ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)
เขียนโดย snowred
วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.
แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย
50) บทที่ ๕๐: คดีที่เกี่ยวโยงกับอดีต
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ ๕๐
[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]
คดีที่เกี่ยวโยงกับอดีต
มันคือความปรารถนาของข้า
มีดอรัญญิก… ขอให้มีเพียงสิ่งนี้และเด็กที่ชื่อศรีข้าก็จะสามารถล้างสวรรค์ โลกและนรกได้
ข้าจะต้องปลิดชีพพวกมัน นายิกา เคยทำงานร่วมกันมาตลอดไยพวกเจ้าถึงทิ้งข้าไป
…เห็นแก่ตัว
ศารทูลนั่งทานขนมลูกชุบพลางคิดเกี่ยวกับคดีลักมีดอรัญญิกไปด้วย ชิโนโกะเล่นกับอัมพุโดยการโยนขนมโมจิ เกิดเสียงเอะอะหัวเราะคิกคัก ด้วยความรำคาญศารทูลจึงหยิบจานขนมที่ไม่ใช้แล้วเขวี้ยงใส่ศีรษะคนละจาน
“พวกเจ้าเงียบๆ กันหน่อยสิ” เทสโลเอลเอ่ยแทนศารทูล ในมือถือปากกาเขียนไปด้วย เนื่องจากเป็นวันปิดเทอมเธอจึงต้องทำการบ้าน
เด็กชายผมสีน้ำตาลอมแดงเดินเข้ามาพร้อมกับกองหนังสือ เขาหัวเราะเบาๆ กับกริยาของเพื่อนๆ ก่อนจะวางหนังสือลงเมื่อมาถึง ที่ๆ เด็กเหล่านี้อยู่เป็นศาลาริมน้ำ ซึ่งในตัวศาลามีชิงช้าแบบเก้าอี้ไม้อยู่ตรงทางเข้าสองด้าน เป็นชิงช้าตัวเล็กๆ ด้านขวาของศาลามีเด็กชายผมสีน้ำเงินนั่งอ่านหนังสืออยู่
“เป็นคดีที่ธรรมดาแต่คิดอย่างไรมันก็คิดมิออกอยู่ดี”
“อ้าว ยังไงเนี่ย” เด็กชายผมสีน้ำตาลอมแดงถาม ศารทูลส่ายหน้า
“มัน… เฮ้อ! ข้าอธิบายมิถูก” เด็กชายคนนั้นพยักหน้าอย่างเข้าใจ
…คดีนี้ก็ยังคงต้องสืบกันต่อไป
หญิงสาวสวมชุดกี่เพ้ากับโจงกระเบนตัวสั้นเดินเข้าไปในห้องเก็บเอกสารในที่ทำการนายิกา เข้าไปลึกๆ ดึงลิ้นชักออกมาแล้วหยิบเอกสารสีหม่นออกเหลืองเนื่องจากมีอายุการใช้งานนานมากแล้ว นางเปิดไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบถึงสุดท้ายจึงปลดที่หนีบออกแล้วไล่สายตาหาภารกิจที่เคยทำ
“นายิกาเสียชีวิตไปหนึ่งคน เพราะสังเวยให้กับพิธีกรรมในภารกิจ …ฤๅว่ามันจะมีเงื่อนงำอะไรบางอย่างกันนะ” นางพึมพำก่อนจะหยิบเอกสารไปและออกจากห้อง
ใกล้จบการประชุมแล้ว คงต้องเสียมารยาทเข้าไปหรือนางจะรอการประชุมพรุ่งนี้ดี บัวผ่องตัดสินใจที่จะประชุมวันพรุ่งนี้ ระหว่างเดิน นางสวนกับอรัญญิก นางเคยได้ยินเรื่องที่อีกฝ่ายบาดเจ็บเลยจะเข้าไปถามสารทุกข์สุกดิบเสียหน่อย
“อรัญญิก อาการดีขึ้นแล้วฤ?”
“ใช่”
“อย่าฝืนร่างกายมากเกินไปล่ะ”
อรัญญิกยิ้มพลางพยักหน้าซึ่งบัวผ่องเองก็ยิ้มตอบ ทั้งสองเริ่มเดินต่อ
อรัญญิกเดินมาจนถึงจุดที่นัดไว้กับซอ หญิงสาวแต่งกายแบบสมัยสุโขทัยหันมาเห็นพอดีจึงยิ้มให้ก่อนจะมาหาอรัญญิกแล้วกอดด้วยความคิดถึง
“เป็นเช่นไรบ้าง”
“ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ แล้วท่านซอล่ะเจ้าคะ ท่านมณฑาทำอันใดบ้างฤๅไม่ ข้านอนแทบมิหลับเลยนะเจ้าคะ” อรัญญิกกอดตอบบ้าง ที่นางบอกว่านอนไม่หลับเป็นเรื่องจริง นางเป็นห่วงและกังวลมากที่ซอถูกมณฑาพาไป
“ข้ามิเป็นไร… จริงๆ” ซอยิ้มบางๆ นั่นเองที่ทำให้อรัญญิกหมดห่วงไปได้ครึ่งหนึ่ง
ทั้งสองนั่งรถเทียมม้ากลับไปที่เรือน ในใจก็คิดไปว่าเมื่อไปถึงแล้วจะสู้หน้ามณฑาอย่างไร …แต่เรื่องมันคลี่คลายแล้วก็คงไม่เป็นอะไร
เมื่อมาถึง บุคคลแรกที่พบก็คือมณฑา ซอมองนางสักพักก่อนจะยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ มณฑายิ้มตอบสายตาเหลือบเห็นว่าอรัญญิกมาด้วย ซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ได้แสดงแววตาว่าจะทำร้ายแต่กลับเป็นแววตาให้อภัย มณฑาพยักหน้าก่อนจะผายมือไปทางประตูเชิญให้ทั้งสองเข้าไปพักผ่อน
“สวัสดี ซอ อรัญญิก” พินทุกล่าวทักทาย ซอนิ่งไปสักพักเพราะคาดไม่ถึงว่านางจะมา เมื่อสติกลับมาจึงยิ้มก่อนจะทักทายกลับ มณฑาบอกให้บ่าวไปนำขนมรับรองเพิ่มสำหรับซอและอรัญญิก
“เจ้ามาที่นี่เมื่อใดกัน?” ซอถามก่อนจะจิบชามะลิกลิ่นหอมกรุ่นไปด้วย พินทุเองก็เช่นกัน นางกัดขนมไปคำหนึ่งก่อนจะตอบ
“มิกี่วันนี้เอง ข้าเพิ่งไปประชุมเมื่อสองสามวันก่อนเจ้าเลยอาจมิเห็นข้าน่ะ”
“อืม แล้วปักษธรล่ะ มิได้มาด้วยกันฤ?”
“พรุ่งนี้คงจะมานั่นแหละ” พินทุตอบก่อนจะทานขนมต่อ
หลังจากนั้นทั้งสี่คนก็นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งซอนึกถึงเด็กๆ ได้จึงขอตัวไปพร้อมกับอรัญญิก
“วันนี้นอนด้วยกันนะ”
“เหอะ
“นะ!”
“เหอะ!”
“เมื่อคืนนี้เรายังเร่าร้อนกันอยู่เลย จะอีกสักคืนก็มิเห็นเป็นไรนี่”
หญิงสาวผมยาวสีดำเหลือบสีแดงเป็นลอนตรงปลายๆ ประดับด้วยปิ่นปักผมดอกไม้โลหะสีเงิน ผ้าคาดหน้าอกพันแน่นจนรัดรูปเป็นสีดำสลับแดงมีอัญมณีห้อยตรงขอบผ้าไว้ สะโพกบิดเร้าอย่างยั่วยวนใต้ผ้าสีดำขลิบเงินสวยงามพันด้วยผ้าผ้าผืนเล็กยาวปักลวดลายไทยมีสร้อยลูกปัดสีเงินพันระโยงระยาง ราวกับดวงดาวยามรัตติกาล
นิ้วที่มีเล็บทาสีดำเหลือบแดงนั้นไล้ตามทรวดทรงเอว ริมฝีปากทาสีแดงชาดราวกับเลือดนกเม้มใบหูของิงสาวผมสั้นเกล้าเป็นผมหางม้าปักหวีทรงกนกสีทองแดง
สวมชุดจิตรลดาสีเข้มนุ่งโจงกระเบนที่มีเข็มขัดแบบสมัยใหม่ประยุกต์กับสมัยก่อน สีหน้าของเธอบอกบุญไม่รับที่หญิงสาวแตงกายโทนสีแดง-ดำมาลวมลามตนเองเช่นนี้
“เมื่อคืนทำอะไรกันเสียที่ไหน ก็นอนเฉยๆ มิใช่ฤ! แล้วนี่เจ้าจะหยุดได้ฤๅยัง!”
“แหม ข้าก็แค่อยากให้ที่รักสร้างความสุขสมให้ข้าบ้างนี่”
ระหว่างกล่าวหญิงสาวก็เบียดหน้าอกที่ใหญ่เกินมาตรฐานเบียดกับแขนของอีกฝ่าย จงใจให้ผ้าที่คาดทับหน้าอกเลื่อนลงเพื่อที่จะได้เห็นเนินและร่องอกสีแดงระเรื่อขาวผุดผ่องดุจหิมะ จนกระทั่งมันเลื่อนลงมาจนเกือบจะเห็นยอดอกแลไม่แล หญิงสาวสวมชุดจิตรลดาลอบกลืนน้ำลายกับภาพนั้น นางกลั้นใจก่อนจะดันร่างอีกฝ่ายออก
“แก่จนป่านนี้ยังคิดเรื่องนี้อีกเรอะ!” ถ้าให้กล่าวตามตรงทั้งสองอายุก็อยู่ในหลักพันแล้ว หญิงสาวริมฝีปากสีแดงจัดไม่สนใจ นางเข้าไปใกล้อีกครั้งก่อนจะโอบคออีกฝ่ายแล้วดึงลงมานอนกับพื้นที่ปูผ้าไว้แล้ว
“พูดเช่นนี้ข้าเสียใจนะเจ้าคะ”
คราวนี้นางมีหางเสียงด้วย นางใช้พลังอาคมสร้างโซ่ขึ้นมาเพื่อพันธนาการหญิงสาวเบื้องบนก่อนจะกดท้ายทอยอีกฝ่ายมาจูบ ลิ้นอ่อนนุ่มสอดเข้าไปในปากแล้วตวัดไล้เลียภายในจนน้ำลายไหลเยิ้มตรงมุมปาก มืออีกข้างถอดผ้าคาดอกไปด้วย หน้าอกเปลือยเปล่าปรากฏสู่สายตา หญิงสาวสวมชุดจิตรลดาพยายามที่จะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่พ้นอยู่ดี
หญิงสาวถอนจูบ แย้มริมฝีปากสีแดงชาดแสยะยิ้ม นางไล้หน้าอกไปรอบๆ ก่อนจะลากนิ้วผ่านยอดอกแล้วลากจนมาถึงริมฝีปากก่อนจะใช้ลิ้นเลียนิ้วอย่างช้าแล้วลากต่ำลงไปอีกครั้งจนมาถึงขอบผ้าถุง นางดึงผ้าให้ต่ำจนเกือบเห็นทางลับ
“กินสิ”
“…” หญิงสาวผู้เป็นเหยื่อกลั้นหายใจกับภาพที่เป็นอาหารตา รู้สึกว่าหน้าตนเองร้อนผ่าว ใจเต้นไม่เป็นส่ำ เลือดกำเดาหยดจากจมูกลงสู่เนินอกอีกฝ่าย
“คิกๆ อ่อนหัดจริ๊ง! แต่มิเป็นไร ข้าจะสอนเจ้าเอง!” นางเอ่ยเสียงสูงแล้วหัวเราะในลำคออย่างนึกสนุก
หญิงสาวผู้เป็นเหยื่อก้มหน้าลงไล้เลียเนินอก …แย่แล้ว นางถูกปีศาจยั่วกิเลสเสียแล้ว
แอ๊ด…
“อะ เอ่อ ขอโทษด้วยที่มาขัดจังหวะ” ผู้ที่มาเยือนคือปักษธรนั่นเอง ปีศาจสาวยั่วกิเลสชักสีหน้าแต่ก็จำใจสวมชุดดังเดิมแล้วยอมปล่อยให้หญิงสาวผู้เป็นเหยื่อหลุดจากพันธนาการ
“อ้ายปักษธร มาขัดอะไรตอนนี้ด้วยเนี่ย!”
“เจ้านั่นแหละทมิฬ มาทำเรื่องบัดสีอะไรตอนนั้นกัน!”
“ก็อารมณ์มันขึ้นนี่!”
“เรอะ!” ปักษธรกับหญิงสาวริมฝีปากสีแดงชาดเจ้าของนามทมิฬเถียงกันไปมาจนเกือบเอะอะในเรือน หญิงสาวสวมชุดจิตรลดาเดินห่างๆ ระหว่างทางที่จะไปห้องโถง
เมื่อมาถึงแล้วบ่าวก็รีบน้ำขนมรับรองมาวางไว้บนโต๊ะไม้ ทั้งสามนั่งลง ปักษธรเปิดเรื่องที่จะคุย
“คดีมีดอรัญญิกยังมิคืบหน้าไปไหนเลย เจ้าเองก็เอ้อระเหยลอยชายมิรู้จักทำการทำงานบ้าง ไปขายบริการง่ายกว่ากระมัง”
“ต๊าย! แรงไปไหมให้ข้าไปขายบริการเนี่ยนะ!” ทมิฬทราบว่าอีกฝ่ายกล่าวถึงอะไร นางเขยิบเข้าไปกอดแขนหญิงสาวสวมชุดจิตรลดาพลางเอ่ยออเซาะไปด้วย
“ที่รัก… วันนี้อยู่กับข้านะ”
เฮ้อ! ยายนี่ จริงๆ เลย!
ปักษธรถอนหายใจก่อนจะหยิบเอกสารที่ตนนำมาวางไว้บนโต๊ะ อีกสองคนละความสนใจมามองแต่ทมิฬไม่วายมาลวมลามที่รักของตน
“หืม? คดีเมื่อ ๑๐๐ กว่าปีที่แล้วน่ะฤ แล้วมันเกี่ยวอันใดด้วยล่ะ?” หญิงสาวสวมชุดจิตรลดาถาม ปักษธรหยิบเอกสารอีกแผ่นวางไว้ก่อนจะตอบ
“เจ้ายังจำได้ใช่ไหมธาษตรี? บัวผ่องบอกว่าคดีเมื่อตอนนั้นที่นายิกาคนหนี่งถูกสังเวยให้กับพิธีกรรมอาจจะเกี่ยวข้องกับคดีลักมีด หากนายิกาคนนั้นยังมิตายนั่นก็น่าจะมีโอกาสสูงที่นางจะมาแก้แค้น”
“ว่าต่อสิ” หญิงสาวสวมชุดจิตรลดาเจ้าของนามธาษตรีกล่าว
“ถ้าให้กล่าวตรงๆ เจ้าคงคิดว่าคดีอื่นที่นายิกาตายก็น่าจะเกี่ยวข้องใช่ไหม? แต่เผอิญพิษที่อยู่ในศพสมุนผู้ลักมีดมันมีพิษที่นายิกาคนนั้นใช้เป็นของป้องกันตัว
“?” คราวนี้ทมิฬที่ยังยั่วธาษตรีหยุด แล้วกลับมานั่งดีๆ เพื่อฟัง …ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องธรรมดาเสียแล้ว
“งั้นก็…” ทมิฬเอ่ย ปักษธรพยักหน้า
“ใช่ เป็นเช่นที่ข้ากล่าวตรงต้นเรื่อง คดีนี้ผูกโยงกับคดีเมื่อ ๑๐๐ กว่าปีก่อน”
“มันจะเป็นไปได้เยี่ยงไรกัน! นางน่าจะตายไปแล้วนี่!!”
“บางทีคงรอดมาได้เพราะพลังวิญญาณ ถ้าไม่ตายก็คงมีสภาพร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลน่าเกลียดกระมัง” บรรยากาศคุกรุ่น เย็นเยียบจนไม่กล้าหายใจ
“ตอนนี้ทางเราก็กำลังสืบหานายิกาคนนั้นอยู่ และได้รับความช่วยเหลือจากทางโรงเรียนด้วย”
“หืม? อย่าบอกนะว่าส่งนักเรียนมาสืบ”
“อืม ส่วนหนึ่งที่ข้าเจอก็มาจากโรงเรียนศาสตราราชพฤกษ์วิทยาคมน่ะ” บรรยากาศกลับมาเป็นเช่นเดิม ธาษตรีรู้สึกหายใจคล่องขึ้นมา
“เฮ้อ… งั้นก็อย่าให้เป็นอันใดละกัน”
ธาษตรีเอ่ยเสียงเรียบ มองออกไปข้างนอกอย่างเหม่อลอย
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ