RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  75.92K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

75) ข้อสงสัย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เสียงดังจนเค้าได้ยินอย่างชัดเจน ใบหน้าของเค้าเริ่มชาและใบหูเริ่มเป็นสีแดงจนเรนโบว์สังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

“อะ อะไรนะครับ”ไคเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

“นายเป็นอะไรรึเปล่า ทำไมหน้าแดงแบบนั้นล่ะไม่สบายรึเปล่า”เรนโบว์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูห่วงใยอย่างยิ่ง

“คือ ผมไม่เป็นอะไรครับคงจะเหนื่อยเกินไปหน่อยน่ะ”ไคกล่าวโดยไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเรนโบว์ พร้อมกับคิดภายในใจไปต่างต่างนานา นี่เค้าเป็นอะไรอีกแล้วนะอาการแบบนี้ยังไม่หายไปอีกเหรอ ทำยังไงถึงจะหายได้นะ หรือต้องบอกกับเธอไปตรงตรงอย่างที่จัมพ์เคยบอกเอาไว้ เราจะทำยังไงดีนะบอกเธอไปเลยดีมั้ย ในตอนที่ไคยังสับสนกับความคิดของตนเองอยู่นั้น

“ไค” เรนโบว์

“ไค”เรนโบว์เธอเรียกชื่อของเค้าซ้ำอีกครั้ง

“ครับ มีอะไรเหรอครับ”ไค

“เหม่อลอยอีกแล้วนะ นายนี่ชอบคิดอะไรอยู่คนเดียวเรื่อยเลยนะ”เรนโบว์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก แต่สายตาของเธอไม่ได้แสดงออกว่าโกรธเคืองอะไรเค้าจริงจังมากนัก

“ขอโทษครับ อาจารย์คนสวยมีอะไรหรือครับ”ไค

“เมื่อกี้เรียกฉันว่าอะไรนะ”เรนโบว์กล่าวย้ำ

“อาจารย์คนสวย”ไค

“จากนี้ไปนายไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์คนสวยแล้วล่ะ”เรนโบว์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พร้อมกับทำสีหน้าดูจริงจังมากขึ้น

“ทำไมล่ะครับ”ไค

“หมดหน้าที่ของฉันที่นี่แล้ว วันพรุ่งนี้ฉันต้องออกไปทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายแล้วล่ะ”เรนโบว์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“คุณเรนโบว์จะไม่มาที่นี่อีกแล้วเหรอครับ”ไคกล่าว พร้อมกับจ้องมองดวงตาของเรนโบว์

“มาสิกลับมาแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ต้องรอให้ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายสำเร็จเสียก่อน”เรนโบว์กล่าวพร้อมกับรอยยิ้มอย่างเป็นมิตร ไคเองเมื่อได้ฟังสิ่งที่เรนโบว์กล่าวเค้าเองก็รู้สึกปั่นป่วนไปทั่วทั้งช่องท้อง สภาพจิตใจเหมือนมันจะแตกเป็นเสี่ยงเสี่ยงคล้ายความรู้สึกที่กำลังจะสูญเสียช่วงเวลาที่ดีที่สุดไป ความสุขมันมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสียจริง เค้าได้แต่ยืนจ้องมองดูเรนโบว์โดยไม่สามารถที่จะเอ่ยเป็นคำพูดอะไรออกมาได้เลย

“จริงสิ ว่าแต่ช่วงหลังหลังมานี่ไม่ค่อยเห็นจัมพ์มาฝึกที่นี่เลย เค้าหายไปไหนเหรอเพื่อนของนาย”เรนโบว์ เริ่มเปลี่ยนประเด็นในการพูดคุยทันทีที่เห็นสีหน้าท่าทางของไคเปลี่ยนไป

“ช่วงนี้จัมพ์ดูแปลกแปลกไปครับ ไม่ค่อยพูดค่อยจากันเหมือนแต่ก่อน ค่อนข้างจะเก็บตัวขึ้นดูเค้าเหมือนกับว่าจะหมกหมุ่นอยู่กับการฝึกวิชาดาบเอามากมากจนไม่สนใจการกินหรือการนอนเลย แต่เรื่องนี้คุณเรนโบว์ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกนะครับ ไม่นานเดี๋ยวจัมพ์ก็จะกลับมาเป็นปรกติเอง”ไคกล่าว

“ไอ้ที่นายว่าจัมพ์แปลกไป เค้าแปลกไปยังไงเหรอ”เรนโบว์ถามย้ำอีกครั้ง

“ก็ช่วงนี้ในตอนกลางคืนจัมพ์ไม่ได้อยู่ที่ห้องแต่เค้าบอกกับผมว่าจะออกมาฝึกวิชาดาบคนเดียว แล้วก็กลับมาอีกทีในตอนเช้า แต่ทุกครั้งที่จัมพ์กลับมาที่ห้องสภาพของเค้าดูไม่ได้เลยดูมอมแมมเหมือนกับว่าเค้าไปต่อสู้กับใครมา บางวันก็ได้รับบาดเจ็บกลับมาด้วยแต่ก็เป็นแค่บาดแผลเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อผมถามเค้าก็ไม่พูดอะไรเอาแต่นอนอย่างเดียว สงสัยคงจะเหนื่อยจากการฝึก”ไค

“ถ้าเป็นแบบนั้นก็แปลกนะ เพราะว่าหากว่าจัมพ์ออกมาฝึกวิชาดาบทำไมต้องเป็นในตอนกลางคืน และจัมพ์ฝึกดาบอยู่กับใคร แถมคนคนนั้นต้องเก่งน่าดูถึงสามารถทำให้จัมพ์ยอมรับที่จะให้เค้าสอนวิชาดาบได้ เพราะเท่าที่ฉันดูจัมพ์เองเป็นคนที่ค่อนข้างมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ค่อยยอมรับคำสั่งสอนจากคนอื่นง่ายง่ายซะด้วย”เรนโบว์กล่าว เมื่อใครได้ฟังที่เรนโบว์เอ่ยขึ้นเค้าก็ต้องประหลาดใจอีกครั้งในความสามารถการวิเคราะห์ จากการสังเกตของเรนโบว์ความสามารถในการอ่านนิสัยของจัมพ์ได้อย่างทะลุปรุโปร่ง เรนโบว์ ผู้หญิงคนนี้มักจะมีอะไรบางอย่างที่ทำให้เค้าแปลกใจได้เสมอ ไคแอบคิดขึ้นภายในใจ

“ฉันเริ่มอยากจะรู้แล้วสิ ว่านายจัมพ์หายไปไหนในตอนกลางคืน”เรนโบว์กล่าว พร้อมกับทำท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิดอะไรบางอย่างอยู่ เธอยืนนิ่งพร้อมกับใช้นิ้วชี้ค่อยค่อยแตะที่ข้างแก้มของเธอเบาเบา พร้อมกับทำท่าบ่นพรึมพรำอยู่คนเดียว

“ทำไมคุณเรนโบว์ถึงอยากรู้เรื่องของจัมพ์ขึ้นมาละครับ”ไค เอ่ยขึ้นด้วยความสงสัยเพราะเมื่อก่อนเรนโบว์ ไม่เคยพูดถึงจัมพ์เลย แต่มาคราวนี้กับสนใจในตัวจัมพ์ขึ้นมาเป็นพิเศษ

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คือว่าช่วงนี้มีรายงานมายังหน่วยข่าวกรองของทีมไล่ล่าว่า ที่ทางด้านหลังตรงบริเวณชายป่าของอาคารTมีร่องรอยการทำลายกำแพงเพื่อจะออกไปยังด้านนอกของศูนย์ฝึกนะสิ ฉันก็กลัวว่าจะเป็นฝีมือของเพื่อนเธอ เพราะร่องรอยของกำแพงเป็นรอยตัดด้วยของมีคมจากพลังพิเศษอย่างแน่นอน เพราะความหนาของกำแพงมีความแข็งแรงมาก หากใช้เครื่องมือทั่วไปคงทำลายได้ยากแต่กำแพงที่พังลงมานั้น หน่วยพิสูจน์หลังฐานของเรายืนยันแล้วว่า สิ่งที่ทำลายกำแพงลงได้เกิดจากการถูกของมีคมที่มีอานุภาพการทำลายล้างสูงมากจึงจะสามารถตัดก้อนอิฐของกำแพงให้ออกจากกันได้”เรนโบว์กล่าว

“มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นด้วยหรือครับ แล้วมันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ครับคุณเรนโบว์”ไค

“เกิดตั้งแต่เมื่อไหร่นั้นตอนนี้ทางทีมหน่วยพิสูจน์หลักฐานกำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ แต่เบื้องต้นแล้วน่าจะเกิดขึ้นไม่นานนัก”เรนโบว์

“ถ้างั้นคุณเรนโบว์คิดว่าเป็นฝีมือของจัมพ์หรือครับ”ไค

“ก็ยังไม่ได้คิดถึงขนาดนั้นหรอกนะ แต่จัมพ์เองแค่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยคนหนึ่งเท่านั้น”เรนโบว์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

“แสดงว่ายังมีคนอื่นที่น่าสงสัยอยู่อีกงั้นหรือครับ”ไค

“ก็ยังมีอยู่อีกหลายคน แต่ฉันคงจะบอกนายไม่ได้หรอกนะเรื่องนี้เป็นความลับของหน่วยห้ามเปิดเผยความลับโดยเด็ดขาด เพราะว่ามันอาจจะมีผลต่อรูปคดีได้”เรนโบว์

“ถ้าเป็นแบบนั้นผมจะไปถามจัมพ์ให้รู้เรื่องเอง แต่ผมเชื่อมั่นว่าไม่ใช่ฝีมือของจัมพ์อย่างแน่นอนผมเชื่อใจเพื่อนของผมว่าไม่มีวันที่จัมพ์จะทำเรื่องแบบนั้นแน่”ไคกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจังมากขึ้น เมื่อเรนโบว์เห็นดังนั้นเธอก็แอบยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย

“ถ้าไคเชื่อว่าจัมพ์ไม่ได้เป็นคนทำ ฉันเองก็เชื่อแบบนั้นแต่พฤติกรรมของจัมพ์ที่แปลกแปลกออกไป มันก็ยังคงน่าสงสัยอยู่นะ แต่ก็เอาเถอะเรื่องที่จัมพ์จะทำหรือไม่นั้นก็ให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่หน่วยCTSOจัดการเถอะ หากจัมพ์ไม่ได้เป็นคนทำก็ไม่มีอะไรที่จะต้องห่วง”เรนโบว์กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบอีกครั้ง แต่แววตาของเธอเองก็ดูเป็นกังวลเล็กน้อย ซึ่งไคเองก็ไม่พลาดที่จะสังเกตเห็นได้

                    บรรยากาศของการสนทนาเริ่มเงียบและหยุดนิ่งลง ในขณะที่ไคกำลังใช้ความคิดถึงเรื่องที่เรนโบว์เล่าให้ฟัง ซึ่งเรื่องราวของจัมพ์จากหลายวันที่ผ่านมาพฤติกรรมของจัมพ์ก็เป็นที่น่าสงสัยยิ่งนัก แต่ตัวเค้าเองก็ยังคงเชื่อมั่นในตัวของเพื่อนของเค้าว่า จัมพ์ไม่มีทางที่จะฝ่าฝืนกฏระเบียบอย่างแน่นอน

                    การฝึกฝนวิชาการต่อสู้ในวันสุดท้ายก็สิ้นสุดและจบลงอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าเรื่องราวแห่งห้วงเวลาที่ผ่านมา การพบเจอ การพูดคุย ช่วงแห่งเวลาที่ดีที่แสนสั้น ได้เติมเต็มความรู้สึกที่ดีที่มีให้กันของคนทั้งสอง แต่ก็ไม่สามารถเก็บรักษาเอาไว้ได้ การจากลาไม่อาจหลีกพ้นถึงแม้จะมีร้อยล้านสายตาอ้อนวอนเพื่อเหนี่ยวรั้ง แต่ก็ไม่อาจเอ่ยปากออกจากความรู้สึกได้ สิ่งที่ทำได้เพียงเฝ้ามองดูการจากไปของรอยยิ้มแห่งความสุข ก่อนเรนโบว์จะจากไปเธออุ้มโจเซฟไว้ในอ้อมแขน พร้อมรอยยิ้มที่อบอุ่นก่อนจะส่งมันให้กับไค จากนั้นเธอจึงหันหลังให้กับเค้าและไม่หันมองกลับมาอีกเลย ทิ้งให้ไคยืนนิ่งและอยู่กับความทรงจำและเรื่องราวที่ผ่านมา

                 เมื่อไคกลับถึงห้องในวันนี้จัมพ์ก็ไม่อยู่ที่ห้องเสียแล้ว จัมพ์คงออกไปฝึกวิชาดาบอีกเช่นเคย ไคจึงตัดสินใจออกตามไปเค้ารีบเปลี่ยนชุดและรีบออกจากห้องไป โดยปล่อยโจเซฟทิ้งเอาไว้เพียงลำพังอยู่ในห้องเพียงตัวเดียว จุดหมายที่ไคคิดว่าจัมพ์น่าจะไปก็คือ บริเวณป่าริมกำแพงหลังตึกTที่เรนโบว์ได้พูดถึง ไม่นานนักไคก็ไปถึงบริเวณที่อยู่ใกล้กับตึกTซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตึกAที่เค้าพักอยู่มากนัก ไคมองเห็นแสงไฟและเจ้าหน้าที่ของหน่วยCTSOที่สวมชุดสูทสีดำจำนวนหลายคน เดินกันขวักไขว่โดยมีหัวหน้าหลุยส์เป็นคนสั่งการอยู่ ไม่นานนักแสงไฟจากรถตู้สีดำก็สาดแสงมาทางเค้า ไคเห็นดังนั้นจึงรีบหมอบลงและรีบหลบเข้าไปอยู่หลังพุ่มไม้บริเวณใกล้ใกล้ ไคมองลอดพุ่มไม้ออกไปเค้าเห็นรถตู้จำนวนสามคันขับมาจอดตรงบริเวณ ใกล้ใกล้กับที่หัวหน้าหลุยส์ยืนอยู่ เมื่อประตูรถตู้คันที่สองเปิดออกไคเห็นคนที่เค้ารู้จักเป็นอย่างดีเดินออกมาจากรถตู้ ชายคนนั้นก็คือ ลุงเคนนั่นเอง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา