[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2
9.7
เขียนโดย DPR_Fox
วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.
56 ตอน
51 วิจารณ์
236.25K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย
20) Chapter 20 : ต่างคนต่างเจ็บ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 20 : ต่างคนต่างเจ็บ
สักพักเสียงเอะอะก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของอานุและคนงานผู้ชายคนหนึ่ง ผมรีบลุกขึ้นก่อนจะเขย่าประตูแล้วตะโกนเรียกอานุ
“อานุครับ อานุ! เปิดประตูให้ผมหน่อย!” ผมร้องบอกทั้งน้ำตา ตั้งแต่ตอนที่โทรไปพี่เคย์ผมก็ยังไม่หยุดร้องไห้เลย ผมสงสารพี่ลุกซ์
“คุณเปอร์!?! เกิดอะไรขึ้นครับ?” อานุวิ่งมาส่องช่องประตูก่อนจะทำหน้าตกใจ
“อย่าเพิ่งถามเลยครับอานุ เปิดประตูให้ผมก่อนเถอะครับจะได้ไปช่วยกันทำแผลให้พี่ลุกซ์” ผมบอกอย่างร้อนรน
“ละ...แล้วกุญแจล่ะครับ?” อานุก้มลงมองกุญแจก่อนจะถามหา
“น่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงพี่ลุกซ์นะครับ ลองหาดู” ผมบอก อานุพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปค้นกระเป๋ากางเกงพี่ลุกซ์ที่ถูกหิ้วปีกไปนั่งบนโซฟา
“เจอแล้วครับ!” อานุหาเจอก่อนจะรีบเอากุญแจมาไขเพื่อเปิดประตูให้กับผม
เมื่อประตูเปิดออกผมก็รีบพุ่งเข้าไปหาพี่ลุกซ์โดยไม่สนใจอะไรแม้กระทั่งเศษกระจกและแก้วที่แตก ผมขยับไปนั่งมองหน้าพี่ลุกซ์ใกล้ๆ ก่อนจะเบ้ปากน้ำตาไหล กลิ่นเหล้าหึ่ง หน้าก็แดงแถมยังดูท่าทางทรมานด้วย สภาพของพี่ลุกซ์ตอนนี้ดูน่าสลดจริงๆ
“ช่วยผมพาพี่ลุกซ์เข้าไปในห้องหน่อยนะครับ ผมจะทำแผลให้เขา” ผมหันไปบอกอานุทำให้อานุและพี่พนักงานคนนั้นรีบมาช่วยกันแบกพี่ลุกซ์เข้าไปในห้องทันที
“คุณเปอร์ดูแลคุณลุกซ์ต่อเลยนะครับเดี๋ยวสภาพข้างนอกพวกผมจัดการเอง ถ้าคุณเปอร์ต้องการอะไรบอกได้เลยนะครับ” อานุบอก ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ “อ้อ ทำแผลให้คุณลุกซ์แล้วอย่าลืมดูเท้าตัวเองด้วยนะครับ เมื่อกี้คุณเปอร์เหยียบแก้ว” อานุบอกอย่างเป็นห่วงก่อนจะเดินออกไปจัดการข้างนอก
ผมมองหน้าพี่ลุกซ์นิดๆ ก่อนจะเดินไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังใส่น้ำมาเช็ดตัวให้พี่ลุกซ์ ผมค่อยๆ เช็ดหน้าให้พี่ลุกซ์อย่างเบามือ เช็ดไปน้ำตาก็ไหลไปเพราะสงสารพี่มันจับใจ หน้าพี่มันร้อนเห่อและแดงก่ำไปหมด ดูท่าจะดื่มไปเยอะมากเหมือนกันเพราะดื่มได้ไม่นานแต่ดันเมาเละซะหมดสภาพทั้งๆ ที่ปกติพี่มันคอแข็งมาก
“เปอร์...” ขณะที่ผมกำลังบรรจงเช็ดหน้าให้พี่ลุกซ์อย่างเบามือ พี่มันก็เพ้อออกมาแล้วคว้ามือของผมเอาไว้พลางจับซะแน่น
“ผมขอโทษนะ ฮือ ขอโทษ...” ผมเบ้ปากร้องไห้อีกครั้งก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากพี่มันเบาๆ
ผมดึงมือพี่ลุกซ์ออกจากมือตัวเองก่อนจะเช็ดตัวให้พี่มันต่อโดยถอดทั้งเสื้อและกางเกงของพี่มันออกแต่ก็ยังเหลือบ็อกเซอร์ไว้ หลังจากเช็ดตัวเสร็จผมก็ล้างแผลและทำแผลให้พี่ลุกซ์จนเสร็จก่อนจะหันมาทำแผลที่เท้าให้ตัวเองบ้าง
เมื่อข้างในเรียบร้อยผมก็ออกไปดูข้างนอกพบว่าพวกอาก็ทำความสะอาดกันเสร็จเรียบร้อยแล้วและนั่งรอให้ผมออกไปคุยด้วยอยู่
“คุณเปอร์ครับ ตอนเช้านายน้อยให้ผมมารับคุณเปอร์ไปส่งที่ท่าเรือนะครับ คุณเปอร์ไปพักผ่อนเถอะนะ” อานุบอก
“ไม่ครับ ผมไม่ไป อานุไม่ต้องมารับผมหรอกนะ ผมจะอยู่กับพี่ลุกซ์ที่นี่ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลยครับ” ผมบอกอานุเสียงสั่น รู้สึกเสียใจไม่น้อยที่พี่ลุกซ์จะส่งตัวผมให้เอก
“แต่ว่า...” อานุขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงเข้าใจกัน พวกอากลับไปพักผ่อนเถอะครับเดี๋ยวผมดูแลพี่ลุกซ์ต่อเอง” ผมบอกพลางส่งยิ้มให้
“ครับ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะครับคุณเปอร์ ผมวางนามบัตรไว้บนโซฟานะครับ” อานุบอก ผมพยักหน้ารับก่อนที่สองคนนั้นเขาจะเดินออกไปจากบ้าน ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนแล้วมองหน้าพี่ลุกซ์ที่หลับไปอย่างทรมาน สีหน้าของพี่มันดูไม่ดีเลย เหมือนคนหลับไม่สนิทแต่ก็ไม่ตื่น
“ผมขอโทษที่โกหกนะครับพี่ลุกซ์ ผมไม่ได้เป็นอะไรกันเอก คนที่ผมรักมีแค่พี่คนเดียว รักมาก รักไม่เคยเปลี่ยนด้วย” ผมขยับไปนอนเอาคางเกยอกพี่ลุกซ์ก่อนจะพูดเสียงแผ่วๆ พลางลูบแก้มของพี่มันเบาๆ “ถ้าพี่ตื่นขึ้นมา พี่ต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ผมฟังนะ ต้องขอโทษผมทุกเรื่องที่พี่ทำให้ผมเสียใจด้วย ผมเองก็จะขอโทษพี่เหมือนกัน” ผมพูดพลางยิ้มกว้างแต่น้ำตามันกลับไหลออกมา ผมมีความหวังว่าจะให้มันเป็นอย่างที่ผมพูดแต่ใจผมกลับกลัว กลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแค่สองคน ไม่มีทางที่จะมีใครมาขัดขวางอยู่แล้ว
ไม่สิ! เราต้องคิดบวกเข้าไว้ ยังไงตอนเช้าเราก็ต้องได้คุยกัน ถ้าผมบอกพี่ลุกซ์ว่าผมยอมให้อภัยล่ะก็ พี่มันจะต้องดีใจแล้วกระโดดเข้ามากอดผมแน่นอน พอเราเข้าใจกัน เราก็จะไปเที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกันสองคนที่นี่อย่างมีความสุข ไม่มีใครมาขัดขวาง เอาเถอะ มันต้องเป็นไปอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ นอนพักเอาแรงดีกว่าเพราะพรุ่งนี้อาจจะได้ไปเที่ยวด้วยกันจนเหนื่อยก็ได้
แต่แล้วความหวังของผมก็พังทลายลงเมื่อคนที่ผมนอนกอดอยู่ทั้งคืนหายไปจากบ้าน รองเท้าก็ไม่มี แต่สิ่งที่มีก็คืออานุที่มายืนเหมือนรอผมอยู่ในห้องนั่งเล่น
“อานุมาทำไมครับ?” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว
“ผมมารับครับ นายน้อยสั่งเอาไว้ว่าให้มารับคุณเปอร์ไปส่งที่ท่าเรือ” อานุบอก ผมมองหน้าอานุก่อนน้ำตาจะไหลออกมา ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมอ่อนแอเหลือเกิน ร้องไห้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด อุตส่าห์อดทนไม่ร้องมาตั้งนาน
“ผมไม่ไปครับอานุ ผมจะอยู่ที่นี่กับพี่ลุกซ์” ผมบอกพลางส่ายหน้าไปมา
“นายน้อย...ขับเรือเร็วกลับไปที่ฝั่งตั้งแต่เช้าแล้วครับ นี่ผมก็เพิ่งให้คนงานไปเอาเรือกลับมาที่เกาะก่อนที่จะมารับคุณเปอร์นี่เอง” อานุบอก ผมทรุดลงนั่งกับพื้นก่อนจะปิดหน้าร้องไห้อย่างผิดหวัง “นายน้อยดู...เสียใจมากเลยนะครับคุณเปอร์ และดูท่าจะเป็นห่วงคุณเปอร์มากเพราะนายน้อยกำชับนักกำชับหนาว่าให้ไปส่งคุณเปอร์ให้ถึงมือคุณเอก” อานุบอกเสียงอ่อน
“ผมไม่ต้องการใครนะครับอานุ แล้วที่เขาทำแบบนี้คือความห่วงใยงั้นเหรอครับ? มันไม่ใช่ ถ้าเขาห่วงผมทำไมเขาไม่มาดูแลผมเองล่ะครับ? ฮึก” ผมพูดไปสะอื้นไปอย่างเจ็บปวด
“นายน้อยเป็นคนอารมณ์ร้าย ผมอยู่กับนายน้อยมานานผมพอจะรู้ครับ ตอนนี้จิตใจของนายน้อยยังไม่สงบ เขาอาจจะพลั้งมือทำอะไรคุณเปอร์ไปก็ได้ เขาคง...ไม่อยากทำให้คุณเปอร์ต้องเจ็บไปมากกว่านี้” อานุพูด
“เขาก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่พูด ไม่ฟังอะไรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฮึก! ถ้าเขาไม่ต้องการผม ผมก็จะไป ฮือ” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะปาดน้ำตาลวกๆ แต่ยิ่งปาดมันยิ่งไหลออกมาไม่หยุด “ไปกันเถอะครับอานุ” ผมเม้มปากพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้แล้วรีบเดินออกจากบ้านไป
“มาทางนี้เลยครับ ต้องเดินผ่านป่าไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงหาดแล้วล่ะครับ” อานุบอกก่อนจะรีบเดินมาข้างหน้าแล้วเดินนำผมไปที่หาด
“ปล่อยไปแบบนี้จะดีเหรอครับนาย? ดูเหมือนคุณเปอร์เขาจะร้องไห้นะครับ ปาดน้ำตาใหญ่เลย” ขวาน คนงานคนสนิทของลุกซ์พูดขึ้นขณะยืนมองเปอร์ขึ้นเรือไปกับนุ
“มันไม่ได้ร้องไห้หรอกขวาน มันน่าจะดีใจมากกว่าที่ได้ไปจากฉัน” ลุกซ์มองเรือที่แล่นออกจากฝั่งด้วยสายตาเลื่อนลอย
“เมื่อคืนตอนที่พวกผมมาที่นี่ คุณเปอร์ร้องไห้ใหญ่เลยนะครับ ร้องไม่หยุด เขาเป็นห่วงนายมาก พอพี่นุบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับ คุณเปอร์ก็ไม่ยอม จะอยู่กับนายเสียให้ได้” ขวานบอกไปตามที่เห็นเพราะทั้งเป็นห่วงและสงสารนายกับคนรัก จากที่เขาเห็นเปอร์เมื่อคืนก็รู้แล้วว่าเปอร์รักลุกซ์มากแค่ไหนและลุกซ์เองก็รักเปอร์มาก ถ้าไม่รักก็คงไม่เจ็บปวดมากมายขนาดนี้
“ตอนนี้ฉันไม่พร้อมที่จะอยู่กับมัน ไม่พร้อมจะเจอหน้าใครทั้งนั้น” ลุกซ์กำหมัดแน่นก่อนจะพูดรอดไรฟันเนื่องจากกำลังระงับความเจ็บปวดภายในใจจนลืมไปว่ามือที่กำหมัดอยู่กำลังเจ็บ
“คุณเปอร์ดูรั้นมากนะครับ ถ้านายไม่บอกให้พี่นุบอกคุณเปอร์ว่านายกลับไปแล้วคงไม่ยอมไปกับพี่นุแน่” ขวานพูดเพราะอยากจะให้ลุกซ์คิดได้แล้วตามเปอร์ไป
“ดื้อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ดื้อมากด้วย” ลุกซ์ค่อยๆ คลายมือที่กำกันแน่นออกก่อนจะหวนนึกไปถึงสมัยเด็กที่รู้จักเปอร์ครั้งแรก เปอร์ดื้อที่จะเข้ามาทักตอนที่เขาอารมณ์เสียและดื้อที่จะปกป้องเขาทั้งๆ ที่ตัวเองก็สู้ใครไม่ได้ ดื้อที่จะเข้ามาในชีวิตจนลุกซ์ไม่สามารถควบคุมหัวใจของตัวเองได้ ดื้อ...ดื้อกับลุกซ์ในทุกๆ เรื่องแต่กระนั้นก็ทำให้ลุกซ์รักมาก รักจนแทบขาดใจ
ผมนั่งเรือเร็วที่อานุขับมาส่งที่ท่าเรือก่อนจะเจอกับเอกที่มารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แค่เห็นหน้าเอกน้ำตาที่แห้งไปแล้วก็ไหลลงมาอีกจนเอกตกใจทำอะไรไม่ถูก ส่วนอานุ เมื่อส่งผมถึงมือเอกก็ขับเรือกลับไปที่เกาะทันที
“เปอร์! เป็นอะไร?” เอกถามอย่างตกใจ เขาทำอะไรไม่ถูกจนดูเงอะงะไปหมด ถ้าเป็นพี่ลุกซ์เมื่อก่อนเห็นผมร้องไห้แบบนี้ก็คงจะปล่อยเอาไว้ด้วยท่าทางเย็นชา แต่ถ้าเป็นพี่ลุกซ์ตอนที่เราเข้าใจกัน พี่มันคงจะเข้ามากอด และถ้าเป็นพี่ลุกซ์ในตอนนี้...พี่มันก็คงจะส่งผมให้เอกปลอบล่ะมั้ง
“เอก ฮึก พี่ลุกซ์เข้าใจผมผิด ฮึกอือ พี่ลุกซ์เขาตัดใจจากผมแล้ว” ผมทรุดลงนั่งยองๆ ก่อนจะกอดเข่าร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เอกเดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าก่อนจะถามเสียงอ่อนโยน ถ้าผมเจอเอกเร็วกว่าพี่ลุกซ์ผมจะรักเขาไหมนะ เขาใจดีและอ่อนโยนกับผมมากเหลือเกิน ถ้าผมรักเขาบ้างผมอาจจะไม่เจ็บขนาดนี้ก็ได้ แต่ผม...ไม่ได้รักเขา
“พี่ลุกซ์เขาให้ผมกลับมา เขาไม่ฟังอะไรผมเลย ฮึก เขาหนีผมไป ฮือ ถ้าเขารอให้เราได้คุยกันอีกซักนิดมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้แท้ๆ เขามันบ้า” ผมจิกขาตัวเองเพื่อระบายความอึดอัดพลางสะอื้นตัวโยนจนกลัวว่าเอกจะฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่อง
“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้นะเปอร์ เปอร์ยังมีโอกาสที่จะคุยและปรับความเข้าใจกับพี่ลุกซ์นะ ผมว่าตอนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า เปอร์ควรจะพักผ่อนนะ ร้องไห้จนตาช้ำไปหมดแล้ว” เอกช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะโอบไหล่ของผมเอาไว้อย่างปลอบโยน
“อื้อ ขอบใจนะเอกที่ลำบากเพื่อผม” ผมปาดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถยนต์ของเอกที่จอดไว้ตรงที่จอดรถของท่าเรือ
“พอดีผมไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง รถของที่บ้านก็ใช้กันอยู่พี่พลอยก็เลยให้ยืมมาอ่ะนะ” เอกพูดพลางเกาแก้มนิดๆ เมื่อเดินไปถึงรถและผมมีท่าทางแปลกใจกับรถที่คุ้นตา
“นี่ ฟืดดด รีบๆ คบกันก็ดีนะเอก พี่พลอยสวยนะขอบอก” ผมสูดน้ำมูกก่อนจะแซวทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง ผมเชียร์คู่นี้จริงๆ นะ
“คบเคิบอะไรเปอร์ ไม่เอาด้วยหรอก พี่พลอยไม่ได้ชอบผมซักหน่อย” เอกพูดงึมงำไม่เต็มเสียงนักทำเอาผมยิ้มออก
“พูดอย่างนี้เอกชอบพี่พลอยสินะ ผมช่วย เอาไหม?” ผมเช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้หมดก่อนจะบอกพลางเอาศอกไปแซะไหล่เอกอย่างหยอกล้อ
“ชอบที่ไหน? ไม่ได้ชอบหรอก บ้าไปแล้ว บอกแล้วไงว่าชอบเปอร์” เอกพูดเหมือนจะแก้ตัวแต่นั่นก็ทำให้ผมนิ่งและเงียบไป อย่าบอกว่าชอบผมสิเอก ผมทำตัวไม่ถูกเพราะว่าใจของผมมีแค่คนคนเดียวที่อยู่ข้างใน “เฮ้ย!! ล้อเล่นนะเปอร์ บอกไปแล้วว่าตัดใจแล้ว ใครจะไปสู้พี่ลุกซ์ล่ะ หล่อ รวยแถมยังเก่งเอกต่างหาก” เอกรีบบอกพลางปลดเบรกแล้วขับรถออกจากท่าเรือ
“แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็คงสู้เขาได้ นิสัยไงล่ะ เขาเป็นคนนิสัยไม่ดี ต่อให้อย่างอื่นดีมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทดแทนส่วนนี้ได้ แต่ว่าผมก็...” ผมพูดเสียงเบาก่อนจะเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้
“โอ๋เอ๋ๆ ไม่เอา อย่าร้องนะคนเก่ง เอ้า ผมยอมให้เปอร์ล้อเรื่องผมกับป้าอีกก็ได้นะ ล้อเลย ล้อเยอะๆ นะ” เอกเริ่มทำอะไรไม่ถูกปลอบผมอย่างลนลานจนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เอกนี่...อยู่ด้วยแล้วอารมณ์ดีจริงๆ แฮะ เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เลยจริงๆ ซักวันจะพาไปแนะนำให้ไอ้พัดกับไอ้ตุลรู้จัก พวกนั้นต้องชอบมากแน่ๆ
จะว่าไป ช่วงนี้ไม่ได้ติดต่อกับไอ้พวกนั้นเลยแฮะ ไอ้ตุลก็ยุ่งจัด แม้กระทั่งเวลาอยู่กับผัวยังไม่ค่อยมี ส่วนไอ้พัดหลังจากเรียนจบป.โทก็ไปเที่ยวรอบโลกกับไอ้วิทยังไม่กลับมาเลย เห็นบอกว่าถ้ากลับมามันจะมาสมัครงานที่บริษัทพี่ลุกซ์นี่แหละ ผมก็ได้แต่หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน แต่มันอาจจะเป็นแค่ความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงก็ได้
45% left
“กูว่าแล้วว่ามึงต้องมาอยู่ที่นี่” ขณะที่ลุกซ์กำลังนั่งรับลมอยู่ริมผาบริเวณหลังบ้านคนเดียว ลันก็เดินเข้ามาทักเพราะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องมาที่นี่และก็เป็นจริงดังคาด
“ไม่มีการมีงานทำหรือไง?” ลุกซ์หันมามองน้องชายก่อนจะหันกลับไปมองทะเลเหมือนเช่นเคย
“ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นได้อีกเหรอวะ? เป็นประธานบริษัทแท้ๆ ยังจะมาอู้งานที่นี่อีก เดี๋ยวกำไรก็หลายไปหลายร้อยล้านหรอก” ลันพูดก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ลุกซ์ ที่ลันมาที่นี่ได้เพราะวันนี้เป็นวันหยุดงาน ลันจึงพาไอมาเที่ยวและคิดว่าคงจะมาเจอลุกซ์ที่นี่ ที่จริงลันตั้งใจจะเอาเอกสารมาให้ลุกซ์เซ็นด้วยก็เลยถือโอกาสเที่ยวไปในตัว
“มาพักร้อนเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับ” ลุกซ์บอก
“ที่จริงกูเอางานมาให้มึงทำ จริงๆ กูอนุมัติเองก็ได้แต่กูกลัวมึงฟุ้งซ่านโดดหน้าผาตายก็เลยหาอะไรมาให้หนักกบาลเล่นๆ” ลันพูดกวนๆ ด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นลุกซ์ก็พอจะรู้ว่าน้องอยากจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเขาจึงหัวเราะออกไปนิดๆ เพราะลันแทบจะไม่เคยกวนเขาแบบนี้เลย
“เออ เดี๋ยวกูเซ็นเองก็ได้ อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว” ลุกซ์พยักหน้านิดๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“กูไม่คิดว่ามึงจะตัดใจได้หรอกนะลุกซ์ รักมันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือไง?” ลันถอนหายใจตามก่อนจะพูดขึ้น ลุกซ์เลิกคิ้วสูงแล้วหันไปมองหน้าลันที่นั่งอยู่ข้างๆ
“รู้ด้วยเหรอ?” ลุกซ์ถามอย่างสงสัยเพราะคนที่รู้ว่าเขารักเปอร์มาตั้งแต่เด็กมีแค่ถังคนเดียวเท่านั้น
“กูจำได้ ตอนที่มึงตกบันได มึงเอาแต่เพ้อขอโทษแม่กับน้องและพูดชื่อของมันออกมา ตอนแรกกูก็จำไม่ได้หรอก แต่พอไอ้เปอร์มันมาเป็นน้องรหัส กูก็เลยจำได้ กูยังงงอยู่เลยนะว่าทำไมมึงถึงใจร้ายกับมันนักทั้งๆ ที่มึงก็รักมันมาตั้งแต่เด็ก กูไม่เคยหาคำตอบได้จนกระทั่งรู้เรื่องมึงกับพ่อ” ลันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ พลางแอบหอบนิดๆ เพราะลันไม่ใช่คนพูดมาก เวลาพูดมากๆ เขามักจะเหนื่อย
“งั้นเหรอ? เฮอะๆ กูนี่ก็เป็นเอามากเนอะ” ลุกซ์หัวเราะสมเพชตัวเองนิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกความสดชื่น “เฮ้อ เอาเถอะ เริ่มฟุ้งซ่านละ ไปทำงานดีกว่า” ลุกซ์พูดก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกงของตัวเอง
“อย่าเพิ่งก็ได้ มึงพักไปเถอะ มึงลางานมาแล้วนี่” ลันบอกพลางลุกขึ้นบ้าง
“เอาเถอะ ให้กูทำเถอะ นั่งอยู่เฉยๆ ก็คิดแต่เรื่องของมัน” ลุกซ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียยาว
“ร้องไห้หรือเปล่าเนี่ย? ฮึๆ” ลันมองหน้าพี่ชายก่อนจะเอ่ยแซวเนื่องจากตาของลุกซ์ดูช้ำมากเป็นพิเศษ
“กูไม่ได้ขี้แยเหมือนมึงซักหน่อย ฮึๆ” ลุกซ์มองหน้าลันก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใครก็ไม่รู้ ร้องไห้เพราะกลัวพี่ตายตั้งสองรอบ ฮ่าๆ” ลุกซ์เสยผมของลันไปข้างหลังก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ลันยืนกำหมัดอย่างเจ็บใจที่ถูกล้ออยู่คนเดียว ที่ลุกซ์บอกว่าลันร้องไห้สองรอบหมายถึงตอนเด็กๆ ที่ลุกซ์ตกบันไดเกือบเสียชีวิตกับตอนล่าสุดที่รถระเบิด ตอนนั้นลันรู้สึกเหมือนตัวเองหลงทางเพราะกลัวว่าลุกซ์จะตายจริงๆ
หลังจากกวนประสาทลันเล็กๆ น้อยๆ ลุกซ์ก็กลับเข้ามาในบ้านเพื่อทำงานที่ลันอุตส่าห์แบกมาให้ถึงที่นี่ แต่ยังไม่ทันที่ลุกซ์จะได้หาเอกสารเขาก็ต้องชะงักเพราะเห็นไอนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
“สวัสดีครับพี่ลุกซ์” ไอชะงักก่อนจะวางรีโมททีวีลงหลังจากเปิดแทบตายก็ไม่ติดแล้วยกมือไหว้ลุกซ์
“อ่า หวัดดี โทษทีละกัน ทีวีมันพังน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีคนมาเปลี่ยนให้” ลุกซ์บอกพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อดื่มน้ำ
“ครับ” ไอตอบอย่างเกร็งๆ เพราะไม่เคยอยู่กับลุกซ์สองคนแบบนี้ ในใจไอก็ภาวนาให้ลันรีบกลับเข้ามาเสียที ไอยังคงเกรงลุกซ์จากการที่ลุกซ์เป็นประธานปกครองสมัยมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีไอก็ยังกลัวลุกซ์อยู่เหมือนเดิม แต่อาจจะมีบ้างที่พูดจากวนประสาท
“แล้วนี่พักกันที่ไหน พักที่นี่ไหมเดี๋ยวพี่ออกมานอนที่โซฟาเอง” ลุกซ์บอกก่อนจะเดินออกาจากครัว
“ไม่เป็นไรครับ ผมพักที่โรงแรมกับพี่ลันน่ะ” ไอบอก
“อ้อ อืม” ลุกซ์พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลันเดินเข้ามาพอดี
“แล้วพี่เปอร์...ล่ะครับ?” ไอถามพลางหันหน้ามองไปรอบๆ เพื่อหาเปอร์ ไอรู้ว่าลุกซ์พาเปอร์มาแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เปอร์ไม่อยู่แล้ว
“จุ๊บ ถามอะไรอย่างนั้น? มันจี้ใจดำคนเมียหนีนะ” ลันเดินไปนั่งข้างไอก่อนจะจูบเบาๆ ที่ปากเพื่อลงโทษที่ไอถามออกไปโดยไม่ดูสีหน้าของลุกซ์ ตอนแรกลันก็สงสัยที่ไม่เห็นเปอร์ แต่พอเห็นอาการของพี่ชายก็เดาออกได้ไม่ยาก
“มึงพูดน่ะเจ็บสุดละไอ้ขี้แย” ลุกซ์ส่ายหน้ายิ้มๆ
“เหี้ย” ลันย่นคิ้วใส่ลุกซ์อย่างเจ็บใจที่ถูกล้อ
“แล้วไหนล่ะเอกสารที่จะให้เซ็น” ลุกซ์ถาม
“อยู่โรงแรมว่ะ เดี๋ยวเย็นๆ จะเอามาให้” ลันบอก
“แล้วนี่จะไปเที่ยวไหนกัน?” ลุกซ์ถามอีก ถามไปก็นึกถึงเปอร์ไปเพราะอยากจะพาเปอร์ไปเที่ยว เขาคิดไว้ว่าถ้าคืนดีกันได้ก็จะพาไปดำน้ำดูปะการังเสียหน่อย แต่สุดท้าย เขาก็ต้องอยู่คนเดียว
“จะพาไปเล่นน้ำที่หน้าเกาะ ตอนแรกว่าจะเล่นอยู่ท้ายเกาะนี่แหละ แต่กลัวหอยเม่น” ลันบอกพลางหยิกแก้มไอเล่นเบาๆ
“กูให้คนงานมาจัดการออกไปก่อนที่จะมาแล้ว จะเล่นก็ตามสบาย” ลุกซ์บอก
“ไม่เอาครับ ถ้าอยู่ด้วยกันแค่สองคนที่ลันจะทำตัวลามกใส่” ไอพูดก่อนจะทำแก้มพองลมทำให้ลันอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มป่องๆ นั่น ลุกซ์มองคู่น้องชายอย่างอิจฉาก่อนจะขอตัวออกไปขับเรือเล่นเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
พอกลับมาถึงบ้านผมก็ขึ้นไปนอนพักทันทีเพราะรู้สึกเพลียเหลือเกิน ทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ อยากจะคุยกับพี่ลุกซ์ให้รู้เรื่องไปซะตอนนี้แต่ก็ไม่กล้า คิดว่าถ้าคุยกันไปก็มีแต่จะทะเลาะกันไปเปล่าๆ พี่ลุกซ์อารมณ์ร้อน ผมก็ร้อน เราคงต้องรอเวลาให้ใจของแต่ละคนสงบก่อนค่อยมาคุยกันอีกที
หลังจากนั้นผมก็เริ่มสงบสติอารมณ์และเริ่มหางานใหม่ทำเพราะกลัวครอบครัวจะลำบากเอา แต่หามาได้สามวัน ไปสมัครงานที่ไหนก็รับเต็มหมดแล้ว เฮ้อ รู้สึกพลาดที่ลาออกจากการเป็นอาจารย์แล้วมาทำงานที่บริษัทพี่ลุกซ์ เพราะงกเงินแท้ๆ เลยเรา
“เปอร์ มึงมาทำงานที่โรงเรียนติวกูก่อนก็ได้ ระหว่างนี้เดี๋ยวกูไปฝากงานให้มึงที่บริษัทไอ้อัต” ไอ้พี่ถังที่มานั่งเฝ้าผมหางานทางอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เช้าบอกขึ้นอย่างหงุดหงิดเพราะผมหางานไม่ได้ซักที
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากทำงานกับคนรู้จักอีกแล้ว ถ้าทำงานไม่ดีมันจะเข้าหน้ากันลำบากว่ะ” ผมบอกพลางเซิร์ชหางานไปเรื่อยๆ แต่เรื่องทำงานที่โรงเรียนติวคิดว่าถ้าหางานไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องทำ
“กูว่ามึงน่าจะทำงานที่บริษัทกูต่อนะเปอร์ ย้ายแผนกก็ได้ มึงก็รู้ว่างานสมัยนี้หายากจะตายห่า” พี่ถังมันบ่น แหม...คนมีเงินมีตำแหน่งนี่ก็พูดง่ายว่ะแม่ง ไม่เข้าใจความรู้สึกรากหญ้าอย่างกูเลยนะมึงเนี่ย กูอายเขาที่ต้องถูกหาว่าเป็นเด็กเส้นนี่หว่า อีกอย่าง...ถ้านั่นไม่ใช่บริษัทพี่ลุกซ์กูอาจจะยอมตกลงก็ได้
“ประธานบริษัทเขาคงไม่ชอบใจที่กูกลับเข้าไปทำงาน” ใจผมตกต่ำลงนิดๆ เมื่อพูดถึงพี่ลุกซ์
“เฮ้อ พวกมึงนี่ก็นะ รักกันจะตายแท้ๆ แต่แม่งไม่พูดไม่คุยกันให้เข้าใจ” ไอ้พี่ถังส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนของผมขึ้นมาอ่าน
“กูจะคุยแล้ว แต่พี่ลุกซ์หนีกูกลับมาซะก่อน” ผมบอกก่อนจะทำปากยื่น ทิ้งผมไว้ที่เกาะเป็นครั้งที่สองละ ชอบทำอะไรแย่ๆ ซ้ำซากจริงๆ
“หือ? ไอ้ลุกซ์น่ะเหรอ? ยังไม่กลับมาซักหน่อย ไอ้ลันมันเพิ่งส่งข่าวมาบอกว่าไอ้ลุกซ์ยังอยู่ที่เกาะอยู่เลย” พี่ถังลดหนังสือการ์ตูนลงก่อนจะทำหน้าประหลาดใจ
“ว่าไงนะ?” ผมขมวดคิ้วก่อนที่หน้าจะหม่นลง พี่มันให้คนอื่นโกหกเพื่อที่จะให้ผมกลับมา คงไม่อยากจะคุยจริงๆ สินะ แล้วแต่เลยละกัน ผมก็อุตส่าห์จะดีด้วย ถ้าไม่อยากคืนดีกัน ไม่อยากฟังอะไรก็แล้วแต่เขาเลยก็แล้วกัน
“โดนต้มละมึง” พี่ถังส่ายหน้าไปมาก่อนจะอ่านการ์ตูนต่อ
“กูจะไม่สนละ แล้วแต่เขาเลย ถ้ามาง้อดีๆ ก็จะยอมคืนดีด้วย ถ้าไม่มาก็...ก็...ก็...” ผมหาเหตุผลอื่นไม่ได้จึงได้แต่พูดติดอ่างอยู่อย่างนั้น ไอ้ใจของผมมันก็ได้แต่หวังนั่นแหละครับว่าเขาจะมาง้อในเร็ววัน
“เฮ้อ กูจะเป็นกำลังใจให้มึงนะเปอร์” พี่ถังมันขยับมานั่งใกล้ๆ ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ผมหันไปยิ้มให้มันนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปหางานต่อ ผมโชคดีที่มีมันครับ
สุดท้ายผมก็ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานครับ จังหวะเดียวกันพี่ถังก็บอกว่าพี่ลุกซ์กลับมาทำงานแล้วผมจึงคิดว่าอยากจะเข้าไปหาเพราะอยากจะคุยแต่ก็กลัวจะดูไม่ดี ก็เขาไม่ได้อยากเจอผม ถ้าผมเสนอหน้าไปมันอาจจะดูแปลกๆ ก็ได้
เอาไงดีวะ?
“นี่เปอร์ ถ้าอยากไปหาพี่ลุกซ์ก็ไปสิครับ ที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ นี่เอง” เอกพูดขึ้นขณะที่ผมนั่งเซ็งอยู่ในร้านที่เขาทำงานอยู่ หลังจากสัมภาษณ์งานเสร็จผมก็มากินเค้กที่ร้านเอกแก้เซ็งครับ
“ผมไม่กล้าไปน่ะสิครับ” ผมถอนหายใจก่อนจะหยิบมาการองมาใส่ปาก วันนี้ขนมไม่ค่อยมีรสชาติเลยแฮะ ใจคนไม่มีความสุขลิ้นเลยไม่รับรสเอาซะเลย
“เอางี้ไหมล่ะเปอร์ ก็ไปที่ออฟฟิศโดยอ้างว่าเอาขนมไปฝากพี่พลอยหรือพี่เปรียวก็ได้นี่” เอกเสนอความคิดเห็นอย่างนึกขึ้นได้ ผมยิ้มออกก่อนจะพยักหน้าเอาตามที่เอกบอก
“อ่ะ นี่เค้ก” ขณะที่ผมลุกขึ้นไปเลือกเค้ก เอกก็ยื่นถังใส่กล่องเค้กมาให้
“หือ?” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“ก็...เค้กให้พี่พลอยไง” เอกบอกเหมือนไม่คิดอะไร ผมรับเค้กมาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองหน้าเอกที่กำลังเบือนหน้าหนีหลบตา ที่จริงก็อยากจะเอาเค้กไปให้พี่พลอยล่ะสิ ฮึๆ ตาคนนี้ปากแข็งใช่ย่อย
“เท่าไหร่เหรอ?” ผมแกล้งถามออกไป
“เอาไปเหอะ” เอกหลบหน้าก่อนจะทำเป็นยืนพิงเคาน์เตอร์อย่างไม่สนใจโลก
“พี่พลอยทั้งสวย น่ารัก นิสัยดี อ่อนโยน ขนาดผมยังเคยชอบพี่พลอยเลยน้า” ผมแกล้งพูดยั่วเพื่อให้เอกร้อนรน จริงๆ ก็เคยชอบนั่นแหละนะ
“เปอร์รีบไปเถอะไป วู้” เอกโบกมือไล่แล้วโวยวายกลบเกลื่อนผมจึงเดินไปที่หน้ากระตูร้านแต่ไม่วายหันไปล้อเอกเรื่องพี่พลอยอยู่ดี
กรุ๊ง กริ๊ง
ตุบ!
“โอ๊ย!” ผมอุทานออกมาเมื่อเดินถอยหลังไปไม่ดูจนถูกคนที่กำลังจะเดินเข้ามาในร้านเปิดประตูชน
“ขอโทษครับ” เสียงคุ้นหูเอ่ยขอโทษเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมหันไปมองพอดี
“ไม่เป็นไร...ครับ” ผมบอกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเจอคนมาใหม่
+++++++++++++++++++++++++++++++++ ตอนนี้ไม่ได้ตรวจคำผิดเลย ถ้ามีคำผิดเยอะไม่ว่ากันน้า เรื่องวัยเด็กของพี่ลุกซ์ สามารถหาอ่านเต็มๆ ได้ในเล่มของภาค1 นะคะตัวเธอ มีทั้งเรื่องที่ลุกซ์แซวว่าลันขี้แยและมีเรื่องที่ลุกซ์บอกว่ารักเปอร์ตั้งแต่เด็กด้วยค่า
สักพักเสียงเอะอะก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างของอานุและคนงานผู้ชายคนหนึ่ง ผมรีบลุกขึ้นก่อนจะเขย่าประตูแล้วตะโกนเรียกอานุ
“อานุครับ อานุ! เปิดประตูให้ผมหน่อย!” ผมร้องบอกทั้งน้ำตา ตั้งแต่ตอนที่โทรไปพี่เคย์ผมก็ยังไม่หยุดร้องไห้เลย ผมสงสารพี่ลุกซ์
“คุณเปอร์!?! เกิดอะไรขึ้นครับ?” อานุวิ่งมาส่องช่องประตูก่อนจะทำหน้าตกใจ
“อย่าเพิ่งถามเลยครับอานุ เปิดประตูให้ผมก่อนเถอะครับจะได้ไปช่วยกันทำแผลให้พี่ลุกซ์” ผมบอกอย่างร้อนรน
“ละ...แล้วกุญแจล่ะครับ?” อานุก้มลงมองกุญแจก่อนจะถามหา
“น่าจะอยู่ในกระเป๋ากางเกงพี่ลุกซ์นะครับ ลองหาดู” ผมบอก อานุพยักหน้ารับก่อนจะวิ่งไปค้นกระเป๋ากางเกงพี่ลุกซ์ที่ถูกหิ้วปีกไปนั่งบนโซฟา
“เจอแล้วครับ!” อานุหาเจอก่อนจะรีบเอากุญแจมาไขเพื่อเปิดประตูให้กับผม
เมื่อประตูเปิดออกผมก็รีบพุ่งเข้าไปหาพี่ลุกซ์โดยไม่สนใจอะไรแม้กระทั่งเศษกระจกและแก้วที่แตก ผมขยับไปนั่งมองหน้าพี่ลุกซ์ใกล้ๆ ก่อนจะเบ้ปากน้ำตาไหล กลิ่นเหล้าหึ่ง หน้าก็แดงแถมยังดูท่าทางทรมานด้วย สภาพของพี่ลุกซ์ตอนนี้ดูน่าสลดจริงๆ
“ช่วยผมพาพี่ลุกซ์เข้าไปในห้องหน่อยนะครับ ผมจะทำแผลให้เขา” ผมหันไปบอกอานุทำให้อานุและพี่พนักงานคนนั้นรีบมาช่วยกันแบกพี่ลุกซ์เข้าไปในห้องทันที
“คุณเปอร์ดูแลคุณลุกซ์ต่อเลยนะครับเดี๋ยวสภาพข้างนอกพวกผมจัดการเอง ถ้าคุณเปอร์ต้องการอะไรบอกได้เลยนะครับ” อานุบอก ผมพยักหน้ารับยิ้มๆ “อ้อ ทำแผลให้คุณลุกซ์แล้วอย่าลืมดูเท้าตัวเองด้วยนะครับ เมื่อกี้คุณเปอร์เหยียบแก้ว” อานุบอกอย่างเป็นห่วงก่อนจะเดินออกไปจัดการข้างนอก
ผมมองหน้าพี่ลุกซ์นิดๆ ก่อนจะเดินไปหาผ้าขนหนูผืนเล็กกับกะละมังใส่น้ำมาเช็ดตัวให้พี่ลุกซ์ ผมค่อยๆ เช็ดหน้าให้พี่ลุกซ์อย่างเบามือ เช็ดไปน้ำตาก็ไหลไปเพราะสงสารพี่มันจับใจ หน้าพี่มันร้อนเห่อและแดงก่ำไปหมด ดูท่าจะดื่มไปเยอะมากเหมือนกันเพราะดื่มได้ไม่นานแต่ดันเมาเละซะหมดสภาพทั้งๆ ที่ปกติพี่มันคอแข็งมาก
“เปอร์...” ขณะที่ผมกำลังบรรจงเช็ดหน้าให้พี่ลุกซ์อย่างเบามือ พี่มันก็เพ้อออกมาแล้วคว้ามือของผมเอาไว้พลางจับซะแน่น
“ผมขอโทษนะ ฮือ ขอโทษ...” ผมเบ้ปากร้องไห้อีกครั้งก่อนจะก้มลงไปจูบที่หน้าผากพี่มันเบาๆ
ผมดึงมือพี่ลุกซ์ออกจากมือตัวเองก่อนจะเช็ดตัวให้พี่มันต่อโดยถอดทั้งเสื้อและกางเกงของพี่มันออกแต่ก็ยังเหลือบ็อกเซอร์ไว้ หลังจากเช็ดตัวเสร็จผมก็ล้างแผลและทำแผลให้พี่ลุกซ์จนเสร็จก่อนจะหันมาทำแผลที่เท้าให้ตัวเองบ้าง
เมื่อข้างในเรียบร้อยผมก็ออกไปดูข้างนอกพบว่าพวกอาก็ทำความสะอาดกันเสร็จเรียบร้อยแล้วและนั่งรอให้ผมออกไปคุยด้วยอยู่
“คุณเปอร์ครับ ตอนเช้านายน้อยให้ผมมารับคุณเปอร์ไปส่งที่ท่าเรือนะครับ คุณเปอร์ไปพักผ่อนเถอะนะ” อานุบอก
“ไม่ครับ ผมไม่ไป อานุไม่ต้องมารับผมหรอกนะ ผมจะอยู่กับพี่ลุกซ์ที่นี่ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกเยอะเลยครับ” ผมบอกอานุเสียงสั่น รู้สึกเสียใจไม่น้อยที่พี่ลุกซ์จะส่งตัวผมให้เอก
“แต่ว่า...” อานุขมวดคิ้วอย่างคิดไม่ตก
“ไม่เป็นไรหรอกครับ คิดว่าอีกเดี๋ยวก็คงเข้าใจกัน พวกอากลับไปพักผ่อนเถอะครับเดี๋ยวผมดูแลพี่ลุกซ์ต่อเอง” ผมบอกพลางส่งยิ้มให้
“ครับ มีอะไรโทรหาผมได้ตลอดนะครับคุณเปอร์ ผมวางนามบัตรไว้บนโซฟานะครับ” อานุบอก ผมพยักหน้ารับก่อนที่สองคนนั้นเขาจะเดินออกไปจากบ้าน ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องนอนแล้วมองหน้าพี่ลุกซ์ที่หลับไปอย่างทรมาน สีหน้าของพี่มันดูไม่ดีเลย เหมือนคนหลับไม่สนิทแต่ก็ไม่ตื่น
“ผมขอโทษที่โกหกนะครับพี่ลุกซ์ ผมไม่ได้เป็นอะไรกันเอก คนที่ผมรักมีแค่พี่คนเดียว รักมาก รักไม่เคยเปลี่ยนด้วย” ผมขยับไปนอนเอาคางเกยอกพี่ลุกซ์ก่อนจะพูดเสียงแผ่วๆ พลางลูบแก้มของพี่มันเบาๆ “ถ้าพี่ตื่นขึ้นมา พี่ต้องอธิบายเรื่องทุกอย่างให้ผมฟังนะ ต้องขอโทษผมทุกเรื่องที่พี่ทำให้ผมเสียใจด้วย ผมเองก็จะขอโทษพี่เหมือนกัน” ผมพูดพลางยิ้มกว้างแต่น้ำตามันกลับไหลออกมา ผมมีความหวังว่าจะให้มันเป็นอย่างที่ผมพูดแต่ใจผมกลับกลัว กลัวว่ามันจะไม่เป็นอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ตอนนี้เราก็อยู่ด้วยกันแค่สองคน ไม่มีทางที่จะมีใครมาขัดขวางอยู่แล้ว
ไม่สิ! เราต้องคิดบวกเข้าไว้ ยังไงตอนเช้าเราก็ต้องได้คุยกัน ถ้าผมบอกพี่ลุกซ์ว่าผมยอมให้อภัยล่ะก็ พี่มันจะต้องดีใจแล้วกระโดดเข้ามากอดผมแน่นอน พอเราเข้าใจกัน เราก็จะไปเที่ยวด้วยกัน อยู่ด้วยกันสองคนที่นี่อย่างมีความสุข ไม่มีใครมาขัดขวาง เอาเถอะ มันต้องเป็นไปอย่างที่ผมคิดนั่นแหละ นอนพักเอาแรงดีกว่าเพราะพรุ่งนี้อาจจะได้ไปเที่ยวด้วยกันจนเหนื่อยก็ได้
แต่แล้วความหวังของผมก็พังทลายลงเมื่อคนที่ผมนอนกอดอยู่ทั้งคืนหายไปจากบ้าน รองเท้าก็ไม่มี แต่สิ่งที่มีก็คืออานุที่มายืนเหมือนรอผมอยู่ในห้องนั่งเล่น
“อานุมาทำไมครับ?” ผมถามออกไปทั้งๆ ที่พอจะรู้อยู่แล้ว
“ผมมารับครับ นายน้อยสั่งเอาไว้ว่าให้มารับคุณเปอร์ไปส่งที่ท่าเรือ” อานุบอก ผมมองหน้าอานุก่อนน้ำตาจะไหลออกมา ช่วงนี้ผมรู้สึกว่าผมอ่อนแอเหลือเกิน ร้องไห้ง่ายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด อุตส่าห์อดทนไม่ร้องมาตั้งนาน
“ผมไม่ไปครับอานุ ผมจะอยู่ที่นี่กับพี่ลุกซ์” ผมบอกพลางส่ายหน้าไปมา
“นายน้อย...ขับเรือเร็วกลับไปที่ฝั่งตั้งแต่เช้าแล้วครับ นี่ผมก็เพิ่งให้คนงานไปเอาเรือกลับมาที่เกาะก่อนที่จะมารับคุณเปอร์นี่เอง” อานุบอก ผมทรุดลงนั่งกับพื้นก่อนจะปิดหน้าร้องไห้อย่างผิดหวัง “นายน้อยดู...เสียใจมากเลยนะครับคุณเปอร์ และดูท่าจะเป็นห่วงคุณเปอร์มากเพราะนายน้อยกำชับนักกำชับหนาว่าให้ไปส่งคุณเปอร์ให้ถึงมือคุณเอก” อานุบอกเสียงอ่อน
“ผมไม่ต้องการใครนะครับอานุ แล้วที่เขาทำแบบนี้คือความห่วงใยงั้นเหรอครับ? มันไม่ใช่ ถ้าเขาห่วงผมทำไมเขาไม่มาดูแลผมเองล่ะครับ? ฮึก” ผมพูดไปสะอื้นไปอย่างเจ็บปวด
“นายน้อยเป็นคนอารมณ์ร้าย ผมอยู่กับนายน้อยมานานผมพอจะรู้ครับ ตอนนี้จิตใจของนายน้อยยังไม่สงบ เขาอาจจะพลั้งมือทำอะไรคุณเปอร์ไปก็ได้ เขาคง...ไม่อยากทำให้คุณเปอร์ต้องเจ็บไปมากกว่านี้” อานุพูด
“เขาก็เป็นอย่างนี้แหละครับ ไม่พูด ไม่ฟังอะไรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฮึก! ถ้าเขาไม่ต้องการผม ผมก็จะไป ฮือ” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะปาดน้ำตาลวกๆ แต่ยิ่งปาดมันยิ่งไหลออกมาไม่หยุด “ไปกันเถอะครับอานุ” ผมเม้มปากพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลออกมามากกว่านี้แล้วรีบเดินออกจากบ้านไป
“มาทางนี้เลยครับ ต้องเดินผ่านป่าไปอีกนิดหน่อยก็จะถึงหาดแล้วล่ะครับ” อานุบอกก่อนจะรีบเดินมาข้างหน้าแล้วเดินนำผมไปที่หาด
“ปล่อยไปแบบนี้จะดีเหรอครับนาย? ดูเหมือนคุณเปอร์เขาจะร้องไห้นะครับ ปาดน้ำตาใหญ่เลย” ขวาน คนงานคนสนิทของลุกซ์พูดขึ้นขณะยืนมองเปอร์ขึ้นเรือไปกับนุ
“มันไม่ได้ร้องไห้หรอกขวาน มันน่าจะดีใจมากกว่าที่ได้ไปจากฉัน” ลุกซ์มองเรือที่แล่นออกจากฝั่งด้วยสายตาเลื่อนลอย
“เมื่อคืนตอนที่พวกผมมาที่นี่ คุณเปอร์ร้องไห้ใหญ่เลยนะครับ ร้องไม่หยุด เขาเป็นห่วงนายมาก พอพี่นุบอกว่าพรุ่งนี้จะมารับ คุณเปอร์ก็ไม่ยอม จะอยู่กับนายเสียให้ได้” ขวานบอกไปตามที่เห็นเพราะทั้งเป็นห่วงและสงสารนายกับคนรัก จากที่เขาเห็นเปอร์เมื่อคืนก็รู้แล้วว่าเปอร์รักลุกซ์มากแค่ไหนและลุกซ์เองก็รักเปอร์มาก ถ้าไม่รักก็คงไม่เจ็บปวดมากมายขนาดนี้
“ตอนนี้ฉันไม่พร้อมที่จะอยู่กับมัน ไม่พร้อมจะเจอหน้าใครทั้งนั้น” ลุกซ์กำหมัดแน่นก่อนจะพูดรอดไรฟันเนื่องจากกำลังระงับความเจ็บปวดภายในใจจนลืมไปว่ามือที่กำหมัดอยู่กำลังเจ็บ
“คุณเปอร์ดูรั้นมากนะครับ ถ้านายไม่บอกให้พี่นุบอกคุณเปอร์ว่านายกลับไปแล้วคงไม่ยอมไปกับพี่นุแน่” ขวานพูดเพราะอยากจะให้ลุกซ์คิดได้แล้วตามเปอร์ไป
“ดื้อมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ ดื้อมากด้วย” ลุกซ์ค่อยๆ คลายมือที่กำกันแน่นออกก่อนจะหวนนึกไปถึงสมัยเด็กที่รู้จักเปอร์ครั้งแรก เปอร์ดื้อที่จะเข้ามาทักตอนที่เขาอารมณ์เสียและดื้อที่จะปกป้องเขาทั้งๆ ที่ตัวเองก็สู้ใครไม่ได้ ดื้อที่จะเข้ามาในชีวิตจนลุกซ์ไม่สามารถควบคุมหัวใจของตัวเองได้ ดื้อ...ดื้อกับลุกซ์ในทุกๆ เรื่องแต่กระนั้นก็ทำให้ลุกซ์รักมาก รักจนแทบขาดใจ
ผมนั่งเรือเร็วที่อานุขับมาส่งที่ท่าเรือก่อนจะเจอกับเอกที่มารออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว แค่เห็นหน้าเอกน้ำตาที่แห้งไปแล้วก็ไหลลงมาอีกจนเอกตกใจทำอะไรไม่ถูก ส่วนอานุ เมื่อส่งผมถึงมือเอกก็ขับเรือกลับไปที่เกาะทันที
“เปอร์! เป็นอะไร?” เอกถามอย่างตกใจ เขาทำอะไรไม่ถูกจนดูเงอะงะไปหมด ถ้าเป็นพี่ลุกซ์เมื่อก่อนเห็นผมร้องไห้แบบนี้ก็คงจะปล่อยเอาไว้ด้วยท่าทางเย็นชา แต่ถ้าเป็นพี่ลุกซ์ตอนที่เราเข้าใจกัน พี่มันคงจะเข้ามากอด และถ้าเป็นพี่ลุกซ์ในตอนนี้...พี่มันก็คงจะส่งผมให้เอกปลอบล่ะมั้ง
“เอก ฮึก พี่ลุกซ์เข้าใจผมผิด ฮึกอือ พี่ลุกซ์เขาตัดใจจากผมแล้ว” ผมทรุดลงนั่งยองๆ ก่อนจะกอดเข่าร้องไห้
“เกิดอะไรขึ้นครับ?” เอกเดินมานั่งยองๆ ตรงหน้าก่อนจะถามเสียงอ่อนโยน ถ้าผมเจอเอกเร็วกว่าพี่ลุกซ์ผมจะรักเขาไหมนะ เขาใจดีและอ่อนโยนกับผมมากเหลือเกิน ถ้าผมรักเขาบ้างผมอาจจะไม่เจ็บขนาดนี้ก็ได้ แต่ผม...ไม่ได้รักเขา
“พี่ลุกซ์เขาให้ผมกลับมา เขาไม่ฟังอะไรผมเลย ฮึก เขาหนีผมไป ฮือ ถ้าเขารอให้เราได้คุยกันอีกซักนิดมันอาจจะไม่เป็นแบบนี้แท้ๆ เขามันบ้า” ผมจิกขาตัวเองเพื่อระบายความอึดอัดพลางสะอื้นตัวโยนจนกลัวว่าเอกจะฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่อง
“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้นะเปอร์ เปอร์ยังมีโอกาสที่จะคุยและปรับความเข้าใจกับพี่ลุกซ์นะ ผมว่าตอนนี้เรากลับกันก่อนดีกว่า เปอร์ควรจะพักผ่อนนะ ร้องไห้จนตาช้ำไปหมดแล้ว” เอกช่วยพยุงผมให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะโอบไหล่ของผมเอาไว้อย่างปลอบโยน
“อื้อ ขอบใจนะเอกที่ลำบากเพื่อผม” ผมปาดน้ำตาป้อยๆ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถยนต์ของเอกที่จอดไว้ตรงที่จอดรถของท่าเรือ
“พอดีผมไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเอง รถของที่บ้านก็ใช้กันอยู่พี่พลอยก็เลยให้ยืมมาอ่ะนะ” เอกพูดพลางเกาแก้มนิดๆ เมื่อเดินไปถึงรถและผมมีท่าทางแปลกใจกับรถที่คุ้นตา
“นี่ ฟืดดด รีบๆ คบกันก็ดีนะเอก พี่พลอยสวยนะขอบอก” ผมสูดน้ำมูกก่อนจะแซวทั้งที่น้ำตายังไม่แห้ง ผมเชียร์คู่นี้จริงๆ นะ
“คบเคิบอะไรเปอร์ ไม่เอาด้วยหรอก พี่พลอยไม่ได้ชอบผมซักหน่อย” เอกพูดงึมงำไม่เต็มเสียงนักทำเอาผมยิ้มออก
“พูดอย่างนี้เอกชอบพี่พลอยสินะ ผมช่วย เอาไหม?” ผมเช็ดน้ำตาออกจากหน้าให้หมดก่อนจะบอกพลางเอาศอกไปแซะไหล่เอกอย่างหยอกล้อ
“ชอบที่ไหน? ไม่ได้ชอบหรอก บ้าไปแล้ว บอกแล้วไงว่าชอบเปอร์” เอกพูดเหมือนจะแก้ตัวแต่นั่นก็ทำให้ผมนิ่งและเงียบไป อย่าบอกว่าชอบผมสิเอก ผมทำตัวไม่ถูกเพราะว่าใจของผมมีแค่คนคนเดียวที่อยู่ข้างใน “เฮ้ย!! ล้อเล่นนะเปอร์ บอกไปแล้วว่าตัดใจแล้ว ใครจะไปสู้พี่ลุกซ์ล่ะ หล่อ รวยแถมยังเก่งเอกต่างหาก” เอกรีบบอกพลางปลดเบรกแล้วขับรถออกจากท่าเรือ
“แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่าใครก็คงสู้เขาได้ นิสัยไงล่ะ เขาเป็นคนนิสัยไม่ดี ต่อให้อย่างอื่นดีมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทดแทนส่วนนี้ได้ แต่ว่าผมก็...” ผมพูดเสียงเบาก่อนจะเบ้ปากเหมือนจะร้องไห้
“โอ๋เอ๋ๆ ไม่เอา อย่าร้องนะคนเก่ง เอ้า ผมยอมให้เปอร์ล้อเรื่องผมกับป้าอีกก็ได้นะ ล้อเลย ล้อเยอะๆ นะ” เอกเริ่มทำอะไรไม่ถูกปลอบผมอย่างลนลานจนผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เอกนี่...อยู่ด้วยแล้วอารมณ์ดีจริงๆ แฮะ เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ เลยจริงๆ ซักวันจะพาไปแนะนำให้ไอ้พัดกับไอ้ตุลรู้จัก พวกนั้นต้องชอบมากแน่ๆ
จะว่าไป ช่วงนี้ไม่ได้ติดต่อกับไอ้พวกนั้นเลยแฮะ ไอ้ตุลก็ยุ่งจัด แม้กระทั่งเวลาอยู่กับผัวยังไม่ค่อยมี ส่วนไอ้พัดหลังจากเรียนจบป.โทก็ไปเที่ยวรอบโลกกับไอ้วิทยังไม่กลับมาเลย เห็นบอกว่าถ้ากลับมามันจะมาสมัครงานที่บริษัทพี่ลุกซ์นี่แหละ ผมก็ได้แต่หวังว่าเราจะได้ร่วมงานกัน แต่มันอาจจะเป็นแค่ความหวังที่ไม่มีวันเป็นจริงก็ได้
45% left
“กูว่าแล้วว่ามึงต้องมาอยู่ที่นี่” ขณะที่ลุกซ์กำลังนั่งรับลมอยู่ริมผาบริเวณหลังบ้านคนเดียว ลันก็เดินเข้ามาทักเพราะคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าพี่ชายต้องมาที่นี่และก็เป็นจริงดังคาด
“ไม่มีการมีงานทำหรือไง?” ลุกซ์หันมามองน้องชายก่อนจะหันกลับไปมองทะเลเหมือนเช่นเคย
“ยังมีหน้ามาว่าคนอื่นได้อีกเหรอวะ? เป็นประธานบริษัทแท้ๆ ยังจะมาอู้งานที่นี่อีก เดี๋ยวกำไรก็หลายไปหลายร้อยล้านหรอก” ลันพูดก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ ลุกซ์ ที่ลันมาที่นี่ได้เพราะวันนี้เป็นวันหยุดงาน ลันจึงพาไอมาเที่ยวและคิดว่าคงจะมาเจอลุกซ์ที่นี่ ที่จริงลันตั้งใจจะเอาเอกสารมาให้ลุกซ์เซ็นด้วยก็เลยถือโอกาสเที่ยวไปในตัว
“มาพักร้อนเฉยๆ เดี๋ยวก็กลับ” ลุกซ์บอก
“ที่จริงกูเอางานมาให้มึงทำ จริงๆ กูอนุมัติเองก็ได้แต่กูกลัวมึงฟุ้งซ่านโดดหน้าผาตายก็เลยหาอะไรมาให้หนักกบาลเล่นๆ” ลันพูดกวนๆ ด้วยสีหน้าที่นิ่งสนิท ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นลุกซ์ก็พอจะรู้ว่าน้องอยากจะทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเขาจึงหัวเราะออกไปนิดๆ เพราะลันแทบจะไม่เคยกวนเขาแบบนี้เลย
“เออ เดี๋ยวกูเซ็นเองก็ได้ อุตส่าห์มาถึงที่นี่แล้ว” ลุกซ์พยักหน้านิดๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา
“กูไม่คิดว่ามึงจะตัดใจได้หรอกนะลุกซ์ รักมันมาตั้งแต่เด็กไม่ใช่หรือไง?” ลันถอนหายใจตามก่อนจะพูดขึ้น ลุกซ์เลิกคิ้วสูงแล้วหันไปมองหน้าลันที่นั่งอยู่ข้างๆ
“รู้ด้วยเหรอ?” ลุกซ์ถามอย่างสงสัยเพราะคนที่รู้ว่าเขารักเปอร์มาตั้งแต่เด็กมีแค่ถังคนเดียวเท่านั้น
“กูจำได้ ตอนที่มึงตกบันได มึงเอาแต่เพ้อขอโทษแม่กับน้องและพูดชื่อของมันออกมา ตอนแรกกูก็จำไม่ได้หรอก แต่พอไอ้เปอร์มันมาเป็นน้องรหัส กูก็เลยจำได้ กูยังงงอยู่เลยนะว่าทำไมมึงถึงใจร้ายกับมันนักทั้งๆ ที่มึงก็รักมันมาตั้งแต่เด็ก กูไม่เคยหาคำตอบได้จนกระทั่งรู้เรื่องมึงกับพ่อ” ลันพูดด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ พลางแอบหอบนิดๆ เพราะลันไม่ใช่คนพูดมาก เวลาพูดมากๆ เขามักจะเหนื่อย
“งั้นเหรอ? เฮอะๆ กูนี่ก็เป็นเอามากเนอะ” ลุกซ์หัวเราะสมเพชตัวเองนิดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าตัวเองเพื่อเรียกความสดชื่น “เฮ้อ เอาเถอะ เริ่มฟุ้งซ่านละ ไปทำงานดีกว่า” ลุกซ์พูดก่อนจะลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นออกจากกางเกงของตัวเอง
“อย่าเพิ่งก็ได้ มึงพักไปเถอะ มึงลางานมาแล้วนี่” ลันบอกพลางลุกขึ้นบ้าง
“เอาเถอะ ให้กูทำเถอะ นั่งอยู่เฉยๆ ก็คิดแต่เรื่องของมัน” ลุกซ์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียยาว
“ร้องไห้หรือเปล่าเนี่ย? ฮึๆ” ลันมองหน้าพี่ชายก่อนจะเอ่ยแซวเนื่องจากตาของลุกซ์ดูช้ำมากเป็นพิเศษ
“กูไม่ได้ขี้แยเหมือนมึงซักหน่อย ฮึๆ” ลุกซ์มองหน้าลันก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ใครก็ไม่รู้ ร้องไห้เพราะกลัวพี่ตายตั้งสองรอบ ฮ่าๆ” ลุกซ์เสยผมของลันไปข้างหลังก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากลับเข้าไปในบ้าน ปล่อยให้ลันยืนกำหมัดอย่างเจ็บใจที่ถูกล้ออยู่คนเดียว ที่ลุกซ์บอกว่าลันร้องไห้สองรอบหมายถึงตอนเด็กๆ ที่ลุกซ์ตกบันไดเกือบเสียชีวิตกับตอนล่าสุดที่รถระเบิด ตอนนั้นลันรู้สึกเหมือนตัวเองหลงทางเพราะกลัวว่าลุกซ์จะตายจริงๆ
หลังจากกวนประสาทลันเล็กๆ น้อยๆ ลุกซ์ก็กลับเข้ามาในบ้านเพื่อทำงานที่ลันอุตส่าห์แบกมาให้ถึงที่นี่ แต่ยังไม่ทันที่ลุกซ์จะได้หาเอกสารเขาก็ต้องชะงักเพราะเห็นไอนั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋ออยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่น
“สวัสดีครับพี่ลุกซ์” ไอชะงักก่อนจะวางรีโมททีวีลงหลังจากเปิดแทบตายก็ไม่ติดแล้วยกมือไหว้ลุกซ์
“อ่า หวัดดี โทษทีละกัน ทีวีมันพังน่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมีคนมาเปลี่ยนให้” ลุกซ์บอกพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อดื่มน้ำ
“ครับ” ไอตอบอย่างเกร็งๆ เพราะไม่เคยอยู่กับลุกซ์สองคนแบบนี้ ในใจไอก็ภาวนาให้ลันรีบกลับเข้ามาเสียที ไอยังคงเกรงลุกซ์จากการที่ลุกซ์เป็นประธานปกครองสมัยมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีไอก็ยังกลัวลุกซ์อยู่เหมือนเดิม แต่อาจจะมีบ้างที่พูดจากวนประสาท
“แล้วนี่พักกันที่ไหน พักที่นี่ไหมเดี๋ยวพี่ออกมานอนที่โซฟาเอง” ลุกซ์บอกก่อนจะเดินออกาจากครัว
“ไม่เป็นไรครับ ผมพักที่โรงแรมกับพี่ลันน่ะ” ไอบอก
“อ้อ อืม” ลุกซ์พยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ลันเดินเข้ามาพอดี
“แล้วพี่เปอร์...ล่ะครับ?” ไอถามพลางหันหน้ามองไปรอบๆ เพื่อหาเปอร์ ไอรู้ว่าลุกซ์พาเปอร์มาแต่ไม่รู้ว่าตอนนี้เปอร์ไม่อยู่แล้ว
“จุ๊บ ถามอะไรอย่างนั้น? มันจี้ใจดำคนเมียหนีนะ” ลันเดินไปนั่งข้างไอก่อนจะจูบเบาๆ ที่ปากเพื่อลงโทษที่ไอถามออกไปโดยไม่ดูสีหน้าของลุกซ์ ตอนแรกลันก็สงสัยที่ไม่เห็นเปอร์ แต่พอเห็นอาการของพี่ชายก็เดาออกได้ไม่ยาก
“มึงพูดน่ะเจ็บสุดละไอ้ขี้แย” ลุกซ์ส่ายหน้ายิ้มๆ
“เหี้ย” ลันย่นคิ้วใส่ลุกซ์อย่างเจ็บใจที่ถูกล้อ
“แล้วไหนล่ะเอกสารที่จะให้เซ็น” ลุกซ์ถาม
“อยู่โรงแรมว่ะ เดี๋ยวเย็นๆ จะเอามาให้” ลันบอก
“แล้วนี่จะไปเที่ยวไหนกัน?” ลุกซ์ถามอีก ถามไปก็นึกถึงเปอร์ไปเพราะอยากจะพาเปอร์ไปเที่ยว เขาคิดไว้ว่าถ้าคืนดีกันได้ก็จะพาไปดำน้ำดูปะการังเสียหน่อย แต่สุดท้าย เขาก็ต้องอยู่คนเดียว
“จะพาไปเล่นน้ำที่หน้าเกาะ ตอนแรกว่าจะเล่นอยู่ท้ายเกาะนี่แหละ แต่กลัวหอยเม่น” ลันบอกพลางหยิกแก้มไอเล่นเบาๆ
“กูให้คนงานมาจัดการออกไปก่อนที่จะมาแล้ว จะเล่นก็ตามสบาย” ลุกซ์บอก
“ไม่เอาครับ ถ้าอยู่ด้วยกันแค่สองคนที่ลันจะทำตัวลามกใส่” ไอพูดก่อนจะทำแก้มพองลมทำให้ลันอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มป่องๆ นั่น ลุกซ์มองคู่น้องชายอย่างอิจฉาก่อนจะขอตัวออกไปขับเรือเล่นเพื่อสงบสติอารมณ์ของตัวเอง
พอกลับมาถึงบ้านผมก็ขึ้นไปนอนพักทันทีเพราะรู้สึกเพลียเหลือเกิน ทั้งเหนื่อยกายเหนื่อยใจ อยากจะคุยกับพี่ลุกซ์ให้รู้เรื่องไปซะตอนนี้แต่ก็ไม่กล้า คิดว่าถ้าคุยกันไปก็มีแต่จะทะเลาะกันไปเปล่าๆ พี่ลุกซ์อารมณ์ร้อน ผมก็ร้อน เราคงต้องรอเวลาให้ใจของแต่ละคนสงบก่อนค่อยมาคุยกันอีกที
หลังจากนั้นผมก็เริ่มสงบสติอารมณ์และเริ่มหางานใหม่ทำเพราะกลัวครอบครัวจะลำบากเอา แต่หามาได้สามวัน ไปสมัครงานที่ไหนก็รับเต็มหมดแล้ว เฮ้อ รู้สึกพลาดที่ลาออกจากการเป็นอาจารย์แล้วมาทำงานที่บริษัทพี่ลุกซ์ เพราะงกเงินแท้ๆ เลยเรา
“เปอร์ มึงมาทำงานที่โรงเรียนติวกูก่อนก็ได้ ระหว่างนี้เดี๋ยวกูไปฝากงานให้มึงที่บริษัทไอ้อัต” ไอ้พี่ถังที่มานั่งเฝ้าผมหางานทางอินเตอร์เน็ตตั้งแต่เช้าบอกขึ้นอย่างหงุดหงิดเพราะผมหางานไม่ได้ซักที
“ไม่เอาอ่ะ ไม่อยากทำงานกับคนรู้จักอีกแล้ว ถ้าทำงานไม่ดีมันจะเข้าหน้ากันลำบากว่ะ” ผมบอกพลางเซิร์ชหางานไปเรื่อยๆ แต่เรื่องทำงานที่โรงเรียนติวคิดว่าถ้าหางานไม่ได้จริงๆ ก็คงต้องทำ
“กูว่ามึงน่าจะทำงานที่บริษัทกูต่อนะเปอร์ ย้ายแผนกก็ได้ มึงก็รู้ว่างานสมัยนี้หายากจะตายห่า” พี่ถังมันบ่น แหม...คนมีเงินมีตำแหน่งนี่ก็พูดง่ายว่ะแม่ง ไม่เข้าใจความรู้สึกรากหญ้าอย่างกูเลยนะมึงเนี่ย กูอายเขาที่ต้องถูกหาว่าเป็นเด็กเส้นนี่หว่า อีกอย่าง...ถ้านั่นไม่ใช่บริษัทพี่ลุกซ์กูอาจจะยอมตกลงก็ได้
“ประธานบริษัทเขาคงไม่ชอบใจที่กูกลับเข้าไปทำงาน” ใจผมตกต่ำลงนิดๆ เมื่อพูดถึงพี่ลุกซ์
“เฮ้อ พวกมึงนี่ก็นะ รักกันจะตายแท้ๆ แต่แม่งไม่พูดไม่คุยกันให้เข้าใจ” ไอ้พี่ถังส่ายหน้าไปมาก่อนจะหยิบหนังสือการ์ตูนของผมขึ้นมาอ่าน
“กูจะคุยแล้ว แต่พี่ลุกซ์หนีกูกลับมาซะก่อน” ผมบอกก่อนจะทำปากยื่น ทิ้งผมไว้ที่เกาะเป็นครั้งที่สองละ ชอบทำอะไรแย่ๆ ซ้ำซากจริงๆ
“หือ? ไอ้ลุกซ์น่ะเหรอ? ยังไม่กลับมาซักหน่อย ไอ้ลันมันเพิ่งส่งข่าวมาบอกว่าไอ้ลุกซ์ยังอยู่ที่เกาะอยู่เลย” พี่ถังลดหนังสือการ์ตูนลงก่อนจะทำหน้าประหลาดใจ
“ว่าไงนะ?” ผมขมวดคิ้วก่อนที่หน้าจะหม่นลง พี่มันให้คนอื่นโกหกเพื่อที่จะให้ผมกลับมา คงไม่อยากจะคุยจริงๆ สินะ แล้วแต่เลยละกัน ผมก็อุตส่าห์จะดีด้วย ถ้าไม่อยากคืนดีกัน ไม่อยากฟังอะไรก็แล้วแต่เขาเลยก็แล้วกัน
“โดนต้มละมึง” พี่ถังส่ายหน้าไปมาก่อนจะอ่านการ์ตูนต่อ
“กูจะไม่สนละ แล้วแต่เขาเลย ถ้ามาง้อดีๆ ก็จะยอมคืนดีด้วย ถ้าไม่มาก็...ก็...ก็...” ผมหาเหตุผลอื่นไม่ได้จึงได้แต่พูดติดอ่างอยู่อย่างนั้น ไอ้ใจของผมมันก็ได้แต่หวังนั่นแหละครับว่าเขาจะมาง้อในเร็ววัน
“เฮ้อ กูจะเป็นกำลังใจให้มึงนะเปอร์” พี่ถังมันขยับมานั่งใกล้ๆ ก่อนจะลูบหัวผมเบาๆ อย่างให้กำลังใจ ผมหันไปยิ้มให้มันนิดๆ ก่อนจะหันกลับไปหางานต่อ ผมโชคดีที่มีมันครับ
สุดท้ายผมก็ถูกเรียกไปสัมภาษณ์งานครับ จังหวะเดียวกันพี่ถังก็บอกว่าพี่ลุกซ์กลับมาทำงานแล้วผมจึงคิดว่าอยากจะเข้าไปหาเพราะอยากจะคุยแต่ก็กลัวจะดูไม่ดี ก็เขาไม่ได้อยากเจอผม ถ้าผมเสนอหน้าไปมันอาจจะดูแปลกๆ ก็ได้
เอาไงดีวะ?
“นี่เปอร์ ถ้าอยากไปหาพี่ลุกซ์ก็ไปสิครับ ที่ทำงานอยู่ใกล้ๆ นี่เอง” เอกพูดขึ้นขณะที่ผมนั่งเซ็งอยู่ในร้านที่เขาทำงานอยู่ หลังจากสัมภาษณ์งานเสร็จผมก็มากินเค้กที่ร้านเอกแก้เซ็งครับ
“ผมไม่กล้าไปน่ะสิครับ” ผมถอนหายใจก่อนจะหยิบมาการองมาใส่ปาก วันนี้ขนมไม่ค่อยมีรสชาติเลยแฮะ ใจคนไม่มีความสุขลิ้นเลยไม่รับรสเอาซะเลย
“เอางี้ไหมล่ะเปอร์ ก็ไปที่ออฟฟิศโดยอ้างว่าเอาขนมไปฝากพี่พลอยหรือพี่เปรียวก็ได้นี่” เอกเสนอความคิดเห็นอย่างนึกขึ้นได้ ผมยิ้มออกก่อนจะพยักหน้าเอาตามที่เอกบอก
“อ่ะ นี่เค้ก” ขณะที่ผมลุกขึ้นไปเลือกเค้ก เอกก็ยื่นถังใส่กล่องเค้กมาให้
“หือ?” ผมเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“ก็...เค้กให้พี่พลอยไง” เอกบอกเหมือนไม่คิดอะไร ผมรับเค้กมาก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์แล้วมองหน้าเอกที่กำลังเบือนหน้าหนีหลบตา ที่จริงก็อยากจะเอาเค้กไปให้พี่พลอยล่ะสิ ฮึๆ ตาคนนี้ปากแข็งใช่ย่อย
“เท่าไหร่เหรอ?” ผมแกล้งถามออกไป
“เอาไปเหอะ” เอกหลบหน้าก่อนจะทำเป็นยืนพิงเคาน์เตอร์อย่างไม่สนใจโลก
“พี่พลอยทั้งสวย น่ารัก นิสัยดี อ่อนโยน ขนาดผมยังเคยชอบพี่พลอยเลยน้า” ผมแกล้งพูดยั่วเพื่อให้เอกร้อนรน จริงๆ ก็เคยชอบนั่นแหละนะ
“เปอร์รีบไปเถอะไป วู้” เอกโบกมือไล่แล้วโวยวายกลบเกลื่อนผมจึงเดินไปที่หน้ากระตูร้านแต่ไม่วายหันไปล้อเอกเรื่องพี่พลอยอยู่ดี
กรุ๊ง กริ๊ง
ตุบ!
“โอ๊ย!” ผมอุทานออกมาเมื่อเดินถอยหลังไปไม่ดูจนถูกคนที่กำลังจะเดินเข้ามาในร้านเปิดประตูชน
“ขอโทษครับ” เสียงคุ้นหูเอ่ยขอโทษเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ผมหันไปมองพอดี
“ไม่เป็นไร...ครับ” ผมบอกก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเจอคนมาใหม่
+++++++++++++++++++++++++++++++++ ตอนนี้ไม่ได้ตรวจคำผิดเลย ถ้ามีคำผิดเยอะไม่ว่ากันน้า เรื่องวัยเด็กของพี่ลุกซ์ สามารถหาอ่านเต็มๆ ได้ในเล่มของภาค1 นะคะตัวเธอ มีทั้งเรื่องที่ลุกซ์แซวว่าลันขี้แยและมีเรื่องที่ลุกซ์บอกว่ารักเปอร์ตั้งแต่เด็กด้วยค่า
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ