Where are you my Princess? (Yaoi)

10.0

เขียนโดย C_W_C

วันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 20.56 น.

  25 บท
  3 วิจารณ์
  35.59K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2557 21.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

24) สงบสุขก่อน...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               

 

               

               ซีมองตามเพื่อนและรุ่นพี่เดินไปคุยกันที่มุมอาคารถึงจะยังมองเห็นแต่ก็ไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน แต่ซีก็ยืนสงสัยอยู่ได้ไม่นานเมื่อจู่ๆเพื่อนสาวก็ฉุดมือทั้งสองข้างของเขาไปกำไว้แน่นแล้วมองมาด้วยสายตาวาวๆ

               “พี่ดันเต้บอกรึยัง บอกแล้วใช่มั้ย ท่าทางแบบนี้บอกแล้วใช่มั้ย บอกยังไงเล่ามาๆๆ”

               ทอฝันรัวคำถามใส่จนซีได้แต่ยืนเอ๋อแบบประมวลผลคำถามของหญิงสาวไม่ทัน แต่ซักพักพอนึกได้ใบหน้าขาวเนียนก็เริ่มแดงก่ำ ซีกดหน้าลงหลบตาทอฝันอย่างเขินอายซึ่งทำให้หญิงสาวกรี๊ดแทบลั่น

               “กรี๊ด~~ บอกแล้วสินะๆ อ๊ายยยย”ฝันกระโดดๆด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะเปลี่ยนมาจับไหล่ทั้งสองข้างของเพื่อนหนุ่มแล้วเขย่าจนซีหัวสั่นหัวคลอน

               “แล้วซีละๆ บอกพี่เขาไปรึยัง”

               “เรายังไม่แน่ใจเลย”ซีตอบอ้อมแอ้มทั้งที่หน้ายังแดงจัด

               “โหยซีมาขนาดนี้แล้ว ยังไม่มั่นใจอีกหรอ”ทอฝันถึงกับต้องหน่ายใจกับนิสัยเพื่อน

               “ก็มัน~”

               “ซีวางเรื่องอื่นทิ้งไว้ก่อนนะ แล้วฟังเรา”ฝันพูดแล้วก็ทำหน้าจริงจังแบบนานๆทีซีถึงจะได้เห็น

               “แค่ได้เจอก็ดีใจ พอพี่เขาไม่สนใจก็รู้สึกเศร้า เป็นสุขได้เสียใจได้แค่เพราะการกระทำของพี่เขาใช่มั้ยละ สายตาก็เอาแต่มองหาแต่พี่ดันเต้ ตะกี๊เราเห็นน้าออกมาก็หาใหญ่เลยน่ะ อย่างงี้ยังจะไม่มั่นใจอีกหรอ”ว่าจบทอฝันก็จับเพื่อนหนุ่มหมุนไปทางพี่ดันเต้ที่กำลังเดินกลับมาหา

               “อย่ามัวแต่เขินน่า เดี๋ยวของดีก็หลุดมือไปหรอก”

               ก็คงจะจริงอย่างที่เพื่อนสาวว่า เขาทั้งทุกข์และสุขได้เพียงเพราะคนๆเดียวแบบที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อน ใจเต้นทุกครั้งที่ได้ใกล้ชิด คิดถึงทุกครั้งที่ไม่ได้เจอ รู้สึกผ่อนคลายเวลาที่อยู่ใกล้และรู้สึกปลอดภัยเหมือนเขาสามารถแสดงความอ่อนแอภายในให้คนๆนี้เห็นได้ แล้วเขายังไม่ขัดขืนสัมผัสของพี่ดันเต้เลยซักนิดอีกต่างหาก…

               “ไปเลยมั้ย”ดันเต้ส่งยิ้มบางพร้อมกับเอื้อมมือหนาใหญ่มาตรงหน้า

               ความอ่อนโยนที่พี่ดันเต้หยิบยื้นให้เขาไม่ทันรู้ตัวเลยว่าได้ไขว้คว้ามันเอามายึดไว้แน่นเสียแล้ว…

               “ครับ”ซีก้มหน้าตอบรับด้วยความเขิน ก่อนจะยื้นมือไปวางลงบนมือหนาแม้จะดูสั่นๆอยู่ก็ตาม

               …และเขาอยากจะยึดมันไว้เพียงคนเดียว…ถ้าทั้งหมดนั้นเขาเรียกกันว่ารักละก็….

               ดันเต้กระชับมือบางไว้แน่นพร้อมกับรอยยิ้มที่กว้างมากกว่าเดิม ก่อนทั้งคู่จะจับจูงให้เดินเคียงข้างกันไป ไออุ่นจากมือที่กอบกุมส่งผ่านเข้าไปถึงหัวใจด้วยน้อยของซีที่เต้นเป็นจังหวะของความสุขที่ห่างหายไปนาน ให้ใบหน้าสวยต้องเผลอระบายยิ้มอย่างกลั้นไม่อยู่

               …เขาก็คงรักพี่ดันเต้เข้าแล้วจริงๆ

 

               ซีเดินเสิร์ฟของหวานในร้านเบเกอรี่อย่างคล่องแคล้วเช่นเดิม แต่ดวงตาหลังกรอบแว่นมักเหลือบมองไปที่โต๊ะตัวหนึ่งที่มีชายหนุ่มลูกครึ่งนั่งพิมพ์งานอยู่ หรือเอาจริงๆเขาก็มองมาตั้งแต่อยู่บนรถแล้วละ

               มารู้ตัวแล้วว่าตัวเองคิดอย่างไรก็ดูจะตอบทุกคำถามในสิ่งที่ตัวเองเป็นได้ เหมือนทุกปัญหาคลี่คลายอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ปัญหาใหญ่สำคัญเขาคือจะให้คำตอบที่ชายหนุ่มต้องการได้อย่างไร…

               ดันเต้เงยหน้าขึ้นกระทันหันทำให้สบตาเข้ากับซีอย่างจังโดยที่ร่างบางไม่ทันตั้งตัว และรอยยิ้มรวมทั้งแววตาที่แสดงออกถึงการรู้ทันว่าเจ้าตัวรู้ว่าซีมองอยู่นั้น ก็ทำให้ร่างบางลุกลี้ลุกลนทำเป็นเก็บโต๊ะแล้วเริ่มเดินชนโน้นนี่ให้ขอโทษเขาไปทั่ว

               ..ในเมื่อเขายังเขินแทบบ้าอยู่แบบนี้!!

               “ซีเป็นอะไรรึเปล่าลูก”คุณทิพย์ถามจากหลังเคาน์เตอร์เมื่อเห็นซีมีอาการแปลกๆขึ้นมาอีกครั้ง

               “ปะ…เปล่าครับ”ซีรีบปฏิเสธ

               “แน่ใจนะจ๊ะ หน้าแดงๆไม่สบายรึเปล่า ถ้าไม่ไหวพักก่อนก็ได้”

               “ผมไม่เป็นอะไรจริงๆครับ คงอากาศร้อนน่ะครับ”ซีรีบปั้นยิ้มกลบเกลื่อนแถมโบกไม้โบกมือทั้งที่ยังถือถาดอยู่ด้วยท่าทางตลกๆ

               ถึงคุณทิพย์จะยังงงอยู่ว่าทำไมคนตรงหน้าถึงร้อนทั้งที่อยู่ในห้องแอร์แต่ก็ยอมปล่อยผ่านไปเมื่ออีกฝ่ายยืนกรานว่าไม่ได้เป็นอะไร แล้วพูดเรื่องอื่นที่คิดจะบอกแทน

               “ลูกซีวันหยุดพรุ้งนี้ร้านปิดนะจ๊ะ เราไม่ต้องมาทำงานนะ”

               “เอ๊ะ คุณแม่จะไม่อยู่หรอครับ?”ซีเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย โดยปกติคุณทิพย์จะไม่ทิ้งร้านให้ใครดูแล เธอจะเข้าร้านตลอดหากไม่ว่างก็จะปิดร้านเพราะโดยปกติแล้วจุดประสงค์การเปิดร้านนี้ก็ไม่ได้ต้องการแสวงหากำไรอยู่แต่ต้นแล้ว

               “พรุ้งนี้เป็นวันครบรอบแต่งงานนะจ๊ะ”คุณทิพย์ตอบด้วยใบหน้าติดจะแดงๆทำให้ซีอดจะยิ้มล้อคนสูงวัยกว่าไม่ได้

               “เลยจะไปเลี้ยงสินะครับ”

               “จ๊ะ ไปๆลูกค้าเข้าร้านแล้ว”คุณทิพย์รีบไล่คนที่เธอเห็นเป็นเหมือนลูกด้วยความเขิน ซึ่งซีก็หัวเราะเบาๆแล้วยอมเดินไปทำงานต่อแต่โดยดี

               ซีทำงานไป แอบมองดันเต้ไปแล้วก็สะดุดโต๊ะชนคนไปเรื่อยจนถึงเวลาเข้างานที่บาร์พี่ดันเต้ก็มาส่งให้ถึงที่แม้จะไม่ได้รอส่งกลับเหมือนวันก่อนเพราะช่วงนี้พี่ดันเต้ต้องวุ่นอยู่กับการทำทีสิสจบการศึกษา

               ซีเดินเข้าห้องของตัวเองก่อนจะเปิดไฟ แต่ยังไม่ทันที่ซีจะทันทำอะไรต่อ เสียงโทรศัพย์มือถือในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น ซีหยิบขึ้นมารับสายพรางวางเป๋ลงบนเก้าอี้ใกล้ตัว

               (ฮัลโหลครับ พี่ดันเต้)

               (ฮัลโหล ถึงบ้านยังครับ)น้ำเสียงทุ่มนุ้มคุ้นเคยดังมาตามสายทำให้ซีเผลอยิ้ม

               (ครับพึ่งถึงเลย)

               (งั้นซีไปอาบน้ำก่อนนะ แล้วเดี๋ยวพี่จะโทรไปใหม่)ดันเต้ว่ามาตามสาย

               (คุยตอนนี้เลยก็ได้ครับ)ซีบอกเพราะตอนนี้เขาก็สะดวกคุยอยู่แล้ว

               (ไปอาบน้ำให้สบายก่อนนะครับซี)แต่พี่ดันเต้ก็ยังคงเหมือนเดิม ซีส่ายหัวไปมายิ้มๆก่อนจะยอมรับคำอีกฝ่ายแต่โดยดี

               (ก็ได้ครับ)

               พอซีตอบอีกฝ่ายก็ตัดสายไปทันที ซีจึงทำตามที่พี่ดันเต้บอกคว้าเสื้อผ้าเข้าไปอาบน้ำพอเสร็จก็กลับเข้าห้องมานั่งจุ๊มปุ๊กรอโทรศัพย์อยู่ที่เตียงอย่างว่าง่ายแอบขำตัวเองอยู่เหมือนกันที่เชื่อฟังคำพูดอีกฝ่ายขนาดนี้

               ซีนั่งเช็ดผมที่เปียกชุ่มจากการสระอยู่ไม่นานเสียงโทรศัพย์ก็ดังขึ้น ซีคว้ามากดรับสายทันทีโดยไม่ต้องมองก็รู้ว่าใครโทรมา

               (ครับพี่ดันเต้)

               (ฮัลโหล อาบน้ำเรียบร้อยยังเอ่ย)

               (เรียบร้อยแล้วครับ)

               (งั้นเดิมมาดูที่หน้าต่างหน่อยสิ)ดันเต้บอก

               คำบอกของพี่ดันเต้ทำให้ซีคว้าเอาแว่นที่ถอดออกตอนอาบน้ำมาสวมแล้วเดินไปชิดริมหน้าต่างด้วยความสงสัย พอมองลงไปก็ทำเอาซีถึงกับต้องตาโตเมื่อเห็นร่างสูงของคนที่เขากำลังพูดสายอยู่กำลังยืนพิงรถเบนซ์คันงามเงยขึ้นมาสบตากับเขาอยู่ที่หน้าบ้าน

               ซีกำลังจะพลิกตัววิ่งลงไปหาหากไม่ถูกเสียงตามสายห้ามไว้เสียก่อน (ไม่ต้องลงมา)

               (แต่ว่า..พี่ดันเต้มีอะไรงั้นหรอครับ ถึงได้มาถึงที่นี่)ซีทำท่าจะค้านแต่ก็รู้ว่าคงไร้ประโยชน์จึงยอมกลับไปยืนชิดริมหน้าต่างเหมือนเดิม

               (พี่แค่อยากเห็นหน้าเราเฉยๆน่ะ)

               (…)คำบอกตรงๆของพี่ดันเต้ยังไงซีก็ยังไม่ชินเสียทีเลยยังไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร ซึ่งอีกฝ่ายก็ถ้าจะรู้เช่นกันซีจึงได้เห็นและได้ยินเสียงชายหนุ่มหัวเราะเบาๆมาตามสาย ซีเลยเสทำท่าจะเปิดหน้าต่างแก้เขินแต่ก็โดนพี่ดันเต้ห้ามไว้อีก

               (ไม่ต้องเปิดหรอกเดี๋ยวยุงเข้านะ คุยแบบนี้แหละ)เมื่อว่าแบบนั้นซีเลยได้แต่ยอมลดมือลง

               (พรุ้งนี้ซียังว่างอยู่มั้ยครับ)ดันเต้ถาม

               (ว่างครับ)ซีเอาหน้าผากค้ำกับกระจกหน้าต่าง ให้มองอีกคนที่อยู่ด้านล่างได้ชัดขึ้น

               (งั้นซีไปเที่ยวกับพี่นะ)

               (เอ๊ะ?)เพราะคำชวนที่มาอย่างไม่คาดคิดทำให้ซีคิดคำตอบไม่ทันแม้จะรู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกก็ตาม

               (ได้มั้ย?)ดันเต้ถามย้ำ

               (ได้ครับ แต่พี่ต้องให้ผมไปเองนะ)พอซีว่าจบเขาเห็นพี่ดันเต้ยิ้มกว้างและซีก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาตามสาย

               (เดี๋ยวนี้รู้ทันนะ ก็ได้ครับรอบนี้พี่ตามใจซี งั้นเจอกันที่XXXตอน10โมงได้มั้ย?)

               (ได้ครับ ที่XXXตอน10โมง)เรียวปากบางคลี่ยิ้มละมุนอย่างเป็นสุข มือบางอีกข้างยกขึ้นนาบไปบนบานกระจก ตอนนี้ทั้งที่มีกระจกกั้นและอยู่ห่างถึงชั้น2แต่เขากลับรู้สึกเหมือนได้อยู่ใกล้พี่ดันเต้เหลือเกิน

               (งั้นก็ไปนอนได้แล้วครับ)ดันเต้บอกเมื่อเห็นว่ารบกวนร่างบางมานานพอแล้ว

               (พี่ดันเต้ก็ขับรถกลับดีๆนะครับ)ซีบอกกลับ

               (ซี)ดันเต้เรียกมาอีก ซีเห็นร่างสูงหยัดกายขึ้นยืนตรงแต่สายตายังคงเงยมองมาที่เขาอย่างมั่นคง

               (ครับ?)

               (พรุ้งนี้พี่จะรอคำตอบนะ)

               ปลายสายตัดไปแล้วแต่ซีก็ได้แต่ถือค้างไว้แบบนั้นเมื่อภาพที่เห็นคือชายหนุ่มลูกครึ่งที่ค่อยๆจรดริมฝีปากลงบนมือถือในมือตัวเองอย่างทะนุถนอมทั้งที่ดวงตาสีอ่อนยังสบประสานอยู่กับซีอย่างสื่อความหมาย หัวใจดวงน้อยเต้นกระตุก เลือดทั่วทั้งร่างกายวิ่งพล่านมารวมกันที่ใบหน้า

               ดันเต้จรดค้างอยู่แบบนั้นชั่วครู่ก่อนจะผละออก มุมปากกระตุกยิ้มบางก่อนจะโบกมือลาเขาแล้วขึ้นรถขับออกไปซีค่อยๆรูดตัวลงมาตามแนวกระจกด้วยขาที่ไร้เรี่ยวแรง หน้าผากและมือยังทาบค้างกับผนังอยู่แบบนั้นจนร่างบางมานั่งกองอยู่ที่พื้น แม้แต่มือที่ถือโทรศัพย์อยู่ก็ยังค้างอยู่แบบเดิม

               อย่างนี้สินะที่เขาเรียกกันว่าละลายน่ะ แต่ว่า…

               พี่เขาไม่อายบ้างรึไงนะที่ทำอะไรแบบนั้นน่ะ!...

               ซีนั่งสติแตกกับตัวเองอยู่แบบนั้น โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนแอบผละออกไปจากประตูห้องที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้อย่างเงียบๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา