ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
8.9
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
123 บท
32 วิจารณ์
113.43K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
69) บทที่ ๖๙: พินทุอิ - ซอ
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๖๙
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
พินทุอิ - ซอ
มนต์สะกดให้บุษราคัมลืมสิ่งรอบด้าน ภุชงค์เหลือบไปเห็นอรุโณทัยที่ส่งสายตาเกรี้ยวกราดชิงชังมาให้ ภุชงค์ยิ้มมุมปากบางๆ สีหน้าสงบนั้นแฝงไปด้วยความเหี้ยมเกรียมจนอรุโณทัยเสียวสันหลังวาบชั่วหนึ่ง
“ทีนี้… ก็เห็นผลแล้วสินะ” ภุชงค์หันไปถามนายิกาที่ยืนดูการประลอง ผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือยิ้มอย่างมีเลศนัย อรุโณทัยเห็นท่าไม่ดี นางคาดว่าผู้อาวุโสต้องสรุปการแข่งขันแน่ นางตะโกนสุดเสียงบอกกับผู้เป็นแม่
“ท่านแม่! ตั้งสติสิเจ้าคะ!!” อรุโณทัยตะโกนซ้ำไปซ้ำมาจนเสียงเริ่มแหบ ภุชงค์มองนางอย่างเวทนาก่อนจะเอ่ย “มารดาเจ้าพ่ายแพ้แก่ข้าแล้ว ตะโกนไปก็ไร้ประโยชน์”
“หุบปาก!!!” อรุโณทัยหันไปตะโกนลั่นจนภุชงค์เบิกตาด้วยความตะลึง เอื้อนเอ่ยด้วยเสียงที่ดังลั่นคล้ายฟ้าผ่าจนแทบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้องบาดหู
“มันจบแล้ว อรุโณทัย …ผู้ชนะคือภุชงคมะ สัตตะสินธู” ผู้อาวุโสเอ่ยเสียงดังไม่มากนักแต่พอให้ทุกคนได้ยินชัดเจน ภุชงค์ยิ้มบางๆ ราวกับยินดีช่างขัดกับสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายกับอะไร พินทุเหลือบไปมองซอก่อนจะเอ่ย
“นี่น่ะฤสายควบคุม? น่าสนใจดีนี่ เจ้าเองก็สายควบคุมด้วยสินะ ซอ” ซอพยักหน้าพลางกำชับซอสามสายกับที่สีไว้ให้มั่น
คู่ต่อไปคือซอกับพินทุ ซอไม่มั่นใจเอาเสียเลยที่จะได้แข่งกับพินทุ
“อ่อนหัดมาก”
อรรณพเอ่ยเสียงเรียบ ไม่มีความเย้ยหยันหรือดูถูก แต่น้ำเสียงนั้นเป็นเชิงบอกความจริง ภุชงค์ที่หยุดบรรเลงพิณอีสานแล้วก็กลับไปยืนกับพวกนายิกาทิ้งให้บุษราคัมที่ยังถูกมนต์สะกดไม่คลายนั้นเซไปเซมาก่อนจะล้มลงร่วงสู่น้ำเบื้องล่าง อรุโณทัยเห็นว่าการแข่งจบแล้วจึงเข้าไปช่วย นางว่ายน้ำตรงไปที่บุษราคัมก่อนโอบไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ
“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ…”
อรุโณทัยเอ่ยแผ่วเบา เรียกหาผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วงจับใจ มือเรียวขาวที่เปียกน้ำนั่นลูบไล้ใบหน้าเปียกของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ ความเย็นจากน้ำทำให้นางรู้สึกเหมือนจะป่วยแต่พอได้อยู่กับกับผู้เป็นที่รักก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ซอมองอย่างเห็นใจก่อนจะมองไปยังนายิกาและรองนายิกาคนอื่นและผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือก็ไม่เห็นว่าจะมีใครแสดงสีหน้าเห็นใจบุษราคัม ยกเว้นเพียงแต่อรัญญิกนางคิดว่านายิกาคงจะเห็นเป็นเรื่องปรกติเพราะนายิกาเช่นพวกนางต่างก็สู้รบเห็นเลือด ศพและความตายมานับต่อนับเลยเริ่มจะชินชา
“เหม่ออันใดอยู่ ไปสิ ถึงตาพวกเราแล้ว” พินทุกล่าวเรียกสติซอให้กลับคืน ผู้ถูกเรียกพยักหน้าก่อนจะเดินไป
พินทุกับซอนิ่งสักพัก ซอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แม้จะนั่งไม่ได้ก็ตามแต่นางพยายามจับซอให้มั่นไม่ให้มันเคลื่อนเพราะถูกกดจากการสีก่อนจะบรรเลง
พินทุตั้งสมาธิพลางท่องมนต์ในใจไม่ให้เสียงซอแทรกแซงจิตใจก่อนจะพุ่งตัวออกไปพร้อมกับร่มบ่อสร้างที่มีแท่งเหล็กยื่นจากปลายด้ามจับ ซอใช้ซอสามสายตั้งรับหยุดการบรรเลงไว้ก่อนแล้วจึงสะบัดออกและใช้ปลายของซอที่ไว้ตั้งเวลาบรรเลงแทงเข้าที่ท้องของพินทุ พินทุแสยะยิ้ม สีหน้าของนางเริ่มซีด ความเจ็บปวดช่างน้อยนิดนักเมื่อเปรียบเทียบกับความสนุกของการต่อสู้ ซอชักสีหน้า หลายครั้งที่พินทุชอบแสดงสีหน้าพึงพอใจยามต่อสู้ทำราวกับว่าเป็นการละเล่น
เกลียด
พินทุใช้ร่มตีมือซอจนเผลอปล่อยซอสามสายหล่นลงน้ำ ซอรับแท่งเหล็กที่พินทุหวดลงมาก่อนจะปัดออกแล้วชกเข้าที่หน้า พินทุข่มความเจ็บไว้และพยายามจะแทงซอหลายครั้งพุ่งเข้าใส่แทบไม่ยั้งมือ จนกระทั่งซอจับแขนพินทุไว้แล้วตั้งท่าจะเหวี่ยงลงน้ำแต่พินทุตั้งสติได้นางกระแทกศอกใส่ท้องอย่างแรงจนอีกฝ่ายจุกแล้วหวดร่มใส่กลางศีรษะจนซอเซถอยหลังไป รู้สึกว่ามึนไปหมด
ทำไมถึงต้องมาสู้กับพินทุด้วยนะ มิใช่สิ ถึงอย่างไรก็ต้องสู้ด้วยกันอยู่แล้ว
ซอคิดพลางรับแท่งเหล็กด้วยซอสามสายแล้วโจมตีไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้สู้กับพินทุ แต่ก็ต้องสู้กับนายิกาทุกคน โดยเกณฑ์การตัดสินรอบแรกคือ ใครแพ้การประลองกว่า ๔ ครั้ง จะแพ้ โดยที่จะต้องสู้กับนายิกาทุกคนที่เป็นตัวแทนแต่ละภาค ต่อให้ตอนนี้ซอจะสู้กับนายิกาคนอื่นแต่ยังไงนางก็ต้องสู้กับพินทุอยู่ดี
ซอสร้างม่านอาคมไว้ก่อนจะสีซอสามสาย พินทุสวดมนต์พร้อมกับโจมตีม่านอาคมครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันเริ่มปริรอยแตกราวกับแก้ว พินทุเพ่งจิตให้สูงกว่าเดิม สวดมนต์วนกลับมาเริ่มใหม่หลายรอบโดยไม่ได้หยุดพักหายใจ
ฝ่ายซอเองก็ตั้งจิตเพ่งสมาธิพลางร้องบทกลอนไปพร้อมกับสีซอสามสาย พินทุเปลี่ยนเป็นฟาดร่ม เตะ ชก การเคลื่อนไหวของนางเร็วมากจนมองแทบไม่เห็น พินทุตัดสินใจลองใช้อาคมที่ตนเองฝึกแล้วใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง วาดปลายแท่งเหล็กเป็นรูปยันต์ มันแผ่ไอสีดำออกมาราวกับควัน ซอเห็นท่าไม่ดีเพราะคาดว่าพินทุจะต้องใช้อาคมทำลายม่านแน่ นางจึงตัดสินใจทำลายม่านอาคมหนีไปก่อนที่พินทุจะระเบิดเข้ามา แล้วก็เป็นดังที่คิด ยันต์เรืองแสงสีดำวาบก่อนจะระเบิดเสียงดังเบิ้ม!
ในที่สุดก็ใช้มันได้
พินทุนึกอย่างยินดี นางถือร่มในแนวนอนก่อนจะกางออกแล้วหมุน จนเริ่มเกิดเป็นเหมือนพายุหมุนวน ร่มของนางสูบน้ำทะเลให้เข้ามาก่อนจะขยายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสูบจนพอได้แล้วน้ำก็พุ่งเข้าไปจนซอตั้งตัวรับไม่ทันจนร่วงลงไปในน้ำ พินทุเดินเข้าไปยังตำแหน่งที่อีกฝ่ายเคยยืนอยู่ก่อนจะวาดปลายแท่งเหล็กเป็นรูปวงเวทยันต์บนผิวน้ำ
ทางฝ่ายซอที่กำลังว่ายขึ้นมาก็ต้องเบิกตาโพลงเพราะเห็นเงาของยันต์ นางไม่รอช้ารีบว่ายขึ้นไปแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อปรากฏม่านอาคมล้อมรอบตัวนางส่องมาจากยันต์ที่ทำเป็นวงเวท ฉับพลันซอก็หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนมีใครบีบคอ จากตอนแรกที่อดทนกลั้นใจไม่ให้น้ำเข้าก็ต้องอดทนมากกว่าเดิม ซอตาลีตาเหลือกเพราะขาดอากาศหายใจ จะว่ายขึ้นไปก็ไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนมีใครดึงร่างกายไม่ให้ว่าย นางลอยนิ่งอยู่ในน้ำ แรงแม้แต่จะขยับนิ้วก็แทบไม่มี น้ำเค็มๆ ไหลเข้าปากเอาๆ จนแน่นท้อง
อรัญญิกที่ดูการต่อสู้ตาแทบไม่กะพริบก็กังวลมากขึ้น นางกังวลมาตั้งแต่ช่วงแรกเพราะรู้สึกว่าเหมือนซอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้วก็เป็นดังที่นางคาดจริงๆ ด้วย
เวลาผ่านไปสักพักแล้วจนพินทุพอใจ นางคลายอาคมและลงไปในน้ำแล้วคว้าร่างของซอก่อนจะว่ายขึ้นไปบนผิวน้ำ ซอตาพร่ามัว รู้สึกว่าแน่นท้องไปหมด หายใจไม่ค่อยออกเพราะน้ำไหลเข้ามากั้นและหูอื้อ พินทุมองซอที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะยิ้มบางๆ ภายใต้ร่มบ่อสร้างที่บังแสงอาทิตย์ นางเหลือบมองอรัญญิกที่รอดูว่าจะทำอะไรต่อ
ถ้าเกิดลองทำแบบนี้จะเป็นอย่างไรนะ หึๆ…
พินทุโน้มหน้าเข้าไปใกล้คนในอ้อมกอด ลมหายใจอุ่นๆ รดผิวหน้าจนซอที่หนาวเย็นเพราะน้ำในทะเลพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ริมฝีปากร้อนผ่าวค่อยๆ จูบริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนแล้วดูดพยายามเอาน้ำออก
แม้ร่มบ่อสร้างจะบังแต่นายิกาและรองนายิการวมทั้งอรัญญิกก็มองเห็น ทุกคนมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง บางคนก็แสดงสีหน้าเรียบเฉย ภาพบาดตานั้นแทบจะทำให้อรัญญิกชักดาบมาบั่นคอพินทุ หากไม่ติดว่าแข่งอยู่ล่ะก็นางคงทำไปนานแล้วล่ะ ซอเบิกตาด้วยความตกตะลึงและตกใจ เรี่ยวแรงกลับมาทันใดเมื่อตั้งสติได้ นางดันพินทุออกอย่างแรงก่อนจะชกหน้าอีกฝ่ายโดยไม่มีความปรานีใดๆโกรธที่คุกรุ่น แล้วไอค่อกแค่กพร้อมน้ำที่ออกมาด้วยความก่อนจะหันไปมองอรัญญิกที่ที่แผ่รังสิสังหารพร้อมกับมองมาอย่างเกรี้ยวกราดราวกับว่าจะฉีกกระชากได้ทุกเมื่อ
“จะ เจ้า พินทุ!!” ซอกับอรัญญิกแผดเสียงดังก้อง ทว่าพินทุไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด นางออกจะขบขันกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของทั้งสองคน นางขึ้นมาบนผิวน้ำก่อนจะยืนนิ่งพลางพาดร่มบ่อสร้างไว้บนบ่า วาดริมฝีปากบางๆ ราวกับกลีบดอกพญาเสือโคร่ง
“ท่านผู้อาวุโส การประลองคงต้องจบเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ” พินทุเอ่ยโดยไม่หันไปมองผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าก่อนจะเอ่ย
“ผู้ชนะคือพิน---” กล่าวไม่ทันจบซอก็แทรกเข้ามาตะโกนลั่น “มันยังมิจบเจ้าคะ!!”
ผู้อาวุโสมองนางอย่างฉงน ซอขึ้นไปยืนบนผิวน้ำอีกครั้งก่อนจะพึมพำสวดมนต์ หลังจากนั้นก็ปรากฏซอสามสายที่เปียกน้ำขึ้นมา นางจับมันก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหมายจะใช้ปลายซอที่แหลมคมกริบนั้นบั่นศีรษะเป้าหมาย พินทุรับซอสามสายที่กระแทกเข้ามา ต่างฝ่ายต่างดันอาวุธของตนอย่างไม่มีใครยอมใครระหว่างนั้นก็สบตากัน ดวงตาของพินทุฉายวาวโรจน์ราวกับสัตว์ร้าย นางสะบัดร่มอย่างแรงจนซอถอยหลังไป ยื่นมือเข้าไปใกล้ก่อนจะวาดวงเวทยันต์ตรงตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่ายกลางอากาศและสอดมือเข้าไปในวงเวท มือค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปราวกับงู
ซออึดอัดในอกอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายขยับไม่ได้เพราะอะไรไม่รู้ ดวงตาสีดำของนางที่เคยฉายแววตาพลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ไร้แววตาราวกับตุ๊กตา หลังจากนั้นพินทุก็ค่อยๆ ดึงมือออกพร้อมกับดวงเปลวไฟซึ่งมันก็คือแก่นดวงวิญญาณของซอนั่นเอง เมื่อนำมันมาแล้วร่างของซอก็หล่นลงไปจมในน้ำอีกครั้ง พินทุมองภาพนั้นพลางยิ้มบางๆ ใบหน้างดงามนั้นเผยความเหี้ยมเกรียม อรัญญิกมองพินทุสลับกับน้ำที่ซอจมลงไป อยากจะเข้าไปช่วยก็ทำไม่ได้เพราะยังไม่มีการสรุปการแข่งขัน
“ทีนี้รู้ผลแล้วสินะ” พินทุกล่าวเบาๆ ผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือนิ่งสักพักก่อนจะเอ่ย “ผู้ชนะคือ พินทุอิ มาลาพยัคฆ์เชียงนิสิน” พอนางกล่าวจบ อรัญญิกก็ลงไปในน้ำแล้วว่ายไปคว้าร่างของซอที่ดิ่งลงเรื่อยๆ ก่อนจะว่ายขึ้นมา นางขึ้นไปยืนบนผิวน้ำอีกครั้งพร้อมกับอุ้มซอด้วย นางจูบเพื่อผายปอด แม้จะทำอะไรไม่ได้มากนักแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ร่างกายยังคงทำงานแต่ซอก็ไม่ขยับเพราะแก่นดวงวิญญาณของนางถูกนำออกจากร่างไป อรัญญิกมองหันไปมองพินทุที่ยังคงยิ้มระรื่นพลางถือร่มและแก่นดวงวิญญาณที่อยู่ในรูปเปลวไฟ
พินทุพอจะคาดว่าอรัญญิกต้องการอะไรจึงปล่อยแก่นดวงวิญญาณรูปเปลวไฟให้มันลอยไปหาร่างของซอ มันค่อยๆ จมลงไปในอก หลังจากนั้นซอก็ฟื้นตัว นางกะพริบตาเบาๆ ปรับแสงที่ส่องเข้ามาก่อนจะเอ่ย
“อรัญญิก… ข้า…”
“มิต้องเอ่ยอันใดแล้วเจ้าค่ะ” อรัญญิกกล่าวอย่างอ่อนโยนก่อนจะโน้มหน้าจูบหน้าผากซอเบาๆ ซอยิ้มบางๆ แล้วหลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทรา
“จบแล้วสินะ ต่อไปก็ข้า…” อรรณพเอ่ยเบาๆ พลางมองไปรอบๆ
…นายิกาแห่งภาคตะวันออกหายไปไหน?
“ข้าอยู่นี่” เสียงหวานเอ่ยอย่างนุ่มนวลดังขึ้นที่ข้างหลัง อรรณพนิ่งไปสักพักก่อนจะหันไปมอง
“เจ้า…"
"ข้าชื่อ วิศิษฏ์ปรลัย นายิกาแห่งบูรพาพันแสง”
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
พินทุอิ - ซอ
มนต์สะกดให้บุษราคัมลืมสิ่งรอบด้าน ภุชงค์เหลือบไปเห็นอรุโณทัยที่ส่งสายตาเกรี้ยวกราดชิงชังมาให้ ภุชงค์ยิ้มมุมปากบางๆ สีหน้าสงบนั้นแฝงไปด้วยความเหี้ยมเกรียมจนอรุโณทัยเสียวสันหลังวาบชั่วหนึ่ง
“ทีนี้… ก็เห็นผลแล้วสินะ” ภุชงค์หันไปถามนายิกาที่ยืนดูการประลอง ผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือยิ้มอย่างมีเลศนัย อรุโณทัยเห็นท่าไม่ดี นางคาดว่าผู้อาวุโสต้องสรุปการแข่งขันแน่ นางตะโกนสุดเสียงบอกกับผู้เป็นแม่
“ท่านแม่! ตั้งสติสิเจ้าคะ!!” อรุโณทัยตะโกนซ้ำไปซ้ำมาจนเสียงเริ่มแหบ ภุชงค์มองนางอย่างเวทนาก่อนจะเอ่ย “มารดาเจ้าพ่ายแพ้แก่ข้าแล้ว ตะโกนไปก็ไร้ประโยชน์”
“หุบปาก!!!” อรุโณทัยหันไปตะโกนลั่นจนภุชงค์เบิกตาด้วยความตะลึง เอื้อนเอ่ยด้วยเสียงที่ดังลั่นคล้ายฟ้าผ่าจนแทบจะกลายเป็นเสียงกรีดร้องบาดหู
“มันจบแล้ว อรุโณทัย …ผู้ชนะคือภุชงคมะ สัตตะสินธู” ผู้อาวุโสเอ่ยเสียงดังไม่มากนักแต่พอให้ทุกคนได้ยินชัดเจน ภุชงค์ยิ้มบางๆ ราวกับยินดีช่างขัดกับสีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้ายกับอะไร พินทุเหลือบไปมองซอก่อนจะเอ่ย
“นี่น่ะฤสายควบคุม? น่าสนใจดีนี่ เจ้าเองก็สายควบคุมด้วยสินะ ซอ” ซอพยักหน้าพลางกำชับซอสามสายกับที่สีไว้ให้มั่น
คู่ต่อไปคือซอกับพินทุ ซอไม่มั่นใจเอาเสียเลยที่จะได้แข่งกับพินทุ
“อ่อนหัดมาก”
อรรณพเอ่ยเสียงเรียบ ไม่มีความเย้ยหยันหรือดูถูก แต่น้ำเสียงนั้นเป็นเชิงบอกความจริง ภุชงค์ที่หยุดบรรเลงพิณอีสานแล้วก็กลับไปยืนกับพวกนายิกาทิ้งให้บุษราคัมที่ยังถูกมนต์สะกดไม่คลายนั้นเซไปเซมาก่อนจะล้มลงร่วงสู่น้ำเบื้องล่าง อรุโณทัยเห็นว่าการแข่งจบแล้วจึงเข้าไปช่วย นางว่ายน้ำตรงไปที่บุษราคัมก่อนโอบไว้ด้วยมือข้างหนึ่งแล้วว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ
“ท่านแม่ ท่านแม่เจ้าคะ…”
อรุโณทัยเอ่ยแผ่วเบา เรียกหาผู้เป็นแม่ด้วยความเป็นห่วงจับใจ มือเรียวขาวที่เปียกน้ำนั่นลูบไล้ใบหน้าเปียกของอีกฝ่ายอย่างรักใคร่ ความเย็นจากน้ำทำให้นางรู้สึกเหมือนจะป่วยแต่พอได้อยู่กับกับผู้เป็นที่รักก็อบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ซอมองอย่างเห็นใจก่อนจะมองไปยังนายิกาและรองนายิกาคนอื่นและผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือก็ไม่เห็นว่าจะมีใครแสดงสีหน้าเห็นใจบุษราคัม ยกเว้นเพียงแต่อรัญญิกนางคิดว่านายิกาคงจะเห็นเป็นเรื่องปรกติเพราะนายิกาเช่นพวกนางต่างก็สู้รบเห็นเลือด ศพและความตายมานับต่อนับเลยเริ่มจะชินชา
“เหม่ออันใดอยู่ ไปสิ ถึงตาพวกเราแล้ว” พินทุกล่าวเรียกสติซอให้กลับคืน ผู้ถูกเรียกพยักหน้าก่อนจะเดินไป
พินทุกับซอนิ่งสักพัก ซอเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แม้จะนั่งไม่ได้ก็ตามแต่นางพยายามจับซอให้มั่นไม่ให้มันเคลื่อนเพราะถูกกดจากการสีก่อนจะบรรเลง
พินทุตั้งสมาธิพลางท่องมนต์ในใจไม่ให้เสียงซอแทรกแซงจิตใจก่อนจะพุ่งตัวออกไปพร้อมกับร่มบ่อสร้างที่มีแท่งเหล็กยื่นจากปลายด้ามจับ ซอใช้ซอสามสายตั้งรับหยุดการบรรเลงไว้ก่อนแล้วจึงสะบัดออกและใช้ปลายของซอที่ไว้ตั้งเวลาบรรเลงแทงเข้าที่ท้องของพินทุ พินทุแสยะยิ้ม สีหน้าของนางเริ่มซีด ความเจ็บปวดช่างน้อยนิดนักเมื่อเปรียบเทียบกับความสนุกของการต่อสู้ ซอชักสีหน้า หลายครั้งที่พินทุชอบแสดงสีหน้าพึงพอใจยามต่อสู้ทำราวกับว่าเป็นการละเล่น
เกลียด
พินทุใช้ร่มตีมือซอจนเผลอปล่อยซอสามสายหล่นลงน้ำ ซอรับแท่งเหล็กที่พินทุหวดลงมาก่อนจะปัดออกแล้วชกเข้าที่หน้า พินทุข่มความเจ็บไว้และพยายามจะแทงซอหลายครั้งพุ่งเข้าใส่แทบไม่ยั้งมือ จนกระทั่งซอจับแขนพินทุไว้แล้วตั้งท่าจะเหวี่ยงลงน้ำแต่พินทุตั้งสติได้นางกระแทกศอกใส่ท้องอย่างแรงจนอีกฝ่ายจุกแล้วหวดร่มใส่กลางศีรษะจนซอเซถอยหลังไป รู้สึกว่ามึนไปหมด
ทำไมถึงต้องมาสู้กับพินทุด้วยนะ มิใช่สิ ถึงอย่างไรก็ต้องสู้ด้วยกันอยู่แล้ว
ซอคิดพลางรับแท่งเหล็กด้วยซอสามสายแล้วโจมตีไปพร้อมๆ กัน ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ได้สู้กับพินทุ แต่ก็ต้องสู้กับนายิกาทุกคน โดยเกณฑ์การตัดสินรอบแรกคือ ใครแพ้การประลองกว่า ๔ ครั้ง จะแพ้ โดยที่จะต้องสู้กับนายิกาทุกคนที่เป็นตัวแทนแต่ละภาค ต่อให้ตอนนี้ซอจะสู้กับนายิกาคนอื่นแต่ยังไงนางก็ต้องสู้กับพินทุอยู่ดี
ซอสร้างม่านอาคมไว้ก่อนจะสีซอสามสาย พินทุสวดมนต์พร้อมกับโจมตีม่านอาคมครั้งแล้วครั้งเล่าจนมันเริ่มปริรอยแตกราวกับแก้ว พินทุเพ่งจิตให้สูงกว่าเดิม สวดมนต์วนกลับมาเริ่มใหม่หลายรอบโดยไม่ได้หยุดพักหายใจ
ฝ่ายซอเองก็ตั้งจิตเพ่งสมาธิพลางร้องบทกลอนไปพร้อมกับสีซอสามสาย พินทุเปลี่ยนเป็นฟาดร่ม เตะ ชก การเคลื่อนไหวของนางเร็วมากจนมองแทบไม่เห็น พินทุตัดสินใจลองใช้อาคมที่ตนเองฝึกแล้วใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง วาดปลายแท่งเหล็กเป็นรูปยันต์ มันแผ่ไอสีดำออกมาราวกับควัน ซอเห็นท่าไม่ดีเพราะคาดว่าพินทุจะต้องใช้อาคมทำลายม่านแน่ นางจึงตัดสินใจทำลายม่านอาคมหนีไปก่อนที่พินทุจะระเบิดเข้ามา แล้วก็เป็นดังที่คิด ยันต์เรืองแสงสีดำวาบก่อนจะระเบิดเสียงดังเบิ้ม!
ในที่สุดก็ใช้มันได้
พินทุนึกอย่างยินดี นางถือร่มในแนวนอนก่อนจะกางออกแล้วหมุน จนเริ่มเกิดเป็นเหมือนพายุหมุนวน ร่มของนางสูบน้ำทะเลให้เข้ามาก่อนจะขยายขึ้นเรื่อยๆ เมื่อสูบจนพอได้แล้วน้ำก็พุ่งเข้าไปจนซอตั้งตัวรับไม่ทันจนร่วงลงไปในน้ำ พินทุเดินเข้าไปยังตำแหน่งที่อีกฝ่ายเคยยืนอยู่ก่อนจะวาดปลายแท่งเหล็กเป็นรูปวงเวทยันต์บนผิวน้ำ
ทางฝ่ายซอที่กำลังว่ายขึ้นมาก็ต้องเบิกตาโพลงเพราะเห็นเงาของยันต์ นางไม่รอช้ารีบว่ายขึ้นไปแต่ไม่ทันเสียแล้ว เมื่อปรากฏม่านอาคมล้อมรอบตัวนางส่องมาจากยันต์ที่ทำเป็นวงเวท ฉับพลันซอก็หายใจไม่ออก รู้สึกเหมือนมีใครบีบคอ จากตอนแรกที่อดทนกลั้นใจไม่ให้น้ำเข้าก็ต้องอดทนมากกว่าเดิม ซอตาลีตาเหลือกเพราะขาดอากาศหายใจ จะว่ายขึ้นไปก็ไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนมีใครดึงร่างกายไม่ให้ว่าย นางลอยนิ่งอยู่ในน้ำ แรงแม้แต่จะขยับนิ้วก็แทบไม่มี น้ำเค็มๆ ไหลเข้าปากเอาๆ จนแน่นท้อง
อรัญญิกที่ดูการต่อสู้ตาแทบไม่กะพริบก็กังวลมากขึ้น นางกังวลมาตั้งแต่ช่วงแรกเพราะรู้สึกว่าเหมือนซอจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบแล้วก็เป็นดังที่นางคาดจริงๆ ด้วย
เวลาผ่านไปสักพักแล้วจนพินทุพอใจ นางคลายอาคมและลงไปในน้ำแล้วคว้าร่างของซอก่อนจะว่ายขึ้นไปบนผิวน้ำ ซอตาพร่ามัว รู้สึกว่าแน่นท้องไปหมด หายใจไม่ค่อยออกเพราะน้ำไหลเข้ามากั้นและหูอื้อ พินทุมองซอที่อยู่ในอ้อมกอดด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะยิ้มบางๆ ภายใต้ร่มบ่อสร้างที่บังแสงอาทิตย์ นางเหลือบมองอรัญญิกที่รอดูว่าจะทำอะไรต่อ
ถ้าเกิดลองทำแบบนี้จะเป็นอย่างไรนะ หึๆ…
พินทุโน้มหน้าเข้าไปใกล้คนในอ้อมกอด ลมหายใจอุ่นๆ รดผิวหน้าจนซอที่หนาวเย็นเพราะน้ำในทะเลพลันรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา ริมฝีปากร้อนผ่าวค่อยๆ จูบริมฝีปากอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยนแล้วดูดพยายามเอาน้ำออก
แม้ร่มบ่อสร้างจะบังแต่นายิกาและรองนายิการวมทั้งอรัญญิกก็มองเห็น ทุกคนมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง บางคนก็แสดงสีหน้าเรียบเฉย ภาพบาดตานั้นแทบจะทำให้อรัญญิกชักดาบมาบั่นคอพินทุ หากไม่ติดว่าแข่งอยู่ล่ะก็นางคงทำไปนานแล้วล่ะ ซอเบิกตาด้วยความตกตะลึงและตกใจ เรี่ยวแรงกลับมาทันใดเมื่อตั้งสติได้ นางดันพินทุออกอย่างแรงก่อนจะชกหน้าอีกฝ่ายโดยไม่มีความปรานีใดๆโกรธที่คุกรุ่น แล้วไอค่อกแค่กพร้อมน้ำที่ออกมาด้วยความก่อนจะหันไปมองอรัญญิกที่ที่แผ่รังสิสังหารพร้อมกับมองมาอย่างเกรี้ยวกราดราวกับว่าจะฉีกกระชากได้ทุกเมื่อ
“จะ เจ้า พินทุ!!” ซอกับอรัญญิกแผดเสียงดังก้อง ทว่าพินทุไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด นางออกจะขบขันกับสีหน้าเกรี้ยวกราดของทั้งสองคน นางขึ้นมาบนผิวน้ำก่อนจะยืนนิ่งพลางพาดร่มบ่อสร้างไว้บนบ่า วาดริมฝีปากบางๆ ราวกับกลีบดอกพญาเสือโคร่ง
“ท่านผู้อาวุโส การประลองคงต้องจบเพียงเท่านี้เจ้าค่ะ” พินทุเอ่ยโดยไม่หันไปมองผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือ ซึ่งอีกฝ่ายก็พยักหน้าก่อนจะเอ่ย
“ผู้ชนะคือพิน---” กล่าวไม่ทันจบซอก็แทรกเข้ามาตะโกนลั่น “มันยังมิจบเจ้าคะ!!”
ผู้อาวุโสมองนางอย่างฉงน ซอขึ้นไปยืนบนผิวน้ำอีกครั้งก่อนจะพึมพำสวดมนต์ หลังจากนั้นก็ปรากฏซอสามสายที่เปียกน้ำขึ้นมา นางจับมันก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหมายจะใช้ปลายซอที่แหลมคมกริบนั้นบั่นศีรษะเป้าหมาย พินทุรับซอสามสายที่กระแทกเข้ามา ต่างฝ่ายต่างดันอาวุธของตนอย่างไม่มีใครยอมใครระหว่างนั้นก็สบตากัน ดวงตาของพินทุฉายวาวโรจน์ราวกับสัตว์ร้าย นางสะบัดร่มอย่างแรงจนซอถอยหลังไป ยื่นมือเข้าไปใกล้ก่อนจะวาดวงเวทยันต์ตรงตำแหน่งหัวใจของอีกฝ่ายกลางอากาศและสอดมือเข้าไปในวงเวท มือค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปราวกับงู
ซออึดอัดในอกอย่างบอกไม่ถูก ร่างกายขยับไม่ได้เพราะอะไรไม่รู้ ดวงตาสีดำของนางที่เคยฉายแววตาพลันเปลี่ยนเป็นสีดำสนิท ไร้แววตาราวกับตุ๊กตา หลังจากนั้นพินทุก็ค่อยๆ ดึงมือออกพร้อมกับดวงเปลวไฟซึ่งมันก็คือแก่นดวงวิญญาณของซอนั่นเอง เมื่อนำมันมาแล้วร่างของซอก็หล่นลงไปจมในน้ำอีกครั้ง พินทุมองภาพนั้นพลางยิ้มบางๆ ใบหน้างดงามนั้นเผยความเหี้ยมเกรียม อรัญญิกมองพินทุสลับกับน้ำที่ซอจมลงไป อยากจะเข้าไปช่วยก็ทำไม่ได้เพราะยังไม่มีการสรุปการแข่งขัน
“ทีนี้รู้ผลแล้วสินะ” พินทุกล่าวเบาๆ ผู้อาวุโสแห่งภาคเหนือนิ่งสักพักก่อนจะเอ่ย “ผู้ชนะคือ พินทุอิ มาลาพยัคฆ์เชียงนิสิน” พอนางกล่าวจบ อรัญญิกก็ลงไปในน้ำแล้วว่ายไปคว้าร่างของซอที่ดิ่งลงเรื่อยๆ ก่อนจะว่ายขึ้นมา นางขึ้นไปยืนบนผิวน้ำอีกครั้งพร้อมกับอุ้มซอด้วย นางจูบเพื่อผายปอด แม้จะทำอะไรไม่ได้มากนักแต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ร่างกายยังคงทำงานแต่ซอก็ไม่ขยับเพราะแก่นดวงวิญญาณของนางถูกนำออกจากร่างไป อรัญญิกมองหันไปมองพินทุที่ยังคงยิ้มระรื่นพลางถือร่มและแก่นดวงวิญญาณที่อยู่ในรูปเปลวไฟ
พินทุพอจะคาดว่าอรัญญิกต้องการอะไรจึงปล่อยแก่นดวงวิญญาณรูปเปลวไฟให้มันลอยไปหาร่างของซอ มันค่อยๆ จมลงไปในอก หลังจากนั้นซอก็ฟื้นตัว นางกะพริบตาเบาๆ ปรับแสงที่ส่องเข้ามาก่อนจะเอ่ย
“อรัญญิก… ข้า…”
“มิต้องเอ่ยอันใดแล้วเจ้าค่ะ” อรัญญิกกล่าวอย่างอ่อนโยนก่อนจะโน้มหน้าจูบหน้าผากซอเบาๆ ซอยิ้มบางๆ แล้วหลับตาลง เข้าสู่ห้วงนิทรา
“จบแล้วสินะ ต่อไปก็ข้า…” อรรณพเอ่ยเบาๆ พลางมองไปรอบๆ
…นายิกาแห่งภาคตะวันออกหายไปไหน?
“ข้าอยู่นี่” เสียงหวานเอ่ยอย่างนุ่มนวลดังขึ้นที่ข้างหลัง อรรณพนิ่งไปสักพักก่อนจะหันไปมอง
“เจ้า…"
"ข้าชื่อ วิศิษฏ์ปรลัย นายิกาแห่งบูรพาพันแสง”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ