RED STONE WAR
9.0
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
86 ตอน
9 วิจารณ์
74.22K อ่าน
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
65) ดาบโลห์กับไม้พลอง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความยืนอยู่ สิ่งที่จัมพ์รอคอยก็คือการตอบรับจากพวกเพื่อนของเค้า ไม่นานนักการตอบสนองก็ตอบกลับมาทันที ไคยืนยิ้มพร้อมกับชูนิ้วหัวแม่มือขึ้น เพื่อแสดงว่าเค้ายอมรับการตัดสินใจของจัมพ์ พร้อมกับหันไปมองแปปซีและหรั่ง แปปซียืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงยิ้มออกมาและทำท่าแบบเดียวกันกับไค และต่อมาหรั่งก็ทำตาม
“พวกนายทำบ้าอะไรกันเนี๊ยะ อยากทำให้ทีมแพ้กันรึไง”เสียงฮันนี่ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของจัมพ์
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณฮันนี่ เชื่อใจจัมพ์ได้เลยเค้ารู้ดีว่าเค้าทำอะไรอยู่”ไคกล่าว
“แน่ใจเหรอไค ว่าคนอย่างหมอนั่นรู้ดีว่าทำอะไรอยู่”ฮันนี่กล่าว พร้อมกับมองหน้าไค แต่ไคกับไม่ตอบโต้ใดใด เค้าแค่เพียงส่งรอยยิ้มหวานหวานให้ฮันนี่เท่านั้น
“สิ่งที่จัมพ์ตัดสินใจคืออะไรรู้มั้ยฮันนี่ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรียังไงล่ะ ที่จัมพ์ทำเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าศักดิ์ศรีของการประลองของทั้งสองทีมเท่าเทียมกัน”หรั่งกล่าว
“ศักดิ์ศรีบ้าบออะไรอีกล่ะมันจะทำให้ทีมเราแพ้อย่างรวดเร็วต่างหาก พวกนายอยากจะแพ้ทั้งทั้งที่ยังไม่มีโอกาสลงแข่งเลยเหรอ”ฮันนี่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
“การแข่งขันครั้งนี้แพ้ชนะมันไม่สำคัญหรอกนะ สำคัญที่ว่าเราตอบโจทย์ของการแข่งขันครั้งนี้ได้หมดรึเปล่า”หรั่งกล่าว
“โจทย์การแข่งงั้นรึ”ฮันนี่
“การแข่งขันแบบทีม หรือการทำงานกันเป็นทีมยังไงล่ะเพราะฉะนั้นการตัดสินใจของจัมพ์ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจของทีมเช่นกัน”แปปซีกล่าว
“โอ๊ยยย ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกนายเลยจริงจริง พวกผู้ชายเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดเลยรึเปล่าเนี๊ยะ”ฮันนี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าแปปซีและหรั่ง ที่ยังทำหน้า งง งง กับสิ่งที่เค้าได้ยินอยู่ ทั้งแปปซีและหรั่งต่างก็มองหน้ากันไปมา แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ให้ตายสิ ฉันไม่สนใจพวกนายแล้วอยากทำอะไรกันก็เชิญเลย ฉันเหนื่อยกับการแข่งบ้าบ้านี่มาทั้งวันล่ะ พอกันที แพ้ชนะฉันไม่สนใจแล้ว ตามใจพวกนายเลยละกัน”ฮันนี่กล่าวเหมือนประชดเล็กน้อยก่อนจะเดินแยกตัวไปนั่งบนเก้าอี้
เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดังก้องทั่วทั้งสนามการแข่งขันอีกครั้ง เมื่อโฆษกประกาศว่าการแข่งขันในรอบสุดท้ายนี้ จะตัดสินกันที่การต่อสู้ของทั้งสองคนนี้ผู้ชมและกองเชียร์ต่างก็พูดคุยกันไปต่างต่างนานา บ้างก็ว่าจัมพ์ไม่เจียมตัวกล้ามากที่ไปท้าทายแบบนั้น และบ้างก็ว่าไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน แต่หลายหลายเสียงที่พูดคุยกันแล้วโดยรวม ต่างก็คิดว่าการตัดสินใจของจัมพ์และทีมสีแดงถือว่าเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง ถึงกับทำให้ทีมที่พยายามมาถึงจุดนี้ได้อาจจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด
เสียงพูดคุยของกองเชียร์เงียบสงบลง เมื่อทางกรรมการได้เริ่มให้สัญญาณให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ได้ ทุกสายตาจับจ้องมองมายังคนทั้งคู่ที่อยู่บริเวณกลางลานประลอง จัมพ์ยืนจ้องมองไปทางฝั่งตรงข้าม ที่มีนัสโกฟิสยืนจ้องมองเค้าอยู่เช่นกันเมื่อเสียงสัญญาณเริ่มขึ้นจัมพ์ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เค้าขยับด้านหน้าของหมวกของเค้าเล็กน้อยก่อนจะออกตัววิ่งเข้าหานัสโกฟิวที่ยืนอยู่ทันที
จัมพ์วิ่งเข้าไปตรงตรงเข้าหานัสโกฟิวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโยนโลห์และดาบไม้ในมือ เข้าหา นัสโกฟิว จนทำให้นัสโกฟิวที่ยืนตั้งท่ารอรับการโจมตีอยู่รู้สึกแปลกใจ เค้าปัดป้องโดยการใช้ไม้พลองของเค้าปัดอาวุธทั้งสองชิ้นไปคนละทิศละทาง และสิ่งที่นัสโกฟิวคาดไม่ถึงนั่นก็คือ จัมพ์ที่วิ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงก็กระโจนเข้าใส่เค้าอย่างจัง จนเค้าล้มลงไปนอนกับพื้น จัมพ์เองเมื่อเห็นโอกาสเหมาะในจังหวะที่จัมพ์นั่งค่อมบนตัวของนัสโกฟิวอยู่นั้น จัมพ์ก็เริ่มประเคนหมัดใส่ใบหน้าของนัสโกฟิวอย่างไม่ยั้ง จนไม้พลองที่อยู่ในมือของนัสโกฟิวกระเด็นไปคนละทิศละทาง นัสโกฟิวได้แต่ปกป้องตัวเองด้วยการ ยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวเท่านั้น จัมพ์เองก็โจมตีทั้งหมัดและศอกไม่หยุด เสียงกองเชียร์เริ่มตะโกนดังขึ้นไปทั่วทั้งสนาม
“หยุด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”เสียงของคณะกรรมการดังขึ้นระหว่างการแข่งขัน
“มันเกิดอะไรขึ้น มันจบแล้วรึ”จัมพ์คิดภายในใจก่อนจะหยุดการโจมตี
“พอได้แล้ว นักกีฬาทีมสีแดงคุณทำผิดกฎการแข่งขันขอให้หยุดการกระทำของคุณซะเดี๋ยวนี้”กรรมการพูดขึ้น ทำเอาจัมพ์รู้สึกแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง ผิดกฎ”จัมพ์เอ่ยขึ้น ก่อนที่จะลุกขึ้นจากการที่เค้านั่งค่อมอยู่บนตัวนัสโกฟิวอยู่
“กฎของการแข่งขันครั้งนี้คือการประลองการต่อสู้ด้วยอาวุธ ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยมือเปล่าการต่อสู้ด้วยอาวุธที่เตรียมไว้นั้นหมายถึงว่า จะต้องใช้เทคนิคการต่อสู้ทางด้านอาวุธเท่านั้น เพราะฉะนั้นทางด้านนักกีฬาของทีมสีแดงจึงทำผิดกฎการแข่งขัน และอาจถูกปรับให้แพ้ได้”กรรมการกล่าว
“แพ้เลยเหรอ อะไรกันข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”จัมพ์พูดขึ้นโดยแสดงอาการที่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เค้าได้ยินจากคณะกรรมการ
“เจ้าบ้านั่นเอาอีกแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิน่า”หรั่งเอ่ยขึ้นในขณะที่ยืนมองจากที่พักของนักกีฬาทีมสีแดง
“พวกใช้แต่กำลังไม่ใช้สมองก็แบบนี้ล่ะ กฎระเบียบไม่ยอมอ่านให้ดี ฉันล่ะปวดหัวจริงจริงเลย”ฮันนี่กล่าวต่อ
เสียงของผู้ชมตะโกนด่าทอจัมพ์พร้อมเสียงหัวเราะกันไปทั่วทั้งสนาม กับเรื่องที่เค้าทำไปโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำผิดกฎอยู่ ในใจของเค้าตอนนั้นรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจแต่ไม่ใช่เสียงโห่ร้องด่าทอเค้า แต่เป็นเรื่องที่ทำให้พวกเพื่อนเพื่อนของเค้าผิดหวังต่างหาก คือสิ่งที่กำลังกัดกร่อนจิตใจของเค้าจัมพ์กำลังจะทำให้ทีมแพ้แบบโง่โง่ เค้าหันไปมองไคที่ยืนมองเค้าอยู่จากอีกด้านของสนาม ในตอนนั้นจัมพ์เห็นสิ่งที่ทำให้เค้ายิ้มออกมาได้ นั่นก็คือรอยยิ้มกว้างกว้างของ ไค ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้กล่าวโทษอะไรเค้าเลยแม้แต่น้อย ถึงทั่วทั้งสนามจะไม่มีอยู่ข้างเค้า แต่อย่างน้อยก็มีเพื่อนของเค้าที่เข้าใจเค้าเสมอแพ้ชนะไม่ได้สำคัญอะไรกับเค้าอีกต่อไปแล้ว เค้าไปเรียนรู้แล้วว่าเพื่อนและมิตรภาพคือสิ่งที่มีค่าเพียงใดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“นักกีฬาทีมสีเขียว คุณโอเคมั้ย”เสียงกรรมการพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับผมโอเค”นัสโกฟิวกล่าว พร้อมกับค่อยค่อยลุกขึ้นยืนอย่างช้าช้า แล้วค่อยค่อยบรรจงปัดฝุ่นตามร่างกายออก เค้าใช้นิ้วหัวแม่มือปาดบริเวณริมฝีปาก เพื่อเช็ดรอยคราบเลือดออกเบาเบาและเมื่อเค้ามองเห็นเลือดของตัวเอง เค้าก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเหมือนกับว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ของเค้าได้เป็นอย่างดี
“นักกีฬาทีมสีเขียวคุณจะให้ทางกรรมการปรับให้นักกีฬาทีมสีแดงให้พ่ายแพ้เลยหรือไม่ เพราะว่านักกีฬาของทีมสีแดงทำผิดกฎคุณมีสิทธตัดสินใจว่าจะให้เค้าสู้ต่อหรือพ่ายแพ้”กรรมการกล่าว
“ไม่เป็นไรครับ ให้เค้าสู้ต่อเถอะครับผมไม่มีปัญหาอะไร”นัสโกฟิวตอบ พร้อมกับจ้องมองไปทางที่จัมพ์ยืนอยู่พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวให้กับจัมพ์ คล้ายกับว่าเค้าจะเอาคืนให้อย่างสาสมก็ไม่ปาน
เสียงกองเชียร์ของทีมสีเขียวเริ่มดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง กองเชียร์ที่มาชมการแข่งขันรอบสุดท้ายต่างก็ตะโกนชื่อของนัสโกฟิวไปทั่วทั้งสนาม ราวกับว่าเค้าคือราชาของที่นี่
“เรามาสู้กันต่อเถอะ”เสียงของนัสโกฟิวพูดกับจัมพ์
“ถ้าอย่างนั้น นักกีฬาทั้งสองฝ่ายก็กลับไปประจำที่ของตนแล้วเริ่มการแข่งขันได้”เสียงกรรมการกล่าว
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปหยิบอาวุธของตนขึ้นมาแล้วกลับไปยืนประจำจุดของตนเองและเตรียมพร้อมรอฟังสัญญาณจากทางกรรมการ และเมื่อกรรมการเริ่มให้สัญญาณการแข่งขันอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกองเชียร์ที่ดังกระหึ่มอยู่นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลอะไรกับคนทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนตั้งท่าเตรียมต่อสู้สายตาจับจ้องมองกันจน แทบจะไม่กระพริบตา จัมพ์เองเริ่มก่อนเค้าค่อยค่อยสืบเท้าเข้าหานัสโกฟิวอย่างช้าช้า ทางด้านนัสโกฟิวเมื่อเค้าเห็นท่าทางที่กำลังจะเตรียมจู่โจมเค้าก็เริ่มควงไม้พลองที่อยู่ในมือของเค้าทันที นัสโกฟิวโชว์ท่าควงไม้พลองสลับหน้าไปหลังอย่างคล่องแคล่ว จนเรียกเสียงฮือฮาได้จากกองเชียร์ได้เป็นอย่างดี จัมพ์สังเกตลักษณะท่วงท่าการควงพลองของนัสโกฟิว จัมพ์ก็รู้สึกได้ทันทีว่า ชายคนนี้ไม่ได้เก่งแค่เพียงคำพูดจริงจริง การควงพลองของเค้าดูรวดเร็วและมีพลังและสามารถปิดช่องโหว่ป้องกันการโจมตีจากทุกจุด จัมพ์ต้องหยุดชะงักและรอดูท่าทีไปก่อน การหมุนตัวการควงไม้พลองดูแล้วงดงามไม่มีที่ติ สายตาของนัสโกฟิวในขณะที่ควงไม้พลองยังคงจับจ้องมองมาทางจัมพ์อย่างไม่ละสายตา
และในขณะที่จัมพ์สังเกตเห็นตอนที่นัสโกฟิวกำลังควงไม้พลองตอนย้อนหลังเปลี่ยนมือ จัมพ์จึงใช้จังหวะนั้นวิ่งเข้าหานัสโกฟิวด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่จัมพ์ใกล้จะถึงตัวนัสโกฟิวจัมพ์กลับใช่ท่าไถลไปกับพื้นสนามพร้อมกับเงื้อดาบไม้ฟาดไปที่บริเวณโคนขาของนัสโกฟิว ส่วนทางด้านนัสโกฟิวเห็นดังนั้นเค้าก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เค้าเพียงแค่ตั้งฉากไม้พลองกับพื้นก็สามารถป้องกันการโจมตีของจัมพ์ได้แล้ว แต่ใช่ว่าจัมพ์เองจะยอมง่ายง่าย จัมพ์ใช่โลห์ไม้พลักไม้พลองออกพร้อมกับเงื้อดาบไม้ฟาดตามไปติดติด แต่นัสโกฟิวแค่เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นเค้าก็หมุนตัวพร้อมกลับจับไม้พลองไว้ทั้งสองมือฟาดลงไปที่พื้นบริเวณที่จัมพ์นอนอยู่ จัมพ์ยกโลห์ไม้ขึ้นป้องกันเอาไว้นัสโกฟิวจึงตีสลับไม้พลองซ้ายขวาฟาดลงไปที่โลห์อย่างรวดเร็ว ไม้พลองถูกฟาดลงสลับไปมาทั้งซ้ายและขวานับสิบครั้งอย่ารวดเร็วจนจัมพ์
“พวกนายทำบ้าอะไรกันเนี๊ยะ อยากทำให้ทีมแพ้กันรึไง”เสียงฮันนี่ที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของจัมพ์
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณฮันนี่ เชื่อใจจัมพ์ได้เลยเค้ารู้ดีว่าเค้าทำอะไรอยู่”ไคกล่าว
“แน่ใจเหรอไค ว่าคนอย่างหมอนั่นรู้ดีว่าทำอะไรอยู่”ฮันนี่กล่าว พร้อมกับมองหน้าไค แต่ไคกับไม่ตอบโต้ใดใด เค้าแค่เพียงส่งรอยยิ้มหวานหวานให้ฮันนี่เท่านั้น
“สิ่งที่จัมพ์ตัดสินใจคืออะไรรู้มั้ยฮันนี่ มันเป็นเรื่องของศักดิ์ศรียังไงล่ะ ที่จัมพ์ทำเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าศักดิ์ศรีของการประลองของทั้งสองทีมเท่าเทียมกัน”หรั่งกล่าว
“ศักดิ์ศรีบ้าบออะไรอีกล่ะมันจะทำให้ทีมเราแพ้อย่างรวดเร็วต่างหาก พวกนายอยากจะแพ้ทั้งทั้งที่ยังไม่มีโอกาสลงแข่งเลยเหรอ”ฮันนี่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจนัก
“การแข่งขันครั้งนี้แพ้ชนะมันไม่สำคัญหรอกนะ สำคัญที่ว่าเราตอบโจทย์ของการแข่งขันครั้งนี้ได้หมดรึเปล่า”หรั่งกล่าว
“โจทย์การแข่งงั้นรึ”ฮันนี่
“การแข่งขันแบบทีม หรือการทำงานกันเป็นทีมยังไงล่ะเพราะฉะนั้นการตัดสินใจของจัมพ์ครั้งนี้ก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจของทีมเช่นกัน”แปปซีกล่าว
“โอ๊ยยย ฉันล่ะไม่เข้าใจพวกนายเลยจริงจริง พวกผู้ชายเป็นแบบนี้เหมือนกันหมดเลยรึเปล่าเนี๊ยะ”ฮันนี่เอ่ยขึ้นพร้อมกับมองหน้าแปปซีและหรั่ง ที่ยังทำหน้า งง งง กับสิ่งที่เค้าได้ยินอยู่ ทั้งแปปซีและหรั่งต่างก็มองหน้ากันไปมา แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างชอบใจ
“ให้ตายสิ ฉันไม่สนใจพวกนายแล้วอยากทำอะไรกันก็เชิญเลย ฉันเหนื่อยกับการแข่งบ้าบ้านี่มาทั้งวันล่ะ พอกันที แพ้ชนะฉันไม่สนใจแล้ว ตามใจพวกนายเลยละกัน”ฮันนี่กล่าวเหมือนประชดเล็กน้อยก่อนจะเดินแยกตัวไปนั่งบนเก้าอี้
เสียงปรบมือและเสียงโห่ร้องดังก้องทั่วทั้งสนามการแข่งขันอีกครั้ง เมื่อโฆษกประกาศว่าการแข่งขันในรอบสุดท้ายนี้ จะตัดสินกันที่การต่อสู้ของทั้งสองคนนี้ผู้ชมและกองเชียร์ต่างก็พูดคุยกันไปต่างต่างนานา บ้างก็ว่าจัมพ์ไม่เจียมตัวกล้ามากที่ไปท้าทายแบบนั้น และบ้างก็ว่าไม่เคยมีใครกล้าทำแบบนี้มาก่อน แต่หลายหลายเสียงที่พูดคุยกันแล้วโดยรวม ต่างก็คิดว่าการตัดสินใจของจัมพ์และทีมสีแดงถือว่าเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างร้ายแรง ถึงกับทำให้ทีมที่พยายามมาถึงจุดนี้ได้อาจจะต้องพ่ายแพ้ในที่สุด
เสียงพูดคุยของกองเชียร์เงียบสงบลง เมื่อทางกรรมการได้เริ่มให้สัญญาณให้ทั้งสองฝ่ายเริ่มการต่อสู้ได้ ทุกสายตาจับจ้องมองมายังคนทั้งคู่ที่อยู่บริเวณกลางลานประลอง จัมพ์ยืนจ้องมองไปทางฝั่งตรงข้าม ที่มีนัสโกฟิสยืนจ้องมองเค้าอยู่เช่นกันเมื่อเสียงสัญญาณเริ่มขึ้นจัมพ์ไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า เค้าขยับด้านหน้าของหมวกของเค้าเล็กน้อยก่อนจะออกตัววิ่งเข้าหานัสโกฟิวที่ยืนอยู่ทันที
จัมพ์วิ่งเข้าไปตรงตรงเข้าหานัสโกฟิวอย่างรวดเร็ว พร้อมกับโยนโลห์และดาบไม้ในมือ เข้าหา นัสโกฟิว จนทำให้นัสโกฟิวที่ยืนตั้งท่ารอรับการโจมตีอยู่รู้สึกแปลกใจ เค้าปัดป้องโดยการใช้ไม้พลองของเค้าปัดอาวุธทั้งสองชิ้นไปคนละทิศละทาง และสิ่งที่นัสโกฟิวคาดไม่ถึงนั่นก็คือ จัมพ์ที่วิ่งเข้าหาด้วยความเร็วสูงก็กระโจนเข้าใส่เค้าอย่างจัง จนเค้าล้มลงไปนอนกับพื้น จัมพ์เองเมื่อเห็นโอกาสเหมาะในจังหวะที่จัมพ์นั่งค่อมบนตัวของนัสโกฟิวอยู่นั้น จัมพ์ก็เริ่มประเคนหมัดใส่ใบหน้าของนัสโกฟิวอย่างไม่ยั้ง จนไม้พลองที่อยู่ในมือของนัสโกฟิวกระเด็นไปคนละทิศละทาง นัสโกฟิวได้แต่ปกป้องตัวเองด้วยการ ยกแขนขึ้นมาป้องกันตัวเท่านั้น จัมพ์เองก็โจมตีทั้งหมัดและศอกไม่หยุด เสียงกองเชียร์เริ่มตะโกนดังขึ้นไปทั่วทั้งสนาม
“หยุด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้”เสียงของคณะกรรมการดังขึ้นระหว่างการแข่งขัน
“มันเกิดอะไรขึ้น มันจบแล้วรึ”จัมพ์คิดภายในใจก่อนจะหยุดการโจมตี
“พอได้แล้ว นักกีฬาทีมสีแดงคุณทำผิดกฎการแข่งขันขอให้หยุดการกระทำของคุณซะเดี๋ยวนี้”กรรมการพูดขึ้น ทำเอาจัมพ์รู้สึกแปลกใจ
“หมายความว่ายังไง ผิดกฎ”จัมพ์เอ่ยขึ้น ก่อนที่จะลุกขึ้นจากการที่เค้านั่งค่อมอยู่บนตัวนัสโกฟิวอยู่
“กฎของการแข่งขันครั้งนี้คือการประลองการต่อสู้ด้วยอาวุธ ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยมือเปล่าการต่อสู้ด้วยอาวุธที่เตรียมไว้นั้นหมายถึงว่า จะต้องใช้เทคนิคการต่อสู้ทางด้านอาวุธเท่านั้น เพราะฉะนั้นทางด้านนักกีฬาของทีมสีแดงจึงทำผิดกฎการแข่งขัน และอาจถูกปรับให้แพ้ได้”กรรมการกล่าว
“แพ้เลยเหรอ อะไรกันข้าไม่เห็นรู้เรื่องเลย นี่มันหมายความว่ายังไงกัน”จัมพ์พูดขึ้นโดยแสดงอาการที่ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เค้าได้ยินจากคณะกรรมการ
“เจ้าบ้านั่นเอาอีกแล้ว ให้มันได้อย่างนี้สิน่า”หรั่งเอ่ยขึ้นในขณะที่ยืนมองจากที่พักของนักกีฬาทีมสีแดง
“พวกใช้แต่กำลังไม่ใช้สมองก็แบบนี้ล่ะ กฎระเบียบไม่ยอมอ่านให้ดี ฉันล่ะปวดหัวจริงจริงเลย”ฮันนี่กล่าวต่อ
เสียงของผู้ชมตะโกนด่าทอจัมพ์พร้อมเสียงหัวเราะกันไปทั่วทั้งสนาม กับเรื่องที่เค้าทำไปโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำผิดกฎอยู่ ในใจของเค้าตอนนั้นรู้สึกผิดขึ้นมาจับใจแต่ไม่ใช่เสียงโห่ร้องด่าทอเค้า แต่เป็นเรื่องที่ทำให้พวกเพื่อนเพื่อนของเค้าผิดหวังต่างหาก คือสิ่งที่กำลังกัดกร่อนจิตใจของเค้าจัมพ์กำลังจะทำให้ทีมแพ้แบบโง่โง่ เค้าหันไปมองไคที่ยืนมองเค้าอยู่จากอีกด้านของสนาม ในตอนนั้นจัมพ์เห็นสิ่งที่ทำให้เค้ายิ้มออกมาได้ นั่นก็คือรอยยิ้มกว้างกว้างของ ไค ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้กล่าวโทษอะไรเค้าเลยแม้แต่น้อย ถึงทั่วทั้งสนามจะไม่มีอยู่ข้างเค้า แต่อย่างน้อยก็มีเพื่อนของเค้าที่เข้าใจเค้าเสมอแพ้ชนะไม่ได้สำคัญอะไรกับเค้าอีกต่อไปแล้ว เค้าไปเรียนรู้แล้วว่าเพื่อนและมิตรภาพคือสิ่งที่มีค่าเพียงใดจากเรื่องราวที่เกิดขึ้น
“นักกีฬาทีมสีเขียว คุณโอเคมั้ย”เสียงกรรมการพูดขึ้น
“ไม่เป็นไรครับผมโอเค”นัสโกฟิวกล่าว พร้อมกับค่อยค่อยลุกขึ้นยืนอย่างช้าช้า แล้วค่อยค่อยบรรจงปัดฝุ่นตามร่างกายออก เค้าใช้นิ้วหัวแม่มือปาดบริเวณริมฝีปาก เพื่อเช็ดรอยคราบเลือดออกเบาเบาและเมื่อเค้ามองเห็นเลือดของตัวเอง เค้าก็ยิ้มที่มุมปากเล็กน้อยเหมือนกับว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งกระตุ้นอารมณ์ของเค้าได้เป็นอย่างดี
“นักกีฬาทีมสีเขียวคุณจะให้ทางกรรมการปรับให้นักกีฬาทีมสีแดงให้พ่ายแพ้เลยหรือไม่ เพราะว่านักกีฬาของทีมสีแดงทำผิดกฎคุณมีสิทธตัดสินใจว่าจะให้เค้าสู้ต่อหรือพ่ายแพ้”กรรมการกล่าว
“ไม่เป็นไรครับ ให้เค้าสู้ต่อเถอะครับผมไม่มีปัญหาอะไร”นัสโกฟิวตอบ พร้อมกับจ้องมองไปทางที่จัมพ์ยืนอยู่พร้อมกับส่งรอยยิ้มที่ดูน่ากลัวให้กับจัมพ์ คล้ายกับว่าเค้าจะเอาคืนให้อย่างสาสมก็ไม่ปาน
เสียงกองเชียร์ของทีมสีเขียวเริ่มดังกระหึ่มขึ้นอีกครั้ง กองเชียร์ที่มาชมการแข่งขันรอบสุดท้ายต่างก็ตะโกนชื่อของนัสโกฟิวไปทั่วทั้งสนาม ราวกับว่าเค้าคือราชาของที่นี่
“เรามาสู้กันต่อเถอะ”เสียงของนัสโกฟิวพูดกับจัมพ์
“ถ้าอย่างนั้น นักกีฬาทั้งสองฝ่ายก็กลับไปประจำที่ของตนแล้วเริ่มการแข่งขันได้”เสียงกรรมการกล่าว
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็เดินไปหยิบอาวุธของตนขึ้นมาแล้วกลับไปยืนประจำจุดของตนเองและเตรียมพร้อมรอฟังสัญญาณจากทางกรรมการ และเมื่อกรรมการเริ่มให้สัญญาณการแข่งขันอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของกองเชียร์ที่ดังกระหึ่มอยู่นั้น ดูเหมือนว่าจะไม่มีผลอะไรกับคนทั้งคู่เลยแม้แต่น้อย ทั้งสองคนตั้งท่าเตรียมต่อสู้สายตาจับจ้องมองกันจน แทบจะไม่กระพริบตา จัมพ์เองเริ่มก่อนเค้าค่อยค่อยสืบเท้าเข้าหานัสโกฟิวอย่างช้าช้า ทางด้านนัสโกฟิวเมื่อเค้าเห็นท่าทางที่กำลังจะเตรียมจู่โจมเค้าก็เริ่มควงไม้พลองที่อยู่ในมือของเค้าทันที นัสโกฟิวโชว์ท่าควงไม้พลองสลับหน้าไปหลังอย่างคล่องแคล่ว จนเรียกเสียงฮือฮาได้จากกองเชียร์ได้เป็นอย่างดี จัมพ์สังเกตลักษณะท่วงท่าการควงพลองของนัสโกฟิว จัมพ์ก็รู้สึกได้ทันทีว่า ชายคนนี้ไม่ได้เก่งแค่เพียงคำพูดจริงจริง การควงพลองของเค้าดูรวดเร็วและมีพลังและสามารถปิดช่องโหว่ป้องกันการโจมตีจากทุกจุด จัมพ์ต้องหยุดชะงักและรอดูท่าทีไปก่อน การหมุนตัวการควงไม้พลองดูแล้วงดงามไม่มีที่ติ สายตาของนัสโกฟิวในขณะที่ควงไม้พลองยังคงจับจ้องมองมาทางจัมพ์อย่างไม่ละสายตา
และในขณะที่จัมพ์สังเกตเห็นตอนที่นัสโกฟิวกำลังควงไม้พลองตอนย้อนหลังเปลี่ยนมือ จัมพ์จึงใช้จังหวะนั้นวิ่งเข้าหานัสโกฟิวด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่จัมพ์ใกล้จะถึงตัวนัสโกฟิวจัมพ์กลับใช่ท่าไถลไปกับพื้นสนามพร้อมกับเงื้อดาบไม้ฟาดไปที่บริเวณโคนขาของนัสโกฟิว ส่วนทางด้านนัสโกฟิวเห็นดังนั้นเค้าก็ไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร เค้าเพียงแค่ตั้งฉากไม้พลองกับพื้นก็สามารถป้องกันการโจมตีของจัมพ์ได้แล้ว แต่ใช่ว่าจัมพ์เองจะยอมง่ายง่าย จัมพ์ใช่โลห์ไม้พลักไม้พลองออกพร้อมกับเงื้อดาบไม้ฟาดตามไปติดติด แต่นัสโกฟิวแค่เบี่ยงตัวหลบเล็กน้อยเท่านั้น จากนั้นเค้าก็หมุนตัวพร้อมกลับจับไม้พลองไว้ทั้งสองมือฟาดลงไปที่พื้นบริเวณที่จัมพ์นอนอยู่ จัมพ์ยกโลห์ไม้ขึ้นป้องกันเอาไว้นัสโกฟิวจึงตีสลับไม้พลองซ้ายขวาฟาดลงไปที่โลห์อย่างรวดเร็ว ไม้พลองถูกฟาดลงสลับไปมาทั้งซ้ายและขวานับสิบครั้งอย่ารวดเร็วจนจัมพ์
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ