RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.30K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
85) คดีฆาตกรรม5
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความเค้าก็ได้แต่นิ่งเงียบไปโดยไม่พูดอะไร สีหน้าของเค้าเริ่มซีดเหมือนกับว่าไม่มีเลือดขึ้นไปหล่อเลี้ยง เค้าเริ่มนั่งนิ่งพร้อมกับกัดแทะเล็บจนเลือดไหลซึมออกมา แต่ทางนายวีรวัฒน์เองก็ได้แต่นิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เจ้าหน้าที่โตโต้เมื่อเค้าเห็นนายวีรวัฒน์มีอาการเช่นนั้น เค้าจึงเพิ่มแรงกดดันเข้าใส่นายวีรวัฒน์อีก
“เอาล่ะ คุณวีรวัฒน์ในเมื่อถ้าคุณไม่ยอมบอกอะไร ผมขอแนะนำให้รีบปรึกษาทนายความของคุณโดยด่วนเลยจะดีกว่า เพราะจากหลักฐานที่เรามีผมคิดว่าคุณคงต้องใช้ทนายความเก่งเก่งแล้วล่ะ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว พร้อมกลับลุกขึ้นยืนแล้วจึงทำท่าส่งสัญญาณ ให้กับทางทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณนอกห้องสืบสวนให้มาควบคุมตัวนายวีรวัฒน์ไป
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมอยากจะขอต่อรอง”นายวีรวัฒน์เอ่ยขึ้น
“หมายความว่ายังไงต่อรอง ผมไม่เข้าใจ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าเหมือนกับว่าพึงพอใจที่ได้ยินคำพูดของนายวีรวัฒน์
“ผมยอมแล้ว ผมยอมสารภาพแล้วครับ”นายวีรวัฒน์กล่าว พร้อมด้วยสีหน้าตื่นตะหนก
“ยอมแล้วอย่างนั้นรึ ก็ดีคราวนี้คุณก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาให้หมด”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“แต่ก่อนที่ผมจะสารภาพ ผมอยากให้คุณเจ้าหน้าที่รับปากผมก่อนว่าจะคอยดูแลความปลอดภัยให้กับผม”นายวีรวัฒน์กล่าว
“คุณหมายความว่ายังไงดูแลความปลอดภัยของคุณ มีคนคิดปองร้ายคุณอย่างนั้นรึ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“มีครับ คนคนนั้นเป็นคนที่น่ากลัวมากมาก แถมยังเป็นคนของรัฐบาลอีกด้วย”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“หมายความว่ายังไง คนของรัฐบาลเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้ ไอ้ที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไง”เจ้าหน้าที่โตโต้ถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น
“ผมจะสารภาพทุกอย่าง แต่คุณต้องรับปากผมก่อนว่าจะคุ้มครองผมจากคนพวกนั้น”นายวีรวัฒน์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูหวาดกลัวเมื่อพูดถึงคนกลุ่มนั้น
“แน่นอนผมรับปาก หากคุณให้ความร่วมมือกับทางเรา ผมจะให้ความคุ้มครองคุณในฐานะพยานเอง”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับจ้องมองเข้าไปยังดวงตาของนายวีรวัฒน์
“แต่เรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่ได้ฆ่าใครนะครับ มันเกิดจากชายคนนั้น”นายวีรวัฒน์เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นสั่น
“ชายคนนั้นอย่างงั้นรึ คุณหมายถึงใครกัน”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น
“ผมไม่รู้ครับว่าเค้าเป็นใคร ผมรู้แค่ว่าเค้าน่าจะเป็นคนของรัฐบาลเท่านั้นครับ”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว
“เรื่องมันเป็นมายังไงคุณเล่าออกมาให้หมดเลยจะดีกว่า ถ้าคุณมัวแต่อ่ำอ่ำอึ้งอึ้งอยู่อย่างนี้มันก็ไม่ช่วยให้คุณพ้นข้อกล่าวหาไปได้หรอกนะ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดันอีกครั้ง
“เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนครับ ในตอนเช้าวันนั้นในขณะที่ผมกำลังจะไปทำงานเหมือนปรกติ มีชายสามคนได้มาหาผมที่บ้านพร้อมกับอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล มาขอความร่วมมือจากผม”นายวีรวัฒน์กล่าว
“อ้างตัวว่าเป็นคนของรัฐบาลอย่างนั้นรึ เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยไหน”เจ้าหน้าที่โตโต้ถาม
“ครับ เค้าแสดงบัตรเจ้าหน้าที่อะไรซักอย่างแต่มันเร็วมากในตอนนั้นผมตกใจ คิดว่าจะถูกจับเลยไม่ทันสังเกตบัตรของคนพวกนั้นอย่างจริงจัง”นายวีรวัฒน์กล่าว
“แล้วคนพวกนั้นมาขอความร่วมมืออะไรจากคุณเหรอครับ”เจ้าหน้าที่โตโต้ถามต่อ
“เค้ามาขอให้ผมถ่ายรูปคนที่จะมาร่วมงานเลี้ยงในคืนวันนั้นแค่นั้นเองครับ ตอนแรกผมก็ปฏิเสธแต่เค้าก็ข่มขู่ผมว่าจะจับผมหากไม่ร่วมมือกับพวกเค้า”นายวีรวัฒน์กล่าว
“จะจับคุณอย่างนั้นรึ คนพวกนั้นจะจับคุณข้อหาอะไรคุณไม่ได้ทำความผิดซักหน่อย”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“ผมก็ไม่รู้ตอนนั้นผมกลัวมาก ก็ถ้าเป็นคนของรัฐบาลจริงก็สามารถทำอะไรก็ได้ จะยัดข้อหาอะไรผมก็ได้เพราะผมมันคนมีประวัติที่ไม่ดีอยู่แล้ว ผมก็เลยต้องจำยอมรับปากคนพวกนั้นไป”นายวีรวัฒน์กล่าว
ในตอนนั้นไคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐบาลเหล่านั้น แต่ตัวเค้าเองก็ยังหาโอกาสที่จะสอบถามจากนายวีรวัฒน์ได้ไม่ถนัด ไคจึงได้แต่นั่งฟังเรื่องราวที่นายวีรวัฒน์เล่าและปล่อยให้เจ้าหน้าที่โตโต้ได้ทำหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป จนเมื่อไคเห็นโอกาสเหมาะเหมาะเค้าจึงเอ่ยถามต่อนายวีรวัฒน์ทันที
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ คือผมมีเรื่องอยากจะถามคุณวีรวัฒน์อะไรหน่อยได้มั้ยครับ”ไคเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปทางเจ้าหน้าที่โตโต้เพื่อขออนุญาตซักถาม
“มีอะไรอย่างนั้นหรือไค”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“เรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐบาลพวกนั้น คุณวีรวัฒน์คุณพอจะจำได้บ้างมั้ยครับว่า พวกเค้ามีลักษณะท่าทางเป็นแบบไหนรูปร่างหน้าตา มีอะไรเป็นลักษณะเด่นพอจะจำได้บ้างมั้ยครับ”ไคสอบถามด้วยความสงสัย
“คนพวกนั้นผมมองเห็นหน้าไม่ชัดหรอกครับ พวกเค้าใส่หมวกและสวมแว่นตาสีดำและแต่งตัวคล้ายคล้ายกับคุณเจ้าหน้าที่แบบนี้แหล่ะครับ เป็นชุดสูทสีดำผูกด้วยเนคไทสีแดงเลือดหมู”นายวีรวัฒน์กล่าวพร้อมกับชี้ไปทางเจ้าหน้าที่โตโต้
“ว่ายังไงนะ แต่งตัวแบบผมอย่างนั้นรึ”เจ้าหน้าที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว จนนายวีรวัฒน์ถึงกับผงะตัวออกห่าง
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณวีรวัฒน์พูดจริงคนร้ายตัวจริงคือคนของหน่วยของเราอย่างนั้นหรือครับ”ไคเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเจ้าหน้าที่โตโต้
“เจ้าหน้าที่คนที่คุณเห็นมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง พอจะบอกได้มั้ย”เจ้าหน้าที่โตโต้สอบถามต่อทันที
“ผมจำไม่ได้ครับ ผมเพียงแค่ถ่ายรูปคนที่มางานเลี้ยงในคืนนั้นตามที่พวกนั้นสั่งเท่านั้นครับ คนพวกนั้นดูคล้ายกันไปหมดแถมยังน่ากลัวมาก คนพวกนั้นเป็นคนฆ่าเจ้าของบ้านหลังนั้นอีกด้วยครับ”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
“ถ้าคนพวกนั้นให้คุณถ่ายรูปแสดงว่าคุณก็ต้องมีการส่งภาพถ่ายให้กับคนร้าย เพราะฉะนั้นในโทรศัพท์ของคุณก็ต้องมีเบอร์คนร้ายอยู่ จริงมั้ยครับ”ไคกล่าว
“ผมไม่ได้ส่งภาพอะไรเลยครับ ทางคนพวกนั้นให้ผมเอาโทรศัพท์ส่งให้เค้าในตอนที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินอยู่”นายวีรวัฒน์กล่าว
“ถ้าอย่างนั้นคนร้ายก็ต้องอยู่ในงานเลี้ยงด้วยนะสิ ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องขอตรวจกล้องวงจรปิดอีกรอบแล้วล่ะ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“คุณวีรวัฒน์ครับ ช่วยเล่าเรื่องรายละเอียดทั้งหมดให้ฟังอีกครั้งได้มั้ยครับ”ไคเอ่ยขึ้น
เรื่องราวที่นายวีรวัฒน์เล่านั้นเป็นวันเดียวกับวันที่ผู้ตายถูกฆ่า โดยนายวีรวัฒน์มีหน้าที่ถ่ายภาพผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงเท่านั้น และได้ส่งมอบโทรศัพท์ของตัวเค้าเองให้กลับกลุ่มคนร้าย หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มคนร้ายก็ได้พาตัวนายวีรวัฒน์ขึ้นรถตู้และไปจอดตรง บริเวณใกล้ใกล้กับบ้านของผู้ตาย และเมื่อพอไปถึง คนร้ายคนหนึ่งก็ได้ลงจากรถไปและทิ้งให้นายวีรวัฒน์อยู่กับพวกของคนร้ายอีกสองคนภายในรถตู้ ไม่นานนักคนร้ายที่แยกตัวออกไปก็กลับมายังรถตู้พร้อมกับส่งเครื่องเพชรให้กับนายวีรวัฒน์พร้อมกับบอกว่า สร้อยเพชรเป็นของตอบแทนในการที่นายวีรวัฒน์ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี หลังจากนั้นคนร้ายก็ปล่อยตัวนายวีรวัฒน์บริเวณใกล้ใกล้กับบ้านของผู้ตาย เนื่องจากนายวีรวัฒน์เมื่อรับสร้อยเพชรเส้นนั้นมาแล้ว เค้าเห็นสร้อยเพชรนั้นชุ่มไปด้วยคราบเลือดที่ยังใหม่ใหม่อยู่หยดเป็นทาง ด้วยความหวาดกลัวนายวีรวัฒน์จึงนำสร้อยเพชรเส้นนั้นไปทิ้งที่ถังขยะที่อยู่ใกล้ใกล้ แล้วจึงรีบกลับไปยังห้องพักทันที
“คนร้ายต้องการอะไรจากการทำแบบนี้กันนะ จะเรียกว่าชิงทรัพย์ก็ไม่น่าจะใช้เท่าที่ฟังดูคนร้ายได้เตรียมแผนการมาเป็นอย่างดี”ไคพูดขึ้นมาลอยลอยหลักจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากนายวีรวัฒน์
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดใช่มั้ยครับ ผมถูกคนพวกนั้นบังคับและผมก็ไม่รู้เรื่องที่มีการฆ่ากันตายด้วย คุณเจ้าหน้าที่คุณเชื่อผมใช่มั้ย”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับจ้องมองมายังไค
“เรื่องนี้ก็ต้องรอดูกันไปก่อนว่าคุณพูดความจริงหรือไม่ ตอนนี้เราต้องหาตัวคนร้ายมาให้ได้เสียก่อน”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณโตโต้ครับ ผมมีข้อสงสัยว่าทำไมคนร้ายถึงเลือกเป้าหมายว่าจะต้องเป็นผู้ตายด้วยล่ะครับ เหตุจูงใจที่จะต้องเป็นผู้ตายมันจะต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่แน่”ไคกล่าว ทางด้านเจ้าหน้าที่โตโต้เองก็สงสัยในจุดนั้นเช่นกันเพียงแต่ว่า เค้ายังคงหาแรงจูงใจในเรื่องนั้นยังไม่พบ
“เอาล่ะ คุณวีรวัฒน์ในเมื่อถ้าคุณไม่ยอมบอกอะไร ผมขอแนะนำให้รีบปรึกษาทนายความของคุณโดยด่วนเลยจะดีกว่า เพราะจากหลักฐานที่เรามีผมคิดว่าคุณคงต้องใช้ทนายความเก่งเก่งแล้วล่ะ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว พร้อมกลับลุกขึ้นยืนแล้วจึงทำท่าส่งสัญญาณ ให้กับทางทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่บริเวณนอกห้องสืบสวนให้มาควบคุมตัวนายวีรวัฒน์ไป
“เดี๋ยวก่อนครับ ผมอยากจะขอต่อรอง”นายวีรวัฒน์เอ่ยขึ้น
“หมายความว่ายังไงต่อรอง ผมไม่เข้าใจ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบพร้อมกับยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าเหมือนกับว่าพึงพอใจที่ได้ยินคำพูดของนายวีรวัฒน์
“ผมยอมแล้ว ผมยอมสารภาพแล้วครับ”นายวีรวัฒน์กล่าว พร้อมด้วยสีหน้าตื่นตะหนก
“ยอมแล้วอย่างนั้นรึ ก็ดีคราวนี้คุณก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาให้หมด”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“แต่ก่อนที่ผมจะสารภาพ ผมอยากให้คุณเจ้าหน้าที่รับปากผมก่อนว่าจะคอยดูแลความปลอดภัยให้กับผม”นายวีรวัฒน์กล่าว
“คุณหมายความว่ายังไงดูแลความปลอดภัยของคุณ มีคนคิดปองร้ายคุณอย่างนั้นรึ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“มีครับ คนคนนั้นเป็นคนที่น่ากลัวมากมาก แถมยังเป็นคนของรัฐบาลอีกด้วย”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ
“หมายความว่ายังไง คนของรัฐบาลเล่ามาให้หมดเดี๋ยวนี้ ไอ้ที่คุณพูดมันหมายความว่ายังไง”เจ้าหน้าที่โตโต้ถามด้วยน้ำเสียงที่ดุดันขึ้น
“ผมจะสารภาพทุกอย่าง แต่คุณต้องรับปากผมก่อนว่าจะคุ้มครองผมจากคนพวกนั้น”นายวีรวัฒน์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูหวาดกลัวเมื่อพูดถึงคนกลุ่มนั้น
“แน่นอนผมรับปาก หากคุณให้ความร่วมมือกับทางเรา ผมจะให้ความคุ้มครองคุณในฐานะพยานเอง”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับจ้องมองเข้าไปยังดวงตาของนายวีรวัฒน์
“แต่เรื่องที่เกิดขึ้นผมไม่ได้ฆ่าใครนะครับ มันเกิดจากชายคนนั้น”นายวีรวัฒน์เล่าด้วยน้ำเสียงสั่นสั่น
“ชายคนนั้นอย่างงั้นรึ คุณหมายถึงใครกัน”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าวขึ้น
“ผมไม่รู้ครับว่าเค้าเป็นใคร ผมรู้แค่ว่าเค้าน่าจะเป็นคนของรัฐบาลเท่านั้นครับ”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยท่าทางที่หวาดกลัว
“เรื่องมันเป็นมายังไงคุณเล่าออกมาให้หมดเลยจะดีกว่า ถ้าคุณมัวแต่อ่ำอ่ำอึ้งอึ้งอยู่อย่างนี้มันก็ไม่ช่วยให้คุณพ้นข้อกล่าวหาไปได้หรอกนะ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดันอีกครั้ง
“เรื่องมันเกิดขึ้นเมื่อหลายวันก่อนครับ ในตอนเช้าวันนั้นในขณะที่ผมกำลังจะไปทำงานเหมือนปรกติ มีชายสามคนได้มาหาผมที่บ้านพร้อมกับอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาล มาขอความร่วมมือจากผม”นายวีรวัฒน์กล่าว
“อ้างตัวว่าเป็นคนของรัฐบาลอย่างนั้นรึ เป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยไหน”เจ้าหน้าที่โตโต้ถาม
“ครับ เค้าแสดงบัตรเจ้าหน้าที่อะไรซักอย่างแต่มันเร็วมากในตอนนั้นผมตกใจ คิดว่าจะถูกจับเลยไม่ทันสังเกตบัตรของคนพวกนั้นอย่างจริงจัง”นายวีรวัฒน์กล่าว
“แล้วคนพวกนั้นมาขอความร่วมมืออะไรจากคุณเหรอครับ”เจ้าหน้าที่โตโต้ถามต่อ
“เค้ามาขอให้ผมถ่ายรูปคนที่จะมาร่วมงานเลี้ยงในคืนวันนั้นแค่นั้นเองครับ ตอนแรกผมก็ปฏิเสธแต่เค้าก็ข่มขู่ผมว่าจะจับผมหากไม่ร่วมมือกับพวกเค้า”นายวีรวัฒน์กล่าว
“จะจับคุณอย่างนั้นรึ คนพวกนั้นจะจับคุณข้อหาอะไรคุณไม่ได้ทำความผิดซักหน่อย”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“ผมก็ไม่รู้ตอนนั้นผมกลัวมาก ก็ถ้าเป็นคนของรัฐบาลจริงก็สามารถทำอะไรก็ได้ จะยัดข้อหาอะไรผมก็ได้เพราะผมมันคนมีประวัติที่ไม่ดีอยู่แล้ว ผมก็เลยต้องจำยอมรับปากคนพวกนั้นไป”นายวีรวัฒน์กล่าว
ในตอนนั้นไคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐบาลเหล่านั้น แต่ตัวเค้าเองก็ยังหาโอกาสที่จะสอบถามจากนายวีรวัฒน์ได้ไม่ถนัด ไคจึงได้แต่นั่งฟังเรื่องราวที่นายวีรวัฒน์เล่าและปล่อยให้เจ้าหน้าที่โตโต้ได้ทำหน้าที่สืบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป จนเมื่อไคเห็นโอกาสเหมาะเหมาะเค้าจึงเอ่ยถามต่อนายวีรวัฒน์ทันที
“ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ คือผมมีเรื่องอยากจะถามคุณวีรวัฒน์อะไรหน่อยได้มั้ยครับ”ไคเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองไปทางเจ้าหน้าที่โตโต้เพื่อขออนุญาตซักถาม
“มีอะไรอย่างนั้นหรือไค”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“เรื่องของเจ้าหน้าที่รัฐบาลพวกนั้น คุณวีรวัฒน์คุณพอจะจำได้บ้างมั้ยครับว่า พวกเค้ามีลักษณะท่าทางเป็นแบบไหนรูปร่างหน้าตา มีอะไรเป็นลักษณะเด่นพอจะจำได้บ้างมั้ยครับ”ไคสอบถามด้วยความสงสัย
“คนพวกนั้นผมมองเห็นหน้าไม่ชัดหรอกครับ พวกเค้าใส่หมวกและสวมแว่นตาสีดำและแต่งตัวคล้ายคล้ายกับคุณเจ้าหน้าที่แบบนี้แหล่ะครับ เป็นชุดสูทสีดำผูกด้วยเนคไทสีแดงเลือดหมู”นายวีรวัฒน์กล่าวพร้อมกับชี้ไปทางเจ้าหน้าที่โตโต้
“ว่ายังไงนะ แต่งตัวแบบผมอย่างนั้นรึ”เจ้าหน้าที่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แข็งกร้าว จนนายวีรวัฒน์ถึงกับผงะตัวออกห่าง
“ถ้าเป็นอย่างที่คุณวีรวัฒน์พูดจริงคนร้ายตัวจริงคือคนของหน่วยของเราอย่างนั้นหรือครับ”ไคเอ่ยขึ้น พร้อมกับมองดูสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเจ้าหน้าที่โตโต้
“เจ้าหน้าที่คนที่คุณเห็นมีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง พอจะบอกได้มั้ย”เจ้าหน้าที่โตโต้สอบถามต่อทันที
“ผมจำไม่ได้ครับ ผมเพียงแค่ถ่ายรูปคนที่มางานเลี้ยงในคืนนั้นตามที่พวกนั้นสั่งเท่านั้นครับ คนพวกนั้นดูคล้ายกันไปหมดแถมยังน่ากลัวมาก คนพวกนั้นเป็นคนฆ่าเจ้าของบ้านหลังนั้นอีกด้วยครับ”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว
“ถ้าคนพวกนั้นให้คุณถ่ายรูปแสดงว่าคุณก็ต้องมีการส่งภาพถ่ายให้กับคนร้าย เพราะฉะนั้นในโทรศัพท์ของคุณก็ต้องมีเบอร์คนร้ายอยู่ จริงมั้ยครับ”ไคกล่าว
“ผมไม่ได้ส่งภาพอะไรเลยครับ ทางคนพวกนั้นให้ผมเอาโทรศัพท์ส่งให้เค้าในตอนที่งานเลี้ยงกำลังดำเนินอยู่”นายวีรวัฒน์กล่าว
“ถ้าอย่างนั้นคนร้ายก็ต้องอยู่ในงานเลี้ยงด้วยนะสิ ถ้าเป็นแบบนั้นคงต้องขอตรวจกล้องวงจรปิดอีกรอบแล้วล่ะ”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าว
“คุณวีรวัฒน์ครับ ช่วยเล่าเรื่องรายละเอียดทั้งหมดให้ฟังอีกครั้งได้มั้ยครับ”ไคเอ่ยขึ้น
เรื่องราวที่นายวีรวัฒน์เล่านั้นเป็นวันเดียวกับวันที่ผู้ตายถูกฆ่า โดยนายวีรวัฒน์มีหน้าที่ถ่ายภาพผู้คนที่มาร่วมงานเลี้ยงเท่านั้น และได้ส่งมอบโทรศัพท์ของตัวเค้าเองให้กลับกลุ่มคนร้าย หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มคนร้ายก็ได้พาตัวนายวีรวัฒน์ขึ้นรถตู้และไปจอดตรง บริเวณใกล้ใกล้กับบ้านของผู้ตาย และเมื่อพอไปถึง คนร้ายคนหนึ่งก็ได้ลงจากรถไปและทิ้งให้นายวีรวัฒน์อยู่กับพวกของคนร้ายอีกสองคนภายในรถตู้ ไม่นานนักคนร้ายที่แยกตัวออกไปก็กลับมายังรถตู้พร้อมกับส่งเครื่องเพชรให้กับนายวีรวัฒน์พร้อมกับบอกว่า สร้อยเพชรเป็นของตอบแทนในการที่นายวีรวัฒน์ได้ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี หลังจากนั้นคนร้ายก็ปล่อยตัวนายวีรวัฒน์บริเวณใกล้ใกล้กับบ้านของผู้ตาย เนื่องจากนายวีรวัฒน์เมื่อรับสร้อยเพชรเส้นนั้นมาแล้ว เค้าเห็นสร้อยเพชรนั้นชุ่มไปด้วยคราบเลือดที่ยังใหม่ใหม่อยู่หยดเป็นทาง ด้วยความหวาดกลัวนายวีรวัฒน์จึงนำสร้อยเพชรเส้นนั้นไปทิ้งที่ถังขยะที่อยู่ใกล้ใกล้ แล้วจึงรีบกลับไปยังห้องพักทันที
“คนร้ายต้องการอะไรจากการทำแบบนี้กันนะ จะเรียกว่าชิงทรัพย์ก็ไม่น่าจะใช้เท่าที่ฟังดูคนร้ายได้เตรียมแผนการมาเป็นอย่างดี”ไคพูดขึ้นมาลอยลอยหลักจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากนายวีรวัฒน์
“ผมไม่ได้ทำอะไรผิดใช่มั้ยครับ ผมถูกคนพวกนั้นบังคับและผมก็ไม่รู้เรื่องที่มีการฆ่ากันตายด้วย คุณเจ้าหน้าที่คุณเชื่อผมใช่มั้ย”นายวีรวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ พร้อมกับจ้องมองมายังไค
“เรื่องนี้ก็ต้องรอดูกันไปก่อนว่าคุณพูดความจริงหรือไม่ ตอนนี้เราต้องหาตัวคนร้ายมาให้ได้เสียก่อน”เจ้าหน้าที่โตโต้กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณโตโต้ครับ ผมมีข้อสงสัยว่าทำไมคนร้ายถึงเลือกเป้าหมายว่าจะต้องเป็นผู้ตายด้วยล่ะครับ เหตุจูงใจที่จะต้องเป็นผู้ตายมันจะต้องมีอะไรแอบแฝงอยู่แน่แน่”ไคกล่าว ทางด้านเจ้าหน้าที่โตโต้เองก็สงสัยในจุดนั้นเช่นกันเพียงแต่ว่า เค้ายังคงหาแรงจูงใจในเรื่องนั้นยังไม่พบ
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ