RED STONE WAR
เขียนโดย nemon
วันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 21.50 น.
แก้ไขเมื่อ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 23.26 น. โดย เจ้าของนิยาย
62) เด็กหนุ่มผู้โด่งดัง
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ“เป็นเรื่องเข้าจนได้นะจัมพ์”ไคเอ่ยขึ้น
“ก็มันช่วยไม่ได้นี่นา ข้าดันพลาดเอง”จัมพ์ตอบ พร้อมกับมองดูฮันนี่ที่วิ่งจากไปด้วยความเสียใจ
“แล้วสรุป เรื่องราวมันเป็นยังไงกันแน่พวกเจ้ากำลังทำอะไรกันอยู่ช่วยเล่าให้ข้าฟังบ้างจะได้มั้ย”หรั่งที่ยืนอยู่เงียบเงียบ เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“นั่นสิจัมพ์มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ แล้วภาพในกล้องนั่นหมายความว่ายังไง”ไค
“ข้าไม่ได้เทไวน์ ใส่ลงไปในอาหารจริงจริงนะ”จัมพ์กล่าว
“แล้วภาพที่ปรากฎในกล้องนั่นล่ะ มันคืออะไร”หรั่งกล่าว
หลังจากนั้นจัมพ์จึงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นให้หรั่งและไคฟังโดยละเอียด เมื่อไคและหรั่งได้ฟังเรื่องราวที่จัมพ์เล่าแล้วก็อดขำไม่ได้ที่จัมพ์ ผู้ไม่เคยกลัวใครกับต้องมาพ่ายแพ้ต่อเด็กสาวตัวน้อยน้อย แต่ลึกลึกในใจของคนทั้งคู่กลับมองว่าจัมพ์มีความเป็นลูกผู้ชายสูงมาก เค้ายอมเป็นคนผิดเพราะเค้าทำผิดกฎ โดยการไปยุ่งเกี่ยวกับการปรุงอาหารของทีมคู่แข่งเอง
“แล้วทำไมแกต้องยอมรับผิดทั้งหมดด้วยล่ะ ว่าแกเป็นคนเทไวน์ใส่ลงไปในอาหาร”หรั่งถามจัมพ์อีกครั้ง
“ข้าคิดว่า การที่ตังเมมาทำแบบนั้นกับข้าคงเป็นคำสั่งของพี่สาวของหล่อนแน่แน่ หากข้าบอกทุกคนไปยังไงข้าก็ผิดอยู่ดี แถมถ้าหากคณะกรรมการตรวจสอบแล้วพบว่า ข้าไม่ผิดตังเมก็อาจจะถูกพี่สาวของเธอต่อว่าและโยนความผิดทั้งหมดให้กับเธอ สู้ข้ายอมโดนคนอื่นต่อว่าเองเสียดีกว่า ตังเมเองก็ไม่ได้มีความผิดอะไรหรอก เพียงแต่เธอคงทำเพื่อพี่สาวเธอเท่านั้น”จัมพ์กล่าว
“แล้วแกไม่กลัว คนอื่นต่อว่าแกและหาว่าแกเป็นคนขี้โกงเหรอ”หรั่งกล่าว
“ฮ่า ฮ่า ข้าชินซะแล้วล่ะกับเรื่องพวกนี้ ชีวิตข้าก็เจอเรื่องแบบนี้มาตลอดจนข้าชินซะแล้วล่ะ หนักกว่านี้ข้าก็เคยเจอมาแล้ว จริงมั้ยไค”จัมพ์ตอบ พร้อมกับมองหน้าไคแล้วก็หัวเราะออกมา
“พวกแกนี่ แปลกคนช่างเป็นคนหนุ่มที่ไฟแรงจริงจริง ฮ่า ฮ่า”หรั่งพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมา ไคเองที่เห็นหรั่งหัวเราะออกมาก็รู้สึกแปลกใจกับผู้ชายคนนี่มาก
“แล้วคุณหรั่งไม่โกรธเหรอครับ ที่จัมพ์ทำให้ทีมพ่ายแพ้”ไคพูดกับหรั่งที่กำลังหัวเราะอย่างสบายใจอยู่
“ข้าจะโกรธพวกเจ้าทำไม ถึงเราจะแพ้การแข่งรอบนี้ก็ยังมีการแข่งรอบที่สามอยู่อีกนะ แต่ถึงยังไงทีมของเราก็มาได้ไกลมากแล้ว ทีมของเราไม่เคยชนะมาหลายปี แต่ปีนี้มีพวกแกเข้ามาในทีมทำให้ทีมของเรามีโอกาสมากขึ้นได้แค่นี้ ทางกองเชียร์ของตึกเราก็พอใจมากแล้ว ไม่มีใครโกรธพวกเจ้าหรอก”หรั่งกล่าว
“แต่ฮันนี่ ดูแล้วท่าทางหล่อนจะโกรธข้าเอามากมากเลยนะ”จัมพ์
“ยัยฮันนี่นะเหรอ ฮ่า ฮ่า อย่าคิดมากเลยฮันนี่หล่อนเป็นพวกโกรธง่ายหายเร็วเดี๋ยวพอพวกเราอธิบายให้เข้าใจ หล่อนก็คงจะหายโกรธไปเองแหล่ะ เรื่องฮันนี่เดี๋ยวข้าจะอธิบายให้หล่อนเข้าใจเอง ไม่ต้องห่วง”หรั่งกล่าว
“ปัญหาอยู่ที่รอบสุดท้ายสินะ”ไคเอ่ยขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปทางนักกีฬาของทีมสีเขียว ที่ยืนจ้องมองกลับมาทางพวกของเค้าเช่นกัน จัมพ์เองก็จ้องมองดูตังเมที่ยืนอยู่ แต่ตังเมเองไม่กล้าจ้องมองเค้ากลับมา ตังเมคงรู้สึกผิดกับสิ่งที่เธอทำลงไป จนไม่กล้าที่จะสู้หน้ากับจัมพ์
“แล้วการแข่งในรอบต่อไปเราจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ”หรั่งเอ่ยขึ้น พร้อมกับจ้องมองไปทางนักกีฬาของทีมสีเขียว
“หมายความว่ายังไงคืออะไรเหรอครับ คุณหรั่ง”ไคถามต่อ
“ก็การแข่งขันในรอบสุดท้ายมันคือการต่อสู้ในระบบห้าต่อห้านะสิ กฎของการแข่งคือการต่อสู้แบบแพ้คัดออก จนกว่าทีมใดทีมหนึ่งจะแพ้ทั้งหมด หรือ มีทีมใดทีมหนึ่งยอมแพ้ไปนะสิ พวกเจ้าเห็นนักกีฬาของทีมสีเขียวนั่นมั้ย มีเด็กใหม่เพียงแค่คนเดียวซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาอะไร ปัญหาจริงจริงคือชายคนนั้นยังไงล่ะ”หรั่งพูดพร้อมกับชี้ไปที่นัสโกฟิว ยืนอยู่
“นัสโกฟิว นั้นหรือครับตัวปัญหา”ไคถามต่อ
“ใช่แล้วล่ะไอ้หมอนั่นล่ะ”หรั่งตอบ
“ทำไมเหรอครับ”ไค
“พวกเจ้าคงไม่รู้สินะ ว่าเมื่อการแข่งขันในปีที่แล้วมีเด็กใหม่คนหนึ่งได้เข้าร่วมการแข่งขัน และในรอบสุดท้ายในการแข่งขันประลองฝีมือ เด็กใหม่คนนั้นสามารถเอาชนะนักกีฬาของทีมคู่แข่งทั้งห้าคนด้วยตัวคนเดียว เด็กใหม่คนนั้นเมื่อปีที่แล้วก็คือ ชายที่ชื่อ นัสโกฟิวนั่นยังไงล่ะ และคนที่นัสโกฟิวเอาชนะได้นั้นล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ได้รับการฝึกการต่อสู้มาเป็นอย่างดีทั้งสิ้น”หรั่งกล่าว
“ไอ้หมอนั้นเก่งถึงขนาดนั้นเชียว”จัมพ์ที่ฟังอยู่นานเริ่มไม่ค่อยพอใจนักกับสิ่งที่เค้าได้ยิน
“ใช่ เก่งขนาดที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะเลยทีเดียว เมื่อเทียบกับทีมของเราแล้วก็คงไม่มีใครโค่นชายคนนั้นลงได้ ทางนักกีฬาของทีมเราเอง เมื่อเปรียบเทียบดูแล้วคงจะเอาชนะได้ยาก เท่าที่เห็นก็คงมีข้ากับฮันนี่ที่ได้รับการฝึกฝนการต่อสู้มาบ้าง ส่วนเจ้าแปปซีนั่นวิ่งเร็วเป็นอย่างเดียวแล้วก็ยังมีเจ้าสองคนที่มาใหม่และยังไม่ได้รับการฝึกฝนใดใดเลย เห็นทีว่าทีมของเราคงต้องยอมแพ้ซะแล้วล่ะ”หรั่งกล่าว
“ที่แกพูดมาทั้งหมดนี่เพื่ออะไรกัน แกคิดว่าข้ากับไคจะเป็นตัวถ่วงอย่างงั้นรึ”จัมพ์พูดเสียงดังขึ้นด้วยความไม่พอใจ
“ฮ่า ฮ่า แล้วแต่พวกเจ้าจะคิดเถอะ ข้าเพียงแต่พูดความจริงให้เจ้าฟังเท่านั้น”หรั่งกล่าวพร้อมกับเสียงหัวเราะออกมาอย่างใจเย็น ทำให้จัมพ์ที่เริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อยเริ่มไม่สบอารมณ์เท่าไรนัก
“มันจะเก่งซักขนาดไหนกันเชียว คอยดูเถอะข้าจะซัดให้หงายท้องไปเลย”จัมพ์กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว
“แล้วนัสโกฟิวเค้าฝึกการต่อสู้มาจากที่ไหนเหรอครับ”ไค
“ก่อนหน้าที่นัสโกฟิวจะเข้ามาที่นี่ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่า ไอ้หมอนั่นมันเคยไปเรียนการต่อสู้ที่ไหนมาแต่พอมาอยู่ที่นี่คนที่สอนการต่อสู้ให้กับเจ้านั่นก็คือ เจ้าหน้าที่กิม ที่อยู่ในหน่วยไล่ล่าคนนั้นยังไงล่ะ”หรั่งกล่าว
“เจ้าหน้าที่กิม เองหรือครับ”ไคเองเมื่อได้ยินดังนั้นก็นึกถึงตอนที่เค้าได้พบเจ้ากับเจ้าหน้าที่กิม ในคืนนั้นขึ้นมาได้
“ใช้แล้ว และเจ้าหน้าที่กิมก็เป็นคนพานักสโกฟิวมาเข้ามาฝึกที่นี่ ไอ้หมอนั่นก่อนเข้ามาอยู่ที่นี่เค้าเป็นคนดังมากเลยทีเดียวนะ ลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลยพวกเจ้าไม่รู้เลยรึ”หรั่งกล่าว
“ลงหนังสือพิมพ์หรือครับหมายความว่ายังไง ผมไม่เข้าใจ”ไคถามต่อ
“มันฆ่าคนตายรึไง”จัมพ์ที่ยืนฟังอยู่พูดขึ้น
“ใช่ เจ้ารู้ได้ยังไงจัมพ์”หรั่งพูดขึ้นทำเอาไคและจัมพ์ต่างก็ตกใจกับคำตอบที่ได้รับ
“หมายความว่ายังไง ฆ่าคนตายแล้วทำไมถึงมาอยู่ที่นี่”ไคถามอีกครั้ง
“เรื่องที่หมอนั่นทำเอาไว้เกือบจะเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ดีที่ทางรัฐบาลและทางหน่วยCTSOช่วยกันปิดข่าวเรื่องจึงค่อยค่อยเงียบลง เรื่องราวของผู้ที่มีพลังของอักขระจึงไม่ค่อยถูกเปิดเผยมากนัก”หรั่งกล่าว
“เรื่องราวมันเป็นยังไงเหรอ ข้าเริ่มอยากรู้แล้วสิหรั่งแกรู้อะไรบ้างเล่ามาให้หมดข้าอยากรู้”จัมพ์พูดขึ้นพร้อมกับแสดงท่าทางอยากรู้เรื่องราวของชายผู้ที่เค้ามองว่าเป็นคู่แข่งมาตลอด และ ลบเล้าหรั่งให้เล่าเรื่องราวที่หรั่งรู้ทั้งหมดให้เค้าฟัง
“เรื่องของหมอนั่นจริงจริงข้าก็รู้มาจากลุงเคนอีกที เรื่องลายละเอียดข้าก็รู้ไม่หมดหรอกเอาเป็นว่าข้าจะเล่าเท่าที่ข้ารู้ละกัน”หรั่งกล่าวขึ้นเพราะทนการลบเล้าของจัมพ์ไม่ไหว
“ได้ เอาที่เจ้ารู้ก็พอแล้ว”จัมพ์
หรั่งได้เล่าเรื่องราวที่ตัวเค้าได้รับรู้มาจากลุงเคน ให้กับจัมพ์และไคฟังว่าเรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นเมื่อสองปีก่อน ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งอยู่แถวอุดมสุขเขตบางนามีบ้านหลังเล็กเล็กสีขาวหลังหนึ่งมีสองชั้น มุงด้วยหลังคากระเบื้องสีแดง เป็นบ้านเก่าเก่าดูไม่ค่อยสะอาดและมีราคาซักเท่าไหร่นัก มีคนอาศัยอยู่ที่นั่นแค่สองคน คือ มีหญิงชราอายุประมาณเจ็ดสิบปีกับหลานชายอายุสิบแปดปี หลานชายต้องคอยดูแลหญิงชราผู้เป็นญาติเพียงคนเดียวของเค้าโดยการขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และด้วยความกดดันความจนและความที่เป็นวัยรุ่นใจร้อน วันหนึ่งก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้เด็กหนุ่มคนนั้นได้มีการทะเลาะเบาะแว้งและมีปากเสียงกับบุคคลกลุ่มหนึ่งที่ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างไม่พอใจซึ่งกันและกัน แต่เหตุบาดหมางก็ยุติลงด้วยผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นคนไกล่เกลี่ย
แต่ทว่ามันไม่ได้จบลงด้วยดีเหมือนในนิยาย กลุ่มคนที่ไม่พอใจเด็กหนุ่มคงจะยอมให้จบลงง่ายง่ายไม่ได้เหตุเพราะรู้สึกถูกลูบคม พวกเค้าเฝ้ารอเวลายามค่ำคืนรวบรวมกำลังคนนับสิบ บุกเข้าหาเด็กหนุ่มที่อยู่บ้านเพียงลำพังกับหญิงชรา ชายฉกรรณ์นับสิบบุกเข้าบ้านทุบทำลายข้าวของ รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการเลี้ยงชีพของเค้าและหญิงชรา จนพังเสียหายไม่สามารถใช้การได้ เด็กหนุ่มอยากจะออกไปขับไล่ชายฉกรรณ์เหล่านั้นแต่ถูกหญิงชราฉุดรั้งเอาไว้ด้วยความห่วงใยภายในห้องนอน
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ