RED STONE WAR

9.0

เขียนโดย nemon

วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.

  86 ตอน
  9 วิจารณ์
  75.90K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

63) ชะตาที่คล้ายกัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                          เสียงการทุบตีข้าวของ เสียงด่าทอดังไปทั่วบริเวณบ้านเด็กหนุ่มเริ่มเดือดดาลภายในใจ แต่เหตุด้วยที่หญิงชราขอร้องว่าอย่าออกไป เค้าจึงได้แต่เพียงอดทนรอเพื่อให้เหตุการณ์ที่เลวร้ายได้ผ่านพ้น แต่มันคงเป็นชะตาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงกลุ่มคนนับสิบพยายามที่จะพังประตูบานเล็กเล็ก ที่ปิดกั้นระหว่างความเป็นและความตาย จากคนทั้งสอง ไม่นานนักประตูบานเล็กก็ไม่อาจต้านทานกำลังของชายฉกรรณ์นับสิบได้ พวกมันพังประตูเข้ามาได้สำเร็จและทันทีที่มันพังประตูเข้ามาได้หนึ่งในสิบของกลุ่มชายฉกรรณ์ก็เดินปรี่เข้าหาเด็กหนุ่มพร้อมอาวุธในมือทันที แสงเงาวับที่สะท้อนผ่านใบมีดสีขาวกระทบดวงตาของเด็กหนุ่มอันตรายกำลังจะถึงตัวเค้าแล้ว เค้าเบี่ยงตัวหลบด้วยความรวดเร็วเพื่อหลีกเลี่ยงจุดตายแต่คงจะไม่ทันเสียแล้ว

                           ในตอนนั้นร่างหญิงชราเข้ามาแทนที่จุดที่เค้าเคยอยู่ ด้วยความห่วงใย เด็กหนุ่มรีบคว้าตัวของหญิงชราออกมาแต่ไม่ทันเสียแล้ว คมมีดที่มีปลายแหลมแทงเข้าที่ลำตัวของหญิงชรา จนเลือดกระเซ็น ผู้เป็นมือมีดก็ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมันเริ่มชะงักและหยุดลงมือต่อ เด็กหนุ่มคว้าร่างที่แน่นิ่งมากอดไว้แนบอก พร้อมกับกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแห่งการสูญเสีย สายตาแห่งความเจ็บแค้นจ้องมองไปยังชายฉกรรณ์ที่บุกรุกเข้ามา เด็กหนุ่มค่อยค่อยวางร่างของหญิงชราลงพร้อมกับคำรามลั่น เค้ากระโจนใส่ชายคนที่ลงมือแทงหญิงชราเป็นคนแรก เค้าเรียกอาวุธคู่กายเป็นไม้พลองเหล็กกล้ากระโดดฟาดเข้าไปที่ใบหน้าของชายคนดังกล่าว ชายคนนั้นไม่ทันจะตั้งตัวถูกไม้พลองฟาดเข้าอย่างจังถึงกลับล้มทั้งยืน และก่อนที่ร่างของชายคนนั้นจะนอนแน่นิ่งสนิทดี เสียงไม้พลองแหวกผ่านอากาศฟาดซ้ำลงไปที่ศรีษะของชายคนนั้นนับครั้งไม่ถ้วน หยดเลือดสีแดงเข้มสาดกระเซ็นกระจายไปทั่วบริเวณห้อง พร้อมกับเสียงของการกระหน่ำตีอย่างไม่ยั้ง คราบเลือดเปอะเปื้อนไปทั่วร่างเด็กหนุ่มคำรามเสียงแข้งกร้าว พร้อมกับหันมองหาเหยื่อรายที่สอง เค้าพุ่งตัวไปหาชายรูปร่างผอมสูงจุดหมายคือเหยื่อรายต่อไปเค้าฟาดพลองเหล็กเข้าที่บริเวณกลางศรีษะของชายคนนั้นทันที ชายรูปร่างผอมสูงเองก็ไม่ประมาท เค้ายกท่อนเหล็กที่ถืออยู่ในมือขึ้นมากันไว้ แต่ชายผอมสูงคงจะถึงเวลาของเค้า เหตุเพราะเค้าประเมินพลาดไปจึงต้องจบชีวิตลง เมื่อเด็กหนุ่มฟาดพลองเหล็กลงมาที่ศรีษะของเค้า ความรุนแรงของไม้พลองที่สร้างขึ้นจากพลังพิเศษทำให้ ท่อนเหล็กที่ชายร่างผอมสูงยกขึ้นมากันไว้นั้นหักกลางแยกออกเป็นสองท่อน ความรุนแรงของพลองเหล็กทำให้ชายร่างผอมสูงแน่นิ่งไปทันที โดยการฟาดเพียงครั้งเดียว

                         การสังหารอย่างเลือดเย็นยังคงดำเนินต่อไป สายตาของเด็กหนุ่มยังคงเสาะหาจุดหมายรายต่อไป เค้าค่อยค่อยยืนขึ้นกวาดสายตามองไปรอบรอบบริเวณพร้อมกับส่งเสียงคำรามลั่น ในตอนนั้นชายฉกรรณ์ที่ยืนอยู่และมองเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างตกตะลึง เริ่มขวัญหนีวิ่งหนีตายกันอย่างไม่คิดชีวิต การสังหารหมู่ก็ได้เริ่มขึ้น เด็กหนุ่มเริ่มออกสังหารชายฉกรรณ์ที่มาบุกรุกบ้านของเค้าทีละคนทีละคน จนทุกอย่างสงบลง

                         และเมื่อทุกอย่างเริ่มสงบลงความเงียบก็เค้ามาปกคลุมอีกครั้ง ไม่นานนักเจ้าหน้าที่กิมก็ไปถึงที่เกิดเหตุ ภาพที่เค้าได้พบเห็นในครั้งแรกที่ไปถึงคือ สภาพศพคนที่เสียชีวิตซึ่งเป็นชายรูปร่างสูงใหญ่จำนวนหลายคน นอนเสียชีวิตจมกองเลือดอยู่กระจัดกระจายไปทั่วบริเวณหน้าบ้านหลังเล็กเล็กหลังหนึ่ง ภายในตัวบ้านเจ้าหน้าที่กิมยังพบ เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ตามตัวของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือด และในอ้อมกอดของเขาก็มีร่างที่ไร้ชีวิตของหญิงชราอยู่ เค้าไม่ยอมอยู่ห่างจากร่างของหญิงชราเลยเด็กหนุ่มคนนั้นที่กำลังพูดถึงอยู่ก็คือ นัสโกฟิว นั้นเอง

“ผู้ชายคนนั้นก็มีเรื่องราวในชีวิตที่โหดร้ายเหมือนกัน”ไคพูดขึ้นพร้อมกับมองไปทางนัสโกฟิว

“ใช่แล้วล่ะ เค้าก็เป็นอีกคนหนึ่งที่สูญเสียทุกสิ่งไป เพราะพลังพิเศษ”หรั่งกล่าว

“หมายความว่ายังไงเหรอครับ”ไค

“หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นนัสโกฟิวก็ต้องถูกดำเนินคดีด้วยข้อหา ฆ่าคนโดยไม่เจตนาและข้อหาป้องกันตัวเกินกว่าเหตุเพราะพวกญาติของคนที่ถูกเค้าฆ่าตายต่างก็ไม่พอใจกับสิ่งที่นัสโกฟิวทำและส่วนทางรัฐบาลเองก็ตั้งข้อหาเค้าด้วยข้อหาให้พลังพิเศษอย่างผิดกฎหมายและต้องถูกประหารชีวิต”หรั่งกล่าว

“ประหารเลยเหรอ ทำไมกันและถ้าหากในตอนนั้นนัสโกฟิวไม่มีพลังของอักขระล่ะมีคนมาทำร้ายถึงในบ้านคนเป็นสิบเข้ามารุมทำร้ายคนคนเดียว เหตุการณ์มันจะเป็นยังไงคนที่ตายก็ต้องเป็นเค้าแทนนะสิ”ไคเอ่ยขึ้น

“ถูกอย่างที่เจ้าว่า ในตอนนั้นนัสโกฟิวก็พูดเช่นนั้นเหมือนกัน”หรั่งตอบพร้อมกับมองหน้าของไค ด้วยความสนใจ

“แล้วตอนนั้นไอ้หมอนั้นทำยังไง”จัมพ์ที่ฟังอยู่เงียบเงียบเอ่ยขึ้น

“หลังจากนั้นทางหน่วยCTSOต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือโดยส่งให้เจ้าหน้าที่กิมดำเนินการและช่วย เจ้าหนุ่มนัสโกฟิวออกมาจากลานประหารได้แต่ต้องอยู่ในการดูแลของหน่วยCTSOอย่างเคร่งครัด ในตอนที่ไอ้หมอนั้นมาถึงที่นี่ เค้าไม่ยอมพูดกับใครเลยนอกจากเจ้าหน้าที่กิม แววตาและการกระทำของนัสโกฟิวในตอนนั้นข้าจำได้ดีเลยทีเดียว มันเป็นแววตาที่ไม่ใช่ของมนุษย์ มันเป็นแววตาที่มีแต่ความเครียดแค้นและเกลียดชัง และเค้ามักพูดเสมอเสมอว่าสังคมและกฎข้อบังคับของสังคมเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะยืนหยัดอยู่เหนือผู้อื่นได้”หรั่งกล่าว

“ไอ้หมอนั้นมีชีวิตที่คล้ายกับข้า เคยถูกสังคมรังเกียจในตอนนั้นข้าเองก็เกลียดสังคมและทุกทุกคนที่มองข้าว่าเป็นปีศาจแต่ข้ายังโชคดีที่ได้มาเจอไคและได้มีเพื่อน แต่เจ้าหมอนั้นไม่รู้ว่าจะหลุดพ้นจากความคิดแบบนั้นได้มั้ยและจะหาเพื่อนแท้ที่จริงใจเจอรึเปล่า ข้าก็ขอภาวนาให้ไอ้หมอนั้นได้เจอเพื่อนแท้ซักคน ชีวิตที่มืดมนแบบนั้นจะได้ผ่านพ้นไปเสียที”จัมพ์เอ่ยขึ้น ทำให้ไคและหรั่งที่ยืนฟังอยู่ต่างก็แปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ยิ่งหรั่งด้วยแล้วยิ่งแทบจะไม่เชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินคำพูดแบบนี้จากปากของจัมพ์ เค้ามองดูจัมพ์แล้วยิ้มเล็กน้อย

“น่าสนใจ น่าสนใจจริงพวกเจ้าทั้งสองคนเนี๊ยะ ฮ่า ฮ่า คนหนุ่มนี่ไฟแรงจริงจริง”อยู่ดีดีหรั่งก็พูดขึ้นพร้อมกับมองไปบนท้องฟ้าแล้วก็หัวเราะออกมาเบาเบา

“อะไรของแกเนี๊ยะ อยู่ดีดีก็หัวเราะออกมาบ้าไปแล้วรึไง”จัมพ์พูดพร้อมกับมองดูหรั่งด้วยท่าทางที่แปลกแปลก

“หมดเวลาพูดคุยกันแล้ว ได้เวลาที่ต้องจริงจังกันแล้วพวกเราเตรียมเข้าสู่ลานประลองกันเถอะ”หรั่งพูดขึ้นหลังจากที่หยุดหัวเราะแล้ว

“เราจะไปที่ไหนกันเหรอครับคุณหรั่ง”ไคเอ่ยถาม

“ลานการประลองรอบสุดท้ายน่าจะจัดที่ตรงบริเวณลานกว้างตรงสนามฟุตบอลนั้นล่ะ พวกเราไปกันเถอะป่านนี้ฮันนี่กับแปปซีคงไปรอที่นั้นแล้วล่ะ”หรั่งเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินนำไปในทิศทางที่ฮันนี่และแปปซีเดินไปก่อนหน้านี้

“โจเซฟ โจเซฟ หายไปไหนแล้ว”จัมพ์โวยวายขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับหันซ้ายหันขวามองหาเจ้าลูกสุนัขโจเซฟ

“โจเซฟไม่ได้หายหรอกจัมพ์ โจเซฟมันวิ่งตามคุณแปปซีไปแล้วพวกเราก็น่าจะรีบตามไปกันได้แล้วนะ”ไคเอ่ยขึ้นพร้อมกับชักชวนให้จัมพ์เดินทางไปยังลานปะลอง ส่วนจัมพ์ยืนจ้องมองไปทางที่นักกีฬาทีมสีเขียวยืนอยู่ เค้ายืนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะออกวิ่งตามไคไป

                          ไม่นานนักทั้งสามคนก็มาถึงบริเวณลานประลอง ที่ตรงบริเวณลานประลองนั้นเป็นพื้นหญ้าลานกว้างกว้างขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของสนามฟุตบอล โดยบริเวณรอบรอบสนามประลองมีกองเชียร์จากทุกสีที่มานั่งรอชมการแข่งขันรอบสุดท้ายกันอย่างมากมาย มีเจ้าหน้าที่สวมชุดดำที่คอยดูแลสถานที่การแข่งขันยืนอยู่ตามจุดต่างต่าง เพื่อคอยดูแลความสงบเรียบร้อยในการจัดการแข่งขันเสียงของผู้คนที่มาเชียร์การแข่งขันพูดคุยกันจนอื้ออึงไปหมด จนจัมพ์แทบจะไม่ได้ยินเสียงของไคที่ตะโกนเรียกเค้าอยู่ให้เดินมาหาที่จุดพักนักกีฬาของทีมสีแดง และเมื่อจัมพ์ได้ไปหาไคเค้ามองเห็นฮันนี่ที่แยกตัวไปยืนคุยอยู่กับหรั่ง ตัวจัมพ์เองก็สันนิษฐานได้ว่าหรั่งคงจะพูดคุยกับฮันนี่ในเรื่องของเค้าอยู่นั้นเอง แปปซีที่ยืนอุ้มโจเซฟอยู่ก็เดินมาหาจัมพ์ที่ยืนนิ่งโดยไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี

“จัมพ์ แกโอเคขึ้นรึยัง”แปปซีกล่าว

“โอเค เรื่องอะไร”จัมพ์

“เรื่องที่ทำให้ทีมแพ้”แปปซีกล่าว

“อ่อ เรื่องนั้นคนอย่างข้ากล้าทำก็กล้ารับ ใครจะด่าว่าข้ายังไงข้าก็ยอมรับทุกอย่าง”จัมพ์ตอบอย่างเสียงดังฟังชัด

“ข้าไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ที่ข้าจะบอกก็คือให้ลืมมันไปซะแล้วก็เตรียมตัวหาวิธีเอาชนะเกมส์สุดท้ายกันดีกว่า ไม่มีใครถือโทษโกรธแกหรอกข้ากับฮันนี่รู้เรื่องจากหรั่งหมดแล้ว ฮันนี่ก็กะเอาไว้อยู่แล้วว่าทีมสีเขียวต้องเล่นลูกไม้อะไรซักอย่างแน่แน่ แต่หล่อนคำนวนพลาดตรงที่ไม่คิดว่าทีมนั้นจะจ้องเล่นงานคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันทำอาหารนะสิ”แปปซีกล่าว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9.2 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา