Tsundere ซึนอย่างนี้รักตายล่ะ!
7.0
เขียนโดย HaRUnA
วันที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 16.23 น.
4 บท
1 วิจารณ์
7,476 อ่าน
แก้ไขเมื่อ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2557 19.07 น. โดย เจ้าของนิยาย
4) วันแรกของการเปิดเทอม
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ณ บ้านของอาสุมะ ยูจิ และ อาสุมะ ซากุระ ซึ่งภายในบ้านอยู่กันเพียงสองคนพี่น้อง เนื่องจากพ่อและแม่ไปทำงานที่ต่างประเทศ
ปกติแล้วในตอนเช้าคนที่มีหน้าที่ทำอาหารคือยูจิซึ่งเป็นพี่ชายแต่เขาดันเป็นคนที่ตื่นสายซะงั้น ดังนั้นหน้าที่นี้จึงตกไปอยู่ที่น้องสาวแทน เธอมักตื่นก่อนเป็นคนแรกเสมอ เพราะเธอเป็นคนที่กระตือรือร้นไม่เหมือนพี่ชายของตนที่เป็นคนไม่เอาไหนและยังเป็น'นิคิโคโมริ'อีกด้วย
ซากุระมักจะมาปลุกพี่ชายหลังจากที่ทำอาหารเสร็จแล้วเป็นประจำแต่ทว่า ณ ตอนนี่........
_____กลับมีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง....
ยูจิและฮารุนะที่กำลังนั่งจ่องกันอยู่ตรงโต๊ะทานอาหารโดยมีซากุระนั่งอยู่ด้วยนั้นทำให้เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆยังไงชอบกล
เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ทำให้เธอต้องมาค้างที่บ้านของสองยูจิโดยที่หลับมาตลอดทางเพราะล้าจากความเหน็ดเหนื่อย แต่พอตื่นขึ้นมาก็มีเรื่องกับยูจิทันทีจึงทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
ซากุระรับความกดดันนี้ไม่ไหวจึงเอ่ยปากพูดออกมาเป็นคนแรกหลังจากที่นั่งเงียบมาซักระยะ
"คุณฮารุนะ ช่วยใจเย็นลงหน่อยจะได้ไหมคะ? เพื่อที่หนูกับพี่จะได้สามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ยังไงล่ะคะ?"
"........"
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากอีกฝ่าย........
"เฮ้อ~~~ พี่ก็ช่วยกล่อมเธอหน่อยสิ อย่างนี้เธอก็ไม่ยอมฟังกันพอดีและอีกอย่างพี่ก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกันนะ!"
คราวนี้หันมาถามทางพี่ชายบ้าง....
"แล้วจะทำยังไงล่ะ ยัยนั่นก็ไม่ยอมฟังพี่เลยซักนิดเหมือนกันแล้วจะให้กล่อมเธอยังไง แล้วพี่มีส่วนผิดตรงไหนเนี้ย?!"
__คิดผิดจริงๆที่ขอความช่วยเหรอจากพี่ ซากุระคิดเช่นนั้น
ระหว่างที่สองพี่น้องพูดคุยกัน อีกด้านฮารุนะก็แผ่รังสีอมหิตออกมาทำให้บรรยากาศแย่ลงไปอีก
หลักจากเรื่องเมื่อตอนเช้าฮารุนะก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์และไม่พูดคุยกับยูจิเลยจนถึงตอนนี้ เพราะเธอยังไม่เคลียเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เนื่องด้วยเธอจำอะไรไม่ได้เลยเพราะเธอหลับสนิทมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาที่บ้าน แต่ดูเหมือนซากุระจะอธิบายไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เช่นเดิม
ซากุระเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหลังจากที่ยูจิพาฮารุนะเข้ามาในบ้านแล้ว ยูจิมอบหน้าที่ดูแลให้กับน้องสาวโดยที่ตัวเองทำแค่ช่วยพยุงตัวแล้วพาฮารุนะไปนอนที่โซฟาที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขกจากนั้นก็ขึ้นห้องนอนโดยที่ไม่ได้ออกมาอีกเลยในคืนนั้น
ซากุระพยายามปลุกหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงไปหยิบผ้าห่มออกมาจากในห้องและก็ปลดชุดของฮารุนะออกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ดูอึดอันจนเกินไป
จากนัั้นก็ห่มผ้าให้จนแน่ใจแล้วว่าจะไม่หนาวในระหว่างที่หลับพร้อมกับปิดไฟแล้วขึ้นห้องนอนของตัวเองและไม่ได้ออกมาเหมือนกันจนถึงตอนเช้า เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
สรุปก็คือไม่มีใครรู้เรื่องหลังจากตรงนั้นเลยซักคน จึงทำให้ฮารุนะยังคงข้องใจในจุดนั้นอยู่
"อะ! จริงสิลืมไปซะสนิทเลย"
ยูจิที่จู่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังจนอีกสองคนรวมฮารุนะหันมามองด้วยความสงสัย
"วันนี้ถั่วงอกที่ร้านสะดวกซื้อมันลดราคานี่นา!"
"หะ?"
"ขอรีบไปซื้อก่อนนะ!"
ไม่ทันไรยูจิก็วิ่งพรวดออกไปที่หน้าประตูโดยไม่มีความลังเลยซักนิดว่า คนที่ยังอยู่ในห้องจะรู้สึกยังไง ซากุระพยายามจะหยุดแต่ก็....
"อะ! พี่เดี๋ยวก่อน...."
ไม่ทันซะแล้วเสียงประตูปิดดังขึ้นบ่งบอกว่าหยุดเอาไว้ไม่อยู่ ซากุระนั่งลงบนเก้าอี้และคอตกจนหัววางอยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับการกระทำของพี่ชาย
"เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?"
"ไม่หรอกค่ะ ปกติพี่ไม่ใช่คนที่จะวิ่งออกจากบ้านเหมือนเมื่อตะกี้หรอกนะคะ ปกติแล้ว........"
เหมือนซากุระจะนึกอะไรขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ปกติ เสียงที่ปกติจะเงียบในเวลานี่กลับได้ยินเสียงอย่างชัดเจน และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา....
"คุณฮารุนะ?"
"หืม.... มีอะไรเหรอ?"
เธอกำลังพูดอยู่.... เธอกำลังพูดอยู่! ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นั่งเงียบมาตลอดเนี้ยนะ! ซากุระไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นจึงถามออกไปเพื่อความแน่ใจ
"คุณฮารุนะไม่ได้กำลังอารมณ์เสียอยู่หลอกเหรอคะ ถึงได้กลับมาพูดเหมือนปกติน่ะค่ะ?"
เมื่อได้ยินคำถามนั้นฮารุนะก็ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับไป
"ก็นิดหน่อยอ่ะนะ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ"
"แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูดออกมาเลยล่ะคะ?"
ฮารุนะถอนหายใจอีกครั้งแล้วตอบกลับมา
"ตอนนี้ชั้นไม่อยากจะคุยกับหมอนั้นซักเท่าไหล่ และเห็นว่าหมอนั้นกำลังคิดว่าฉันกำลังโกรธอยู่จนไม่ยอมพูดด้วย ก็เลยเล่นตามน้ำนิดหน่อยน่ะ สะใจดี!"
"แล้วเมื่อคืนคุณฮารุนะจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?"
คำถามนี้ทำให้ฮารุนะหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ซากุระงงกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเธอแต่เพื่อหายความข้องใจ ฮารุนะจึงตอบกลับไป
"จริงๆแล้วเมื่อคืนนี้ชั้นตื่นขึ้นมากลางดึกน่ะเพราะอยากจะเข้าห้องน้ำ แล้วคงจะคิดว่าตอนนี้อยู่ที่บ้านของตัวเองเลยขึ้นไปที่ชั้นสองและเข้าไปในห้องนอน(ห้องของยูจิ)จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่เสื้อเชิดแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงเหมือนปกติ ตอนนั้นมันเพลียๆเลยจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่........
และเหมือนซากุระจะเข้าใจและรู้คำพูดที่ฮารุนะจะพูดต่อจากนั้นเธอจึงชิงตัดพูดขึ้นมาก่อน
"แต่แทนที่จะเป็นห้องนอนของตัวเองกลับกลายเป็นห้องนอนของพี่สินะคะ!"
ฮารุนะหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูและบิดตัวไปมาด้วยความอาย เพราะเธอเข้าใจผิดไปเองว่านี้คือบ้านและนั่นคือห้องนอนตังเอง จนเธอตื่นมาและพบความจริง จนอายเป็นอย่างมากและทำอะไรไม่ถูก
"ช่วยเก็บเป็นความลับหน่อยนะ ชั้นไม่อยากให้หมอนั้นรู้น่ะ"
ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงหูยูจิ คงไม่จบแค่ตรงนี้แน่
"ก็ได้ค่ะไม่มีปัญหา เรื่องหน้าอายแบบนี้อย่าให้อีพี่บ้านั่นรู้จะดีกว่า!"
ทั้งสองเหมือนจะเข้าใจซึ่งกันและกันและพูดคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน ซากุระเล่าเรื่องเกี่ยวกับพี่ที่ว่าเป็นคนไม่ชอบออกจากบ้าน(นิคิโคโมริ) ตื่นก็สายแถมยังทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องถึงจะมีด้านดีอยู่บ้างก็เถอะ
ส่วนฮารุนะก็เล่าเรื่องต่างๆให้ซากุระฟังรวมไปถึงตอนที่ได้พบกับยูจิครั้งแรกด้วย จนทั้งสองสนิทกันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันเลยทีเดียว
"กลับมาแล้ว!"
ยูจิกลับมาที่บ้านหลังจากที่วิ่งออกไปซื้อของลดราคาเมื่อตอนเช้า แต่พอกลับมาก็พบกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปภายในห้องครัว
"อะ! พี่กลับมาแล้วเหรอได้ของมารึปล่าว?"
คนที่ทักกลับมาเป็นคนแรกก็คือซากุระที่ตอนนี้กำลังจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อเที่ยงอยู่ในครัว
"ได้มาสิ ไม่ใช่แค่ถั่วงอกนะ ยังได้เนื้อและผักอื่นๆมาด้วย ถือว่าคุ้มเลยล่ะรอบนี้"
งั้นเย็นนี้กินหม้อไฟกันดีไหม น่าจะอร่อย"
"เอาตามนั้นแล้วกัน"
ยูจินำของที่ซื้อมาใส่ตู้เย็นให้เรียบร้อยและกำลังจะเดินออกไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ซะก่อน
"ไม่คิดจะทักมาทางนี้บ้างเลยรึไงกันยะ!"
ภายในห้องครัวนั้นไม่ได้มีแค่ซากุระเท่านั้นแต่ฮารุนะก็อยู่ด้วย ยูจิไม่ได้ทักฮารุนะตอนที่เข้ามาเพราะคงคิดว่ายังอารมณ์ไม่ดีอยู่จึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดด้วยแต่ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายทักมาก่อน เขาจึงต้องตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
"อะ..อ่าว เธอก็อยู่ด้วยเหรอเนี้ย โทษที โทษทีที่ไม่เห็น นึกว่าไม่อยู่"
"โกหกชัดๆ รู้ว่าเห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจใช่ไหมล่ะ"
เหมือนจะโดนเธอจับได้ซะแล้วสิ ยูจิจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อกลบเกลื่อน
"แล้วเธอเคลียแล้วเหรอเรื่องนั้นน่ะ?"
เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น ฮารุนะก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเพราะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมา แต่เธอก็สงบสติอารมณ์แล้วตอบกลับไป
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะชั้นไม่อยากจะจำเรื่องนั้น แค่รู้ว่านายไม่ได้ทำมิดีมิร้ายกับร่างกายของชั้นก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร"
เหมือนจะเคลียได้แล้วแต่เผื่อไว้ก่อนยูจิถามกลับไปว่า....
"แล้วถ้าฉันทำล่ะ?"
"ชั้นก็จะเจื๋อน'ไอนั่น'ของนายทิ้งยังไงล่ะ!"
เป็นคำตอบที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก จนยูจิคิดว่า
(ไม่ควรถามออกไปเลยจริงๆ)
เหมือนกับว่าด้านหลังของฮารุนะมีรังสีอมหิตออกมาที่หนักกว่าเมื่อตอนเช้าจนทำให้ยูจิรู้สึกขนลุก และคิดในใจว่า
(ดีจริงๆที่มันไม่เกิดขึ้นจริง) เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงยูจิคงได้ลงโลงแน่นอน
"หึหึ รีบใสหัวออกไปจากครัวได้แล้วอีตาโรคจิต"
ยูจิเดินออกไปตามคำไล่ของยัยฮารุนะพร้อมกับตอบกลับว่า "คร๊าบ คร๊าบ" แล้วหายเข้าไปในห้องนั่งเล่น ส่วนฮารุนะก็หันกลับมาช่วยซากุระทำอาหารต่ออย่างเฮฮาจนกระทั่งถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี
____เวลาผ่านไปไวเหมือนหายใจเข้าออก
ตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วหลังจากวันนั้น ฮารุนะได้กลับไปที่บ้านของตัวเองในรุ้งเช้าของวันต่อมาหลังจากที่ค้างคืนอยู่ที่บ้านของยูจิอีกหนึ่งคืนเพื่อคุยกับซากุระต่ออย่างสนุกสนาน ดังจนยูจิที่อยู่ห้องตรงข้ามได้ยินจนนอนไม่หลับ
แต่กลับกลายเป็นว่าเย็นวันนั้น เธอกลับมาที่บ้านยูจิอีกครั้งพร้อมกับเอาสัมภาระมาด้วยพร้อมกับบอกเหตุผลที่กลับมาว่า___
"แม่ย้ายไปอยู่กับพ่อที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ เพราะเห็นว่ามีคู่หมั่นแล้วเลยกะจะให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันซะเลย บ้านตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่แถมยังตัดน้ำตัดไฟอีกตากหากชั้นเลยต้องกลับมาอยู่กลับพวกเธอต่ออย่างช่วยไม่ได้...."
เป็นพ่อแม่ที่แปลกจริงๆที่ทำกับลูกตัวเองแบบนี้ได้ แต่ก็ไปว่าเขาไม่ได้เพราะตัวเองก็โดนมาเหมือนกัน ยูจิคิดอยู่ในใจ
ดังนั้นทั้งสามคนจึงอยู่ในบ้านเดียวกันอีกครั้ง ซากุระทำห้องที่ไม่ใช้แล้วตกแต่งใหม่ให้สวยงามให้ฮารุนะนอนที่นั้น ซึ่งห้องที่ว่าอยู่ติดกับห้องของยูจินั่นเอง แถมยังขู่ยูจิเอาไว้อีกว่า___
"ถ้านายแอบเข้าในห้องชั้นละก็.... ได้ตายดีแน่!"
หลายวันที่ผ่านทั้งสองก็ยังคงไม่ลงลอยกัน เถียงกันได้ทุกวี่ทุกวันไม่รู้จักเบื่อแต่ก็ไม่ได้แย่มากนักในความคิดของซากุระ เพราะเธอคิดว่าทำให้บ้านมีสีสันมากขึ้น
จนเวลาผ่านมาถึงวันเปิดภาคเรียนของยูจิในวันจันทร์อีกครั้ง เขาเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดนักเรียนสีขาว ผูกไท้สีแดงและสวมเสื้อไหมพรมสีน้ำตาลอ่อนทับเอาไว้อีกชั้นนึง และใส่กางเกงสีดำขายาว
และเมื่อเสร็จแล้วยูจิก็หยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาและเปิดประตูออกจากห้องไป
เมื่อเดินออกมาและปิดประตูแล้ว ก็มีคนเปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆตามมา
"อะ!... ฮารุนะแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ?"
ฮารุนะที่เดินออกจากประตูห้องของตัวเอง และเมื่อถูกยูจิทัก เธอจึงปิดประตูและหันมาตอบกลับด้วยใบหน้าปกติของเธอ....
"แล้วคิดว่าชั้นใส่อะไรอยู่ละ อ๋อ!นายคงกำลังจินตนาการถึงตอนที่ชั้นกำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ล่ะสิท่า ไอโรคจิต วิปริต หื่นกาม!"
นั่นแหละคือปกติสำหรับเธอ
"ไม่ใช่ซักหน่อยยัยบ้อง!"
ชุดที่ฮารุนะใส่นัั้นเป็นชุดนักเรียนสีขาวที่สวมเสื้อไหมพรมสีเทาทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง และมีโบว์สีแดงติดอยู่บนอก ใส่กระโปรงสีแดง ลายสก๊อตที่ทำออกมาดูดีและมีเสน่ซึ่งเข้ากับถุงเท้าสีดำยาวที่เธอกำลังใส่อยู่
ดูเผินๆแล้วอาจจะดูดีในสายตาของใครหลายๆคนที่พบเห็น
แต่สำหรับยูจิแล้วถือว่าเป็นชุดปกติ เพราะมันเป็นเครื่องแบบของโรงเรียนที่เขากำลังเรียนอยู่นั่นเอง
เนื่องจากฮารุนะจะต้องย้ายเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับยูจิ ด้วยเหตุที่ว่าทางบ้านบังคับมา........
"ไหนๆก็อยู่บ้านเดียวกันแล้ว ก็ต้องอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยสิ จะได้เพิ่มความสนิทสนมให้มากยิ่งขึ้น"
นั่นคือข้อความที่เขียนอยู่ในจดหมายที่ส่งถึงฮารุนะเมื่อ ห้าวันก่อน
"นี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ยยย!"
นั่นคือคำพูดแรกเมื่อเธอได้อ่านจดหมายฉบับนั้น ในตอนแรกเธอไม่ยอมรับเรื่องนี้ซักเท่าไหล่....
แต่พอเวลาผ่านไปทางโรงเรียนก็ส่งเครื่องแบบของเธอมาให้ ฮารุนะจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมย้ายโรงเรียนแต่โดยดีอย่างช่วยไม่ได้
"พี่คะ! คุณฮารุนะ! อาหารพร้อมแล้วนะคะรีบลงมากันได้แล้ว"
เมื่อได้ยินเสียงซากุระเรียกจากชั้นล่างการโต้เถียงของสองคนนี้ก็หยุดลงแต่เพียงเท่านั้น และทั้งสองก็เดินลงไปชั้นล่างตรงไปยังห้องครัว
หลังจากที่กินแซนวิชเป็นอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็เดินออกจากบ้านเพื่อเดินตรงไปโรงเรียนเป็นวันแรก
ในระหว่างที่เดินกันอยู่นั้นซากุระเห็นว่าบรรยากาศดูเงียบๆจึงเริ่มพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
"จะว่าไปแล้วคุณฮารุนะในชุดนักเรียนแบบนี้สวยจังเลยนะคะ!"
"อย่างงั้นเหรอ?"
ฮารุนะหน้าแดงเล็กน้อย สงสัยจะอายนิดหน่อยเพราะถูกชม
"แต่ชั้นว่าซากุระจังในชุดนี้น่ารักกว่าอีกนะ!"
ชุดนักเรียนที่ซากุระใส่อยู่นั้นก็คือชุดแบบเดียวกับของฮารุนะ แต่เครื่องแบบของม.ต้นนั้นมีสีของลายกระโปรงและโบว์ไม่เหมือนกับของม.ปลาย
สีของม.ปลายนั้นจะเป็นสีแดงทั้งกระโปลงและโบว์ส่วนของม.ต้นนั้นจะเป็นสีน้ำเงิน แต่ชุดของผู้ชายจะเปลี่ยนสีแค่ไท้เท่านั้น
จึงสามารถรู้ได้ว่าใครอยู่ม.ต้นหรือม.ปลาย ก็สามารถดูได้จากสีของเครื่องแบบที่สวมใส
"แต่ก็ยังไม่รู้เลยนะว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกันรึปล่าวน่ะ?"
ยูจิพูดขัดขึ้นมาระหว่างทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ และคำตอบที่ได้กลับมาคือ....
"เรื่องนั้นชั้นไม่รู้ด้วยหลอกย่ะ รอดูผลที่โรงเรียนเอาก็แล้วกันเดี๋ยวก็รู้เองแหละ!"
"เฮ้อ___"
ยูจิถอนหายใจออกมาเบาๆ
(ไม่เข้าใจความคิดของเธอเลยจริงๆ)
เขาคิดแบบนั้นจนกระทั่ง ทั้งสามคนเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าโรงเรียน
ด้านหน้าจะมีป้ายที่เป็นแผ่นหินสีดำเขียนด้วยตัวหนังสือสีทองขนาดใหญ่ว่า 'โรงเรียนยูกิคาเสะ'
โรงเรียนที่ฮารุนะจะต้องย้ายเข้าเรียนกับยูจิตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
หลักจากที่ยูจิแยกทางกับซากุระและฮารุนะที่ระเบียงทางเดินภายในตึกแล้วนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องเรียนที่จัดเอาไว้ โดยฮารุนะต้องเดินไปที่ห้องพักครูตามที่จดหมายระบุเอาไว้โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษานำทางไปให้
ณ ภายในห้องเรียนใหม่ในปีนี้ของยูจินั้น เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนใหม่ๆที่ย้ายเข้ามาเรียนในเทอมนี้เต็มห้องเรียนไปหมด แต่ยังดีที่ยังพอมีหน้าเก่าๆที่พอรู้จักอยู่บ้างบางคนจึงทำให้ยูจิสามารถทำตัวสบายๆเหมือนปกติได้ ตอนนี้เวลาเกือบจะแปดโมงแล้วยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ยูจิจึงเดินไปหลังห้องและเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ที่กำลังว่างอยู่ ที่นั่งที่เขาเลือกนั้นอยู่แถวหลังสุดริมหน้าต่างซึ่งเป็นที่นั่งประจำของยูจิตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่ง และเมื่อเขาเห็นว่าเข้าที่เข้าทางแล้วจึงเริ่มเอาอุปกรณ์เครื่องเขียนออกมาจากกระเป๋า.....
"โย่ว! ยูจิไม่ได้เจอกันนาน....!
"ค.... เคนจิ?!"
คนที่เข้ามาทักทายนั้นก็คือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของยูจินั่นเอง
อายาเสะ เคนจิ เป็นเพื่อนกับยูจิตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่งตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนวันแรก จึงทำให้ทั้งสองสนิทกันมากจนถึงตอนนี้
เคนจิมีผมสีเหลืองทองที่ดูมีเสน่เฉพาะตัวกับดวงตาสีแสงเหมือนทับทิมที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาคู่นั้น แต่เคนจินั้นลักษณะนิสัยออกจะนักเลงไปซักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เลวร้ายสำหรับยูจิมากนัก
"ตั้งแต่ปิดเทอมก็ติดต่อนายไม่ได้เลยนะยูจิ ทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้างล่ะ?"
"โทษที.. โทษที.. สงสัยโทรศัพท์จะปิดเสียงเอาไว้และวางไว้บนโต๊ะตลอดน่ะเลยไม่ได้เช็คประวัติการโทรเลย"
พอพูดแบบนั้นยูจิก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดเช็คประวัติการโทร......
__อายาเสะ เคนจิ : 42 ครั้งที่ไม่ได้รับสาย......
เรียกได้เลยว่า ไม่ได้เช็คจริงๆ ไม่ได้มีแค่ของเคนจิคนเดียวเท่านั้น ข้อความและเมลอื่นๆก็ไม่ได้เช็คเช่นกัน
เพราะไม่ได้ออกไปข้างนอกบ้านมากนักโทรศัพท์จึงแทบจะไม่ได้ใช่เลย ขนาดตอนโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ได้สังเกตุที่เมลเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งได้มาเห็นในวันนี้
"นายเนี้ยนะ หัดปรับตัวให้เข้ากับสังคมซะบ้างสิ"
"ขอโทษด้วยละกัน ที่ชั้นมันเป็นคนไม่เข้าสังคมน่ะ"
"เฮ้อ__ ตามใจนายก็แล้วกัน"
การสนทนาของทั้งสองมักเป็นแบบนี้เสมอ จึงทำให้ทั้งสองสนิทกันจนถึงตอนนี้
"ยูจิคุง.. เคนจิคุง.. อรุณสวัสดิ์!"
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายทั้งสองคน จากน้ำเสียงการพูดทักทายแบบนี้นั้นแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ทั้งสองรู้จักเป็นอย่างดี...
"ชิจัง!!!"
"ชิรานุอิ!!!"
____อิชิโนะ ชิรานุอิ หรือ ชิจัง....
เธอมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ปลอยยาวลงมาอย่างสวยงาม ดูมีสง่าราศรีเหมือนผืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์กับดวงตาสีฟ้าเข้มที่เหมือนกับสีทะเลน้ำลึกที่เห็นแล้วดูลึกลับ บุกคลิกภาพที่ร่าเริงของเธอที่สามารถเข้าได้กับทุกๆคน แถวหุ่นของเธอก็ได้รูปจนสวยงามส่วนเว้าส่วนโค้งเข้ากันจนลงตัว และยังเรียนเก่งจนอยู่อันดับต้นๆของชั้นปีอีกตากหาก
___อธิบายง่ายๆก็คงต้องเรียกว่า 'สมบูรณ์แบบ' กันเลยก็ว่าได้
"โถ่...เคนจิ! บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกชื่อเล่นตอนอยู่กันแค่ในกลุ่มไง"
"โทษที! โทษที! พอดีมันชินน่ะ"
"อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ ชั้นไม่ชอบนะ!"
เธอทำหน้าบูดบึ่งไม่สบอารมณ์ใส่เคนจิ...
"จ้าๆ ความหน้าจะไม่มีอีกแล้วครับผม"
"หมอนี่เหมืิอนจะยังไม่เข็ดแหะ..."
"แล้วจะบอกเขาทำไมเล่า!"
"โถ่.... จริงๆเลยนะนายน่ะ"
ชิรานุอิหรือที่พวกเราเรียกกันย่อๆว่า'ชิจัง'เป็นชื่อที่ผมกับเคนจิตั้งขึ้นมาเล่นๆ เพราะชื่อ'ชิรานุอิ'ออกจะยาวไปซักหน่อยเวลาเรียกหรือทักทาย จึงเรียกสั้นๆว่า'ชิจัง'แต่แบบนั้นอาจจะไม่ยุติธรรมซักเท่าไหล่ที่ตั้งชื่อเล่นให้เธอแบบนั้นอยู่ฝ่ายเดียว ชิรานุอิจึงตั้งชื่อเล่นให้กับทั้งสองคนด้วยเพื่อความเท่าเทียม
จาก'ยูจิ'เป็น'ยูคุง' ส่วน'เคนจิ'ก็เป็น'เคนจัง' เป็นชื่อเล่นที่ดูตลกมากแถมน่ารักอีกตากหาก
ทั้งสามคนจะเรียกชื่อเล่นเฉพาะตอนที่อยู่กันแค่สามคนเท่านั้น เคนจิจึงถูกชิรานุอิตำหนิตอนที่เผลอเรียกชื่อเล่นไปเมื่อกี้....
ครืด___
"เอาล่ะจะเริ่มโฮมลูมกันแล้วนะ ไปนั่งที่ให้เรียบร้อยกันได้แล้ว!"
"คร๊าบบบ/ค่าาา"
เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาภายในห้องเรียน จากตอนแรกที่คนอื่นๆนั่งจับกลุ่มคุยกันเมื่อซักครู่นี้ก็ค่อยๆทยอยเดินเข้าประจำที่นั่งของตัวเองตามระเบียบ
เคนจิและชิรานุอิก็เช่นกันทั้งสองก็เดินหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่ซึ่งไม่ไกลมากนัก ส่วนยูจิก็แค่หันหน้าเข้าหากระดานดำเพื่อเตรียมฟังอาจารย์โฮมลูมในวันแรกของปีนี้....
[10.30น.]
"เอาล่ะการโฮมรูมในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอมจึงทำให้ไม่มีการเรียนการสอนในวันนี้ นักเรียนสามารถกลับบ้านได้เลยนะจ๊ะ เอาล่ะตัวแทนหัวหน้าห้องบอกทำความเคารพได้เลยจ่ะ"
"ตรง! ทำความเคารพ!"
"ขอบคุณครับ/ค่ะ"
เมื่ออาจารย์โฮมรูมกับแนะแนวการเรียนการสอนเสร็จก็เดินออกจากห้องเรียนไป ยูจิก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อที่จะไปห้องน้ำ ส่วนเคนจิและชิรานุอิก็กำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนใหม่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน
ยูจิเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบการเข้าสังคมกับคนอื่นๆมากนัก เขาจึงเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจคนอื่นๆที่กำลังนั่งคุยกัน
เมื่อยูจิเดินออกมาจากห้องน้ำชายที่ห่างจากห้องเรียนของยูจิประมาณสามถึงสี่ห้องแล้วนั้น ก็เจอกับฮารุนะที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำหญิงพอดิบพอดี
"อ่าว! ไหนเธอมาอยู่นี่หล่ะ?"
"ถามมาได้ ก็เห็นอยู่ว่ากำลังจะเข้าห้องน้ำอยู่ไม่ใช่รึไง..."
เธอสวนกลับมาเหมือนเมื่อเช้าเปะๆไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมซักนิด
"...อ๋อ! นี่นายคงคิดที่จะทำมิดีมิร้ายกับชั้นในห้องน้ำใช่ไหมล่ะ อีตาบ้าหื่นกาม!"
"ใช่ที่ไหนกันเล่า__ โถ่! ก็เห็นเธอไปที่ห้องพักครูตั้งแต่เช้าเลยคิดว่าเธอจะได้ไปอยู่ห้องไหนก็แค่นั้นแหละ"
"แล้วไป... จริงๆชั้นยังรู้หรอกว่าจะได้อยู่ห้องไหนน่ะ พอไปถึงห้องพักครูก็ต้องเขียนข้อมูลการย้ายมาเรียนที่นี่เพิ่มเติมอีกเพราะแม่ของชั้นส่งรายระเอียดมาไม่ครบ แถมพอเสร็จก็ต้องไปพบผู้อำนวยการโรงเรียนที่ห้องอีกและนี่ก็เพิ่งจะคุยกันเสร็จไปเอง พอออกมาแล้วก็เลยแวะมาเข้าห้องน้ำก่อนน่ะ... เป็นไงแค่นี้พอที่จะทำให้นายเข้าใจได้รึยัง?"
"คร๊าบๆ เข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะ"
"งั้นก็หลบทางไปได้แล้ว คนเขาจะเข้าห้องน้ำย่ะ!"
"........"
เมื่อถูกบอกเช่นนั้นยูจิจึงเดินหลบทางให้ เพราะเขายืนขวางทางเข้าห้องน้ำหญิงอยู่พอดี
หลังจากแยกทางกับฮารุนะที่หน้าห้องน้ำแล้วนั้น ยูจิก็นั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ภายในห้องเรียนโดยที่เขาก็ไม่ได้คุยกับใครเลยรวมถึงเคนจิและชิรานุอิด้วย เขาจึงเอาหูฟังขึ้นมาใส่หูและเปิดฟังเพลงจนถึงตอนเวลาเที่ยงตรง เนื่องจากวันนี้ไม่มีการเรียนการสอนยกเว้นในคาบแรกที่มีการโฮมรูมไปเมื่อเช้านี้ ทำให้คาบเรียนในช่วงบ่ายว่างไปโดยปริยายจึงทำให้สามารถกลับบ้านได้เลยตั้งแต่คาบบ่ายเป็นต้นไป
ยูจิจึงรีบเก็บของใส่กระเป๋าและเดินออกจากโรงเรียนตรงกลับบ้านทันทีอย่างไม่ลังเล...
เมื่อกลับมาถึงบ้าน... ซากุระที่กำลังทำอาหารอยู่นั้นก็หันมาทักทายพี่ชายที่กำลังเดินเข้ามาในห้องครัว
"กลับมาไวจังเลยนะคะพี่?"
"เธอก็เหมือนกันนั่นแหละกลับมาก่อนพี่อีกนะ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหล่ล่ะ?"
"ถึงก่อนพี่แค่สิบนาทีเอง... แล้วคุณฮารุนะล่ะคะ?"
"เห็นว่ายังกรอกเอกสารเรื่องการย้ายมาเรียนยังไม่เสร็จก็เลยต้องอยู่ต่อน่ะ คงประมาณบ่ายๆก็คงจะกลับแล้วล่ะมั้ง!"
"งั้นเหรอคะ..."
เมื่อซากุระหมดคำถามแล้วก็หันกลับไปสนใจทำอาหารต่อ ยูจิเห็นเช่นนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น หย่อนตัวลงมายังโซฟานุ่มๆก่อนที่กดปุ่มบนรีโหมดทีวีเพื่อเปลี่ยนช่อง....
....เวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาสี่โมงกว่าๆฮารุนะก็ยังไม่กลับบ้าน ข้าวหน้าแกงกระหรี่ที่ซากุระทำเอาไว้ตั้งแต่งเที่ยงตอนนี้เย็นชืดหมดแล้ว จนเริ่มทำให้รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
"คุณฮารุนะช้าจังเลยนะคะ? เย็นขนาดนี้แล้วไปอยู่ที่ไหนกันน้า...."
ซากุระที่นั่งอยู่ข้างๆยูจิบนโซฟาพูดทักขึ้นมาด้วยใบหน้าที่มีแต่ความกังวล
"นั่นสินะ แค่กรอกเอกสารการย้ายเข้าเรียนไม่น่าจะนานถึงขนาดนี้ คงใกล้ที่จะถึงบ้านแล้วมั้ง?"
ยูจิพูดตอบกลับไปแบบนั้นเพื่อปลอบใจแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย กลับทำให้บรรยากาศแย่ลงไปอีก
ซากุระที่นั่งอยู่ข้างๆยูจิค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ (คงจะเพลียมากเลยสินะ) ยูจิคิดเช่นนั้นเมื่อเหลือบไปเห็น จากนั้นเธอก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลงจนสนิทและหลับไปทั้งๆอย่างนั้น
ยูจิจัดท่านอนให้กับน้องสาวให้นอนบนโซฟาอย่างสบายๆ จากนั้นก็หยิบผ้าห่มออกมาแล้วห่มให้กับซากุระเพื่อไม่ให้เธอหนาวแล้วหันเหลือบไปมองที่นาฬิกาเหนือทีวี
ตอนนี้ก็เกือบจะสี่โมงครึ่งแล้วยัยนั้นก็ยังไม่กลับมาอีก (หลงทางรึปล่าวนะ?) ยูจิหันไปหาน้องสาวที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ
(..........เฮ้อ! ให้ตายสิ ชอบก่อปัญหาซะจริงเลยนะยัยนั้นน่ะ)
ยูจิเกาศรีษะไปมาก่อนที่จะเดินไปใส่รองเท้าที่หน้าประตูจากนั้นก็วิ่งออกจากบ้านไป จุดหมายคือโรงเรียนยูกิคาเสะ........
"นั่นนายกำลังวิ่งไปไหนของนายน่ะ?"
"....เอะ!?"
ยูจิเกือบจะสะดุดหกล้มลงกับพื้นเพราะหยุดวิ่งกระทันหันจากเสียงที่คุ้นเคย....
"ฮ... ฮารุนะ!!!"
"เป็นอะไรไป ทำหน้ายังกะเห็นผี?"
"อ้าว!... ก็นึกว่า...."
"คิดว่าคนอย่างชั้นจะหลงทางง่ายๆรึไงกันยะ? ชั้นจำทางได้ตั้งแต่ตอนมาครั้งแรกแล้วล่ะ"
"ก็เห็นกลับมาช้าเลยคิดว่า...."
"ชั้นเสร็จตั้งแต่บ่ายๆแล้วล่ะตาทึ่ม ครูคนไหนเขาจะบ้ากักนักเรียนย้ายมาใหม่จนถึงเย็นกันล่ะฮะ?!"
"ก็มัน...."
"รีบกลับเข้าไปในบ้านกันเถอะ หิวจะแย่อยู่แล้วเนี้ย!"
เมื่อเธอพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้ยูจิที่กำลังมึนงงยื่นนิ่งอยู่ข้างนอกเพียงลำพังท่ามกลางแสงสีแสดของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าไป........
"หัดฟังคนอื่นเข้าบ้างเซ่!!!!"
***************
ปกติแล้วในตอนเช้าคนที่มีหน้าที่ทำอาหารคือยูจิซึ่งเป็นพี่ชายแต่เขาดันเป็นคนที่ตื่นสายซะงั้น ดังนั้นหน้าที่นี้จึงตกไปอยู่ที่น้องสาวแทน เธอมักตื่นก่อนเป็นคนแรกเสมอ เพราะเธอเป็นคนที่กระตือรือร้นไม่เหมือนพี่ชายของตนที่เป็นคนไม่เอาไหนและยังเป็น'นิคิโคโมริ'อีกด้วย
ซากุระมักจะมาปลุกพี่ชายหลังจากที่ทำอาหารเสร็จแล้วเป็นประจำแต่ทว่า ณ ตอนนี่........
_____กลับมีบรรยากาศที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง....
ยูจิและฮารุนะที่กำลังนั่งจ่องกันอยู่ตรงโต๊ะทานอาหารโดยมีซากุระนั่งอยู่ด้วยนั้นทำให้เธอสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแปลกๆยังไงชอบกล
เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ทำให้เธอต้องมาค้างที่บ้านของสองยูจิโดยที่หลับมาตลอดทางเพราะล้าจากความเหน็ดเหนื่อย แต่พอตื่นขึ้นมาก็มีเรื่องกับยูจิทันทีจึงทำให้ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
ซากุระรับความกดดันนี้ไม่ไหวจึงเอ่ยปากพูดออกมาเป็นคนแรกหลังจากที่นั่งเงียบมาซักระยะ
"คุณฮารุนะ ช่วยใจเย็นลงหน่อยจะได้ไหมคะ? เพื่อที่หนูกับพี่จะได้สามารถอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ยังไงล่ะคะ?"
"........"
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมาจากอีกฝ่าย........
"เฮ้อ~~~ พี่ก็ช่วยกล่อมเธอหน่อยสิ อย่างนี้เธอก็ไม่ยอมฟังกันพอดีและอีกอย่างพี่ก็มีส่วนผิดด้วยเช่นกันนะ!"
คราวนี้หันมาถามทางพี่ชายบ้าง....
"แล้วจะทำยังไงล่ะ ยัยนั่นก็ไม่ยอมฟังพี่เลยซักนิดเหมือนกันแล้วจะให้กล่อมเธอยังไง แล้วพี่มีส่วนผิดตรงไหนเนี้ย?!"
__คิดผิดจริงๆที่ขอความช่วยเหรอจากพี่ ซากุระคิดเช่นนั้น
ระหว่างที่สองพี่น้องพูดคุยกัน อีกด้านฮารุนะก็แผ่รังสีอมหิตออกมาทำให้บรรยากาศแย่ลงไปอีก
หลักจากเรื่องเมื่อตอนเช้าฮารุนะก็ทำหน้าไม่สบอารมณ์และไม่พูดคุยกับยูจิเลยจนถึงตอนนี้ เพราะเธอยังไม่เคลียเรื่องสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เนื่องด้วยเธอจำอะไรไม่ได้เลยเพราะเธอหลับสนิทมาตั้งแต่ก่อนที่จะมาที่บ้าน แต่ดูเหมือนซากุระจะอธิบายไปส่วนหนึ่งแล้ว แต่เธอก็ยังอารมณ์ไม่ดีอยู่เช่นเดิม
ซากุระเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนหลังจากที่ยูจิพาฮารุนะเข้ามาในบ้านแล้ว ยูจิมอบหน้าที่ดูแลให้กับน้องสาวโดยที่ตัวเองทำแค่ช่วยพยุงตัวแล้วพาฮารุนะไปนอนที่โซฟาที่ตั้งอยู่ในห้องรับแขกจากนั้นก็ขึ้นห้องนอนโดยที่ไม่ได้ออกมาอีกเลยในคืนนั้น
ซากุระพยายามปลุกหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล เธอจึงไปหยิบผ้าห่มออกมาจากในห้องและก็ปลดชุดของฮารุนะออกเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ดูอึดอันจนเกินไป
จากนัั้นก็ห่มผ้าให้จนแน่ใจแล้วว่าจะไม่หนาวในระหว่างที่หลับพร้อมกับปิดไฟแล้วขึ้นห้องนอนของตัวเองและไม่ได้ออกมาเหมือนกันจนถึงตอนเช้า เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น
สรุปก็คือไม่มีใครรู้เรื่องหลังจากตรงนั้นเลยซักคน จึงทำให้ฮารุนะยังคงข้องใจในจุดนั้นอยู่
"อะ! จริงสิลืมไปซะสนิทเลย"
ยูจิที่จู่ๆก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้พร้อมกับตะโกนออกมาเสียงดังจนอีกสองคนรวมฮารุนะหันมามองด้วยความสงสัย
"วันนี้ถั่วงอกที่ร้านสะดวกซื้อมันลดราคานี่นา!"
"หะ?"
"ขอรีบไปซื้อก่อนนะ!"
ไม่ทันไรยูจิก็วิ่งพรวดออกไปที่หน้าประตูโดยไม่มีความลังเลยซักนิดว่า คนที่ยังอยู่ในห้องจะรู้สึกยังไง ซากุระพยายามจะหยุดแต่ก็....
"อะ! พี่เดี๋ยวก่อน...."
ไม่ทันซะแล้วเสียงประตูปิดดังขึ้นบ่งบอกว่าหยุดเอาไว้ไม่อยู่ ซากุระนั่งลงบนเก้าอี้และคอตกจนหัววางอยู่บนโต๊ะแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่กับการกระทำของพี่ชาย
"เขาเป็นแบบนี้ตลอดเลยเหรอ?"
"ไม่หรอกค่ะ ปกติพี่ไม่ใช่คนที่จะวิ่งออกจากบ้านเหมือนเมื่อตะกี้หรอกนะคะ ปกติแล้ว........"
เหมือนซากุระจะนึกอะไรขึ้นมาได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ปกติ เสียงที่ปกติจะเงียบในเวลานี่กลับได้ยินเสียงอย่างชัดเจน และเมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมา....
"คุณฮารุนะ?"
"หืม.... มีอะไรเหรอ?"
เธอกำลังพูดอยู่.... เธอกำลังพูดอยู่! ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้นั่งเงียบมาตลอดเนี้ยนะ! ซากุระไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เห็นจึงถามออกไปเพื่อความแน่ใจ
"คุณฮารุนะไม่ได้กำลังอารมณ์เสียอยู่หลอกเหรอคะ ถึงได้กลับมาพูดเหมือนปกติน่ะค่ะ?"
เมื่อได้ยินคำถามนั้นฮารุนะก็ถอนหายใจเล็กน้อยก่อนที่จะตอบกลับไป
"ก็นิดหน่อยอ่ะนะ ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ"
"แล้วทำไมก่อนหน้านี้ถึงไม่พูดออกมาเลยล่ะคะ?"
ฮารุนะถอนหายใจอีกครั้งแล้วตอบกลับมา
"ตอนนี้ชั้นไม่อยากจะคุยกับหมอนั้นซักเท่าไหล่ และเห็นว่าหมอนั้นกำลังคิดว่าฉันกำลังโกรธอยู่จนไม่ยอมพูดด้วย ก็เลยเล่นตามน้ำนิดหน่อยน่ะ สะใจดี!"
"แล้วเมื่อคืนคุณฮารุนะจำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ?"
คำถามนี้ทำให้ฮารุนะหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที ซากุระงงกับอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของเธอแต่เพื่อหายความข้องใจ ฮารุนะจึงตอบกลับไป
"จริงๆแล้วเมื่อคืนนี้ชั้นตื่นขึ้นมากลางดึกน่ะเพราะอยากจะเข้าห้องน้ำ แล้วคงจะคิดว่าตอนนี้อยู่ที่บ้านของตัวเองเลยขึ้นไปที่ชั้นสองและเข้าไปในห้องนอน(ห้องของยูจิ)จากนั้นก็ถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่เสื้อเชิดแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงเหมือนปกติ ตอนนั้นมันเพลียๆเลยจำอะไรไม่ได้มากนัก แต่........
และเหมือนซากุระจะเข้าใจและรู้คำพูดที่ฮารุนะจะพูดต่อจากนั้นเธอจึงชิงตัดพูดขึ้นมาก่อน
"แต่แทนที่จะเป็นห้องนอนของตัวเองกลับกลายเป็นห้องนอนของพี่สินะคะ!"
ฮารุนะหน้าแดงก่ำจนถึงใบหูและบิดตัวไปมาด้วยความอาย เพราะเธอเข้าใจผิดไปเองว่านี้คือบ้านและนั่นคือห้องนอนตังเอง จนเธอตื่นมาและพบความจริง จนอายเป็นอย่างมากและทำอะไรไม่ถูก
"ช่วยเก็บเป็นความลับหน่อยนะ ชั้นไม่อยากให้หมอนั้นรู้น่ะ"
ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงหูยูจิ คงไม่จบแค่ตรงนี้แน่
"ก็ได้ค่ะไม่มีปัญหา เรื่องหน้าอายแบบนี้อย่าให้อีพี่บ้านั่นรู้จะดีกว่า!"
ทั้งสองเหมือนจะเข้าใจซึ่งกันและกันและพูดคุยกันต่ออย่างสนุกสนาน ซากุระเล่าเรื่องเกี่ยวกับพี่ที่ว่าเป็นคนไม่ชอบออกจากบ้าน(นิคิโคโมริ) ตื่นก็สายแถมยังทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องถึงจะมีด้านดีอยู่บ้างก็เถอะ
ส่วนฮารุนะก็เล่าเรื่องต่างๆให้ซากุระฟังรวมไปถึงตอนที่ได้พบกับยูจิครั้งแรกด้วย จนทั้งสองสนิทกันแทบจะเรียกได้ว่าเป็นพี่น้องกันเลยทีเดียว
"กลับมาแล้ว!"
ยูจิกลับมาที่บ้านหลังจากที่วิ่งออกไปซื้อของลดราคาเมื่อตอนเช้า แต่พอกลับมาก็พบกับบรรยากาศที่เปลี่ยนไปภายในห้องครัว
"อะ! พี่กลับมาแล้วเหรอได้ของมารึปล่าว?"
คนที่ทักกลับมาเป็นคนแรกก็คือซากุระที่ตอนนี้กำลังจัดเตรียมอาหารสำหรับมื้อเที่ยงอยู่ในครัว
"ได้มาสิ ไม่ใช่แค่ถั่วงอกนะ ยังได้เนื้อและผักอื่นๆมาด้วย ถือว่าคุ้มเลยล่ะรอบนี้"
งั้นเย็นนี้กินหม้อไฟกันดีไหม น่าจะอร่อย"
"เอาตามนั้นแล้วกัน"
ยูจินำของที่ซื้อมาใส่ตู้เย็นให้เรียบร้อยและกำลังจะเดินออกไปนั่งที่ห้องนั่งเล่นแต่ก็ถูกหยุดเอาไว้ซะก่อน
"ไม่คิดจะทักมาทางนี้บ้างเลยรึไงกันยะ!"
ภายในห้องครัวนั้นไม่ได้มีแค่ซากุระเท่านั้นแต่ฮารุนะก็อยู่ด้วย ยูจิไม่ได้ทักฮารุนะตอนที่เข้ามาเพราะคงคิดว่ายังอารมณ์ไม่ดีอยู่จึงหลีกเลี่ยงที่จะพูดด้วยแต่ตอนนี้เธอเป็นฝ่ายทักมาก่อน เขาจึงต้องตอบกลับไปอย่างช่วยไม่ได้
"อะ..อ่าว เธอก็อยู่ด้วยเหรอเนี้ย โทษที โทษทีที่ไม่เห็น นึกว่าไม่อยู่"
"โกหกชัดๆ รู้ว่าเห็นแต่ทำเป็นไม่สนใจใช่ไหมล่ะ"
เหมือนจะโดนเธอจับได้ซะแล้วสิ ยูจิจึงเปลี่ยนเรื่องคุยเพื่อกลบเกลื่อน
"แล้วเธอเคลียแล้วเหรอเรื่องนั้นน่ะ?"
เมื่อได้ยินคำถามเช่นนั้น ฮารุนะก็หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเพราะนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนขึ้นมา แต่เธอก็สงบสติอารมณ์แล้วตอบกลับไป
"เรื่องนั้นช่างมันเถอะชั้นไม่อยากจะจำเรื่องนั้น แค่รู้ว่านายไม่ได้ทำมิดีมิร้ายกับร่างกายของชั้นก็ถือว่าไม่มีปัญหาอะไร"
เหมือนจะเคลียได้แล้วแต่เผื่อไว้ก่อนยูจิถามกลับไปว่า....
"แล้วถ้าฉันทำล่ะ?"
"ชั้นก็จะเจื๋อน'ไอนั่น'ของนายทิ้งยังไงล่ะ!"
เป็นคำตอบที่น่ากลัวเป็นอย่างมาก จนยูจิคิดว่า
(ไม่ควรถามออกไปเลยจริงๆ)
เหมือนกับว่าด้านหลังของฮารุนะมีรังสีอมหิตออกมาที่หนักกว่าเมื่อตอนเช้าจนทำให้ยูจิรู้สึกขนลุก และคิดในใจว่า
(ดีจริงๆที่มันไม่เกิดขึ้นจริง) เพราะถ้ามันเกิดขึ้นจริงยูจิคงได้ลงโลงแน่นอน
"หึหึ รีบใสหัวออกไปจากครัวได้แล้วอีตาโรคจิต"
ยูจิเดินออกไปตามคำไล่ของยัยฮารุนะพร้อมกับตอบกลับว่า "คร๊าบ คร๊าบ" แล้วหายเข้าไปในห้องนั่งเล่น ส่วนฮารุนะก็หันกลับมาช่วยซากุระทำอาหารต่ออย่างเฮฮาจนกระทั่งถึงเวลาอาหารกลางวันพอดี
____เวลาผ่านไปไวเหมือนหายใจเข้าออก
ตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วหลังจากวันนั้น ฮารุนะได้กลับไปที่บ้านของตัวเองในรุ้งเช้าของวันต่อมาหลังจากที่ค้างคืนอยู่ที่บ้านของยูจิอีกหนึ่งคืนเพื่อคุยกับซากุระต่ออย่างสนุกสนาน ดังจนยูจิที่อยู่ห้องตรงข้ามได้ยินจนนอนไม่หลับ
แต่กลับกลายเป็นว่าเย็นวันนั้น เธอกลับมาที่บ้านยูจิอีกครั้งพร้อมกับเอาสัมภาระมาด้วยพร้อมกับบอกเหตุผลที่กลับมาว่า___
"แม่ย้ายไปอยู่กับพ่อที่ทำงานอยู่ต่างประเทศ เพราะเห็นว่ามีคู่หมั่นแล้วเลยกะจะให้ย้ายไปอยู่ด้วยกันซะเลย บ้านตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่แถมยังตัดน้ำตัดไฟอีกตากหากชั้นเลยต้องกลับมาอยู่กลับพวกเธอต่ออย่างช่วยไม่ได้...."
เป็นพ่อแม่ที่แปลกจริงๆที่ทำกับลูกตัวเองแบบนี้ได้ แต่ก็ไปว่าเขาไม่ได้เพราะตัวเองก็โดนมาเหมือนกัน ยูจิคิดอยู่ในใจ
ดังนั้นทั้งสามคนจึงอยู่ในบ้านเดียวกันอีกครั้ง ซากุระทำห้องที่ไม่ใช้แล้วตกแต่งใหม่ให้สวยงามให้ฮารุนะนอนที่นั้น ซึ่งห้องที่ว่าอยู่ติดกับห้องของยูจินั่นเอง แถมยังขู่ยูจิเอาไว้อีกว่า___
"ถ้านายแอบเข้าในห้องชั้นละก็.... ได้ตายดีแน่!"
หลายวันที่ผ่านทั้งสองก็ยังคงไม่ลงลอยกัน เถียงกันได้ทุกวี่ทุกวันไม่รู้จักเบื่อแต่ก็ไม่ได้แย่มากนักในความคิดของซากุระ เพราะเธอคิดว่าทำให้บ้านมีสีสันมากขึ้น
จนเวลาผ่านมาถึงวันเปิดภาคเรียนของยูจิในวันจันทร์อีกครั้ง เขาเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดนักเรียนสีขาว ผูกไท้สีแดงและสวมเสื้อไหมพรมสีน้ำตาลอ่อนทับเอาไว้อีกชั้นนึง และใส่กางเกงสีดำขายาว
และเมื่อเสร็จแล้วยูจิก็หยิบกระเป๋านักเรียนขึ้นมาและเปิดประตูออกจากห้องไป
เมื่อเดินออกมาและปิดประตูแล้ว ก็มีคนเปิดประตูออกมาจากห้องข้างๆตามมา
"อะ!... ฮารุนะแต่งตัวเสร็จแล้วเหรอ?"
ฮารุนะที่เดินออกจากประตูห้องของตัวเอง และเมื่อถูกยูจิทัก เธอจึงปิดประตูและหันมาตอบกลับด้วยใบหน้าปกติของเธอ....
"แล้วคิดว่าชั้นใส่อะไรอยู่ละ อ๋อ!นายคงกำลังจินตนาการถึงตอนที่ชั้นกำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ล่ะสิท่า ไอโรคจิต วิปริต หื่นกาม!"
นั่นแหละคือปกติสำหรับเธอ
"ไม่ใช่ซักหน่อยยัยบ้อง!"
ชุดที่ฮารุนะใส่นัั้นเป็นชุดนักเรียนสีขาวที่สวมเสื้อไหมพรมสีเทาทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง และมีโบว์สีแดงติดอยู่บนอก ใส่กระโปรงสีแดง ลายสก๊อตที่ทำออกมาดูดีและมีเสน่ซึ่งเข้ากับถุงเท้าสีดำยาวที่เธอกำลังใส่อยู่
ดูเผินๆแล้วอาจจะดูดีในสายตาของใครหลายๆคนที่พบเห็น
แต่สำหรับยูจิแล้วถือว่าเป็นชุดปกติ เพราะมันเป็นเครื่องแบบของโรงเรียนที่เขากำลังเรียนอยู่นั่นเอง
เนื่องจากฮารุนะจะต้องย้ายเข้าไปเรียนที่โรงเรียนเดียวกันกับยูจิ ด้วยเหตุที่ว่าทางบ้านบังคับมา........
"ไหนๆก็อยู่บ้านเดียวกันแล้ว ก็ต้องอยู่โรงเรียนเดียวกันด้วยสิ จะได้เพิ่มความสนิทสนมให้มากยิ่งขึ้น"
นั่นคือข้อความที่เขียนอยู่ในจดหมายที่ส่งถึงฮารุนะเมื่อ ห้าวันก่อน
"นี่มันเรื่องอะไรกันเนี้ยยย!"
นั่นคือคำพูดแรกเมื่อเธอได้อ่านจดหมายฉบับนั้น ในตอนแรกเธอไม่ยอมรับเรื่องนี้ซักเท่าไหล่....
แต่พอเวลาผ่านไปทางโรงเรียนก็ส่งเครื่องแบบของเธอมาให้ ฮารุนะจึงไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับและทำใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น และยอมย้ายโรงเรียนแต่โดยดีอย่างช่วยไม่ได้
"พี่คะ! คุณฮารุนะ! อาหารพร้อมแล้วนะคะรีบลงมากันได้แล้ว"
เมื่อได้ยินเสียงซากุระเรียกจากชั้นล่างการโต้เถียงของสองคนนี้ก็หยุดลงแต่เพียงเท่านั้น และทั้งสองก็เดินลงไปชั้นล่างตรงไปยังห้องครัว
หลังจากที่กินแซนวิชเป็นอาหารเช้าเสร็จแล้ว ทั้งสามคนก็เดินออกจากบ้านเพื่อเดินตรงไปโรงเรียนเป็นวันแรก
ในระหว่างที่เดินกันอยู่นั้นซากุระเห็นว่าบรรยากาศดูเงียบๆจึงเริ่มพูดเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
"จะว่าไปแล้วคุณฮารุนะในชุดนักเรียนแบบนี้สวยจังเลยนะคะ!"
"อย่างงั้นเหรอ?"
ฮารุนะหน้าแดงเล็กน้อย สงสัยจะอายนิดหน่อยเพราะถูกชม
"แต่ชั้นว่าซากุระจังในชุดนี้น่ารักกว่าอีกนะ!"
ชุดนักเรียนที่ซากุระใส่อยู่นั้นก็คือชุดแบบเดียวกับของฮารุนะ แต่เครื่องแบบของม.ต้นนั้นมีสีของลายกระโปรงและโบว์ไม่เหมือนกับของม.ปลาย
สีของม.ปลายนั้นจะเป็นสีแดงทั้งกระโปลงและโบว์ส่วนของม.ต้นนั้นจะเป็นสีน้ำเงิน แต่ชุดของผู้ชายจะเปลี่ยนสีแค่ไท้เท่านั้น
จึงสามารถรู้ได้ว่าใครอยู่ม.ต้นหรือม.ปลาย ก็สามารถดูได้จากสีของเครื่องแบบที่สวมใส
"แต่ก็ยังไม่รู้เลยนะว่าจะได้อยู่ห้องเดียวกันรึปล่าวน่ะ?"
ยูจิพูดขัดขึ้นมาระหว่างทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่ และคำตอบที่ได้กลับมาคือ....
"เรื่องนั้นชั้นไม่รู้ด้วยหลอกย่ะ รอดูผลที่โรงเรียนเอาก็แล้วกันเดี๋ยวก็รู้เองแหละ!"
"เฮ้อ___"
ยูจิถอนหายใจออกมาเบาๆ
(ไม่เข้าใจความคิดของเธอเลยจริงๆ)
เขาคิดแบบนั้นจนกระทั่ง ทั้งสามคนเดินมาถึงหน้าประตูทางเข้าโรงเรียน
ด้านหน้าจะมีป้ายที่เป็นแผ่นหินสีดำเขียนด้วยตัวหนังสือสีทองขนาดใหญ่ว่า 'โรงเรียนยูกิคาเสะ'
โรงเรียนที่ฮารุนะจะต้องย้ายเข้าเรียนกับยูจิตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
หลักจากที่ยูจิแยกทางกับซากุระและฮารุนะที่ระเบียงทางเดินภายในตึกแล้วนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องเรียนที่จัดเอาไว้ โดยฮารุนะต้องเดินไปที่ห้องพักครูตามที่จดหมายระบุเอาไว้โดยมีอาจารย์ที่ปรึกษานำทางไปให้
ณ ภายในห้องเรียนใหม่ในปีนี้ของยูจินั้น เต็มไปด้วยเหล่านักเรียนใหม่ๆที่ย้ายเข้ามาเรียนในเทอมนี้เต็มห้องเรียนไปหมด แต่ยังดีที่ยังพอมีหน้าเก่าๆที่พอรู้จักอยู่บ้างบางคนจึงทำให้ยูจิสามารถทำตัวสบายๆเหมือนปกติได้ ตอนนี้เวลาเกือบจะแปดโมงแล้วยังพอมีเวลาอยู่บ้าง ยูจิจึงเดินไปหลังห้องและเลือกนั่งลงบนเก้าอี้ที่กำลังว่างอยู่ ที่นั่งที่เขาเลือกนั้นอยู่แถวหลังสุดริมหน้าต่างซึ่งเป็นที่นั่งประจำของยูจิตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่ง และเมื่อเขาเห็นว่าเข้าที่เข้าทางแล้วจึงเริ่มเอาอุปกรณ์เครื่องเขียนออกมาจากกระเป๋า.....
"โย่ว! ยูจิไม่ได้เจอกันนาน....!
"ค.... เคนจิ?!"
คนที่เข้ามาทักทายนั้นก็คือเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ของยูจินั่นเอง
อายาเสะ เคนจิ เป็นเพื่อนกับยูจิตั้งแต่ม.ต้นปีหนึ่งตั้งแต่ย้ายเข้ามาเรียนวันแรก จึงทำให้ทั้งสองสนิทกันมากจนถึงตอนนี้
เคนจิมีผมสีเหลืองทองที่ดูมีเสน่เฉพาะตัวกับดวงตาสีแสงเหมือนทับทิมที่ส่องประกายอยู่ในดวงตาคู่นั้น แต่เคนจินั้นลักษณะนิสัยออกจะนักเลงไปซักหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่ไม่ได้เลวร้ายสำหรับยูจิมากนัก
"ตั้งแต่ปิดเทอมก็ติดต่อนายไม่ได้เลยนะยูจิ ทำไมไม่ติดต่อกลับมาบ้างล่ะ?"
"โทษที.. โทษที.. สงสัยโทรศัพท์จะปิดเสียงเอาไว้และวางไว้บนโต๊ะตลอดน่ะเลยไม่ได้เช็คประวัติการโทรเลย"
พอพูดแบบนั้นยูจิก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและเปิดเช็คประวัติการโทร......
__อายาเสะ เคนจิ : 42 ครั้งที่ไม่ได้รับสาย......
เรียกได้เลยว่า ไม่ได้เช็คจริงๆ ไม่ได้มีแค่ของเคนจิคนเดียวเท่านั้น ข้อความและเมลอื่นๆก็ไม่ได้เช็คเช่นกัน
เพราะไม่ได้ออกไปข้างนอกบ้านมากนักโทรศัพท์จึงแทบจะไม่ได้ใช่เลย ขนาดตอนโทรศัพท์หาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็ไม่ได้สังเกตุที่เมลเลยแม้แต่น้อยจนกระทั่งได้มาเห็นในวันนี้
"นายเนี้ยนะ หัดปรับตัวให้เข้ากับสังคมซะบ้างสิ"
"ขอโทษด้วยละกัน ที่ชั้นมันเป็นคนไม่เข้าสังคมน่ะ"
"เฮ้อ__ ตามใจนายก็แล้วกัน"
การสนทนาของทั้งสองมักเป็นแบบนี้เสมอ จึงทำให้ทั้งสองสนิทกันจนถึงตอนนี้
"ยูจิคุง.. เคนจิคุง.. อรุณสวัสดิ์!"
ระหว่างที่กำลังคุยกันอยู่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทายทั้งสองคน จากน้ำเสียงการพูดทักทายแบบนี้นั้นแน่นอนว่าต้องเป็นคนที่ทั้งสองรู้จักเป็นอย่างดี...
"ชิจัง!!!"
"ชิรานุอิ!!!"
____อิชิโนะ ชิรานุอิ หรือ ชิจัง....
เธอมีเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ปลอยยาวลงมาอย่างสวยงาม ดูมีสง่าราศรีเหมือนผืนดินที่มีความอุดมสมบูรณ์กับดวงตาสีฟ้าเข้มที่เหมือนกับสีทะเลน้ำลึกที่เห็นแล้วดูลึกลับ บุกคลิกภาพที่ร่าเริงของเธอที่สามารถเข้าได้กับทุกๆคน แถวหุ่นของเธอก็ได้รูปจนสวยงามส่วนเว้าส่วนโค้งเข้ากันจนลงตัว และยังเรียนเก่งจนอยู่อันดับต้นๆของชั้นปีอีกตากหาก
___อธิบายง่ายๆก็คงต้องเรียกว่า 'สมบูรณ์แบบ' กันเลยก็ว่าได้
"โถ่...เคนจิ! บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกชื่อเล่นตอนอยู่กันแค่ในกลุ่มไง"
"โทษที! โทษที! พอดีมันชินน่ะ"
"อย่าแกล้งกันแบบนี้สิ ชั้นไม่ชอบนะ!"
เธอทำหน้าบูดบึ่งไม่สบอารมณ์ใส่เคนจิ...
"จ้าๆ ความหน้าจะไม่มีอีกแล้วครับผม"
"หมอนี่เหมืิอนจะยังไม่เข็ดแหะ..."
"แล้วจะบอกเขาทำไมเล่า!"
"โถ่.... จริงๆเลยนะนายน่ะ"
ชิรานุอิหรือที่พวกเราเรียกกันย่อๆว่า'ชิจัง'เป็นชื่อที่ผมกับเคนจิตั้งขึ้นมาเล่นๆ เพราะชื่อ'ชิรานุอิ'ออกจะยาวไปซักหน่อยเวลาเรียกหรือทักทาย จึงเรียกสั้นๆว่า'ชิจัง'แต่แบบนั้นอาจจะไม่ยุติธรรมซักเท่าไหล่ที่ตั้งชื่อเล่นให้เธอแบบนั้นอยู่ฝ่ายเดียว ชิรานุอิจึงตั้งชื่อเล่นให้กับทั้งสองคนด้วยเพื่อความเท่าเทียม
จาก'ยูจิ'เป็น'ยูคุง' ส่วน'เคนจิ'ก็เป็น'เคนจัง' เป็นชื่อเล่นที่ดูตลกมากแถมน่ารักอีกตากหาก
ทั้งสามคนจะเรียกชื่อเล่นเฉพาะตอนที่อยู่กันแค่สามคนเท่านั้น เคนจิจึงถูกชิรานุอิตำหนิตอนที่เผลอเรียกชื่อเล่นไปเมื่อกี้....
ครืด___
"เอาล่ะจะเริ่มโฮมลูมกันแล้วนะ ไปนั่งที่ให้เรียบร้อยกันได้แล้ว!"
"คร๊าบบบ/ค่าาา"
เมื่ออาจารย์เดินเข้ามาภายในห้องเรียน จากตอนแรกที่คนอื่นๆนั่งจับกลุ่มคุยกันเมื่อซักครู่นี้ก็ค่อยๆทยอยเดินเข้าประจำที่นั่งของตัวเองตามระเบียบ
เคนจิและชิรานุอิก็เช่นกันทั้งสองก็เดินหาที่นั่งที่ยังว่างอยู่ซึ่งไม่ไกลมากนัก ส่วนยูจิก็แค่หันหน้าเข้าหากระดานดำเพื่อเตรียมฟังอาจารย์โฮมลูมในวันแรกของปีนี้....
[10.30น.]
"เอาล่ะการโฮมรูมในวันนี้ก็มีเพียงเท่านี้แหละ เนื่องจากวันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเทอมจึงทำให้ไม่มีการเรียนการสอนในวันนี้ นักเรียนสามารถกลับบ้านได้เลยนะจ๊ะ เอาล่ะตัวแทนหัวหน้าห้องบอกทำความเคารพได้เลยจ่ะ"
"ตรง! ทำความเคารพ!"
"ขอบคุณครับ/ค่ะ"
เมื่ออาจารย์โฮมรูมกับแนะแนวการเรียนการสอนเสร็จก็เดินออกจากห้องเรียนไป ยูจิก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อที่จะไปห้องน้ำ ส่วนเคนจิและชิรานุอิก็กำลังนั่งพูดคุยกับเพื่อนใหม่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆกัน
ยูจิเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบการเข้าสังคมกับคนอื่นๆมากนัก เขาจึงเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจคนอื่นๆที่กำลังนั่งคุยกัน
เมื่อยูจิเดินออกมาจากห้องน้ำชายที่ห่างจากห้องเรียนของยูจิประมาณสามถึงสี่ห้องแล้วนั้น ก็เจอกับฮารุนะที่กำลังจะเดินเข้าห้องน้ำหญิงพอดิบพอดี
"อ่าว! ไหนเธอมาอยู่นี่หล่ะ?"
"ถามมาได้ ก็เห็นอยู่ว่ากำลังจะเข้าห้องน้ำอยู่ไม่ใช่รึไง..."
เธอสวนกลับมาเหมือนเมื่อเช้าเปะๆไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมซักนิด
"...อ๋อ! นี่นายคงคิดที่จะทำมิดีมิร้ายกับชั้นในห้องน้ำใช่ไหมล่ะ อีตาบ้าหื่นกาม!"
"ใช่ที่ไหนกันเล่า__ โถ่! ก็เห็นเธอไปที่ห้องพักครูตั้งแต่เช้าเลยคิดว่าเธอจะได้ไปอยู่ห้องไหนก็แค่นั้นแหละ"
"แล้วไป... จริงๆชั้นยังรู้หรอกว่าจะได้อยู่ห้องไหนน่ะ พอไปถึงห้องพักครูก็ต้องเขียนข้อมูลการย้ายมาเรียนที่นี่เพิ่มเติมอีกเพราะแม่ของชั้นส่งรายระเอียดมาไม่ครบ แถมพอเสร็จก็ต้องไปพบผู้อำนวยการโรงเรียนที่ห้องอีกและนี่ก็เพิ่งจะคุยกันเสร็จไปเอง พอออกมาแล้วก็เลยแวะมาเข้าห้องน้ำก่อนน่ะ... เป็นไงแค่นี้พอที่จะทำให้นายเข้าใจได้รึยัง?"
"คร๊าบๆ เข้าใจแจ่มแจ้งเลยล่ะ"
"งั้นก็หลบทางไปได้แล้ว คนเขาจะเข้าห้องน้ำย่ะ!"
"........"
เมื่อถูกบอกเช่นนั้นยูจิจึงเดินหลบทางให้ เพราะเขายืนขวางทางเข้าห้องน้ำหญิงอยู่พอดี
หลังจากแยกทางกับฮารุนะที่หน้าห้องน้ำแล้วนั้น ยูจิก็นั่งเรื่อยเปื่อยอยู่ภายในห้องเรียนโดยที่เขาก็ไม่ได้คุยกับใครเลยรวมถึงเคนจิและชิรานุอิด้วย เขาจึงเอาหูฟังขึ้นมาใส่หูและเปิดฟังเพลงจนถึงตอนเวลาเที่ยงตรง เนื่องจากวันนี้ไม่มีการเรียนการสอนยกเว้นในคาบแรกที่มีการโฮมรูมไปเมื่อเช้านี้ ทำให้คาบเรียนในช่วงบ่ายว่างไปโดยปริยายจึงทำให้สามารถกลับบ้านได้เลยตั้งแต่คาบบ่ายเป็นต้นไป
ยูจิจึงรีบเก็บของใส่กระเป๋าและเดินออกจากโรงเรียนตรงกลับบ้านทันทีอย่างไม่ลังเล...
เมื่อกลับมาถึงบ้าน... ซากุระที่กำลังทำอาหารอยู่นั้นก็หันมาทักทายพี่ชายที่กำลังเดินเข้ามาในห้องครัว
"กลับมาไวจังเลยนะคะพี่?"
"เธอก็เหมือนกันนั่นแหละกลับมาก่อนพี่อีกนะ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหล่ล่ะ?"
"ถึงก่อนพี่แค่สิบนาทีเอง... แล้วคุณฮารุนะล่ะคะ?"
"เห็นว่ายังกรอกเอกสารเรื่องการย้ายมาเรียนยังไม่เสร็จก็เลยต้องอยู่ต่อน่ะ คงประมาณบ่ายๆก็คงจะกลับแล้วล่ะมั้ง!"
"งั้นเหรอคะ..."
เมื่อซากุระหมดคำถามแล้วก็หันกลับไปสนใจทำอาหารต่อ ยูจิเห็นเช่นนั้นจึงเดินตรงไปยังห้องนั่งเล่น หย่อนตัวลงมายังโซฟานุ่มๆก่อนที่กดปุ่มบนรีโหมดทีวีเพื่อเปลี่ยนช่อง....
....เวลาล่วงเลยไปจนถึงเวลาสี่โมงกว่าๆฮารุนะก็ยังไม่กลับบ้าน ข้าวหน้าแกงกระหรี่ที่ซากุระทำเอาไว้ตั้งแต่งเที่ยงตอนนี้เย็นชืดหมดแล้ว จนเริ่มทำให้รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
"คุณฮารุนะช้าจังเลยนะคะ? เย็นขนาดนี้แล้วไปอยู่ที่ไหนกันน้า...."
ซากุระที่นั่งอยู่ข้างๆยูจิบนโซฟาพูดทักขึ้นมาด้วยใบหน้าที่มีแต่ความกังวล
"นั่นสินะ แค่กรอกเอกสารการย้ายเข้าเรียนไม่น่าจะนานถึงขนาดนี้ คงใกล้ที่จะถึงบ้านแล้วมั้ง?"
ยูจิพูดตอบกลับไปแบบนั้นเพื่อปลอบใจแต่ก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย กลับทำให้บรรยากาศแย่ลงไปอีก
ซากุระที่นั่งอยู่ข้างๆยูจิค่อยๆปิดเปลือกตาลงอย่างช้าๆ (คงจะเพลียมากเลยสินะ) ยูจิคิดเช่นนั้นเมื่อเหลือบไปเห็น จากนั้นเธอก็ค่อยๆปิดเปลือกตาลงจนสนิทและหลับไปทั้งๆอย่างนั้น
ยูจิจัดท่านอนให้กับน้องสาวให้นอนบนโซฟาอย่างสบายๆ จากนั้นก็หยิบผ้าห่มออกมาแล้วห่มให้กับซากุระเพื่อไม่ให้เธอหนาวแล้วหันเหลือบไปมองที่นาฬิกาเหนือทีวี
ตอนนี้ก็เกือบจะสี่โมงครึ่งแล้วยัยนั้นก็ยังไม่กลับมาอีก (หลงทางรึปล่าวนะ?) ยูจิหันไปหาน้องสาวที่กำลังนอนอยู่ข้างๆ
(..........เฮ้อ! ให้ตายสิ ชอบก่อปัญหาซะจริงเลยนะยัยนั้นน่ะ)
ยูจิเกาศรีษะไปมาก่อนที่จะเดินไปใส่รองเท้าที่หน้าประตูจากนั้นก็วิ่งออกจากบ้านไป จุดหมายคือโรงเรียนยูกิคาเสะ........
"นั่นนายกำลังวิ่งไปไหนของนายน่ะ?"
"....เอะ!?"
ยูจิเกือบจะสะดุดหกล้มลงกับพื้นเพราะหยุดวิ่งกระทันหันจากเสียงที่คุ้นเคย....
"ฮ... ฮารุนะ!!!"
"เป็นอะไรไป ทำหน้ายังกะเห็นผี?"
"อ้าว!... ก็นึกว่า...."
"คิดว่าคนอย่างชั้นจะหลงทางง่ายๆรึไงกันยะ? ชั้นจำทางได้ตั้งแต่ตอนมาครั้งแรกแล้วล่ะ"
"ก็เห็นกลับมาช้าเลยคิดว่า...."
"ชั้นเสร็จตั้งแต่บ่ายๆแล้วล่ะตาทึ่ม ครูคนไหนเขาจะบ้ากักนักเรียนย้ายมาใหม่จนถึงเย็นกันล่ะฮะ?!"
"ก็มัน...."
"รีบกลับเข้าไปในบ้านกันเถอะ หิวจะแย่อยู่แล้วเนี้ย!"
เมื่อเธอพูดเสร็จก็เดินเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้ยูจิที่กำลังมึนงงยื่นนิ่งอยู่ข้างนอกเพียงลำพังท่ามกลางแสงสีแสดของดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆลับขอบฟ้าไป........
"หัดฟังคนอื่นเข้าบ้างเซ่!!!!"
***************
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ