นเด็กๆ เหมือนผมด้วย คือ...แมนมากจริงๆ
“เคยดิ ห่า...แรงน้อยกว่ากูยังสะเออะจะกดกูตอนเมา ควายมาก ยิ่งเมาแรงกูยิ่งควายเลยแหละสัตว์” พี่ถังบอก จริงครับ ข้อนี้ผมคอนเฟิร์ม พี่ถังตอนเมาแรงเยอะกว่าปกติมาก ใครจะทำอะไรมันตอนนั้นไม่ได้แน่นอน เหมือนคนบ้าพลังเลยทีเดียว มีคนเดียวที่ปราบอยู่คือพี่เคย์ ไม่ต้องเอาแรงเข้าว่า แค่คำพูดก็ทำให้กระทิงดุกลายเป็นควายเชื่องๆ ตัวหนึ่งได้เลยทีเดียว ฮ่าๆ
“แล้วมึงจะบอกพี่เคย์ไหมว่าเจอเขาที่นี่?” ผมถามเพราะดูเหมือนพี่ถังจะไม่อยากให้พี่เคย์รู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่
“ไม่อยากบอกหรอกแต่เคยปิดมันเรื่องที่เจอไอ้ชนะ มันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย ห่า กูไม่อยากเจอตอนไอ้เหี้ยเคย์ตกมันหรอกนะ น่ากลัวตายชัก” พี่ถังทำท่าขนลุกแล้วลูบแขนตัวเองเบาๆ
“สรุปคือมึงจะบอกใช่ไหม?” ผมถามอีกครั้ง ถ้ามันบอกพี่เคย์ผมก็จะบอกพี่ลุกซ์เหมือนกัน
“อืม บอกก็ดีจะได้ให้ไอ้เคย์มันช่วยไล่ไอ้ชนะให้มึงด้วย อย่างน้อยพวกกูที่เคยมีประสบการณ์อาจจะได้คอยบอกคอยเตือนพวกมึงให้ใจเย็นๆ เวลาโดนไอ้ชนะมันปั่นหัวก็ได้ มันมีวิธีปั่นหัวคู่รักเยอะแยะมากมายไปหมดเลยแหละ ต้องคอยระวัง โวะ! พูดแล้วคันตีนว่ะแม่ง ถ้าเห็นหน้าอีกครั้งกูจะกระทืบหน้ามัน” ผมบอกแล้วครับว่าพี่ผมแม่งทั้งโหดทั้งเถื่อน ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่ามันได้เป็นลูกสะใภ้อาวายุกับอาวิค
“งั้นไปบอกพวกพี่ๆ กัน มองหาเรากันแล้วมั้งนั่น” ผมบอกเมื่อเห็นพี่ลุกซ์กับพี่เคย์เดินเข้าไปคุยกันแล้วมองไปรอบๆ เหมือนหาอะไรบางอย่าง พี่ถังพยักหน้าก่อนจะพาผมเดินกลับเข้าไปที่คอร์ท
“หายไปไหนมาครับ?” เมื่อเราเดินเข้าไปหาสองหนุ่ม พี่เคย์ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ว่าจะฟังเมื่อไหร่ก็นุ่มละมุนเหลือเกิน หน้าว่าหล่อแล้ว เสียงแม่งยิ่งหล่อ
“ไปตามไอ้เปอร์ที่มินิมาร์ทน่ะ แล้วเจออะไรไม่ดีมานิดหน่อย” พี่ถังขมวดคิ้วพูดเสียงเข้ม เอิ่ม...มึงช่วยพูดเสียงนุ่มๆ เหมือนแฟนมึงจะได้ไหม ถ้าไม่ติดว่าพี่เคย์ตัวยักษ์ล่ะก็ผมคิดแน่นอนว่าพี่ถังเป็นผัวส่วนพี่เคย์เป็นเมีย นิสัยก็ต่างกันมากซะด้วย แต่ก็นะ อย่างที่เคยบอกแหละว่าที่จริงคนที่คุมอีกฝ่ายได้จริงๆ คือพี่เคย์แม้ภายนอกจะดูเหมือนพี่ถังคุมก็เถอะ
“เจออะไร?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วถามเสียงเข้าบ้าง แหม่...ทำไมคนรอบตัวผมถึงได้มีแต่พี่เคย์ที่อ่อนโยนกันนะ?
“ไอ้ชนะ” พี่ถังพูดซึ่งนั่นก็ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พี่เคย์ที่มีออร่าของเทวดากระจายออกจากตัวอยู่ตลอดเวลาแผ่รังสีแห่งความดำมืดออกมาทันที โอ้ไม่นะ! อย่าเพิ่งมาโกรธตอนนี้นะครับเทวดาของผม “ตอนนี้มันกำลังจีบไอ้เปอร์อยู่” พี่ถังพูดต่อ
“ว่าไงนะ!?!” พี่เคย์ขมวดคิ้วมองหน้าผมกับพี่ลุกซ์สลับกัน
“เออ น่ารำคาญฉิบ” พี่ลุกซ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจ
“เฮ้อ...” พี่เคย์ถอนหายใจออกมาอย่างเครียดๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่พี่ถังเล่าให้ผมฟังให้พี่ลุกซ์ฟังซึ่งนั่นก็ทำให้องค์ลงพี่ลุกซ์ทันที
“ตอนนี้มันอยู่ไหน!?” พี่ลุกซ์ถาม
“ทำไมครับ?” ผมถามกลับอย่างหวั่นๆ หน้าตาพี่ลุกซ์ตอนนี้พร้อมจะมีเรื่องมากและดูจะเอาจริงสุดๆ
“กูจะไปกระทืบมันน่ะสิถามได้ แม่ง!” พี่ลุกซ์กระฟัดกระเฟียดอย่างโมโห จังหวะนั้นพี่ถังกับพี่เคย์ก็ถูกเรียกให้ไปแข่งเทนนิสพวกเราจึงต้องแยกกัน ผมก็เลยต้องปลอบให้พี่ลุกซ์อารมณ์เย็นลงอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาแซวเราเพราะสีหน้าของพี่ลุกซ์ไม่พร้อมให้ใครแซวอย่างแรง
“จะไปกระทืบเขาทำไมล่ะครับ? ใจเย็นๆ นะ” ผมลูบลำแขนพี่ลุกซ์เบาๆ เพื่อให้พี่มันใจเย็น ตอนแรกผมก็อยากให้พี่ลุกซ์ไปกระทืบปากไอ้หมอนั่นอยู่หรอกนะแต่พออารมณ์พี่ลุกซ์มาเต็มแบบนี้ผมรู้สึกสงสารคุณชนะขึ้นมาเลยทีเดียว
“แล้วมันได้ทำอะไรมึงไหม?” พี่ลุกซ์หันมาสังเกตร่างกายของผมโดยจับผมหมุนไปมา
“ไม่ครับ” ผมส่ายหน้านิดๆ
“ไม่ได้แล้วนะแบบนี้ มึงจะไปเจอมันโดยบังเอิญที่ไหนอีกก็ไม่รู้ หรือมันอาจจะไปดักรอเจอมึงอีกก็ได้ ทำไงดีวะ?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วเครียดๆ ทำเอาผมแอบขำ นี่พี่ลุกซ์จริงจังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ฮ่าๆ
“งั้นผมจะไม่ออกไปไหนถ้าไม่มีพี่ ตกลงไหม?” ผมถาม ถ้าให้อยู่ที่บ้านล่ะก็ผมไม่ได้เจอกับคุณชนะแน่นอน
“ไม่ตกลง ไอ้ชนะมันเป็นลูกเพื่อนพ่อมึงใช่ไหมล่ะ ถ้าเกิดมันหาข้ออ้างมาเจอกับมึงที่บ้านจะทำยังไงล่ะ? กูไม่ยอมนะมึง!” พี่ลุกซ์เริ่มพาลเป็นเด็กๆ ซะแล้ว จะทำตัวน่ารักไปไหนน้า ผู้ชายคนนี้
“พาลใหญ่แล้วนะ” ผมเดินไปหยิบทิชชู่มาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของพี่ลุกซ์ออกพลางพูด
“เปอร์ กูไม่ยอมให้ใครมาแยกมึงออกจากกูอีกแล้วนะ มึงไม่รู้เหรอว่าเวลาที่มีใครมายุ่งกับมึงกูรู้สึกยังไง?” พี่ลุกซ์จับมือของผมที่กำลังเช็ดหน้าให้พี่มันเอาไว้ก่อนจะมองผมอย่างจริงจังจนผมชะงัก
“ผมก็ไม่ให้ใครมาแยกพี่ออกจากผมเหมือนกัน” ผมยิ้มนิดๆ แล้วดึงมือออกจากการเกาะกุมของพี่ลุกซ์แล้วสวมกอดเข้าไป ร่างหนาๆ ชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกอดผมอย่างเต็มรัก
“โฮ่วววววว หวานกันอีกแล้ว ฮิ้วววว” เสียงโฮ่แซวดังขึ้นอีกรอบเมื่อผมกับพี่ลุกซ์กอดกันโดยลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ผมลืมจริงๆ นะ ถ้าไม่ลืมผมคงไม่กล้าหรอก
“จะแซวก็ให้มันน้อยๆ หน่อย แฟนผมอาย ฮึๆๆ” พี่ลุกซ์กดหัวผมซุกไหล่ตัวเองแล้วกอดเหมือนกำลังปกป้องพลางพูดออกไปขำๆ
ผมชอบคำว่าแฟนที่พี่ลุกซ์พูดจัง ปกติพูดแต่เมียเมียเมีย ผมว่าแฟนมันฟังดูน่ารักกว่าเยอะเลย แหงล่ะ ผมเป็นผู้ชาย ได้ชื่อว่าเมียมันก็แปลกน่ะสิ
“แล้วตกลงจะเอายังไง? มึงมาอยู่กับกูไหม?” พี่ลุกซ์หันมาถามหลังจากการแซวสงบลงแล้ว
“พ่อไม่ยอมแน่” ผมบอกทันที ตอนนี้พ่อผมแอนตี้พี่ลุกซ์สุดๆ แล้วเรื่องอะไรจะยอมให้ผมไป
“ขอแม่มึงดิ ถ้าเป็นแม่พูดให้ละก็พ่อมึงอาจจะยอมก็ได้” พี่ลุกซ์บอก ผมคิดตามก่อนจะพยักหน้าตกลง จริงๆ ผมก็อยากไปอยู่กับพี่ลุกซ์อยู่เหมือนกัน คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกันมาที่คอนโดของพี่ลุกซ์
“งั้นเดี๋ยวผมลองโทรคุยกับแม่ก่อนนะครับ” ผมบอกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาแม่ พอแม่รับโทรศัพท์ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังโดยที่แม่ก็อนุญาตให้ผมไปอยู่กับพี่ลุกซ์โดยที่ไม่ต้องกลับมาบ้านเนื่องจากพ่อของไอ้คุณชนะโทรไปบอกพ่อว่าจะเข้าไปหา
รู้สึกว่าพ่อกับแม่จะรู้เรื่องที่คุณชนะตามจีบผมอยู่ก็เลยยอมให้ผมไปกับพี่ลุกซ์อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ สำหรับแม่ผมไม่แปลกใจหรอกแต่พ่อนี่สิ แม่บอกว่าพ่ออนุญาตให้ไปอยู่กับพี่ลุกซ์ตราบใดที่คุณชนะยังจะแวะเวียนมาที่บ้าน พ่อคงไม่อยากให้ใครมาแย่งผมไปจากพี่ลุกซ์ล่ะมั้ง คิๆ
“ทั้งพ่อทั้งแม่อนุญาตเลยครับ” ผมหันไปบอกพี่ลุกซ์ด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมง่ายจังวะ?” พี่ลุกซ์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“คุณชนะจะไปที่บ้านน่ะครับพ่อก็เลยบอกว่าไม่ต้องเข้าบ้าน” ผมบอก
“พ่อมึงนี่ปากแข็งเนอะ ปากก็บอกไม่ยอมรับกูแต่ก็คอยกันท่าคนอื่นให้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ วันนี้จะได้เต็มที่ซักที” พี่ลุกซ์พูดทำให้ผมรีบหันขวับไปมองพี่มันด้วยสายตาไม่ไว้ใจทันที
“เต็มที่อะไร?” ผมถามเสียงเขียว
“มึงคิดว่ากูไม่ได้ปลดปล่อยมานานแค่ไหนแล้วเฮ้ย” พี่ลุกซ์โวยวายทำเอาคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว ผมรีบกระโดดปิดปากพี่ลุกซ์เอาไว้
การแข่งขันเทนนิสยังดำเนินต่อไปอย่างคึกคักจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มจึงได้ผู้ชนะโดยมีผู้แพ้นอนกลิ้งอยู่กับพื้นเนื่องจากอาการเมาเหล้าอยู่หลายต่อหลายคน บางคนไม่แพ้ก็กินครับ อย่างเช่นพี่ถังเป็นต้น แต่กินพอกรุบกริบไม่ถึงกับเมา ถ้าพี่ถังเมาเละคงลำบากพี่เคย์แย่เพราะตัวพี่ถังไม่ใช่เล็กๆ ถึงพี่เคย์จะแบกไหวก็เหอะนะ
อ้อ ส่วนผู้ชนะที่ได้ของรางวัลไปก็คือพี่ถังกับพี่เคย์นั่นเอง แต่ดูเหมือนพี่ๆ ทั้งสองจะไม่มีเวลาไปก็เลยยกรางวัลให้ที่สอง นั่นคือคู่ของพี่พิมกับพี่ผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนกัน
หลังจากมอบรางวัลและคุยกันอีกเล็กน้อยพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ คนที่เมากลับเองไม่ไหวก็ให้เพื่อนช่วยลากกันกลับไป แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ารบกวนประธานและรองประธานให้ไปส่งหรอกครับ ผมก็เลยได้ตรงกลับบ้านกับพี่ลุกซ์
++++++++++++++++++++++ คู่นี้ก็หวานเกิ๊นนนน ไม่เกรงใจอีกคู่เลย แต่ก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าไอ้คุณชนะจะมาแยกคู่นี้เขาออกจากกันยังไง
เย็นวันต่อมา
พี่ลุกซ์มาหาผมอย่างที่บอกไว้โดยไม่ลืมเข้าไปทักทายพ่อแม่ของผมด้วย ผมแปลกใจนิดๆ ที่พี่ลุกซ์มาในสภาพชุดกีฬา เสื้อแขนกุดเว้าลึก กางเกงวอร์มผ้าสีเทาลู่ไปกับขายาวๆ ได้รูป ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เห็นพี่ลุกซ์สวมชุดแบบนี้ผมก็อดไม่ได้ที่จะเขินทุกครั้ง หล่ออ่ะ บอกเลยว่าผมโชคดีนะที่ได้ผู้ชายคนนี้มาครอง ถ้าคนอื่นได้ไปคงน่าเสียดายแย่ ผู้ชายอะไร สวมชุดไหนก็หล่อได้อีก
“ไปเปลี่ยนชุดไป วันนี้คนในแผนกนัดกันไปเล่นกีฬาน่ะ” พี่ลุกซ์บอก ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามนิดๆ ว่าทำไมต้องไปเล่นกีฬาด้วย “ถูกคนในแผนกคะยั้นคะยอมาน่ะว่าประธานต้องไป คุณพลอยเลยมากระซิบบอกให้พามึงไปด้วย” พี่ลุกซ์บอก ผมยิ้มนิดๆ
“แล้วจะเล่นอะไรกันล่ะครับ?” ผมถาม ไอ้ผมก็เล่นกีฬาได้ไม่กี่อย่างซะด้วยสิ
“เทนนิสล่ะมั้ง” พี่ลุกซ์บอก
“ผมเล่นไม่เป็นหรอกนะครับ” ผมบอกทันที
“กูก็เล่นไม่เป็น เอาเถอะ ไปตามที่เขาชวนนั่นแหละ” พี่ลุกซ์บอก
“ครับๆ งั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ” ผมบอกยิ้มๆ แล้วลุกจากโซฟาเพื่อขึ้นไปด้านบน
“เดี๋ยวไปช่วยเปลี่ยน ฮึๆ” พี่ลุกซ์ยิ้มแล้วรีบตามผมมาโดยไม่ลืมแอบแต๊ะอั๋งผมด้วยการจับนั่นหอมนี่ไปด้วย
“กรี๊ดดดดด น้องเป๊อร์!!” เมื่อไปถึงคอร์ทที่นัดกันไว้ สาวๆ ที่ฝ่ายก็พุ่งเข้ามาหาผมทันทีจนผมตั้งรับแทบไม่ทัน
“โอ๊ะ เบาๆ ครับ” ผมพูดยิ้มๆ พลางยกมือขึ้นกันแผลที่ท้องเอาไว้ คิดว่าแผลมันใกล้จะหายแล้วและน่าจะเล่นไหวอยู่
“คิดถึงมากกก” พี่พลอยลูบแก้มของผมเบาๆ อย่างคิดถึง
“เดี๋ยวก็ได้กลับไปทำงานแล้วล่ะครับ” ผมบอก
“ไม่ได้ทำแผนกเดียวกันอยู่ดีนี่นา เซ็งเลย ทำงานในออฟฟิศเงินเดือนเยอะๆ ไม่ชอบใช่ไหมเนี่ย?” พี่พลอยทำหน้าเซ็งสุดติ่ง
“แหม...ทำงานในออฟฟิศผมไม่ถนัดหรอกครับ ถ้าเครื่องยนต์กลไกนี่ของชอบ” ผมบอกอีก
“ชอบอะไรไม่เข้ากับหน้าเลยนะเปอร์ เอาเถอะ ยังไงก็ไปจับคู่ซ้อมกับประธานก่อนละกัน วันนี้เราจะแข่งเทนนิสแบบคู่” พี่พลอยบอก ผมขมวดคิ้วงงๆ แล้วหันไปมองพี่ลุกซ์ พี่มันก็ได้แต่ยักไหล่นิดๆ อย่างไม่ใส่ใจอะไรมากมาย
ผมเดินเข้าไปหาพี่ลุกซ์กับพี่ถังและพี่เคย์ก่อนจะส่ายหน้าไปมานิดๆ เพราะไม่อยากแข่ง ก็ผมเล่นไม่เป็นนี่หว่า แร็คเก็ตก็ยังไม่เคยจับเลยด้วยซ้ำ แถมยังต้องแข่งคู่กับพี่ลุกซ์ที่เล่นไม่เป็นอีก ไม่ต้องแข่งก็รู้ว่าแพ้แน่นอน
“ต้องเอาแชมป์มาให้ได้นะโว้ย” พี่ถังหันไปพูดกับพี่เคย์แล้วทั้งคู่ก็ยิ้มร้ายๆ ใส่กันทำเอาผมเซ็งหนักเพราะทั้งสองคนเล่นเทนนิสเก่งน่ะสิ
“พี่ลุกซ์ เอาไงดีอ่ะ?” ผมขยับเข้าไปใกล้พี่ลุกซ์แล้วเขย่าแขนพี่มันเบาๆ
“จะห่วงอะไรเปอร์ ไอ้ลุกซ์มันเล่นเก่งจะตาย ห่านี่เล่นกีฬาได้ทุกอย่างนั่นแหละ” พี่เคย์ว่าทำให้ผมรีบหันหน้าไปมองพี่ลุกซ์ทันที ไหนบอกว่าเล่นไม่เป็นไงวะ
“อยากให้มึงมีเพื่อน” พี่ลุกซ์ยักคิ้วผมจึงฟาดแขนเข้าให้ ข้อหาโกหก
“งั้นมาสอนผมเล่นหน่อย จะได้ไม่เป็นตัวถ่วงตอนแข่ง” ผมบอกพลางลากพี่ลุกซ์ไปคอร์ทที่มีกำแพงสูงสำหรับซ้อมตี
“มึงจะไหวไหม? แผลจะเปิดเอานะ” พี่ลุกซ์ถามพลางเปิดกระเป๋าใส่แร็คเก็ตแล้วหยิบแร็คเก็ตขึ้นมาให้ผม
“ไม่เป็นไรหรอกครับ แผลใกล้ปิดสนิทแล้ว” ผมบอกยิ้มๆ พี่ลุกซ์จึงพยักหน้าแล้วเดินมายืนซ้อนอยู่ด้านหลังเพื่อสอนวิธีจับไม้และการตีพื้นฐานให้
ผมซ้อมตีอย่างเก้ๆ กังๆ ไปได้ซักพักก็เริ่มคล่องขึ้นจากนั้นพวกพี่ๆ ก็มาเรียกไปจับฉลากแข่งกัน โดยการแข่งแต่ละครั้งจะต้องมีการลงโทษคนแพ้ในแต่ละรอบและมีรางวัลให้คนที่ได้ที่หนึ่ง อัดฉีดรางวัลโดยประธานของเรานั่นเอง รางวัลที่ว่านั่นก็คือตั๋วเครื่องบินไปกลับสองที่นั่งพร้อมกับที่พักในภูเก็ตสองวันหนึ่งคืน ได้ยินแว่วๆ มาว่าพวกพี่ๆ เขาไปตื๊อเอาจากพี่ลุกซ์ จนสุดท้ายก็ได้มา
ส่วนการลงโทษในแต่ละรอบนั่นก็คือ ข้างๆ คูลเลอร์น้ำดื่มจะมีกระติกใบใหญ่อยู่หนึ่งใบซึ่งในนั้นบรรจุเหล้าเจือจางเอาไว้ ใครแพ้ก็ยกตามความพึงพอใจของคนชนะและมีอีกอย่างหนึ่งคือให้ใช้ร่างกายมารับโทษแทน แล้วแต่คนชนะจะสั่งล่ะนะ
“อะแฮ่ม ในฐานะที่เป็นผู้ชนะ ขอสั่งให้คนแพ้วิดพื้นสิบครั้งครับ” พี่เคย์ยืดตัวพูดอย่างเป็นทางการพลางอมยิ้มหลังจากเล่นขี้โกงเอาชนะผมกับพี่ลุกซ์ได้อย่างขาดลอย
ที่ว่าขี้โกงคือพวกพี่มันตีใส่แต่ผมคนเดียวซึ่งเล่นไม่เป็นทำให้พี่ลุกซ์ต้องลำบากวิ่งโยกไปมาเพื่อรับลูกแทนจนเหนื่อยหอบ หมดสภาพล้มลงนอนแผ่หลังจากแข่งเสร็จ
“โหดร้ายไปไหมคะน้องเคย์ น้องเปอร์เจ็บอยู่ด้วยนะ แถมประธานยังเหนื่อยจนนอนแผ่เลย” พี่พลอยช่วยประท้วงเมื่อเห็นว่าพี่เคย์ลงโทษโหดเกินไป บอกตรงๆ ว่าให้ผมวิดพื้นตอนนี้ไม่ไหวหรอก ถึงจะแค่สิบครั้งก็เถอะ
“ผมไม่โหดร้ายขนาดนั้นหรอกครับ ตอนนี้เปอร์เจ็บอยู่ก็คงไม่ให้วิดพื้นแต่จะไม่ให้มีส่วนร่วมคงไม่ได้ เปอร์ นอนหงาย” พี่เคย์พูดแล้วหันมาสั่ง ผมขมวดคิ้วงงๆ แต่ก็ยอมนอนหงายราบลงกับพื้น “ลุกซ์ วิดพื้นดิ๊” พี่เคย์กระดิกนิ้วเรียกให้พี่ลุกซ์มาวิดพื้นด้วยรอยยิ้ม พี่ลุกซ์เองก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์พลางเดินไปแปะมือกับพี่เคย์ คนอื่นๆ ตอนนี้ก็เริ่มหัวเราะคิกคักกันอย่างขวยเขินแล้ว ส่วนผมก็กำลังงงว่าพวกเราเขินกันทำไม
พรึ่บ!
“เฮ้ย!!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อจู่ๆ พี่ลุกซ์ก็มาตั้งท่าวิดพื้นโดยคร่อมตัวผมเอาไว้ ห่า! จะทำอะไรวะเนี่ย!?!
“ทุกคน ถ่ายวิดีโอเลยครับ ฮึๆๆ” พี่เคย์หัวเราะเย็นๆ พลางเอาโทรศัพท์ของตัวเองมาตั้งกล้องพร้อมกับสาวๆ ที่รีบล้วงหาโทรศัพท์กันจ้าละหวั่น
เฮ้ย! กะจะแบล็คเมล์กันรึไงฟะ!?
“เขาจะทำโทษเราไง” พี่ลุกซ์บอกเมื่อเห็นผมทำท่างงสุดติ่ง จะให้พี่ลุกซ์วิดพื้นไม่ใช่เหรอ? แล้วมาคร่อมผมทำไมวะ!?!
“ไปวิดไกลๆ ดิ” ผมสะบัดมือไล่พี่ลุกซ์พลางขมวดคิ้วแน่น จะวิดท่านี้ได้ยังไงวะ?
“เอ้าๆ พร้อมไหมๆ” พี่เคย์เอาโทรศัพท์มาใกล้ๆ หน้าผมกับพี่ลุกซ์แล้วเร่ง พี่ลุกซ์พยักหน้า “เริ่ม” พี่เคย์สั่งทำให้พี่ลุกซ์เริ่มวิดพื้น
จุ๊บ!
“เฮ้ย!” ผมร้องเมื่อพี่ลุกซ์วิดพื้นลงมาหนึ่งครั้งพร้อมกับจูบที่ปากผมเบาๆ เรียกเสียงกรี๊ดกับเสียงโฮ่ร้องได้อย่างดี
จุ๊บ!
“เฮ้ย!” ผมร้องอีกครั้งเมื่อถูกจูบในการวิดพื้นครั้งที่สอง เสียงกรีดร้องยังคงดังลั่น “พี่เคย์ พอแล้ว ผมอาย...อุ๊บ” ผมหันหน้าไปพูดกับพี่เคย์โดยถูกจูบปิดปากในการวิดพื้นครั้งที่สาม
“โอ๊ย เขิน ฮ่าๆๆ” พี่เคย์ไม่ตอบรับคำขอของผมแล้วหันไปทำหน้ามุ้งมิ้งใส่พี่ถังโดยยังไม่หันกล้องไปไหน
“การลงโทษแสนหวาน วี้ดวิ้ววววว” เสียงพี่ๆ ในออฟฟิศแซวพร้อมกับเป่าปากส่งเสียงด้วยความชอบอกชอบใจ
“พี่ลุกซ์...” ผมหันกลับไปมองหน้าคนด้านบนที่กำลังวิดพื้นอย่างขยันขันแข็งด้วยสายตาขอร้องให้หยุด ผมอายนี่ครับ รู้หรอกว่าคนอื่นเขารู้หมดแล้วว่าผมกับพี่ลุกซ์เป็นอะไรกันแต่ให้มาหวานกันแบบนี้มันไม่ไหวมั้ง ที่สำคัญ พี่ลุกซ์แม่งหาเรื่องฉวยโอกาสนี่หว่า ก็ช่วงนี้ผมไม่ค่อยยอมให้พี่มันเข้ามานัวเนียเหมือนเมื่อก่อนด้วยแหละ พอมีโอกาสก็รีบกอบโกยเอาเชียวนะ
พี่ลุกซ์วิดพื้นต่อไปจนกระทั่งถึงครั้งสุดท้ายโดยไม่สนใจสายตาอ้อนวอนของผมเลย และในครั้งสุดท้ายพี่มันก็วิดพื้นแช่ค้างเพื่อลวนลามริมฝีปากของผมนานๆ แถมตอนที่จะลุกออกไปพี่มันยังกัดริมฝีปากล่างของผมเบาๆ ด้วย ฮึ่ย!! ไอ้แก่หื่นเอ๊ย!!
“ต่ออีกสิบครั้งไหวไหมครับประธาน?” พี่ผู้ชายเป่าปากแซวแล้วถามล้อๆ
“ร้อยครั้งก็ไหว” พี่ลุกซ์ที่ลุกออกจากตัวผมไปนั่งหอบอยู่ข้างๆ พูดยิ้มๆ ด้วยสีหน้าเจ้าเล่ห์
“นิสัยไม่ดี” ผมลุกขึ้นมานั่งแล้วตีปากพี่ลุกซ์เบาๆ ไม่รู้พี่ลุกซ์อดอยากปากแห้งมากมายมาจากไหน พอถูกตีปากก็รวบตัวผมไปล็อกไหล่เอาไว้แล้วโถมตัวเข้ามาจูบอย่างหื่นกระหายจนเสียงโฮ่แซวดังขึ้นอีกระลอก “อื้อ พี่ลุกซ์อย่า...” ผมประท้วงเบาๆ เมื่อพี่ลุกซ์จะแทรกลิ้นเข้ามา ถึงตอนนี้พี่ลุกซ์จะยกแขนบังหน้าเราเอาไว้แต่ผมก็อายอยู่ดี
“ก่อนแยกกันขอเต็มที่ซักครั้งนะ” พี่ลุกซ์กระซิบชนิดที่ชิดริมฝีปากก่อนจะผละออกไป ผมเม้มปากแล้วตบแก้มพี่ลุกซ์ไปเบาๆ อย่างเขินๆ ก่อนจะรีบลุกเดินหนีออกจากคอร์ทเพื่อหนีเสียงโฮ่แซว ผมเขินนะเออ ทั้งเขินทั้งอายเลย พี่ลุกซ์ก็ช่างกล้า!
ผมเดินออกมาที่มินิมาร์ทตรงทางเข้าก่อนจะไปถึงคอร์ทเทนนิสด้วยอาการอายสุดติ่ง ออกมานี่เพื่อหนีอายแล้วก็มาหาน้ำดื่มด้วยครับ คอแห้งมากแต่ไม่กล้าไปดื่มน้ำที่อยู่ข้างคอร์ท เดี๋ยวโดนแซวเอา ถ้าเป็นอดีตผมอาจจะดีใจกับเรื่องแบบนี้ก็ได้แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ พอโตขึ้นหน้ามันก็บางลงเรื่อยๆ นี่ครับ ไม่ได้อยากโชว์ซักหน่อยว่ารักกับแฟนขนาดไหน
เออะ...แต่ตอนนี้ผมชักอยากจะโชว์แล้วล่ะครับว่าผมกับพี่ลุกซ์รักกันจนแทบจะกลืนกิน
“อ้าว! คุณเปอร์นี่นา วู้ ลัคกี้!”
ผมแทบอยากจะมุดดินหนีคุณที่เรียกผมเมื่อครู่เสียเหลือเกิน นี่สวรรค์จงเกลียดจงชังอะไรผมมากมายหรือเปล่าครับ ทำไมต้องให้ผมมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอมากๆ ในเวลานี้ด้วยก็ไม่รู้ ที่สำคัญ...ไอ้คุณชนะมันหอบกล้องพะรุงพะรังมาทำห่าอะไรแถวนี้วะ!?!
“เฮ้ยนี่คุณ! จะเดินหนีผมไปไหนครับเนี่ย?” คุณชนะรีบวิ่งมาขวางผมเอาไว้เมื่อเห็นผมวางขวดน้ำไว้ที่เดิมแล้วตั้งหน้าตั้งตาเดินออกจากร้าน
“อ่า...ผมจะไปเล่นกีฬากับคนที่บริษัทน่ะครับ” ผมบอกอย่างจำใจ
“พรหมลิขิตแน่ๆ เลยครับที่ทำให้เรามาเจอกัน นี่ผมก็มาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งที่คอร์ทเทนนิสด้านในนี่เองครับ คุณเปอร์มาเล่นเทนนิสหรือเปล่า? ถ้าคอร์ทใกล้กันคงจะดีนะครับ” ไอ้หมอนี่ยังพูดมากไม่เปลี่ยนเลยแฮะ เซ็งว่ะ ถ้ามาทำงานก็รีบๆ ไปสิเว้ย
“แล้วคุณไม่รีบไปทำงานเหรอครับ?” ผมถามเพราะอยากจะรีบตัดบทแล้วหนีไปซะ
“ผมมาดูสถานที่ก่อนน่ะครับ มาหามุมไว้ก่อนเพราะฉะนั้นผมมีเวลาคุยกับคุณเปอร์อีกนานเลยล่ะ” ถามกูบ้างว่าอยากคุยด้วยไหม? โธ่ ทำไมเวลาแบบนี้พี่ลุกซ์ถึงไม่ตามมานะ ไม่ใช่ว่าเหนื่อยจนนอนตายอยู่ข้างคอร์ทหรอกนะ
“ผมต้องรีบไปแล้วครับ ออกมานานแล้ว” ผมโกหกไปเพราะไม่อยากคุยกันนานไปมากกว่านี้ จริงๆ ผมก็ไม่ได้รังเกียจอะไรคุณชนะหรอกนะครับแต่ผมไม่ชอบที่เขามาตามจีบผมแบบนี้ บอกแล้วไงว่าถ้าไม่ใช่พี่ลุกซ์ผมไม่สนผู้ชายหรอก และตอนนี้ผมรักใครไม่ได้เลยจริงๆ ไม่ว่าจะหญิงหรือชายก็ตามเพราะผมรักแค่พี่ลุกซ์คนเดียวเท่านั้น
“อ๊ะ งั้นผมไปด้วยครับ ยังไงก็ต้องเดินไปด้วยกันนี่เนอะ” คุณชนะยิ้มแป้นผมจึงถอนหายใจแล้วเดินนำ
ขณะที่ผมกำลังเดินก้มหน้าอย่างเซ็งเป็ดกลับไปที่คอร์ทผมก็พบกับพี่ถังกลางทางพอดิบพอดี ผมยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินเข้าไปหาพี่มันแล้วส่งสัญญาณให้มันเห็นคุณชนะด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ
“กูกำลังจะมาตามมึงกลับไปพอดี” พี่ถังพูดพลางจ้องคุณชนะด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
“อืม กูก็กำลังจะกลับไป เอ่อ...นี่คุณชนะ รู้จักตอนไปเที่ยวน่ะ บังเอิญเจอ” ผมบอกพลางกรอกตานิดๆ แสดงถึงความเซ็ง
“กูรู้จัก ลูกเพื่อนพ่อกูกับพ่อมึง เคยเจอตามงานบางครั้ง” พี่ถังบอก ผมเซ็งยิ่งกว่าเดิมที่พี่ถังรู้จักแต่ดูเหมือนพี่มันไม่ชอบ “ห่า...มันเคยจีบกู ไอ้เคย์เกือบฆ่ามันแน่ะ” พี่ถังก้มลงมากระซิบเบาๆ เล่นเอาผมเบิกตากว้างอย่างตกใจพลางหันไปมองคุณชนะอย่างอึ้งๆ ไอ้คุณชนะนี่ยังไงวะเนี่ย!? ตกลงเป็นรุกหรือรับ กล้ามาจีบพี่ถังที่ตัวโตอย่างกับควายได้ยังไง? ก็รู้หรอกว่าบางมุมพี่ถังก็น่ารักแต่คือ...พี่มันหล่อและแมนมาก ถึงจะเป็นเมียพี่เคย์ก็เหอะ นั่นมันกรณีที่พี่เคย์ตัวใหญ่และบึ้กกว่าไงแต่คุณชนะดูยังไงก็ตัวเล็กกว่าอ่ะ
“สวัสดีครับถัง รู้จักกันด้วยเหรอครับ?” คุณชนะถามยิ้มๆ แต่ตาดูไม่ยิ้มด้วยเลย พวกเขาคงมีเรื่องกันมาพอสมควรสินะถึงได้มองหน้ากันแบบไม่ค่อยจะเป็นมิตรแบบนี้
“น้องชายกูเอง ถ้ามึงคิดจะจีบก็เลิกไปซะ มึงคงยังไม่รู้จักไอ้ลุกซ์” พี่ถังดึงผมไปหลบด้านหลังตัวเองแล้วพูดขู่ไปเล็กน้อย
“รู้จักสิครับ ประธานบริษัทที่หล่อและรวยมาก แต่รู้จักไปก็เท่านั้น ผมไม่ได้สนใจเขาซักหน่อย” ผมอยากกระโดดเข้าไปตั๊นหน้าไอ้เวรนี่จริงๆ คำพูดที่ดูมั่นใจแบบนั้นมันน่าหมั่นไส้ว่ะ
“เฮ้อ เจอไอ้เคย์ไปคงไม่เข็ดสินะ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าไอ้เคย์ที่เป็นเพื่อนสนิทโหดได้ไม่ถึงครึ่งของไอ้ลุกซ์ด้วยซ้ำ” พี่ถังกัดฟันพูดออกไปด้วยน้ำเสียงโมโห ที่บอกว่าพี่เคย์โหดได้ไม่ถึงครึ่งของพี่ลุกซ์น่ะผมเห็นด้วย แต่ไม่ใช่ตอนที่พี่เคย์โกรธอ่ะนะ
“คนเป็นเพื่อนกันนี่ชอบใช้กำลังเหมือนกันสินะครับ เห็นว่าผมสู้ไม่ได้ก็เลยขู่ด้วยกำลังงั้นเหรอ? ถ้ามั่นใจว่าแฟนจะไม่นอกใจก็ไม่น่าจะมาหาเรื่องผมนะครับ เรื่องของถังก็เหมือนกันนี่ ที่คุณเคย์เขาโมโหก็เพราะคุณนอกใจเขามาหาผม” คำพูดของไอ้คุณชนะทำให้ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของพี่ถังอย่างสงสัยและผิดหวังเล็กๆ ที่พี่มันทรยศพี่เคย์ที่แสนดีคนนั้น จริงๆ ผมไม่เชื่อหรอกแต่มันก็อดสะเทือนใจเล็กๆ ไม่ได้กับสิ่งที่ได้ยิน
“ถุย!! นอกใจห่าอะไร!?! กูคิดว่ามึงเป็นเพื่อนเหอะไอ้สัตว์กูเลยคุยและไปเที่ยวกับมึง คนอย่างมึงมันทุเรศว่ะ รู้ทั้งรู้ว่าคนเขามีแฟนยังจะเสือกเข้ามายุ่ง โรคจิตนะมึง ระวังจะไม่ตายดี” พี่ถังเดินเข้าไปใกล้ไอ้คุณชนะก่อนจะผลักไหล่เขาพร้อมกับพูดประโยคสุดท้าย “กลับคอร์ทเปอร์ เดี๋ยวไอ้ลุกซ์มันตามมาแล้วจะหาที่ฝังศพคนไม่ทัน” ถังเดินกลับมาหาผมแล้วหันไปมองคุณชนะด้วยสายตาเหยียดๆ จากนั้นก็จูงมือผมเดินกลับไปที่คอร์ททันที
30% left
“เล่ามาให้หมด” ผมถามพี่ถังขณะที่เรากำลังยืนคุยกันอยู่หน้าห้องน้ำหน้าคอร์ท
“เออ ก็ไอ้ชนะนั่นมาตีสนิทกับกูก็เลยได้เป็นเพื่อนคุยเพื่อนเที่ยวกันบางครั้ง ไม่คิดว่ามันจะจีบน่ะสิ มันก็รู้นะว่ากูมีไอ้เคย์อยู่แล้วแต่ไม่รู้ทำไม พอมันรู้ว่าไอ้เคย์เป็นแฟนกูมันยิ่งรุก ตอนนั้นกูก็เริ่มตีตัวออกห่างแล้วแหละแต่มันก็แม่งหน้าด้านจนได้เรื่อง สร้างความวุ่นวายให้ไอ้เคย์เข้าใจผิด ช่วงที่กูกับมันทะเลาะกันจนเกือบเลิกกันตอนนั้นนั่นแหละ เหตุมาจากไอ้ชนะ” พี่ถังเล่าอย่างหัวเสีย มีช่วงหนึ่งที่พี่เคย์กับพี่ถังทะเลาะกันหนักมากจนเกือบจะเลิกกัน ตอนนั้นผมก็ได้แต่ดูแลไอ้พี่ถังโดยที่ไม่รู้อะไรเลย รู้แค่ว่ามีมือที่สามแต่ไม่รู้ว่าเป็นใครก็เท่านั้นเอง
“แล้วมันจะมาทำให้กูกับพี่ลุกซ์ผิดใจกันไหมวะ?” ผมขมวดคิ้วเครียดๆ
“มันทำแน่ มันแย่งแฟนคนอื่นมาหลายคนแล้วทั้งหญิงและชายแล้วมันก็ทำสำเร็จหลายครั้งด้วย พอได้แล้วก็ทิ้ง มันกวนตีน ขี้เล่น ชอบหยอด หลายๆ คนก็หลงคารมมัน กูก็เคยหลงเพราะชอบนิสัยกวนๆ ของมัน แต่ไม่ได้หลงแบบนั้นหรอก กูว่ามันเป็นเพื่อนคุยที่ดีแต่สุดท้ายแม่งก็ตอแหล ห่า อยากได้กูเป็นเมียไม่ดูสังขาร แดกตีนกูไปเลยเข็ดน่ะสิ” พี่ถังฟาดงวงฟาดงาใหญ่คนผมเริ่มขำแทนที่จะเครียด
“เออ มันตัวเล็กกว่ามึงพอควรเลยนี่ เคยโดนจับกดไหม?” ผมถามเอาฮาครับ นึกภาพพี่ถังโดนจับกดไม่ออกเลยจริงๆ ขนาดภาพที่พี่เคย์กดผมยังนึกไม่ออก ก็พี่ถังมันแมนจะภายนอกและภายในจริงๆ นะครับ นิสัยไม่กระเง้ากระงอด ไม่ขี้งอนเป็นเด็กๆ เหมือนผมด้วย คือ...แมนมากจริงๆ
“เคยดิ ห่า...แรงน้อยกว่ากูยังสะเออะจะกดกูตอนเมา ควายมาก ยิ่งเมาแรงกูยิ่งควายเลยแหละสัตว์” พี่ถังบอก จริงครับ ข้อนี้ผมคอนเฟิร์ม พี่ถังตอนเมาแรงเยอะกว่าปกติมาก ใครจะทำอะไรมันตอนนั้นไม่ได้แน่นอน เหมือนคนบ้าพลังเลยทีเดียว มีคนเดียวที่ปราบอยู่คือพี่เคย์ ไม่ต้องเอาแรงเข้าว่า แค่คำพูดก็ทำให้กระทิงดุกลายเป็นควายเชื่องๆ ตัวหนึ่งได้เลยทีเดียว ฮ่าๆ
“แล้วมึงจะบอกพี่เคย์ไหมว่าเจอเขาที่นี่?” ผมถามเพราะดูเหมือนพี่ถังจะไม่อยากให้พี่เคย์รู้เรื่องนี้ซักเท่าไหร่
“ไม่อยากบอกหรอกแต่เคยปิดมันเรื่องที่เจอไอ้ชนะ มันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเลย ห่า กูไม่อยากเจอตอนไอ้เหี้ยเคย์ตกมันหรอกนะ น่ากลัวตายชัก” พี่ถังทำท่าขนลุกแล้วลูบแขนตัวเองเบาๆ
“สรุปคือมึงจะบอกใช่ไหม?” ผมถามอีกครั้ง ถ้ามันบอกพี่เคย์ผมก็จะบอกพี่ลุกซ์เหมือนกัน
“อืม บอกก็ดีจะได้ให้ไอ้เคย์มันช่วยไล่ไอ้ชนะให้มึงด้วย อย่างน้อยพวกกูที่เคยมีประสบการณ์อาจจะได้คอยบอกคอยเตือนพวกมึงให้ใจเย็นๆ เวลาโดนไอ้ชนะมันปั่นหัวก็ได้ มันมีวิธีปั่นหัวคู่รักเยอะแยะมากมายไปหมดเลยแหละ ต้องคอยระวัง โวะ! พูดแล้วคันตีนว่ะแม่ง ถ้าเห็นหน้าอีกครั้งกูจะกระทืบหน้ามัน” ผมบอกแล้วครับว่าพี่ผมแม่งทั้งโหดทั้งเถื่อน ยังไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่ามันได้เป็นลูกสะใภ้อาวายุกับอาวิค
“งั้นไปบอกพวกพี่ๆ กัน มองหาเรากันแล้วมั้งนั่น” ผมบอกเมื่อเห็นพี่ลุกซ์กับพี่เคย์เดินเข้าไปคุยกันแล้วมองไปรอบๆ เหมือนหาอะไรบางอย่าง พี่ถังพยักหน้าก่อนจะพาผมเดินกลับเข้าไปที่คอร์ท
“หายไปไหนมาครับ?” เมื่อเราเดินเข้าไปหาสองหนุ่ม พี่เคย์ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่ว่าจะฟังเมื่อไหร่ก็นุ่มละมุนเหลือเกิน หน้าว่าหล่อแล้ว เสียงแม่งยิ่งหล่อ
“ไปตามไอ้เปอร์ที่มินิมาร์ทน่ะ แล้วเจออะไรไม่ดีมานิดหน่อย” พี่ถังขมวดคิ้วพูดเสียงเข้ม เอิ่ม...มึงช่วยพูดเสียงนุ่มๆ เหมือนแฟนมึงจะได้ไหม ถ้าไม่ติดว่าพี่เคย์ตัวยักษ์ล่ะก็ผมคิดแน่นอนว่าพี่ถังเป็นผัวส่วนพี่เคย์เป็นเมีย นิสัยก็ต่างกันมากซะด้วย แต่ก็นะ อย่างที่เคยบอกแหละว่าที่จริงคนที่คุมอีกฝ่ายได้จริงๆ คือพี่เคย์แม้ภายนอกจะดูเหมือนพี่ถังคุมก็เถอะ
“เจออะไร?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วถามเสียงเข้าบ้าง แหม่...ทำไมคนรอบตัวผมถึงได้มีแต่พี่เคย์ที่อ่อนโยนกันนะ?
“ไอ้ชนะ” พี่ถังพูดซึ่งนั่นก็ทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง พี่เคย์ที่มีออร่าของเทวดากระจายออกจากตัวอยู่ตลอดเวลาแผ่รังสีแห่งความดำมืดออกมาทันที โอ้ไม่นะ! อย่าเพิ่งมาโกรธตอนนี้นะครับเทวดาของผม “ตอนนี้มันกำลังจีบไอ้เปอร์อยู่” พี่ถังพูดต่อ
“ว่าไงนะ!?!” พี่เคย์ขมวดคิ้วมองหน้าผมกับพี่ลุกซ์สลับกัน
“เออ น่ารำคาญฉิบ” พี่ลุกซ์ทำเสียงจิ๊จ๊ะอย่างไม่พอใจ
“เฮ้อ...” พี่เคย์ถอนหายใจออกมาอย่างเครียดๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่พี่ถังเล่าให้ผมฟังให้พี่ลุกซ์ฟังซึ่งนั่นก็ทำให้องค์ลงพี่ลุกซ์ทันที
“ตอนนี้มันอยู่ไหน!?” พี่ลุกซ์ถาม
“ทำไมครับ?” ผมถามกลับอย่างหวั่นๆ หน้าตาพี่ลุกซ์ตอนนี้พร้อมจะมีเรื่องมากและดูจะเอาจริงสุดๆ
“กูจะไปกระทืบมันน่ะสิถามได้ แม่ง!” พี่ลุกซ์กระฟัดกระเฟียดอย่างโมโห จังหวะนั้นพี่ถังกับพี่เคย์ก็ถูกเรียกให้ไปแข่งเทนนิสพวกเราจึงต้องแยกกัน ผมก็เลยต้องปลอบให้พี่ลุกซ์อารมณ์เย็นลงอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาแซวเราเพราะสีหน้าของพี่ลุกซ์ไม่พร้อมให้ใครแซวอย่างแรง
“จะไปกระทืบเขาทำไมล่ะครับ? ใจเย็นๆ นะ” ผมลูบลำแขนพี่ลุกซ์เบาๆ เพื่อให้พี่มันใจเย็น ตอนแรกผมก็อยากให้พี่ลุกซ์ไปกระทืบปากไอ้หมอนั่นอยู่หรอกนะแต่พออารมณ์พี่ลุกซ์มาเต็มแบบนี้ผมรู้สึกสงสารคุณชนะขึ้นมาเลยทีเดียว
“แล้วมันได้ทำอะไรมึงไหม?” พี่ลุกซ์หันมาสังเกตร่างกายของผมโดยจับผมหมุนไปมา
“ไม่ครับ” ผมส่ายหน้านิดๆ
“ไม่ได้แล้วนะแบบนี้ มึงจะไปเจอมันโดยบังเอิญที่ไหนอีกก็ไม่รู้ หรือมันอาจจะไปดักรอเจอมึงอีกก็ได้ ทำไงดีวะ?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วเครียดๆ ทำเอาผมแอบขำ นี่พี่ลุกซ์จริงจังขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ฮ่าๆ
“งั้นผมจะไม่ออกไปไหนถ้าไม่มีพี่ ตกลงไหม?” ผมถาม ถ้าให้อยู่ที่บ้านล่ะก็ผมไม่ได้เจอกับคุณชนะแน่นอน
“ไม่ตกลง ไอ้ชนะมันเป็นลูกเพื่อนพ่อมึงใช่ไหมล่ะ ถ้าเกิดมันหาข้ออ้างมาเจอกับมึงที่บ้านจะทำยังไงล่ะ? กูไม่ยอมนะมึง!” พี่ลุกซ์เริ่มพาลเป็นเด็กๆ ซะแล้ว จะทำตัวน่ารักไปไหนน้า ผู้ชายคนนี้
“พาลใหญ่แล้วนะ” ผมเดินไปหยิบทิชชู่มาเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของพี่ลุกซ์ออกพลางพูด
“เปอร์ กูไม่ยอมให้ใครมาแยกมึงออกจากกูอีกแล้วนะ มึงไม่รู้เหรอว่าเวลาที่มีใครมายุ่งกับมึงกูรู้สึกยังไง?” พี่ลุกซ์จับมือของผมที่กำลังเช็ดหน้าให้พี่มันเอาไว้ก่อนจะมองผมอย่างจริงจังจนผมชะงัก
“ผมก็ไม่ให้ใครมาแยกพี่ออกจากผมเหมือนกัน” ผมยิ้มนิดๆ แล้วดึงมือออกจากการเกาะกุมของพี่ลุกซ์แล้วสวมกอดเข้าไป ร่างหนาๆ ชะงักไปนิดหน่อยก่อนจะยกแขนขึ้นโอบกอดผมอย่างเต็มรัก
“โฮ่วววววว หวานกันอีกแล้ว ฮิ้วววว” เสียงโฮ่แซวดังขึ้นอีกรอบเมื่อผมกับพี่ลุกซ์กอดกันโดยลืมไปว่าตอนนี้เราอยู่ที่ไหน ผมลืมจริงๆ นะ ถ้าไม่ลืมผมคงไม่กล้าหรอก
“จะแซวก็ให้มันน้อยๆ หน่อย แฟนผมอาย ฮึๆๆ” พี่ลุกซ์กดหัวผมซุกไหล่ตัวเองแล้วกอดเหมือนกำลังปกป้องพลางพูดออกไปขำๆ
ผมชอบคำว่าแฟนที่พี่ลุกซ์พูดจัง ปกติพูดแต่เมียเมียเมีย ผมว่าแฟนมันฟังดูน่ารักกว่าเยอะเลย แหงล่ะ ผมเป็นผู้ชาย ได้ชื่อว่าเมียมันก็แปลกน่ะสิ
“แล้วตกลงจะเอายังไง? มึงมาอยู่กับกูไหม?” พี่ลุกซ์หันมาถามหลังจากการแซวสงบลงแล้ว
“พ่อไม่ยอมแน่” ผมบอกทันที ตอนนี้พ่อผมแอนตี้พี่ลุกซ์สุดๆ แล้วเรื่องอะไรจะยอมให้ผมไป
“ขอแม่มึงดิ ถ้าเป็นแม่พูดให้ละก็พ่อมึงอาจจะยอมก็ได้” พี่ลุกซ์บอก ผมคิดตามก่อนจะพยักหน้าตกลง จริงๆ ผมก็อยากไปอยู่กับพี่ลุกซ์อยู่เหมือนกัน คิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ ที่เคยมีร่วมกันมาที่คอนโดของพี่ลุกซ์
“งั้นเดี๋ยวผมลองโทรคุยกับแม่ก่อนนะครับ” ผมบอกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาแม่ พอแม่รับโทรศัพท์ผมก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังโดยที่แม่ก็อนุญาตให้ผมไปอยู่กับพี่ลุกซ์โดยที่ไม่ต้องกลับมาบ้านเนื่องจากพ่อของไอ้คุณชนะโทรไปบอกพ่อว่าจะเข้าไปหา
รู้สึกว่าพ่อกับแม่จะรู้เรื่องที่คุณชนะตามจีบผมอยู่ก็เลยยอมให้ผมไปกับพี่ลุกซ์อย่างไม่ตะขิดตะขวงใจ สำหรับแม่ผมไม่แปลกใจหรอกแต่พ่อนี่สิ แม่บอกว่าพ่ออนุญาตให้ไปอยู่กับพี่ลุกซ์ตราบใดที่คุณชนะยังจะแวะเวียนมาที่บ้าน พ่อคงไม่อยากให้ใครมาแย่งผมไปจากพี่ลุกซ์ล่ะมั้ง คิๆ
“ทั้งพ่อทั้งแม่อนุญาตเลยครับ” ผมหันไปบอกพี่ลุกซ์ด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมง่ายจังวะ?” พี่ลุกซ์เลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“คุณชนะจะไปที่บ้านน่ะครับพ่อก็เลยบอกว่าไม่ต้องเข้าบ้าน” ผมบอก
“พ่อมึงนี่ปากแข็งเนอะ ปากก็บอกไม่ยอมรับกูแต่ก็คอยกันท่าคนอื่นให้ แต่ก็ดีแล้วล่ะ วันนี้จะได้เต็มที่ซักที” พี่ลุกซ์พูดทำให้ผมรีบหันขวับไปมองพี่มันด้วยสายตาไม่ไว้ใจทันที
“เต็มที่อะไร?” ผมถามเสียงเขียว
“มึงคิดว่ากูไม่ได้ปลดปล่อยมานานแค่ไหนแล้วเฮ้ย” พี่ลุกซ์โวยวายทำเอาคนอื่นหันมามองเป็นตาเดียว ผมรีบกระโดดปิดปากพี่ลุกซ์เอาไว้
การแข่งขันเทนนิสยังดำเนินต่อไปอย่างคึกคักจนกระทั่งเวลาล่วงเลยไปถึงห้าทุ่มจึงได้ผู้ชนะโดยมีผู้แพ้นอนกลิ้งอยู่กับพื้นเนื่องจากอาการเมาเหล้าอยู่หลายต่อหลายคน บางคนไม่แพ้ก็กินครับ อย่างเช่นพี่ถังเป็นต้น แต่กินพอกรุบกริบไม่ถึงกับเมา ถ้าพี่ถังเมาเละคงลำบากพี่เคย์แย่เพราะตัวพี่ถังไม่ใช่เล็กๆ ถึงพี่เคย์จะแบกไหวก็เหอะนะ
อ้อ ส่วนผู้ชนะที่ได้ของรางวัลไปก็คือพี่ถังกับพี่เคย์นั่นเอง แต่ดูเหมือนพี่ๆ ทั้งสองจะไม่มีเวลาไปก็เลยยกรางวัลให้ที่สอง นั่นคือคู่ของพี่พิมกับพี่ผู้ชายที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนกัน
หลังจากมอบรางวัลและคุยกันอีกเล็กน้อยพวกเราก็แยกย้ายกันกลับ คนที่เมากลับเองไม่ไหวก็ให้เพื่อนช่วยลากกันกลับไป แน่นอนว่าไม่มีใครกล้ารบกวนประธานและรองประธานให้ไปส่งหรอกครับ ผมก็เลยได้ตรงกลับบ้านกับพี่ลุกซ์
++++++++++++++++++++++ คู่นี้ก็หวานเกิ๊นนนน ไม่เกรงใจอีกคู่เลย แต่ก็ต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าไอ้คุณชนะจะมาแยกคู่นี้เขาออกจากกันยังไง
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ