Where are you my Princess? (Yaoi)
เขียนโดย C_W_C
วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.56 น.
แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.05 น. โดย เจ้าของนิยาย
5) เผชิญหน้า
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเหมือนฟ้าแกล้ง ทั้งที่ตั้งใจจะไม่เฉียดใกล้ชายที่ชื่อดันเต้อีก แต่กลับกลายเป็นว่าความถี่ที่อย่างน้อยจะเจอวันละครั้ง กลายเป็นอย่างน้อยวันละสามเวลาหลังอาหาร! ทำเอาร่างบางต้องคอยหลบเลี่ยงเป็นพัลวัน ทั้งหันหลังหนี แกล้งทำเป็นมองไม่เห็น หรือจวนตัวจริงๆก็รีบตัดบทหนีออกมา ความบังเอิญแบบนี้มันช่างน่ากลัวจริงๆ
แต่ในทางกลับกันร่างสูงใหญ่ของหนุ่มลูกครึ่งที่กำลังเดินไปยังลานจอดรถของคณะ ภายในจิตใจกัมลังปะทุไปด้วยความหงุดหงิดอย่างเต็มเปี่ยม หลังจากวันนั้นที่บาร์ชายหนุ่มก็ได้บังเอิญเจอรุ่นน้องที่พึ่งรู้จักอีกหลายครั้งแต่ไอ้อาการหลบหน้ากันแบบนั้นมันคืออะไร!
แรกๆก็นึกว่าเขาคิดมากไปเองแต่พอหลายทีเข้าก็เริ่มจะแปลกๆ ทั้งที่คิดว่าร่างบางนั้นเห็นเขาแน่ๆแต่อีกฝ่ายกลับเสหลบทำเป็นมองไม่เห็นแถมเดินเลี่ยงเขาไปทางอื่นอีกต่างหากอย่างนี้มันจงใจกันชัดๆ!
ไม่ใช่ชีวิตนี้ไม่เคยเจอคนเกลียดขี้หน้า ออกจะมีเยอะด้วยซ้ำไป ดังคำกล่าวที่ว่าคนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ แต่เขาก็ไม่เคยแคร์แล้วเก็บมาเป็นอารมณ์เลยซักครั้ง แต่รุ่นน้องคนนั้นทั้งที่ไม่ได้ดูโกรธเกลียดเขาตรงไหนแต่กลับเอาแต่หนี มันทำให้เขาไม่เข้าใจแล้วพาลหงุดหงิดไปด้วย เขาก็ไม่เคยทำไม่ดีอะไรใส่น้องเขาซักหน่อย ทำไมต้องมาคอยหนีกันด้วย!
ขณะที่กำลังถกกับตัวเองอยู่ในใจนั้น ดวงตาเฉียบคมก็ตวัดไปเห็นคนในความคิด แล้วร่างทั้งร่างก็ราวกับถูกสะกดให้หยุดนิ่งด้วยดวงตาคู่นั้น
ร่างผอมบางของรุ่นน้องที่ตลอดหลายวันมานี้เอาแต่หลบหน้าเขา ยืนเดียวดายห่างออกไปที่ระเบียงทางออกอาคาร ดวงตาคู่สวยหลังกรอบแว่นจับจ้องเม็ดฝนที่กำลังโปรยปรายด้วยแววตาศร้าสร้อย แต่กลับแลดูหน้าหลงไหลในสายตาของดันเต้ ก่อนที่ร่างบางจะก้มลงมองนาฬิกาที่ข้อมือ แล้วตวัดเอาเป้หนังสือด้านหลังมากอดไว้แนบอกแล้วทำท่าจะก้าวออกไปเผชิญกับความหนาวเหน็บของเม็ดฝน
ดันเต้จึงก้าวออกไปคว้าคอเสื่อของอีกฝ่ายไว้อย่างไม่ยั้งคิด “ปกติแล้วเขาต้องเอามาบังหัวไว้ไม่ใช่หรอไง เป๋น่ะ”
“พี่ดันเต้” เมื่อซีหันกลับมาเห็นว่าใครเป็นคนฉุดเขาไว้ก็ทำเอาหัวใจแทบหยุดเต้น
“สะ…สวัสดีครับ”
ดันเต้พยักหน้ารับนิดหน่อย ก่อนจะปล่อยมือออกจากคอเสื้อของร่างบางแล้วชี้ไปที่กระเป๋าเป๋ของอีกฝ่าย“ถ้าคิดจะฝ่าฝนละก็ไม่เอาเป๋มาบังหัวไว้ละ เดี๋ยวจะไม่สบายเอานะ”
“คือผมไม่อยากให้หนังสือมันเปียกน่ะครับ” คำตอบเรียกคิ้วหนาให้เลิกขึ้น ห่วงหนังสือมากกว่าตัวเองเนี่ยนะ
“งั้นไม่รอให้ฝนมันหยุดก่อนละ รีบหรอ?”
“ครับ คือผมต้องไปทำงาน”
“หือ? ที่ไหนละ”นี่ก็ยังไม่ถึงเวลาเปิดร้านของบาร์Night sky แสดงว่าร่างบางทำงานที่อื่นด้วย
“เอ่อ…เป็นร้านอาหารน่ะครับ ผมจะสายแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ” ซีไม่อยากบอกชื่อร้านให้ชัดเจนเลยเลี่ยงออกไปแล้วพยามตัดบทสนทนาเหมือนทุกครั้ง
ร่างบางก้าวออกไปปะทะเม็ดฝนและกำลังจะเร่งฝีเท้าหนีรุ่นพี่คนนี้ แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วฉุดกลับเข้ามาภายใน อย่างที่ซีไม่ทันตั้งตัว
“เดี๋ยวสิ เดี๋ยวพี่ไปส่ง จะไปหาอะไรกินอยู่แล้วด้วย” พยามหนีเขาดีนักครั้งนี้เขาไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอก
“มะ..ไม่ต้องหรอกครับ”
“ไม่เป็นไรๆ”ตลอดการสนทนารุ่นน้องคนนี้ก็เอาแต่ก้มหน้าตอบเขาอ้อมแอ้ม ทำให้รู้สึกอยากแกล้งขึ้นมาตะหงิดๆ ดันเต้เลยจัดการมัดมือชก ลากร่างผอมๆบางๆนั้นปลิวตามมาที่รถเขาทันที
ใครก็ได้ช่วยซีด้วย!!!
“พี่รักษ์ แล้วซีละ” เสียงหวานของนิวดังขึ้นถามมาจากประตูห้องชมรม เมื่อมองไปทั่วแล้วก็ไม่เห็นเป้าหมายที่ตัวเองตามหา
ชายผิวเข้มเงยหน้าขึ้นจากเตาอบ เมื่อเห็นว่าเป็นใครถึงขยับปากเอ่ยตอบ “ช่วยงานรับน้อง เลยไม่ได้เข้าชมรม”
“ว้า~ จริงหรอเนี่ย ว่าจะมาขอหนมกินซะหน่อย”นิวทำปากยู่ขัดใจอย่างน่ารัก
ดวงตาเฉยชาจับจ้องหน้ารุ่นน้องซักพัก ก่อนจะกวักมือเรียกคนตัวเล็กให้เข้าไปหา เมื่อเห็นดังนั้นนิวจึงเดินเข้าไปภายใน ระหว่างนั้นร่างสูงก็หันไปเปิดเตาอบแล้วหยิบถาดคุ๊กกี้หน้าตาน่ารักไม่เข้ากับคนทำมายื่นให้ตรงหน้าแบบไม่พูดไม่จา
นิวมองขนมตรงหน้าตาปริบๆ แล้วหยิบชิ้นนึงใส่ปาก ความกรุบกรอบและหวานละมุนแผ่ซ่านไปทั่วส่งให้นิวเงยหน้ามองคนทำแล้วยกนิ้วโป้งให้อย่างร่าเริงแถมด้วยรอยยิ้มสวยๆที่ทำเอาคนมองแทบลืมหายใจ
ดวงหน้าคมเข้มไร้อารมณ์แลดูอ่อนโยนขึ้นอย่างน่าประหลาดทั้งที่ไร้รอยยิ้ม มือหนาข้างหนึ่งยื้นมาว่างบนศรีษะทุยแล้วลูบเบาๆ คนตัวเล็กเองก็ปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจส่วนตัวเองก็หยิบขนมใส่ปากเคี้ยวตุ้ยๆอย่างอารมณ์ดี
เมื่ออิ่มหนำกับขนมจนพอใจ นิวก็นึกขึ้นได้ “จริงสิตามไปหาซีซักหน่อยดีกว่า มีเรื่องต้องคุย”
“เดี๋ยวไปส่ง” แล้วร่างสูงของพี่รักษ์ก็เดินเคียงคู่กับนิวออกจากห้องไป
มันเป็นภาพที่เห็นได้บ่อยในห้องคหกรรม เมื่อคนตัวเล็กน่ารักมาที่ห้องนี้แล้วไม่เจอเพื่อน ก็จะโดนประธานชมรมยึดตัวไปอย่างเนียนๆ แต่ว่า….
รู้สึกกันบ้างมั้ยเนี่ยว่าไม่ได้อยู่กันสองคนน่ะหาาาาา
ระหว่างหนุ่มหน้าตายกับคนหน้ารักไม่มีบทสนทนาใดๆต่อกัน จนกระทั้งคู่มาหยุดที่ทางอออกอาคารเพื่อไปต่อยังที่จัดกิจกรรมรับน้องของคณะคหกรรมหากไม่ติดฝนที่ตกกางกั้นพวกเขาไว้
ขณะที่กำลังตัดสินใจอยู่นั้นว่าจะทำอย่างไรต่อ ก็มีรถคันนึงวิ่งผ่านหน้าพวกเขาไป แต่ภาพคนที่นั่งอยู่ในรถนี่สิทำเอานิวแทบช๊อค
นั้นมันพี่ดันเต้นิ นั่งไปกับเพื่อนเขาด้วย!
ร่างบางถูกจับให้มานั่งอยู่ในรถเบนซ์คันงานที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่ารุ่นอะไร รู้แค่ว่ามันคงแพงมากจนทำเอาเขานั่งตัวแข็งทื่อและยิ่งเกร็งเข้าไปอีกเมื่อต้องนั่งข้างพี่ดันเต้ที่เขาพยามหนีให้ห่างมากที่สุด!
ภายในรถเงียบสนิทมีเพียงเสียงสายฝนที่ตกกระทบเป็นจังหวะ ซีหันมองออกไปนอกหน้าต่างด้านข้างอย่างที่ไม่มีอะไรทำที่ดีกว่านี้ อยากจะขออีกฝ่ายเปิดเพลงให้มาช่วยทำลายความเงียบน่าวังเวงนี้บ้างแต่ปากก็หนักจนไม่กล้าขยับ
“เอาละ สรุปแล้วเราทำงานที่ร้านไหนละ”หลังจากเงียบกันมาได้ซักพักดันเต้ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
ซีละสายตาจากวิวนอกหน้าต่าง มาก้มมองมือที่กุมกันไว้บนตักอย่างชั่งใจ
“ไม่บอกพี่ก็พาไปไม่ถูกนะ”
เมื่อซีเห็นว่าไม่มีทางเลือกแล้วจึงจำใจบอกชื่อร้านออกไป
“หือ..เราก็ทำงานอยู่ร้านนั้นด้วย? ร้านประจำพี่เลยนะ ทำไมจำไม่ได้ว่าเคยเห็นเรา”
“พี่คงไม่ทันสังเกตน่ะครับ”
ดันเต้ส่งเสียงรับคำในลำคอเบาๆ แล้วทั้งคู่ก็เงียบกันต่อไปอย่างนั้นจนรถติดไฟแดง ร่างบางยิ่งเกร็งตัวมากขึ้นเมื่อรับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาที่ตน แล้วซักพักร่างหนาก็ขยับตัว ทำให้ซีเพ่งความสนใจไปที่มือทั้งสองที่กุมกันแน่นบนตักราวกับจะมองให้ทะลุ
แต่แล้วภาพมือของตนเองก็ถูกบดบังด้วยผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้ม ที่ยื้นมาจากคนข้างๆ ซีมองผ้าผืนนั้นอย่างงๆแล้วไม่ทำอะไรจนดันเต้ต้องเป็นฝ่ายกระตุ้น
“รับไปสิ เช็ดหน้าเช็ดหัวซะหน่อย ปล่อยไว้แบบนั้นเดี๋ยวไม่สบายนะ”
“มะ..ไม่เป็นไรครับ แค่นิดหน่อยเอง”
ถึงซีจะปฎิเสธออกไปแล้วแต่มือหนาก็ยังไม่ขยับไม่ไหน อีกฝ่ายก็ไม่ยอมพูดอะไร จนซีเป็นฝ่ายถูกกดดันให้หงายมือทั้งสองขึ้นรับ พี่ดันเต้เองจึงพลิกมือวางผ้าลงไปอย่างพอใจ
เมื่อซีรับผ้าเช็ดหน้ามาแล้วเขายังเหลือบเห็นมือหนายื่นไปปรับแอร์ให้เบาลง แล้วกดปุ่มเปิดเพลงให้ดังขึ้นทำลายความเงียบ บทเพลงเบาสบายคลอเคล้าไปกับเสียงฝนตกนั้นช่วยให้ซีรู้สึกดีขึ้นมาก จึงบอกขอบคุณกับอีกฝ่ายเสียงเบา
“ขอบคุณครับ” พอเห็นร่างเล็กเริ่มผ่อนคลายลง ดันเต้ก็ระบายยิ้มจางๆบนเรียวปาก แล้วขับรถออกไปเมื่อสัญญาณไฟกลายเป็นสีเขียว
ท่ามกลางบรรยากาศเย็นชื้นของฝนตก ซีกลับรู้สึกอบอุ่นข้างในใจอย่างบอกไม่ถูก
--------------------------------------------------------------
ขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามอ่านมาถึงตอนนี้นะคะ^^
แต่ไม่รู้ว่าชอบกันหรือเปล่ายังไงก็ช่วยมาบอกกันด้วยนะคะ^^
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ