ราชันบุปผาไหว้ศพ (ฉบับร่าง)

8.9

เขียนโดย snowred

วันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.30 น.

  123 บท
  32 วิจารณ์
  115.46K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558 17.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

22) บทที่ ๒๒: นางยักษ์เสียชีวิตเพราะเด็กผู้หญิง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ ๒๒

[บรรยายโดยผู้ประพันธ์]

นางยักษ์เสียชีวิตเพราะเด็กหญิง

                ศรีนั่งตัวสั่นไม่ขยับ ไม่ขัดขืนหรือทำร้ายนางยักษ์ นางค่อยๆ สอดนิ้วชี้ขวาข้างบนและนิ้วโป้งเข้าในเบ้าตาก่อนจะดึงลูกตาออกอย่างช้าๆ จนในที่สุดมันก็ขาดออกจากกัน เลือดไหลออกมามากกว่าเดิมแต่ข้างขวาจะมากกว่า นางยักษ์กลิ้งลูกตาในมือไปมา ลูกกลมๆ เล็กเปื้อนเลือดนั้นมีวงกลมสีดำอันงดงามอยู่ นางกลิ้งไปสักพักก่อนจะหันด้านลูกตาดำให้ศรีดู

                “ดวงตาของเจ้าสวยใช้ได้เลยนะ แต่น่าเสียดายที่ต้องถูกควัก” นางยิ้มเยาะ พลางหยิบขวดน้ำยาวประมาณฝ่ามือแล้วใส่ลูกตาลงไป ข้างในขวดมีน้ำสีน้ำเงินอยู่ เลือดปนกับน้ำพวกนั้นจนเปลี่ยนเป็นสีอื่น

                ศรีนั่งหมดแรงอย่างคนไร้วิญญาณ …รู้สึกเจ็บไปหมด แต่ไม่มีแรงเอ่ยอะไร

                “แกทำอะไรกับศรีน่ะ!”

                แววไพรโกรธแค้นมากที่นางยักษ์ทำร้ายศรี เด็กหญิงสวมแว่นอัญเชิญร่มบ่อสร้างออกมาก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปหานางยักษ์แล้วใช้แท่งเหล็กบนร่มแทงเข้าที่ท้องนางซ้ำเติม แววไพรกลั้นหายใจด้วยความที่กลิ่นคาวมันรุนแรงมากเพราะทั้งศรีและนางต่างก็มีบาดแผลโดยเฉพาะเด็กหญิงเกล้ามวยผมเลือดไหลชนิดที่สามารถทำให้เสียชีวิตได้

                …เลือดออกขนาดนี้แต่ทำไมเราถึงยังไม่ตายล่ะ

                เคร้ง!

                แท่งเหล็กและดาบปะทะกัน อารมณ์เดือดของแววไพรทำให้เธอออกแรงมากกว่าปรกติ กาสะลองตวัดแส้รัดคอนางยักษ์ก่อนจะเหวี่ยงไปชนกับต้นไม้อย่างแรงจนมันหัก

                แม้สภาพจะดูน่าอนาถ แต่นางยักษ์ก็ยังคงมีแรงสู้ต่อ นางคิดจะอัญเชิญสัตว์ออกมาแต่พอความเจ็บแล่นปลาบก็นึกได้ว่าถ้าให้อัญเชิญสัตว์ออกมาตอนนี้ก็ไม่ได้เพราะแค่พยุงแรงกายก็มากพอแล้ว

                พงสณะเองอารมณ์ก็เดือดไม่แพ้แววไพร เขาหยิบปืนมาแล้วรัวนิ้วยิงไม่ยั้ง

                เขาโกรธตัวเองที่ไม่สามารถห้ามเลือดที่ศรีเป็นเองและนางยักษ์ที่ทำร้ายเธอจนไม่รู้จะลงโทษอย่างไรดี

                พงสณะกัดริมฝีปากเพื่อเป็นการไถ่โทษ เลือดซึมแล้วหยดลง …หยดแล้วหยดเล่า ศรีแม้จะเสียเลือดไปมากแต่เธอก็แข็งใจลืมตาดูเขาด้วยความซาบซึ้ง …นี่แหละข้อดีของพงสณะ ภายนอกแม้จะกวนประสาทและยียวนแต่ลึกๆ แล้วความจริงใจที่เขามีให้ก็เป็นของจริง

                ไม่มีวันเสื่อมคลาย….

                ‘เป็นอย่างไรบ้างล่ะ’

                ศรีที่มีน้ำตาคลอกลั้นใจไม่ให้ร้องไห้ก่อนจะตอบ

                ‘อย่างที่เห็น …ว่าแต่ทำไมฉันถึงยังไม่ตายล่ะ ทั้งๆ ที่เลือดออกมาก ป่านนี้น่าจะตายได้แล้วสิ’

                ตามที่เธอถาม เลือดนับหยดนับสายต่างหลั่งไหลราวกับฝนที่ไม่อาจหยุดไว้ได้ ดวงตาทั้งสองข้างหลั่งไหลราวกับน้ำตก เลือดจากปากหลั่งราวกับน้ำพุ เลือดจากช่องท้องหลั่งราวกับสายน้ำลำธาร

                เสียงแหบหัวเราะชอบใจก่อนจะตอบ

                ‘มิช้าเจ้าก็จะรู้เอง’ ศรีพยายามลืมตาขึ้นที่ใกล้ปิดเพื่อหาควันปริศนาก่อนจะไอเพราะสำลักเลือด

                พื้นหญ้ารกชันค่อยๆ ท่วมด้วยเลือด ว่าวตั้งสติที่ใกล้ดับเพราะทนเห็นร่างโชกเลือดของศรีไม่ได้ ทว่าสุดท้ายเธอก็ไปหาเด็กหญิงเกล้ามวยผมแล้วกอดด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

                …ทำไมกัน ทั้งๆ ที่เพิ่งรู้จักกันแต่ทำไมเราถึงเป็นห่วงท่านพี่ศรีมากถึงเพียงนี้นะ

                “ท่านพี่… ท่านพี่ศรี……………”

                “พี่…” ศรีไม่มีแรงจะเอ่ยหรือทำอะไร แค่เธอตั้งสติเพื่อสื่อสารผ่านความคิดก็ยากแล้ว เธอพยายามขยับมือหวังจะลูบใบหน้าของว่าวเพื่อปลอบแต่ก็ทำได้แค่กระดิวนิ้วโป้ง

                เจ็บใจนัก!

                ------------------ตึกตัก…! ตึกตัก…!

                หัวใจพลันเต้นรัว ศรีพ่นเลือดออกมากองกับพื้น ปวดอกมากจนตัวโยน ว่าวเห็นอาการไม่ดีจึงโอบร่างศรีไว้

                โครงกระดูกช่วงปากร้าวไปหมด รวมทั้งเหงือกที่ปวดหนึบๆ ด้วย ดวงตาหลั่งเลือดมากกว่าเดิมแถมยังกระตุกแปลกๆ อีก แล้วยังเรืองแสงสีเลือด ว่าวจ้องตาไม่กะพริบพลางเอ่ยอย่างกังวลแม้จะสงสัยมากก็ตาม

                “ท่านพี่ศรี ไปโรงพยาบาลเถิดเจ้าค่ะ ปล่อยไว้แบบนี้อาจถึงฆาตนะเจ้าคะ!”

                “พ่ะ…”

                “เอ๊ะ…” ว่าวเบิกตาด้วยความฉงน ศรีนิ่งเงียบไปราวกับวิญญาณออกจากร่าง สักพักเธอก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนเป็นช่วงเดียวกับที่ดาบทั้งสองสลายเป็นเถ้าสีแดง เธอเดินไปยังบริเวณที่มีการต่อสู้ ว่าวมองตามด้วยความกังวลที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

                ร่างบางเกล้ามวยผมปล่อยส่วนที่เหลือยาวสยายถึงเอว อยู่ในชุดเสื้อยืดทับด้วยสไบกับโจงกระเบนเปื้อนเลือดด้านหน้า บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความกดดัน ดวงตาใสบัดนี้หม่นหมอง ดวงตาสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงเหมือนเลือดมันเรืองแสงด้วยสีที่เหมือนกัน มีรูปยันต์ปรากฏอยู่ เคี้ยวยาวโค้งงอจากปาก เด็กหญิงเกล้ามวยผมเช็ดเลือดจากปากและตาออก

                เหล่าคนที่กำลังต่อสู้ค่อยๆ ลดอาวุธลงแต่ก็ยังคงเหลือบมองคู่ต่อสู้ พวกเขามองศรีอย่างฉงนบางคนก็มองด้วยความหวาดระแวง ทุกคนไม่เว้นแม้แต่นางยักษ์จ้องตาศรีและเคี้ยวที่โค้งออกมา

                กาสะลอง--- เนตรมรณะนี่!

                แววไพร--- ศรีเป็นยักษ์เหรอ!

                ทุกคนต่างตั้งคำถามในใจกระนั้นพวกเขาก็ไม่อาจทราบคำตอบได้ เก็บคำถามแล้วเฝ้าดูสถานการณ์

                ศรีหยุดเดินและลูบตาข้างซ้ายพลางกอดอก ว่าวมองด้วยความฉงนเช่นเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆ ความสงสัยเพิ่มขึ้นว่าทำไมจากตอนแรกที่จะเป็นจะตาย เพียงแค่เอ่ยก็กระอักเลือด แล้วทำไมตอนนี้ถึงมีแรงเดินได้กันล่ะ

                “จงบดบังความจริง”

                “!!”

                ทุกคนแทบจะไม่ละสายตาจากศรีขณะเดียวกันท้องฟ้าก็พลันเปลี่ยนเป็นสีแดงและสว่างขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากดวงจันทร์โผล่พ้นออกจากเมฆสีหม่นได้แล้ว ลมไหววูบไปมาเบาๆ ทว่าสร้างความหวาดกลัวให้บางคน บรรยากาศเย็นเฉียบจนน่าขนลุก สักพักก็มีฝนโปรยปราย

                แต่มันไม่ใช่สีใส

                ---มันเป็นสีเลือด---

                แปะ

                ก้อนเล็กๆ บางอย่างที่นุ่มนิ่มเหมือนอวัยวะภายในตกลงมาบนศีรษะของบรรพตที่มาทีหลัง เธอหยิบสิ่งนั้นมาดู มันนุ่มมือมีของเหลวสีแดงชโลมอยู่ เมื่อพินิจจนทราบว่ามันคืออะไรแล้วเธอก็หวีดร้อง

                “เฮ้ย! เนื้อคนนี่!!”

                แปะๆ!

                ซ่าๆ!!

                ฝนตกลงมาหนักกว่าเดิมพร้อมๆ กับเนื้อที่เปื้อนเลือด ทุกคนหยิบของหรืออาวุธขึ้นมาบัง ว่าวเห็นว่ามันยังไม่มิดจึงอัญเชิญว่าวจุฬาออกมาแล้วใส่พลังวิญญาณลงในว่าวจนมันมีขนาดใหญ่ จากนั้นก็ปล่อยว่าวจุฬาขึ้นฟ้าเพื่อป้องกันฝนสีเลือดและเนื้ออวัยวะภายใน

                นางยักษ์ตัวสั่น นางถอยไปข้างหลังอย่างช้าๆ นางนึกไม่ถึงว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้

                นี่น่ะฤพลังของเนตรยันต์มรณะ

                ว่าวมองว่าวจุฬาที่บดบังท้องฟ้าก่อนจะเปลี่ยนไปมองศรี เด็กหญิงเกล้ามวยผมแบมือ แล้วจู่ๆ ก็มีเถ้าสีแดงเข้ามาแล้วสร้างตัวเป็นดาบ เธอจับดาบไว้มั่นและก้าวเดินต่อ

                แกรก

                ราวกับสัตว์ร้ายกระหายเลือด ดาบส่งเสียงเบาๆ

                ศรีกำลังไปหานางยักษ์

                ตึก

                เด็กหญิงได้มาเยือนแล้ว

                ---ชิ้ง---

                ดวงตาสีเลือดจ้องกับดวงตาสีดำที่ลอกแลกด้วยความระแวง นางยักษ์ตั้งท่าพร้อมกับดาบที่อยู่ในมือ

                “ฮึ! โดนไปขนาดนั้นยังมีแรงจะสู้อีกฤ?” นางแค่นเสียงเพื่อแสร้งว่านางไม่เกรงกลัว

                เนตรยันต์มรณะนางเองก็พอจะรู้จักว่ามีพลังขนาดไหน ---แต่ไม่นึกว่าจะมีพลังถึงเพียงนี้ แม้มันจะยังแค่มีฝนตกและอวัยวะภายใน ถึงจะมีว่าวจุฬาบังด้วยก็เถอะแต่หากปล่อยไว้ต่อไปมันได้คร่าชีวิตนางแน่ ไม่สิ ไม่ใช่เฉพาะแค่นางแต่รวมทั้งคนอื่นๆ ที่เป็นศัตรูด้วย

                นางยักษ์กลั้นหายใจด้วยความกลัวที่เพิ่มขึ้น ดวงตาเบิกโพลงอย่างตระหนก

                “…” 

                ศรีไม่ตอบนาง แต่ชูดาบข้างขวา            เลือดย้อมใบมีดให้กลายเป็นสีแดง ดวงตาสีเลือดจ้องนางยักษ์ไม่วางตา ขณะนั้นบริเวณที่นางยืนอยู่ก็มีฝนสีเลือด อวัยวะภายในและผิวหนังตกลงมามากมาย อวัยวะภายในทับถมกันจนบัง กาสะลองจ้องโดยไม่ละสายตา

                ทำไมมันถึงมีเฉพาะแค่นางยักษ์ล่ะ?

                นางอดแปลกใจไม่ได้เพราะมีว่าวบังฝนและเนื้ออยู่

                ศรีแสยะยิ้มพลางใช้ดาบเฉาะศีรษะนางยักษ์แล้วดันลงมาเฉือนสมอง ผ่านเส้นเลือด ผ่านหลอดลม ปอด กระเพาะ ลำไส้และส่วนอื่นๆ ที่สุดแล้วแต่ใครอยากจะนึกถึงด้วยความหวาดผวา

                “กะ… กะ… กรี๊ด…….!!!”

                “เฮ้ย!!!”

                 ยุพินกับเพื่อนในกลุ่มกรีดร้องออกมา บรรพตและเพื่อนผู้ชายหวีดเสียงด้วยเช่นกัน ร่างของนางยักษ์แบ่งเป็นสองซีก เลือดพุ่งออกมามาก มันกระเซ็นโดนศรี กาสะลอง แววไพรและพงสณะ คนอื่นๆ ไม่โดนเพราะตั้งหลักโจมตีไกลออกมา

                …ท่ามกลางความหวาดกลัวที่ห้อมล้อมด้วยอวัยวะภายในและฝนสีเลือด ทุกๆ คนตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก แม้บางคนจะตั้งสติได้แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดีกับสถานการณ์แบบนี้ ศรีแสยะยิ้มพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปาก เธอนั่งคุกเข่าข้างหนึ่งจากนั้นก็ใช้เล็บจิกกระชากเนื้อนางยักษ์จนเลือดกระเด็นออกมาอีกแล้วทานเนื้อรสคาวแต่เต็มไปด้วยความหวานสำหรับเธอ

                ราวกับอยู่ในความฝัน ศรีบดเนื้อด้วยฟันอย่างพึงพอใจ เลือดอุ่นๆไหลจากเนื้อส่งกลิ่นคาวจนแทบจะอาเจียน กาสะลองและเด็กๆ ต่างมอง พวกเขาไม่กล้าขยับไปไหนได้แต่มองศรีทานเนื้ออย่างหิวโหยราวกับอสูรที่ถูกจองจำไม่ได้ทานเนื้ออะไรเลยมาหลายร้อยปี

                “เจ้า…” กาสะลองพึมพำถึงศรี แต่เด็กหญิงมีท่าทีไม่ได้สนใจ หูของเธออื้อไปหมด ไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้นเว้นแต่เสียงหัวใจที่เต็นแรงและเสียงฟันเคี้ยวเนื้อ

                “อืม…” ศรีครางในลำคอด้วยความสุขสมในรสชาติของเนื้อนางยักษ์

                ระหว่างนั้นก็มีหญิงสาวนางหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านหลังโดยที่ไม่มีใครตั้งตัวแม้แต่กาสะลองเองก็ด้วย หญิงสาวสวมเสื้อลูกไม้คอตั้งแขนยาว ถือพัดด้วยมือขวาและถือร่มขอบลูกไม้ด้วยมือซ้าย นางยิ้มบางๆ กับร่างเล็กโชกเลือดที่กำลังกัดเนื้ออย่างเอร็ดอร่อย

                พลันแท่งเหล็กทั้ง ๕ ก็โผล่จากพัด  หญิงสาวนางนั้นใช้แท่งเหล็กลากไปมาในอากาศเหนือหลังของศรีพลางท่องมนต์ไปด้วยหลังจากนั้นก็มียันต์ปรากฏขึ้นมา

                ตึกตัก! ตึกตัก!!

                ศรีชะงักไปก่อนจะกุมอกด้วยความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นมากระทันหัน

                “กรี๊ด…!!!”

                ทั่วทั้งลานเงียบหริบ มีเพียงเสียงของเด็กหญิงเท่านั้นที่กรีดร้องดังก้องจนแสบแก้วหู

                ไม่มีใครปิดหู

                ทุกๆ คนหวาดผวาจนไม่กล้าทำอะไร

                ดวงตาสีแดงไหวไปมาก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีดำ เขี้ยวค่อยๆ หดหายไป ศรีเบิกตาค้าง ปากอ้าจะกรีดร้องแต่ก็ไม่มีเสียงออกมา

                ตุบ

                ร่างของเธอล้มลงนอนกับศพนางยักษ์ มีเสียงแผละตามมา จู่ๆ พลันฝนสีเลือดหยุดตกพร้อมๆ กับเนื้อชโลมเลือด

                มันไม่ได้ค่อยๆ หายไป แต่หายวับไปชั่วพริบตา

                กาสะลองก้มกายอุ้มศรีก่อนจะออกเดิน

                “นางยักษ์ตายแล้ว เพราะฉะนั้นพวกเจ้าก็มิมีความจำเป็นอะไรที่ต้องอยู่อีก” นางเอ่ยไม่ดังนักแต่มากพอที่จะให้ทุกคนได้ยิน ดินขาวพยักหน้าเบาๆ ขนมชั้นหลับตา

                ทุกคนเริ่มเคลื่อนไหวก่อนจะก้าวเดิน

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8.8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา