Where are you my Princess? (Yaoi)
10.0
เขียนโดย C_W_C
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.56 น.
25 บท
3 วิจารณ์
34.90K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
7) เหมือนคืนนั้น
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ “อะไรเต้ ดูอารมณ์ดีจังนะ”ตึกชายหนุ่มร่างใหญ่สมชื่อ ทักขึ้นขณะนั่งรออาจารณ์เข้าคลาสเรียนแล้วสังเกตเห็นสีหน้าเพื่อนลูกครึ่งที่นั่งข้างๆ
“ดูเป็นงั้นหรอ”นี่เขาแสดงออกขนาดที่ทำให้เพื่อนที่ชอบอยู่เงียบๆอย่างตึกต้องทักเลยหรอเนี่ย
“ใช่ดิ หน้ามึงมันฟ้อง”
“อันแหน่ เกียวกะเด็กที่แกถ่อไปหาถึงคณะเมื่อเที่ยงอะป่าว”เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนคุยกันสาวกวางผู้มาดมั่นที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็ได้ทีหันมาล้อเลียนเพื่อนสุดหล่อของตน
“เด็กไหนวะๆ อย่างไอ้เต้เนี่ยนะตามเด็กเห็นมีแต่คนมาตามมัน”ฟาสต์พ่อหนุ่มเพลย์บอยละความสนใจจากเกมในมือถือ แล้วแทรกถามขึ้นจากที่นั่งอีกข้างของดันเต้อย่างแปลกใจ
“ก็เด็กมันเอาแต่หนี”ดันเต้กระตุกยิ้มอย่างคนขี้แกล้ง ที่ทำเอาฟาสต์นึกหมั่นไส้
“เรื่องจริงหรอวะเนี่ย อยู่ปีไหนวะ คณะอะไร น่ารักเปล่า แล้ว….”
“ได้ข่าวว่าเป็นผู้ชาย”จู่ๆตึกก็พูดแทรกขึ้นตัดบท
“ห๊า!! เต้มึงหันมานิยมแนวนี้แล้วเรอะ”ฟาสต์หันไปมองเพื่อนหนุ่นที่อยู่กลางวงตาโตแต่ยังไม่ทันไรก็โดนเพื่อนสาวเอื่อมมาโบกหัวเข้าให้เต็มๆ
“แนวนี้แล้วมันยังไง….เอาเลยเต้เต็มที่กูหนับหนุน”
“พวกมึงเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว กูไม่ได้คิดกับน้องเขาแบบนั้น”ดันเต้มองเพื่อนสองคนตีกันอย่างขบขัน
“โหยเซ็งวะ”
“ฟาสต์ แล้วน้องคนที่เรียนภาคดนตรี ที่น่ารักๆนี่ใครวะ”หลังจากเงียบมากนาน เปิดปากมาทีก็เล่นเอาฟาสต์แทบจุก จนต้องรีบหันไปแยกเขี้ยวให้
“มึงอยู่เงียบๆแบบนั้นไปเลยน่ะดีแล้วตึก”
“น่านนนน ว่าแต่เขา เด็กไหนทำไมกูไม่รู้ คนนี้จริงจังปะเนี่ย เล่ามาซะดีๆ”ได้ทีกวางรีบจี้ทันที
ดันเต้กำลังหัวเราะชอบใจ และคอยหยอดแกล้งเพื่อนที่เคยลื้นไหลแต่ไม่รู้ทำไมบัดนี้ถึงโดนถอนเขี้ยวเล็บไปเยอะ แต่แล้วดวงตาสีอ่อนก็เหลือบไปเห็นเพื่อนต่างคณะยืนมองมาจากประตูห้อง จึงลุกไปหาปล่อยให้กวางทำหน้าที่คาดคั่นต่อไปโดยมีตึกคอยหย่อนระเบิด ทำเอาฟาสต์ต้องหลบเลี่ยงเป็นพัลวัน
“ไงรักษ์ มีไรมาหาเราถึงที่ห้อง”
“น้องซีฝากมา”แล้วเพื่อนหน้าตายก็ยื้นของในมือส่งมาให้ ซึ่งก็คือผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินคุ้นตาและถุงกระดาษสีน้ำตาลเล็กๆอีกหนึ่งห่อ
“ขอบใจๆ”
เมื่อดันเต้รับของทั้งสองอย่างมาแล้ว รักษ์ก็หันเดินกลับไปแบบไม่พูดไม่จาอะไรอีก
ดันเต้มองตามเพื่อนยิ้มๆแล้วสายหัวนิดหน่อยอย่างปลงๆกับนิสัยอีกฝ่าย ก่อนจะหันมาเปิดห่อกระดาษออกดู ถึงเห็นว่าภายในเป็นคุ๊กกี้ทรงแท่งสี่เหลี่ยมยาว โรยด้วยน้ำตาลเล็กน้อย ที่เขาเรียกกันว่า Shortbread Finger และตั้งแต่ที่เปิดถุงมากลิ่นเนยหอมๆก็โชยเข้าจมูก แล้วดันเต้ก็ยื้นมือลงไปหยิบโน๊ตเล็กๆที่ถูกใส่อยู่ด้วยขึ้นอ่าน
ผมขอโทษนะครับไม่ทราบว่าพี่ต้องรีบใช้ แล้วผมไม่แน่ใจว่าพี่ชอบกินหวานหรือเปล่า แต่คุ๊กกี๊นี่ไม่หวานมากเอาไว้กินคู่กับกาแฟแล้วกันนะครับถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนจากผม
ขอบคุณมากครับ
ซี
เมื่ออ่านจบดันเต้ก็ระบายยิ้มจางๆออกมาอย่างเอ็นดู อุส่าบอกว่าให้คืนวันหลังก็ได้นี่คงกลับบ้านไปเอามาคืนให้ ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้รีบอะไรหรอกแค่ใช้มันเป็นข้ออ้างไปหาร่างเล็กให้อีกฝ่ายหนีเขาไม่ได้ก็เท่านั้น แล้วที่ฝากรักษ์มาคืนแบบนี้ก็คงตั้งใจจะหลบหน้าเขาอีกสินะ
ดันเต้คิดพรางที่มือหนาล้วงลงหยิบขนมชิ้นนึงขึ้นใส่ปากเนื้อคุ้กกี้ร่วนเล็กน้อย ไม่นุ่มมากและไม่แข็งกระด้าง รสหอมมันทำให้ดันเต้พอใจไม่น้อย แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างหนาจึงวิ่งตามไปทางเดียวกับที่รักษ์เดินไป
“รักษ์เดี๋ยว”เมื่อได้ยินเสียงเรียก รักษ์จึงชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมาเลิกคิ้วมองเหมือนต้องการถามอีกฝ่ายว่ามีอะไร
“เราขออะไรหน่อยสิ”
ซีกำลังทำงานของตนไปเหมือนเช่นเคย ร่างผอมบางยืนเขย่ากระบอกเชกไปมาอยุ่หลังเคาเตอร์อย่างคล่องแคล้วพรางคุยกับแขกไปด้วยพร้อมรอยยิ้มสุภาพ เพราะความที่ไม่เห็นร่างหนาของรุ่นพี่ที่ตนคอยหลบหน้ามาที่นี่หลายวันแล้ว จึงคิดว่าวันนี้เองก็คงไม่เจอเหมือนกัน แต่ในขณะที่ซีหันหลังไปเพื่อเก็บขวดเหล้าบนชั้น เสียงสั่งเครื่องดื่มที่ดังมาจากด้านหลังก็เกือบให้ซีทำเหล้าราคาแพงหลุดมือ
“พี่ขอ มาร์การิต้าแก้วนะ”
‘ย้ายงาน! เขาต้องหางานใหม่แล้วละ!’
เสียงทุ่มนุ่มคุ้นหูที่ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าใคร ทำเอาซีอยากจะทำเป็นเมินมันเหลือเกินแต่ก็ได้เพียงแต่คิด เขาจึงหันข้างไปพยักหน้าให้น้อยๆเป็นเชิงรับรู้แล้วกลับมาหยิบส่วนผสม แล้วร่างบางก็เริ่มก้มหน้าก้มตาชงเจ้าค๊อกเทลรสชาติเปรี้ยวหวานนี่อย่างขมักเขม่นกว่าปกติ
ดันเต้มองตามทุกๆการกระทำอย่างเพลินตาตั้งแต่ที่มือบาง เทน้ำมะนาวลงกระบอกเชก ตามด้วยเหล้าเควโตรซึ่งเป็นเหล้าที่มีรสชาติหวานๆเปรี้ยวๆออกกลิ่นส้ม ก่อนจะเทเตกีล่าขาวลงไป แล้วปิดท้ายด้วยน้ำแข็ง จากนั้นซีก็จัดการปิดฝาแล้วยกกระบอกขึ้นเขย่า
ทุกขั้นตอนดูชำนาญจนดันเต้อดจะทักไม่ได้“ดูคล่องแคล่วดีนะ”
“ครับลุงบาร์เทนเดอร์ช่วยสอนให้ เพราะแกก็อายุมากแล้ว ก็คิดอยากจะพักบ้าง”
“แล้วเราจะมาทำร้านนี้ต่อ?”
“เปล่าครับ”มือบางวางกระบอกเชกลงเมื่อเห็นว่าได้ที่แล้ว แล้วหันไปเตรียมแก้วซึ่งจริงๆต้องเตรียมก่อนแต่เพราะการมาของคนตรงหน้าจะทำให้เขาทำอะไรผิดๆถูกๆไปหมด
“ทำไมละ?”ดันเต้มองตามซีหยิบแก้วทรงสูงขึ้นมาทามะนาวไปทั่วปากแก้วก่อนจะคว่ำลงบนถาดเกลือ
“ผมมีสิ่งที่อยากจะทำอยู่แล้ว”ซีพูดพรางเทเครื่องดื่มลงแก้ว ประดับมะนาวที่ขอบแล้ววางลงตรงหน้าอีกฝ่าย
ซึ่งดันเต้ก็หมุนแก้วเชยชมเครื่องดื่มสีขาวขุ่นในแก้วนิดหน่อยก่อนจะยกขึ้นจิบดู รสชาติเปรี้ยวหวาน เค็มที่ผสมผสานออกมาเป็นรถชาติที่กลมกล่อมทำให้ร่างหนาระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ร้านเบเกอรี่งั้นหรอ”
“รู้ได้ยังไงกันครับ”ซีแปลกใจจนเผลอเงยหน้าขึ้นสบตาแต่เพียงแวบเดียวก็ต้องเสหลบทำเป็นหยิบจับนู้นนี่
“เดาเอาน่ะ เรียนคหกรรม แถมอยู่ชมรมด้วยไม่ร้านอาหารก็คงร้านขนม จริงสิขนมที่ให้มาอร่อยมาก”
“ครับ”พอได้ยินอีกฝ่ายชมเรื่องขนมที่เป็นเหมือนจุดอ่อนก็ทำให้ซีเผลอเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้าง ที่ทำให้ดันเต้นิ่งอึ้งเพราะตั้งแต่รู้จักรุ่นน้องคนนี้มาร่างบางก้ยังไม่เคยส่งยิ้มให้เขาซักครั้ง แม้แต่มองหน้าชัดๆยังไม่เคยเลย
“ยิ้มแล้ว”
ครั้งนี้ต่างพากันชะงักงันไปทั้งคนฟังและคนพูดเมื่อต่างฝ่ายต่างหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันงานเลี้ยงซึ่งมันช่างเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เสียงจริงๆ
ดันเต้หรี่ตาจ้องมองร่างบางเขม่งอย่างพิจารณา ถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาเขาอาจจะจำสับสนไปได้บ้าง แต่รอยยิ้มแบบนั้นให้คิดยังไงมันก็ใช่เขาไม่มีทางลืมรอยย้อมที่ตราตรึงแบบนั้นได้แน่ แต่เรื่องเพศยังไงก็คงจะหักล้างไม่ได้ และเท่าที่สังเกตน้องเขาก็ดูเป็นชายแท้ คงไม่มาแต่งหญิงเล่นเดินไปมาแน่นอน(หรออออ) ถ้าอย่างงั้นสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ก็มีแค่….
“ซีมีพี่น้องรึเปล่า”
“มีครับ พี่สาวสองคน”
“ช่วยแนะนำให้พี่รู้จักหน่อยได้มั้ย”
เพราะคำไหว้วานอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของร่างหนาเมื่อวันก่อน ทำให้ซีต้องมายืนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนึงกับพี่แพรวและพี่พิณซึ่งบัดนี้ทั้งสองกำลังกระดี๊กระด้ากันอย่างเต็มที่ตั้งแต่ที่เขาไปบอกว่าพี่ดันเต้ต้องการเจอพวกเธอทั้งคู่
พวกเขายืนอยู่หน้าโรงหนังในวันหยุด จริงๆแล้วจะปล่อยให้มากันแค่สองคนก็ได้แต่พี่สาวทั้งสองกลับต้องการลากเขาให้มาเป็นคนขับรถ ซีจึงต้องโทรไปลางานทั้งหมดที่ต้องทำในวันนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
“กรี๊ดพี่แพรว พี่ดันเต้จริงๆด้วยละ”พิณน้องสาวเกาะแขนพี่สาวแล้วกระโดดอย่างตื่นเต้นเมื่อหันไปเห็นคนที่เธอปลาบปลื้มแล้วต่างคนก็ต่างยืนจัดแต่งทรงผมสีดำยาวเป็นลอนที่ไปทำมาให้เข้าที่เข้าทาง แถมดึงเสื้อผ้าที่บรรจงแต่งมาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกครึ่งหนุ่มอย่างเต็มที่
เมื่อได้ยินเสียงฮือฮาซีถึงได้หันไปมองและไม่ต้องใช้เวลานานในการหาเป้าหมายเมื่ออีกฝ่ายเดินเด่นเข้ามาด้วยหุ่นนายแบบในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มเกือบดำพับแขนที่ช่วยขับผิวขาวๆของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดีกับกางเกงยีนสบายๆ เส้นผมสีอ่อนที่ผ่านการเซตมาอย่างดีบวกกับรอยยิ้มพิมพ์ใจบางๆบนเรียวปาก ทำให้คนที่เดินผ่านต้องมองตามจนเหลียวหลัง
“น้องซี”
“สวัสดีครับ”ซียกมือไหว้ โดยไม่สบตาอีกฝ่าย เขากลัวแสบตาอะ
“หวัดดีครับ ขอโทษที่พี่มาช้านะ รอนานมั้ย”ดันเต้ยังคงระบายยิ้มบางอย่างอารมณ์ดี เมื่อมองร่างเล็กในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีดำคอวีกับกางเกงยีนเข้ารูปที่กำลังรอเขาอยู่แบบไม่หนีหายไปไหน คงเพราะทุกครั้งที่เจอกันอีกฝ่ายจะเอาแต่หลบหน้าให้เขาต้องคอยตามตลอดละมั้ง
“ไม่หรอกครับ อ่านี่คือพี่สาวผม” แล้วมือบางก็ผายหาหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“สวัสดีครับ” ดันเต้เอ่ยทักทั้งคู่อย่างสุภาพทันทีที่ทั้งสองเบียดแทรกซีเข้ามายืนประชิดตรงหน้าเขา
“สวัสดีค้า ฉันแพรวค่ะรุ่นเดียวกับคุณส่วนนี่พิณน้องสาวอ่อนกว่าปีนึง” แพรวชิงตัดหน้าแนะนำตัวก่อนพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้ชายหนุ่มที่หมายปอง
“พวกเราดีใจนะคะที่คุณอยากรู้จักเรา”พิณเองก็ไม่ยอมแพ้บอกกล่าวกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ผมนึกว่าหนึ่งในพวกคุณคือคนที่ผมตามหาอยู่นะครับ” แต่แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ ครั้นจะปฎิเสธไปตรงๆก็ดูจะเป็นการหักหน้ากันเกินไปซักหน่อย ยังไงซะเขาก็เป็นฝ่ายนัดออกมาเองด้วย ยอมรับว่าผิดหวังนิดหน่อย แต่อีกส่วนนึงกลับแอบดีใจอยู่ลึกๆเหมือนเขายังต้องการหาเหตุผลให้ตัวเองคอยเข้าใกล้เด็กหนุ่มร่างผอมบางนั่นอยู่
“แล้วถ้าเกิดใช้ขึ้นมาละคะ”แพรวตอบลากเสียงอย่างยั่วยวน
ดันเต้ยังคงส่งยิ้มให้แบบเดิม ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอแบบนี้ แรกๆนั้นค่อนข้างเจอบ่อยเสียด้วยเขาจึงมีวิธีรับมืออยู่แล้ว“งั้นผมคงต้องขอถามอะไรพวกคุณหน่อย”
“ว่ามาได้เลยค่ะ ถึงพี่แพรวจะตอบไม่ได้แต่พิณตอบได้แน่นอนค่ะ”พิณตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เรื่องพี่ดันเต้เธอหาข้อมูลมาอย่างดีไม่มีทางพลาดแน่นอน
เมื่อเห็นน้องสาวเริ่มขัดแข้งขัดขากันมีหรือเธอจะยอมเรื่องอะไรจะยกผู้ชายเพอร์เฟ็กขนาดนี้ให้ “พิณอย่ามาโกหกแบบนี้สิจ๊ะ เราก็รู้ว่าใครคือตัวจริง”
“งั้นผมจะถามนะครับ”
“ค่ะ”แพรวพิณตอบออกมาแทบจะพร้อมกัน
“ถ้าคุณคือคนที่ผมตามหางั้นของที่ผมเอามาจากคุณในคืนนั้นคืออะไรหรือครับ”
เมื่อจบคำถามทั้งสองก็เงียบไปก่อนที่แพรวจะหัวเราะออกมาอย่างเป็นต่อ “ง่ายมาค่ะของที่คุณเอาไปจากฉันคือ….”
“ดูเป็นงั้นหรอ”นี่เขาแสดงออกขนาดที่ทำให้เพื่อนที่ชอบอยู่เงียบๆอย่างตึกต้องทักเลยหรอเนี่ย
“ใช่ดิ หน้ามึงมันฟ้อง”
“อันแหน่ เกียวกะเด็กที่แกถ่อไปหาถึงคณะเมื่อเที่ยงอะป่าว”เมื่อได้ยินเสียงเพื่อนคุยกันสาวกวางผู้มาดมั่นที่นั่งอยู่ข้างหน้าก็ได้ทีหันมาล้อเลียนเพื่อนสุดหล่อของตน
“เด็กไหนวะๆ อย่างไอ้เต้เนี่ยนะตามเด็กเห็นมีแต่คนมาตามมัน”ฟาสต์พ่อหนุ่มเพลย์บอยละความสนใจจากเกมในมือถือ แล้วแทรกถามขึ้นจากที่นั่งอีกข้างของดันเต้อย่างแปลกใจ
“ก็เด็กมันเอาแต่หนี”ดันเต้กระตุกยิ้มอย่างคนขี้แกล้ง ที่ทำเอาฟาสต์นึกหมั่นไส้
“เรื่องจริงหรอวะเนี่ย อยู่ปีไหนวะ คณะอะไร น่ารักเปล่า แล้ว….”
“ได้ข่าวว่าเป็นผู้ชาย”จู่ๆตึกก็พูดแทรกขึ้นตัดบท
“ห๊า!! เต้มึงหันมานิยมแนวนี้แล้วเรอะ”ฟาสต์หันไปมองเพื่อนหนุ่นที่อยู่กลางวงตาโตแต่ยังไม่ทันไรก็โดนเพื่อนสาวเอื่อมมาโบกหัวเข้าให้เต็มๆ
“แนวนี้แล้วมันยังไง….เอาเลยเต้เต็มที่กูหนับหนุน”
“พวกมึงเพ้อเจ้อไปใหญ่แล้ว กูไม่ได้คิดกับน้องเขาแบบนั้น”ดันเต้มองเพื่อนสองคนตีกันอย่างขบขัน
“โหยเซ็งวะ”
“ฟาสต์ แล้วน้องคนที่เรียนภาคดนตรี ที่น่ารักๆนี่ใครวะ”หลังจากเงียบมากนาน เปิดปากมาทีก็เล่นเอาฟาสต์แทบจุก จนต้องรีบหันไปแยกเขี้ยวให้
“มึงอยู่เงียบๆแบบนั้นไปเลยน่ะดีแล้วตึก”
“น่านนนน ว่าแต่เขา เด็กไหนทำไมกูไม่รู้ คนนี้จริงจังปะเนี่ย เล่ามาซะดีๆ”ได้ทีกวางรีบจี้ทันที
ดันเต้กำลังหัวเราะชอบใจ และคอยหยอดแกล้งเพื่อนที่เคยลื้นไหลแต่ไม่รู้ทำไมบัดนี้ถึงโดนถอนเขี้ยวเล็บไปเยอะ แต่แล้วดวงตาสีอ่อนก็เหลือบไปเห็นเพื่อนต่างคณะยืนมองมาจากประตูห้อง จึงลุกไปหาปล่อยให้กวางทำหน้าที่คาดคั่นต่อไปโดยมีตึกคอยหย่อนระเบิด ทำเอาฟาสต์ต้องหลบเลี่ยงเป็นพัลวัน
“ไงรักษ์ มีไรมาหาเราถึงที่ห้อง”
“น้องซีฝากมา”แล้วเพื่อนหน้าตายก็ยื้นของในมือส่งมาให้ ซึ่งก็คือผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินคุ้นตาและถุงกระดาษสีน้ำตาลเล็กๆอีกหนึ่งห่อ
“ขอบใจๆ”
เมื่อดันเต้รับของทั้งสองอย่างมาแล้ว รักษ์ก็หันเดินกลับไปแบบไม่พูดไม่จาอะไรอีก
ดันเต้มองตามเพื่อนยิ้มๆแล้วสายหัวนิดหน่อยอย่างปลงๆกับนิสัยอีกฝ่าย ก่อนจะหันมาเปิดห่อกระดาษออกดู ถึงเห็นว่าภายในเป็นคุ๊กกี้ทรงแท่งสี่เหลี่ยมยาว โรยด้วยน้ำตาลเล็กน้อย ที่เขาเรียกกันว่า Shortbread Finger และตั้งแต่ที่เปิดถุงมากลิ่นเนยหอมๆก็โชยเข้าจมูก แล้วดันเต้ก็ยื้นมือลงไปหยิบโน๊ตเล็กๆที่ถูกใส่อยู่ด้วยขึ้นอ่าน
ผมขอโทษนะครับไม่ทราบว่าพี่ต้องรีบใช้ แล้วผมไม่แน่ใจว่าพี่ชอบกินหวานหรือเปล่า แต่คุ๊กกี๊นี่ไม่หวานมากเอาไว้กินคู่กับกาแฟแล้วกันนะครับถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนจากผม
ขอบคุณมากครับ
ซี
เมื่ออ่านจบดันเต้ก็ระบายยิ้มจางๆออกมาอย่างเอ็นดู อุส่าบอกว่าให้คืนวันหลังก็ได้นี่คงกลับบ้านไปเอามาคืนให้ ทั้งที่จริงๆก็ไม่ได้รีบอะไรหรอกแค่ใช้มันเป็นข้ออ้างไปหาร่างเล็กให้อีกฝ่ายหนีเขาไม่ได้ก็เท่านั้น แล้วที่ฝากรักษ์มาคืนแบบนี้ก็คงตั้งใจจะหลบหน้าเขาอีกสินะ
ดันเต้คิดพรางที่มือหนาล้วงลงหยิบขนมชิ้นนึงขึ้นใส่ปากเนื้อคุ้กกี้ร่วนเล็กน้อย ไม่นุ่มมากและไม่แข็งกระด้าง รสหอมมันทำให้ดันเต้พอใจไม่น้อย แล้วก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างหนาจึงวิ่งตามไปทางเดียวกับที่รักษ์เดินไป
“รักษ์เดี๋ยว”เมื่อได้ยินเสียงเรียก รักษ์จึงชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับมาเลิกคิ้วมองเหมือนต้องการถามอีกฝ่ายว่ามีอะไร
“เราขออะไรหน่อยสิ”
ซีกำลังทำงานของตนไปเหมือนเช่นเคย ร่างผอมบางยืนเขย่ากระบอกเชกไปมาอยุ่หลังเคาเตอร์อย่างคล่องแคล้วพรางคุยกับแขกไปด้วยพร้อมรอยยิ้มสุภาพ เพราะความที่ไม่เห็นร่างหนาของรุ่นพี่ที่ตนคอยหลบหน้ามาที่นี่หลายวันแล้ว จึงคิดว่าวันนี้เองก็คงไม่เจอเหมือนกัน แต่ในขณะที่ซีหันหลังไปเพื่อเก็บขวดเหล้าบนชั้น เสียงสั่งเครื่องดื่มที่ดังมาจากด้านหลังก็เกือบให้ซีทำเหล้าราคาแพงหลุดมือ
“พี่ขอ มาร์การิต้าแก้วนะ”
‘ย้ายงาน! เขาต้องหางานใหม่แล้วละ!’
เสียงทุ่มนุ่มคุ้นหูที่ไม่ต้องหันกลับไปมองก็รู้ว่าใคร ทำเอาซีอยากจะทำเป็นเมินมันเหลือเกินแต่ก็ได้เพียงแต่คิด เขาจึงหันข้างไปพยักหน้าให้น้อยๆเป็นเชิงรับรู้แล้วกลับมาหยิบส่วนผสม แล้วร่างบางก็เริ่มก้มหน้าก้มตาชงเจ้าค๊อกเทลรสชาติเปรี้ยวหวานนี่อย่างขมักเขม่นกว่าปกติ
ดันเต้มองตามทุกๆการกระทำอย่างเพลินตาตั้งแต่ที่มือบาง เทน้ำมะนาวลงกระบอกเชก ตามด้วยเหล้าเควโตรซึ่งเป็นเหล้าที่มีรสชาติหวานๆเปรี้ยวๆออกกลิ่นส้ม ก่อนจะเทเตกีล่าขาวลงไป แล้วปิดท้ายด้วยน้ำแข็ง จากนั้นซีก็จัดการปิดฝาแล้วยกกระบอกขึ้นเขย่า
ทุกขั้นตอนดูชำนาญจนดันเต้อดจะทักไม่ได้“ดูคล่องแคล่วดีนะ”
“ครับลุงบาร์เทนเดอร์ช่วยสอนให้ เพราะแกก็อายุมากแล้ว ก็คิดอยากจะพักบ้าง”
“แล้วเราจะมาทำร้านนี้ต่อ?”
“เปล่าครับ”มือบางวางกระบอกเชกลงเมื่อเห็นว่าได้ที่แล้ว แล้วหันไปเตรียมแก้วซึ่งจริงๆต้องเตรียมก่อนแต่เพราะการมาของคนตรงหน้าจะทำให้เขาทำอะไรผิดๆถูกๆไปหมด
“ทำไมละ?”ดันเต้มองตามซีหยิบแก้วทรงสูงขึ้นมาทามะนาวไปทั่วปากแก้วก่อนจะคว่ำลงบนถาดเกลือ
“ผมมีสิ่งที่อยากจะทำอยู่แล้ว”ซีพูดพรางเทเครื่องดื่มลงแก้ว ประดับมะนาวที่ขอบแล้ววางลงตรงหน้าอีกฝ่าย
ซึ่งดันเต้ก็หมุนแก้วเชยชมเครื่องดื่มสีขาวขุ่นในแก้วนิดหน่อยก่อนจะยกขึ้นจิบดู รสชาติเปรี้ยวหวาน เค็มที่ผสมผสานออกมาเป็นรถชาติที่กลมกล่อมทำให้ร่างหนาระบายยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ร้านเบเกอรี่งั้นหรอ”
“รู้ได้ยังไงกันครับ”ซีแปลกใจจนเผลอเงยหน้าขึ้นสบตาแต่เพียงแวบเดียวก็ต้องเสหลบทำเป็นหยิบจับนู้นนี่
“เดาเอาน่ะ เรียนคหกรรม แถมอยู่ชมรมด้วยไม่ร้านอาหารก็คงร้านขนม จริงสิขนมที่ให้มาอร่อยมาก”
“ครับ”พอได้ยินอีกฝ่ายชมเรื่องขนมที่เป็นเหมือนจุดอ่อนก็ทำให้ซีเผลอเงยหน้าขึ้นส่งยิ้มกว้าง ที่ทำให้ดันเต้นิ่งอึ้งเพราะตั้งแต่รู้จักรุ่นน้องคนนี้มาร่างบางก้ยังไม่เคยส่งยิ้มให้เขาซักครั้ง แม้แต่มองหน้าชัดๆยังไม่เคยเลย
“ยิ้มแล้ว”
ครั้งนี้ต่างพากันชะงักงันไปทั้งคนฟังและคนพูดเมื่อต่างฝ่ายต่างหวนคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืนวันงานเลี้ยงซึ่งมันช่างเหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เสียงจริงๆ
ดันเต้หรี่ตาจ้องมองร่างบางเขม่งอย่างพิจารณา ถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาเขาอาจจะจำสับสนไปได้บ้าง แต่รอยยิ้มแบบนั้นให้คิดยังไงมันก็ใช่เขาไม่มีทางลืมรอยย้อมที่ตราตรึงแบบนั้นได้แน่ แต่เรื่องเพศยังไงก็คงจะหักล้างไม่ได้ และเท่าที่สังเกตน้องเขาก็ดูเป็นชายแท้ คงไม่มาแต่งหญิงเล่นเดินไปมาแน่นอน(หรออออ) ถ้าอย่างงั้นสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ก็มีแค่….
“ซีมีพี่น้องรึเปล่า”
“มีครับ พี่สาวสองคน”
“ช่วยแนะนำให้พี่รู้จักหน่อยได้มั้ย”
เพราะคำไหว้วานอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยของร่างหนาเมื่อวันก่อน ทำให้ซีต้องมายืนอยู่ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนึงกับพี่แพรวและพี่พิณซึ่งบัดนี้ทั้งสองกำลังกระดี๊กระด้ากันอย่างเต็มที่ตั้งแต่ที่เขาไปบอกว่าพี่ดันเต้ต้องการเจอพวกเธอทั้งคู่
พวกเขายืนอยู่หน้าโรงหนังในวันหยุด จริงๆแล้วจะปล่อยให้มากันแค่สองคนก็ได้แต่พี่สาวทั้งสองกลับต้องการลากเขาให้มาเป็นคนขับรถ ซีจึงต้องโทรไปลางานทั้งหมดที่ต้องทำในวันนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้
“กรี๊ดพี่แพรว พี่ดันเต้จริงๆด้วยละ”พิณน้องสาวเกาะแขนพี่สาวแล้วกระโดดอย่างตื่นเต้นเมื่อหันไปเห็นคนที่เธอปลาบปลื้มแล้วต่างคนก็ต่างยืนจัดแต่งทรงผมสีดำยาวเป็นลอนที่ไปทำมาให้เข้าที่เข้าทาง แถมดึงเสื้อผ้าที่บรรจงแต่งมาเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกครึ่งหนุ่มอย่างเต็มที่
เมื่อได้ยินเสียงฮือฮาซีถึงได้หันไปมองและไม่ต้องใช้เวลานานในการหาเป้าหมายเมื่ออีกฝ่ายเดินเด่นเข้ามาด้วยหุ่นนายแบบในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มเกือบดำพับแขนที่ช่วยขับผิวขาวๆของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดีกับกางเกงยีนสบายๆ เส้นผมสีอ่อนที่ผ่านการเซตมาอย่างดีบวกกับรอยยิ้มพิมพ์ใจบางๆบนเรียวปาก ทำให้คนที่เดินผ่านต้องมองตามจนเหลียวหลัง
“น้องซี”
“สวัสดีครับ”ซียกมือไหว้ โดยไม่สบตาอีกฝ่าย เขากลัวแสบตาอะ
“หวัดดีครับ ขอโทษที่พี่มาช้านะ รอนานมั้ย”ดันเต้ยังคงระบายยิ้มบางอย่างอารมณ์ดี เมื่อมองร่างเล็กในชุดเสื้อยืดแขนยาวสีดำคอวีกับกางเกงยีนเข้ารูปที่กำลังรอเขาอยู่แบบไม่หนีหายไปไหน คงเพราะทุกครั้งที่เจอกันอีกฝ่ายจะเอาแต่หลบหน้าให้เขาต้องคอยตามตลอดละมั้ง
“ไม่หรอกครับ อ่านี่คือพี่สาวผม” แล้วมือบางก็ผายหาหญิงสาวทั้งสองที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“สวัสดีครับ” ดันเต้เอ่ยทักทั้งคู่อย่างสุภาพทันทีที่ทั้งสองเบียดแทรกซีเข้ามายืนประชิดตรงหน้าเขา
“สวัสดีค้า ฉันแพรวค่ะรุ่นเดียวกับคุณส่วนนี่พิณน้องสาวอ่อนกว่าปีนึง” แพรวชิงตัดหน้าแนะนำตัวก่อนพร้อมส่งสายตาหวานเยิ้มให้ชายหนุ่มที่หมายปอง
“พวกเราดีใจนะคะที่คุณอยากรู้จักเรา”พิณเองก็ไม่ยอมแพ้บอกกล่าวกับอีกฝ่ายเสียงอ่อนเสียงหวาน
“ผมนึกว่าหนึ่งในพวกคุณคือคนที่ผมตามหาอยู่นะครับ” แต่แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ ครั้นจะปฎิเสธไปตรงๆก็ดูจะเป็นการหักหน้ากันเกินไปซักหน่อย ยังไงซะเขาก็เป็นฝ่ายนัดออกมาเองด้วย ยอมรับว่าผิดหวังนิดหน่อย แต่อีกส่วนนึงกลับแอบดีใจอยู่ลึกๆเหมือนเขายังต้องการหาเหตุผลให้ตัวเองคอยเข้าใกล้เด็กหนุ่มร่างผอมบางนั่นอยู่
“แล้วถ้าเกิดใช้ขึ้นมาละคะ”แพรวตอบลากเสียงอย่างยั่วยวน
ดันเต้ยังคงส่งยิ้มให้แบบเดิม ใช่ว่าเขาจะไม่เคยเจอแบบนี้ แรกๆนั้นค่อนข้างเจอบ่อยเสียด้วยเขาจึงมีวิธีรับมืออยู่แล้ว“งั้นผมคงต้องขอถามอะไรพวกคุณหน่อย”
“ว่ามาได้เลยค่ะ ถึงพี่แพรวจะตอบไม่ได้แต่พิณตอบได้แน่นอนค่ะ”พิณตอบด้วยรอยยิ้มมั่นใจ เรื่องพี่ดันเต้เธอหาข้อมูลมาอย่างดีไม่มีทางพลาดแน่นอน
เมื่อเห็นน้องสาวเริ่มขัดแข้งขัดขากันมีหรือเธอจะยอมเรื่องอะไรจะยกผู้ชายเพอร์เฟ็กขนาดนี้ให้ “พิณอย่ามาโกหกแบบนี้สิจ๊ะ เราก็รู้ว่าใครคือตัวจริง”
“งั้นผมจะถามนะครับ”
“ค่ะ”แพรวพิณตอบออกมาแทบจะพร้อมกัน
“ถ้าคุณคือคนที่ผมตามหางั้นของที่ผมเอามาจากคุณในคืนนั้นคืออะไรหรือครับ”
เมื่อจบคำถามทั้งสองก็เงียบไปก่อนที่แพรวจะหัวเราะออกมาอย่างเป็นต่อ “ง่ายมาค่ะของที่คุณเอาไปจากฉันคือ….”
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ