คณะนักสืบกิสบอน ไม่มีอะไรที่ไขไม่ได้
-
เขียนโดย moonmindec
วันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2557 เวลา 22.31 น.
9 ตอน หญิงปริศนา
7 วิจารณ์
11.26K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2557 23.09 น. โดย เจ้าของนิยาย
8) ตัวซวยและตัวนำโชค
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ ทันทีที่รถม้าจอดที่สำนักงาน กิสบอนจ่ายเงินให้คนขับรถและเดินเข้าไปในสำนักงาน เขาแอบเอาเศษแก้วที่เปื้อนเลือดของชาร์ลและพ่อบ้านใส่ถุงมาการองมา เขาวางมันไว้ที่โต๊ะ และนำสำลีมาเช็ดเลือดและป้ายลงบนแก้วสำหรับเก็บเลือดตัวอย่างทั้งสองอัน
"นายไปเอาเศษแก้วมาตอนไหน ฉันไม่เห็นรู้เลย"
วิลเลียมมองกิสบอนที่กำลังเตรียมเลือดตัวอย่าง และมองไปยังโต๊ะทำงานของเขาที่มีลายนิ้วมือของบ้านพรินสตัน กระดาษที่พับเป็นรูปดาวและเทียนสีดำ
"ตอนที่แมรี่่ป้องมือห้ามพ่อบ้าน ไม่ให้เขาเก็บเศษแก้วไง ทุกคนกำลังสนใจแต่มือเขาที่โดนบาด โดยไม่ทันเห็นฉันที่กำลังแอบเก็บเศษแก้วที่เปื้อนเลือดไง"
กิสบอนเดินไปเปิดเพลงแจ๊ส เขาไล่นิ้วเลือกแผ่นเสียง และเปิดมันกับเครื่องเล่น เสียงแจ๊สดังคลอไปทั่วสำนักงาน เขาฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
"นายมันไม่ใช่นักสืบแล้วล่ะ หัวขโมยชัดๆ" วิลเลียมแซวเล่น
"นั่นมันอาชีพเสริม"
กิสบอนหยอกกลับ ทั้งคู่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี กิสบอนเปิดตู้เก็บของเขาออกเขาหยิบผงถ่านออกมาและแปรงปัด เขาโรยมันลงกระดาษที่พับรูปดาว ลายมือมากมายปรากฎขึ้น เขาพยายามเทียบดูกับลายนิ้วมือที่บ้านพรินสตันทิ้งไว้ให้ เขาพยายามนึก คนที่จับกระดาษนี้มีเพียงครอบครัวพรินสตัน เขา วิลเลียม และชาลี เขาพยามเทียบกับลายมือที่เขามีทั้งหมด แต่ลายนิ้วมือปริศนากลับโผล่มา เขาเดินถือกระดาษให้วิลเลียมที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟา
"ฉันเทียบลายนิ้วมือหมดแล้วนะ แต่..มันมีลายนิ้วมือปริศนาอยู่สามนิ้ว นิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วกลางมันไม่ตรงกับบ้านพรินสตัน นายแล้วก็ชาลี"
"นายเผลอลืมนับตัวเองรึป่าวเจ้าทึ่ม"
วิลเลียมหยอกเล่นกิสบอน แต่เขากลับไม่สนุกด้วย
"ฉันไม่เซ่อซ่าขนาดนั้นหรอกน่ะ ไลอาบอกหญิงปริศนาที่เจอในโบสถ์หล่อนใส่ถุงมือนั่นแปลว่า...มีคนร่วมมือกับพวกเธอ"
กิสบอนทำหน้าครุ่นคิด มือกอดอกและพิงโซฟา
"จะเป็นใครที่ทำแบบนี้ได้ล่ะ?"
วิลเลียมหันกลับมาถามกิสบอน
"คนที่รู้ภายในโบสถ์เป็นอย่างดี คนที่ตำรวจและเราจะไม่สงสัย ขออย่าให้เป็นแบบที่ฉันคิดเลย" กิสบอนทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก้มหน้าลง และเริ่มหยิบเสื้อคลุมและหมวกพร้อมที่จะออกไปข้างนอกอีกรอบ
"นายว่าใครล่ะ?"
วิลเลียมหยิบเสื้อคลุมตามกิสบอนไป
"บาทหลวง"
กิสบอนทำเสียงขรึม เขาได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบที่เขาคิดเขาสวมเสื้อคลุม ใส่หมวกและถุงมือ แต่ก่อนที่เขาจะออกไปเขาหยิบขวดแก้วเปล่าที่มีจุกค๊อกปิดขนาดพอดีมือใส่เสื้อคลุมออกไป ทันทีที่เปิดประตูเขาก็พบชาลียืนอยู่หน้าประตูสำนักงานอยู่แล้ว
"มาทำไมตอนนี้เนี่ยเจ้าอ้วน"
กิสบอนมองเวลา มันเกือบจะหกโมงแล้ว ไปโบสถ์ตอนนี้คงจะน่าเกลียดเขาหันหลังกลับเข้าสำนักงาน ถอดเสื้อคลุม หมวกและถุงมือออก
"ก็เวลาเลิกงานแล้วนี่นา แล้ววันนี้มันตานายแล้ว"
ชาลีชี้ที่กิสบอนเค้าทำหน้างง วิลเลียมช่วยพูดให้กิสบอนกระจ่าง
"งานน้ำชาบ้านใคร ดินเนอร์บ้านนั้น"
"ใช่ๆๆ นายลืมอีกแล้ว ฉันปรับโทษให้อาทิตย์หน้าตานายอีกรอบแทนที่จะเป็นบ้านวิลเลียม"
ชาลีจิ้มที่หน้าอกกิสบอนเชิงหยอก เขากลอกตาอย่างหมดอารมณ์และเดินไปหลังบ้าน ไปที่ครัวที่ลูธ่ากำลังทำมื้อเย็นสำหรับที่เดียว
"ลูธ่า ฉันลืมบอกเธอไปแหน่ะ ว่าเจ้าบ้าสองตัวจะมาดินเนอร์ที่นี่ อ้อ! อย่าช้าล่ะ ชาลีรอจะกินแทบไม่ไหว"
ลูธ่ากำทัพพีที่ใช้สำหรับเคี่ยวซุปมะเขือเทศและชี้หน้านายของเธอ
"คราวหลังหัดบอกตั้งแต่เช้านะคะคุณกิสบอน! ฉันจะได้ไม่ต้องมาเร่งทำแบบนี้"
กิสบอนถอยหลังไปติดกำแพงและยกมือยอมแพ้เธอ
"ให้ตายสิ่นี่เธอเป็นแม่บ้านของสำนักงานหรือแม่ฉันเนี่ย?"
กิสบอนเอานิ้วจิ้มไปที่ทัพพีเคี่ยวซุปและลองชิมดู
"อืม อร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะ"
กิสบอนยิ้มหวานให้ลูธ่าหวังว่าเธอจะหายโกรธ เธอฟึดฟัดเดินไปเตรียมของที่จะทำและบ่นนายของเธอไม่หยุดปาก
"ถ้าไม่ติดว่าคุณนายมอนทราชขอให้ฉันดูแลคุณ ป่านนี้ฉันกลับบ้านมอนทราชไปรับใช้คุณนายแล้วค่ะ!"
ลูธ่าหั่นเนื้อสเต็ก และผักต่างๆปากยังบ่นไม่หยุด กิสบอนจึงเข้าไปแตะไหล่เธอ
"เพราะแม่ไว้ใจเธอไง แม่ฉันถึงไหว้วาน นั่นแปลว่าเธอสำคัญต่อแม่ฉันมากนะ เธอก็เหมือนแม่นมฉันด้วยนะลูธ่า"
กิสบอนกอดลูธ่า นั่นทำให้เธอยิ้มแก้มบาน เธอรับใช้ตระกูลมอนทราชมาตั้งแต่สมัยแม่ของกิสบอนยังเป็นสาว ทันทีที่กิสบอนคลอด เธอสัญญากับตัวเองและคุณนายว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุดซึ่งเธอหน้าที่ของเธอมาตลอดอายุ 64ปีของเธอ
"เด็กน้อยเอ้ย ไปได้แล้วฉันจะทำกับข้าว"
เธอยิ้มไม่ยอมหุบและไล่ให้เขาออกไปนอกครัว เธอจะได้ทำอาหารได้สะดวก
กิสบอนยิ้มเขาเดินออกมายังสวนของเขา ตอนนี้ใกล้มืดลงทุกทีแล้ว อาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า เขามองไปบ้านของแอนนา และคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า มันยิ่งทำให้มีความสุขมากขึ้นไปอีก
"บู บูอยู่ไหน บูเข้าบ้านเถอะ"
เสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างรั้วของเขา แอนนานั่นเอง เธอกำลังก้มๆเงยๆตามพุ่มไม้ กิสบอนเดินไปใกล้ๆและชะโงกหน้าดูเธอ
"หาอะไรอยู่เหรอแอนนา?"
แอนนาตกใจจึงรีบลุกพรวดขึ้นมา เธอยิ้มให้กิสบอนแต่สายตายังคงสอดส่องไปเรื่อยๆ
"แมวของแอนนาค่ะ แมวของแอนนาหายไป"
ในมือเธอกำปลอกคอมีกระดิ่งเล็กๆอยู่หนึ่งอัน และป้ายชื่อ ที่เขียนว่า Bu(บู) เธอยื่นให้กิสบอนดู
"หายไปนานรึยังครับ"
"มันออกมาเมื่อกี้เองค่ะ ตอนที่แม่บ้านกำลังจะเอาขยะไปทิ้งมันแอบออกมาด้วย ละทำปลอกคอตกอยู่ที่สนามหน้าบ้าน"
"ให้ผมช่วยหานะครับ" กิสบอนกระโดดข้ามรั้วเข้าไปยังบ้านแอนนา และช่วยกันหาเจ้าบู แต่ยังไม่ทันหาเท่าไหร่ เจ้ากิสโบก็มุดตามเข้ามาในบ้านด้วยเหมือนกัน กิสบอนมองแวบหนึ่งจึงเกิดความคิดขึ้นมา
"ผมขอยืมปลอกคอหน่อยนะครับ" แอนนายื่นปลอกคอให้กิสบอน เขารับมันมาและมองที่กิสโบ
"เอาล่ะ ได้เวลาทำงานนายละ"
กิสบอนยื่นปลอกคอ และให้กิสโบดม มันดมที่ปลอกคออยู่สักพักหนึ่ง มันจึงเริ่มดมตามพื้น มันไล่ดมไปเรื่อยจนถึงข้างๆบ้าน และไปยังสวนหลังบ้านของแอนนา ในที่สุดมันก็เจอแมวบริติช ช็อตแฮร์สีเทาดำ ตาสีเหลือง นั่งขดอยู่หลังต้นดอกกุหลาบทันทีที่เห็นกิสโบมันขู่แต่กิสโบไม่สนใจคำขู่ของเจ้าแมวตัวนั้น มันงับที่คอแมวตัวนั้นและคาบมันมาให้แอนนาและกิสโบเห็น
"ใช่ตัวนั้นรึป่าวครับ?"
กิสบอนเขาหน้าของเจ้าเหมียวโชคร้ายที่โดนกิสโบคาบคอ ตัวมันกระเซอะกระเซิงไปด้วยน้ำลายหมา ขนรุงรัง และขู่กิสโบไม่หยุด
"ใช่ค่ะ นั่นแหละค่ะ บู แมวของแอนนาเอง เก่งมากเลยนะกิสโบ"
แอนนารับเจ้าบูขึ้นมาอุ้มและลูบหัวชมกิสโบ
"นี่บู ขอบคุณกิสโบสะสิ่" แอนนายื่นบูเข้าไปใกล้ๆหน้ากิสโบ
แฟ่!!!! แง๊วว!!
บูตบที่หน้ากิสโบ ไม่หยุด แอนนาจึงรีบอุ้มเอาไปเก็บในบ้าน และเดินออกมาขอบคุณกิสบอน
"ขอบคุณนะคะกิสบอน ถ้าไม่มีคุณกับกิสโบ ฉันคงหาไม่เจอ"
เธอยิ้มหวานให้กิสบอน เขายิ้มกลับให้เธอ เขาจุมพิตที่มือเธอแทนคำลา
"ไม่เป็นไรครับ ใกล้มืดแล้ว เข้าบ้านเถอะครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ"
"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
แอนนาบอกลาและเดินกลับเข้าไปในบ้านเธอ กิสบอนแทบกระโดดโลดเต้นด้วยความสุข ลูบหัวกิสโบและเดินเข้าสำนักงานพร้อมเจ้ากิสโบ
"นายเป็นทั้งตัวซวยและตัวนำโชคจริงๆ กิสโบ ไปกินข้าวกันเถอะ"
บนโต๊ะดินเนอร์ มีลูธ่า วิลเลียม ชาลีรออยู่แล้ว เขานั่งลงก่อนที่จะร่วมดินเนอร์กับทั้งสามคน
จบตอนที่8
"นายไปเอาเศษแก้วมาตอนไหน ฉันไม่เห็นรู้เลย"
วิลเลียมมองกิสบอนที่กำลังเตรียมเลือดตัวอย่าง และมองไปยังโต๊ะทำงานของเขาที่มีลายนิ้วมือของบ้านพรินสตัน กระดาษที่พับเป็นรูปดาวและเทียนสีดำ
"ตอนที่แมรี่่ป้องมือห้ามพ่อบ้าน ไม่ให้เขาเก็บเศษแก้วไง ทุกคนกำลังสนใจแต่มือเขาที่โดนบาด โดยไม่ทันเห็นฉันที่กำลังแอบเก็บเศษแก้วที่เปื้อนเลือดไง"
กิสบอนเดินไปเปิดเพลงแจ๊ส เขาไล่นิ้วเลือกแผ่นเสียง และเปิดมันกับเครื่องเล่น เสียงแจ๊สดังคลอไปทั่วสำนักงาน เขาฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี
"นายมันไม่ใช่นักสืบแล้วล่ะ หัวขโมยชัดๆ" วิลเลียมแซวเล่น
"นั่นมันอาชีพเสริม"
กิสบอนหยอกกลับ ทั้งคู่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี กิสบอนเปิดตู้เก็บของเขาออกเขาหยิบผงถ่านออกมาและแปรงปัด เขาโรยมันลงกระดาษที่พับรูปดาว ลายมือมากมายปรากฎขึ้น เขาพยายามเทียบดูกับลายนิ้วมือที่บ้านพรินสตันทิ้งไว้ให้ เขาพยายามนึก คนที่จับกระดาษนี้มีเพียงครอบครัวพรินสตัน เขา วิลเลียม และชาลี เขาพยามเทียบกับลายมือที่เขามีทั้งหมด แต่ลายนิ้วมือปริศนากลับโผล่มา เขาเดินถือกระดาษให้วิลเลียมที่นั่งเล่นอยู่ที่โซฟา
"ฉันเทียบลายนิ้วมือหมดแล้วนะ แต่..มันมีลายนิ้วมือปริศนาอยู่สามนิ้ว นิ้วโป้ง นิ้วชี้และนิ้วกลางมันไม่ตรงกับบ้านพรินสตัน นายแล้วก็ชาลี"
"นายเผลอลืมนับตัวเองรึป่าวเจ้าทึ่ม"
วิลเลียมหยอกเล่นกิสบอน แต่เขากลับไม่สนุกด้วย
"ฉันไม่เซ่อซ่าขนาดนั้นหรอกน่ะ ไลอาบอกหญิงปริศนาที่เจอในโบสถ์หล่อนใส่ถุงมือนั่นแปลว่า...มีคนร่วมมือกับพวกเธอ"
กิสบอนทำหน้าครุ่นคิด มือกอดอกและพิงโซฟา
"จะเป็นใครที่ทำแบบนี้ได้ล่ะ?"
วิลเลียมหันกลับมาถามกิสบอน
"คนที่รู้ภายในโบสถ์เป็นอย่างดี คนที่ตำรวจและเราจะไม่สงสัย ขออย่าให้เป็นแบบที่ฉันคิดเลย" กิสบอนทำหน้าผิดหวังเล็กน้อย ก้มหน้าลง และเริ่มหยิบเสื้อคลุมและหมวกพร้อมที่จะออกไปข้างนอกอีกรอบ
"นายว่าใครล่ะ?"
วิลเลียมหยิบเสื้อคลุมตามกิสบอนไป
"บาทหลวง"
กิสบอนทำเสียงขรึม เขาได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เป็นแบบที่เขาคิดเขาสวมเสื้อคลุม ใส่หมวกและถุงมือ แต่ก่อนที่เขาจะออกไปเขาหยิบขวดแก้วเปล่าที่มีจุกค๊อกปิดขนาดพอดีมือใส่เสื้อคลุมออกไป ทันทีที่เปิดประตูเขาก็พบชาลียืนอยู่หน้าประตูสำนักงานอยู่แล้ว
"มาทำไมตอนนี้เนี่ยเจ้าอ้วน"
กิสบอนมองเวลา มันเกือบจะหกโมงแล้ว ไปโบสถ์ตอนนี้คงจะน่าเกลียดเขาหันหลังกลับเข้าสำนักงาน ถอดเสื้อคลุม หมวกและถุงมือออก
"ก็เวลาเลิกงานแล้วนี่นา แล้ววันนี้มันตานายแล้ว"
ชาลีชี้ที่กิสบอนเค้าทำหน้างง วิลเลียมช่วยพูดให้กิสบอนกระจ่าง
"งานน้ำชาบ้านใคร ดินเนอร์บ้านนั้น"
"ใช่ๆๆ นายลืมอีกแล้ว ฉันปรับโทษให้อาทิตย์หน้าตานายอีกรอบแทนที่จะเป็นบ้านวิลเลียม"
ชาลีจิ้มที่หน้าอกกิสบอนเชิงหยอก เขากลอกตาอย่างหมดอารมณ์และเดินไปหลังบ้าน ไปที่ครัวที่ลูธ่ากำลังทำมื้อเย็นสำหรับที่เดียว
"ลูธ่า ฉันลืมบอกเธอไปแหน่ะ ว่าเจ้าบ้าสองตัวจะมาดินเนอร์ที่นี่ อ้อ! อย่าช้าล่ะ ชาลีรอจะกินแทบไม่ไหว"
ลูธ่ากำทัพพีที่ใช้สำหรับเคี่ยวซุปมะเขือเทศและชี้หน้านายของเธอ
"คราวหลังหัดบอกตั้งแต่เช้านะคะคุณกิสบอน! ฉันจะได้ไม่ต้องมาเร่งทำแบบนี้"
กิสบอนถอยหลังไปติดกำแพงและยกมือยอมแพ้เธอ
"ให้ตายสิ่นี่เธอเป็นแม่บ้านของสำนักงานหรือแม่ฉันเนี่ย?"
กิสบอนเอานิ้วจิ้มไปที่ทัพพีเคี่ยวซุปและลองชิมดู
"อืม อร่อยไม่เปลี่ยนเลยนะ"
กิสบอนยิ้มหวานให้ลูธ่าหวังว่าเธอจะหายโกรธ เธอฟึดฟัดเดินไปเตรียมของที่จะทำและบ่นนายของเธอไม่หยุดปาก
"ถ้าไม่ติดว่าคุณนายมอนทราชขอให้ฉันดูแลคุณ ป่านนี้ฉันกลับบ้านมอนทราชไปรับใช้คุณนายแล้วค่ะ!"
ลูธ่าหั่นเนื้อสเต็ก และผักต่างๆปากยังบ่นไม่หยุด กิสบอนจึงเข้าไปแตะไหล่เธอ
"เพราะแม่ไว้ใจเธอไง แม่ฉันถึงไหว้วาน นั่นแปลว่าเธอสำคัญต่อแม่ฉันมากนะ เธอก็เหมือนแม่นมฉันด้วยนะลูธ่า"
กิสบอนกอดลูธ่า นั่นทำให้เธอยิ้มแก้มบาน เธอรับใช้ตระกูลมอนทราชมาตั้งแต่สมัยแม่ของกิสบอนยังเป็นสาว ทันทีที่กิสบอนคลอด เธอสัญญากับตัวเองและคุณนายว่าจะดูแลเขาให้ดีที่สุดซึ่งเธอหน้าที่ของเธอมาตลอดอายุ 64ปีของเธอ
"เด็กน้อยเอ้ย ไปได้แล้วฉันจะทำกับข้าว"
เธอยิ้มไม่ยอมหุบและไล่ให้เขาออกไปนอกครัว เธอจะได้ทำอาหารได้สะดวก
กิสบอนยิ้มเขาเดินออกมายังสวนของเขา ตอนนี้ใกล้มืดลงทุกทีแล้ว อาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า เขามองไปบ้านของแอนนา และคิดถึงเรื่องเมื่อเช้า มันยิ่งทำให้มีความสุขมากขึ้นไปอีก
"บู บูอยู่ไหน บูเข้าบ้านเถอะ"
เสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างรั้วของเขา แอนนานั่นเอง เธอกำลังก้มๆเงยๆตามพุ่มไม้ กิสบอนเดินไปใกล้ๆและชะโงกหน้าดูเธอ
"หาอะไรอยู่เหรอแอนนา?"
แอนนาตกใจจึงรีบลุกพรวดขึ้นมา เธอยิ้มให้กิสบอนแต่สายตายังคงสอดส่องไปเรื่อยๆ
"แมวของแอนนาค่ะ แมวของแอนนาหายไป"
ในมือเธอกำปลอกคอมีกระดิ่งเล็กๆอยู่หนึ่งอัน และป้ายชื่อ ที่เขียนว่า Bu(บู) เธอยื่นให้กิสบอนดู
"หายไปนานรึยังครับ"
"มันออกมาเมื่อกี้เองค่ะ ตอนที่แม่บ้านกำลังจะเอาขยะไปทิ้งมันแอบออกมาด้วย ละทำปลอกคอตกอยู่ที่สนามหน้าบ้าน"
"ให้ผมช่วยหานะครับ" กิสบอนกระโดดข้ามรั้วเข้าไปยังบ้านแอนนา และช่วยกันหาเจ้าบู แต่ยังไม่ทันหาเท่าไหร่ เจ้ากิสโบก็มุดตามเข้ามาในบ้านด้วยเหมือนกัน กิสบอนมองแวบหนึ่งจึงเกิดความคิดขึ้นมา
"ผมขอยืมปลอกคอหน่อยนะครับ" แอนนายื่นปลอกคอให้กิสบอน เขารับมันมาและมองที่กิสโบ
"เอาล่ะ ได้เวลาทำงานนายละ"
กิสบอนยื่นปลอกคอ และให้กิสโบดม มันดมที่ปลอกคออยู่สักพักหนึ่ง มันจึงเริ่มดมตามพื้น มันไล่ดมไปเรื่อยจนถึงข้างๆบ้าน และไปยังสวนหลังบ้านของแอนนา ในที่สุดมันก็เจอแมวบริติช ช็อตแฮร์สีเทาดำ ตาสีเหลือง นั่งขดอยู่หลังต้นดอกกุหลาบทันทีที่เห็นกิสโบมันขู่แต่กิสโบไม่สนใจคำขู่ของเจ้าแมวตัวนั้น มันงับที่คอแมวตัวนั้นและคาบมันมาให้แอนนาและกิสโบเห็น
"ใช่ตัวนั้นรึป่าวครับ?"
กิสบอนเขาหน้าของเจ้าเหมียวโชคร้ายที่โดนกิสโบคาบคอ ตัวมันกระเซอะกระเซิงไปด้วยน้ำลายหมา ขนรุงรัง และขู่กิสโบไม่หยุด
"ใช่ค่ะ นั่นแหละค่ะ บู แมวของแอนนาเอง เก่งมากเลยนะกิสโบ"
แอนนารับเจ้าบูขึ้นมาอุ้มและลูบหัวชมกิสโบ
"นี่บู ขอบคุณกิสโบสะสิ่" แอนนายื่นบูเข้าไปใกล้ๆหน้ากิสโบ
แฟ่!!!! แง๊วว!!
บูตบที่หน้ากิสโบ ไม่หยุด แอนนาจึงรีบอุ้มเอาไปเก็บในบ้าน และเดินออกมาขอบคุณกิสบอน
"ขอบคุณนะคะกิสบอน ถ้าไม่มีคุณกับกิสโบ ฉันคงหาไม่เจอ"
เธอยิ้มหวานให้กิสบอน เขายิ้มกลับให้เธอ เขาจุมพิตที่มือเธอแทนคำลา
"ไม่เป็นไรครับ ใกล้มืดแล้ว เข้าบ้านเถอะครับ ราตรีสวัสดิ์นะครับ"
"ราตรีสวัสดิ์ค่ะ"
แอนนาบอกลาและเดินกลับเข้าไปในบ้านเธอ กิสบอนแทบกระโดดโลดเต้นด้วยความสุข ลูบหัวกิสโบและเดินเข้าสำนักงานพร้อมเจ้ากิสโบ
"นายเป็นทั้งตัวซวยและตัวนำโชคจริงๆ กิสโบ ไปกินข้าวกันเถอะ"
บนโต๊ะดินเนอร์ มีลูธ่า วิลเลียม ชาลีรออยู่แล้ว เขานั่งลงก่อนที่จะร่วมดินเนอร์กับทั้งสามคน
จบตอนที่8
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ