Real Breaker

7.6

เขียนโดย คันศร

วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 17.46 น.

  19 บท
  18 วิจารณ์
  21.82K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2558 19.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) มหานครแห่งน้ำตา 2 (จบบท)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
ขนาดตัวอักษร เล็ก กลาง ใหญ่ ใหญ่มาก
         
          รีอารีบตรวจสอบพิกัดจากดาวเทียมถึงสถานที่ๆ เป็นเป้าหมายมันเป็นตึกสูงขนาดใหญ่ถึงแม้ว่ามันจะทรุดจนเอียงไปฝั่งหนึ่งแต่พวกเขาก็สามารถเห็นมันได้จากตรงนี้  ทั้งคู่จึงปรึกษาถึงเส้นทางที่จะใช้ก็ได้ข้อสรุปว่าพวกเขาจะเดินทางโดยลัดเลาะไปตามตัวตึกที่โผล่ขึ้นมาจากผิวน้ำ
          ถึงแม้ว่าทั้งคู่จะเร่งรีบเพียงใดแต่ด้วยสภาพเมืองที่ล่มสลายทำให้พวกเขาเสียเวลาไปเยอะมากกว่าที่คิดไว้ อีกทั้งอันตรายที่อาจเกิดจากปีศาจหรือแม้แต่จากมนุษย์ด้วยกัน ทำให้พวกเขาจำเป้นต้องเคลื่อนที่อย่างรัดกุม เพราะหากถูกพบในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขาย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างแน่นอน ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินทางลัดเลาะไปตามตัวตึกนั้นก็พบว่าตึกด้านหน้าที่จะใช้เป็นทางเกิดถล่มลง มีทางเดียวที่จะไปต่อได้คือต้องใช้เชือกเพื่อไต่ไป รีอาจึงหยิบอุปกรณ์ยิงลวดสลิงออกมาเธอใช้เวลาประกอบอยู่พักหนึ่งก็ได้ของที่มีหน้าตาคล้ายกับหน้าไม้ก่อนที่จะใช้มันยิงไปยังตึกที่อยู่ตรงข้าม เธอตรวจสอบความเรียบร้อยอยู่ครู่หนึ่ง
          ทันใดนั้นเองทั้งคู่ก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ในน้ำเบื้องล่าง เป็นเงารูปร่างคล้ายสัตว์เลื้อยคลานแต่ลำตัวท่อนบนกลับมีรูปร่างคล้ายกับมนุษย์ พวกมันกำลังว่ายวนเวียนอยู่รอบตึกของพวกเขา ทั้งคู่รู้ดีว่าหากตกลงไปคงไม่มีโอกาสรอดชีวิตซึ่งนั่นยิ่งทำให้ศาสรู้สึกหวั่นใจเข้าไปอีกเพราะมันคือการไต่เชือกครั้งแรกของเขา
          “มองชั้นให้ดี ทำตามที่ชั้นทำอย่ามองลงไปข้างล่าง เข้าใจนะ” รีอาบอกกับศาสก่อนที่เธอจะเริ่มไต่ออกไปด้วยความชำนาญ ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สามารถไปถึงอีกฝั่งได้ เมื่อเธอส่งสัญญาณให้ศาส เขาจึงรีบไต่ออกไปถึงแม้ระยะของมันน่าจะแค่ร้อยกว่าเมตรแต่เมื่อได้มาไต่ด้วยตนเองกลับให้ความรู้สึกว่าระยะทางของมันยาวขึ้นอย่างบอกไม่ถูก
          ในขณะนั้นเองสิ่งที่ทั้งคู่กลัวก็กลายเป็นจริง พวกเขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารในชั่วพริบตาหนึ่งก่อนที่ทั้งคู่จะถูกห่ากระสุนระดมยิงใส่ พร้อมกับการปรากฎตัวของกลุ่มชายฉกรรจ์นับสิบคนที่ดูเหมือนพวกมันจะดักซุ่มรอพวกเขาแต่แรกแล้ว ศาสพยายามเร่งความเร็วขึ้น อีกเพียงแค่ไม่กี่สิบเมตรก่อนจะถึงฝั่งทันใดนั้นเองก็ปรากฎสะเก็ดไฟวาบขึ้นบนสลิงก่อนที่มันจะขาดออกจากกัน
          “อ๊าคคคคค!!!” ศาสร้องขึ้นอย่างตกใจในขณะที่เขากำลังตกลงไปยังพื้นน้ำเบื้องล่างที่มีฝูงปีศาจกำลังรอเหยื่อของพวกมันอยู่ ถึงแม้รีอาพยายามจะเข้าไปช่วยแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะในตอนนี้เธอกำลังตกเป็นเป้าการโจมตีจากปืนนับสิบกระบอก ลีอาจึงจำเป็นต้องถอยไปตั้งหลักโดยอาศัยซากปรักหักพังที่อยู่โดยรอบเป็นที่กำบัง เพียงแค่ดูการจากซ่อนจิตสังหารและกลยุทธ์ที่ใช้จู่โจมแค่นี้ก็ทำให้เธอรู้แล้วว่าคนกลุ่มนี้น่าจะเป็นทหารรับจ้างที่ผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดี การเสี่ยงบุ่มบ่ามเข้าโจมตีกับคนพวกนี้คงไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย
          แต่เมื่อพวกมันต้องพบกับผู้ใช้ศาสตร์มนตราเช่นเธอ ด้วยรูปแบบการโจมตีที่ผิดแผกไปจากอาวุธต่างๆ อย่างที่พวกมันไม่เคยพบมาก่อน ทำให้พวกมันไม่สามารถเคลื่อนที่เข้าจู่โจมตามยุทธวิธีได้ พรรคพวกของมันคนแล้วคนเล่าต่างล้มลงทีละคนจากการโจมตีที่ไม่อาจคาดเดาได้ สร้างความสับสนให้กับพวกมันอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่สามารถขัดขวางการปิดล้อมของพวกมันได้อยู่ดี
          ในที่สุดพวกมันก็สามารถปิดล้อมรีอาเอาไว้ได้ เธอถูกตรึงอยู่กับที่จนไม่สามารถแม้แต่จะออกจากที่กำบังได้เลย พวกมันต่างเคลื่อนเข้าหาด้วยความหิวกระหายในการฆ่า ในพริบตาที่หัวหน้าหมู่ของพวกมันจะให้สัญญาณเข้าจู่โจม สิ่งผิดปกติบางอย่างก็เกิดขึ้นเมื่อลูกน้องที่ควรจะอยู่ด้านหลังทั้งสองคนกลับลงไปกองอยู่บนพื้น มันรีบกวาดสายตาค้นหาโดยรอบก็ไม่พบแม้สิ่งผิดปกติ จนกระทั่งมันสังเกตเห็นเงาบางอย่างที่แผงตัวอยู่หลังกองซากปรักหักพังมันรีบยิงไปที่เป้าหมายอย่างไม่ลังเล
          ทันใดนั้นเงาดำก็เคลื่อนที่หลบออกมาจากที่ซ่อนก่อนที่มันจะเคลื่อนที่ผ่านซากปรักหักพังที่อยู่บริเวณรอบๆ อย่างรวดเร็วจนยากที่จะยิงโดน กลับกันผลจากกระสุนที่ถูกยิงออกไป มันกลับไปถูกเข้ากับซากปรักหักพังที่อยู่รอบๆ จนเกิดเป็นม่านควันขึ้นบดบังทัศนวิสัยของพวกมันเสียเอง
          จนหัวหน้าของพวกมันร้องตะโกนสั่งให้หยุดยิงอย่างหัวเสียเพียงชั่วพริบตาหนึ่งก็เกิดประกายแสงของโลหะที่สะท้อนเข้ากับแสงแดดภายในกลุ่มควัน แต่กว่าที่พวกมันจะทันได้ตั้งตัว มีดสั้นรูปร่างแปลกตาก็พุ่งออกมาแทงทะลุผ่านเสื้อเกราะของพวกมันเข้าอย่างจัง ทำให้พวกมันเสียกำลังพลไปทันทีถึงสามนาย
          รีอาไม่รอช้าเธอใช้จังหวะในขณะที่พวกมันเปิดช่องว่างร่ายเวทย์เกิดเป็นประกายแสงสว่างวาบที่เกิดจากประจุไฟฟ้ามารวมกัน จนทำให้แม้แต่อุปกรณ์ไฟฟ้ายังเกิดการขัดข้องขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่มันจะกลายเป็นสายฟ้าพุ่งไปหาศัตรูพร้อมกับชิ่งไปโดนศัตรูที่อยู่รอบๆ ถึงแม้อาณุภาพของมันจะถูกควบคุมโดยผู้ใช้แต่ถึงอย่างนั้นพลังทำลายของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าปืนช็อตไฟฟ้าแรงสูงเลย ผลของมันทำให้กล้ามเนื้อของศัตรูเกิดอาการอัมพาตไปชั่วขณะ จนพวกมันทั้งหมดล้มลงไปกองกับพื้น
          “บะ บ้าน่า!!...กะ...แกรอดมาได้ยังไง” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อสายลมได้พัดพาเอาฝุ่นควันออกไปเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มที่พวกมันต่างคิดว่าตายไปแล้ว
          “ก็เพราะพวกแกประมาทยังไงล่ะเห็นผมตกลงไปในน้ำหรือเปล่าล่ะ...”
          “ฮึ่ก...ปะ เป็นไปไม่...ได้.....จากความสูงแบบนั้น....จะไม่บาดเจ็บเลยได้ยังไง”
          “อืมก็จริงแฮะ...แต่นั่นมันกรณีของคนธรรมดาน่ะนะ...” ศาสตอบพร้อมกับเดินเข้าไปดึงอาวุธของเขาจากร่างของศัตรู
          “กว่าจะมาช่วยได้ช้าจริงๆ เลยนะศาส”รีอาพูดขึ้นถึงแม้เธอจะทำเป็นไม่สนใจแต่เธอก็เข้ามาสำรวจตามตัวของเขาอย่างละอียด
          “ขอโทษที พอดีตอนที่ตกลงไปเชือกมันเหวี่ยงผมเข้าไปชั่นล่างน่ะสิ กว่าจะวิ่งกลับขึ้นมาบนนี้ได้...“ ศาสตอบพร้อมกับทำหน้าราวกับเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้หลังจากนั้นทั้งคู่จึงทำการปลดอาวุธของพวกมันพร้อมกับให้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นแก่คนที่บาดเจ็บหนัก
          ทันใดนั้นเองศาสก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายชั่วร้ายบางอย่างที่แม้แต่คนที่จับสัมผัสไม่เก่งอย่างรีอายังสามารถรับรู้ถึงมันได้พวกเขาพยายามกวาดสายตามองไปรอบๆ ทันใดนั้นก็ปรากฎมือที่หุ้มไปด้วยเกล็ดสีดำเลื่อมโผล่ขึ้นมาจับขอบระเบียงก่อนที่พวกมันก็ปีนกรูกันขึ้นมาจากทั่วทั้งสารทิศนับสิบๆ ตัวล้อมพวกเขาไว้ เพียงแค่เห็นร่างอันไม่สมกระกอบของมันที่มีครึ่งร่างเป็นงูแต่ท่อนบนกลับคล้ายมนุษย์มีส่วนหัวที่เหมือนกับสัตว์เลื้อยคลานพวกมันมีเกล็ดสีดำเลื่อมขึ้นปกคลุมตามตัว และยิ่งจำนวนของพวกมันที่มีมากกว่าพวกเขาเกือบสี่เท่า ในสถานการณ์ที่ราวกับตกอยู่ในฝันร้าย เหล่าชายฉกรรณ์ถึงกับหน้าถอดสีตาเบิกโพลงด้วยความหวาดกลัว บางคนร้องออกมาราวกับคนเสียสติ
          “อาวุธ!!ๆๆๆ” เสียงร้องของเหล่าชายฉกรรจ์ที่ร้องขึ้นซ้ำๆ กันอย่างร้อนรน ในสถานการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เวลาแบ่งมิตรหรือศัตรูอีกแล้วศาสรีบวิ่งเข้าไปใช้มีดตัดเชือกที่มัดตัวพวกมันไว้ส่วนรีอาก็รีบส่งอาวุธคืนให้กับพวกมัน ทันทีที่พวกมันได้จับอาวุธ เสียงปืนก็กลับมาดังสนั่นขึ้นอีกครั้ง แต่เมื่อคนธรรมดาต้องมาเผชิญหน้ากับสิ่งเหนือธรรมชาติ ความหวาดกลัวที่ถาโถมเข้ามา แค่ยิงปืนให้โดนเป้าที่อยู่ระยะประชิดยังทำได้ยาก และด้วยเกล็ดของพวกมันที่แข็งราวกับชุดเกราะทำให้กระสุนปืนธรรมดาแทบจะไร้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าพวกมัน เหล่าชายฉกรรจ์เริ่มถูกพวกมันสังหารลงทีละคนๆ อย่างไร้ความปราณี พวกเขาถูกลุกไล่และกำลังจะแตกพ่าย
          ใบดาบที่แหวกผ่านอากาศจนเกิดเสียงดังขึ้นจังหวะของมันเริ่มเร็วและดังขึ้นเรื่อยๆ เมื่อได้อาวุธที่เหมาะสมกับตนมาศาสก็สามารถดึงเอาความสามารถของวิชาดาบสองมือออกมาใช้ได้ถึงขีดสุด หนึ่งดาบใช้ปัดป้องการโจมตีจากฝ่ายตรงข้ามในขณะที่อีกดาบหนึ่งเข้าจู่โจมสอดประสานกัน เพียงพริบตาเดียวเขาก็สามารถจัดการกับคู่ต่อสู้ได้จนเลือดของพวกมันสาดกระเซ็นเต็มพื้น  แต่ถึงอย่างนั้นศาสและรีอาก็ไม่สามารถยื่นมือเข้าไปช่วยใครได้เลยได้แต่มองเหล่าชายฉกรรณ์ถูกสังหารไปทีละคนๆ เพราะลำพังแค่รับมือกับพวกมันก็เต็มกำลังของพวกเขาแล้ว แม้แต่การเปิดช่องว่างเพียงเล็กน้อยก็อาจนำพวกเขาไปสู่ความตายได้
          ในไม่ช้าเหล่าชายฉกรรณ์ก็ถูกสังหารจนเกือบหมดบางส่วนเริ่มถอดใจโยนปืนทิ้งพร้อมกับวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เพียงพวกเขาก้าวเท้าออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าวอาวุธรูปร่างคล้ายหอกก็ปักเข้ากลางหลังจนร่างนั้นกระเด็นลงไปนอนจมกองเลือด จนเหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
          “ศาสช่วยเปิดทางให้ที!”เมื่อได้ฟังศาสก็เข้าใจความหมายของมันทันที เขาเอื้อมมือเข้าไปหยิบอุปกรณ์บางอย่างในเสื้อโค้ทพร้อมกับโยนมันออกไปด้านหน้ากลางวงของศัตรู ก่อนที่มันจะระเบิดออกมาเป็นไอน้ำ ถึงมันจะแทบไร้ซึ่งพลังทำลายทางกายภาพ แต่ด้วยน้ำมนต์ที่ผ่านการทำพิธีกรรมตามแบบโบราณมันจึงมีผลต่อพวกปีศาจเป็นอย่างมาก ทันทีที่พวกมันสัมผัสไอน้ำจากการระเบิดผิวของพวกมันก็เกิดควันลุกขึ้นพร้อมกับร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ซึ่งทำให้พวกมันชะงักไปชั่วขณะรีอาจึงใช้โอกาสนี้ดึงตัวศาสวิ่งฝ่าพวกมันจนมาถึงมุมตึก
          “ช่วยถ่วงเวลาให้ชั้นสักหนึ่งนาที ฝากด้วยนะ” รีอาพูดพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ยิงลวดสลิงขึ้นมาถึงแม้สถานการณ์จะคับขันแต่เธอก็สามารถจัดการกับมันได้อย่างเยือกเย็น
          “เข้าใจแล้ว ฝากด้วยนะ” ศาสก้าวออกมายืนอยู่ตรงหน้าของพวกมันโดยมีรีอาที่กำลังจัดการกับอุปกรณ์อยู่ข้างหลัง ศาสคำนวนอย่างคร่าวๆ ก็พบว่าอาวุธของเขามีพลังงานเหลืออยู่แค่นาทีกว่าๆเท่านั้น ทุกอย่างจึงต้องเดิมพันไว้กับเธอแล้ว ในตอนนี้พวกปีศาจต่างพุ่งเป้ามายังพวกเขาสองคนมันค่อยๆ โอบล้อมพวกเขาก่อนที่จะเดินเรียงหน้าเข้ามา
          “เฮ้อ...เคยผ่านความตายมาก็เยอะแต่รอบนี้มือมันไม่หยุดสั่นเลยแฮะ...” ศาสพูดในใจเขาหลับตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะค่อยๆ ผ่อนแรงที่ใช้จับดาบให้เป็นไปตามธรรมชาติ  มือที่สั่นเทาก็เริ่มสงบลง ตัวเขาในตอนนี้ประสาทสัมผัสทุกส่วนได้ถูกกระตุ้นให้ตื่นตัวอย่างเต็มที่ และเขาเองก็เตรียมใจไว้พร้อมแล้ว
          ทันใดนั้นก็มีมือยื่นออกมาสวมกอดเขาจากด้านหลัง เขาจึงเหลือบไปมองด้วยความตกใจก็พบว่าเป็นรีอานั่นเอง
          “ดะ เดี๋ยว ไหนบอกหนึ่งนาท---!!!!” ศาสพูดยังไม่ทันขาดคำเขาก็ถูกดึงจนหงายหลังร่วงลงไปจากตึกจนเขาถึงกับร้องเสียงหลง
          “เพล้ง!!!” เสียงกระจกแตกดังขึ้น ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากจนเขารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตนเองลงมากองอยู่กับพื้นแล้ว พร้อมกับความปวดที่วิ่งไปทั่วร่างกาย ศาสพยายามลุกขึ้นเมื่อสำรวจไปรอบๆ ก็พบว่าตนเองหลุดเข้ามายังตึกฝั่งตรงข้าม โดยมีรีอานอนสลบอยู่ข้างๆ เขารีบเข้าไปหาเธอทันที ทัดใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างรั้งตัวของเขาไว้เมื่อก้มลงดูก็พบว่ามีอุปกรณ์เซฟตี้ที่รั้งตัวเขาเข้ากับเชือกเอาไว้ คงเป็นตอนที่เธอเข้ามาสวมกอดเขา ศาสรีบปลดมันออกและเดินเข้าไปหาเธอ ศาสถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อพบว่าเธอแค่สลบไปเพราะแรงจากการกระแทกเท่านั้น เมื่อเขาแหงนหน้ามองไปยังดาตฟ้าของตึกฝั่งตรงข้ามก็ไม่พบพวกมันแล้วและกลิ่นอายของพวกมันก็ค่อยๆจางหายไปดูเหมือนว่าในครั้งนี้พวกเขาจะเอาตัวรอดได้อย่างหวุดหวิด ศาสจึงล้มตัวลงนอนด้วยความโล่งใจ
          “อือ....” เมื่อรีอาเริ่มได้สติสิ่งแรกที่วิ่งเข้ามาในโสตประสาทคือความเจ็บปวดของร่างกาย แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่ต้องทำเธอจึงฝืนลุกขึ้นมาก็พบว่ามีมือหนึ่งเข้ามาช่วยประคองเธอไว้
          “เป็นยังไงบ้าง...” ศาสถามด้วยความเป็นห่วง ส่วนเธอก็ได้แต่ส่ายหน้าเหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไรทั้งๆ ที่ขาของเธอยังคงสั่นอยู่  
          “ชั้นสลบไปนานแค่ไหนแล้ว” รีอาถามพร้อมกับดูนาฬิกาซึ่งในตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสองแล้ว
          “ประมาณครึ่งชั่วโมง...เธอน่าจะพักอีกสักหน่อยนะ”
          “อูย...ทำไมทีนายยังไม่เห็นเป็นอะไรเลยล่ะ” รีอาถามพร้อมกับทำหน้ามุ้ยอย่างไม่สบอารมณ์
          “เธอเนี่ยน้า มันใช่เวลามาคิดเรื่องแบบนี้เหรอเนี่ย” ศาสรีบพูดสวนขึ้นก่อนที่ทั้งคู่จะมองหน้ากันและหัวเราะออกมา ดูเหมือนว่าอาการของรีอาเองก็ค่อยยังชั่วแล้ว ทั้งคู่จึงตัดสินใจเดินทางกันต่อก่อนที่ฟ้าจะมืด
          ระหว่างทางพวกเขาได้พบร่องรอยของผู้มาเยือนก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นซองอาหารสำเร็จรูป ไปจนถึงรอยกระสุนบนกำแพงและปลายทางที่ส่วนใหญ่มักจะลงเอยด้วยรอยเลือดและศพที่หายไปของพวกเขา ยิ่งสร้างความกดดันให้กับทั้งคู่ ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใกล้จุดหมายจนมองเห็นอาคารอย่างชัดเจนถึงแม้อาคารส่วนใหญ่ในระแวกนั้นจะถล่มลงจากแผ่นหินไหวแต่เศษซากของมันก็ยังพอใช้เป็นทางเข้าไปสู่ตัวตึกได้
          ทันใดนั้นเองหนทางที่ดูเหมือนจะราบรื่นกับกลายเป็นกับดักเมื่อฝูงปีศาจจำนวนมากโผล่ขึ้นมาจากน้ำพวกมันปีนขึ้นมาจากอาคารรอบๆ ราวกับแมงมุมที่รอคอยเหยื่อให้มาติดกับ ทันทีที่มันพบพวกเขามันก็พุ่งเข้าใส่อย่างบ้าคลั่ง  ด้วยจำนวนของพวกมันที่มากกว่าไม่นานพวกเขาก็ถูกต้อนจนมุม เมื่อด้านหลังเป็นทางขาดที่มีสายน้ำอยู่ด้านล่างที่เต็มไปด้วยพวกมันหากตกลงไปคงมีเพียงความตายที่รออยู่และเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยพวกมัน
          “เวลาแบบนี้คงต้องใช้ไอ้นั่นแล้ว” ศาสค่อยๆ เอื้อมมือไปหยิบระเบิดน้ำมนต์ในเสื้อโค้ทของเขา แต่เขาก็พบว่ามันได้หายไปจากที่ๆ มันควรจะอยู่ บางทีมันคงหลุดไปตอนที่พวกเขากระแทกกระจกเข้าไปในตึกเพื่อหนีพวกมัน
          ศาสและรีอามองหน้ากันอยู่พักหนึ่งแม้ไม่ต้องพูดแต่ด้วยประสบการณ์พวกเขาจึงรู้ดีว่าควรทำอะไร หากพวกเขาต้องการที่จะรอดจากสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ ก็มีเพียงเวทมนต์ของรีอาเท่านั้นที่สามารถทำได้ แต่การจะร่ายเวทมนต์ที่มีพลังทำลายล้างสูงขนาดนั้นเธอทำเป็นต้องใช้เวลามากในการร่ายศาสจึงก้าวออกไปยืนด้านหน้าเขาจำเป็นต้องถ่วงเวลาให้มากพอ
          “หมอบลง!! อย่าขยับ!!” เสียงร้องหนึ่งดังขึ้นมาจากดาตฟ้าตึกทางด้านหลังในขณะที่ศาสกำลังจะหันไปมอง รีอารีบใช้มือของเธอเข้ามากดตัวของศาสไว้ ก่อนที่จะเกิดระเบิดขึ้นด้านหน้าพวกเขาจนทำให้พวกปีศาจที่อยู่ตรงหน้ากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พร้อมๆกับการเปิดฉากยิงสนันสนุนอย่างแม่นยำจนทำให้พวกมันถอยออกไป
          “ทั้งสองคนจับเชือกไว้!!” สิ้นเสียงพูด เชือกก็ถูกเหวี่ยงลงมายังพวกเขาศาสและรีอารีบลุกขึ้นวิ่งพร้อมกับคว้ามันไว้ก่อนที่ชายลึกลับและพวกจะรีบดึงเขาขึ้นไป
          “เอาล่ะไม่รับบาดเจ็บกันใช่ไหมรีบวิ่งตามมาเร็วเข้า!!”  เมื่อขึ้นมาถึงยอดตึกชายลึกลับพร้อมด้วยพรรคพวกของเขาอีกหกคนก็พาศาสและรีอาวิ่งไปตามดาดฟ้าจนแน่ใจว่าพวกมันไม่ตามมาแล้ว พวกเขาจึงหยุดอยู่บนดาดฟ้าของตึกแห่งหนึ่ง
          “เอาล่ะถึงจะช่วยพวกนายไว้แต่ก็ใช่ว่าพวกชั้นจะไว้ใจพวกนายหรอกนะ” ชายคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้าออกมายืนต่อหน้าทั้งคู่ เขามีสีผิวดำแดงและผมหยักโศกยาวปะบ่าสีดำ รูปร่างสันทัดและสายตาที่ดูคมคาย ถึงจะดูสบายๆแต่ก็แผงไปด้วยความรู้สึกกดดันบางอย่าง ซึ่งเขาน่าจะเป็นหัวหน้าของกองกำลังนี้ กล่าวขึ้นพร้อมกับหันปืนสั้นมายังพวกเขา
          “เฮ้ย! พวกเธอยังเด็กอยู่เลยนี่เข้ามาที่นี่ได้ยังไง!?” ชายดังกล่าวพูดด้วยความตกใจเมื่อเห็นใบหน้าของทั้งคู่
          “เลิกถามคำถามแบบเด็กๆ เถอะพวกชั้นมาที่นี่ได้ยังไงและทำไมคุณน่าจะเดาออก แต่ก่อนอื่นเลยขอบคุณมากที่ช่วยพวกเราไว้ ชั้นรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบกองกำลังของหน่วยโบราณคดี” คำตอบของรีอาสร้างความแปลกใจให้พวกเขาไม่น้อย
          “นั่นสินะ...รู้จักกองกำลังลับของพวกเราซะด้วยดูเหมือนจะไม่ใช่เด็กธรรมดาซะแล้ว ชั้นชื่อเชนอย่างที่เห็นชั้นเป็นหัวหน้ากองกำลังของหน่วยโบราณคดีในสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เอาล่ะตาพวกเธอแล้วบอกมาซะว่าพวกเธอเป็นใครกันแน่”
          “ชั้นคิดว่าในตอนนี้พวกคุณคงเชื่อในเรื่องของปีศาจแล้วหากบอกว่าพวกชั้นเป็นจอมเวทย์คงไม่ยากเกินความเข้าใจสินะ”
          “...ก็น่าสนใจดีนะ...แต่เธอคิดว่าการพูดลอยๆ แบบนี้พวกเราจะยอมเชื่อจริงๆ เหรอ”
          “ไม่หรอก...ลองดูที่ปืนของคุณสิรีบปล่อยมันก่อนที่มือจะไหม้ดีกว่านะ” หลังรีอาพูดจบไม่นานเขาก็เริ่มรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากตัวปืนเมื่อเหลือบมองมายังปืนที่ถืออยู่ก็พบว่าเหล็กบนตัวปืนเริ่มกลายเป็นสีแดงเพราะได้รับความร้อนสูงจนเขารีบทิ้งมันลงด้วยความตกใจ  ในขณะที่พรรคพวกของพวกเขาที่อยู่รอบข้างรีบจับปืนขึ้นมาด้วยความตกใจแต่ก็ไม่มีใครสามารถทำได้เพราะปืนของพวกเขาต่างมีสภาพเดียวกัน
          “เวทมนต์มันมีจริงๆ เหรอเนี่ย...”เชนพูดขึ้นมาอย่างไม่เชื่อสายตาแต่เมื่อได้ประจักด้วยตนเองแล้วเขาก็ไม่อาจปฏิเสธถึงการมีอยู่ของมันได้
          “ชั้นชื่อรีอาเป็นนักเวทย์หรือที่พวกคุณเรียกว่าแม่มดส่วนอีกคนชื่อศาสตราเป็นทายาทของตระกลูหมอผี”
          “งั้นพวกเธอก็คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับวัตถุโบราณพวกนั้นสินะ”
          “ใช่...พวกเราต้องการมันเพราะมันอาจเป็นอาวุธอาคมหรืออุปกรณ์บางอย่างที่ใช้เพิ่มพลังเวทย์ก็ได้”
          “เฮ้ๆ ชั้นก็มีหน้าที่ต้องนำมันกลับไปในฐานะสมบัติของชาตินะคุณหนู “ เมื่อได้ฟังดังนั้นเชนเองก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด จนบรรยากาศในตอนนี้ดูแย่ลงกว่าเดิมเสียอีก
          “เอาล่ะขอบคุณที่ช่วยพวกเรานะ เดี๋ยวพวกชั้นคงต้องขอตัวแล้ว” รีอาพูดตัดบทพร้อมกับหันหลังออกมา เพราะรีอาเองก็ไม่อยากสู้กับพวกเขานัก
          “ว่าแต่พวกเธอจะเข้าไปยังไงล่ะ...หากไม่เชื่อลองเอาเจ้านี่ไปส่องดูสิ......” เชนหยิบกล้องส่องทางไกลยื่นให้กับรีอาเธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะรับมันไว้ เมื่อส่องเข้าไปภายในเธอก็แสดงอาการตกใจออกมาจนศาสเองอดสงสัยไม่ได้ ลูกน้องของเชนคนหนึ่งจึงยื่นกล้องส่องทางไกลให้กับศาส ในตอนนี้เขาเองเข้าใจท่าทีของเธอแล้ว เมื่อพบว่าภายในเต็มไปด้วยพวกมัน ราวกับว่าสถานที่นี้ถูกพวกมันใช้เป็นรังก็คงจะไม่ผิดนัก
          “ว่ายังไงล่ะ หากมีเป้าหมายเดียวกันล่ะก็มาร่วมมือกันก่อนไหมล่ะแล้วค่อยไปตัดสินกันข้างบนอีกที” เชนยื่นข้อเสนอในสถานการณ์ที่เสียเปรียบเช่นนี้การมีพันธมิตรเพิ่มย่อมส่งผลดีอยู่แล้ว รีอาจึงยอมรับข้อเสนอนั้นเพราะเธอเองก็ไม่คิดว่าจะแพ้เช่นกัน
          หลังจากที่ทั้งคู่ได้ตกลงกันแล้วทุกคนจึงถูกเรียกเพื่อหารือถึงแผนการ เพราะลำพังแค่พวกเขาคงไม่มีทางสู้กับพวกมันได้ การหารือเป็นไปอย่างเคร่งเครียด
          “เราน่าจะล่อมันเข้ามาในตึกข้างๆ แล้วใช้ระเบิดทำลายตึกทิ้งพร้อมกับพวกมันดีไหมครับ หากใช้วิธีนี้พวกเราน่าจะกำจัดพวกมันลงได้เยอะ” ชายคนหนึ่งในกลุ่มของเชนเสนอแผนการขึ้น
          “เป็นแผนที่น่าสนใจนะเลโอ แต่ตึกพวกนี้น่ะที่มันรอดจากแผ่นดินไหวได้มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกนะ...แต่เป็นเพราะโครงสร้างแบบพิเศษที่ทำไว้เพื่อรองรับภัยธรรมชาติ ระเบิดที่เรามีอยู่คงไม่เพียงพอที่จะทำลายโครงสร้างของมันได้...” เชนตอบด้วยท่าทีครุ่นคิด จากนั้นก็มีอีกหลายๆ แผนการถูกเสนอขึ้นจนเวลาล่วงเลยไปแต่ก็ยังไม่อาจหาข้อยุติได้ มีเพียงศาสเท่านั้นที่ยังคงให้ความสนใจในการสำรวจตึกเป้าหมายพร้อมกับเขียนอะไรบางอย่างลงบนแผ่นกระดาษ
          “เดี๋ยวก่อนนะทุกคน... ไม่แน่ว่าอาจมีทางอยู่ก็ได้นะ” ศาสพูดแทรกขึ้นกลางที่ประชุมพร้อมกับกางพิมพ์เขียวออก
          “หากดูจากพิมพ์เขียวนี่...ส่วนที่มีพวกมันอยู่เยอะที่สุดคือตรงนี้ซึ่งเป็นชั้นลอยกลางตึก....” ศาสชี้ไปที่พิมพ์เขียวเขาวิเคราะห์มันพร้อมกับใช้ปากกาเขียนคำนวนอะไรบางอย่างลงในกระดาษ จนทุกคนเริ่มให้ความสนใจในแผนการของเขา
          “ผมคิดว่าเราพอมีทางฆ่าพวกมันได้แล้วล่ะ...”ศาสพูดด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความมั่นใจเมื่อได้ดูข้อมูลจากพิมพ์เขียวโดยละเอียดแล้ว
          “ไหนเธอลองว่ามาสิ...” เชนถามอย่างสนใจ  
          “อืมหากใช้ไฟฟ้าจากตึกได้ละก็...”  
          “จะบ้าเหรอตึกนั่นจมน้ำมาร่วมร้อยปีเชียวนะจะไปมีไฟฟ้าได้ยังไง” ยังไม่ทันที่ศาสจะพูดจบเลโอก็รีบสวนขึ้นจนเชนต้องยกมือเป็นสัญญาณให้เขาเงียบลง ศาสจึงเริ่มพูดอีกครั้ง
          “ลองดูนี่สิ” ศาสยื่นกล้องให้กับเชนพร้อมกับเริ่มอธิบายต่อ
          “มันเป็นตึกที่ทันสมัยมากในสมัยนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะติดตั้ง *Solar Plant* เอาไว้ และหากดูจากไฟบนยอดตึกด้านบนที่ยังติดอยู่ ก็หมายความว่าระบบของมันยังคงทำงานอยู่...และหากอ้างอิงจากพิมพ์เขียวส่วนควบคุมระบบน่าจะถูกติดตั้งชั้นบนของอาคาร”
          *Solar Plant คือระบบที่ใช้แผงโซล่าเซลล์เปลี่ยนแสงอาทิตย์เป็นพลังงานไฟฟ้าขึ้นใช้งานเอง *
          “แล้วนายคิดจะใช้ไฟฟ้าจัดการพวกมันด้วยวิธีไหนล่ะ ด้วยความอึดของพวกมัน ไฟฟ้าแค่ระดับไฟบ้านคงฆ่าพวกมันไม่ได้แน่ๆ”เชนท้วงขึ้น
          “ใช่ครับ แต่ที่ผมต้องการก็คือการใช้แท่นเก็บประจุไฟช็อตใส่พวกมันโดยตรง หากเจอกระแสไฟฟ้าแรงสูงมากกว่าห้าแสนโวลต์ ล่ะก็พวกมันไม่มีทางรอดแน่ๆ”
          “ว่าแต่เธอจะใช้วิธีไหนล่ะ....”
          “งั้นผมขอเริ่มการอธิบายแผนการโดยละเอียดนะครับ...แผนการในครั้งนี้ผมจะแบ่งออกเป็นสองส่วน และจำเป็นต้องแบ่งกำลังพลออกเป็นสองทีม”
หลังจากศาสอธิบายแผนการทุกอย่างแล้วทุกคนต่างเห็นด้วยกับแผนในครั้งนี้ ก่อนที่เขาจะแบ่งกำลังพลออกเป็นสองส่วนด้วยตนเอง
          “...ศาส.....” รีอาเดินเข้ามาจับชายเสื้อของเขาไว้เหมือนเธอลังเลจะพูดอะไรบางอย่างแต่สีหน้าของเธอแสดงถึงความรู้สึกกังวลอย่างเห็นได้ชัด
          “ไม่ต้องห่วงนะ...ยังไงเราก็จะกลับออกไปด้วยกัน ใช่ไหมล่ะ” ศาสพูดด้วยรอยยิ้มพร้อมกับลูบผมของเธอจนความกังวลเริ่มจางหายไป
          “ได้เวลาแล้ว....ไว้เจอกันที่ตึกนะ”
          “เป็นแค่เบ้แท้ๆ ทำมาสั่ง หากนายเป็นอะไรไปล่ะก็ชั้นไม่ยอมแน่ๆ เข้าใจไหม!!”
          “คร้าบๆ ข้าน้อยขอรับบัญชาครับองค์ราชินี” ศาสยิ้มให้กับเธอก่อนที่เขาจะเดินทางไปพร้อมกับเลโอ ซึ่งในการทำภารกิจครั้งนี้กลุ่มที่ต้องลอบเข้าไปจัดการกับระบบภายในตึกมีเพียงแค่ศาสและเลโอเท่านั้น ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งจะต้องคอยหลอกล่อเพื่อเบนความสนใจของพวกปีศาจซึ่งได้แก่รีอา เชนและลูกทีมของเขาอีกหกนาย
          “ตอนแรกชั้นไม่ชอบขี้หน้าแกเลยว่ะ แต่พอเห็นความกล้าของแกแล้วชั้นล่ะนับถือจริงๆ ” เลโอยิ้มอย่างยียวน ก่อนที่เขาจะกำหมัดยกมาทางศาส
          “เออ...ผมก็เหมือนกัน ต่อจากนี้ไปขอฝากด้วยนะ” ศาสพูดพร้อมกับยื่นกำปั้นของเขาไปชกกำปั้นของเลโอ ก่อนที่ทั้งคู่จะเร่งฝีเท้าลัดเลาะไปตามซากตึกเพื่อไปยังจุดหมายที่กำหนดไว้
          “ไม่ตามไปจะดีเหรอ จริงๆ ชั้นก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่หรอกนะที่ให้ไปกันแค่สองคน” เชนหันมาถามรีอาในขณะที่พวกเขากำลังเคลื่อนพลไปยังตึกที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกับตึกเป้าหมาย
          ”...ถึงจะเป็นอย่างนั้นแต่มันก็การตัดสินใจของเขา ชั้นก็จะเคารพมัน...” รีอาตอบด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความมั่นใจเมื่อเชนเห็นดังนั้นเขาก็วางใจและไม่ถามอะไรเธออีก
          ในที่สุดกลุ่มของรีอาก็มาถึงที่หมายอุปกรณ์ต่างๆ ถูกตรวจสอบอีกครั้ง ในภารกิจครั้งนี้ไม่มีหลักประกันใดเลยว่าทุกคนจะมีชีวิตรอดกลับไป เพราะสิ่งที่พวกเขาต้องเผชิญต่อจากนี้เป็นเรื่องเหนือความจริงที่พวกเขาเคยได้รับรู้ แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขากลับดูสงบ เครื่องรางทางศาสนาหรือแม้แต่ภาพถ่ายของคนรักที่ถูกหยิบออกมา เพื่อสวดภาวนาภายใต้ดวงอาทิตย์อัสดง ชวนให้ความรู้สึกสงบเยือกเย็นราวกับว่าเป็นช่วงเวลาที่ตอกย้ำถึงการมีชีวิตอยู่ของพวกเขา
          “นี่ทีมหนึ่ง พวกเรามาถึงที่หมายแล้วพร้อมปฎิบัติงานแล้ว” เสียงเรียกทางวิทยุสื่อสารดังขึ้น
*ทีมหนึ่ง ประกอบไปด้วย ศาส เลโอ  ,ทีมสอง ประกอบไปด้วย รีอา,เชนและลูกทีมอีกห้าคน*
          “รับทราบทีมสองจะเริ่มโปรยเหยื่อในอีก 15 วินาที” เชนตอบกลับพร้อมกับใช้สัญญาณมือออกคำสั่งไปยังลูกน้องที่อยู่รอบๆ พวกเขาต่างรีบ กระจายกำลังออกไปตามจุดที่ได้วางแผนไว้
          เมื่อสิ้นเสียงสัญญาณนับเสียงปืนและระเบิดก็ดังขึ้นกึงก้องเชนนำพวกเขาบุกออกไปยังบริเวณหน้าตึกเป้าหมาย ความวุ่นวายของพวกมันเกิดขึ้นในทันที ไม่นานนักพวกปีศาจที่ก็กรูกันออกมาจากตึกเพื่อจัดการกับผู้บุกรุกรังของพวกมัน
          ในอีกด้านหนึ่งศาสและเลโอก็ได้ก็ได้เริ่มแผนการของพวกเขาขึ้นโดยการลอบเข้าไปยังตัวอาคารอีกฝั่งหนึ่งโดยอาศัยช่วงจังหวะชุลมุนนี้ ใช้เชือกไต่ไปยังอาคารที่เป็นเป้าหมาย แผนการเป็นไปดังที่คาดไว้ความสนใจทั้งหมดของพวกปีศาจในตอนนี้อยู่ที่ทีมของเชน และส่วนของชั้นลอยซึ่งเป็นสถานที่ทำรังของพวกมัน การป้องกันในชั้นต่างๆ จึงเบาบางจนพวกเขาสามารถลอบเข้าไปภายในได้ไม่ยาก เมื่อถึงที่หมายศาสรีบไปสำรวจห้องควบคุมเพื่อปลดอุปกรณ์เซฟตี้ของแท่นชาร์จไฟฟ้า ส่วนเลโอเองก็รีบสำรวจลิฟท์ขนส่งเพื่อเปิดทางให้กับการลำเลียงแท่นชาร์จประจุไฟฟ้า
          เหล่าปีศาจเริ่มทยอยกันออกมาอย่างไม่ขาดสายถึงแม้จะมีกองกำลังบางส่วนที่อยู่บนตึกคอยใช้เครื่องยิงลูกระเบิดยิงสนับสนุนกลุ่มของเชนที่ทำหน้าที่เป็นตัวล่อ จนเหล่าปีศาจที่ออกมาต่างกลายเป็นเศษเนื้อจากแรงระเบิดแต่พวกมันหาได้หวาดกลัวต่อความตาย มันยังคงทยอยดาหน้าเข้ามาหาพวกเขา ดูเหมือนไม่มีอะไรจะสามารถยับยั้งพวกมันได้เลย พวกมันสามารถฝ่าแนวยิงของพวกเชนออกมาได้อย่างง่ายดายในขณะที่พวกเขากำลังเพลี่ยงพล้ำอยู่นั้น
          “ซู่ม!!!” วินาทีนั้นเองก็เกิดเปลวไฟสีน้ำเงินขนาดมหึมาปรากฎขึ้นด้านหน้าของเชน มันค่อยๆ ขดตัวเป็นเกลียวจนรูปร่างของมันราวกับงูขนาดยักษ์ ก่อนที่มันจะพุ่งใส่พวกปีศาจราวกับมีชีวิต เพียงพริบตาเดียวที่พวกมันได้สัมผัสกับเปลวไฟนั้นร่างของมันก็ลุกไหม้ขึ้นอย่างรวดเร็วจนเหลือเพียงขี้เถ้าในชั่วพริบตา สร้างความตกใจให้แก่ทุกคนเป็นอย่างมากก่อนที่มันจะสลายไป เมื่อพวกเขาหันไปก็พบว่ามีเปรวไฟแบบเดียวกันนั้นลุกเป็นเกลียวอยู่ที่แขนของรีอา
          “บะ บ้าน่า!! ไอ้ตัวเมื่อกี้ มัน...มันคือพลังของเวทย์มนตอย่างนั้นเหรอ.....” เชนพูดขึ้นอย่างแทบไม่เชื่อสายตาเมื่อได้เห็นอาณุภาพการทำลายล้างของมัน ถึงแม้พวกเขาจะฆ่าพวกมันได้จำนวนมากแต่เมื่อเทียบกับจำนวนของพวกมันที่เหลืออยู่ก็แทบไร้ซึ่งความหมาย ในขณะที่พวกมันที่กระจัดกระจายอยู่ภายนอกรังต่างก็เดินทางมาถึง จนตอนนี้พวกเขาตกอยู่ในวงล้อมของพวกมันจนจำเป็นต้องถอยร่นเข้ามาในตัวตึก
          “ทีมสองถึงทีมหนึ่งทางนี้ต้านไม่อยู่แล้ว! พวกนายจัดการระบบถึงไหนแล้ว!?” เชนวิทยุมาบอกศาส เมื่อเขามองผ่านช่องหน้าต่างลงไปเบื้องล่างก็เห็นพวกของเชนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤตเพราะจำนวนของพวกมันมีมากกว่าที่เขาคำนวนไว้หากปล่อยให้พวกเขาต้านไว้นานกว่านี้คงได้ตายกันหมดแน่ๆ
          “เฮ้ยศาสแย่แล้ว! ลิฟท์ขนส่งมันไม่ทำงานเลยทำไงดี” เลโอรีบวิ่งตาตื่นมาบอกศาส
          “นี่ทีมหนึ่ง เราจะเข้าสู่แผนการช่วงที่สองแล้วให้ทีมสองถอนตัวจากที่นั่น” ศาสตัดสินใจดำเนินแผนการสู่ส่วนที่สองท่ามกลางความตกใจของเลโอ
          “รับทราบ ทุกคน ถอนกำลัง” เชนสั่งถอนกำลังทันทีที่ได้รับคำสั่ง
          “เฮ้ยแกจะบ้าเหรอวะ!!? ทางนี้ยังจัดการไม่เสร็จเลยเดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก”  เลโอเดินเข้ามากระชากคอเสื้อทันทีของศาสทันทีด้วยความโกรธเมื่อเขาได้ยินสิ่งที่ศาสพูดออกไป
          “ใจเย็นๆ เลโอ เรื่องนี้ผมก็คาดการณ์ไว้แล้วว่ามันอาจเกิดขึ้นเลยให้นายมาด้วยไง”เมื่อได้ยินดังนั้นเลโอจึงเริ่มใจเย็นลงก่อนที่ศาสจะบอกถึงสิ่งที่เขาต้องทำต่อไป
          “เอาล่ะต้องเพิ่งความสามารถของนายแล้ว ไปติดตั้งระเบิดที่ส่วนฐานของแท่นชาร์จประจุไฟฟ้าและกำแพงด้านหน้าซะ”เมื่อพูดจบศาสก็รีบคว้าเชือกมาคล้องกับแท่นเก็บประจุไฟฟ้าพร้อมกับโรยเชือกวิ่งออกไปยังลิฟท์ขนส่ง
          ในขณะเดียวกันฝ่ายของเชนเองก็ถอยล่นจนมาถึงชั้นดาตฟ้า เมื่อเชนให้สัญญาณลูกทีมที่รออยู่แล้วก็กดสวิตช์ขึ้น ทันใดนั้นฐานของเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนยอดของตึกนั้นก็เกิดการระเบิดขึ้นโครงสร้างที่เริ่มรับน้ำหนักของตัวมันเองไม่ไหวในที่สุดมันก็ส่งเสียงออกมาราวกับแผ่นหินไหวก่อนที่มันจะค่อยๆ ล้มพาดลงบนชั้นลอยของตึกที่เป็นเป้าหมายจนเกิดเสียงดังสนั่น ในตอนนี้โครงสร้างของเสาส่งสัญญาณได้กลายเป็นสะพานที่ใช้ข้ามไปยังตึกเป้าหมายแล้ว
          “ตอนนี้ล่ะทุกคนวิ่งไปเลย!!” สิ้นเสียงของเชนทุกคนต่างรีบวิ่งข้ามไปในขณะที่พวกปีศาจก็ตามพวกเขามาติดๆ
          “อ๊าคคคคคคคคคคค----!!!!” เสียงร้องหนึ่งดังขึ้นทางด้านหลัง
          “ไม่ต้องสนใจวิ่งต่อไป!!!”เชนส่งเสียงเตือนสติลูกทีมของเขา ถึงจะดูเย็นชาแต่นี่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการรักษาชีวิตของทุกคน จนในที่สุดพวกเขาก็วิ่งมาถึงที่หมาย
          “ไอ้พวกบัดซบ!! ตายไปซะ!!!” เชนรีบหันกลับไปใช้ปืนยิงลูกระเบิดใส่เสาส่งสัญญาณจนมันตกลงไปยังพื้นน้ำเบื้องล่างพร้อมกับปีศาจจำนวนมากที่อยู่บนนั้น
          และถึงแม้ว่าพวกเขาจะเดินทางมายังที่หมายได้สำเร็จ แต่ก็ไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น แน่นอนว่าที่นี่เองก็มีเหล่าปีศาจรอพวกเขาอยู่เช่นเดียวกัน เชนจึงรีบสั่งให้ทุกคนในทีมรีบตีฝ่ามันออกไปจนถึงบันไดทางขึ้นจากชั้นลอย ณ ที่นี่เองเชนสั่งให้ลูกทีมของเขาตรึงพวกมันไว้ไม่ให้ขึ้นมาชั้นบนได้
          เพียงเวลาไม่นานพวกปีศาจที่เมื่อครู่ยังอยู่ด้านล่างและบางส่วนที่ตามพวกเขามาจากอีกตึกหนึ่ง มันก็มาถึงยังชั้นลอย
          “ทีมหนึ่งถึงทีมสองทุกอย่างพร้อมแล้วถอยออกมาเดี๋ยวนี้” ทันทีที่ศาสให้สัญญาณทุกคนต่างใช้อาวุธหนักที่มียิงถล่มพวกมันอย่างบ้าคลั่ง โดยมีรีอาใช้เวทย์ชุดใหญ่ปิดท้ายจนเหล่าปีศาจที่ล้อมพวกเขาไว้เหลือแต่เพียงเศษซาก เมื่อเห็น ดังนั้นพวกเขารีบวิ่งขึ้นไปด้านบนก่อนที่พวกปีศาจที่อยู่โดยรอบจะกรูกันเข้ามา
          “ทีมหนึ่งตอนนี้ล่ะจัดการเลย!!!” ในที่สุดเชนก็ส่งสัญญาณสุดท้ายให้กับพวกของศาสซึ่งพวกเขาเองต่างก็เฝ้ารอมันอย่างใจจดใจจ่อ
          แต่สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อบันใดที่พวกเขาใช้หลบหนีมันกลับถล่มลงมาพร้อมกับร่างของรีอา เชนที่เห็นเหตุการณ์พยายามจะเข้าไปคว้าแขนของเธอไว้แต่ก็ช้าเกินไปจนร่างของเธอตกลงไปท่ามกลางวงล้อมของศัตรู พวกเขาไม่อาจช่วยอะไรเธอได้เลยทำได้เพียงยิงสนับสนุนจากชั้นบนเท่านั้น
          “ศาสเดี๋-------!!!!” ยังไม่ทันที่เชนจะได้พูดจบทันใดนั้นเองก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาจากด้านบน ไม่นานนักระบบป้องกันอัคคีภัยของตึกก็เริ่มทำงาน สายน้ำที่ออกมาจากสปริงเกอร์ทำให้ทั้งชั้นเปียกชุ่มไปด้วยน้ำก่อนจะมีเสียงร้องของเหล็กที่ถูกเสียดสีดังมาจากช่องลิฟต์ขนส่ง จนแม้แต่พวกปีศาจเองต่างก็ตื่นตระหนกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนพวกมันต่างพากันส่งเสียงกรีดร้องอันน่าสยดสยองออกมา
          เพียงพริบตาเดียวก็เกิดประกายแสงสีฟ้าขึ้นก่อนที่มันจะระเบิดออกมาเป็นอาณุภาคไฟฟ้าวิ่งผ่านร่างของพวกมันเพียงพริบตาเดียวทุกอย่างก็หยุดลงคงเหลือแต่ร่างที่ไร้วิญญาณของพวกมันที่ลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับควันที่ลอยออกมาตามตัวของพวกมัน
          “ทุกคนเป็นยังไงบ้าง” เสียงจากศาสและเลโอที่รีบตามลงมาสนับสนุน ซึ่งทุกคนได้แต่ยืนนิ่งไม่มีคำพูดใดๆ ออกมาเลย
          “เดี๋ยวก่อน....รีอา.....รีอาอยู่ที่ไหน” ศาสพูดออกมาอย่างขวัญเสียเมื่อเขาไม่เห็นเธออยู่ในกลุ่ม เชนก้าวเท้าออกมาพร้อมกับก้มหัวให้กับศาส
          “ขอโทษ...ผมขอโทษจริงๆ” ไม่มีถ้อยคำใดๆ จากเชนออกมาอีก ทุกคนในหน่วยต่างก้มหน้าเงียบไม่แม้จะสบตากับเขา
          ในตอนนี้เขาไม่ต้องการรับฟังอะไรทั้งนั้น ศาสใช้เท้าที่สั่นเทาไปด้วยความกลัวพาร่างของเขาไปยืนอยู่ ณ ปลายทางของบันใดที่สิ้นสุดลง ก่อนที่เขาจะทรุดตัวลงไปอย่างไร้เรี่ยวแรงเมื่อพบร่างของรีอานอนคว่ำหน้าอยู่ท่ามกลางกองซากศพของพวกปีศาจ......
 
                       ...................................................

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7.3 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา