[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  237.16K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) Chapter 20 : ต่างคนต่างเจ็บ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 20 : ต่างคนต่างเจ็บ



 

สักพักเสียงเอะอะก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของอานุและคนงานผู้ชายคนหนึ่ง  ผมรีบลุกขึ้นก่อนจะเขย่าประตูแล้วตะโกนเรียกอานุ

“อานุครับ อานุ! เปิดประตูให้ผมหน่อย!” ผมร้องบอกทั้งน้ำตา  ตั้งแต่ตอนที่โทรไปพี่เคย์ผมก็ยังไม่หยุดร้องไห้เลย  ผมสงสารพี่ลุกซ์

“คุณเปอร์!?! เกิดอะไรขึ้นครับ?” อานุวิ่งมาส่องช่องประตูก่อนจะทำหน้าตกใจ

“อย่าเพิ่งถามเลยครับอานุ  เปิดประตูให้ผมก่อนเถอะครับจะได้ไปช่วยกันทำแผลให้พี่ลุกซ์” ผมบอกอย่างร้อนรน

“ละ...แล้วกุญแจล่ะครับ?” อานุก้มลงมองกุญแจก่อนจะถามหา

“น่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงพี่ลุกซ์นะครับ  ลองหาดู” ผมบอก  อานุพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปค้นกระเป๋ากางเกงพี่ลุกซ์ที่ถูกหิ้วปีกไปนั่งบนโซฟา

“เจอแล้วครับ!” อานุหาเจอก่อนจะรีบเอากุญแจมาไขเพื่อเปิดประตูให้กับผม

เมื่อประตูเปิดออกผมก็รีบพุ่งเข้าไปหาพี่ลุกซ์โดยไม่สนใจอะไรแม้กระทั่งเศษกระจกและแก้วที่แตก  ผมขยับไปนั่งมองหน้าพี่ลุกซ์ใกล้ๆ ก่อนจะเบ้ปากน้ำตาไหล  กลิ่นเหล้าหึ่ง หน้าก็แดงแถมยังดูท่าทางทรมานด้วย  สภาพของพี่ลุกซ์ตอนนี้ดูน่าสลดจริงๆ

“ช่วยผมพาพี่ลุกซ์เข้าไปในห้องหน่อยนะครับ  ผมจะทำแผลให้เขา” ผมหันไปบอกอานุทำให้อานุและพี่พนักงานคนนั้นรีบมาช่วยกันแบกพี่ลุกซ์เข้าไปในห้องทันที

“คุณเปอร์ดูแลคุณลุกซ์ต่อเลยนะครับเดี๋ยวสภาพข้างนอกพวกผมจัดการเอง  ถ้าคุณเปอร์ต้องการอะไรบอกได้เลยนะครับ” อานุบอก ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ “อ้อ ทำแผลให้คุณลุกซ์แล้วอย่าลืมดูเท้าตัวเองด้วยนะครับ  เมื่อกี้คุณเปอร์เหยียบแก้ว” อานุบอกอย่างเป็นห่วงก่อนจะเดินออกไปจัดการข้างนอก

ผมมองหน้าพี่ลุกซ์นิดๆ ก่อนจะเดินไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังใส่น้ำมาเช็ดตัวให้พี่ลุกซ์  ผมค่อยๆ เช็ดหน้าให้พี่ลุกซ์อย่างเบามือ  เช็ดไปน้ำตาก็ไหลไปเพราะสงสารพี่มันจับใจ  หน้าพี่มันร้อนเห่อและแดงก่ำไปหมด  ดูท่าจะดื่มไปเยอะมากเหมือนกันเพราะดื่มได้ไม่นานแต่ดันเมาเละซะหมดสภาพทั้งๆ ที่ปกติพี่มันคอแข็งมาก

“เปอร์...” ขณะที่ผมกำลังบรรจงเช็ดหน้าให้พี่ลุกซ์อย่างเบามือ พี่มันก็เพ้อออกมาแล้วคว้ามือของผมเอาไว้พลางจับซะแน่น

“ผมขอโทษนะ ฮือ ขอโทษ...” ผมเบ้ปากร้องไห้อีกครั้งก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากพี่มันเบาๆ

ผมดึงมือพี่ลุกซ์ออกจากมือตัวเองก่อนจะเช็ดตัวให้พี่มันต่อโดยถอดทั้งเสื้อและกางเกงของพี่มันออกแต่ก็ยังเหลือบ็อกเซอร์ไว้  หลังจากเช็ดตัวเสร็จผมก็ล้างแผลและทำแผลให้พี่ลุกซ์จนเสร็จก่อนจะหันมาทำแผลที่เท้าให้ตัวเองบ้าง

เมื่อข้างในเรียบร้อยผมก็ออกไปดูข้างนอกพบว่าพวกอาก็ทำความสะอาดกันเสร็จเรียบร้อยแล้วและนั่งรอให้ผมออกไปคุยด้วยอยู่

“คุณเปอร์ครับ ตอนเช้านายน้อยให้ผมมารับคุณเปอร์ไปส่งที่ท่าเรือนะครับ  คุณเปอร์ไปพักผ่อนเถอะนะ” อานุบอก

“ไม่ครับ ผมไม่ไป  อานุไม่ต้องมารับผมหรอกนะ  ผมจะอยู่กับพี่ลุกซ์ที่นี่  เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลยครับ” ผมบอกอานุเสียงสั่น  รู้สึกเสียใจไม่น้อยที่พี่ลุกซ์จะส่งตัวผมให้เอก

“แต่ว่า...” อานุขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก

“ไม่เป็นไรหรอกครับ  คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงเข้าใจกัน  พวกอากลับไปพักผ่อนเถอะครับเดี๋ยวผมดูแลพี่ลุกซ์ต่อเอง” ผมบอกพลางส่งยิ้มให้

“ครับ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะครับคุณเปอร์  ผมวางนามบัตรไว้บนโซฟานะครับ” อานุบอก  ผมพยักหน้ารับก่อนที่สองคนนั้นเขาจะเดินออกไปจากบ้าน  ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนแล้วมองหน้าพี่ลุกซ์ที่หลับไปอย่างทรมาน  สีหน้าของพี่มันดูไม่ดีเลย  เหมือนคนหลับไม่สนิทแต่ก็ไม่ตื่น

“ผมขอโทษที่โกหกนะครับพี่ลุกซ์  ผมไม่ได้เป็นอะไรกันเอก  คนที่ผมรักมีแค่พี่คนเดียว  รักมาก รักไม่เคยเปลี่ยนด้วย” ผมขยับไปนอนเอาคางเกยอกพี่ลุกซ์ก่อนจะพูดเสียงแผ่วๆ พลางลูบแก้มของพี่มันเบาๆ “ถ้าพี่ตื่นขึ้นมา พี่ต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ผมฟังนะ  ต้องขอโทษผมทุกเรื่องที่พี่ทำให้ผมเสียใจด้วย  ผมเองก็จะขอโทษพี่เหมือนกัน” ผมพูดพลางยิ้มกว้างแต่น้ำตามันกลับไหลออกมา  ผมมีความหวังว่าจะให้มันเป็นอย่างที่ผมพูดแต่ใจผมกลับกลัว  กลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น  ทั้งๆ ที่ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแค่สองคน ไม่มีทางที่จะมีใครมาขัดขวางอยู่แล้ว

ไม่สิ! เราต้องคิดบวกเข้าไว้  ยังไงตอนเช้าเราก็ต้องได้คุยกัน  ถ้าผมบอกพี่ลุกซ์ว่าผมยอมให้อภัยล่ะก็ พี่มันจะต้องดีใจแล้วกระโดดเข้ามากอดผมแน่นอน  พอเราเข้าใจกัน เราก็จะไปเที่ยวด้วยกัน  อยู่ด้วยกันสองคนที่นี่อย่างมีความสุข ไม่มีใครมาขัดขวาง  เอาเถอะ  มันต้องเป็นไปอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ  นอนพักเอาแรงดีกว่าเพราะพรุ่งนี้อาจจะได้ไปเที่ยวด้วยกันจนเหนื่อยก็ได้

 

แต่แล้วความหวังของผมก็พังทลายลงเมื่อคนที่ผมนอนกอดอยู่ทั้งคืนหายไปจากบ้าน  รองเท้าก็ไม่มี แต่สิ่งที่มีก็คืออานุที่มายืนเหมือนรอผมอยู่ในห้องนั่งเล่น

“อานุมาทำไมครับ?” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว

“ผมมารับครับ  นายน้อยสั่งเอาไว้ว่าให้มารับคุณเปอร์ไปส่งที่ท่าเรือ” อานุบอก  ผมมองหน้าอานุก่อนน้ำตาจะไหลออกมา  ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมอ่อนแอเหลือเกิน  ร้องไห้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด  อุตส่าห์อดทนไม่ร้องมาตั้งนาน

“ผมไม่ไปครับอานุ  ผมจะอยู่ที่นี่กับพี่ลุกซ์” ผมบอกพลางส่ายหน้าไปมา

“นายน้อย...ขับเรือเร็วกลับไปที่ฝั่งตั้งแต่เช้าแล้วครับ  นี่ผมก็เพิ่งให้คนงานไปเอาเรือกลับมาที่เกาะก่อนที่จะมารับคุณเปอร์นี่เอง” อานุบอก  ผมทรุดลงนั่งกับพื้นก่อนจะปิดหน้าร้องไห้อย่างผิดหวัง “นายน้อยดู...เสียใจมากเลยนะครับคุณเปอร์  และดูท่าจะเป็นห่วงคุณเปอร์มากเพราะนายน้อยกำชับนักกำชับหนาว่าให้ไปส่งคุณเปอร์ให้ถึงมือคุณเอก” อานุบอกเสียงอ่อน

“ผมไม่ต้องการใครนะครับอานุ แล้วที่เขาทำแบบนี้คือความห่วงใยงั้นเหรอครับ? มันไม่ใช่ ถ้าเขาห่วงผมทำไมเขาไม่มาดูแลผมเองล่ะครับ? ฮึก” ผมพูดไปสะอื้นไปอย่างเจ็บปวด

“นายน้อยเป็นคนอารมณ์ร้าย  ผมอยู่กับนายน้อยมานานผมพอจะรู้ครับ  ตอนนี้จิตใจของนายน้อยยังไม่สงบ เขาอาจจะพลั้งมือทำอะไรคุณเปอร์ไปก็ได้  เขาคง...ไม่อยากทำให้คุณเปอร์ต้องเจ็บไปมากกว่านี้” อานุพูด

“เขาก็เป็นอย่างนี้แหละครับ  ไม่พูด ไม่ฟังอะไรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฮึก! ถ้าเขาไม่ต้องการผม  ผมก็จะไป ฮือ” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะปาดน้ำตาลวกๆ  แต่ยิ่งปาดมันยิ่งไหลออกมาไม่หยุด “ไปกันเถอะครับอานุ” ผมเม้มปากพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้แล้วรีบเดินออกจากบ้านไป

“มาทางนี้เลยครับ  ต้องเดินผ่านป่าไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงหาดแล้วล่ะครับ” อานุบอกก่อนจะรีบเดินมาข้างหน้าแล้วเดินนำผมไปที่หาด

 

“ปล่อยไปแบบนี้จะดีเหรอครับนาย? ดูเหมือนคุณเปอร์เขาจะร้องไห้นะครับ  ปาดน้ำตาใหญ่เลย” ขวาน คนงานคนสนิทของลุกซ์พูดขึ้นขณะยืนมองเปอร์ขึ้นเรือไปกับนุ

“มันไม่ได้ร้องไห้หรอกขวาน  มันน่าจะดีใจมากกว่าที่ได้ไปจากฉัน” ลุกซ์มองเรือที่แล่นออกจากฝั่งด้วยสายตาเลื่อนลอย

“เมื่อคืนตอนที่พวกผมมาที่นี่  คุณเปอร์ร้องไห้ใหญ่เลยนะครับ  ร้องไม่หยุด  เขาเป็นห่วงนายมาก  พอพี่นุบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับ คุณเปอร์ก็ไม่ยอม  จะอยู่กับนายเสียให้ได้” ขวานบอกไปตามที่เห็นเพราะทั้งเป็นห่วงและสงสารนายกับคนรัก  จากที่เขาเห็นเปอร์เมื่อคืนก็รู้แล้วว่าเปอร์รักลุกซ์มากแค่ไหนและลุกซ์เองก็รักเปอร์มาก ถ้าไม่รักก็คงไม่เจ็บปวดมากมายขนาดนี้

“ตอนนี้ฉันไม่พร้อมที่จะอยู่กับมัน  ไม่พร้อมจะเจอหน้าใครทั้งนั้น” ลุกซ์กำหมัดแน่นก่อนจะพูดรอดไรฟันเนื่องจากกำลังระงับความเจ็บปวดภายในใจจนลืมไปว่ามือที่กำหมัดอยู่กำลังเจ็บ

“คุณเปอร์ดูรั้นมากนะครับ  ถ้านายไม่บอกให้พี่นุบอกคุณเปอร์ว่านายกลับไปแล้วคงไม่ยอมไปกับพี่นุแน่” ขวานพูดเพราะอยากจะให้ลุกซ์คิดได้แล้วตามเปอร์ไป

“ดื้อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ  ดื้อมากด้วย” ลุกซ์ค่อยๆ คลายมือที่กำกันแน่นออกก่อนจะหวนนึกไปถึงสมัยเด็กที่รู้จักเปอร์ครั้งแรก  เปอร์ดื้อที่จะเข้ามาทักตอนที่เขาอารมณ์เสียและดื้อที่จะปกป้องเขาทั้งๆ ที่ตัวเองก็สู้ใครไม่ได้  ดื้อที่จะเข้ามาในชีวิตจนลุกซ์ไม่สามารถควบคุมหัวใจของตัวเองได้  ดื้อ...ดื้อกับลุกซ์ในทุกๆ เรื่องแต่กระนั้นก็ทำให้ลุกซ์รักมาก  รักจนแทบขาดใจ

 

ผมนั่งเรือเร็วที่อานุขับมาส่งที่ท่าเรือก่อนจะเจอกับเอกที่มารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว  แค่เห็นหน้าเอกน้ำตาที่แห้งไปแล้วก็ไหลลงมาอีกจนเอกตกใจทำอะไรไม่ถูก  ส่วนอานุ เมื่อส่งผมถึงมือเอกก็ขับเรือกลับไปที่เกาะทันที

“เปอร์! เป็นอะไร?” เอกถามอย่างตกใจ  เขาทำอะไรไม่ถูกจนดูเงอะงะไปหมด  ถ้าเป็นพี่ลุกซ์เมื่อก่อนเห็นผมร้องไห้แบบนี้ก็คงจะปล่อยเอาไว้ด้วยท่าทางเย็นชา  แต่ถ้าเป็นพี่ลุกซ์ตอนที่เราเข้าใจกัน พี่มันคงจะเข้ามากอด  และถ้าเป็นพี่ลุกซ์ในตอนนี้...พี่มันก็คงจะส่งผมให้เอกปลอบล่ะมั้ง

“เอก ฮึก พี่ลุกซ์เข้าใจผมผิด ฮึกอือ พี่ลุกซ์เขาตัดใจจากผมแล้ว” ผมทรุดลงนั่งยองๆ ก่อนจะกอดเข่าร้องไห้

“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เอกเดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าก่อนจะถามเสียงอ่อนโยน  ถ้าผมเจอเอกเร็วกว่าพี่ลุกซ์ผมจะรักเขาไหมนะ  เขาใจดีและอ่อนโยนกับผมมากเหลือเกิน  ถ้าผมรักเขาบ้างผมอาจจะไม่เจ็บขนาดนี้ก็ได้  แต่ผม...ไม่ได้รักเขา

“พี่ลุกซ์เขาให้ผมกลับมา  เขาไม่ฟังอะไรผมเลย ฮึก เขาหนีผมไป ฮือ ถ้าเขารอให้เราได้คุยกันอีกซักนิดมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้แท้ๆ  เขามันบ้า” ผมจิกขาตัวเองเพื่อระบายความอึดอัดพลางสะอื้นตัวโยนจนกลัวว่าเอกจะฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่อง

“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้นะเปอร์  เปอร์ยังมีโอกาสที่จะคุยและปรับความเข้าใจกับพี่ลุกซ์นะ  ผมว่าตอนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า  เปอร์ควรจะพักผ่อนนะ ร้องไห้จนตาช้ำไปหมดแล้ว” เอกช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะโอบไหล่ของผมเอาไว้อย่างปลอบโยน

“อื้อ ขอบใจนะเอกที่ลำบากเพื่อผม” ผมปาดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถยนต์ของเอกที่จอดไว้ตรงที่จอดรถของท่าเรือ

“พอดีผมไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง รถของที่บ้านก็ใช้กันอยู่พี่พลอยก็เลยให้ยืมมาอ่ะนะ” เอกพูดพลางเกาแก้มนิดๆ เมื่อเดินไปถึงรถและผมมีท่าทางแปลกใจกับรถที่คุ้นตา

“นี่ ฟืดดด รีบๆ คบกันก็ดีนะเอก  พี่พลอยสวยนะขอบอก” ผมสูดน้ำมูกก่อนจะแซวทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง  ผมเชียร์คู่นี้จริงๆ นะ

“คบเคิบอะไรเปอร์  ไม่เอาด้วยหรอก  พี่พลอยไม่ได้ชอบผมซักหน่อย” เอกพูดงึมงำไม่เต็มเสียงนักทำเอาผมยิ้มออก

“พูดอย่างนี้เอกชอบพี่พลอยสินะ  ผมช่วย เอาไหม?” ผมเช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้หมดก่อนจะบอกพลางเอาศอกไปแซะไหล่เอกอย่างหยอกล้อ

“ชอบที่ไหน? ไม่ได้ชอบหรอก  บ้าไปแล้ว  บอกแล้วไงว่าชอบเปอร์” เอกพูดเหมือนจะแก้ตัวแต่นั่นก็ทำให้ผมนิ่งและเงียบไป  อย่าบอกว่าชอบผมสิเอก  ผมทำตัวไม่ถูกเพราะว่าใจของผมมีแค่คนคนเดียวที่อยู่ข้างใน “เฮ้ย!! ล้อเล่นนะเปอร์  บอกไปแล้วว่าตัดใจแล้ว  ใครจะไปสู้พี่ลุกซ์ล่ะ  หล่อ รวยแถมยังเก่งเอกต่างหาก” เอกรีบบอกพลางปลดเบรกแล้วขับรถออกจากท่าเรือ

“แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็คงสู้เขาได้  นิสัยไงล่ะ  เขาเป็นคนนิสัยไม่ดี  ต่อให้อย่างอื่นดีมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทดแทนส่วนนี้ได้  แต่ว่าผมก็...” ผมพูดเสียงเบาก่อนจะเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้

“โอ๋เอ๋ๆ ไม่เอา อย่าร้องนะคนเก่ง  เอ้า ผมยอมให้เปอร์ล้อเรื่องผมกับป้าอีกก็ได้นะ  ล้อเลย  ล้อเยอะๆ นะ” เอกเริ่มทำอะไรไม่ถูกปลอบผมอย่างลนลานจนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา  เอกนี่...อยู่ด้วยแล้วอารมณ์ดีจริงๆ แฮะ  เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เลยจริงๆ  ซักวันจะพาไปแนะนำให้ไอ้พัดกับไอ้ตุลรู้จัก  พวกนั้นต้องชอบมากแน่ๆ

จะว่าไป ช่วงนี้ไม่ได้ติดต่อกับไอ้พวกนั้นเลยแฮะ  ไอ้ตุลก็ยุ่งจัด  แม้กระทั่งเวลาอยู่กับผัวยังไม่ค่อยมี ส่วนไอ้พัดหลังจากเรียนจบป.โทก็ไปเที่ยวรอบโลกกับไอ้วิทยังไม่กลับมาเลย  เห็นบอกว่าถ้ากลับมามันจะมาสมัครงานที่บริษัทพี่ลุกซ์นี่แหละ  ผมก็ได้แต่หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน  แต่มันอาจจะเป็นแค่ความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงก็ได้

 

45% left





“กูว่าแล้วว่ามึงต้องมาอยู่ที่นี่” ขณะที่ลุกซ์กำลังนั่งรับลมอยู่ริมผาบริเวณหลังบ้านคนเดียว ลันก็เดินเข้ามาทักเพราะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องมาที่นี่และก็เป็นจริงดังคาด

“ไม่มีการมีงานทำหรือไง?” ลุกซ์หันมามองน้องชายก่อนจะหันกลับไปมองทะเลเหมือนเช่นเคย

“ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นได้อีกเหรอวะ? เป็นประธานบริษัทแท้ๆ ยังจะมาอู้งานที่นี่อีก  เดี๋ยวกำไรก็หลายไปหลายร้อยล้านหรอก” ลันพูดก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ลุกซ์  ที่ลันมาที่นี่ได้เพราะวันนี้เป็นวันหยุดงาน ลันจึงพาไอมาเที่ยวและคิดว่าคงจะมาเจอลุกซ์ที่นี่  ที่จริงลันตั้งใจจะเอาเอกสารมาให้ลุกซ์เซ็นด้วยก็เลยถือโอกาสเที่ยวไปในตัว

“มาพักร้อนเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับ” ลุกซ์บอก

“ที่จริงกูเอางานมาให้มึงทำ  จริงๆ กูอนุมัติเองก็ได้แต่กูกลัวมึงฟุ้งซ่านโดดหน้าผาตายก็เลยหาอะไรมาให้หนักกบาลเล่นๆ” ลันพูดกวนๆ ด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท  ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นลุกซ์ก็พอจะรู้ว่าน้องอยากจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเขาจึงหัวเราะออกไปนิดๆ เพราะลันแทบจะไม่เคยกวนเขาแบบนี้เลย

“เออ เดี๋ยวกูเซ็นเองก็ได้  อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว” ลุกซ์พยักหน้านิดๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“กูไม่คิดว่ามึงจะตัดใจได้หรอกนะลุกซ์  รักมันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือไง?” ลันถอนหายใจตามก่อนจะพูดขึ้น  ลุกซ์เลิกคิ้วสูงแล้วหันไปมองหน้าลันที่นั่งอยู่ข้างๆ

“รู้ด้วยเหรอ?” ลุกซ์ถามอย่างสงสัยเพราะคนที่รู้ว่าเขารักเปอร์มาตั้งแต่เด็กมีแค่ถังคนเดียวเท่านั้น

“กูจำได้  ตอนที่มึงตกบันได มึงเอาแต่เพ้อขอโทษแม่กับน้องและพูดชื่อของมันออกมา  ตอนแรกกูก็จำไม่ได้หรอก  แต่พอไอ้เปอร์มันมาเป็นน้องรหัส กูก็เลยจำได้  กูยังงงอยู่เลยนะว่าทำไมมึงถึงใจร้ายกับมันนักทั้งๆ ที่มึงก็รักมันมาตั้งแต่เด็ก  กูไม่เคยหาคำตอบได้จนกระทั่งรู้เรื่องมึงกับพ่อ” ลันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ พลางแอบหอบนิดๆ เพราะลันไม่ใช่คนพูดมาก  เวลาพูดมากๆ เขามักจะเหนื่อย

“งั้นเหรอ? เฮอะๆ กูนี่ก็เป็นเอามากเนอะ” ลุกซ์หัวเราะสมเพชตัวเองนิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกความสดชื่น “เฮ้อ เอาเถอะ เริ่มฟุ้งซ่านละ  ไปทำงานดีกว่า” ลุกซ์พูดก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกงของตัวเอง

“อย่าเพิ่งก็ได้  มึงพักไปเถอะ  มึงลางานมาแล้วนี่”  ลันบอกพลางลุกขึ้นบ้าง

“เอาเถอะ ให้กูทำเถอะ  นั่งอยู่เฉยๆ ก็คิดแต่เรื่องของมัน” ลุกซ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียยาว

“ร้องไห้หรือเปล่าเนี่ย? ฮึๆ” ลันมองหน้าพี่ชายก่อนจะเอ่ยแซวเนื่องจากตาของลุกซ์ดูช้ำมากเป็นพิเศษ

“กูไม่ได้ขี้แยเหมือนมึงซักหน่อย ฮึๆ” ลุกซ์มองหน้าลันก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใครก็ไม่รู้ ร้องไห้เพราะกลัวพี่ตายตั้งสองรอบ ฮ่าๆ” ลุกซ์เสยผมของลันไปข้างหลังก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ลันยืนกำหมัดอย่างเจ็บใจที่ถูกล้ออยู่คนเดียว  ที่ลุกซ์บอกว่าลันร้องไห้สองรอบหมายถึงตอนเด็กๆ ที่ลุกซ์ตกบันไดเกือบเสียชีวิตกับตอนล่าสุดที่รถระเบิด  ตอนนั้นลันรู้สึกเหมือนตัวเองหลงทางเพราะกลัวว่าลุกซ์จะตายจริงๆ

 

หลังจากกวนประสาทลันเล็กๆ น้อยๆ ลุกซ์ก็กลับเข้ามาในบ้านเพื่อทำงานที่ลันอุตส่าห์แบกมาให้ถึงที่นี่  แต่ยังไม่ทันที่ลุกซ์จะได้หาเอกสารเขาก็ต้องชะงักเพราะเห็นไอนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น

“สวัสดีครับพี่ลุกซ์” ไอชะงักก่อนจะวางรีโมททีวีลงหลังจากเปิดแทบตายก็ไม่ติดแล้วยกมือไหว้ลุกซ์

“อ่า หวัดดี  โทษทีละกัน  ทีวีมันพังน่ะ  เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีคนมาเปลี่ยนให้” ลุกซ์บอกพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อดื่มน้ำ

“ครับ” ไอตอบอย่างเกร็งๆ เพราะไม่เคยอยู่กับลุกซ์สองคนแบบนี้  ในใจไอก็ภาวนาให้ลันรีบกลับเข้ามาเสียที  ไอยังคงเกรงลุกซ์จากการที่ลุกซ์เป็นประธานปกครองสมัยมหาวิทยาลัย  ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีไอก็ยังกลัวลุกซ์อยู่เหมือนเดิม  แต่อาจจะมีบ้างที่พูดจากวนประสาท

“แล้วนี่พักกันที่ไหน  พักที่นี่ไหมเดี๋ยวพี่ออกมานอนที่โซฟาเอง” ลุกซ์บอกก่อนจะเดินออกาจากครัว

“ไม่เป็นไรครับ  ผมพักที่โรงแรมกับพี่ลันน่ะ” ไอบอก

“อ้อ อืม” ลุกซ์พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลันเดินเข้ามาพอดี

“แล้วพี่เปอร์...ล่ะครับ?” ไอถามพลางหันหน้ามองไปรอบๆ เพื่อหาเปอร์  ไอรู้ว่าลุกซ์พาเปอร์มาแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เปอร์ไม่อยู่แล้ว

“จุ๊บ ถามอะไรอย่างนั้น? มันจี้ใจดำคนเมียหนีนะ” ลันเดินไปนั่งข้างไอก่อนจะจูบเบาๆ ที่ปากเพื่อลงโทษที่ไอถามออกไปโดยไม่ดูสีหน้าของลุกซ์  ตอนแรกลันก็สงสัยที่ไม่เห็นเปอร์  แต่พอเห็นอาการของพี่ชายก็เดาออกได้ไม่ยาก

“มึงพูดน่ะเจ็บสุดละไอ้ขี้แย” ลุกซ์ส่ายหน้ายิ้มๆ

“เหี้ย” ลันย่นคิ้วใส่ลุกซ์อย่างเจ็บใจที่ถูกล้อ

“แล้วไหนล่ะเอกสารที่จะให้เซ็น” ลุกซ์ถาม

“อยู่โรงแรมว่ะ  เดี๋ยวเย็นๆ จะเอามาให้” ลันบอก

“แล้วนี่จะไปเที่ยวไหนกัน?” ลุกซ์ถามอีก  ถามไปก็นึกถึงเปอร์ไปเพราะอยากจะพาเปอร์ไปเที่ยว  เขาคิดไว้ว่าถ้าคืนดีกันได้ก็จะพาไปดำน้ำดูปะการังเสียหน่อย แต่สุดท้าย เขาก็ต้องอยู่คนเดียว

“จะพาไปเล่นน้ำที่หน้าเกาะ  ตอนแรกว่าจะเล่นอยู่ท้ายเกาะนี่แหละ  แต่กลัวหอยเม่น” ลันบอกพลางหยิกแก้มไอเล่นเบาๆ

“กูให้คนงานมาจัดการออกไปก่อนที่จะมาแล้ว  จะเล่นก็ตามสบาย” ลุกซ์บอก

“ไม่เอาครับ ถ้าอยู่ด้วยกันแค่สองคนที่ลันจะทำตัวลามกใส่” ไอพูดก่อนจะทำแก้มพองลมทำให้ลันอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มป่องๆ นั่น  ลุกซ์มองคู่น้องชายอย่างอิจฉาก่อนจะขอตัวออกไปขับเรือเล่นเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง

 

พอกลับมาถึงบ้านผมก็ขึ้นไปนอนพักทันทีเพราะรู้สึกเพลียเหลือเกิน  ทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ  อยากจะคุยกับพี่ลุกซ์ให้รู้เรื่องไปซะตอนนี้แต่ก็ไม่กล้า  คิดว่าถ้าคุยกันไปก็มีแต่จะทะเลาะกันไปเปล่าๆ  พี่ลุกซ์อารมณ์ร้อน ผมก็ร้อน  เราคงต้องรอเวลาให้ใจของแต่ละคนสงบก่อนค่อยมาคุยกันอีกที

 

หลังจากนั้นผมก็เริ่มสงบสติอารมณ์และเริ่มหางานใหม่ทำเพราะกลัวครอบครัวจะลำบากเอา  แต่หามาได้สามวัน ไปสมัครงานที่ไหนก็รับเต็มหมดแล้ว  เฮ้อ รู้สึกพลาดที่ลาออกจากการเป็นอาจารย์แล้วมาทำงานที่บริษัทพี่ลุกซ์  เพราะงกเงินแท้ๆ เลยเรา

“เปอร์ มึงมาทำงานที่โรงเรียนติวกูก่อนก็ได้  ระหว่างนี้เดี๋ยวกูไปฝากงานให้มึงที่บริษัทไอ้อัต” ไอ้พี่ถังที่มานั่งเฝ้าผมหางานทางอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เช้าบอกขึ้นอย่างหงุดหงิดเพราะผมหางานไม่ได้ซักที

“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากทำงานกับคนรู้จักอีกแล้ว  ถ้าทำงานไม่ดีมันจะเข้าหน้ากันลำบากว่ะ” ผมบอกพลางเซิร์ชหางานไปเรื่อยๆ  แต่เรื่องทำงานที่โรงเรียนติวคิดว่าถ้าหางานไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องทำ

“กูว่ามึงน่าจะทำงานที่บริษัทกูต่อนะเปอร์  ย้ายแผนกก็ได้  มึงก็รู้ว่างานสมัยนี้หายากจะตายห่า” พี่ถังมันบ่น  แหม...คนมีเงินมีตำแหน่งนี่ก็พูดง่ายว่ะแม่ง  ไม่เข้าใจความรู้สึกรากหญ้าอย่างกูเลยนะมึงเนี่ย  กูอายเขาที่ต้องถูกหาว่าเป็นเด็กเส้นนี่หว่า  อีกอย่าง...ถ้านั่นไม่ใช่บริษัทพี่ลุกซ์กูอาจจะยอมตกลงก็ได้

“ประธานบริษัทเขาคงไม่ชอบใจที่กูกลับเข้าไปทำงาน” ใจผมตกต่ำลงนิดๆ เมื่อพูดถึงพี่ลุกซ์

“เฮ้อ พวกมึงนี่ก็นะ  รักกันจะตายแท้ๆ แต่แม่งไม่พูดไม่คุยกันให้เข้าใจ” ไอ้พี่ถังส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนของผมขึ้นมาอ่าน

“กูจะคุยแล้ว แต่พี่ลุกซ์หนีกูกลับมาซะก่อน” ผมบอกก่อนจะทำปากยื่น  ทิ้งผมไว้ที่เกาะเป็นครั้งที่สองละ  ชอบทำอะไรแย่ๆ ซ้ำซากจริงๆ

“หือ? ไอ้ลุกซ์น่ะเหรอ? ยังไม่กลับมาซักหน่อย  ไอ้ลันมันเพิ่งส่งข่าวมาบอกว่าไอ้ลุกซ์ยังอยู่ที่เกาะอยู่เลย” พี่ถังลดหนังสือการ์ตูนลงก่อนจะทำหน้าประหลาดใจ

“ว่าไงนะ?” ผมขมวดคิ้วก่อนที่หน้าจะหม่นลง  พี่มันให้คนอื่นโกหกเพื่อที่จะให้ผมกลับมา  คงไม่อยากจะคุยจริงๆ สินะ  แล้วแต่เลยละกัน  ผมก็อุตส่าห์จะดีด้วย  ถ้าไม่อยากคืนดีกัน ไม่อยากฟังอะไรก็แล้วแต่เขาเลยก็แล้วกัน

“โดนต้มละมึง” พี่ถังส่ายหน้าไปมาก่อนจะอ่านการ์ตูนต่อ

“กูจะไม่สนละ  แล้วแต่เขาเลย  ถ้ามาง้อดีๆ ก็จะยอมคืนดีด้วย  ถ้าไม่มาก็...ก็...ก็...” ผมหาเหตุผลอื่นไม่ได้จึงได้แต่พูดติดอ่างอยู่อย่างนั้น  ไอ้ใจของผมมันก็ได้แต่หวังนั่นแหละครับว่าเขาจะมาง้อในเร็ววัน

“เฮ้อ กูจะเป็นกำลังใจให้มึงนะเปอร์” พี่ถังมันขยับมานั่งใกล้ๆ ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ  ผมหันไปยิ้มให้มันนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปหางานต่อ  ผมโชคดีที่มีมันครับ

 

สุดท้ายผมก็ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานครับ  จังหวะเดียวกันพี่ถังก็บอกว่าพี่ลุกซ์กลับมาทำงานแล้วผมจึงคิดว่าอยากจะเข้าไปหาเพราะอยากจะคุยแต่ก็กลัวจะดูไม่ดี  ก็เขาไม่ได้อยากเจอผม  ถ้าผมเสนอหน้าไปมันอาจจะดูแปลกๆ ก็ได้

เอาไงดีวะ?

“นี่เปอร์  ถ้าอยากไปหาพี่ลุกซ์ก็ไปสิครับ  ที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ นี่เอง” เอกพูดขึ้นขณะที่ผมนั่งเซ็งอยู่ในร้านที่เขาทำงานอยู่  หลังจากสัมภาษณ์งานเสร็จผมก็มากินเค้กที่ร้านเอกแก้เซ็งครับ

“ผมไม่กล้าไปน่ะสิครับ” ผมถอนหายใจก่อนจะหยิบมาการองมาใส่ปาก  วันนี้ขนมไม่ค่อยมีรสชาติเลยแฮะ  ใจคนไม่มีความสุขลิ้นเลยไม่รับรสเอาซะเลย

“เอางี้ไหมล่ะเปอร์  ก็ไปที่ออฟฟิศโดยอ้างว่าเอาขนมไปฝากพี่พลอยหรือพี่เปรียวก็ได้นี่” เอกเสนอความคิดเห็นอย่างนึกขึ้นได้  ผมยิ้มออกก่อนจะพยักหน้าเอาตามที่เอกบอก

“อ่ะ นี่เค้ก” ขณะที่ผมลุกขึ้นไปเลือกเค้ก เอกก็ยื่นถังใส่กล่องเค้กมาให้

“หือ?” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ

“ก็...เค้กให้พี่พลอยไง” เอกบอกเหมือนไม่คิดอะไร  ผมรับเค้กมาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองหน้าเอกที่กำลังเบือนหน้าหนีหลบตา  ที่จริงก็อยากจะเอาเค้กไปให้พี่พลอยล่ะสิ ฮึๆ ตาคนนี้ปากแข็งใช่ย่อย

“เท่าไหร่เหรอ?” ผมแกล้งถามออกไป

“เอาไปเหอะ” เอกหลบหน้าก่อนจะทำเป็นยืนพิงเคาน์เตอร์อย่างไม่สนใจโลก

“พี่พลอยทั้งสวย น่ารัก นิสัยดี อ่อนโยน  ขนาดผมยังเคยชอบพี่พลอยเลยน้า” ผมแกล้งพูดยั่วเพื่อให้เอกร้อนรน  จริงๆ ก็เคยชอบนั่นแหละนะ

“เปอร์รีบไปเถอะไป วู้” เอกโบกมือไล่แล้วโวยวายกลบเกลื่อนผมจึงเดินไปที่หน้ากระตูร้านแต่ไม่วายหันไปล้อเอกเรื่องพี่พลอยอยู่ดี

กรุ๊ง กริ๊ง

ตุบ!

“โอ๊ย!” ผมอุทานออกมาเมื่อเดินถอยหลังไปไม่ดูจนถูกคนที่กำลังจะเดินเข้ามาในร้านเปิดประตูชน

“ขอโทษครับ” เสียงคุ้นหูเอ่ยขอโทษเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมหันไปมองพอดี

“ไม่เป็นไร...ครับ” ผมบอกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเจอคนมาใหม่

 




 
+++++++++++++++++++++++++++++++++

ตอนนี้ไม่ได้ตรวจคำผิดเลย  ถ้ามีคำผิดเยอะไม่ว่ากันน้า

เรื่องวัยเด็กของพี่ลุกซ์  สามารถหาอ่านเต็มๆ ได้ในเล่มของภาค1 นะคะตัวเธอ

มีทั้งเรื่องที่ลุกซ์แซวว่าลันขี้แยและมีเรื่องที่ลุกซ์บอกว่ารักเปอร์ตั้งแต่เด็กด้วยค่า


 



 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา