ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
61) บทที่ ๖๑: เงาแห่งลางร้าย
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๖๐
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
เงาแห่งลางร้าย
ศรีออกกรรไกร ศฤคาลออกค้อน…
…แพ้แล้วสินะ
ตอนนี้ศรีรู้สึกว่าขาตนเองจะฉีกอยู่รอมร่อ แต่ผลออกมาแล้วเธอจึงเขยิบขาเข้ามาชิด ศฤคาลแสยะยิ้ม
“เหมือนเดิมเลยนะ” เป็นเช่นนั้นจริงๆ… ไม่เคยมีสักครั้งที่ศรีจะชนะการเป่ายิงฉุบกับเขา เพื่อนๆ ผู้หญิงและเพื่อนๆ ผู้ชายมองทั้งสองคนเป็นตาเดียวราวกับลุ้นงานต่อสู้ก็ไม่ปาน
ศรียิ้มค้าง เหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง เธอก็คาดไว้แล้วล่ะว่าต้องไม่ชนะ ขณะนั้นศฤคาลก็มองไปรอบๆ ที่มีเด็กผู้หญิงมากหน้าหลายตาพลางครุ่นคิดไปด้วย
จะว่าไปยายนี่ตอนเด็กๆ ก็ไม่ค่อยมีใครชอบ… แต่ดูจากตอนนี้ มีฮาเร็มเพศเดียวกันเป็นด้วยแฮะ
เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะ
ฮาเร็ม! ย่ะ ยายนี่ ขนาดเป็นผู้หญิงยังดึงดูดได้ทำไมข้าเป็นผู้ชายถึงมิได้ฟะ?!
ความโกรธครอบงำ จะเป็นความอิจฉาก็ว่าได้ ขนาดเขาเป็นผู้ชายยังดึงดูดไม่ได้แต่ศรีเป็นผู้หญิงกลับทำได้… เขาชักดาบจากฝักที่ห้อยแถวสะโพกแล้วชี้ปลายดาบไปทางศรีแล้วกล่าวเสียงดัง
“ศรี เจ้ามันร้ายกาจนัก รู้ก็รู้ดอกว่าสมัยเด็กมิค่อยมีใครชอบแต่ถึงกับใช้ยาเสน่ห์มันเกินไปแล้วนะ อีกอย่าง พยายามจะล่อลวงจนต้องแต่งชุดนักเรียนชายเลยเรอะ!”
“ฮะ?”
“มิต้องมา ‘ฮะ’ เลยชักดาบออกมา!”
“นี่ๆ เดี๋ยว” ศรีอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะไม่เข้าใจที่อยู่ๆ เขาก็โกรธและฉงนที่เขาบอกว่าให้ชักดาบทั้งๆ ที่เธอไม่ได้อัญเชิญดาบออกมาแม้จะมีจริงๆ ก็ตาม
“อะไรกัน นายโกรธทำไมเนี่ย?”
“อย่ามาตีหน้าซื่อ ข้าเป็นผู้ชายแท้ๆ แต่ทำไมผู้หญิงเช่นเจ้าถึงดึงดูดผู้หญิงพวกนี้ได้ล่ะ?!” ศรีหน้าเหวอ เหงื่อตกไปด้วยกับเหตุผลนั้น
ไร้เหตุผลสิ้นดี
“ลองใช้ดูก็มิเสียหายนะ” เสียงแหบแห้งแผ่วเบาเอ่ยขึ้นข้างหู ศรีขนลุกซู่กับเสียงหลอนๆ นั่น เธอเอ่ยในใจเพื่อจะคุยกับอีกฝ่าย
“ก็แค่เล่นๆ เอง จะใช้ทำไมล่ะ?”
“ก็ลองฝึกอย่างไรล่ะ”
ศรีถอนหายใจกับคำตอบนั้นก่อนจะหลับตา ตั้งสมาธิ แล้วพึมพำสวดมนต์ รอบกายมีแต่ความมืดพลันปรากฏอักขระไทยสมัยก่อนและยันต์สีแดงเลือด มันเรืองแสงน่าหวั่นใจ ก่อนจะรวมตัวเป็นดาบสองเล่ม ศรีลืมตาก่อนจะหยิบดาบ ความมืดหายไปเธอจึงเผชิญหน้ากับคู่อริ
“เคยได้ยินมาว่าไปเรียนวิชาดาบอามาฏนี่ ไหนลองแสดงฝีมือหน่อยซิ” น้ำเสียงเริ่มกลับมาเป็นดังเดิมแต่ยังคงมีความโกรธาแฝงอยู่ ศฤคาลยิ้มเหี้ยม ศรีเองก็เช่นกัน
“นายจะทำอะไรน้องฉัน?!” อสุราเข้าไปพร้อมกับดาบแล้วจะฟันใส่แต่ศฤคาลสร้างม่านอาคมได้ทันก่อนพร้อมกับคว้าร่างศรีหนีไป
“ศรี!” พวกเด็กผู้หญิงต่างเรียกหาแล้ววิ่งตามไปด้วย อสุราไม่รอช้าเธอวิ่งเร็วกว่าใคร …เพิ่งจะตามตัวมาสำเร็จศรีก็โดนพาไปอีกแล้ว…
.
.
.
“โอ๊ย!”
ศรีอุทานหลังจากที่ศฤคาลเหวี่ยงเธอลงกับพื้นตรงบริเวณที่มีหญ้าขึ้นเล็กๆ น้อยๆ ส่วนอื่นก็รกชันเป็นบางจุด เธอรีบลุกขึ้นแล้วตั้งท่าถือดาบรับการโจมตีไม่ก็รุก
ทั้งสองคนจ้องตากันสักพักราวกับว่าถ้าเบือนไปทางอื่นจะเปิดช่องโหว่ สักพักทั้งคู่ก็พุ่งเข้าหากันแล้วปะทะดาบกัน ดาบสั่นเพราะแรงดันที่รุนแรงเกิดประกายไฟ ไม่มีใครยอมใคร ศฤคาลดันดาบออก แล้วกลับไปตั้งหลัก
ศรีตวัดดาบใส่ศฤคาล แล้วใช้ดาบอีกข้างพุ่งหมายจะแทงท้อง ศฤคาลฟันดาบเธอทิ้งก่อนจะตวัดดาบใส่ ศรีรับไว้ได้แล้วถีบร่างเขาให้กระเด็นก่อนจะฟันไปอีกครั้งซึ่งเขาก็รับได้ ศรีดันดาบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงผลักออก เธอตวัดดาบใส่ไม่ยั้ง รุกเอาๆ จนศฤคาลตะลึงและทำตัวไม่ถูกทว่าเขายังคงตั้งสติ ไม่คิดเลยว่าเรียนเพียงไม่กี่ปีจะได้ขนาดนี้หรือที่ทำได้เพราะสุ่มๆ ฟันเท่านั้น?
ศฤคาลหยิบดาบอีกด้ามขึ้นมาแล้วรับดาบทั้งสองที่ศรีตวัดเข้ามาอย่างคล่องแคล่ว ประกายไฟยังคงมีเรื่อยๆ ยามดาบต้องปะทะกัน
“มิคิดเลยนะว่าประลองดาบกับผู้หญิงเช่นเจ้าจะสนุกกว่าพวกอื่นๆ ที่เคยลองมา” ศฤคาลเอ่ยหลังจากที่ทั้งสองผลักดาบออกจากกันแล้วหอบหายใจอย่างเหนื่อย แต่ไฟที่ลุกในใจทำให้กำลังไม่หมด ศรีหัวเราะหึๆ ก่อนจะวาดดาบเล่นไปเรื่อย
“จะสู้อีกก็ได้นะ”
“ฮึ! ท่าทางเจ้าผยองจริง ใช่ว่าจะชนะข้าได้นะศรี”
ศฤคาลพุ่งเข้ามา ศรียิ้มเหี้ยมด้วยความมั่นใจ …ทว่าเธอเสียท่า ศฤคาลทิ้งดาบข้างหนึ่งแล้วใช้มือที่ทิ้งนั่นบิดข้อมือศรีจนดาบของเธอร่วงลง ส่วนมืออีกข้างที่ถือดาบก็ปะทะดาบกัน ศฤคาลรีบปล่อยดาบอย่างรวดเร็วก่อนจะชกเข้าที่หน้าศรีแล้วถีบซ้ำ
ศรีแทบจะกระอักกับแรงกระแทกติดกันสองครั้ง ดาบร่วงลงพร้อมกับร่างที่ถูกศฤคาลเตะไม่ยั้งจนเธอจุกแทบร้องไม่ออก ร่างเธอล้มไป ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะความเจ็บปวด เจ็บจนร้องไม่ออก
“ช้าไปนะ”
ศรีหอบหายใจ มองศฤคาลขึ้นโดยไม่เงยหน้าตาม ดวงตาสีดำวาวโรจน์ราวกับแววสัตว์ร้ายที่พร้อมจะฉีกกระชากเหยื่อทุกเมื่อ ศรีโซซัดโซเซยืนก่อนจะวาดดาบเขียนอักขระยันต์ล้อมรอบตนเองแล้วพนมมือท่องมนต์เบาๆ พลันอักขระเรืองแสงสีแดงเลือด
“แม้ฉันจะไม่ค่อยได้ฝึกดาบ อย่างที่เมื่อกี้ทำได้เพราะมั่ว แต่เรื่องอาคมฉันฝึกจิตภาวนา ฝึกท่องจนขึ้นใจ เรามาประลองหน่อยเป็น ‘ไง” ศรียิ้มอย่างมีชัย ศฤคาลเชิดหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจที่เธอยังคงฝืนร่างกายโดยไม่ยอมปราชัย
ท่ามกลางบรรยากาศที่คุกรุ่น พินทุกางร่มบ่อสร้างถือไว้พาดบ่า มองจากเบื้องบนอย่างบันเทิงใจริมฝีปากวาดยิ้มดุจดอกซากุระทั้งอ่อนหวานราวกับเพิ่งผลิสีขาวแต่เคลือบพิษราวกับเปื้อนเลือดจนกลายเป็นสีชมพู
เอาเถิด ถ้าจะอยู่โลกใบนี้ก็ต้องสู้ล่ะนะ
หญิงสวมหน้ากากแบบหุ่นไทยมองน้ำในพานที่ปรากฏภาพศรีกับศฤคาล หน้ากากเกิดเป็นเงาความไม่สบายใจ หญิงสาวผู้สวมหน้ากากยักษ์สีเขียวเขี้ยวโง้งน่าหวาดกลัวกล่าวเบาๆ กับอีกฝ่าย
“ทิ้งแกไปถ้าได้เจอกันอีกครั้งจะอภัยให้เจ้าไหมนะ? หึๆ”
“มันมิใช่เรื่องที่เจ้าต้องยุ่งด้วย” น้ำเสียงสั่นเครือเหมือนร้องไห้
“ฮึ! เจ้าเลือกทางนี้คิดดีแล้วฤ?”
“ต่อให้เป็นเช่นไรมันก็กลับไปมิได้อีกแล้ว” หญิงสวมหน้ากากแบบหุ่นไทยสะบัดพานทิ้งจนน้ำหกเลอะเทอะ ตอนนี้หญิงสวมหน้ากากยักษ์สีเขียวอยากจะหัวเราะออกมาดังๆ ด้วยความสมเพชแต่ทำได้เพียงแสยะยิ้มเหี้ยม ดวงตาวาวโรจน์ใต้หน้ากากในเบื้องเงา
“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าลูกของเจ้ามีจุดจบมิสวยแน่”
บรรพตมาเดินเล่นแถวที่มีหญ้ารกชันแต่บางจุดก็ไม่ค่อยมี เธอได้ยินเสียงคมดาบปะทะ เธอหยุดเดินแล้วเงี่ยหูฟังว่าจะมีอะไรต่อ
“แม้ฉันจะไม่ค่อยได้ฝึกดาบ อย่างที่เมื่อกี้ทำได้เพราะมั่ว แต่เรื่องอาคมฉันฝึกจิตภาวนา ฝึกท่องจนขึ้นใจ เรามาประลองหน่อยเป็น ‘ไง”
บรรพตจำเสียงนี้ได้ เธอรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ เมื่อมาถึงเธอก็ไม่เอ่ยอะไร มองศรีและศฤคาลสลับไปมาเหมือนจะถามว่ามีเรื่องอะไรกัน ศรีที่รู้สึกตัวหันไปมองแล้วยิ้มแห้งๆ ก่อนจะเอ่ย
“แค่ประลอบดาบเฉยๆ น่ะจ้ะ”
บรรพตถอนหายใจอย่างระอา เธอยิ้มบางๆ กับพฤติกรรมของศรี ตอนแรกเป็นห่วงเพราะมีบาดแผล แต่สีหน้าของศรีดูไม่ค่อยเจ็บสักเท่าไหร่ บรรพตคุยกับศรีสักพักก่อนจะพาเธอกลับไปทิ้งศฤคาลไว้
พอกลับมาถึงตรงจุดที่จากมาอสุราก็ไม่รอช้ารีบพาศรีกลับเรือน โดยพวกผู้หญิงที่ศรีเพิ่งรู้จักโวยวายไม่อยากให้ศรีไป แต่พอถูกสายตาเฉียบคมกับรังสีสังหารจากอสุรา พวกเธอก็ถอยหลังไม่ปริปากโวยวายอีก
คชินทร์อาศัยที่เรือนด้านหลังจากเรือนหลักของมณฑา นางแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย การนอนเล่น อ่านหนังสือ จิบน้ำกลิ่นหอมกรุ่นและขนมรสหวานก็ช่วยทำให้นางผ่อนคลายจากงานได้ เป็นนายิกาใช่จะสบาย เพราะเป็นตำแหน่งที่จัดการได้ทุกอย่างโดยที่ไม่ต้องกลัวใคร เว้นเสียแต่ผู้อาวุโสและผู้อาวุโสทั้งสามของนายิกา
คชินทร์พลิกหน้ากระดาษพลางคิดถึงเรื่องการแข่งของนายิกาเพื่อหาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ระหว่างนายิกาทั้งหมด ๗๗ จังหวัด แต่มีเรื่องคดีลักมีดอยู่เลยคิดจะสะสางให้จบๆ ไป
…แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก
นางหยิบโทรศัพท์แล้วพิมพ์จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ก่อนจะกดส่ง…
หญิงสาวผมยาวสีดำเกล้ามวยผมต่ำประมาณคอประดับด้วยรัดเกล้ากับปิ่นปักผมสีทับทิม สวมผ้าคาดหน้าอกสีแก่กับผ้าคลุมผืนใหญ่เผยให้เห็นต้นแขนแวบๆ จีบหน้านางของผ้าถุงเย็บเป็นชั้นๆ ซ้อนจับจีบบานปักลวดลายไทยสวยงาม ชายผ้าถุงเป็นเกลียวไล่สูงต่ำ นางพกดาบข้างละ ๓ ด้ามรวมเป็น ๖ ด้ามมัดเชื่อมต่อกันด้วยเชือกเก่าๆ
นางจำต้องหยุดการทำความสะอาดดาบเพราะมีข้อความส่งมาและหยิบโทรศัพท์มาเปิดอ่าน พบว่าเป็นข้อความจากคชินทร์
คมกฤช
เรื่องคดีลักมีดน่าจะสะสางให้เสร็จก่อนงานแข่งของนายิกา มิแน่ว่าผู้ลักมีดอาจจะมาก่อกวน
คชินทร์
หญิงสาวเจ้าของนามคมกฤชพยักหน้าอย่างเข้าใจและเห็นด้วย นางปิดโทรศัพท์ก่อนจะทำความสะอาดต่อ …แต่แล้วมีบางสิ่งทำให้นางต้องกลั้นหายใจ เพราะเงาของใครบางคนที่กำลังจ้องมาสะท้อนในใบมีดดาบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ