[Y]ซวยฉิบหาย!ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2

9.7

เขียนโดย DPR_Fox

วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22.32 น.

  56 ตอน
  51 วิจารณ์
  236.15K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558 20.40 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

19) Chapter 19 : ความเจ็บปวดของคนเลว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
[ถ้ากูร้าย...ก็อย่ารัก2] Chapter 19 : ความเจ็บปวดของคนเลว


 

กินเสร็จผมก็ไปอาบน้ำแล้วสวมชุดนอนลายก้างปลาที่พี่ลุกซ์ซื้อมาเตรียมไว้ให้แล้วออกมาในสภาพผมเปียกๆ  แต่ดูเหมือนพี่ลุกซ์จะรู้งานเพราะพี่มันนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งพร้อมกับถือไดร์เป่าผมไว้ในมือ  ผมชะงักแล้วนึกถึงสมัยก่อนที่พี่ลุกซ์เคยเป่าผมให้ผม

“มานั่งสิ” พี่ลุกซ์บอกแล้วลุกออกจากเก้าอี้เพื่อให้ผมไปนั่งแทนที่

“ทำไมต้องไปนั่งด้วย? ผมจะนอน” ผมบอกเหมือนไม่รู้ว่าพี่มันจะเป่าผมให้  ทำเหมือนคนจำเรื่องเมื่อก่อนไม่ได้ทั้งๆ ที่จำได้ขึ้นใจและอยากจะให้มันเกิดขึ้นอีก

“จะนอนทั้งผมเปียกๆ แบบนั้นไม่ได้  มาเป่าให้แห้งก่อน” พี่ลุกซ์พูดด้วยเสียงดุแต่ผมก็ไม่ได้สนใจแล้วคลานขึ้นไปนอนบนเตียงหน้าตาเฉย

พี่ลุกซ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะวางไดร์ลงแล้วเดินมาที่เตียงด้วยท่าทางนิ่งๆ  ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไรแต่พอรู้ตัวอีกทีพี่ลุกซ์ก็ขึ้นมาคร่อมร่างผมแล้วรวบข้อมือผมไปยึดไว้เหนือหัว  หน้านิ่งๆ เมื่อครู่เปลี่ยนเป็นโกรธจนเส้นเลือดตรงขมับปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด  แนวสันกรามก็ขึ้นให้เห็นเป็นริ้วๆ เพราะเขากัดฟันแน่น  ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะออกแรงดิ้นเพื่อให้หลุดจากพันธนาการ

“จะทำอะไร?” ผมถามออกไปเสียงสั่นเพราะกลัวว่าจะถูกเขาทำอะไรไม่ดี

“มึงมันดื้อ  พูดดีๆ ด้วยไม่ชอบ  ต้องให้ใช้กำลัง” พูดพลางฉีกชายเสื้อของผมแล้วเอาเศษเสื้อนั่นมามัดข้อมือของผมเอาไว้

“นี่! อย่าทำแบบนี้นะครับ!!” ผมโวยวายพลางพยายามขยับถอยห่างแต่เอวของผมก็ถูกเขานั่งทับเอาไว้ไม่ให้ขยับไปไหนได้  เมื่อมัดข้อมือผมเสร็จเขาก็กระชากเสื้อผมอย่างแรงจนกระดุมกระเด็นออกซะทุกเม็ดเผยให้เห็นท่อนบนเปลือยเปล่าของผม

“การกระทำต่อไปนี้ของกูอาจจะทำให้มึงเกลียดกูมากกว่าเดิม  แต่ที่กูทำลงไป เพราะกู...รักมึง” พี่ลุกซ์พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนลงก่อนจะโน้มหน้าลงมาจูบที่แก้มของผมอย่างหนักหน่วง  ทั้งดูดทั้งกัดจนผมต้องดิ้นหนีเพราะเจ็บ

“อื้อ! ปล่อย” ผมพยายามดิ้นแล้วใช้มือที่ถูกมัดรวมกันมาดันหน้าเขาออกแต่เขาก็ปัดออกแล้วยื่นหน้าเข้ามาบดขยี้ริมฝีปากผมอย่างแรง

ริมฝีปากล่างผมถูกเม้มแน่นจนแสบก่อนจะถูกดูดและกัดดึงไปมาจนกลัวว่าปากจะแตก  มือหนาที่รู้สึกชัดเจนว่าหยาบกร้านลูบไล้บั้นเอวผมเบาๆ สลับกับนวดคลึงจนผมต้องขยับเบี่ยงตัวหนีเพราะรู้สึกแปลกๆ  ผมห่างหายจากสัมผัสแบบนี้ของเขาไปนานเอาเรื่องเลยเหมือนกัน  ถึงจะมีบ้างตอนที่เริ่มทำงานใหม่ๆ ก็เถอะแต่มันไม่ได้ถึงขนาดนี้

“ฮึมมม” พี่ลุกซ์ครางเสียงต่ำขณะที่เลื่อนหน้าลงมาซุกที่ซอกคอของผม  ลิ้นอุ่นๆ ลากจากมุมปากลงมาจนถึงต้นคอก่อนจะเลียวนย้ำๆ แล้วกัดและดูดจนผมสะดุ้ง

“อย่าทำแบบนี้ ผมขอร้อง” ผมใช้มือยันหน้าผากพี่ลุกซ์ออกจากคอก่อนจะขอร้องด้วยสายตาอ้อนวอน  ผมไม่อยากให้เขาทำกับผมแบบนี้เพราะผมจะรู้สึกว่าผมมันไม่มีค่าไปมากกว่าคนขายตัวเลย  เขาบังคับให้ผมทำโดยที่ผมไม่เต็มใจ  ผมไม่ชอบเลยจริงๆ

“ถ้ากูขอร้องมึงบ้าง  มึงจะยอมหรือเปล่าล่ะ?” พี่ลุกซ์ถามกลับก่อนจะจูบมือที่ผมใช้ยันหน้าเขาออกเบาๆ แล้วจับมือผมไปตรึงไว้เหนือหัวเหมือนเดิม

ผมเม้มปากไม่กล้าตอบพลางหลบตาเพราะตอบไม่ได้จริงๆ ว่าถ้าเขาขอร้องอะไรมาแล้วผมจะให้ได้  ในเมื่อเขาเองก็ขอร้องไม่ได้  ผมก็คงมีสิทธิ์ไปขอร้องเขาเหมือนกัน  อ่า...การที่เราตัวเล็กและอ่อนแอกว่าก็มีผลเสียแบบนี้แหละครับ

“ทั้งๆ ที่ผมอยากลืม  แต่คุณกลับทำให้ผมจำ  จำแต่เรื่องเลวร้ายเสมอ” ผมเบือนหน้าหนีก่อนจะเม้มปากหลังจากพูดจบ

“สำหรับมึงแล้วกูเป็นคนที่เลวมากใช่ไหม? เวลาที่เราอยู่ด้วยกันมึงไม่เคยมีความสุขเลยใช่ไหม? กูสร้างแต่ความทรงจำเลวร้ายให้มึงตลอดเลยใช่ไหมเปอร์?” พี่ลุกซ์ลุกขึ้นนั่งแล้วแกะเศษผ้าที่มัดข้อมือผมไว้ออกจากนั้นก็ค่อยๆ คลานถอยหลังลงจากเตียง  ผมรีบขยับไปนั่งพิงหัวเตียงแล้วเอาผ้าห่มมาคลุมตัวเอาไว้ทันที

“...” ผมไม่ตอบ ได้แต่มองหน้าเขาด้วยสายตาหวาดๆ

“แต่กูมีความสุขเสมอที่ได้อยู่กับมึง” พี่ลุกซ์มองผมด้วยสายตาแสนเศร้า  ผมที่หล่นลงมาปรกหน้าปรกตายิ่งทำให้พี่มันดูหมดสภาพ “มึงนอนเถอะ” พี่ลุกซ์พูดแค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องไป

ผมเม้มปากแน่นขึ้นแล้วมองตามแผ่นหลังกว้างที่หายไปเมื่อประตูเปิดออกและปิดลง  เมื่อกี้เขาดูเจ็บปวดมากที่ผมต่อต้านเขา  เขาดูทรมานเหมือนที่ผมเคยทรมาน  ผมยอมรับว่าผมหวั่นไหวและสงสารเขามากแต่ผมไม่อยากมีอะไรกับเขาตอนนี้เพราะมันจะทำให้ผมถูกเขาผูกมัดและผมก็จะไปจากเขาไม่ได้  ตอนนี้ผมยังไม่ตัดสินใจว่าผมควรจะคืนดีกับเขาดีไหมผมจึงไม่อยากถูกผูกมัดด้วยร่างกาย

เมื่อใจผมเริ่มหยุดสั่นและกลับมาเต้นในจังหวะปกติผมจึงค่อยๆ ลุกไปเปลี่ยนเสื้อแล้วเปิดประตูเพื่อดูว่าพี่ลุกซ์หายไปไหน

“อืมมม เปอร์...เปอร์...อ้า!” ผมมองหาพี่ลุกซ์สักพักก่อนจะได้ยินเสียงครางแหบพร่าอยู่ตรงหน้าประตูห้องน้ำที่อยู่ติดกับห้องนั่งเล่น

ไอ้หยา! นี่พี่ลุกซ์ออกมาช่วยตัวเองงั้นเหรอเนี่ย? เขาคงเก็บกดมาสินะ  ถ้าเรื่องที่เขาบอกว่าไม่ได้นอกใจเป็นเรื่องจริงนั่นหมายความว่าเขาไม่ได้ปลดปล่อยมาตลอดสามปี  คนหื่นอย่างเขาน่ะหรือจะทนได้จริงๆ  ถ้าทนได้ผมก็ขอนับถือใจที่ซื่อตรงของเขาแต่มันยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเขาเข้าใจคำว่าชีวิตคู่จริงๆ

โครกกกกก

แกร๊ก!

ผมสะดุ้งนิดๆ เมื่อได้ยินเสียงกดชักโครกก่อนที่เสียงประตูจะเปิดออกและปรากฏร่างของพี่ลุกซ์  พี่มันมีสีหน้าและท่าทางตกใจที่เห็นผมยืนอยู่หน้าห้องน้ำ  ที่จริงไม่ได้อยากยืนอยู่ตรงนี้หรอกแต่เมื่อกี้คิดอะไรเพลินจนหนีไม่ทันต่างหาก

“มีอะไร?” พี่ลุกซ์ถามเสียงเข้ม

“ออกมาดู  นึกว่าไปตกทะเลตายแล้ว” ผมพูดเสียงสะบัดนิดๆ ก่อนจะกอดอกไม่ยอมสบตา

“อยากให้กูตายงั้นสิ?” พี่ลุกซ์ถามเสียงติดประชดนิดๆ ก่อนจะทำหน้าเสีย

“ก็รู้นี่” ผมตอบกลับทันที

“อืม ถ้ากูตายไปตั้งแต่ตอนนั้นก็คงจะดีกว่านี้  ไม่น่าฟื้นมาทำให้มึงเสียใจเลยเนอะ ฮึๆ” พี่ลุกซ์พูดกึ่งประชดก่อนจะเดินเอื่อยๆ ไปนั่งบนโซฟาโดยหันหลังให้ผมจากนั้นก็หัวเราะในลำคอเหมือนสมเพชตัวเอง

คำพูดของเขาทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่เจ๊เปรียวเคยบอกไว้ว่าเขาหยุดหายใจไปพักหนึ่งตอนที่เกิดเหตุรถระเบิด  เขาคงจะสะเทือนใจแต่ผมก็ดันมาย้ำปมเขาเสียนี่  ผมเสียใจที่ทำให้เขาเจ็บปวด  ยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตแล้วผมยิ่งเสียใจเพราะถ้าหากเขาตายไปจริงๆ ผมจะต้องร้องไห้แน่ๆ  เพราะเขายังง้อผมไม่สำเร็จและเขาก็ยังไม่ได้ทำให้ผมยอมเปิดใจให้เขาอีกครั้งเลย

“ถ้าอยากตายเพราะเรื่องไร้สาระก็ตายไปซะไม่ดีกว่าเหรอ?  ถ้าไม่รักตัวเอง ก็อย่าหวังว่าคนอื่นเขาจะมารัก” ผมพูดคำที่เขาเคยพูดกับผมเมื่อนานมาแล้ว  เมื่อก่อน ตอนที่ผมเอาแต่ทำร้ายตัวเองจนจิตใจบอบช้ำเขาก็พูดกับผมแบบนี้  ผมจำได้ว่าตอนนั้นผมคิดว่าถ้าผมตายไปก็คงไม่เป็นไร  แต่เป็นเพราะเขา...ผมถึงรักตัวเองขึ้นมาบ้าง  จนวันนี้ เขาเกิดไม่รักตัวเองขึ้นมา ผมก็ต้องเป็นคนฉุดเขาขึ้นมาไม่ใช่เหรอ?

“ถ้ากูรักตัวเอง  มึงจะกลับมารักกูไหม?” พี่ลุกซ์ถามโดยไม่หันกลับมามองผม

“ความรู้สึกที่เสียไปแล้วมันเอาคืนมาไม่ได้หรอกนะ” ผมพูด  ใช่...มันเอาคืนมาไม่ได้ แต่มันเริ่มต้นใหม่ได้ไม่ใช่หรือไง

“เข้าใจแล้วล่ะ  มึงเข้าไปนอนเถอะ ดึกแล้ว” พี่ลุกซ์พูดเสียงแผ่วลง

“ผมยังไม่ง่วง”

“บอกให้เข้าไปไง! กูไม่อยากทำให้มึงเกลียดกูไปมากกว่านี้เพราะฉะนั้นเข้าไปซะ!!” พี่ลุกซ์ตะคอกเสียงดังจนผมสะดุ้งอย่างตกใจ

ผมขมวดคิ้วเม้มปากก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องตามคำสั่งเพราะถ้ายังดื้ออยู่แบบนั้นผมคงถูกจับขึงกลางบ้าน

ปัง!!

ขณะที่ประตูห้องนอนปิดลง เสียงดังๆ เหมือนเสียงประตูปิดกระแทกก็ดังขึ้นตามกันมาติดๆ  ผมสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบเปิดประตูออกมาดูก็พบว่าพี่ลุกซ์หายไปแล้ว  ผมรีบวิ่งหาทั่วบ้าน  เมื่อไม่เจอผมจึงเปิดประตูออกไปนอกบ้าน  โชคดีที่พี่ลุกซ์ไม่ได้เอาโซ่มาล่ามเอาไว้ผมจึงเปิดออกไปเห็นบรรยากาศข้างนอก

เพียงแค่เดินออกมาหน้าบ้านตัวผมก็แทบปลิวเพราะลมแรงมาก  ผมเดินไปที่หลังบ้านจึงรู้ว่าบ้านหลังนี้ตั้งอยู่ริมผาที่สูงขึ้นมาจากทะเลมากพอสมควร  สูงขนาดนี้ถ้าตกลงไปต้องไม่รอดแน่  แถมข้างล่างยังดำมืดจนไม่รู้ไม่เห็นว่ามีอะไรอยู่ตรงนั้นบ้างเนื่องจากเป็นเวลากลางคืน

ผมรู้สึกขาสั่นริกๆ จึงรีบเดินกลับไปที่หน้าบ้าน  ผมทอดสายตาไปยาวๆ เพื่อมองหาพี่ลุกซ์แต่ผลที่ได้รับก็มีแค่ความมืดมิดและความหนาวเย็น  ด้วยความเป็นห่วงผมจึงทำใจกล้าเดินออกห่างจากบ้านไปเรื่อยๆ เพื่อตามหาพี่ลุกซ์

 

ยิ่งเดินห่างออกมาจนมองอะไรไม่เห็นแม้กระทั่งตัวบ้านผมยิ่งกลัว  รู้สึกเหมือนตัวเองเดินเข้ามาในป่ายังไงก็ไม่รู้  ต้นไม้ก็สูงและขึ้นหนาทึบ  เสียงจิ้งหรีดดังเซ็งแซ่สร้างความวังเวงให้ผมกลัวมายิ่งขึ้น  หนำซ้ำยังมีเสียงใบไม้กระทบกันจนทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่ามีใครตามมาตลอดเวลา

ความกลัวเริ่มครอบงำทำให้จิตใจผมไม่อยู่กับเนื้อ  ผมหันหน้าไปมาอย่างหวาดระแวงกลัวจะมีอะไรแปลกๆ โผล่มา  ความมืดที่ทำให้ผมมองอะไรไม่เห็นเป็นผลให้ผมก้าวไปเหยียบท่อนไม้จนลื่นล้ม  เมื่อมือสัมผัสได้ถึงความชื้นของใบไม้และดินผมก็เริ่มขยะแขยงและกลัวมากขึ้นกว่าเดิม

“พี่ลุกซ์ ฮึก ช่วยผมด้วย พี่ลุกซ์ ฮือ ผมกลัว” ผมชันเข่าขึ้นมาแล้วกอดมันเอาไว้ก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาเพราะผมกลัวมากจริงๆ  ผมไม่เคยประสบกับเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนในชีวิตและไม่คิดอยากจะเจอ  ผมกลัวทั้งความมืด กลัวทั้งบรรยากาศของที่นี่  ผมกลัวไปซะทุกอย่าง  กลัวไปหมดเลย “ฮึกฮือออ พี่ลุกซ์ ช่วยผมด้วย  ผมกลัว ฮือ ผมกลัว” ผมก้มหน้าซุกเข่าก่อนจะเพ้อออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว

แซ่ก แซ่ก แซ่ก

เสียงอะไรบางอย่างดังขึ้นสร้างความกลัวให้ผมยิ่งกว่าเดิม  ผมกอดเข่าแน่นขึ้นพลางจิกแขนของตัวเองเพื่อระบายความกลัว

แซ่ก แซ่ก แซ่ก

เสียงอะไรบางอย่างนั่นดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนผมรู้สึกว่าต้นเหตุของเสียงมันมาอยู่ใกล้ๆ ผมเสียแล้ว  ความกลัวแบบไม่ลืมหูลืมตาทำให้ผมตัวสั่นแรงขึ้น

“อึ๊กฮืออออ อื๊ออออ” ผมร้องไห้เสียงหลงอย่างหวาดกลัว

หมับ!

“ฮืออออ ผมกลัว...” ผมเพ้อพลางตัวสั่นแรงขึ้นอีกอย่างห้ามไม่ได้เมื่อรู้สึกถึงอะไรเย็นๆ หนึบๆ ที่เท้าเนื่องจากผมสวมรองเท้าแตะ  ผมไม่กล้าแม้แต่จะขยับ  แต่เพราะผมกลัวว่ามันจะเป็นอะไรไม่ดีผมจึงค่อยๆ เงยหน้าแล้วเหลือบตาไปมอง

เฮือก!

เมื่อเห็นว่าเป็นอะไรผมก็เบิกตากว้างพลางกลั้นหายใจอย่างหวาดกลัว  ร่างกายผมหยุดนิ่ง ขยับไปไหนไม่ได้  ไม่มีแรงแม้แต่จะลุกขึ้น  ความกลัวประเดประดังเข้ามาจนผมแทบช็อค  ยิ่งไอ้ความเย็นๆ หนึบๆ นั่นค่อยๆ ขยับน้ำตาผมยิ่งไหลพรากๆ

“งู! อ๊าก!!!!!! ฮือ! พี่ลุกซ์!!” ผมแหกปากร้องลั่นแล้วหลับตาปี๋พลางอยู่นิ่งๆ ให้งูหลามตัวใหญ่มันค่อยๆ เลื้อยขึ้นมาที่ขา

ตึกๆๆๆ

จังหวะที่ผมกำลังจะเป็นลมหมดสติเสียงฝีเท้าหนักๆ ก็ดังขึ้นถี่ยิบก่อนจะงูตัวนั้นมันจะเลื้อยหนีเนื่องจากถูกไม้เขี่ยออก

“เปอร์!!” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นก่อนที่ร่างของผมจะถูกโอบกอดจากอ้อมแขนแข็งแรง

“ฮึก ฮือ พี่ลุกซ์  ผมกลัว กลัว...งูมันจะกินผมไหม ฮึกฮือ ช่วยผมด้วย” ผมรีบโผเข้าไปกอดพี่ลุกซ์แน่นพลางซบหน้าลงบนไหล่ของพี่มัน

“มันไปแล้ว ไม่เป็นไรแล้วเปอร์” พี่ลุกซ์ลูบหลังผมพลางจูบขมับเพื่อปลอบโยน

“น่ากลัว ฮือ ผมกลัว” ผมยังคงกลัวจนใจสั่นตัวสั่นไปหมด  ตอนนี้ทิฐิผมหายไปหมดเพราะผมกลัวมากจริงๆ  ผมไม่อยากอยู่คนเดียวในเวลาแบบนี้

“กลับบ้านกันเถอะ  ลุกไหวไหม?” พี่ลุกซ์ถามเสียงอ่อนโยนพลางผละออกไปจากผมแต่ก็ยังช่วยประคองผมเอาไว้อยู่

“ฮื่อ” ผมส่ายหน้าดิกเพราะแข้งขาอ่อนจนลุกไม่ไหว

“ไม่ต้องกลัวแล้ว  กูอยู่นี่แล้ว ไม่ร้องนะ” พี่ลุกซ์ปาดน้ำตาให้ผมก่อนจะอุ้มผมขึ้น  ผมผวาไปกอดคอพี่มันก่อนจะซุกหน้าไปที่ไหล่เพื่อให้ไหล่ของพี่มันช่วยซับน้ำตา

“อย่าหนีไปไหนอีกนะ” ผมบอกเสียงสั่นเครือ

“อื้ม กูอยู่กับมึงแล้ว  ไม่ไปไหนแล้ว” พี่ลุกซ์บอกพลางเดินพาผมกลับไปที่บ้าน  ตลอดทางผมก็เอาแต่สะอื้นและกอดคอพี่มันแน่นไม่ยอมปล่อย




44.45% left



 

เพราะความกลัวถึงขั้นสติแทบหลุดจึงทำให้ผมทิ้งทิฐิไปชั่วขณะถึงกับยอมให้พี่มันอุ้มและหอมเพื่อปลอบให้หายกลัว  รู้ตัวอีกทีผมก็ถูกจับมานั่งที่ขอบอ่างโดยมีพี่ลุกซ์ช่วยพับขากางเกงแล้วล้างเท้าออกให้จนเสื้อกับกางเกงพี่มันเปียกไปหมด  ผมเม้มปากมองพี่มันที่กำลังคุกเข่าก้มหน้าล้างเท้าให้กับผมอย่างขะมักเขม้น  ผมอยากจะใจแข็งกว่านี้แต่ตอนนี้ผมใจอ่อนซะแล้ว

“พะ...พอแล้ว  เท้าจะเปื่อยหมดแล้ว” ผมพูดเสียงเบาพลางยื่นมือไปดันไหล่พี่ลุกซ์ออกเบาๆ

“อืม  เดี๋ยวกูไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน  เรามีเรื่องต้องคุยกัน” พี่ลุกซ์ลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดเสียงดุจนผมเบ้ปากอยากจะร้องไห้อีกครั้ง  ผมเพิ่งผ่านเหตุการณ์น่ากลัวมายิ่งมาพูดเสียงน่ากลัวใส่ผมอีก เดี๋ยวน้ำตาก็แตกอีกหรอก

“อือ” ผมทำปากยื่นนิดๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำแล้วไปนั่งนิ่งๆ อยู่ที่ปลายเตียงโดยมีพี่ลุกซ์ยืนเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ไม่ห่าง

เมื่อเปลี่ยนเสร็จพี่มันก็เดินมายืนกอดอกอยู่ตรงหน้าผมที่กำลังก้มหน้าอยู่  แม้จะไม่เห็นสีหน้าแต่ผมก็สัมผัสได้ว่าพี่มันจะต้องทำหน้าดุผมอยู่แน่ๆ

“ไปทำอะไรในป่า!? ไม่รู้หรือไงว่ามันอันตรายมากแค่ไหน!?!” พี่ลุกซ์ตะคอกใส่ผมอย่างกับผมเป็นนักศึกษาใหม่ที่กำลังอยู่ในห้องเชียร์แล้วตัวเองก็เป็นพี่ว้ากยังไงยังงั้น

“ก็ผมไปตาม...หาคุณ...” ผมตอบเสียงสั่นและเบา  น้ำตามันเริ่มปริ่มขอบตาอีกแล้วครับเพราะเขาทำผมตกใจ  ผมยังไม่หายผวาจากไอ้งูตัวโตนั่นเลยนะ  ใจมันยังสั่นไหวอยู่เลย

“พี่!!” พี่ลุกซ์ตะคอกจนผมหัวหด

“อือ!” ผมส่งเสียงประท้วงในลำคอเพราะกลัว

“บอกให้เรียกพี่ไง!” พี่ลุกซ์ตะคอกอีก

“พี่”

“เออ ก็แค่นั้นแหละ  แล้วทีหลังห้ามออกไปไหนอีกนะ  มันอันตราย  ขนาดกูที่มาอยู่ที่นี่บ่อยๆ ยังไม่ชำนาญเลย  หายออกไปแบบนี้รู้ไหมว่ากูเป็นห่วงมากแค่ไหน?” พี่ลุกซ์ไม่ตะคอกแล้วแต่ก็ยังพูดเสียงดังอยู่ดี

“อย่าดุ...” ผมบอกเสียงเบา

“อะไรนะ!?!” พี่ลุกซ์ถามเสียงดัง

“ก็บอกว่าอย่าดุไง! คนเพิ่งเจออะไรน่ากลัวๆ มายังจะมาดุมาด่าอีก ฮึก! คิดถึงใจกันบ้างไหม? ผมยังไม่หายกลัวเลยนะ ยังจะมาทำให้ผมกลัวมากขึ้นอีก! ฮือ!! ถ้าจะดุขนาดนี้ไปช่วยผมมาทำไม? ทำไมไม่ปล่อยให้ผมถูกงูกินไปเลยเล่า!?!” ผมลุกขึ้นยืนก่อนจะตะคอกใส่หน้าพี่ลุกซ์ทั้งน้ำตาอย่างโมโห  หลังจากเหวี่ยงเสร็จผมก็ปาดน้ำตาทิ้งแล้วกระโดดขึ้นไปนอนคลุมโปงอยู่บนเตียง

ฮวบ!

สักพักเตียงบริเวณที่ผมนอนก็ไหวยวบจนร่างผมขยับตามแรงทรุดของเตียง  คาดว่าพี่ลุกซ์คงขยับมานั่งข้างๆ ผมล่ะมั้ง

“ขอโทษ  กูเป็นห่วงก็เลยโมโหไปนิดหน่อย” พี่ลุกซ์ดึงผ้าห่มออกจากหน้าผมก่อนจะยื่นมือมาเขี่ยที่แก้มผมเบาๆ  ผมขมวดคิ้วก่อนจะพลิกตัวนอนตะแคงหันหลังใส่พี่ลุกซ์ “ขอโทษ  เป็นห่วงหรอกถึงได้ดุน่ะ” พี่ลุกซ์คร่อมตัวผมไว้ก่อนจะยื่นหน้ามาหอมแก้มผมเบาๆ แต่หอมย้ำๆ หลายครั้ง

ผมพลิกตัวนอนหงายก่อนจะขมวดคิ้วมองหน้าพี่ลุกซ์อย่างโกรธๆ  น้ำตามันยังคลออยู่ที่เบ้าที่พร้อมจะไหลลงมาได้ทุกเมื่อเลย

“...” ผมเม้มปากมองพี่ลุกซ์ด้วยสายตาเหวี่ยงๆ โดยไม่พูดอะไร

“ฮึๆ อะไรกันสายตาแบบนั้น  นี่กลับมาเป็นเปอร์คนเดิมของกูแล้วใช่ไหม?” พี่ลุกซ์หัวเราะขำๆ ก่อนจะยื่นมือมาปัดผมของผมไปทัดหูเบาๆ

“ไม่!” ผมตอบแล้วทำปากยื่น

“จุ๊บ” พี่ลุกซ์ขโมยจูบที่ปากผมอย่างรวดเร็วก่อนจะผงกหัวกลับไปที่เดิมแล้วยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก “กูดีใจนะที่มึงเรียกหากูในตอนที่มึงลำบาก” พี่ลุกซ์ลูบผมของผมเบาๆ แล้วมองผมด้วยสายตาเอ็นดู

“ก็ที่นี่มีแต่คุณ  ถ้ามีเอกอยู่ด้วยผมก็จะเรียกเขา” ผมพูดประชดด้วยอารมณ์โมโหติดงอนนิดๆ

แต่เมื่อได้ยินผมพูดออกมาแบบนั้นมือที่ลูบหัวผมอยู่ก็หยุดชะงัก  รอยยิ้มที่ประดับอยู่มุมปากก็หายไป  สายตาที่แสนเอ็นดูเมื่อครู่ก็เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาทันที

พี่ลุกซ์ลุกออกจากตัวผมไปก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มากดโทรออก  ผมขยับลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองพี่มันนิ่งๆ  ไม่รู้ว่าพี่มันโทรหาใคร

“ขอโทษที่โทรมาดึกๆ ดื่นๆ  กูลุกซ์นะ...อืม ใช่  พรุ่งนี้มึงว่างไหม?...เออ มันอยากอยู่กับมึงมากกว่ากูไง  กูบังคับใจใครไม่ได้และกูก็จะไม่ทำให้มันเสียใจอีกแล้ว  ในเมื่อมันรักมึง กูก็ควรปล่อยมันไป  มันเหนื่อยเพราะกูมามากพอแล้ว...อืม พรุ่งนี้กูจะให้คนไปส่งมันที่ท่าเรือxxx แต่เช้า  มึงมารับมันด้วยละกัน...กูจะอยู่ที่นี่...จนกว่าจะทำใจได้ล่ะมั้ง...ไม่ต้องห่วง กูไม่ได้ล่วงเกินคนที่มึงรักหรอก ปลอดภัยดีทุกส่วน...อืม ขอให้รักกันนานๆ นะ” พี่ลุกซ์พูดออกมาโดยไม่หันมามองหน้าผมแม้แต่นิดเดียว  ฟังจากที่พี่มันคุยแล้วคงจะโทรหาเอกล่ะมั้ง  แต่ที่เขาพูดน่ะหมายความว่ายังไง? พี่มันยอมแพ้แล้วงั้นเหรอ?

ตุบ!

“หือ?” ผมขมวดคิ้วนิดๆ เมื่อพี่ลุกซ์โยนอะไรบางอย่างมาให้

“โทรศัพท์ของมึง กูคืนให้  แล้วก็รีบนอนได้แล้ว  พรุ่งนี้จะพาไปหน้าเกาะ จะให้อานุไปส่งที่ท่าเรือแล้วไอ้เอกจะมารับ” พี่ลุกซ์พูดพลางมองหน้าผมด้วยสายตาเจ็บปวด  ยิ่งตาของพี่มันแดงผมยิ่งสะเทือนใจจนน้ำตาจะไหลออกมาแต่ก็ต้องกลั้นเอาไว้

“...” ผมกำมือตัวเองแน่นอย่างเจ็บปวดที่พี่มันยอมแพ้

“ที่กูทำแบบนี้ไม่ใช่ว่ากูหมดรักมึงนะเปอร์  กูยังรักมึงเหมือนเดิม  แต่กูไม่อยากเห็นมึงเสียใจ ไม่อยากให้มึงทรมานเพราะต้องอยู่กับกู  กูเชื่อแล้วว่ามึงไม่ได้รักกูอีกแล้ว  มันคงจะจริงที่มึงเคยบอกว่าความรัก...ถ้ามันไม่ได้รับการดูแลมันก็จะหมดไป  กูไม่ได้ดูแลหัวใจของกูเลย  กูทำร้ายหัวใจดวงนี้ตลอดจนมันทนไม่ได้  อยู่กับกูไปมึงก็คงยิ่งเกลียดและขยะแขยงกูมากขึ้น” พี่ลุกซ์พูดเสียงแผ่วลงเรื่อยๆ แถมยังสั่นเครือจนผมกลัวว่าพี่มันจะร้องไห้  ตอนนี้พี่มันไม่ได้มองหน้าผมแล้ว  คงจะทนมองต่อไปไม่ไหว  ผมเองก็ทนมองสีหน้าเจ็บปวดของพี่มันไม่ได้จึงได้แต่ก้มหน้าร้องไห้เงียบๆ “อ้อ แล้วอย่าออกมาจากห้องนี้เด็ดขาด ล็อกประตูด้วย  กูไม่มั่นใจว่ากูจะคุมตัวเองอยู่  กูไม่อยากทำร้ายมึง ไม่อยากทำร้ายจิตใจของไอ้เอกด้วย” พี่ลุกซ์พูดแค่นั้นก่อนจะรีบเดินออกจากห้องแล้วล็อกประตูเอาไว้จากด้านนอก  ผมนั่งมองประตูที่ปิดลงแล้วสะอื้นเบาๆ

ผมกำมือตัวเองแน่นพลางกัดริมฝีปากจนรู้สึกได้ถึงรสชาติของเลือด  ถ้าเมื่อกี้ผมไม่พูดถึงชื่อเอก พี่ลุกซ์ก็คงไม่มีทีท่าแบบนั้น  ถ้าเมื่อกี้ผมเลือกที่จะเลี่ยงการประชดประชันป่านนี้พี่ลุกซ์อาจจะกำลังนอนกอดผมอยู่ก็ได้

 

หลังจากตัดสินใจที่จะไปปรับความเข้าใจกับพี่ลุกซ์ได้ผมก็เดินออกไปเขย่าประตูเพื่อเรียกให้พี่ลุกซ์เปิดประตู  แต่นอกจากพี่มันจะไม่เปิดประตูแล้วผมยังได้ยินเสียงโครมครามและเสียงของแตกดังมาเป็นระยะๆ ไม่ขาดจนใจผมสั่น  กลัวว่าพี่มันจะทำอะไรไม่คิด

“พี่ลุกซ์! ฮึก พี่ลุกซ์! เปิดประตูให้ผมหน่อย  มาคุยกันก่อนได้ไหม?” ผมเขย่าประตูด้วยท่าทางร้อนใจก่อนน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วจะไหลลงมาอีก

ตึง!! เคล้ง!!

ผมสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจก่อนจะเร่งเขย่าประตูรัว  ด้วยความเป็นกังวลผมจึงหาวิธีที่จะติดต่อกับพี่ลุกซ์ให้ได้เนื่องจากพี่มันไม่ตอบสนองเสียงเรียกผมเลย

ผมดึงประตูออกแล้วมองผ่านช่องที่เกิดจากการคล้องโซ่ไว้หลวมๆ ก่อนจะมองออกไปเพื่อดูสถานการณ์ในห้องนั่งเล่น  พอเห็น  ผมก็แทบทรุดเพราะห้องมันแย่สุดๆ จริงๆ  แก้วแตกกระจายเต็มพื้นแถมพื้นยังดูเปียกแปลกๆ  โซฟาที่จัดไว้อย่างเรียบร้อยกระจายออกไปทั่วทิศทาง  โต๊ะกระจกสีทึบที่พวกเราใช้กินข้าวมื้อเย็นแยกส่วน  ฐานกระจายไปอีกทางส่วนตัวกระจกแตกกระจายอยู่ที่พื้นโดยมีของเหลวสีแดงคล้ำนองอยู่จำนวนหนึ่ง  ส่วนตัวต้นเหตุยืนหอบอยู่กลางห้อง  มือถือขวดเหล้าที่เหลืออยู่ค่อนขวดแดงฉาน มีเลือดสดๆ ไหลไปตามง่ามนิ้วและขวดเหล้าก่อนจะหยดลงบนพื้น  ตอนแรกผมคิดว่าเลือดที่กองอยู่บนพื้นคงมาจากมือแต่พอมองดีๆ ก็พบว่ามันมาจากเท้าที่คาดว่าน่าจะถูกกระจกบาดต่างหาก

“พี่ลุกซ์!! ฮือ! เปิดประตูให้ผมหน่อย ฮึก พี่ลุกซ์  ได้ยินผมไหม?” ผมเขย่าประตูก่อนจะตะโกนออกไปสุดเสียงแต่ดูเหมือนพี่ลุกซ์จะไม่สนใจ  พี่มันดึงฝาขวดเหล้าออกก่อนจะยกซดเพียวๆ จนหมดขวด  ดูจากปริมาณที่หมดไปแล้ว พี่มันยืนได้ถือว่าปาฏิหาริย์มาก

เพล้ง!!

พี่ลุกซ์ยกขวดขึ้นกรอกปากอีกครั้งแต่เพราะเหล้ามันหมดเลยทำให้พี่มันดูหงุดหงิดหัวเสียมาก  พี่มันขว้างขวดหนาๆ ไปใส่ทีวีจนหน้าจอแตกร้าว  คงจะร้าว...เหมือนหัวใจของคนขว้างแน่ๆ เลย

“พี่ลุกซ์ ฮึก อือออ ผมขอร้อง  มาคุยกันดีๆ เถอะนะ  ผมยอมแล้ว  มาคุยกันเถอะพี่ลุกซ์ ฮึก ฮือ อย่าทำแบบนี้เลย” ผมทรุดฮวบลงไปนั่งกับพื้นก่อนจะขอร้องเสียงสั่นทั้งๆ ที่รู้ว่าพี่มันคงไม่ได้ยิน

พี่ลุกซ์ที่ไม่ตอบสนองต่อเสียงของผมเดินเหยียบเศษกระจกที่แตกไปที่บาร์เหล้าด้วยท่าทางโซซัดโซเซจะล้มแหล่มิล้มแหล่และสุดท้ายพี่มันก็ทรุดลงไปล้มตึงจนเกิดเสียงดัง  หลังจากนั้นพี่มันก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย

“พี่ลุกซ์!! เดี๋ยวก็ตายหรอก ฮือ! ลุกขึ้นมาสิ  มาเปิดประตูให้ผมนะ  พี่ลุกซ์!! ถ้าพี่ลุกขึ้นมาตอนนี้ผมจะยอมคืนดีกับพี่เลย  นะพี่ลุกซ์ ผมขอร้อง” แต่ไม่ว่าผมจะอ้อนวอนขอร้องมากเท่าไหร่พี่ลุกซ์ก็ไม่ยอมลุกขึ้นมา  เลือดที่ฝ่าเท้าและมือก็ยังไหลไม่หยุด  ผมเป็นห่วงพี่มันเหลือเกิน  ถ้าไม่รีบทำแผลพี่มันต้องตายแน่เลย  แต่ตอนนี้ผมออกจากห้องนี้ไม่ได้เลย

เอ้อ! จริงสิ!! ผมมีโทรศัพท์นี่นา!!

เมื่อนึกขึ้นได้ผมก็รีบกดเบอร์โทรออกหาพี่เคย์ทันทีเพราะคิดว่าพี่เคย์คงจะสามารถติดต่อคนที่อยู่หน้าเกาะได้  อย่างน้อยก็ขอให้มีใครซักคนมาช่วยทำแผลหรือพาพี่ลุกซ์ไปโรงพยาบาลหน่อยก็ยังดี

[ว่าไงเปอร์?] เสียงงัวเงียของพี่เคย์ดังขึ้นมาตามสาย

“พี่เคย์! ช่วยด้วย! ช่วยด้วยครับพี่เคย์!!” ผมตะโกนออกไปอย่างต้องการความช่วยเหลือ

[เปอร์เป็นอะไร!?! ไอ้ลุกซ์มันทำอะไรเปอร์อีก!?!] พี่เคย์ตะโกนขึ้นมาอย่างตกใจและนั่นก็คงทำให้พี่ถังตื่นขึ้นมาด้วยเพราะได้ยินเสียงเอะอะโวยวายของมัน  การหายตัวไปของผมครั้งนี้ไม่ใช่ความลับสินะ

“ฮือ พี่เคย์ พี่ลุกซ์กำลังจะตาย ฮึก ช่วยพี่ลุกซ์ด้วย” ผมเบ้ปากร้องไห้ออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่  ผมเป็นห่วง กลัวพี่ลุกซ์จะตายไปจริงๆ

[เปอร์ใจเย็นๆ แล้วบอกพี่ว่าเกิดอะไรขึ้น] พี่เคย์พูดอย่างใจเย็นแต่ก็ดูเป็นห่วงมาก

“พี่ลุกซ์ขังผมไว้ในห้องแล้วตัวเองก็อาละวาดอยู่ข้างนอก  ตอนนี้พี่ลุกซ์เลือดไหลเยอะเลยครับ เมาจนฟุบไปแล้วด้วย ฮือ พี่เคย์ ผมออกไปช่วยไม่ได้  พี่เคย์ ผมกลัวพี่ลุกซ์เป็นอะไรไป ฮือ” ผมบอกกลั้วเสียงสะอื้น

[เอางี้นะเปอร์  ตอนนี้อยู่ที่ไหน?] พี่เคย์ถาม

“อยู่ที่บ้านพักหลังเกาะส่วนตัวของพี่ลุกซ์น่ะครับ” ผมบอกออกไปเสียงร้อนรน

[เอางี้นะเปอร์  เดี๋ยวพี่จะโทรไปบอกอานุให้ไปดูให้  เปอร์ไม่ต้องห่วงนะ] พี่เคย์บอกก่อนจะรีบวางสายไป  ผมเม้มปากกำโทรศัพท์ในมือแน่นอย่างร้อนใจ  ในใจก็ภาวนาขอให้อานุมาเร็วๆ

 

++++++++++++++++++++++++++++++++



โธ่ๆ ลุกซ์  มันไม่ง่ายสำหรับแกขนาดนั้นหรอกนะจ๊ะเบ่บี๋

อยากได้ของรักก็ต้องอดทน ไม่ใช่ใช้กำลังนะตัวเธอววววว ฮ่าๆๆๆ

ไรเตอร์อยู่สายอวยเคะ อิๆ

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.4 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา