[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  236.19K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) Chapter 21 : กลับไปทำงาน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 21 : กลับไปทำงาน



ตุบ!

“โอ๊ย!” ผมอุทานออกมาเมื่อเดินถอยหลังไปไม่ดูจนถูกคนที่กำลังจะเดินเข้ามาในร้านเปิดประตูชน

“ขอโทษครับ” เสียงคุ้นหูเอ่ยขอโทษเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมหันไปมองพอดี

“ไม่เป็นไร...ครับ” ผมบอกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเจอคนมาใหม่

อ่า...อยาก เจอมาโดยตลอดเลยครับคนนี้  แต่พอเจอเข้าจริงๆ ผมกลับทำอะไรไม่ถูก  อยากจะมุดดินหนีไปซะให้รู้แล้วรู้รอด  ไม่รู้จะทำหน้ายังไงดี มันกะทันหันเกินไป

อ๊าก!! หรือผมจะยิ้มให้เขาแล้วเรียกเขาเหมือนเดิมดีนะ  เอาไงดี?  เกร็งเหี้ยๆ ทำเหี้ยอะไรไม่ถูกเลยครับ!

วูบ

จังหวะ ที่ผมกำลังจะเงยหน้ามองเขาแล้วยิ้มให้ เขาก็เดินหลบแล้วเข้าร้านไป ทำเอาผมยืนนิ่งอึ้งจนคนต่อไปที่กำลังจะเข้าร้านมาเปิดประตูชนผมอีกครั้ง  คราวนี้ผมล้มเพราะไม่ทันตั้งตัวจริงๆ ครับ

“อ๊ะ! พี่เปอร์นี่  ขอโทษนะคะ” ผมสะบัดหัวนิดๆ ก่อนที่คนเปิดประตูเข้ามาชนจะเอ่ยขอโทษขอโพย

ผมมองหน้าน้องบิวตี้ก่อนจะหันไปมองพี่ลุกซ์ที่กำลังนั่งหันหลังให้แล้วหันกลับมามองน้องบิวตี้อีกรอบอย่างไม่เข้าใจ

“มา...ด้วย กันเหรอ?” ผมถามออกไปไม่เต็มเสียงนัก  ใจผมตอนนี้มันหล่นลงไปกองที่ตาตุ่มแล้วล่ะครับ  กลัวคำตอบเป็นอย่างที่กำลังคิด  คิดว่า...เขามาด้วยกัน

“ค่ะ พอดีบิวตี้กำลังฝึกงานเป็นเลขาของพี่ลุกซ์อยู่น่ะค่ะก็เลยตามมาดูว่าพี่ ลุกซ์เขาชอบทานอะไร” น้องบิวตี้พูดด้วยสีหน้าระรื่นก่อนจะเดินไปนั่งร่วมโต๊ะกับพี่ลุกซ์โดยไม่ หันกลับมาสนใจผมอีก  ผมยืนอึ้งอยู่กับที่อย่างผิดหวังพลางกำมือแน่น

“เอกครับ เอาไปให้เองเถอะนะ  ผมจะกลับแล้ว” ผมเดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะยื่นถุงขนมคืนให้เอกพลางเม้มปากแน่น  น้ำตามันจะไหล

“อ้าว ทำไมรีบกลับล่ะ  ไหนบอกว่าจะไป...” เอกแกล้งพูดเสียงดังเหมือนอยากจะให้พี่ลุกซ์ได้ยินแต่ผมรีบส่ายหน้าไปมา เพื่อไม่ให้เอกพูด  ผมไม่อยากให้เขาได้ยินเรื่องเกี่ยวกับผมเพราะต่อให้เขารับรู้เขาก็คงไม่ สนใจ  ขนาดเมื่อกี้เขายังเมินผมเลย

“ผมจะกลับแล้วล่ะ” ผมพูดเสียงแผ่ว

“ให้ผมไปส่งไหม?” เอกถามเสียงเบาลงเมื่อเห็นอาการผมไม่ดี

“ไม่ต้องหรอกครับ ผม...ขับรถมา” ผมก้มหน้าพูดก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรับรู้ถึงความอุ่นร้อนที่แก้ม

เมื่อเอกเห็นว่าผมร้องไห้เขาก็รีบเดินออกจากเคาน์เตอร์มาดึงผมไปกอดเอาไว้ทันที

“ไอ้กล้า  ดูร้านแล้วก็รับออร์เดอร์แทนก่อนนะเว้ย” เอกตะโกนบอกเด็กในร้านก่อนจะผละออกจากผม  แต่ผมรีบกอดเอกเอาไว้

“เอก อย่าเพิ่งปล่อย ฮึก ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าผมอ่อนแอแบบนี้  ผมไม่อยากให้เขารู้ว่าผมเจ็บปวดเพราะเขา” ผมบอกเสียงอู้อี้พลางสะอื้นตัวโยนแล้วจิกเสื้อเอกแน่นอย่างอัดอั้น  ที่ทำแบบนี้ผมไม่ได้อยากจะประชดแต่เพราะตอนนี้ผมไม่มีที่พึ่งจริงๆ  ผมกลัวว่าถ้าเขารู้ว่าผมร้องไห้แล้วเขายังจะมองผมด้วยสายตาเย็นชาเหมือน เดิม  มันเจ็บนะครับแบบนั้น

“เดี๋ยวผมไปส่งนะ” เอกบอกเบาๆ ก่อนจะผละออกจากผมแล้วยกมือขึ้นปิดตาของผมเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครเห็นว่าผมร้องไห้

ขณะ ที่เอกช่วยนำทางผมออกจากร้านมือของผมก็ถูกจับเอาไว้  ผมมั่นใจว่าไม่ใช่มือเอกเพราะมือข้างหนึ่งเอกปิดตาผมส่วนอีกข้างจับแขนผมเอา ไว้เพราะฉะนั้นคนที่จับมือผมต้องไม่ใช่เอกแน่

“เอก ไปเถอะ” ผมเม้มปากน้ำตาไหลมากกว่าเดินก่อนจะบอกเอกเสียงสั่น  ถ้าผมมองหน้าพี่ลุกซ์ผมต้องร้องไห้จนจุกแน่

“ได้ยินว่ายังหางานไม่ได้  จะกลับมาทำงานไหม?” พี่ลุกซ์ถามโดยไม่ยอมปล่อยมือของผม  ผมค่อยๆ บิดมือออกแล้วประสานมือตัวเองไว้ข้างหน้า

“...” ผมไม่ตอบ  ขืนตอบไปมีหวังถูกจับได้แน่ว่าร้องไห้

“เปอร์เพิ่งไปสัมภาษณ์งานมาครับพี่ลุกซ์” เอกตอบแทน

“ไป สัมภาษณ์ก็ใช่ว่าเขาจะรับซักหน่อย  จะกลับมาทำงานก็ไม่มีใครว่าหรอกนะ” พี่ลุกซ์เอื้อมมือมาจับแขนผมพลางออกแรงเหมือนจะดึงผมให้เข้าไปใกล้แต่ผมก็ ขืนตัวไว้

“เอก ปล่อยผมครับ” ผมกัดฟันบอกเอกทำให้เอกปล่อยผมอย่างลังเล  เมื่อเอกปล่อย ผมก็สะบัดแขนออกจากการเกาะกุมของพี่ลุกซ์แล้วรีบเดินหนีออกไปนอกร้านทันที

 

ผลัวะ!!

ทัน ทีที่เปอร์เดินออกไปจากร้านลุกซ์ก็กัดฟันแน่นด้วยความเข้าใจผิด คิดว่าเอกทำเปอร์ร้องไห้  เปอร์ร้องไห้แค่นี้ทำไมลุกซ์จะดูไม่ออก  เขารักของเขามานาน รู้จักเปอร์ดียิ่งกว่าใคร อาการของเปอร์ที่แปลกไปแบบนั้นเขาย่อมดูออกอยู่แล้ว

โครม!

ร่าง ของเอกเซไปชนโต๊ะเก้าอี้ล้มโครมเพราะถูกลุกซ์ต่อยเข้าอย่างจัง  โชคดีที่ลูกค้าในร้านมีแค่ลุกซ์กับบิวตี้เท่านั้นจึงไม่ค่อยวุ่นวาย  จะมีแค่พนักงานในร้านที่วุ่นวาย วิ่งเข้ามาช่วยพยุงเอกกันแทบทั้งร้าน

“มึงทำอะไรมัน?” ลุกซ์ชี้หน้าเอกด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม  เอกเหลือบตามองหน้าลุกซ์นิดๆ ก่อนจะปาดเลือดออกจากมุมปากเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน

“ฮึ มาถามผมทำไมล่ะครับ? ถามตัวเองเถอะครับว่าทำอะไรลงไป” เอกหัวเราะในลำคอนิดๆ ก่อนจะลงไปกลิ้งที่พื้นอีกรอบเพราะถูกลุกซ์ยันโครมเข้าที่อก

“กูบอกมึงไปแล้วใช่ไหมว่าให้ดูแลมัน! อย่าทำไม่ดีเหมือนกู! ถ้ามึงไม่คิดจะดูแล กูจะดูแลคนของกูเอง!” ลุกซ์ชี้หน้าเอกอีกรอบก่อนทำท่าจะพุ่งเข้าใส่เอกอีกแต่พนักงานรีบมาลากเอกออกไป

“พี่ ลุกซ์คะ อย่าโมโหเลยค่ะ  คุณเอกเขาคงไม่ได้ตั้งใจมั้งคะ พี่เปอร์คงสำออยเอง” บิวตี้เดินมาดึงแขนลุกซ์เอาไว้แล้วลูบเบาๆ เพื่อให้ลุกซ์อารมณ์เย็นลง

“ฮึ่ย!” ลุกซ์คำรามในลำคอพลางสะบัดแขนออกจากการเกาะกุมแล้วหันไปมองหน้าบิวตี้ด้วย ความโกรธ “อย่าคิดนะว่าเป็นลูกของลูกค้าแล้วจะทำอะไร พูดอะไรตามอำเภอใจก็ได้  เรื่องเลขา ผมไม่เคยบอกว่าจะให้คุณเป็น! แล้วที่เรียกผมแบบสนิทสนมแบบนั้นใครอนุญาตไม่ทราบ? ที่เงียบไม่ใช่เพราะเกรงใจพ่อคุณหรอกนะแต่เพราะไม่อยากจะพูดอะไรมาก กลัวคุณเสียน้ำใจ  แล้วอย่าคิดว่าผมจำคุณไม่ได้” ลุกซ์พูดกับบิวตี้ด้วยน้ำเสียงเข้มติดขู่นิดๆ ทำให้บิวตี้ถึงกับอึ้งไป  ลุกซ์ใช้จังหวะนั้นรีบเดินตามเปอร์ออกไปโดยที่ไม่มีใครกล้าห้าม

“คิดว่าฉันจะยอมเหรอ?” บิวตี้เม้มปากแน่นก่อนจะหายใจฟืดฟาดอย่างโมโห

“ผู้หญิงอย่างคุณนี่มันใช้ไม่ได้จริงๆ” เอกมองบิวตี้อย่างสมเพชก่อนจะถูกพาตัวไปทำแผลที่หลังร้าน

 

ผม เดินดุ่มๆ หลบมาที่โรงจอดรถที่ไม่มีใครก่อนจะเปิดประตูเข้าไปนั่งในรถแล้วซบหน้าลงกับ พวงมาลัยเพื่อร้องไห้  ไม่ใช่อะไรหรอก  ผมจำน้องบิวตี้ได้แล้วล่ะครับ  เมื่อกี้ผมเห็นสายตาของเด็กคนนั้นแล้วนึกขึ้นมาได้  ผมคุ้นหน้ามานานแล้วแต่นึกไม่ออกเสียที  เพิ่งจะมานึกออกเมื่อกี้เอง  บ้าที่สุดเลย! ทำไมยัยเด็กนี่ต้องโผล่เข้ามาในชีวิตของพวกเราอีกก็ไม่รู้  พลาดไปแล้วครั้งหนึ่งเลยจะเข้ามาแย่งไปอีกสินะ  แม่ง ไม่เลิกราซักทีนะ!

ก๊อกๆ

ผมสะดุ้งนิดๆ เมื่อกระจกรถฝั่งคนขับถูกเคาะ  ผมหันไปมองคนเคาะก่อนจะหันหน้าหนีแล้วรีบเช็ดน้ำตาให้ตัวเองลวกๆ

“ลงมาจากรถเดี๋ยวนี้” เสียงต่ำๆ ตะโกนสั่งพร้อมกับทุบกระจกรถเสียงดังจนผมที่กำลังจะเสียบกุญแจสะดุ้งและทำกุญแจหล่น

จังหวะ ที่กำลังก้มไปเก็บกุญแจนิ้วของผมก็เผลอไปกดที่ปุ่มปลดล็อคประตูทำให้พี่ ลุกซ์เปิดประตูเข้ามาได้  ผมผวารีบคว้ากุญแจแต่ยังไม่ทันได้สตาร์ท ผมก็ถูกดึงลงจากรถเสียก่อน

ผมสบตาพี่ลุกซ์ก่อนจะรีบหลบเพราะน้ำตามันไหลออกมาไม่หยุด  ส่วนมือก็ถูกจับเอาไว้เสียแน่นทำให้หนีไปไหนไม่ได้

“ไอ้เอกมันทำอะไร?” พี่ลุกซ์ถามเสียงเหี้ย...ม

“เปล่า” ผมพยายามก้มหน้าหลบเพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตา

“มันทำอะไรมึง? ตบตี? หรือมีกิ๊ก?” พี่ลุกซ์ถามอีก  ผมเม้มปากแล้วพยายามบิดมือออกจากการเกาะกุม

“เขาไม่ใช่คุณ” ผมตอบออกไปเสียงสั่นๆ

“เปอร์! มึงบอกกูสิ! มันทำอะไรมึง กูจะได้เอาคืนให้มันสมกับที่มันทำกับมึงไง!” พี่ลุกซ์ดึงผมเข้าไปใกล้แล้วตะคอกถามเสียงดัง

“ฮึก” ผมเผลอหลุดสะอื้นออกมาอย่างห้ามไม่ได้

“ถ้ามันไม่ได้ทำอะไรแล้วมึงร้องไห้ทำไม?” พี่ลุกซ์บีบข้อมือผมแน่น

“ไม่เกี่ยวกับคุณ” ผมเอามืออีกข้างมาปิดหน้าของตัวเองเอาไว้

“ใช่ มันไม่เกี่ยวกับกู  แต่กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้นี่!” พี่ลุกซ์ตะคอกอีกครั้งก่อนจะดึงมือที่ผมยกขึ้นมาปิดหน้าตัวเองเอาไว้ออก

“ถ้าไม่อยากเห็นก็ไม่ต้องมองสิ ฮึก ผมมันน่าสมเพช  ร้องไห้เพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ” ผมพยายามก้มหน้าก้มตาไม่กล้าเงยหน้ามอง

“มึงบอกกูมาว่ามันทำอะไรมึง กูจะไปฆ่ามัน!” พี่ลุกซ์คำรามในลำคอ

“คุณไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรเขา” ผมบอกพลางสะอื้น

“มันทำกับมึงขนาดนี้มึงยังจะเป็นห่วงมันอีกเหรอ!?!” พี่ลุกซ์ตะคอกใส่ผมด้วยความโกรธ

“ใช่ ผมเป็นห่วงเขา...” ผมบอกก่อนจะนิ่งไป  พี่ลุกซ์เองก็นิ่งไปก่อนจะปล่อยข้อมือผมแล้วถอยออกไป

“...” พี่ลุกซ์เงียบไป  ผมค่อยๆ เหลือบตามองเขาทำให้รู้ว่าตอนนี้เขาดูเจ็บปวดเหลือเกิน

“เป็น ห่วง...เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีสำหรับผม  คอยช่วยเหลือ ฮึก ช่วยแม้กระทั่งไปรับผมที่ท่าเรือเพราะผมถูกคนเลวๆ ทิ้ง” ผมทรุดลงนั่งกอดเข่าที่พื้นแล้วสะอื้นอย่างไม่อายใคร  ก็ตรงนี้ไม่มีใครให้อายนอกจากพี่ลุกซ์นี่หว่า

“...” พี่ลุกซ์ยังคงเงียบจนผมคิดว่าพี่มันเดินหนีไปแล้ว

“ไอ้ชั่ว! ฮึก ทำเหี้ยอะไรไม่เคยรับผิดชอบ” ผมพึมพำออกมาอย่างน้อยใจ  พี่มันคงเดินหนีไปแล้วล่ะ  จะไปตายไหนก็ไป  ทิ้งผมแล้วไปหายัยน้องบิวตี้นั่นเลย  ไปเลย! เหมาะกันดีอยู่แล้วนี่  เด็กมันร่าน แล้วพี่มันก็เงี่ยน  ขอให้มีความสุขด้วยกันจนตายไปเลย! ฮือ!!

“แล้ว มึงจะให้กูรับผิดชอบไหมล่ะ?” ผมสะดุ้งนิดๆ ก่อนจะเงยหน้ามองพี่ลุกซ์ที่ตอนนี้มายืนอยู่ตรงหน้าผมซะแล้ว  ผมเบ้ปากก่อนจะมุดหน้าซบเข่าต่อ

“คิดเอง” ผมพูดเสียงอู้อี้ก่อนจะถูกกอดรัดเอาไว้ทั้งตัว  อ้อมแขนเขาคงจะใหญ่มากสินะถึงกอดผมที่กำลังนั่งกอดเข่าได้แทบทั้งตัว

“มึงให้อภัยกูแล้วใช่ไหมเปอร์?” พี่ลุกซ์ถามพลางซุกหน้ามาหอมหน้าผากของผม

“ยัง” ผมตอบทันที “แต่จะยอมฟังว่าเกิดอะไรขึ้น  ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นก็จะไม่ให้อภัย” ผมเงยหน้าขึ้นไปพูดก่อนจะถูกหอมหน้าผากอีกครั้ง

“ทำ ไงดีวะเปอร์  กูดีใจจัง” พี่ลุกซ์ยิ้มกว้างพลางเช็ดน้ำตาให้ผมเบาๆ “แต่ก่อนที่จะฟังกูอธิบาย  บอกกูก่อนได้ไหมว่าทำไมถึงกอดกับไอ้เอกเมื่อกี้” พี่ลุกซ์ทำเสียงดุก่อนจะเขม่นตามองผมใหญ่เลย

“ไม่มีเหตุผลต้องบอก  เราไม่ได้เป็นอะไรกัน” ผมสะอื้นนิดๆ ก่อนจะพูด

“งั้น...เรา มาเริ่มต้นกันใหม่ไหม? เริ่มคุยกันใหม่ เคลียร์กันใหม่ แล้วก็...คบกันใหม่” พี่ลุกซ์หน้าบึ้งไปนิดๆ แต่สุดท้ายก็ยิ้มออกมาแล้วขอเริ่มต้นใหม่

“ยังไม่ได้บอกว่าจะคบ” ผมสวนกลับทันที

“งั้น...เริ่ม จีบก่อนก็ได้  กูไม่รีบ  รอมาทั้งชีวิต  รออีกซักนิดจะเป็นไรไป” พี่ลุกซ์ยิ้มก่อนจะช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนซึ่งผมก็ไม่ได้ปัดป้องอะไร “นี่ กลับไปทำงานที่บริษัทเถอะนะ  กูอยากให้มึงอยู่ใกล้ๆ จะได้มีเวลาอธิบายและมีเวลาทำความเข้าใจกันใหม่ไง” พี่ลุกซ์บอกพลางผละออกจากตัวผมเพราะผมดันออกไปเองแหละ  บ้าหรือเปล่า จะให้ยืนกอดกันอยู่อย่างนั้นเดี๋ยวยามมาเห็นเข้าจะเข้าใจผิดเอาได้

“เงินเดือนเท่าไหร่?” ผมเช็ดน้ำตาที่เหลือออกจากหน้าให้หมดก่อนจะถาม

“หกหลัก” พี่ลุกซ์บอกยิ้มๆ เหมือนจะตั้งใจจะเอาเงินมาล่อผมเลย  หกหลักสำหรับเลขามือใหม่อย่างผมมันเยอะเกินไป  เยอะเกินไปมากๆ ด้วย

“เยอะไป  เอาครึ่งเดียว” ผมบอก

“เฮ้ย ไม่ได้ น้อยไปไหม?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วแน่น

“พี่ พลอยได้เท่าไหร่ ผมเอาน้อยกว่าพี่พลอยครึ่งหนึ่ง” ผมบอกเพราะผมมั่นใจว่าเงินเดือนพี่พลอยน่าจะเยอะพอสมควร  ที่ผมขอแค่นั้นเพราะผมคิดว่าผมยังอ่อนประสบการณ์ ไม่ควรได้เงินเดือนเยอะเหมือนกับมืออาชีพ

“หนักกว่าเดิมอีก” พี่ลุกซ์ทำหน้าเซ็งๆ

“ผมยังไม่เก่งพอที่จะทำงานรับเงินเดือนมากมายขนาดนั้น  ถ้าคุณไม่พอใจ ผมไม่ทำก็ได้” ผมยักไหล่ก่อนจะกอดอกหรี่ตามองว่าเขาจะทำยังไง

“พอใจก็ได้  แต่ตอนไหนมึงจะเลิกพูดจาแบบนี้กับกูซักทีวะ? เรียกกูเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ?” พี่ลุกซ์ขมวดคิ้วก่อนจะขอ

“ไม่ ได้” ผมตอบทันที  ผมยังไม่ยอมรับพี่ลุกซ์เต็มที่เพราะฉะนั้นทนไปก่อนละกัน “แล้วก็นะ ในที่ทำงานก็อย่าพูดกับผมแบบนี้  อย่างน้อยก็ต่อหน้าคนอื่น” ผมบอก

“ได้ สิ  งั้น...ถ้าอยู่กันสองต่อสองขอพูดเหมือนเดิมนะ ฮึๆ” พี่ลุกซ์มองผมด้วยสายตาเจ้าเล่ห์พลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างลืมตัว  ผมผงะไปก่อนจะเบือนหน้าหนี  จังหวะเมื่อกี้ไอ้บ้านี่โคตรเซ็กซี่เลยครับ “ตกหลุมรักกูล่ะสิ ฮึๆ” พี่ลุกซ์ชะโงกหน้ามาใกล้ๆ ก่อนจะถามเสียงเจ้าเล่ห์จนผมต้องเบือนหน้าหนี

“ไม่” ตอบตอบเสียงแข็งก่อนจะเดินไปขึ้นรถ

“เดี๋ยว ไปกินข้าวกลางวันด้วยกันหน่อยสิ  เดี๋ยวให้ลูกน้องมาเอารถให้” พี่ลุกซ์คว้าข้อมือผมเอาไว้ก่อนจะดึงผมลงจากรถ

“ผมกินแล้ว” ผมบอกเพราะยังอิ่มเค้กกับกาแฟอยู่เลย

“งั้นกลับบริษัทไปด้วยกันหน่อยสิ  ไปนั่งเล่นในห้องทำงานของกูก่อนก็ได้” พี่ลุกซ์เลื่อนมือไปเล่นที่นิ้วของผมอย่างอ้อยอิ่ง

“ทำไมต้องไปนั่งเล่นด้วย  อยากทำงานก็ทำไปสิ  จะพาผมไปกวนทำไมล่ะ” ผมถามหยั่งเชิง

“อยากมองหน้า” พี่ลุกซ์พูดพลางมองหน้าผมนิ่งๆ แต่สายตาดูโหยหายังไงชอบกล  ผมยอมไปกับเขาดีไหมนะ

“เวลางานจะมานั่งมองหน้าคนอื่นทำไม?” ผมถามอีก  ขอเล่นตัวนิดนึง

“ไป เถอะนะ  คนที่แผนกคิดถึงมากนะรู้ไหม? พอมึงไม่อยู่กูก็อารมณ์เสีย หงุดหงิดจนอาละวาดอยู่บ่อยจนพนักงานจะลาออกกันยกออฟฟิศอยู่แล้ว” พี่ลุกซ์พูดแล้วจับนิ้วชี้ผมไปจูบเบาๆ  ผมรีบชักมือออกก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะรู้สึกเขิน  เวลามีคนมาทำอะไรหวานๆ กับมือ ผมจะเขินง่ายมากเลยครับเพราะมันดูอบอุ่นและน่ารักยังไงก็ไม่รู้

“คนนิสัยไม่ดี  ถ้าอยากอาละวาดใครเขาจะไปห้ามได้” ผมพูดโดยไม่มองหน้าเขา

“ลองห้ามดูสิ  มึงอาจจะห้ามกูได้ก็ได้นะ” พี่ลุกซ์ว่า

“ผม ห้ามคุณไม่ได้หรอก” ผมหน้าหม่นลงเมื่อนึกถึงตอนที่อยู่ที่เกาะ  พี่ลุกซ์อาละวาดซะบ้านแทบพังยับโดยไม่ฟังผมเลยแม้ซักนิด  ถึงจะบอกว่าเมาก็เถอะนะ

“อ่า ซื้อเค้กไปฝากพวกพี่ถังป่ะ” พี่ลุกซ์นิ่งไปนิดก่อนจะเปลี่ยนเรื่องแล้วพาผมเดินกลับเข้าไปในร้านซึ่งตอน นี้ไม่มียัยเด็กบิวตี้อยู่แล้ว



25% left

“กล้า เอกล่ะ?” ผมถามเมื่อไม่เห็นเอกอยู่ในร้าน

“ทำแผลอยู่หลังร้านครับพี่” กล้ามองพี่ลุกซ์นิดๆ ก่อนจะหลบสายตาแล้วบอก

“เอกเป็นอะไร!?” ผมถามเสียงเข้มอย่างตกใจปนสงสัย  เมื่อกี้เอกยังดีๆ อยู่เลย  หรือว่ามีดตัดเค้กบาดมือเอา

“เอ่อ...” กล้าทำหน้าเลิ่กลั่กพลางแอบเหลือบตามองพี่ลุกซ์ด้วยสายตากล้าๆ กลัวๆ

“กู ต่อยมันเอง  ถีบด้วย  ป่านนี้ไม่รู้จุกลิ้นปี่ตายไปแล้วหรือยัง” พี่ลุกซ์ลอยหน้าลอยตาพูดอย่างไม่รู้สึกอะไรทำให้ผมปรี๊ดขึ้นมาจนกำมือแน่น

“นี่คุณ! ทำแบบนั้นทำไม?  เขาไปทำอะไรให้คุณ!?” ผมตะคอกถามอย่างโมโห  ก็เอกอุตส่าห์ช่วยผมแต่เขากลับมาทำร้ายแบบนี้  ผมที่เป็นเพื่อนย่อมโกรธเป็นธรรมดา  เขาไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

“ก็มันทำมึงร้องไห้” พี่ลุกซ์ตอบด้วยสีหน้าโกรธๆ

“เขาไม่ได้ทำ! คนที่ทำน่ะมันคุณต่างหาก!” ผมเหวี่ยงใส่พี่ลุกซ์ก่อนจะรีบเดินเข้าไปที่หลังร้านเพื่อดูอาการเอกทันที

 

เมื่อ เดินเข้าไปเห็นสภาพเอกผมก็ถึงกับถอนหายใจแล้วตบหน้าผากดังแปะอย่างระอากับ ความอารมณ์ร้อนของพี่ลุกซ์  นี่โมโหจนต่อยเอกซะเลือดกบปากเลยเหรอ  แถมดูท่าทางเอกจะจุกเอาเรื่องเพราะนั่งกุมหน้าอกจนไม่รู้ว่าผมเดินเข้ามาใน นี้

“อ้าว พี่เปอร์” เด็กในร้านคนหนึ่งที่กำลังทำแผลให้เอกทักขึ้นก่อนจะทำหน้าตกใจเมื่อมองผ่าน ผมไป  สงสัยจะตกใจตัวต้นเหตุที่ทำให้เอกเป็นขนาดนี้

“เอก เจ็บไหม?” ผมขมวดคิ้วก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ เอกแล้วเอื้อมมือไปแตะที่มุมปากของเอกเบาๆ แต่นั่นก็ทำให้เอกสะดุ้ง

“เจ็บสิ  นี่ยังไม่เคยโดนต่อยเลยนะในชีวิตนี้” เอกบ่นอุบอิบพลางทำหน้ายุ่งเหยิง

“อ่อนชะมัด  ต่อยแค่นี้ไม่ถึงตายหรอกไอ้เอก” พี่ลุกซ์กอดอกมองเอกแล้วแสยะปากอย่างหมั่นไส้

“โดนมั่งไหมล่ะ?” ผมขมวดคิ้วถามพี่ลุกซ์กลับด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

“แค่ หมัดหมัดเดียว  กระจอก  คนเดนตายอย่างกู เหลือแค่ปืนแหละที่ยังไม่เคยโดน” พี่ลุกซ์ทำหน้าหยิ่งๆ อย่างมีมาดเหมือนจะอวด  ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะหันไปดูเอกอีกรอบ

“แล้วนี่เอกโอเคไหม? จุกอกเหรอ? ไปหาหมอไหม?” ผมถามอย่างเป็นห่วง  ก็ที่เอกโดนแบบนี้สาเหตุมันมาจากผมนี่หว่า

“โอ๊ย! ห่วงอะไรกันนักหนา  กูยั้งมือยั้งตีนอยู่หรอกน่า  ยังไงมันก็รุ่นน้องกู” พี่ลุกซ์พูดอย่างหงุดหงิด

“คนพาล  อย่าไปคุยด้วยเลยเอก” ผมมองพี่ลุกซ์ด้วยสายตาหงุดหงิดไม่แพ้กัน

“เปอร์ ไหนบอกจะกลับบริษัทด้วยกันไง? รีบกลับกันได้แล้ว” พี่ลุกซ์จิกตามองผมแล้วบอกเสียงแข็ง

“ใครบอกว่าจะกลับด้วย  พูดเองเออเองทั้งนั้น” ผมส่ายหน้าไปมานิดๆ กับความคิดเอาแต่ได้ และความคิดเอาเองของพี่ลุกซ์

“เปอร์ ไปกับเขาเถอะนะ  ผมไม่อยากให้เปอร์ร้องไห้อีกแล้ว” เอกกระซิบบอกเสียงอ่อน  ไม่ใช่ว่าเอกอยากจะบอกให้ผมไปกับพี่ลุกซ์เพื่อที่จะไม่โดนตีนพี่มันอีกรอบ ใช่ไหมเนี่ย?

“แต่ เอกเจ็บขนาดนี้เพราะความไม่ยั้งคิดของเขานะครับ  ผมไม่อยากไปกับเขาเลย” ผมย่นจมูกก่อนจะแอบเหลือบไปมองพี่ลุกซ์ที่กำลังทำหน้ากวนส้นตีนอยู่  แค่พี่มันกอดอกกระดิกเท้าแถมทำหน้าเหมือนไม่สนใจโลก ผมก็คิดว่าพี่มันกวนตีนแล้วล่ะครับ

“เปอร์  เดี๋ยวก็เข้าใจผิดกันใหญ่โตจนกู่ไม่กลับหรอก  เชื่อผมนะ  แล้วก็ฝากเค้กให้ป้าแก่ด้วย” เอกกระซิบบอกก่อนจะลุกขึ้นยืนตัวงอนิดๆ เพื่อเดินไปหยิบเค้กมาให้

“เฮ้ยๆ ไม่ต้องให้  กูมีปัญญาซื้อเลี้ยงว่าที่เมียได้” พี่ลุกซ์รีบเดินมายกมือขึ้นกันเอกออกให้ห่างจากผม

“คุณ รุจิภาสครับ  เอกเขาฝากให้พี่พลอย ไม่ได้ให้ผม” ผมกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย  อยากอวดทั้งทีก็ไม่ดูตาม้าตาเรือหน่อยเนอะ  ผมเพิ่งกินเค้กจนอิ่มท้องจะแตกแบบนี้คงจะกล้าซื้อกลับไปกินต่อหรอก  อ้วกแตกตายพอดี

เพล้ง

เหมือน ได้ยินเสียงหน้าใครบางคนแตกเลยครับ ฮ่าๆ  แต่คาดว่าคนหน้าหนาหน้าทนอย่างพี่ลุกซ์ต่อให้หน้าแตกไปก็คงแตกแค่ชั้นที่ เคลือบผิวหน้าอยู่เท่านั้นแหละ  ก็พี่มันหน้าด้านจะตาย  แตกไปชั้นเดียวแต่ก็ยังเหลืออีกหลายชั้น

“ช่างดิ ไม่สน  กลับกันได้หรือยัง?” พี่ลุกซ์ลอยหน้าลอยตาพูด ไม่สนอาการหน้าแตกของตัวเองเลย  หน้าหนาจริงๆ ด้วย

“ไปก็ไปสิ  ว่าแต่...เอกจะไปหาหมอไหม เดี๋ยวให้ต้นเหตุไปส่ง” ผมบอกเพราะดูท่าเอกจะยังจุกไม่หาย

“เรื่องอะไร” พี่ลุกซ์ยักไหล่อย่างไม่แคร์โลก

“คุณ!” ผมกำมือแน่นอย่างโมโหกับความยียวนของพี่ลุกซ์

“เอาเถอะเปอร์  ผมไม่เป็นไรแล้ว” เอกโบกมือไปมาเบาๆ

“มัน บอกไม่ได้เป็นไรแล้วเพราะฉะนั้นเรากลับกันเถอะ  ป่ะ” พี่ลุกซ์คว้าข้อมือผมเอาไว้ก่อนจะแย่งเค้กมาจากเอกแล้วลากผมออกจากร้านเพื่อ ไปขึ้นรถทันที

 

เมื่อ มาถึงบริษัทพี่ลุกซ์ก็เดินลั้นลาเข้าไปในออฟฟิศซะน่าหมั่นไส้  ที่จริงพี่ลุกซ์ไม่ได้ทำหน้าฟินๆ วินๆ อะไรหรอกครับ  แต่ผมก็พอจะดูออกว่าพี่มันมีท่าทางมีความสุขสุดๆ  อาจจะมาจากรอยยิ้มมุมปากของพี่มันก็ได้ล่ะมั้งที่ทำให้ผมคิดอย่างนั้น  แต่พอมีคนเดินเข้ามาทักทายพี่มันก็ทำเป็นเข้ม พอไม่มีใครมองก็เอาแต่ยิ้มนิดๆ ที่มุมปากตลอด

“อ๊ะ ประธาน  แล้วก็...เป๊อร์!!” เมื่อเดินไปถึงห้องของพี่ลุกซ์  พี่พลอยที่นั่งอยู่หน้าห้องของพี่ถังก็ทักขึ้น  แต่พอชะโงกหน้ามาเห็นผมพี่พลอยก็ตบโต๊ะแล้วรีบวิ่งมาหาผมด้วยความดีใจทันที

“พี่พลอยครับ เอกฝากเค้กมาให้” ผมยิ้มกว้างก่อนจะยื่นเค้กไปให้พี่พลอย  พี่พลอยรับไปก่อนจะเอาไปวางไว้ที่โต๊ะของตัวเอง

“เค้กช่างมันก่อน  ว่าแต่...มาด้วยกันแบบนี้หมายความว่า...” พี่พลอยมองผมกับพี่ลุกซ์สลับกันพลางยิ้มกรุ้มกริ่ม

“ไม่ มีอะไรทั้งนั้นแหละครับพี่พลอย  กินเค้กดีกว่านะ  เอกเขาฝากมา” ผมหันไปมองหน้าพี่ลุกซ์หน่อยๆ ก่อนจะเดินไปดันไหล่พี่พลอยให้กลับไปที่โต๊ะทำงานเพื่อกินเค้ก

“เดี๋ยวๆ แป๊บนะ  เอ่อ...ประธานคะ  มีคนถือวิสาสะเข้าไปในห้องประธานค่ะ  ไล่ออกมาหน่อยก็ดีนะคะก่อนที่น้องชายของดิฉันจะเข้าใจผิดแล้วไม่ให้อภัย” พี่พลอยหันไปพูดกับพี่ลุกซ์ทำให้ผมหันไปมองหน้าพี่มันตาเขม็ง  ยัยเด็กบิวตี้แน่เลยที่เข้าไปอยู่ในห้องของพี่ลุกซ์

“เปอร์ มานี่มา” พี่ลุกซ์กวักมือเรียกผมให้เดินเข้าไปหาแต่ผมส่ายหน้าไปมา “อยากทำอะไรกับเด็กคนนั้นก็จัดการเลย” พี่ลุกซ์บอก

“ผม ไม่มีสิทธิ์ไปทำอะไรน้องเขานะครับ  ตอนนี้ผมไม่ได้ทำงานที่นี่  ไม่ได้เป็นคนฝึกงานให้  ผมไม่มีสิทธิ์จะไปไล่หรือว่าอะไรน้องบิวตี้ทั้งนั้น” ผมบอก  ผมรู้ว่าเด็กนั่นค่อนข้างแรง  ถ้าผมทำอะไรบุ่มบ่ามไปเดี๋ยวก็โดนสวนกลับมาแบบที่ผมว่าหรอก  ก็ตอนนี้ผมไม่มีสิทธิ์อะไรจริงๆ นี่นา  ถ้าพี่ลุกซ์อยากให้เด็กนั่นออกมาก็ต้องไล่ด้วยตัวเองสิ

“งั้นไปด้วยกันหน่อยสิ” พี่ลุกซ์ยื่นมือออกมาเพื่อจะให้ผมเดินเข้าไปจับ

ผมเม้มปากมองหน้าพี่พลอยนิดๆ ก่อนจะก้มหน้าเดินไปหาพี่ลุกซ์  พอเข้าใกล้ตัวเขาผมก็ยกมือขึ้นเหมือนจะจับมือเขาแต่แล้วผมก็ปัดมือให้ออก

“จะ ไปก็รีบไปสิครับ” ผมทำหน้าเหมือนไม่สนใจเขาแล้วเดินนำไปที่หน้าห้อง  ผมแอบยิ้มนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ในลำคอดังขึ้นมาจากด้านหลัง

ถึงผมจะไม่ได้จับมือแต่อย่างน้อยผมก็ยอมที่จะไปกับเขานี่นา  ผมคิดว่ามันเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับเขานะครับ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา