ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
8.9
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
123 บท
32 วิจารณ์
113.41K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
61) บทที่ ๖๑: เงาแห่งลางร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๖๐
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
เงาแห่งลางร้าย
ศรีออกกรรไกร ศฤคาลออกค้อน…
…แพ้แล้วสินะ
ตอนนี้ศรีรู้สึกว่าขาตนเองจะฉีกอยู่รอมร่อ แต่ผลออกมาแล้วเธอจึงเขยิบขาเข้ามาชิด ศฤคาลแสยะยิ้ม
“เหมือนเดิมเลยนะ” เป็นเช่นนั้นจริงๆ… ไม่เคยมีสักครั้งที่ศรีจะชนะการเป่ายิงฉุบกับเขา เพื่อนๆ ผู้หญิงและเพื่อนๆ ผู้ชายมองทั้งสองคนเป็นตาเดียวราวกับลุ้นงานต่อสู้ก็ไม่ปาน
ศรียิ้มค้าง เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เธอก็คาดไว้แล้วล่ะว่าต้องไม่ชนะ ขณะนั้นศฤคาลก็มองไปรอบๆ ที่มีเด็กผู้หญิงมากหน้าหลายตาพลางครุ่นคิดไปด้วย
จะว่าไปยายนี่ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยมีใครชอบ… แต่ดูจากตอนนี้ มีฮาเร็มเพศเดียวกันเป็นด้วยแฮะ
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ
ฮาเร็ม! ย่ะ ยายนี่ ขนาดเป็นผู้หญิงยังดึงดูดได้ทำไมข้าเป็นผู้ชายถึงมิได้ฟะ?!
ความโกรธครอบงำ จะเป็นความอิจฉาก็ว่าได้ ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังดึงดูดไม่ได้แต่ศรีเป็นผู้หญิงกลับทำได้… เขาชักดาบจากฝักที่ห้อยแถวสะโพกแล้วชี้ปลายดาบไปทางศรีแล้วกล่าวเสียงดัง
“ศรี เจ้ามันร้ายกาจนัก รู้ก็รู้ดอกว่าสมัยเด็กมิค่อยมีใครชอบแต่ถึงกับใช้ยาเสน่ห์มันเกินไปแล้วนะ อีกอย่าง พยายามจะล่อลวงจนต้องแต่งชุดนักเรียนชายเลยเรอะ!”
“ฮะ?”
“มิต้องมา ‘ฮะ’ เลยชักดาบออกมา!”
“นี่ๆ เดี๋ยว” ศรีอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะไม่เข้าใจที่อยู่ๆ เขาก็โกรธและฉงนที่เขาบอกว่าให้ชักดาบทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อัญเชิญดาบออกมาแม้จะมีจริงๆ ก็ตาม
“อะไรกัน นายโกรธทำไมเนี่ย?”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ ข้าเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ทำไมผู้หญิงเช่นเจ้าถึงดึงดูดผู้หญิงพวกนี้ได้ล่ะ?!” ศรีหน้าเหวอ เหงื่อตกไปด้วยกับเหตุผลนั้น
ไร้เหตุผลสิ้นดี
“ลองใช้ดูก็มิเสียหายนะ” เสียงแหบแห้งแผ่วเบาเอ่ยขึ้นข้างหู ศรีขนลุกซู่กับเสียงหลอนๆ นั่น เธอเอ่ยในใจเพื่อจะคุยกับอีกฝ่าย
“ก็แค่เล่นๆ เอง จะใช้ทำไมล่ะ?”
“ก็ลองฝึกอย่างไรล่ะ”
ศรีถอนหายใจกับคำตอบนั้นก่อนจะหลับตา ตั้งสมาธิ แล้วพึมพำสวดมนต์ รอบกายมีแต่ความมืดพลันปรากฏอักขระไทยสมัยก่อนและยันต์สีแดงเลือด มันเรืองแสงน่าหวั่นใจ ก่อนจะรวมตัวเป็นดาบสองเล่ม ศรีลืมตาก่อนจะหยิบดาบ ความมืดหายไปเธอจึงเผชิญหน้ากับคู่อริ
“เคยได้ยินมาว่าไปเรียนวิชาดาบอามาฏนี่ ไหนลองแสดงฝีมือหน่อยซิ” น้ำเสียงเริ่มกลับมาเป็นดังเดิมแต่ยังคงมีความโกรธาแฝงอยู่ ศฤคาลยิ้มเหี้ยม ศรีเองก็เช่นกัน
“นายจะทำอะไรน้องฉัน?!” อสุราเข้าไปพร้อมกับดาบแล้วจะฟันใส่แต่ศฤคาลสร้างม่านอาคมได้ทันก่อนพร้อมกับคว้าร่างศรีหนีไป
“ศรี!” พวกเด็กผู้หญิงต่างเรียกหาแล้ววิ่งตามไปด้วย อสุราไม่รอช้าเธอวิ่งเร็วกว่าใคร …เพิ่งจะตามตัวมาสำเร็จศรีก็โดนพาไปอีกแล้ว…
.
.
.
“โอ๊ย!”
ศรีอุทานหลังจากที่ศฤคาลเหวี่ยงเธอลงกับพื้นตรงบริเวณที่มีหญ้าขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ส่วนอื่นก็รกชันเป็นบางจุด เธอรีบลุกขึ้นแล้วตั้งท่าถือดาบรับการโจมตีไม่ก็รุก
ทั้งสองคนจ้องตากันสักพักราวกับว่าถ้าเบือนไปทางอื่นจะเปิดช่องโหว่ สักพักทั้งคู่ก็พุ่งเข้าหากันแล้วปะทะดาบกัน ดาบสั่นเพราะแรงดันที่รุนแรงเกิดประกายไฟ ไม่มีใครยอมใคร ศฤคาลดันดาบออก แล้วกลับไปตั้งหลัก
ศรีตวัดดาบใส่ศฤคาล แล้วใช้ดาบอีกข้างพุ่งหมายจะแทงท้อง ศฤคาลฟันดาบเธอทิ้งก่อนจะตวัดดาบใส่ ศรีรับไว้ได้แล้วถีบร่างเขาให้กระเด็นก่อนจะฟันไปอีกครั้งซึ่งเขาก็รับได้ ศรีดันดาบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงผลักออก เธอตวัดดาบใส่ไม่ยั้ง รุกเอาๆ จนศฤคาลตะลึงและทำตัวไม่ถูกทว่าเขายังคงตั้งสติ ไม่คิดเลยว่าเรียนเพียงไม่กี่ปีจะได้ขนาดนี้หรือที่ทำได้เพราะสุ่มๆ ฟันเท่านั้น?
ศฤคาลหยิบดาบอีกด้ามขึ้นมาแล้วรับดาบทั้งสองที่ศรีตวัดเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว ประกายไฟยังคงมีเรื่อยๆ ยามดาบต้องปะทะกัน
“มิคิดเลยนะว่าประลองดาบกับผู้หญิงเช่นเจ้าจะสนุกกว่าพวกอื่นๆ ที่เคยลองมา” ศฤคาลเอ่ยหลังจากที่ทั้งสองผลักดาบออกจากกันแล้วหอบหายใจอย่างเหนื่อย แต่ไฟที่ลุกในใจทำให้กำลังไม่หมด ศรีหัวเราะหึๆ ก่อนจะวาดดาบเล่นไปเรื่อย
“จะสู้อีกก็ได้นะ”
“ฮึ! ท่าทางเจ้าผยองจริง ใช่ว่าจะชนะข้าได้นะศรี”
ศฤคาลพุ่งเข้ามา ศรียิ้มเหี้ยมด้วยความมั่นใจ …ทว่าเธอเสียท่า ศฤคาลทิ้งดาบข้างหนึ่งแล้วใช้มือที่ทิ้งนั่นบิดข้อมือศรีจนดาบของเธอร่วงลง ส่วนมืออีกข้างที่ถือดาบก็ปะทะดาบกัน ศฤคาลรีบปล่อยดาบอย่างรวดเร็วก่อนจะชกเข้าที่หน้าศรีแล้วถีบซ้ำ
ศรีแทบจะกระอักกับแรงกระแทกติดกันสองครั้ง ดาบร่วงลงพร้อมกับร่างที่ถูกศฤคาลเตะไม่ยั้งจนเธอจุกแทบร้องไม่ออก ร่างเธอล้มไป ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด เจ็บจนร้องไม่ออก
“ช้าไปนะ”
ศรีหอบหายใจ มองศฤคาลขึ้นโดยไม่เงยหน้าตาม ดวงตาสีดำวาวโรจน์ราวกับแววสัตว์ร้ายที่พร้อมจะฉีกกระชากเหยื่อทุกเมื่อ ศรีโซซัดโซเซยืนก่อนจะวาดดาบเขียนอักขระยันต์ล้อมรอบตนเองแล้วพนมมือท่องมนต์เบาๆ พลันอักขระเรืองแสงสีแดงเลือด
“แม้ฉันจะไม่ค่อยได้ฝึกดาบ อย่างที่เมื่อกี้ทำได้เพราะมั่ว แต่เรื่องอาคมฉันฝึกจิตภาวนา ฝึกท่องจนขึ้นใจ เรามาประลองหน่อยเป็น ‘ไง” ศรียิ้มอย่างมีชัย ศฤคาลเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจที่เธอยังคงฝืนร่างกายโดยไม่ยอมปราชัย
ท่ามกลางบรรยากาศที่คุกรุ่น พินทุกางร่มบ่อสร้างถือไว้พาดบ่า มองจากเบื้องบนอย่างบันเทิงใจริมฝีปากวาดยิ้มดุจดอกซากุระทั้งอ่อนหวานราวกับเพิ่งผลิสีขาวแต่เคลือบพิษราวกับเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีชมพู
เอาเถิด ถ้าจะอยู่โลกใบนี้ก็ต้องสู้ล่ะนะ
หญิงสวมหน้ากากแบบหุ่นไทยมองน้ำในพานที่ปรากฏภาพศรีกับศฤคาล หน้ากากเกิดเป็นเงาความไม่สบายใจ หญิงสาวผู้สวมหน้ากากยักษ์สีเขียวเขี้ยวโง้งน่าหวาดกลัวกล่าวเบาๆ กับอีกฝ่าย
“ทิ้งแกไปถ้าได้เจอกันอีกครั้งจะอภัยให้เจ้าไหมนะ? หึๆ”
“มันมิใช่เรื่องที่เจ้าต้องยุ่งด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนร้องไห้
“ฮึ! เจ้าเลือกทางนี้คิดดีแล้วฤ?”
“ต่อให้เป็นเช่นไรมันก็กลับไปมิได้อีกแล้ว” หญิงสวมหน้ากากแบบหุ่นไทยสะบัดพานทิ้งจนน้ำหกเลอะเทอะ ตอนนี้หญิงสวมหน้ากากยักษ์สีเขียวอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความสมเพชแต่ทำได้เพียงแสยะยิ้มเหี้ยม ดวงตาวาวโรจน์ใต้หน้ากากในเบื้องเงา
“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าลูกของเจ้ามีจุดจบมิสวยแน่”
บรรพตมาเดินเล่นแถวที่มีหญ้ารกชันแต่บางจุดก็ไม่ค่อยมี เธอได้ยินเสียงคมดาบปะทะ เธอหยุดเดินแล้วเงี่ยหูฟังว่าจะมีอะไรต่อ
“แม้ฉันจะไม่ค่อยได้ฝึกดาบ อย่างที่เมื่อกี้ทำได้เพราะมั่ว แต่เรื่องอาคมฉันฝึกจิตภาวนา ฝึกท่องจนขึ้นใจ เรามาประลองหน่อยเป็น ‘ไง”
บรรพตจำเสียงนี้ได้ เธอรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ เมื่อมาถึงเธอก็ไม่เอ่ยอะไร มองศรีและศฤคาลสลับไปมาเหมือนจะถามว่ามีเรื่องอะไรกัน ศรีที่รู้สึกตัวหันไปมองแล้วยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเอ่ย
“แค่ประลอบดาบเฉยๆ น่ะจ้ะ”
บรรพตถอนหายใจอย่างระอา เธอยิ้มบางๆ กับพฤติกรรมของศรี ตอนแรกเป็นห่วงเพราะมีบาดแผล แต่สีหน้าของศรีดูไม่ค่อยเจ็บสักเท่าไหร่ บรรพตคุยกับศรีสักพักก่อนจะพาเธอกลับไปทิ้งศฤคาลไว้
พอกลับมาถึงตรงจุดที่จากมาอสุราก็ไม่รอช้ารีบพาศรีกลับเรือน โดยพวกผู้หญิงที่ศรีเพิ่งรู้จักโวยวายไม่อยากให้ศรีไป แต่พอถูกสายตาเฉียบคมกับรังสีสังหารจากอสุรา พวกเธอก็ถอยหลังไม่ปริปากโวยวายอีก
คชินทร์อาศัยที่เรือนด้านหลังจากเรือนหลักของมณฑา นางแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย การนอนเล่น อ่านหนังสือ จิบน้ำกลิ่นหอมกรุ่นและขนมรสหวานก็ช่วยทำให้นางผ่อนคลายจากงานได้ เป็นนายิกาใช่จะสบาย เพราะเป็นตำแหน่งที่จัดการได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องกลัวใคร เว้นเสียแต่ผู้อาวุโสและผู้อาวุโสทั้งสามของนายิกา
คชินทร์พลิกหน้ากระดาษพลางคิดถึงเรื่องการแข่งของนายิกาเพื่อหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ระหว่างนายิกาทั้งหมด ๗๗ จังหวัด แต่มีเรื่องคดีลักมีดอยู่เลยคิดจะสะสางให้จบๆ ไป
…แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
นางหยิบโทรศัพท์แล้วพิมพ์จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก่อนจะกดส่ง…
หญิงสาวผมยาวสีดำเกล้ามวยผมต่ำประมาณคอประดับด้วยรัดเกล้ากับปิ่นปักผมสีทับทิม สวมผ้าคาดหน้าอกสีแก่กับผ้าคลุมผืนใหญ่เผยให้เห็นต้นแขนแวบๆ จีบหน้านางของผ้าถุงเย็บเป็นชั้นๆ ซ้อนจับจีบบานปักลวดลายไทยสวยงาม ชายผ้าถุงเป็นเกลียวไล่สูงต่ำ นางพกดาบข้างละ ๓ ด้ามรวมเป็น ๖ ด้ามมัดเชื่อมต่อกันด้วยเชือกเก่าๆ
นางจำต้องหยุดการทำความสะอาดดาบเพราะมีข้อความส่งมาและหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่าน พบว่าเป็นข้อความจากคชินทร์
คมกฤช
เรื่องคดีลักมีดน่าจะสะสางให้เสร็จก่อนงานแข่งของนายิกา มิแน่ว่าผู้ลักมีดอาจจะมาก่อกวน
คชินทร์
หญิงสาวเจ้าของนามคมกฤชพยักหน้าอย่างเข้าใจและเห็นด้วย นางปิดโทรศัพท์ก่อนจะทำความสะอาดต่อ …แต่แล้วมีบางสิ่งทำให้นางต้องกลั้นหายใจ เพราะเงาของใครบางคนที่กำลังจ้องมาสะท้อนในใบมีดดาบ
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
เงาแห่งลางร้าย
ศรีออกกรรไกร ศฤคาลออกค้อน…
…แพ้แล้วสินะ
ตอนนี้ศรีรู้สึกว่าขาตนเองจะฉีกอยู่รอมร่อ แต่ผลออกมาแล้วเธอจึงเขยิบขาเข้ามาชิด ศฤคาลแสยะยิ้ม
“เหมือนเดิมเลยนะ” เป็นเช่นนั้นจริงๆ… ไม่เคยมีสักครั้งที่ศรีจะชนะการเป่ายิงฉุบกับเขา เพื่อนๆ ผู้หญิงและเพื่อนๆ ผู้ชายมองทั้งสองคนเป็นตาเดียวราวกับลุ้นงานต่อสู้ก็ไม่ปาน
ศรียิ้มค้าง เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เธอก็คาดไว้แล้วล่ะว่าต้องไม่ชนะ ขณะนั้นศฤคาลก็มองไปรอบๆ ที่มีเด็กผู้หญิงมากหน้าหลายตาพลางครุ่นคิดไปด้วย
จะว่าไปยายนี่ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยมีใครชอบ… แต่ดูจากตอนนี้ มีฮาเร็มเพศเดียวกันเป็นด้วยแฮะ
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ
ฮาเร็ม! ย่ะ ยายนี่ ขนาดเป็นผู้หญิงยังดึงดูดได้ทำไมข้าเป็นผู้ชายถึงมิได้ฟะ?!
ความโกรธครอบงำ จะเป็นความอิจฉาก็ว่าได้ ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังดึงดูดไม่ได้แต่ศรีเป็นผู้หญิงกลับทำได้… เขาชักดาบจากฝักที่ห้อยแถวสะโพกแล้วชี้ปลายดาบไปทางศรีแล้วกล่าวเสียงดัง
“ศรี เจ้ามันร้ายกาจนัก รู้ก็รู้ดอกว่าสมัยเด็กมิค่อยมีใครชอบแต่ถึงกับใช้ยาเสน่ห์มันเกินไปแล้วนะ อีกอย่าง พยายามจะล่อลวงจนต้องแต่งชุดนักเรียนชายเลยเรอะ!”
“ฮะ?”
“มิต้องมา ‘ฮะ’ เลยชักดาบออกมา!”
“นี่ๆ เดี๋ยว” ศรีอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะไม่เข้าใจที่อยู่ๆ เขาก็โกรธและฉงนที่เขาบอกว่าให้ชักดาบทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อัญเชิญดาบออกมาแม้จะมีจริงๆ ก็ตาม
“อะไรกัน นายโกรธทำไมเนี่ย?”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ ข้าเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ทำไมผู้หญิงเช่นเจ้าถึงดึงดูดผู้หญิงพวกนี้ได้ล่ะ?!” ศรีหน้าเหวอ เหงื่อตกไปด้วยกับเหตุผลนั้น
ไร้เหตุผลสิ้นดี
“ลองใช้ดูก็มิเสียหายนะ” เสียงแหบแห้งแผ่วเบาเอ่ยขึ้นข้างหู ศรีขนลุกซู่กับเสียงหลอนๆ นั่น เธอเอ่ยในใจเพื่อจะคุยกับอีกฝ่าย
“ก็แค่เล่นๆ เอง จะใช้ทำไมล่ะ?”
“ก็ลองฝึกอย่างไรล่ะ”
ศรีถอนหายใจกับคำตอบนั้นก่อนจะหลับตา ตั้งสมาธิ แล้วพึมพำสวดมนต์ รอบกายมีแต่ความมืดพลันปรากฏอักขระไทยสมัยก่อนและยันต์สีแดงเลือด มันเรืองแสงน่าหวั่นใจ ก่อนจะรวมตัวเป็นดาบสองเล่ม ศรีลืมตาก่อนจะหยิบดาบ ความมืดหายไปเธอจึงเผชิญหน้ากับคู่อริ
“เคยได้ยินมาว่าไปเรียนวิชาดาบอามาฏนี่ ไหนลองแสดงฝีมือหน่อยซิ” น้ำเสียงเริ่มกลับมาเป็นดังเดิมแต่ยังคงมีความโกรธาแฝงอยู่ ศฤคาลยิ้มเหี้ยม ศรีเองก็เช่นกัน
“นายจะทำอะไรน้องฉัน?!” อสุราเข้าไปพร้อมกับดาบแล้วจะฟันใส่แต่ศฤคาลสร้างม่านอาคมได้ทันก่อนพร้อมกับคว้าร่างศรีหนีไป
“ศรี!” พวกเด็กผู้หญิงต่างเรียกหาแล้ววิ่งตามไปด้วย อสุราไม่รอช้าเธอวิ่งเร็วกว่าใคร …เพิ่งจะตามตัวมาสำเร็จศรีก็โดนพาไปอีกแล้ว…
.
.
.
“โอ๊ย!”
ศรีอุทานหลังจากที่ศฤคาลเหวี่ยงเธอลงกับพื้นตรงบริเวณที่มีหญ้าขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ส่วนอื่นก็รกชันเป็นบางจุด เธอรีบลุกขึ้นแล้วตั้งท่าถือดาบรับการโจมตีไม่ก็รุก
ทั้งสองคนจ้องตากันสักพักราวกับว่าถ้าเบือนไปทางอื่นจะเปิดช่องโหว่ สักพักทั้งคู่ก็พุ่งเข้าหากันแล้วปะทะดาบกัน ดาบสั่นเพราะแรงดันที่รุนแรงเกิดประกายไฟ ไม่มีใครยอมใคร ศฤคาลดันดาบออก แล้วกลับไปตั้งหลัก
ศรีตวัดดาบใส่ศฤคาล แล้วใช้ดาบอีกข้างพุ่งหมายจะแทงท้อง ศฤคาลฟันดาบเธอทิ้งก่อนจะตวัดดาบใส่ ศรีรับไว้ได้แล้วถีบร่างเขาให้กระเด็นก่อนจะฟันไปอีกครั้งซึ่งเขาก็รับได้ ศรีดันดาบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงผลักออก เธอตวัดดาบใส่ไม่ยั้ง รุกเอาๆ จนศฤคาลตะลึงและทำตัวไม่ถูกทว่าเขายังคงตั้งสติ ไม่คิดเลยว่าเรียนเพียงไม่กี่ปีจะได้ขนาดนี้หรือที่ทำได้เพราะสุ่มๆ ฟันเท่านั้น?
ศฤคาลหยิบดาบอีกด้ามขึ้นมาแล้วรับดาบทั้งสองที่ศรีตวัดเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว ประกายไฟยังคงมีเรื่อยๆ ยามดาบต้องปะทะกัน
“มิคิดเลยนะว่าประลองดาบกับผู้หญิงเช่นเจ้าจะสนุกกว่าพวกอื่นๆ ที่เคยลองมา” ศฤคาลเอ่ยหลังจากที่ทั้งสองผลักดาบออกจากกันแล้วหอบหายใจอย่างเหนื่อย แต่ไฟที่ลุกในใจทำให้กำลังไม่หมด ศรีหัวเราะหึๆ ก่อนจะวาดดาบเล่นไปเรื่อย
“จะสู้อีกก็ได้นะ”
“ฮึ! ท่าทางเจ้าผยองจริง ใช่ว่าจะชนะข้าได้นะศรี”
ศฤคาลพุ่งเข้ามา ศรียิ้มเหี้ยมด้วยความมั่นใจ …ทว่าเธอเสียท่า ศฤคาลทิ้งดาบข้างหนึ่งแล้วใช้มือที่ทิ้งนั่นบิดข้อมือศรีจนดาบของเธอร่วงลง ส่วนมืออีกข้างที่ถือดาบก็ปะทะดาบกัน ศฤคาลรีบปล่อยดาบอย่างรวดเร็วก่อนจะชกเข้าที่หน้าศรีแล้วถีบซ้ำ
ศรีแทบจะกระอักกับแรงกระแทกติดกันสองครั้ง ดาบร่วงลงพร้อมกับร่างที่ถูกศฤคาลเตะไม่ยั้งจนเธอจุกแทบร้องไม่ออก ร่างเธอล้มไป ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด เจ็บจนร้องไม่ออก
“ช้าไปนะ”
ศรีหอบหายใจ มองศฤคาลขึ้นโดยไม่เงยหน้าตาม ดวงตาสีดำวาวโรจน์ราวกับแววสัตว์ร้ายที่พร้อมจะฉีกกระชากเหยื่อทุกเมื่อ ศรีโซซัดโซเซยืนก่อนจะวาดดาบเขียนอักขระยันต์ล้อมรอบตนเองแล้วพนมมือท่องมนต์เบาๆ พลันอักขระเรืองแสงสีแดงเลือด
“แม้ฉันจะไม่ค่อยได้ฝึกดาบ อย่างที่เมื่อกี้ทำได้เพราะมั่ว แต่เรื่องอาคมฉันฝึกจิตภาวนา ฝึกท่องจนขึ้นใจ เรามาประลองหน่อยเป็น ‘ไง” ศรียิ้มอย่างมีชัย ศฤคาลเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจที่เธอยังคงฝืนร่างกายโดยไม่ยอมปราชัย
ท่ามกลางบรรยากาศที่คุกรุ่น พินทุกางร่มบ่อสร้างถือไว้พาดบ่า มองจากเบื้องบนอย่างบันเทิงใจริมฝีปากวาดยิ้มดุจดอกซากุระทั้งอ่อนหวานราวกับเพิ่งผลิสีขาวแต่เคลือบพิษราวกับเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีชมพู
เอาเถิด ถ้าจะอยู่โลกใบนี้ก็ต้องสู้ล่ะนะ
หญิงสวมหน้ากากแบบหุ่นไทยมองน้ำในพานที่ปรากฏภาพศรีกับศฤคาล หน้ากากเกิดเป็นเงาความไม่สบายใจ หญิงสาวผู้สวมหน้ากากยักษ์สีเขียวเขี้ยวโง้งน่าหวาดกลัวกล่าวเบาๆ กับอีกฝ่าย
“ทิ้งแกไปถ้าได้เจอกันอีกครั้งจะอภัยให้เจ้าไหมนะ? หึๆ”
“มันมิใช่เรื่องที่เจ้าต้องยุ่งด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนร้องไห้
“ฮึ! เจ้าเลือกทางนี้คิดดีแล้วฤ?”
“ต่อให้เป็นเช่นไรมันก็กลับไปมิได้อีกแล้ว” หญิงสวมหน้ากากแบบหุ่นไทยสะบัดพานทิ้งจนน้ำหกเลอะเทอะ ตอนนี้หญิงสวมหน้ากากยักษ์สีเขียวอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความสมเพชแต่ทำได้เพียงแสยะยิ้มเหี้ยม ดวงตาวาวโรจน์ใต้หน้ากากในเบื้องเงา
“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าลูกของเจ้ามีจุดจบมิสวยแน่”
บรรพตมาเดินเล่นแถวที่มีหญ้ารกชันแต่บางจุดก็ไม่ค่อยมี เธอได้ยินเสียงคมดาบปะทะ เธอหยุดเดินแล้วเงี่ยหูฟังว่าจะมีอะไรต่อ
“แม้ฉันจะไม่ค่อยได้ฝึกดาบ อย่างที่เมื่อกี้ทำได้เพราะมั่ว แต่เรื่องอาคมฉันฝึกจิตภาวนา ฝึกท่องจนขึ้นใจ เรามาประลองหน่อยเป็น ‘ไง”
บรรพตจำเสียงนี้ได้ เธอรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ เมื่อมาถึงเธอก็ไม่เอ่ยอะไร มองศรีและศฤคาลสลับไปมาเหมือนจะถามว่ามีเรื่องอะไรกัน ศรีที่รู้สึกตัวหันไปมองแล้วยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเอ่ย
“แค่ประลอบดาบเฉยๆ น่ะจ้ะ”
บรรพตถอนหายใจอย่างระอา เธอยิ้มบางๆ กับพฤติกรรมของศรี ตอนแรกเป็นห่วงเพราะมีบาดแผล แต่สีหน้าของศรีดูไม่ค่อยเจ็บสักเท่าไหร่ บรรพตคุยกับศรีสักพักก่อนจะพาเธอกลับไปทิ้งศฤคาลไว้
พอกลับมาถึงตรงจุดที่จากมาอสุราก็ไม่รอช้ารีบพาศรีกลับเรือน โดยพวกผู้หญิงที่ศรีเพิ่งรู้จักโวยวายไม่อยากให้ศรีไป แต่พอถูกสายตาเฉียบคมกับรังสีสังหารจากอสุรา พวกเธอก็ถอยหลังไม่ปริปากโวยวายอีก
คชินทร์อาศัยที่เรือนด้านหลังจากเรือนหลักของมณฑา นางแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย การนอนเล่น อ่านหนังสือ จิบน้ำกลิ่นหอมกรุ่นและขนมรสหวานก็ช่วยทำให้นางผ่อนคลายจากงานได้ เป็นนายิกาใช่จะสบาย เพราะเป็นตำแหน่งที่จัดการได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องกลัวใคร เว้นเสียแต่ผู้อาวุโสและผู้อาวุโสทั้งสามของนายิกา
คชินทร์พลิกหน้ากระดาษพลางคิดถึงเรื่องการแข่งของนายิกาเพื่อหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ระหว่างนายิกาทั้งหมด ๗๗ จังหวัด แต่มีเรื่องคดีลักมีดอยู่เลยคิดจะสะสางให้จบๆ ไป
…แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
นางหยิบโทรศัพท์แล้วพิมพ์จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก่อนจะกดส่ง…
หญิงสาวผมยาวสีดำเกล้ามวยผมต่ำประมาณคอประดับด้วยรัดเกล้ากับปิ่นปักผมสีทับทิม สวมผ้าคาดหน้าอกสีแก่กับผ้าคลุมผืนใหญ่เผยให้เห็นต้นแขนแวบๆ จีบหน้านางของผ้าถุงเย็บเป็นชั้นๆ ซ้อนจับจีบบานปักลวดลายไทยสวยงาม ชายผ้าถุงเป็นเกลียวไล่สูงต่ำ นางพกดาบข้างละ ๓ ด้ามรวมเป็น ๖ ด้ามมัดเชื่อมต่อกันด้วยเชือกเก่าๆ
นางจำต้องหยุดการทำความสะอาดดาบเพราะมีข้อความส่งมาและหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่าน พบว่าเป็นข้อความจากคชินทร์
คมกฤช
เรื่องคดีลักมีดน่าจะสะสางให้เสร็จก่อนงานแข่งของนายิกา มิแน่ว่าผู้ลักมีดอาจจะมาก่อกวน
คชินทร์
หญิงสาวเจ้าของนามคมกฤชพยักหน้าอย่างเข้าใจและเห็นด้วย นางปิดโทรศัพท์ก่อนจะทำความสะอาดต่อ …แต่แล้วมีบางสิ่งทำให้นางต้องกลั้นหายใจ เพราะเงาของใครบางคนที่กำลังจ้องมาสะท้อนในใบมีดดาบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ